The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by hastadee99, 2019-11-27 21:34:23

คู่มือการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์

คู่มือการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์

ค่มู ือการประกอบเครื่องคอมพวิ เตอร์

นาย พิเชษฐ์ วงั ทองชุก

คำนำ

งานช้ินนี้จัดทาขนึ้ เพื่อเป็นสว่ นหนึง่ ของวชิ าคอมพวิ เตอร์และการบารงุ รกั ษา ช้ัน ปวช.2
เพื่อให้ไดศ้ กึ ษาความรใู้ นเรื่องการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และได้ศึกษาอยา่ งเข้าใจเพ่อื
เปน็ ประโยชน์กบั การเรยี น

ผู้จัดทาหวังว่างานชิ้นน้ีจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียนท่ีกาลังหาข้อมูลเรื่องน้ีอยู่
หากมีข้อแนะนาหรอื ขอ้ ผิดพลาดประการใด ผ้จู ดั ทาขอน้อมรบั ไว้และขออภยั มา ณ ท่ีน้ีด้วย

ผจู้ ดั ทา
21 พฤศจิกายน 2562

สำรบญั หนำ้

เร่ือง 3
6
เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการประกอบคอมพวิ เตอร์ 18
อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการประกอบคอมพิวเตอร์ 27
ขน้ั ตอนการประกอบคอมพวิ เตอร์ 28
บรรณานกุ รม
ประวตั ิผู้จดั ทา

3

1.เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นกำรประกอบเครือ่ งคอมพวิ เตอร์

1.1ไขควงปำกแฉก

ไขควงปากแฉก (Phillips type Screwdriver) ไขควงประเภทน้จี ะใชก้ ับหวั สกรทู เี่ ปน็ รอ่ ง
จีบส่เี หลยี่ ม การใช้ไขควงประเภทนจี้ ะมลี ักษณะการใช้เหมอื นกบั ไขควงปากแบน และที่
สาคญั ก็คอื จะต้องใหป้ ลายของไขควงเหมาะสมกบั หัวของสกรมู ากทส่ี ุด

4

1.2ไขควงปำกแบน

เป็นไขควงท่มี ลี กั ษณะปากของแบนลาดเอียงไปยังสว่ นปลาย กา้ นของไขควงทาดว้ ยเหล็ก
และอบคืนตวั ส่วนปลายจองไขควงใช้ไขสกรหู รือคลายสกรผู ่าตรง โดยด้านขนานของปลาย
ไขควงต้องสวมพอดีกบั รอ่ งของหัวสกรู
1.3ไขควงบล๊อคหกเหล่ียม

มลี กั ษณะเหมือนไขควงแบน ต่างกันตรงปลายไขควงจะเปน็ หัวเหลีย่ มใชส้ าหรับนอตหัว
เหล่ยี ม

5

1.4 คีมปำกยำว

-ปากคมี มีลักษณะเรยี วแหลม และ มขี นาดเล็ก
-เหมาะกบั การใชง้ านในทแี คบ และ งานไฟฟา้
-ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับช้ินงานท่ีร้อน นอกจากคีมงานเช่ือม ไม่ควรใช้แทนประแจ
อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวด
หลงั ใชง้ านเช็ดทาความสะอาด หยอดน้ามนั จุดข้อต่อ

6

2.อปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นกำรประกอบคอมพวิ เตอร์

2.1 จอภำพ (Monitor)
เป็นอุปกรณ์แสดงผลท่ีมีความสาคัญมากท่ีสุด เพราะจะติดต่อโดยตรงกับผู้ใช้ ชนิดของ
จอภาพทีใ่ ชใ้ นเคร่ืองพีซีโดยทว่ั ไปจะแบ่งได้เปน็ 2 ชนดิ

- จอซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube) โดยมากจะพบในคอมพิวเตอร์ต้ังโต๊ะ ซ่ึง
ลักษณะ จอภาพชนดิ นีจ้ ะคล้ายโทรทศั น์ ซึง่ จะใช้หลอดสุญญากาศ
การทางานของจอประเภทนี้จะทางานโดย อาศัยหลอดภาพ ที่สร้างภาพโดยการยิงลาแสง
อิเล็กตรอนไปยังท่ีผิวหน้าจอ ที่มีสารพวกสารประกอบของฟอสฟอรัส ฉาบอยู่ท่ีผิว ซึ่งจะ
เกิดภาพข้ึนมาเมื่อสารเหลา่ น้ีเกิดการเรืองแสงข้ึนมา เมื่อมีอเิ ล็กตรอนมากระทบ ซึ่งในส่วย
ของจอแบบ Shadow Mask นั้น จะมีการนาโลหะท่ีมีรูเล็กๆ มาใช้ในการกาหนดให้แสง
อิเล็กตรอนน้ันยิงมาได้ถูกต้อง และแม่นยา ซึ่งระยะห่างระหว่างรูนี้เราเรียกกันว่า Dot
Pitch ซง่ึ ในรูน้ีจะมีสารประกอบของฟอสฟอรัสวางเรยี งกันอย่เู ปน็ 3 จุด 3 มุม โดยแต่ละจุด
จะเป็นสขี องแม่สนี ้ันกค็ อื สีแดง สเี ขียว และสนี ้าเงนิ ซึ่งแต่ละจุดนเี้ ราเรียกว่า Triad ในสว่ น
ของจอแบบ Trinitron นนั้ จะมีการทางานที่เหมือนกนั แตต่ ่างกนั ท่ี ไม่ได้ใช้โลหะเป็นรแู ต่จะ
ใช้ โลหะท่ีเป็นเส้นเล็กๆ ขึงพาดไปตาม แนวตงั้ เพื่อที่จะให้อเิ ล็กตรอนนั้นตกกระทบกับผิว
จอทมี่ ีสารประกอบของฟอสฟอรัสได้มากข้ึน สาหรบั จอ Trinitron

ในปัจจุบันนี่ได้มีการพัฒนาให้มีความแบนราบมากขึ้นซ่ึงจอแบบน้ีจะเรียกกันว่า FD
Trinitron (Flat Display Trinitron) ซ่ึงมีมากมายในปัจจุบันและจะเข้ามาแทนที่จะ
แบบเดิมๆ อกี ท้งั ราคายงั ถกู ลงเปน็ อยา่ งมากดว้ ย

7
- จอแอลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display) ซ่ึงมี ลักษณะแบนราบ จะมี ขนาดเล็กและ
บาง

เมอื่ เปรียบเทียบกบั จอภาพแบบซแี อลที
การทางานนน้ั จะไม่เหมอื นกับจอแบบ CRT แมส้ กั นดิ เดยี ว ซ่ึงการแสดงภาพนั้นจะซบั ซอ้ น
กว่ามาก การทางานนั้นอาศยั หลกั ของการใช้ความร้อนทีไ่ ด้จากขดลวด มาทาการเปล่ียน
และ บงั คับให้ผลกึ เหลวแสดงสีตา่ งๆ ออกมาตามทต่ี อ้ งการซึ่งการแสดงสนี นั้ จะเป็นไปตามท่ี
กาหนด ไว้ตามมาตรฐานของแตล่ ะ บรษิ ทั จึงทาให้จอแบบ LCD มขี นาดทีบ่ างกว่าจอ CRT
อยมู่ าก อีกทง้ั ยังกนิ ไฟนอ้ ยกวา่ จึงทาให้ผผู้ ลิตนาไปใช้งานกับ เคร่อื งคอมพิวเตอร์แบบ

เคลอ่ื นท่โี นต้ บกุ๊ และเดสโน้ต ซง่ึ ทาใหเ้ คร่ืองมขี นาดท่ีบางและเลก็ สามารถพกพาไปได้
สะดวก ในสว่ นของการใช้งานกับเครอื่ งเดสกท์ ็อปทั่วไป กม็ ซี ง่ึ จอแบบ LCD นี้จะมีราคาที่
แพงกว่าจอทวั่ ไปอยู่ประมาณ 2 เทา่ ของ ราคาในปจั จบุ ัน

8

2.2 เคส (Case)
เคส คอื โครงหรือกลอ่ งสาหรบั ประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพวิ เตอร์ไว้ภายใน การ
เรยี กชือ่ และขนาด ของเคสจะแตกต่างกนั ออกไป ซงึ่ ในปัจจุบันมีหลายแบบทน่ี ิยมกัน
แลว้ แต่ผซู้ ื้อจะเลอื กซ้ือตามความเหมาะสม ของงาน และสถานท่นี น้ั

เคส (case)

2.3. พำวเวอร์ซพั พลำย (Power Supply)
เป็นอปุ กรณ์ทีท่ าหนา้ ที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าใหก้ บั ชน้ิ สว่ นอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ ซึ่งถา้
คอมพวิ เตอร์มีอปุ กรณ์ต่อพวงเยอะๆ เชน่ ฮาร์ดดสิ ก์ ซดี ีรอมไดรฟ์ ดวี ีดีไดรฟ์ก็ควรเลอื ก
พาวเวอรซ์ พั พลายท่มี ีจานวนวัตตส์ งู เพือ่ ให้สามารถ จ่ายกระแสไฟไดเ้ พียงพอ

Power Supply

9
2.4. คยี ์บอร์ด (Keyboard)
เปน็ อุปกรณ์ในการรบั ข้อมูลทสี่ าคญั ทีส่ ดุ มลี กั ษณะคลา้ ยแปน้ พิมพ์ ของเครอื่ งพิมพ์ดดี มี
จานวนแป้น 84 - 105 แป้น ขึน้ อยู่กับแปน้ ท่เี ปน็ กลุ่มตัวเลข (Numeric keypad) กลุ่ม
ฟงั ก์ชนั (Function keys) กล่มุ แป้นพิเศษ (Special-purpose keys) กลุ่มแป้นตัวอกั ษร

(Typewriter keys) หรือกลมุ่ แปน้ ควบคุมอน่ื ๆ (Control keys) ซงึ่ การสัง่ งาน

คอมพิวเตอรแ์ ละการทางานหลายๆ อย่างจาเป็นต้องใช้แป้นพมิ พเ์ ป็นหลัก

Keyboard

2.5 เมำส์ (Mouse)
อปุ กรณร์ ับข้อมูลที่นิยมรองจากคีย์บอร์ด เมาส์จะชว่ ยในการบ่งชี้ตาแหนง่ วา่ ขณะนี้กาลังอยู่
ณ จดุ ใดบนจอภาพ เรียกว่า "ตัวชี้ตาแหน่ง (Pointer)" ซ่งึ อาศัยการเลอื่ นเมาส์ แทนการกด
ป่มุ บงั คบั ทศิ ทางบนคีย์บอรด์

10
2.6 เมนบอร์ด (Main board)
แผ่นวงจรไฟฟา้ แผ่นใหญ่ทร่ี วมเอาชนิ้ ส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์ท่ีสาคญั ๆมาไว้ด้วยกนั ซึง่ เปน็ ส่วน
ท่คี วบคมุ การทางานของ อปุ กรณต์ ่างๆ ภายในพชี ที ั้งหมด มลี ักษณะเป็นแผ่น รปู รา่ ง
สเ่ี หลย่ี มแผ่นท่ใี หญ่ที่สุดในพีชี ที่จะรวบรวมเอาชปิ และไอชี (IC = Integrated Circuit)
รวมท้ัง การ์ดต่อพ่วงอ่นื ๆ เอาไว้ดว้ ยกนั บนบอร์ดเพียงอันเดียวเคร่ืองพชี ที ุกเครอ่ื งไม่
สามารถทางาน ไดถ้ ้าขาดเมนบอร์ด

Mainboard

2.7ซพี ยี ู (CPU)
ซีพียูหรือหน่วยประมวลผลกลาง เรียกอีกช่ือหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป
(chip) นบั เปน็ อุปกรณ์ท่ีมคี วามสาคญั มากทสี่ ุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าท่ีในการประมวล
ผลจากข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตามชุดคาสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้
ต้องการใชง้ าน หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบดว้ ยส่วนสาคัญ 3 ส่วน คอื

1) หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit: ALU) หนว่ ยคานวณตรรกะ
ทาหน้าที่เหมือนกับเคร่ืองคานวณอยู่ในเครื่องคอมพวิ เตอร์ โดยทางานเก่ียวกับการคานวณ
ทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร อีกทั้งยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งท่ีเคร่ือง
คานวณธรรมดาไม่มี คือ ความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการ
เปรียบเทียบตามเง่ือนไขและกฎเกณฑ์ทางคณติ ศาสตร์ เพ่ือให้ได้คาตอบออกมาว่าเง่ือนไข
นั้นเป็น จรงิ หรือ เทจ็ ได้

11
2) หน่วยควบคุม (Control Unit) หน่วยควบคุม ทาหน้าที่ควบคุมลาดับขั้นตอนการ
ประมวลผล รวมไปถึงการประสานงานกับอุปกรณ์นาเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผล และ
หน่วยความจาสารองด้วย ซีพียทู ่ีมีจาหน่ายในทอ้ งตลาด ได้แก่ Pentium III , Pentium 4 ,
Pentium M (Centrino) , Celeron , Dulon , Athlon

CPU

2.8กำร์ดแสดงผล (Display Card)
การ์ดแสดงผลใช้สาหรับเก็บข้อมูลท่ีได้รับมาจากซีพียู โดยท่ีการ์ดบางรุ่นสามารถ
ประมวลผลได้ในตัวการ์ด ซ่ึงจะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียู จึงทาให้การ
ทางานของคอมพิวเตอร์นั้นเร็วขึ้นดว้ ย ซึ่งตวั การ์ดแสดงผลน้ันจะมีหนว่ ยความจาในตัวของ
มันเอง ถ้าตัวการ์ดมีหน่วยความจามาก ก็จะรับข้อมูลจากซีพียูได้มากขึ้น ซ่ึงจะช่วยให้การ
แสดงผลบนจอภาพมีความเรว็ สูงขึน้ ดว้ ย

Display Card

12

หลักกันทางานพื้นฐานของการ์ดแสดงผลจะเร่ิมต้นขึ้น เมื่อโปรแกรมต่างๆ ส่งข้อมูลมา
ประมวลผลท่ี ซีพียูเมื่อซีพียูประมวลผล เสร็จแล้ว ก็จะส่งข้อมูลท่ีจะนามาแสดงผลบน
จอภาพมาท่ีการด์ แสดงผล จากน้ัน การ์ดแสดงผล ก็จะส่งขอ้ มูลนี้มาท่จี อภาพ ตามข้อมูลที่
ได้รับมา การ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ๆ ท่ีออกมาส่วนใหญ่ ก็จะมีวงจร ในการเร่งความเร็วการ
แสดงผลภาพสามมิติ และมีหน่วยความจามาให้มากพอสมควร
2.9แรม (RAM)
RAM ยอ่ มาจากคาว่า Random-Access Memory เปน็ หน่วยความจาหลักแต่ไม่ถาวร ซ่ึง
จะต้องมไี ฟมาหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ตลอดในการทางาน โดยถ้าเกิดไฟฟา้ กระพริบหรอื ดับ
ขอ้ มลู ทถ่ี กู บนั ทึกไว้ในหนว่ ยความจาจะหายไปทันที

SDRAM

DDR-RAM

RDRAM

13

2.10 ฮำร์ดดิสก์ (Hard disk)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมลู หรือโปรแกรมต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์ดดิสค์จะมี
ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมท่ีมีเปลือกนอก เป็นโลหะแข็ง และมีแผงวงจรสาหรับการควบคุม
การทางานประกบอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมกับช่องเสียบสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง
ส่วนประกอบภายในจะถูกปิดผนึกไว้อย่างมิดชิด โดยฮาร์ดดิสค์ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย
แผ่นจานแม่เหล็ก(platters) สองแผ่นหรือมากกว่ามาจัด เรียงอยู่บนแกนเดียวกันเรียก
Spindle ทาให้แผ่นแม่เหล็กหมุนไปพร้อม ๆ กัน จากการขับเคลื่อนของมอเตอร์ แตล่ ะหน้า
ของแผ่นจานจะมีหัวอา่ นเขยี นประจาเฉพาะ โดยหัวอ่านเขียนทุกหัวจะเช่อื มติดกนั คล้ายหวี
สามารถเคล่ือนเขา้ ออกระหว่างแทรก็ ต่าง ๆ อยา่ งรวดเรว็ ซึ่งอินเตอร์เฟสของฮาร์ดดิสกท์ ใี่ ช้
ในปจั จุบัน มีอยู่ 3 ชนิดดว้ ยกัน

- IDE (Integrated Drive Electronics)
เป็นระบบของ ฮาร์ดดิสก์อินเตอร์เฟสท่ีใช้กันมากในปัจจุบันน้ี การต่อไดร์ฟฮาร์ดดิสก์
แบบ IDE จะต่อผ่านสายแพรและคอนเนค็ เตอร์จานวน 40 ขาทมี่ ีอย่บู นเมนบอรด์ ส่วนใหญ่
แล้วใน 1 คอนเน็คเตอร์ จะสามารถตอ่ ฮารด์ ดิสกไ์ ด้ 2 ตัวและบนเมนบอร์ด

Harddisk แบบ IDE

IDE Cable

14
- SCSI (Small Computer System Interface)
เป็นอินเตอรเ์ ฟสท่ีแตกต่างจากอนิ เตอร์เฟสแบบอื่น ๆ มาก โดยจะอาศัย Controller Card
ท่ีมี Processor อยู่ในตัวเองทาให้เป็นส่วนเพิ่มขยายกับแผงวงจรใหม่โดยจะสนับสนุนการ
ต่ออุปกรณ์ได้ถึง 8 ตัว แต่การ์ดบางรุ่นอาจจะได้ถึง 14 ตัวทีเดียว โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้
งานในรูปแบบ Server เพราะมรี าคาแพงแตม่ คี วามเร็วในการสง่ ขอ้ มลู สูง

Harddisk แบบ SCSI

SCSI controller

15
- Serial ATA (Advanced Technology Attachment)
เป็นอินเตอรเ์ ฟสแบบใหม่ เปดิ ตัวคร้ังแรกในวนั ที่ 26 มถิ นุ ายน 2545 งาน PC Expo ใน
New York มคี วามเร็วในเขา้ ถึงข้อมูลถงึ 150 Mbytes ต่อ วนิ าที และใหผ้ ลตอบสนองใน
การทางานไดเ้ ร็วมากในสว่ นของ extreme application เชน่ Game Home Video และ
Home Network Hub โดยเป็นอนิ เตอรเ์ ฟสที่จะมาแทนทข่ี อง IDE ในปัจจบุ ัน

Harddisk แบบ Serial ATA

Serial ATA Cable

16
2.11 CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RW
เป็นไดรฟส์ าหรับอา่ นข้อมูลจากแผน่ ซดี รี อม หรือดวี ีดรี อม ซง่ึ ถ้าหากต้องการบันทกึ ข้อมูล
ลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ท่สี ามารถเขียนแผน่ ได้คือ CD-RW หรือ DVD-RW โดยความเรว็
ของ ซีดีรอมจะเรียกเปน็ X เช่น 16X , 32X หรือ 52X โดยจะมี Interface เดยี วกับ
Harddisk

CD-ROM

การทางานของ CD-ROM ภายในซดี ีรอมจะแบ่งเปน็ แทรก็ และเซ็กเตอร์เหมือนกบั แผ่นดิสก์
แตเ่ ซ็กเตอรใ์ นซีดรี อมจะมีขนาดเทา่ กนั ทุกเซก็ เตอร์ ทาให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เม่ือ
ไดรฟ์ซีดีรอมเริม่ ทางานมอเตอร์จะเร่ิมหมุนด้วยความเร็ว หลายค่า ท้ังนี้เพื่อให้อัตราเร็วใน
การอ่านข้อมูลจากซีดีรอมคงท่ีสม่าเสมอทุกเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็กเตอร์ ท่ีอยู่รอบนอก
หรือวงในก็ตาม จากน้ันแสงเลเซอร์จะฉายลงซีดีรอม โดยลาแสงจะถูกโฟกัสด้วยเลนส์ที่
เคล่ือนตาแหนง่ ได้ โดยการทางานของขดลวด ลาแสงเลเซอร์จะทะลผุ ่านไปทซ่ี ดี ีรอมแล้วถูก
สะท้อนกลับ ที่ผิวหน้าของซีดีรอมจะเป็น หลุมเป็นบ่อ ส่วนที่เป็นหลุมลงไปเรียก "แลนด์"
สาหรับบริเวณท่ีไมม่ ีการเจาะลึกลงไปเรยี ก "พิต" ผิวสองรูปแบบน้ีเราใชแ้ ทนการเกบ็ ขอ้ มูล
ในรปู แบบของ 1 และ 0 แสงเมื่อถกู พิตจะกระจายไปไมส่ ะท้อนกลับ แต่เมื่อแสงถกู เลนส์จะ
สะท้อนกลับผ่านแท่งปริซึม จากนั้นหกั เหผ่านแท่งปรซิ ึมไปยังตัวตรวจจบั แสงอีกที ทุกๆชว่ ง
ของลาแสงที่กระทบตัวตรวจจับแสงจะกาเนิดแรงดันไฟฟ้า หรือเกิด 1 และ 0 ท่ีทาให้
คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ ส่วนการบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีรอมนั้นต้องใช้แสงเลเซอร์
เช่นกัน โดยมีลาแสงเลเซอร์จากหัวบันทึกของเครื่อง บันทึกข้อมูลส่องไปกระทบพื้นผิวหน
ของแผ่น ถ้าส่องไปกระทบบริเวณใดจะทาให้บริเวณนั้นเป็นหลุมขนาดเล็ก บริเวณทีไม่ถูก
บันทึกจะมีลกั ษณะเป็นพนื้ เรยี บสลับกันไปเรื่อยๆตลอดทั้งแผ่น

17
2.12ฟล็อปปดี้ ิสก์ (Floppy Disk)
เป็นอุปกรณ์ท่ีกาเนิดมาก่อนยุคของพีซีเสียอีก โดยเริ่มจากที่มีขนาด 8 น้ิว กลายมาเป็น
5.25 น้ิว จนมาถึงปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 3.5 น้ิว ในส่วนของความจุเร่ิมต้นต้ังแต่ไม่กี่ร้อยกิโลไบต์
มาเปน็ 1.44 เมกะไบต์ และ 2.88 เมกะไบต์ ตามลาดบั

Floppy Disk Drive

18

3.ขน้ั ตอนกำรประกอบเครือ่ งคอมพวิ เตอร์

1. ขัน้ แรกใหเ้ ตรียมอปุ กรณ์ท่ีจาเปน็ สาหรับการประกอบเคร่อื งคอมพิวเตอร์ เช่น ไขควงสี่
แฉก กลอ่ งสาหรับใส่นอ็ ต คู่มอื เมนบอรด์ คีมปากจิง้ จก

2. เร่ิมจากการติดตั้งซพี ียูก่อน โดยง้างขาล็อคของซ็อกเก็ตขึ้นมาจากน้ันนาซีพียูมาใส่ลงไป
ในซ็อกเก็ตโดยใหว้ างตาแหน่งขาท่ี 1 ของซีพียแู ละซอ็ กเกต็ ให้ตรงกัน โดยสังเกตว่าที่ขาท่ี 1
ของซพี ยี ูจะทาเครอ่ื งหมายเปน็ จุดเลก็ ไวท้ มี่ มุ ดา้ นบนของซพี ียู

19
3. เม่ือวางซีพียูตรงล็อคกับซ็อกเก็ตแล้ว จากนั้นให้กดขาล็อกลงไปเหมือนเดิม แล้วนา
ซลิ ิโคนมาทาตรงบรเิ วณคอร์ (แกน) ของซีพียู และไม่ควรทาซิลิโคนให้หนา หากเห็นวา่ หนา
เกินไปให้ใช้กระดาษหรอื แผ่นพลาสตกิ มาปาดออกเสยี บา้ ง

4. ติดตั้งฮีทซงิ ค์และพัดลมลงไปบนคอร์ของซีพียู ติดล็อกใหเ้ รียบร้อยในขั้นตอนนม้ี ีจดุ ท่ีตอ้ ง
ระวังอยู่ 2 จุดคือ การติดต้ังฮีทซิงค์ของพัดลมจะต้องแนบสนิทกับคอร์ของซีพียู อย่า
พยายามกดแรงไป บางทีคอร์ของซีพียูอาจบ่ินได้ ส่วนขาสปริงท่ียึดพัดลมบางทีมันแข็ง
เกินไป บางคนใช้ไขควงพยามยามกดขาสปริงให้เข้าลอ็ ก ซึ่งอาจทาใหพ้ ลาดไปขูดเอาลายป
ร้นิ บนเมนบอรด์ ขาดทาให้เมนบอรด์ อาจเสียหายได้

20

5. เสียบสายไฟของพัดลมเข้ากับขั้ว CPU FAN โดยดูจากคูม่ ือเมนบอรด์

6. นาแรมมาเสียบเข้ากับซอ็ กเก็ตแรมโดยให้ตรงกับร่องของซ็อกเกต็ จากนั้นจึงกดลงไปจน
ดา้ นลอ็ กทั้ง 2 ดา้ นดีดขึ้นมา (บางเมนบอร์ดตัวล็อกทั้งสองด้านอาจไม่จาเป็นต้องดดี ขึน้ มาก็
ได้ใหด้ วู า่ เขา้ ล็อกกนั ก็พอ)

21

7. ขันแทน่ รองนอ็ ตเขา้ กับเคส

8. นาเมนบอรด์ ที่ได้ตดิ ตงั้ ซีพยี แู ละแรมวางลงไปบนเคส จากน้ันขนั นอ็ ตยดึ เมนบอร์ดเข้ากับ
ตวั เคสให้ครบทกุ ตัว

9. เสียบการ์ดแสดงผลลงไปในสลอ็ ต AGP เสรจ็ แลว้ ขนั นอ็ ตยึดติดกับเคส

22

10. เสียบการด์ เสียงลงไปในสล็อต PCI เสรจ็ แลว้ ขนั น็อตยึดตดิ กับเคส

11. เสียบสายเพาเวอร์ซัพพลายเข้ากับข้ัวต่อบนเมนบอร์ด โดยควรเสียบให้ปลั๊กของสาย
เพาเวอร์ซัพพลายตรงลอ็ กกบั ขว้ั ตอ่ บนเมนบอรด์

12. สอดไดรฟ์ซีดรี อมเข้ากับชอ่ งว่างหน้าเคส แลว้ ขันนอ็ ตยึดกบั ตัวเคสให้แน่น

23
13. เสียบสาย IDE เข้ากับไดรฟ์ซีดีรอมโดยให้แถบสีแดงตรงกับขาท่ี 1หรือด้านท่ีติดกับข้ัว
สายไฟ จากน้ันจงึ เสยี บสายไฟและสายสัญญาณเสียงเขา้ ไปดว้ ย

14. เสียบสาย IDE อีกด้านเข้ากับขั้วต่อ Secondary IDE บนเมนบอร์ดโดยแถบสีแดงตรง
กบั ขาท่ี 1 ของข้ัวตอ่ ด้วย

15. สอดฮารด์ ดสิ กเ์ ขา้ กบั ช่องติดตั้ง แลว้ ขันน็อตยึดกบั ตวั เคสใหแ้ น่น

24
16. เสียบสาย IDE เขา้ กบั ฮาร์ดดิสกโ์ ดยให้แถบสแี ดงตรงกับขาท่ี 1 หรือดา้ นท่ีติดกบั ข้วั
สายไฟ จากนนั้ จงึ เสียบสายไฟเข้าไปด้วย

17. เสียบสาย IDE อีกด้านเขา้ กบั ขว้ั ตอ่ Primary IDE บนเมนบอร์ด โดยแถบสีแดงตรงกับ
ขาท่ี 1 ของขั้วต่อดว้ ย

18. สอดไดรฟ์ฟลอ็ บปด้ี ิสก์เขา้ ไปในชอ่ งติดตัง้ แล้วขนั นอ็ ตยึดกับตัวเคสให้แน่น

25
19. เสียบสายไฟเข้ากับขั้วต่อสายไฟของฟล็อบปี้ดิสก์ ให้สังเกตสายไฟของฟลอ็ บปี้ดิสก์จะมี
หัวขนาดเลก็ กวา่ สายไฟของซีดรี อมและฮารด์ ดิสก์

20. เสยี บสายแพขนาด 34 เส้น (เสน้ เล็กกว่าสายแพของฮาร์ดดิสก์และซดี รี อม) ให้ด้านทมี่ ี
การไขวส้ ายเข้ากับขัว้ ตอ่ ไดรฟ์ฟลอ็ บป้ดี ิสก์ โดยแถบสแี ดงของสายแพต้องตรงกับขาท่ี 1
ของขั้วต่อดว้ ย หากใสผ่ ิดด้านไฟของไดรฟฟ์ ลอ็ บปด้ี ิสก์จะตดิ ตลอด วธิ ีแก้ไขคือให้หันสาย
แพกลบั ดา้ นเพราะไดรฟฟ์ ลอ็ บป้ดี สิ กบ์ างยี่ห้ออาจต้องใสส่ ลับดา้ นกนั

21. เสียบสายแพอีกด้านเขา้ กบั ข้วั ต่อฟล็อบปีด้ ิสก์บนเมนบอร์ด โดยใหส้ ายสีแดงตรงกับขา
ท่ี 1 หรือ pin1 ของข้วั ตอ่ ดว้ ย

26
22. เสยี บสายสญั ญาณตา่ งๆ จากเคส เช่น สวิตช์เปดิ ปดิ เครื่อง ไฟบอกสถานะเปิดเครื่อง ไฟ
บอกสถานะฮาร์ดดิสก ปมุ่ Reset ลาโพง ลงบนเมนบอร์ดควรดูคมู่ ือเมนบอร์ดประกอบด้วย
โดยต้องเสียบข้ัวให้ถูกหากผิดข้ัว คอมพิวเตอร์จะไม่ติดหรือมีไฟค้างตลอดเวลา วิธีแก้ไขคือ
ใหเ้ ราลองสลับข้วั และเปิดเครอ่ื งขนึ้ มาใหม่

23. เม่ือเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เราลองสารวจดูว่ามีน็อตหรืออุปกรณ์อ่ืนๆตกค้างอยู่บน
เมนบอร์ดหรือไม่ เพราะอาจทาให้เกิดกระแสไฟลัดวงจรจนเกดิ ความเสียหายต่อเมนบอร์ด
และอุปกรณ์ตา่ งๆ บนเมนบอร์ดได้ นอกจากน้ีควรตรวจสอบการติดตั้งทั้งหมดวา่ เรยี บรอ้ ยดี
แล้ว เช่น การ์ดต่างๆ หรือสายสัญญาณเสียบแน่นหนาดีหรือยัง โดยเฉพาะฮีทซิงค์และพัด
ลมต้องแนบสนทิ กบั ซีพียู พรอ้ มทง้ั ลอ็ กติดกนั อยา่ งแน่นหนา

24. เมอื่ เรียบร้อยดีแล้วปิดฝาเคสและขันนอ็ ตให้เรียบรอ้ ย กเ็ ป็นอันเสรจ็ ส้นิ ข้นั ตอนการ
ประกอบเคร่ืองอยา่ งถูกต้องและสมบูรณแ์ บบแล้ว

27

บรรณำนกุ รม

https://sites.google.com/site/jakub6774/kar-prakxb-khxmphiwtexr-
beuxng-tn

https://sites.google.com/site/gengwissaroot/xupkrn-sakhay-thi-chi-ni-
kar-prakxb-khxmphiwtexr

https://sites.google.com/site/wanvisatan7/home/khan-txn-kar-prakxb-
khxmphiwtexr

ประวตั ผิ ้จู ดั ทำ

นาย พเิ ชษฐ์ วังทองชุก เลขท่ี 12 ช่อื เล่น ออ๊ ฟ
สาขาวิชาคอมพวิ เตอรธ์ รุ กิจ ระดบั ชั้น ปวช.2
จบการศึกษามาจาก โรงเรยี นอุดมวทิ ยากร
ทอี่ ยู่ บา้ นเลขท่ี 548 ตาบลปากน้า อาเภอหลังสวน จงั หวดั ชมุ พร 86150


Click to View FlipBook Version