The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมเล่มตะกร้าสาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by darineecharoenchao, 2021-03-10 08:42:03

รวมเล่มตะกร้าสาน

รวมเล่มตะกร้าสาน

ตะกรา้ สานผักตบชวา
Water hyacinth weave basket

ดาริณี เจริญเชาว์

โครงการนี้เปน็ ส่วนหนึง่ ของการศึกษาตามหลักสตู ร
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้ันสงู

สาขาวชิ า การโรงแรม ประเภทวชิ า อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ ว
วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่
ปีการศกึ ษา 2563

ตะกรา้ สานผักตบชวา
Water hyacinth weave basket

ดาริณี เจริญเชาว์

โครงการนี้เปน็ ส่วนหนึง่ ของการศึกษาตามหลักสตู ร
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพชั้นสงู

สาขาวชิ า การโรงแรม ประเภทวชิ า อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ ว
วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่
ปีการศกึ ษา 2563



ใบรับรองโครงการ
วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาเชยี งใหม่

เรื่อง โครงการตะกร้าสานผักตบชวา

โดย นางสาวดาริณี เจรญิ เชาว์ รหัส 6237010053

ได้รบั การรับรองใหน้ บั เป็นส่วนหนงึ่ ของการศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสงู
สาขาวิชาการโรงแรม ประเภทวิชาอตุ สาหกรรมท่องเทยี่ ว

.....................................หวั หนา้ แผนกวิชา ……………………………….รองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ
(นางอปั สร คอนราด) (นายณรงศกั ดิ์ ฟองสินธุ์))
วันท่ี........เดือน...................... พ.ศ.2564 วันท่ี........เดอื น...................... พ.ศ.2564

................................................... กรรมการสอบโครงการ
(นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกูล)



กติ ติกรรมประกาศ

รายงานโครงการเร่ือง ตะกร้าสานผักตบชวา สาเร็จได้เน่ืองจากบุคคลหลายท่านได้กรุณา
ช่วยเหลอื ใหข้ อ้ มลู ขอ้ เสนอแนะ คาปรกึ ษาแนะนา ความคดิ เหน็ และกาลงั ใจ

ผู้จัดทาโครงการกราบขอบพระคุณ อาจารย์นพรรณพ ดวงแก้วกูล ที่ได้ให้คาชี้แนะและ
แนะนาการดาเนนิ โครงการตะกร้าสานผกั ตบชวา ให้สาเร็จไดต้ าม วัตถปุ ระสงค์

ขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านในสาขาวิชาการโรงแรมที่ได้ถ่ายทอด สร้างความรู้และได้ให้
ความชว่ ยเหลือแนะนาการดาเนนิ โครงการใหแ้ กผ่ ู้ดาเนินโครงการ

ท้ายสุดนี้ขอขอบคุณเพ่ือน ๆ น้อง ๆ สาขาวิชาการโรงแรมที่ได้ให้ความช่วยเหลือประเมิน
แบบสารวจการทาตะกร้าสานผักตบชวา และประเมินแบบพึงพอใจการใช้ตะกร้าสานผักตบชวาซึ่ง
เป็นสว่ นหน่ึงที่ทาให้รายงานโครงการของผ้สู าเรจ็ ลลุ ว่ ง

นางสาวดาริณี เจรญิ เชาว์



ชอ่ื : นางสาวดารณิ ี เจรญิ เชาว์
ชอ่ื โครงการ : ตะกร้าสานผักตบชวา
สาขาวชิ า : การโรงแรม
ประเภทวิชา : อตุ สาหกรรมท่องเที่ยว
หัวหน้าแผนกวิชา : นางอปั สร คอนราด
อาจารยป์ ระจาวิชา : นางสาวนพรรณพ ดวงแกว้ กูล
ปกี ารศึกษา : 2563

บทคัดยอ่

โครงการ เร่อื ง ตะกร้าสานผักตบชวา มีวตั ถุประสงค์เพอื่ ลดปรมิ าณผักตบชวาในแหล่งนา้ ตาม
ธรรมชาติ เพ่ือเพิ่มมูลค่าให้ผักตบชวา เพอื่ พัฒนาผลิตภัณฑ์ตะกร้าสานผักตบชวาในอาคารปฏิบัตกิ าร
โรงแรม กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการด้าเนินโครงการ คือ กลุ่มครู/อาจารย์ และนักเรียน นักศึกษา
สาขาวิชาการโรงแรมวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชยี งใหม่ จ้านวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการด้าเนินการใช้
แบบส้ารวจรูปแบบตะกร้าสานผักตบชวา และแบบประเมินความพึงพอใจของตะกร้าสานผักตบชวา
โครงการตะกร้าสานผักตบชวา ผลของการด้าเนินโครงการมีดังนี การส้ารวจรูปแบบของตะกร้าสาน
ผักตบชวา ผู้ให้ข้อมูลส่วนมากเป็นเพศ ร้อยละ 87.50 มีสถานะเป็นนักศึกษา ร้อยละ 80.00 การ
สา้ รวจความคิดเห็นความต้องการของความจ้าเป็นของตะกร้าสานผักตบชวาต้องมีไว้เพ่ือจัดเตรียมส่ิง
อ้านวยความสะดวกของห้องน้าในห้องพักก่อนใช้งาน ร้อยละ 100.00 ผลการส้ารวจรูปแบบเกี่ยวกับ
รูปทรง ร้อยละ 50.00 ที่จับของตะกร้าสานผักตบชวา ร้อยละ 75.00 ลายในการสานของตะกร้าสาน
ผักตบชวา ร้อยละ 45.00 ของโลโก้ที่ติดแสดงไว้ที่ผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 80.00ความพึงพอใจของตะกร้า
สานผักตบชวา ส้าหรับการใช้งานในงานแม่บ้าน ผู้ตอบแบบประเมินส่วนมากเป็นเพศหญิง ร้อยละ
77.50 มสี ถานะเปน็ นักศึกษา ร้อยละ 85.00 จากการประเมินความพึงพอใจของตะกรา้ สานผักตบชวา

ในระดับมากท่ีสุดในเรื่องสามารถใช้ได้จริงในอาคารปฏิบัติการโรงแรม ( ̅ = 4.88) รองลงมาขนาด
ของผลิตภัณฑ์เหมาะสมแก่การใช้งาน ประสิทธิภาพในการใช้งานของตะกร้าสานผักตบชวา และ

ตะกร้าสานผักตบชวาเพิ่มมูลค่าให้ผักตบชวา มีค่าเท่ากัน ( ̅ = 4.80) และตะกร้าสานสื่อให้เห็นถึง
ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ( ̅ = 4.78)

สารบัญ ง

เร่ือง หน้า

ใบรบั รองโครงการ ข

กติ ติกรรมประกาศ ฉ

บทคดั ย่อ
2
สารบัญตาราง 2
2
สารบัญภาพ 2
2
บทท่ี 1 บทนา
3
1.1 ความเป็นมาและความสา้ คญั ของโครงการ 9
1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงการ 11
1.3 ขอบเขตโครงการ 23
1.4 ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะได้รับ 29
1.5 นยิ ามศพั ท์
บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานศึกษาทเ่ี กีย่ วข้อง 33
2.1 ความร้เู กยี่ วกบั ผกั ตบชวา 33
2.2 ปัญหาของผักตบชวา 34
2.3 วิธกี ารแปรรปู ผักตบชวา 35
2.4 สิ่งอา้ นวยความสะดวกภายในหอ้ งนา้ ห้องพกั ของโรงแรม 35
2.5 งานศึกษา / งานวิจัยท่ีเก่ียวขอ้ ง
บทที่ 3 วธิ ดี าเนนิ การ 37
3.1 กลมุ่ ตวั อย่าง 41
3.2 เคร่ืองมือที่ใชใ้ นดา้ เนนิ โครงการ
3.3 ขนั ตอนการดา้ เนนิ โครงการ 44
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมลู 45
3.5 สถิตแิ ละการวิเคราะห์ขอ้ มูล 46
บทที่ 4 ผลการศกึ ษา
4.1 แบบสา้ รวจรปู แบบตะกร้าสานผักตบชวา
4.2 แบบสอบถามความพึงพอใจการใชต้ ะกร้าสานผักตบชวา
บทที่ 5 สรปุ ผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ
5.1 สรปุ ผลการศึกษา
5.2 อภปิ รายผล
5.3 ข้อเสนอแนะในการศกึ ษา



บรรณานุกรม
ภาคผนวก

ภาคผนวก ก โครงร่างโครงการ (แบบนา้ เสนอโครงการ)
ภาคผนวก ข เครอ่ื งมอื (แบบส้ารวจ, แบบประเมินความพึงพอใจ)
ภาคผนวก ค รูปภาพประกอบ
ประวตั ิผจู้ ัดทา



สารบญั ตาราง

ตารางท่ี หน้า

ตารางท่ี 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบคุ คลด้านเพศ 37

ตารางท่ี 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู สว่ นบคุ คลดา้ นสถานะบคุ คล 38

ทเี่ คยเข้าใช้บริการโรงแรม

ตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์การส้ารวจความคดิ เห็นความตอ้ งการ 38

ของความจา้ เป็นของตะกร้าสานผักตบชวาต้องมีไว้เพ่ือจัดเตรยี มส่ิงอา้ นวย

ความสะดวกของห้องน้าในหอ้ งพักก่อนใชง้ าน

ตารางท่ี 4 แสดงผลการวิเคราะห์การส้ารวจความคดิ เห็นความตอ้ งการของรปู ทรง 39

ของตะกรา้ สานผกั ตบชวา

ตารางท่ี 5 แสดงผลการวเิ คราะหก์ ารสา้ รวจความคดิ เห็นความตอ้ งการของที่จับ 39

ของตะกร้าสานผักตบชวา

ตารางท่ี 6 แสดงผลการวเิ คราะหก์ ารส้ารวจความคิดเห็นความต้องการของลายในการสาน 40

ของตะกรา้ สานผักตบชวา

ตารางที่ 7 แสดงผลการวเิ คราะหก์ ารสา้ รวจความคิดเห็นความต้องการของโลโกท้ ตี่ ดิ 40

แสดงไว้ท่ผี ลติ ภัณฑ์

ตารางที่ 8 แสดงขอ้ มลู จา้ นวนรอ้ ยละของกลุม่ ตวั อยา่ งท่ีตอบแบบประเมินความพงึ พอใจ 41

โดยจา้ แนกตามเพศของผูต้ อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจตะกรา้ สานผกั ตบชวา

ตารางที่ 9 แสดงขอ้ มลู จ้านวนร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่างทต่ี อบแบบประเมินความพงึ พอใจ 41

โดยจ้าแนกตามสถานะของบคุ คลทเี่ คยเขา้ ใชบ้ ริการโรงแรมของผตู้ อบแบบประเมนิ

ตารางท่ี 10 ตารางวเิ คราะห์การจดั ลา้ ดับความพึงพอใจของผปู้ ระเมินความพงึ ใจตะกร้าสาน 42

ผกั ตบชวา

สารบญั ภาพ ช

ภาพท่ี หน้า
ภาพท่ี 1ตน้ ผักตบชวา 4
ภาพท่ี 2 รากผกั ตบชวา 4
ภาพท่ี 3 ใบผกั ตบชวา 5
ภาพท่ี 4 ดอกผกั ตบชวา 6
ภาพที่ 5 เมล็ดผักตบชวา 6
ภาพที่ 6 ลายน้าไหล 14
ภาพท่ี 7 ลายกา้ งปลา 14
ภาพท่ี 8 ลายเม็ดแตง 15
ภาพท่ี 9 กระเป๋าจากเส้นใยผกั ตบชวา 16
ภาพท่ี 10 เสือผ้าจากเสน้ ใยผักตบชวา 17
ภาพที1่ 1 กระเปา๋ จากเส้นใยผักตบชวา 17
ภาพที่ 12 เก้าอีห้องนั่งเลน่ ผกั ตบชวา 19
ภาพที่ 13 เกา้ อหี ้องอาหารผักตบชวา 20
ภาพที่ 14 เกา้ อนี งั่ ยาวผักตบชวา 20
ภาพที่ 15 การตัดรากผักตบชวา 21
ภาพที่ 16 น้าผักตบชวาไปตากแห้ง 22
ภาพที่ 17 การผสมผกั ตบชวา 22
ภาพที่ 18 การน้าผกั ตบชวาไปเผาพรอ้ มแกลบ 23
ภาพที่ 19 ป้ายแขวนประตู 24
ภาพที่ 20 ถงั ขยะในห้องพัก ของใช้ในห้องพกั 24

2

บทท่ี 1
บทนำ

1.1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของโครงกำร
ผักตบชวาเปน็ วชั พืชท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาตทิ ่ีขึน้ เป็นจานวนมาก ซ่งึ เป็นอุปสรรคสาคัญท่ี

กดี ขวางการสัญจรทางน้าในคลองบางแห่ง เชน่ แม่นา้ ปิงในตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแม่นา้ ขนาด
เล็กและคลองในจังหวัดเชียงใหม่ ในบางฤดูกม็ ีผกั ตบชวาอยู่อย่างหนาแนน่ ผักตบชวามีสว่ นก่อใหเ้ กิด
ปญั หาในด้านต่างๆ ดังกลา่ วแล้ว ซ่ึงเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น เมื่อ
การพฒั นาแหล่งน้าไม่ไดผ้ ลเตม็ ตามเป้าหมาย การเพาะปลูกซึ่งอาศัยน้าก็ย่อมจะได้ผลผลิตน้อยกว่าที่
ควร รายได้ลดลง ซ่ึงเป็นปัญหาสาคัญอย่างยิ่งท่ีจะทาให้แผนพัฒนาประเทศไม่ได้ผลตามความมุ่ง
หมาย สาหรับความเสยี หายทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคมนัน้ ในประเทศไทยยงั ไม่มีการคานวณออกมา
เป็นตัวเลขท่ีแน่นอน แต่หน่วยงานที่เก่ียวข้องในการพัฒนาแหล่งน้า เช่น กรมชลประทาน การไฟฟ้า
ฝา่ ยผลิต กรมประมง และเทศบาลท้องถิ่นต่างๆ ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดินปีละหลาย
สิบล้านบาท เฉพาะกรมชลประทานเพียงหน่วยงานเดียวซึ่งได้งบประมาณสาหรับการกาจัดวัชพืชน้า
ประมาณปีละ 4 ล้านบาท ต้องใช้จ่ายงบประมาณไปในการกาจัดผักตบชวาถึง 60% หรือประมาณ
2.4 ล้านบาท (กรมชลประทาน,2551)

ดังท่กี ลา่ วมาขา้ งต้น ปัจจบุ นั ไดม้ ีการนาผักตบชวามาแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑ์ตา่ งๆเชน่ กระเป๋า
สานจากผักตบชวา, กล่องทิชชู่, บ้านสุนัข, กระเช้าหิ้ว วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ มีอาคารปฏิบัติ
โรงแรมของวิทยาลัยฯ มีห้องพกั จานวน 12 หอ้ ง ที่เปิดให้ใช้บริการห้องพัก และมีนักศกึ ษาปฏิบัติการ
โรงแรมปฏิบัติงานในส่วนงานแม่บ้าน จะได้ทาความสะอาดห้องพัก และเปล่ียนและเติมส่ิงอานวย
ความสะดวก (amenity) เช่น สบู่ ยาสระผม ทิชชู่ แก้วน้า หมวกอาบน้า แต่ทางอาคารปฏิบัติการ
โรงแรมมีปญั หาในการท่เี ตรยี มสิง่ อานวยความสะดวกก่อนใช้งานเพ่ือความสะดวกในการทางาน

ดงั น้นั ผู้จัดทาโครงการได้เล็งเห็นถึงปัญหาข้างตน้ จึงไดน้ าเสนอโครงการตะกร้าสานผักตบชวา เพื่อ
แก้ปัญหาการเตรียมส่ิงอานวยความสะดวก (amenity) โดยพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ตะกร้าสานจาก
ผักตบชวาให้เหมาะสม และสะดวกต่อการใช้งานของอาคารโรงแรม เพ่ือเพ่ิมมูลค่าให้กับผักตบชวา
จากผลิตภัณฑ์ตะกร้าสาน อีกทั้งใช้งานได้จริงในการทางานของนักศึกษาและผู้ที่มีหน้าที่ทาความ
สะอาด ห้องพกั ของอาคารปฏิบัตโิ รงแรมวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่

1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงกำร
1.2.1 เพือ่ ลดปรมิ าณผักตบชวาในแหล่งน้าตามธรรมชาติ
1.2.2 เพอ่ื เพม่ิ มลู ค่าให้ผักตบชวา
1.2.3 เพื่อพฒั นาผลิตภณั ฑ์ตะกร้าสานผักตบชวาในอาคารปฏิบัติการโรงแรม

2

1.3 ขอบเขตโครงกำร
เปำ้ หมำยของโครงกำร
1.3.1 เชิงปริมาณ
- ผลิตตะกร้าสานจากผักตบชวา ขนาด สงู 7 นว้ิ ยาว 20 นวิ้ ลกึ 12 นวิ้ จานวน 3ใบ
- กลมุ่ ตวั อยา่ งผทู้ ดลองใชบ้ ุคลากร ครู นักเรยี น-นกั ศึกษา สาขาการโรงแรมวิทยาลยั

อาชวี ศึกษาเชยี งใหม่ 40 คน
1.3.2. เชิงคุณภาพ
- ตะกรา้ สานผักตบชวา ชว่ ยลดการทางานในการขนย้ายสิ่งอานวยสะดวกไปจัดเตรยี มในหอ้ งน้า

หอ้ งพกั แขก
1.3.3 ระยะเวลาและสถานทใ่ี นการดาเนนิ งาน
ระยะเวลาดาเนินงาน ตั้งแตว่ นั ที่ 16 พฤศจกิ ายน 2563 ถึง 28 กมุ ภาพันธ์ 2564
สถานทด่ี าเนนิ งาน - อาคารปฏบิ ัตกิ ารโรงแรม วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาเชยี งใหม่
- ท่อี ยู่อาศัยของผู้จดั ทา บา้ นเลขท่ี 22 ม.7 ต.สบเปงิ อ.แมแ่ ตง
จ.เชยี งใหม่ 50330

1.4 ประโยชนท์ ี่คำดว่ำจะได้รับ
1.4.1 สามารถนามาเปน็ อาชีพเสริมรายได้ ใหต้ นเอง
1.4.2 ลดเวลาการทางานในการจดั สงิ่ อานวยความสะดวกในหอ้ งพัก

1.5 นยิ ำมศัพท์
ตะกรำ้ สำนตบชวำ หมายถงึ เป็นการนาผกั ตบชวามาทาเป็นตะกร้าสาหรบั ใส่สิ่งอานวยความ

สะดวกภายในห้องน้าของห้องพักท่ีสะดวกต่อการใชง้ าน มขี นาด สงู 7 น้ิว ยาว 20 นว้ิ ลกึ 12 นิ้วโดย
ถกั สานด้วยผักตบชวาสาหรบั ใสส่ ิ่งอานวยความสะดวกเพ่ือไปจัดเตรยี มกอ่ นลูกค้าเขา้ พัก

3

บทที่ 2
แนวคิดทฤษฎีและงานศึกษาทเ่ี กีย่ วข้อง

ในการศึกษาเรื่องตะกรา้ สานผักตบชวา ผู้จัดทาโครงการได้รวบรวมแนวคดิ ทฤษฎแี ละหลกั การ
ตา่ ง ๆ จากเอกสารและงานศึกษาท่ีเกี่ยวข้อง ดังนี้

2.1 ความรเู้ กยี่ วกับผกั ตบชวา
2.2 ปัญหาของผักตบชวา
2.3 วธิ ีการแปรรูปผกั ตบชวา
2.4 สิ่งอานวยความสะดวกภายในห้องน้าห้องพกั ของโรงแรม
2.5 งานศกึ ษา / งานวิจยั ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง

2.1 ความรเู้ ก่ยี วกับผักตบชวา
ผักตบชวา ชื่อสามัญ Water Hyacinth, Floating water hyacinth, Java Weed ผักตบชวา

ชอื่ วิทยาศาสตร์ Eichhornia crassipes (Mart.) Solms (ชอ่ื พ้องวทิ ยาศาสตร์ Eichhornia speciosa
Kunth) จดั อยูใ่ นวงศผ์ ักตบ (PONTEDERIACEAE)

2.1.1 ลกั ษณะของผักตบชวา
ตน้ ผักตบชวา จัดเป็นพรรณไม้นา้ ที่มีถ่ินกาเนิดดั้งเดิมอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ได้มีการนาเข้ามาปลูกครั้ง
แรกไว้ที่วังสระปทุมในกรุงเทพมหานครเม่ือปี พ.ศ.2444 แต่จากการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วและเกิด
น้าท่วมจึงทาให้ผักตบชวาหลุดรอดออกมา และเกิดการแพร่กระจายไปทั่ว จนกลายเป็นวัชพืชน้าที่
รนุ แรง โดยผกั ตบชวานัน้ จดั เปน็ พืชน้าลม้ ลุกมีอายหุ ลายฤดู มีลาตน้ ส้ันแตกใบเป็นกอลอยไปตามน้า มี
ไหล ซึ่งเกิดตามซอกใบแล้วเจรญิ เป็นต้นออ่ นท่ีปลายไหล ลาต้นมีลักษณะอวบน้า ผิวลาต้นเรียบเป็นสี
เขียวอ่อนและเข้ม ลาต้นจะมีขนาดส้ันหรือยาวจะขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้า ก้านใบจะ
พองออกตรงชอ่ งกลาง ภายในมลี ักษณะเปน็ รพู รุน จึงช่วยพยงุ ลาต้นให้ลอยน้าได้ ลาต้นสั้น มีความสูง
ได้ประมาณ 3-90 เซนตเิ มตร รากจะแตกออกจากลาต้น บริเวณข้อ รากมักมีสีม่วงดา ซึง่ ลาตน้ ลอยอยู่
บนผวิ นา้ บางตน้ อาจจะขน้ึ อย่ตู ามโคลนในที่นา้ ต้ืน สามารถขนึ้ บนบกก็ได้ มคี วามทนทานต่อความแห้ง
แล้งได้ดี แต่จะไม่ทนน้าเค็ม ผักตบชวาเป็นพืชท่ีขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว โดยการแยกกอหรือใช้ไหล พบ
ได้ทั่วไปตามริมน้า (ผกั พืน้ บา้ นในประเทศไทย กรมสง่ เสรมิ การเกษตร,2557)

4

ภาพที่ 1 ตน้ ผกั ตบชวา
(ทม่ี า https://medthai.com)

ภาพที่ 2 รากผักตบชวา
(ท่มี า https://medthai.com )

5

ภาพที่ 3 ใบผกั ตบชวา
(ทม่ี า https://medthai.com )
ใบผักตบชวา ใบเป็นใบเด่ียว แตกจากลาต้นเป็นกอ โคนก้านใบแผ่เป็นกาบหุ้มประกันไว้ ใบจะป่อง
ออก เพื่อช่วยให้ลอยตัวอยู่ในน้าได้ ใบเป็นรูปไข่หรือเกือบกลม ก้านใบอวบน้าตรงกลางพองออก
ภายในเป็นช่องอากาศคล้ายกับฟองน้า จึงช่วยพยุงลาต้นให้ลอยน้าได้ ลักษณะของใบจะคล้ายกับใบ
โพธิ์ แต่ขนาดของใบจะกว้างกว่าและปลายใบจะป้านเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างใหญ่ รูปร่างค่อนข้าง
กลม ปลายใบมน โคนใบเว้าเข้าหาก้านใบ มีหูใบ ขนาดของใบและความยาวของก้านจะขึ้นอยู่กับ
สภาพแวดล้อม แผ่นใบเป็นสีเขียวสด มีลายเส้นโค้งท้ังใบ ใบสดจะประกอบไปด้วยสารแคโรทีนใน
ปรมิ าณท่ีค่อนข้างสงู ดอกผักตบชวา ออกดอกเปน็ ช่ออยู่กลางกอ ไมม่ กี า้ นดอก ในช่อหนง่ึ จะประกอบ
ไปด้วยดอกขนาดเล็กหลายดอก มีดอกประมาณ 3-25 ดอก ดอกย่อยเป็นสีชมพูอมฟ้าหรือสีม่วง มี
กลีบดอก 6 กลีบ กลีบบนสุดจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบอ่ืน ๆ และจะมีจุดหรือแต้มสีเหลืองท่ีกลางกลีบ
กลีบดอกจะมลี ักษณะบาง เมอ่ื ช่อดอกเจริญขน้ึ ก้านช่อดอกจะค่อย ๆ ยาว พองใหญ่ขึ้น ทาให้ภายใน
ท่ีหุ้มก้านช่อดอกกับก้านใบขาดออก เมื่อก้านช่อดอกเจริญมากข้ึนจะดันกาบใบก้านในขาด ก้านช่อ
ดอกจะแทงชูช่อดอกเจริญโผล่ข้ึนมาก โดยมีใบเล็ก ๆ ท่ีปลายก้านใบและภายในทาหน้าที่เป็นใบ
ประดับรองรับช่อดอกอีกหน่ึง เมื่อเจริญเต็มที่แล้วดอกมกั จะบานพร้อมกันหมดทั้งช่อ โดยจะเร่ิมบาน
ต้ังแต่แสงอาทิตย์เริ่มสอ่ ง และจะบานเตม็ ที่เมื่อแสงแดดส่องจา้ โดยดอกจะบานแคเ่ พียง 1 วัน มคี วาม
สวยเด่นสะดุดตา และดึงดูดสายตาได้ดีมาก โดยจะออกดอกช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน และ
เน่ืองจากช่อดอกของผักตบชวามีลักษณะคล้ายคลึงกับดอกไฮยาซินธ์ จึงเป็นท่ีมาของชื่อสามัญว่า
Water Hyacinth (ผกั พน้ื บ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร,2557)

6

ภาพท่ี 4 ดอกผักตบชวา
(ทีม่ า https://medthai.com )
ผลผักตบชวา ผลเปน็ แบบแคปซูลแห้งและแตกได้ ลักษณะเปน็ รูปทรงกระบอก แบ่งเป็นพู 3 พู
เมื่อแกจ่ ะแตกกลางพู ภายในมีเมลด็ จานวนมาก ลักษณะของเมล็ดเป็นรปู กลมขนาดเล็ก

ภาพที่ 5 เมล็ดผักตบชวา
(ทมี่ า https://medthai.com )

7

2.1.2 ประโยชน์ของผักตบชวา
1) ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน สามารถนามาลวกจิ้มกับน้าพริกรับประทาน หรือ

นามาทาแกงส้ม ในไต้หวันจะนาผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารจาพวกผัก (เฉพาะผักตบชวาท่ีอยู่ใน
สภาพแวดล้อมท่ีค่อนข้างบริสุทธิ์) โดยคุณค่าทางโภชนาการของส่วนที่รับประทานได้ของผักตบชวา
ต่อ 100 กรัม จะประกอบไปดว้ ย พลงั งาน 30 แคลอรี, น้า 89.8%, โปรตนี 0.5 กรัม, ไขมนั 0.1 กรัม,
คาร์โบไฮเดรต 7.5 กรมั , ใยอาหาร 2.4 กรมั

2) ผักตบชวาสามารถนามาเล้ียงสุกร เล้ียงไก่ได้ เน่ืองจากมีคุณค่าทางอาหาร โดยพบว่า
ผักตบชวาแห้งจะมีโปรตีนประมาณ 14-20% ไขมัน 1-2.5% เส้นใย 17-19% ซึ่งโดยปกติแล้วสัตว์
หลายชนดิ ก็กนิ ผักตบชวาอยู่แล้ว กล่าวคือ วัว ควาย แกะ แพะ มักจะกินผักตบชวาที่ข้ึนอยู่ตามรมิ ฝ่ัง
หรือบางชนิดก็กินผักตบชวาในน้า ส่วนหมูกก็ ินผักตบชวาท่ผี ู้เล้ียงนามาตม้ ให้กิน โดยสตั ว์เหล่าน้ีก็จะ
ช่วยกาจัดผักตบชวาให้ลดน้อยลงได้บ้าง และเรายังได้ประโยชน์จากสัตว์เล้ียงเหล่าน้ีอีกด้วย
นอกจากน้ียังมีการนาผักตบชวาไปแปรรูปใช้เป็นส่วนประกอบของสูตรอาหารสุกรและสัตว์ปีก แต่มี
ข้อควรระวังในการเลือกใช้คือ ให้เลือกผักตบชวาจากแหล่งน้าที่ปลอดสารพิษจาพวกยาฆ่าแมลงหรือ
โลหะหนักเท่านั้น เพราะสารเหล่าน้ีจะถูกผักตบชวาดูดซับเอาไว้ และเมื่อนาไปให้สัตว์กิน ก็จะทาให้
สัตว์ไดร้ ับสารพิษเหล่านีไ้ ปด้วย

3) มีการนาผักตบชวาแห้งท้ังต้นมาใช้ทาเป็นแอลกอฮอล์และ gas แต่ผลที่ได้ยังไม่เป็นท่ี
น่าพึงพอใจมากนักผักตบชวาสามารถนามาใช้ทาปุ๋ยหมัก สาหรับการปลูกพืชผักต่าง ๆ เน่ืองจาก
ผักตบชวามีโพแทสเซียมอยู่มากเป็นพิเศษ ส่วนฟอสฟอรัสและไนโตรเจนก็มีอยู่พอสมควร หรือ
นามาใช้คลุมต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้ให้เกิดความชุ่มช้ืน เน่ืองจากผักชนิดนี้มีคุณสมบัติในการอุ้มน้าได้ดี
ผกั ตบชวาทต่ี ากแดดจนแห้งดแี ลว้ สามารถนามาเพาะเห็ดฟางเพอ่ื สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดีใชท้ าเป็น
กระถางชนิดพิเศษที่เป็นปุ๋ยในตัวเอง โดยต้นกล้าท่ีจะนามาเพาะชาในกระถางนี้ เราสามารถขุดหลุม
ปลูกได้เลย เพราะกระถางจะย่อยสลายไปได้เองและยังเป็นปุ๋ยให้กับพืชที่ปลูกอีกด้วยนามาใช้ทาเป็น
เช้ือเพลิงแท่งโดยการนามาผสมกับแกลบอัดเป็นแทง่ เชื้อเพลงิ ได้ โดยไม่มีปัญหาในการอัด ค่าพลังงาน
ความร้อนท่ีได้ก็ใกล้เคียงกับแกลบอัดผักตบชวาสามารถข้ึนได้ในทุกสภาพน้าและสามารถช่วยบาบัด
นา้ เสียได้โดยตรง โดยทาหน้าที่เป็นตัวกรอง ทาใหข้ องแข็งหรือสารแขวนลอยต่าง ๆ ที่ปนอยู่ในน้าถูก
สกัดก้ันเอาไว้ นอกจากน้ันระบบรากของผักตบชวาที่มจี านวนมาก ยังช่วยกรองสารอินทรีย์ท่ีละเอียด
และจุลินทรีย์ท่ีอาศัยเกาะอยู่ท่ีราก จึงช่วยดูดสารเหล่าน้ีไว้ด้วยอีกทางหน่ึง แต่ถ้าน้าเสียน้ันมีสารพิษ
ในปริมาณมากหรือน้าเสียมาก การใช้ผักตบชวาเพ่ือบาบัดน้าเสียจะให้ผลช้าและอาจทาให้น้าเน่าได้
จงึ ควรใช้ผักตบชวารว่ มกับการบาบดั นา้ เสียระบบอนื่ ไปดว้ ย จึงจะได้ผลดีผักตบชวาสามารถนามาแปร
รปู ทาเปน็ ผลิตภัณฑ์จักสานหรือสินคา้ อ่ืน ๆ ผลติ ภัณฑ์จากผักตบชวาก็เช่นกล่อง กล่องใสก่ ระดาษทิช
ชู ตะกร้าผักตบชวา กระเป๋าผักตบชวา เก้าอ้ีผักตบชวา เปลญวน รองเท้าแตะหรือรองเท้าผักตบชวา
ถาดรองผลไม้ ถาดรองแก้วน้า แจกันสาน เสื่อผักตบชวา กระดาษจากผักตบชวา ฯลฯนอกจากนี้
ผักตบชวายังมีประโยชน์ที่ช่วยทาให้น้าสะอาดข้ึน ช่วยสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์ ทาให้อากาศ
บริสุทธิแ์ ละเยน็ สบาย ช่วยลดปญั หาที่เกดิ จากวัชพชื ใตน้ ้า เปน็ ที่อยู่อาศัยของปลาและสตั ว์น้า ชว่ ยทา
ให้เกดิ ทัศนียภาพที่เจริญตา (สาหรับบางคน) ฯลฯ (ผกั พ้ืนบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสรมิ การเกษตร
,2557)

8

4) สรรพคุณ ประโยชน์ผักตบชวาหรือการใช้เป็นอาหารและผักสนไพรเพื่อช่วยบรรเทา
อาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ได้อีกด้วยบางคนอาจตกใจว่าจริงเหรอที่ผักตบชวาซ่ึงหลายฝ่ายหาทาง
กาจัดกันอยู่ จะนามาใช้ประโยชนไ์ ด้หลากหลายขนาดนนั้ การที่ผักตบชวาทาให้เกิดปัญหาโดยเฉพาะ
การกดี ขวางทางเดินของนา้ บางครง้ั กท็ าใหเ้ กดิ น้าท่วม การจราจรทางน้าไม่สะดวก เป็นต้น นน่ั เพราะ
มนั สามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การกาจัดเพื่อลดจานวนลงจึงเป็นไปได้ยาก แม้ว่าจะมี
การคิดแปรรูปเป็นของใช้ต่างๆ หรือนามาใช้ประโยชน์ในด้านอ่ืนแล้วก็ตามลักษณะของผักตบชวา
ประกอบด้วยใบเป็นใบเด่ียวรูปไข่คล้ายใบโพธิ์ มีสีเขียวสดและมีสารแคโรทีนสูง แตกออกจากลาต้น
เป็นกอ ภายในก้านใบเป็นชอ่ งอากาศชว่ ยพยงุ ลาต้นลอยน้าได้ ดอกผกั ตบชวาส่วนใหญ่จะมีสีมว่ งหรือ
สชี มพูอมฟ้า กลีบดอกบาง แต่ละดอกจะมีกลีบดอก 6 กลีบ และผลผักตบชวาเป็นรูปทรงกระบอก มี
3 พู ภายในมีเมล็ดกลมขนาดเล็กจานวนมากเม่ือแก่มากจะแตกได้โดยทุกส่วนของผักตบชวานั้นมี
คุณประโยชน์ต่อคนรวมถึงสัตว์ในด้านต่างๆ จะใช้เป็นอาหารโดยการปรุงในแกง ผัด ต้ม หรือบรรดา
สัตว์ใหญ่น้อยหลายชนิดก็ช่ืนชอบที่จะกินเป็นอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถนามาผสมเป็นยาเพื่อช่วย
ในการรกั ษาโรค และใชท้ าเป็นสิ่งของใชน้ านาชนิด

5) ประโยชน์ในการรกั ษาโรค
- ผักตบชวาในส่วนของลาต้นมีรสจืดมีสรรพคุณช่วยแก้พิษหรือขับพิษภายใน

ร่างกายได้ ช่วยขับลม และรกั ษาแผลอักเสบดว้ ยการนามาตาพอแหลกแล้วใช้ทาหรือพอกบรเิ วณแผล
- ผักตบชวามีคณุ สมบัติทชี่ ่วยระบายความรอ้ นในร่างกาย
- ผักตบชวาเป็นยาตามหมอแผนโบราณใช้เพ่ือช่วยบรรเทาอาการปวดเข่า ปวดข้อ

ได้เป็นอย่างดี โดยมีวิธีการใช้ผักตบชวาสะอาดมาล้าง ห่ันเป็นชิ้นเล็ก ตากจนแห้งบดเป็นผง นามา
ละลายกับน้าให้ข้นนิดหน่อย พอกตามส่วนต่างๆ ของร่างกายท่ีมีอาการปวด เช่น หัวเข่า ข้อเท้า
ขอ้ ศอก ข้อมอื ฯลฯ มสี รรพคณุ ลดอาการปวด ระบายลมทค่ี ่งั คา้ งตามข้อได้ดี

- ผักตบชวาประกอบด้วยสารอาหารทางโภชนาการท่ีมีประโยชน์และร่างกาย
ต้องการ ได้แก่ พลงั งาน น้า โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั และใยอาหาร

- ผักตบชวาเป็นอาหารท่ีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางสารอาหาร โดยส่วนท่ีนิยม
นามากินคือ ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน ซ่ึงจะลวกหรือต้มเป็นผักจิ้มกินกับน้าพริก ใส่ลงในแกง
อย่างแกงส้มก็ได้ และยังพบว่าในประเทศญี่ปุ่นก็ชอบกินผักตบชวาเป็นอาหาร แต่ต้องมาจาก
สภาพแวดล้อมท่ดี ี ไม่มสี ารพษิ เจอื ปน

- ผักตบชวามีประโยชน์ในการช่วยเพาะเห็ด เพราะผักตบชวามีคุณสมบัติช่วยให้
ความชมุ่ ชื้นได้ดี เพียงนาผักตบชวาท่ีตากแดดแห้งแล้วมาใช้เพาะเห็ดแทนฟางข้าวได้ ช่วยให้เราได้กิน
เหด็ ทมี่ ปี ระโยชนแ์ ละผ้ผู ลิตก็มรี ายได้ดว้ ย

- ผักตบชวามีประโยชน์ใช้เป็นอาหารสัตว์ ผักตบชวามีสารอาหารต่างๆ ท่ีเป็น
ประโยชน์ต่อคนเราแล้ว ยังมีสินค้าแปรรูปจากผกั ตบชวาประโยชน์ใช้เป็นอาหารของสัตว์ได้ อาทิ หมู
ไก่ วัว ควาย แกะ หรือแพะ อย่างไรก็ดีควรระวังผักตบชวาท่ีมาจากแหล่งน้าสกปรกมีมลพิษ เพราะ
หากสัตวบ์ างชนดิ กนิ เข้าไปกอ็ าจเกิดการสะสมของสารพิษได้

9

- ผักตบชวาสามารถนามาแปรรูปเป็นเคร่ืองใช้ต่างๆอย่างเคร่ืองจักสาน เปลญวน
รองเท้าแตะ เส่ือ กระเป๋า ตะกร้า เป็นต้น นอกจากน้ียังมีประโยชน์ในด้านเชื้อเพลิงโดยใช้ผสมกับ
แกลบอดั เป็นแทง่ เช้ือเพลิง

- ท้ังสรรพคุณและประโยชน์ของผักตบชวานี้หากทุกคนนามันมาใช้กันมากข้ึน ก็
น่าจะช่วยให้จานวนของผักตบชวาลดลงไปได้อีกเยอะ ช่วยแก้ไขปัญหาการสร้างปัญหาส่ิงแวดล้อม
ทางน้า ซง่ึ การดแู ลจัดการผักตบชวาทีด่ ีจะช่วยบาบดั นา้ เสียได้ เพราะที่จริงผักตบชวาเปน็ ตวั ดดู ซบั สิ่ง
สกปรกและสารพิษจากน้าเน่าเสีย แต่ต้องมีการแยกผักตบชวาออกทุกสัปดาห์ เพ่ือป้องกันการ
แพรก่ ระจายจนแหลง่ น้าได้รับแสงสว่างไม่เพียงพอ เห็นไหมว่าเนือ้ แทข้ องผักตบชวานน้ั เป็นท้ังอาหาร
ยารักษาโรค และมีคณุ ประโยชนต์ ่อสิง่ มีชวี ิตถา้ เราอยูก่ ับมันอย่างเข้าใจ

2.2 ปญั หาทีเ่ กิดจากผกั ตบชวา
2.2.1 การชลประทาน : ผักตบชวาทาให้การพัฒนาแหล่งน้าไม่ได้ผลตามเป้าหมาย

เน่ืองจากผักตบชวาไปลดการไหลของน้าลงประมาณ 40% ส่วนต่าง ๆ ของผักตบชวาก่อให้เกิด
อุปสรรคกับการระบายน้าของฝายหรือประตูระบายน้า การระเหยของน้าในพ้ืนที่ที่มีผักตบชวาจะสูง
กวา่ ในพืน้ ท่ีที่ไมม่ ีผักตบชวาประมาณ 3-8 เทา่

2.2.2 การไฟฟ้าพลังน้า : ผักตบชวาตายท่ีทับถมกันจะทาให้อา่ งเก็บน้าตื้นเขิน แย่งเน้ือที่
การเก็บกักน้าของอ่างเก็บน้า ทาให้เก็บน้าได้น้อยลง อีกทั้งยังทาให้อัตราการระเหยน้าเป็นไปอย่าง
รวดเรว็

2.2.3 การกสิกรรม : ผักตบชวาจะไปแย่งน้าและอาการจากพืชทป่ี ลูก แพผักตบชวาท่ีไหล
มาตามน้าจะเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุของศัตรูพืชนานาชนิด เช่น หนูและศัตรูอ่ืน ๆ ท่ีจะไปทาความ
เสียหายแก่พืชผลของเกษตรกร และผักตบชวาที่ลอยมากับน้าจะก่อให้เกิดปัญหาแก่นาข้าวขึ้นน้า
เพราะผักตบชวาจะลอยมาทับต้นขา้ วจนก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่ตน้ ขา้ ว

2.2.4 การประมง : ผักตบชวาที่ข้ึนหนาแน่นจะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของปลา
และการจับปลา ทาให้แหล่งน้าตื้นเขิน จึงไปลดที่อยู่อาศัยของปลา และปริมาณของผักตบชวาที่ลอย
อยอู่ ยา่ งหนาแน่นบนผิวนา้ ยงั ทาให้แสงสว่างในน้าลดลง เป็นผลทาให้พืชอาหารปลาขนาดเล็กหรือไฟ
โตแพลง์ตอนมีปริมาณลดลง ซึ่งไฟโตแพลงก์ตอนน้ีเป็นตัวการสาคัญท่ีทาให้เกิดก๊าซออกซิเจนในน้า
ซง่ึ จาเปน็ ตอ่ การหายใจของปลาและสัตว์นา้ ทกุ ชนดิ

2.2.5 การคมนาคมทางนา้ : ผักตบชวาเปน็ อุปสรรคสาคัญทีก่ ดี ขวางการสัญจรทางนา้ ทา
ให้การสัญจรทางเรือเปน็ ไปได้ยาก

2.2.6 การท่องเท่ียว : แหล่งท่องเท่ียวทางน้าต่าง ๆ ถ้ามีผักตบชวาขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
จะทาให้การพัฒนาสถานที่นั้น ๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นไปได้ยาก เพราะผักตบชวามีส่วนในการ
ทาลายความสวยงามของแหล่งน้าต่าง ๆ และยังไปรบกวนกิจกรรมอื่น ๆ ในขณะพักผ่อนหย่อนใจใน
แหล่งนา้ น้นั ๆ อกี ด้วย เชน่ การลงเรือท่องเทย่ี ว การวา่ ยนา้ ตกปลา เป็นต้น

2.2.7 การเศรษฐกิจและสังคม : เม่ือการพัฒนาแหล่งน้าไม่ได้ผลเต็มตามเป้าหมาย การ
เพาะปลูกซึ่งต้องอาศัยน้าก็ยอ่ มจะได้ผลผลติ นอ้ ยลงกว่าท่ีควรจะเป็น ทาให้รายได้ลดลง ซึ่งเป็นปัญหา
สาคัญอย่างย่ิงที่จะทาให้แผนพัฒนาประเทศไม่ได้ผลตามที่มุ่งหมาย และหน่วยงานที่เก่ยี วข้องกับการ

10

พฒั นาแหล่งน้า ก็ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายจากงบประมาณแผ่นดินปีละหลายสิบล้านบาทเพื่อใช้ในการกาจัด
วัชพืชน้าเหล่านี้ ส่วนในด้านความเดือดร้อนราคาญของประชาชนท่ีได้รับอันเน่ืองมาจากสาเหตุของ
ผักตบชวา กไ็ มส่ ามารถประเมินเป็นตัวเงินได้ ดังตัวอยา่ งเช่นทผ่ี ู้อยู่อาศยั ตามเรอื แพต้องประสบความ
เดือดร้อนจากผักตบชวาเป็นประจา โดยเฉพาะในหน้าน้าท่ีทาให้การสัญจรเป็นไปด้วยความ
ยากลาบาก และบางครั้งเมื่อแพผักตบชวาท่ีลอยมาปะทะกับเรือนแพ ก็อาจทาให้เรือนแพพงั เสียหาย
ได้

2.2.8 การสาธารณสุข : ผักตบชวาเป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์น้าบางชนิดที่เป็นพาหะนาโรค
เช่น หอยไบธีเนียท่ีเป็นพาหะนาโรคพยาธิใบไม้ในตับ เป็นท่ีอยู่อาศัยของลูกน้าของยุงนาโรคเท้าช้าง
และน้าคา้ งตามซอกใบกเ็ ป็นทอี่ าศยั วางไข่ของยุงชนดิ อน่ื ๆ เป็นท่ีอยูอ่ าศยั ของสตั ว์รา้ ยหลายบางชนิด
เช่น งพู ิษ เป็นต้น เม่ือแพผักตบชวาลอยไปตดิ เรือนแพหรอื ท่านา้ เป็นทอ่ี ยูอ่ าศัยของหนู และอาจแพร่
เชื้อโรคกาฬโรคได้ นอกจากน้ีผกั ตบชวาท่ขี ึ้นอย่างหนาแน่น ยังเป็นตัวการทาให้การกาจัดหอยเป็นไป
ได้โดยยากและสิ้นเปลืองมาก และผักตบชวายังเป็นตัวกันไม่ให้ยาถูกพ่นลงในน้าได้สะดวก ทาให้การ
ใช้ยาในการกาจดั หอยจงึ ตอ้ งเพ่ิมปริมาณมากข้นึ ซงึ่ จะเป็นอนั ตรายแก่คนและสตั ว์อนื่ ๆ

2.2.9 การกาจัดผกั ตบชวา
การกาจัดผักตบชวาที่ระบาดอยู่ทั่วไปมีอยู่ด้วยกัน 2 ประการ คือ การกาจัดให้หมดไปโดยสมบูรณ์
แบบไม่ให้เหลือซาก (วิธีนี้ทาได้ไม่ยาก ถ้าการระบาดยังอยู่ในระยะเร่ิมแรก มีจานวนน้อย และอยู่ใน
บรเิ วณทจี่ ากดั ) และการกาจัดโดยวิธีการควบคมุ (ควบคมุ ปริมาณมใิ ห้แพร่ระบาดหรือขยายออกไปได้
เองตามธรรมชาติ ซึ่งวิธีน้ีจะปฏิบัติกันท่ัวไปในเม่ือไม่สามารถทาลายผักตบชวาให้หมดไปได้) ส่วน
กรรมวธิ กี ารกาจดั ผกั ตบชวาท่ีนยิ มปฏบิ ัตกิ นั ทว่ั ไป ก็มดี ังนี้

1) การกาจัดด้วยสารเคมีกาจัดวัชพืช : สารเคมีที่นยิ มนามาใชเ้ พ่ือกาจัดผักตบชวา
เช่น คลอโรฟีนอคซี (Chlorophenoxy), กลัยโฟเสต (Glyphosate:N-(phosphonomethyl
giycine), ไบไพรดิ ลิ (Bipyridyl)

2) การกาจัดโดยวธิ ีกล การกาจัดด้วยวธิ ีนหี้ มายถึงการใชแ้ รงคน แรงสตั ว์ เคร่ืองมอื
หรือเครื่องจักรต่าง ๆ เช่น การถก ลาก ดึง ตัก หรือยกผักตบชวาข้ึนจากแหล่งน้า ซ่ึงเป็นวิธีที่ทาได้
ง่ายและสะดวก ไม่ทาใหส้ ิ่งแวดลอ้ มเป็นพิษเหมือนวิธีแรก แต่การปฏิบัติตอ้ งใชแ้ รงงานมากและต้องมี
อุปกรณ์อยา่ งพรอ้ มเพรยี ง

3) การกาจัดทางชีววิธี การกาจัดด้วยวิธีนี้หมายถึงการใช้สิ่งมีชีวิต เช่น แมลง โรค
พืช ศัตรูอ่ืนที่เข้ามากัดกินหรือทาลายวัชพืชให้หมดสิ้นไป การกาจัดโดยวิธีน้ีถือว่าเป็นวิธีท่ีมี
ประสิทธิภาพมากถ้ามีสง่ิ มีชวี ิตท่ีเหมาะสม แต่การกาจดั ดว้ ยวิธนี จ้ี ะต้องใชเ้ วลาในการศกึ ษาวิจยั มาก

4) การกาจัดโดยการนามาใชป้ ระโยชน์ เป็นทท่ี ราบกันว่า ผักตบชวาหาไดม้ แี ต่โทษ
และกอ่ ใหเ้ กิดความเดอื ดร้อนราคาญเพียงอยา่ งเดียว แตส่ ่วนดีของผกั ตบชวาท่ีคนทวั่ ไปมักมองไม่คอ่ ย
เห็น มีดังต่อไปน้ี เช่น ช่วยทาให้น้าสะอาดข้ึน ช่วยสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์ ช่วยทาให้อากาศ
บริสุทธิแ์ ละเยน็ สบาย ช่วยลดปัญหาที่เกดิ จากวัชพืชใตน้ ้า เปน็ ที่อยู่อาศัยของปลาและสตั ว์นา้ ชว่ ยทา
ใหเ้ กดิ ทศั นียภาพท่ีเจริญตา (แมว้ า่ จะเป็นทีร่ าคาญของใครหลาย ๆ คน) ฯลฯ

11

2.2.10 การปอ้ งกันการแพรร่ ะบาดของผักตบชวา
หม่ันขุดลอกคูคลองหรือทอ้ งรอ่ งใหน้ ้าไหลผ่านได้สะดวก เนือ่ งจากผักตบชวาจะเจรญิ เติบโตได้ยากที่ที่
มนี ้าไหลแรงหมนั่ ตรวจดูแลแหลง่ นา้ บริเวณใกล้บ้านอยู่เสมอ หากพบเห็นกใ็ ห้ดึงขน้ึ จากน้าและทาลาย
เสีย โดยการนามาตากแห้งหรือเผาทาลายหากพบเหน็ ผู้ใดปลกู หรือกกั ผักตบชวาเอาไวใ้ ช้ประโยชน์ ก็
ควรให้คาแนะนาให้รู้ถึงโทษของผักตบชวา และวิธกี ารป้องกันการแพร่ระบาดหากพบว่ามีแหล่งเพาะ
ขยายพันธุเ์ กดิ ขน้ึ และเกนิ กาลงั ทจ่ี ะกาจัดได้เอง กใ็ ห้แจ้งผนู้ าชมุ ชนและช่วยกนั กาจัดให้หมดสิน้
(ผกั พน้ื บ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร,2557)

2.3 วิธีการแปรรูปผกั ตบชวา
2.3.1 การใช้ผักตบชวาเลี้ยงสัตว์ การนาผักตบชวามาใช้เลี้ยงสัตว์ สามารถใช้ได้หลายรูปแบบ

และสามารถเลีย้ งสตั วไ์ ดห้ ลายชนดิ ดังน้ี
1) ใช้ในรูปพืชสด เกษตรกรท่ัวไป รู้จักนาผักตบชวาสดมาใช้เล้ียงสัตว์กันเป็นเวลานาน

แล้ว โดยนามาหั่นเป็นท่อนสั้นๆผสมรวมกันรา ปลายข้าว หรือ ต้มกับราปลายข้าว และเศษอาหาร
จากครวั เรือน ส่วนใหญ่จะนามาเลย้ี งสุกร แต่การใชผ้ ักตบขวาสดมี ข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้มากกว่า
25% ของอาหารท้ังหมด เพราะการใช้ผักตบชวาสดในระดับท่ีสูงเช่นน้ันจะมีผลทา ให้สัตว์กินอาหาร
ได้ลดลง และอาจจะเป็นโรคขาดสารอาหารได้ ทั้งน้ีเน่ืองจาก ผักตบชวาสดมีน้าเป็นส่วนประกอบอยู่
สงู นั่นเอง ( Close and Menke, 1986 )

2) ใช้ในรูปผักตบชวาแห้ง เน่ืองจากการใช้ผักตบชวาสดมีข้อจากัดคือ ผักตบชวาสดมีน้า
ประกอบอยู่สูง ดังน้ัน จึงได้มีการนามาทาให้แห้งก่อน ท่ีจะนาไปใช้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งกรรมวิธีการใช้ และ
ชนดิ ของสตั ว์ทน่ี าไปเลี้ยงก็มีแตกต่างกนั ไป ดังนี้

- ไก่กระทง เมอ่ื ใชใ้ บผักตบชวาแห้งผสมในอาหารผสมในปรมิ าณ 5% สาหรับเลยี้ ง
ไกก่ ระทงในช่วงอายุ 0-8 สัปดาห์ ไก่จะมีอัตรา การเจริญเตบิ โต ปริมาณการกินอาหาร อตั ราการแลก
เนื้อ และคุณภาพซากท่ีดี พอๆกับการเลี้ยงโดยใช้อาหารผสม ที่มีใบกระถิน 5% หรือใบถ่ัวฮามาต้า
แหง้ 5% ( Rotchanasathit et. al, 1988)

- ห่าน สามารถใช้ผักตบชวาแห้งผสมในอาหารทดแทนราได้ในระดับ 10,20 และ
30% เพ่อื เลย้ี งห่านในช่วงอายุ 3-14 สัปดาห์ กล่าวคือ ใช้ผักตบชวาแหง้ 10 กก.และกากถ่ัวเหลือง 2
กก. ทดแทนราละเอยี ดทุก 10 กก. และปลายข้าว 2 กก. ซึ่ง ไมว่ า่ จะเล้ียงดว้ ยสตู รใด น้าหนกั ตัว และ
อัตราการเจริญเติบโตของห่านก็ไม่แตกต่างกัน นอกจากน้ีห่านท่ีเลี้ยงด้วยผัก ตบชวาในระดับสูงมี
แนวโน้มท่ีจะใช้อาหารข้น (ไม่รวมผักตบชวา) ต่ากว่าพวกที่เล้ียงด้วยอาหารท่ีผสมด้วยผักตบชวา ใน
ระดับต่ากวา่ ( โอสถและคณะ, 2528 )

- กระต่าย เม่ือใช้ใบผักตบชวาแห้งผสมในอาหารสาเร็จรูป ในระดับ 25% ของ
อาหารทั้งหมด แล้วนาไปเล้ียงกระต่ายเล็ก (อายุ 56-84 วัน) และกระต่ายรุ่น (อายุ 84-112 วัน)
พบวา่ กระตา่ ยมีอัตราการเจรญิ เติบโต และประสทิ ธิภาพการใชอ้ าหาร ไม่แตกต่างจากกระตา่ ยท่ีเล้ียง
ด้วยอาหารสาเร็จรูป ท่ีมีใบปอ หรือ ใบถั่วลิสงนา ประกอบอยู่ 25% ของอาหารท้ังหมด แต่จะดีกว่า
กระต่ายท่ีเลี้ยงด้วยอาหารสาเร็จรูป ท่ีมีหญ้าขน ประกอบอยู่ 25% ของอาหารทั้งหมด (เยาวมาลย์
และคณะ,2528)

12

- สุกร ในการเลี้ยงสุกรรุ่น และสุกรขุน สามารถใช้โปรตีนท่ีสกัดจากผักตบชวา
(Water Hyacinth Protein Extraction) ทดแทนโปรตีนจากกากถ่ัวเหลืองได้ 25% ในอาหารสัตว์
แต่ถ้าใช้ทดแทนในอัตรา 50 และ75% จะทาให้การย่อยได้ ของโภชนะ อัตราการเจริญเติบโต และ
ประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารลดลง (Alcantara andLobos,1980) สาหรับสุกรขุน เมื่อใช้ต้น
ผักตบชวาแห้งผสมในอาหารสัตว์ 10% จะสามารถลดค่าอาหารลงได้ ในการใช้ผักตบชวา เลี้ยงสุกร
ขุนไม่ว่าจะใช้ในรูปสด หรือแห้งก็ตาม ควรจะใช้เลี้ยงสุกรท่ีมีน้าหนักตัวต้ังแต่ 25 กก. ขึ้นไปเพราะ
สุกรเหลา่ นี้ เติบโตพอท่ีจะไม่ต้องใชอ้ าหารทมี่ คี ุณภาพสูง เท่ากับเม่ือยังเล็กอยู่ ( เสาวคนธ์ , 2532 )

- โคนม เมื่อเล้ียงลูกโคนมเพศผู้ตอนอายุ 6 เดือน โดยใช้ฟางขา้ วเป็นอาหารหยาบ
หลัก (Basal roughage) และให้อาหารเสริม (Supplemental feed) วันละ1.2 กก.โดยในอาหาร
เสริมมีใบผักตบชวาแห้งผสมอยู่ 0.4 กก. หลังจากเล้ียงได้นาน 90 วัน พบว่า อัตราการเจริญเติบโต
และประสิทธิภาพการเปล่ียนอาหารของลูกโค ไม่แตก ต่างจากลูกโคท่ีเล้ียงด้วยฟางข้าว และอาหาร
เสริมที่มกี ากถ่ัวเหลืองประกอบอยู่ด้วย (Wanapatet.al.,1989)Reza( 1988 ) รายงานวา่ เม่ือเล้ียงโค
นมโดยใช้ฟางข้าว และผักตบชวาในอัตราส่วน 1 :1 เป็นอาหารหยาบ หลังจากน้ัน 90 วัน พบว่า
ปริมาณน้านมเพิ่มขึ้น 197.5 มิลลิลิตร/ลิตร และไขมันในน้านมเท่ากับ 167.5 กรัม/กิโลกรัม ซ่ึง
ได้ผลดีพอๆกับการเลี้ยงโคนมดว้ ยฟางขา้ ว และGermanGrass ในอัตราส่วน 1:1โดยใช้อาหารข้นชนิด
เดียวกนั

- กระบือ เมื่อใชัฟางข้าวและผักตบชวาในอัตราส่วน 1:1 ปรุงแต่งด้วยน้าท่ีมียูเรีย
ละลายอยู่ 5% และน้าท่ีมเี กลือละลายอยู่ 0.3% ในอัตราส่วน 1 : 1 หมกั ไว้นาน 3 สัปดาห์ แล้วนาไป
เล้ียงกระบือ เป็นเวลา 110 วัน กระบือจะมีน้าหนักตัวเพ่ิมขึ้น 329 กรัม/วัน ซึ่งดีกว่าการเลี้ยงด้วย
ฟางข้าว หรือ ฟางข้าวปรุงแต่งด้วยยูเรีย เพราะ ผักตบชวาทาให้โปรตีนในอาหารหยาบเพิ่มสูงข้ึน
(Wanapatetal,1992) นอกจากน้ี แอมโมเนียท่ีได้จากการที่ยูเรีย ทาปฏิกิริยากับน้า จะทาให้เยื่อใย
ของฟางข้าว และผักตบชวาอ่อนนุ่ม สัตว์จึงใช้ประโยชน์ได้ ส่วนเกลือจะทาหน้าท่ีระงับ การเติบโต
ของจุลินทรยี ท์ จ่ี ะทา ใหพ้ ชื หมักเสยี

3) ใชใ้ นรูปพืชหมัก การทาผกั ตบชวาหมกั เปน็ การหมัก โดยการเติมสารเสริมต่างๆ เพื่อให้
ได้พืชหมักมีคุณภาพดี เหมาะแก่การนาไป ใช้เล้ียงสัตว์เค้ียวเอื้องชนิดต่างๆ การทาผักตบชวาหมักน้ัน
มีอยู่หลายสูตร เช่น ห่ันผักตบชวาเป็นท่อนส้ันๆ แล้วตาก ให้เห่ียวลงเล็กน้อยให้มีความชื้นประมาณ
70% เติมกากน้าตาล 10% เพ่ือให้มีน้าตาลมากพอสาหรับ Lactic acid bacteria จะใช้สร้างกรด
และเติมกรดฟอร์มิค (Formicacid) 0.3% เพื่อให้เกิดสภาวะความเป็นกรดเร็วขึ้น ทาให้ bacteria
ชนดิ อ่ืนๆไม่สามารถเจรญิ ได้ คลุกเคลา้ สว่ นผสมทัง้ หมดให้เขา้ กัน แล้วหมักไว้ โดยอยา่ ให้อากาศเข้าได้
จะไดอ้ าหารหมักท่ีมีคณุ ภาพดี (พานิช, 2535)

2.3.2 ผักตบชวาแปรรูปเปน็ เคร่อื งจกั สาน
กา้ นผักตบชวาท่ีแห้งน้ันมคี ุณสมบัติที่เหนียว! อดึ ! ถึก! และทนมาก! ผกั ตบชวาจึงถูกนามาทดลองแปร
รูปเป็นเครื่องจักสาน และปรากฏว่ามันกลายเป็นวสั ดุช้ันดีราคาถูกท่ีนามาแปรรูปเป็นส่ิงของได้หลาย
ชนดิ

13

โดยเคร่ืองจักรสานที่มักเอาผักตบชวามาแปรรูปได้แก่ กระเป๋า ตะกร้า เก้าอ้ี เปลญวน รองเท้า หรือ
อะไรก็ตามท่ีเป็นอุปกรณ์รับน้าหนัก เพราะเดมิ ทีตัวมันเองก็เหนียวอยู่แล้ว พอผนวกเข้ากับวิธีการถัก
ทอกย็ ง่ิ ทวีความแขง็ แกรง่ มากขน้ึ ไป

1) ข้ันตอนการจักสาน
2) วธิ ีการจกั ตอก

- การจักตอกปื้น แบ่งไม้ไผ่ออกเปน็ ชน้ิ ๆตามขนาดทต่ี ้องการ ใช้มีดจกั ตอกเอาสว่ น
ในออก (ข้ตี อก)จักในสว่ นทีเ่ หลอื ออกเปน็ เสน้ บางๆ แล้วหลาวให้เรียบร้อยตากแดดใหแ้ หง้

- การจักตอกตะแคง ใช้วธิ ีเดยี วกันกบั การจักตอกป้นื เบื้องตน้ แต่การจักใหเ้ ป็นเส้น
ตอกจะทาการจกั ทางผิวเป็นเส้นเลก็ กว่าตอกป้ืน ทาการหลาวให้เรียบร้อย แล้วนาออกตาก

3) การสาน
การสาน เป็นขั้นตอนท่ียาก และต้องใช้ความละเอียดมากท่ีสุด เริ่มจากการก่อฐานด้านล่างด้วยเส้น
ตอกสองชนิด คือ ตอกยืน (ตอก-ตั้ง) ซ่ึงจะมีลักษณะคอดตรงกลางต่างจากตอกท่ัว ๆ ไป และตอก
นอน (ตอกสาน) ท่ีมีขนาดกว้างเท่ากันเท่ากันทั้งเส้นตากปกติ เหตุที่ตอกยืนมีลักษณะพิเศษ
เน่ืองมาจากเมื่อสานเสรจ็ จะไดต้ ะกร้าท่ีมีฐานเลก็ และค่อย ๆ บานข้ึนบรเิ วณปาก

4) การรมควนั
เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการสานเพ่ือเพิ่มความแข็งแรง สวยงาม แก่เคร่ืองจักสานด้วยหวาย ในส่วนที่
ตอ้ งการเสริมเปน็ พิเศษได้แก่ ปาก ขา หู การผูกและพันด้วยหวาย จะเสริมให้เคร่ืองจักสานเกิดความ
สวยงาม

5) การถกั และพัน
เม่ือสานตัวเรียบร้อยก็ถึงการรมควันโดยจะทาในวันท่ีไม่มีลม ใช้ฟางพรมน้าหมาด ๆ เป็นเช้ือเพลิง
เพือ่ ใหเ้ กิดควันมาก รมจนเครอื่ งจกั สานมสี ีเหลืองเทา่ กันทั้งใบ แล้วนามาเขา้ สว่ นประกอบหวาย มกี าร
ผกู ปาก พันขา ใส่ฐานและหูห้วิ (อ้างองิ จากhttps://jandeepirm.com)

6) ด้านลวดลายผลติ ภัณฑจ์ ักสานผกั ตบชวาบา้ นวงฆอ้ ง
การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยทางกลุ่มได้ดาเนนิ การออกแบบรูปทรง ลวดลายผลิตภัณฑจ์ ากผักตบชวา
โดยการพัฒนาฝีมือด้วยความชานาญต่อเนื่อง ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผักตบชวาในรูปแบบลวดลาย
ต่าง ๆ เช่น แสดงลายน้าไหลลาย 2ลายก้างปลา ลายน้าไหลเปีย ลายเม็ดแตง ลายเปียโชว์ลายดอก
แก้ว ลายแมงมุม 4 ขา ลายตาเช ลวดลายดอกพิกุล เป็นต้น การผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ผักตบชวา ซ่ึงถือ
วา่ เป็นงานหตั ถกรรมพื้นบ้านของ อาเภอลานกระบอื ที่ได้เกิดแนวความคิดในการรวมกลุม่ กันข้นึ เพ่ือ
เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมขอไทย ในด้านการจักสาน โดยการนาผักตบชวามาประยุกต์เป็น
ผลติ ภัณฑห์ น่ึงตาบลหน่ึงผลติ ภณั ฑ์ ที่สร้างรายได้ใหก้ บั กลุ่มจักสานผกั ตบชวาบ้านวงฆ้อง อาเภอลาน
กระบือ จงั หวดั กาแพงเพชร (ลาพึง สวุ รรณจันทรร์ ัศมี นายโชย สุวรรณจนั ทรแ์ ละ นางระพนิ เช็กศนู ย์
, 2555 : สัมภาษณ)์

14

ภาพท่ี 6 ลายนา้ ไหล
(ทม่ี า แสดงลวดลายผลติ ภัณฑ์จักสานผกั ตบชวาบ้านวงฆ้อง)

ภาพที่ 7 ลายกา้ งปลา
(ทีม่ า facebook:ด.ดาว ดี เอ ดบั เบลิ )

15

ภาพที่ 8 ลายเมด็ แตง
(ทม่ี า แสดงลวดลายผลิตภณั ฑจ์ ักสานผักตบชวาบา้ นวงฆ้อง)
2.3.3 การแปรรปู ผกั ตบชวาเป็นเสน้ ใย นวัตกรรมสร้างสรรค์ส่งิ ทอ
วัตถุดบิ จากธรรมชาติท่นี ามาพัฒนาเป็นเส้นใยถักทอเป็นผืนผ้า นอกจากฝ้ายท่ีคุ้นเคยกันแล้ว ยังมีพืช
อีกหลายชนิดท่ีถูกนามาวิจัยพัฒนาเป็นเส้นใยสร้างวัสดุสิ่งทอใหม่ๆ แต่ยังมีวัชพืชอีกหน่ึงชนิดท่ี
สามารถนามาพัฒนาเป็นเส้นใยเพ่ือใชถ้ ักทอได้ น่ันก็คือ “ผกั ตบชวา” โดยอาจารย์นฤพน ไพศาลตนั ติ
วงศ์ หัวหน้าสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ และอาจารย์สัมภาษณ์ สุวรรณคีรี จากคณะ
อุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น ได้รว่ มกนั ศกึ ษาพัฒนาวจิ ัยการผลติ เสน้ ใยจากผกั ตบชวา โดย
การแยกเยื่อแอลฟาเซลลูโลส (Alpha Cellulose) และนามาปั่นเป็นเส้นใย จนสู่การแปรรูปเป็น
ผลติ ภัณฑ์สิ่งทอและแฟช่นั ทเ่ี ป็นมิตรต่อส่งิ แวดล้อม จดุ เริ่มต้นของการวิจัย คือตอ้ งการพฒั นารปู แบบ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมช นภาคกลาง อาทิ ชัยนาท สิงห์บุรี
พระนครศรีอยุธยา นครปฐม จากเดิมท่ีได้นาลาต้นของผักตบชวามาสานเป็นผลิตภัณฑ์ อาทิ ตะกร้า
กระเป๋า ดังนนั้ เพื่อเปน็ การเพมิ่ มูลค่าแกผ่ ลิตภณั ฑผ์ ักตบชวา จึงนามาวจิ ัยพัฒนาเป็นเส้นใยเซลลโู ลส
และปั่นผสมกับฝ้ายเพ่ือนาเส้นด้ายมาใช้ในงานสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อาทิ เส้ือผ้า กระเป๋า หมวก
รองเท้า ผ้าเพ่ือใช้บุฉากก้ันห้อง ผ้าม่าน ตะกร้า ของชาร่วย และโคมไฟ โดยได้ทุนสนับสนุนจาก
สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ผลผลิตที่ได้จากการแปรรูปผักตบชวา
แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ กระดาษและผ้า กระดาษ กรรมวิธีการผลิตคือ นาผักตบชวาแบบท่ีมีก้านสั้น
ตม้ เยื่อด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ (โซดาไฟ) ประมาณ 1 ชม.ด้วยระบบปดิ พอได้เยื่อแลว้ นาไปฟอกขาว
ด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 5 กรัม/ลิตร และเติมสารยึดเกาะซิลิโคนอิมัลชั่น จึงน้ันตีเย่ือกระดาษใน
น้าและค่อยๆซ้อนลงตะแกรงข้ึนรูปตากไว้ให้แห้งก็จะได้กระดาษ ท่ีนาไปทาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ
กล่องของขวัญ ดอกไม้ประดิษฐ์ โดยผักตบชวา 1 กก.สามารถผลิตกระดาษได้ 10 แผ่น ส่วนผ้า

16

กรรมวิธีการผลิตเพ่ือให้ไดเ้ สน้ ใย คอื นาผักตบชวาชนิดกา้ นยาว ท่ีมอี ายุประมาณ 10 เดือนมาอบดว้ ย
โซเดียมเบนโซเอตเพ่ือป้องกันเช้ือรา เม่ือแห้งแล้วนาผักตบชวามาปั่นด้วยเครื่องตีเส้นใยเพื่อแยก
เซลลูโลส เมื่อได้เซลลูโลสแล้วนาไปตัดให้เป็นเส้นใยส้ัน (Staple fiber) แล้วจึงนาไปเข้ากระบวนการ
ปั่นผสมกับฝ้าย (Blow room) จากนั้นนาไปสางใย (Carding) ก็จะได้เป็นเส้นใยฝ้ายผสมผักตบชวา
แล้วนาเข้ากระบวนการยืดเรียงตัว (Drawing) จากน้ันนาเส้นใยไปป่ันอีกรอบด้วยเคร่ือง opened
spinning ก็จะได้เส้นใยท่ีสมบูรณ์สาหรับถักทอ โดยเส้นใยจากผักตบชวาท่ีนาไปทาผลิตภัณฑ์มี 2
อย่างคือ ใย 100 % จะมีความกระด้าง เวลาทอจะนาไปเป็นเส้นดา้ ยพงุ่ และใยเซลลูโลสท่ีได้จากการ
ปนั่ ฝ้าย 60 % และผกั ตบชวา 40 % จะมคี วามกระดา้ งน้อยกวา่ เวลาทอจะนาไปเปน็ เส้นด้ายยนื เมื่อ
ทอเสร็จก็นาผืนผ้ามาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า หรือเคหะส่ิงทอ เป็นต้น ท้ังน้ี
ผักตบชวา 50 ตน้ สามารถนามาปนั่ เป็นดา้ ยได้ 2 ไจ หรอื เท่ากับ 200 เมตร ซ่งึ นามาทอผ้าได้ 1 หลา
การวิจัยต่อยอดเพิ่มมูลค่าโดยนาด้ายจากผักตบชวามาทักทอเป็นผืนผ้าผสมกับดิ้นทองตัดเย็บเส้ือผ้า
เคร่อื งแต่งกาย และเคร่อื งประดับภายใต้แนวคิด “มนต์เสนห่ แ์ ห่งเสน้ ใยผกั ตบชวา The charming of
water hyacinth” ซึ่งจุดเด่นของชิ้นงาน คือเป็นงานหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มี
ความประณตี สวยงาม สามารถทาตามรปู แบบท่ีลูกค้าต้องการได้ มีลวดลายเฉพาะตัวและมีเอกลักษณ์
ผักตบชวา โดยเส้นใยจากผักตบชวาสาหรับทาเป็นเสื้อผ้าเคร่ืองนุ่งห่ม มีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ดี
สวมใส่สบายและมีความแข็งแรง ทั้งน้ีระยะแรกๆ ของการวิจัยต้องใชค้ วามพยายามอย่างมาก เพราะ
โครงสรา้ งเส้นใยผกั ตบชวามคี วามบอบบาง จึงจาเป็นต้องทดลองวิจัยสร้างเส้นใยให้มีความแขง็ แรง มี
คุณภาพท่ีก้าวไปสู่ภาคอุตสาหกรรม เพ่ิมความหลากหลายให้ผู้บริโภคท่ีมีความต้องการความเป็น
ธรรมชาติ และมีมาตรฐานการใช้งานท่ีดี อย่างไรก็ตามอยากส่งเสริมให้นาผักตบชวามาผลิตกันให้
มากๆ เพราะวัตถุดิบมีมาก ราคาถูก หาได้ง่าย หากทุกคนร่วมกันทาจะช่วยลดปริมาณผักตบชวาที่มี
อยลู่ งได้ และยงั เป็นการชว่ ยรักษาสมดุลทางธรรมชาตใิ ห้เหมาะสม (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล
พระนคร)

ภาพที่ 9 กระเปา๋ จากเส้นใยผักตบชวา
(ท่มี า มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร )

17

ภาพที่ 10 เสื้อผ้าจากเส้นใยผักตบชวา
(ที่มา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร )

ภาพท่ี 11 กระเป๋าจากเสน้ ใยผักตบชวา
(ที่มา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร )

18

2.3.4 ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เพื่อให้มีรูปแบบท่ีน่าสนใจ และวัสดุธรรมชาติท่ีหาได้ง่ายใน
ปัจจุบัน คือผักตบชวา ที่มีการเจริญเติบโตได้ง่ายในแหล่งน้าจืด แต่งยังคงปัญหาในปัจจุบันในการ
กาจัดผักตบชวาจึงมีการนาวัชพืชเหล่าน้ีมาทาเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น กระเป๋าตะกร้า
กล่องใส่ของ แจกันเป็นต้นเน่ืองจากเป็นพืชท่ีเส้นใยสามารถที่จะนามาทาเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด
จึงได้มีการพัฒนารูปแบบเฟอร์นิเจอร์จากผลิตภัณฑ์ผักตบชวาเพื่อเพ่ิมมูลค่าทางเลือกท่ีหลากหลาย
ให้แก่ผู้บริโภคเฟอร์นิเจอร์เป็นการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้กับชุมชนศิลปกรรมท้องถิ่น มีอิทธิพล
ต่อโลกในยุคปัจจุบันนี้มากไม่ว่าสิ่งใดๆ ในโลกล้วนเกิดข้ึนจากฝมี ือมนุษย์การเปลี่ยนแปลงรปู ทรงของ
ธรรมชาติให้อยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมความต้องการด้านการใช้งานความสะดวกสบายและ
ทางด้านจิตใจเป็นความต้องการของมนุษย์อย่างไม่จากัดมนุษย์ต้องการส่ิงใหม่ๆ อยู่เสมอจึงเกิด
แรงผลักดันให้มีการสร้างสรรค์ผลิตงานต่างๆ รอบตัวเราจะสังเกตได้ว่าแต่ละส่ิงน้ันล้วนมีการจัดการ
ท้งั ส้ินเช่นบ้านพักอาศัยมนษุ ย์รู้จักการนาวัสดุทอ้ งถ่ินมาประกอบเป็นท่ีพักอาศัยหลบแดดฝนหรือเพื่อ
ความเป็นส่วนตัว จนกลายมาเป็นปัจจัยหนึ่งในสิ่งที่จาเป็นต่อการดารงชีวิตและมีวิวัฒนาการ
แปรเปลี่ยนมาโดยตลอดตามความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์มีการออกแบบดัดแปลงแกไ้ ขและปรับปรุง
ให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเทคโนโลยียุคสมัยนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่นเดียวกันย่อมมีวิวัฒนาการ
แปรเปลี่ยนตามไปด้วยจึงพบเห็นส่ิงอานวยความสะดวกสบาย(วรรณีสหสมโชค, 2549,น.1)เทคนิค
การสร้างต้นแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาการจักสานของไทยประเภทต่างๆ คนไทยได้คิดประดิษฐ์
ขึ้นด้วยความรู้ความสามารถที่สืบทอดกันมาจากบรรพชนเป็นเวลานาน จนมีรูปแบบที่เหมาะสม
สอดคล้องกับ การใช้สอยท่ีมีคุณค่าทางศิลปะและความงาม สะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่การ
ประกอบอาชีพขนบประเพณีและวัฒนธรรมของคนไทยในแต่ละถ่ิน (จารุวรรณ รัตนโภคา 2551,น.
33) การศึกษาภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ดา้ นหัตถกรรมนั้นเป็นองคค์ วามรู้ที่ควรค่าแก่การศกึ ษาและอนุรักษไ์ ว้
ให้แก่คนรุ่นหลัง หัตถกรรม ประกอบด้วยสาระสาคัญได้แก่ ความหมายและความเป็นมาของ
หตั ถกรรม ลักษณะของหัตถกรรมไทยและประเภทของหัตถกรรมไทย โดยความหมายของหัตถกรรม
(handicraft) หมายถึงการทาด้วยมือ เกิดจากการสร้างสรรค์ของชาวบ้าน ช่างฝีมือช่างในท้องถิ่นใด
ทอ้ งถ่ินหนึ่งโดยมุ่งประโยชน์ใช้สอยทเ่ี กี่ยวข้องกับวิถีชีวตี ิประจาวนั ความรใู้ นการ สรา้ งงานหตั ถกรรม
มกั ได้รับการสืบทอดต่อๆ กันมาภายในครอบครวั หรือทอ้ งถ่ิน และการสืบ ทอดต่อเน่ืองกนั มายาวนาน
จนมีช่ือเสียงเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ความเช่ือในท้องถิ่นส่วนความ
ประณีตข้ึนอยู่กับผู้ทาเป็นหลักว่าจะมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมีฝีมือ ประณีตเพียงใด จนนาไปสู่การสร้าง
งานท่ีมีคุณคา่ กลายเปน็ ศิลปหัตถกรรมทีส่ วยงามแฝงด้วย สนุ ทรยีภาพ และภูมิปญั ญาของผู้สรา้ งไวใ้ น
งาน คุณค่าของงานหัตถกรรมไทย แต่เดิมงานส่วน ใหญ่ไม่ได้ทาเป็นอาชีพผลผลิตท่ีเกดิ ขึ้นเพ่ือเก็บไว้
ใช้สอยในครัวเรือน ตอบสนองต่อความจาเป็นในการดารงชีพ แต่เมื่อเหลือจากการใช้สอยเพื่อนาไป
ขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นผลิตผลอยา่ งอ่นื ๆพวงเพชรมงคลวิทย์(2540,น.19 - 20) ได้กล่าวว่า ลวดลาย
สานที่ใช้เป็นแม่บทของการสานมาแต่โบราณมี 3 ลายคือลายหน่ึงลายสองและลายสามลายแม่บททั้ง
สามลายนี้เป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์ลายสานต่างๆ โดยใช้ลายสานแม่บทเป็นหลักมนุษย์สมัย
โบราณนาวัสดทุ ้องถิ่นมาสานเป็น อปุ กรณ์สิ่งของเคร่ืองมอื เครื่องใช้ในชีวติ ประจาวันลายสานแม่บทท่ี
เป็นพื้นฐานของลายต่างๆ พัฒนามาเป็นลายประดิษฐ์มากมายสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันรูปแบบของ
ลายสายในปจั จุบันนี้มีการสานทแ่ี ตกต่างกนั ไปสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนลายสานแต่ละชนิดของ

19

เครื่องจักสานแต่ละชนิดของเคร่ืองจักสานแต่ละประเภทน้ันมีรูปแบบของลายสานและเส้นตอกท่ีใช้
สายแตกต่างกันแมแ้ ต่เคร่ืองจักสานประเภทเดียวกันมีสายและเสน้ ตอกท่ีแตกต่างกันไปความแตกต่าง
ของลายสายดังกล่าวมีประโยชน์สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางด้านการใช้สอยได้อย่ าง
เ ห ม า ะ ส ม ห รื อส อ ด ค ล้ อ ง ต่ อค ว า ม จ า เ ป็ น ใ น ก า ร ด า ร ง ชี วิ ต ป ร ะจ า วั น ขอ ง ม นุ ษ ย์ เ ค รื่ อ ง จั กส า น มี
องค์ประกอบโครงสร้างท่ีสาคัญมีดังนี้คือความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอยวัสดุทัศนคติความเช่ือ
วัฒนธรรม ลายสานละวิธีสานจึงนบั ได้ว่าลายสานเป็นส่วนสาคัญส่วนหน่ึงในเครื่องจักสานเพราะจาก
การสานขัดกนั ของเส้นตอกทาให้เกิดแรงยึดระหว่างกันเปน็ แผ่นหรือเปน็ ผืนทีใ่ ช้งานตามความต้องการ
ของผู้ใช้ได้ความจาเป็นทางด้านการนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน ท่ีมุ่งตบสนองประโยชน์ของตนเองและ
สังคมจะทาให้รูปแบบลายสานได้รับการพัฒนาติดต่อกันมาไม่ได้ขาดลายสานน้ันสานต่อกันมา เป็น
ระยะเวลาทีย่ าวนานกระทาด้วยวิธีการบอกเลา่ ปากและการลอกเลียนแบบภาชนะส่ิงของท่ีผลิตขน้ึ ใน
ชุมชนจนเป็นท่ียอมรับของสังคมจากการศึกษาสัมภาษณ์และรวบรวมข้อมูลในส่วนต่างๆ ถึงเรื่องการ
สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาภายในกลุ่มชุมชนในด้านกระบวนการรูปแบบและลวดลายของ
ชุมชนกลุ่มจักสานผักตบชวาบ้านวงฆ้องตาบลลานกระบือท่ีมีการผลิตอยู่ในปัจจุบันนามาพัฒนา
รูปแบบและความร้ทู างดา้ นเทคนิคกระบวนผลิตเฟอรน์ ิเจอรจ์ ากผกั ตบชวาเพ่ือเปน็ ต้นแบบให้กบั กลุ่ม
ชมุ ชนได้เกิดแนวความคดิ สรา้ งสรรค์ในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เกิดความหลากหลาย เปน็ การ
แลกเปล่ียนองค์ความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถ่ินกับนักออกแบบผลิตภัณฑ์จนเกิดการสร้าง
รายได้ให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น (วิชาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คณะเทคโนโลยี
อุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยราชภฏั กาแพงเพชร)

ภาพท่ี 12 เก้าอีห้ ้องน่ังเลน่ ผักตบชวา
(ท่ีมา ไทยตาบล)

20

ภาพท่ี 13 เก้าอ้ีห้องอาหารผักตบชวา
(ท่ีมา ไทยตาบล)

ภาพท่ี 14 เกา้ อ้นี ั่งยาวผกั ตบชวา
(ที่มา ไทยตาบล)

21

2.3.5 การแปรรูปผกั ตบชวาเป็นถา่ นอัดกอ้ น
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาการจัดการทั่วไป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่
รวมกลมุ่ กันชว่ ยคดิ วธิ ีการกาจัดและลดปริมาณของผักตบชวา จนไดแ้ นวคิดท่นี ามาอัดแท่งทาเป็นถ่าน
ใช้ในการหุงต้ม ซ่ึงทางมหาวิทยาลัยมีการผลิตถ่านอัดแท่งอยู่แล้วเลยนาไปต่อยอด ทดลอง จนสาเร็จ
และส่งโครงการผักตบชวา วัชพืชไร้ค่า พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เข้าร่วมประกวด “โครงการกรุงไทย
ต้นกลา้ สขี าว” ประจาปี 2555 ภายใตท้ ีม Inspiration of weed ท่หี มายถงึ แรงบนั ดาลใจจากวัชพชื
ขั้นตอนแรกนาผักตบชวาที่เก็บได้มาสับละเอียด หรือนาเข้าเครื่องย่อยปุ๋ยพืชสด เพ่ือเป็นการ
ประหยัดเวลาและสะดวก หลังจากนั้นนาผักตบชวาที่ย่อยแล้วตากแห้งประมาณ 5 -10 วัน แต่ถ้า
ตอ้ งการประหยัดเวลาสามารถใช้เครอ่ื งอบโดยอบในอุณหภมู ิ 80 องศาเซลเซียส นาน 12 ชั่วโมง ก็จะ
ได้ผักตบชวาท่ีแห้งสนิท จากน้ันก็นาผักตบชวาท่ีแห้งสนิทแล้วมาผสมน้ากับแป้งมันสาปะหลังใน
สดั ส่วน ผักตบชวา 10 กโิ ลกรมั นา้ 1 ลิตร แปง้ มันสาปะหลัง 1 กโิ ลกรัม แลว้ คนให้เขา้ กนั เสร็จแล้วก็
นาผักตบชวาท่ีผสมน้าและแป้งมันสาปะหลังมาอัดในท่อ PVC ตามขนาดท่ีต้องการ หรือถ้าหากใครมี
เครื่องอัดก็สามารถนาเข้าเครื่องอัดแท่งได้ หากมีปริมาณมาก จะช่วยประหยัดเวลา พอได้ผักตบชวา
อัดแท่งแล้ว ให้นาไปตากให้แห้งประมาณ 1-2 วัน หลังจากนั้นนามาเผาแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน โดย
ใชแ้ กลบแก่เผาถา่ นประมาณ 1 วนั เม่ือเผาเสร็จก็จะได้ถ่านผกั ตบชวา 500 กโิ ลกรมั นาไปบรรจุภณั ฑ์
ชะลอมละ 500 กรัม จะได้ถ่านผักตบชวาทั้งหมด 1,000 ชะลอม ขายชะลอมละ 10 บาท ก็จะได้เงิน
10,000 บาท เม่ือหักต้นทุนค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาท ก็จะมีกาไร 5,000 บาท ผักตบชวา 1 ต้น
สามารถขยายได้ 300 ต้นภายในระยะเวลา 1 เดือน จัดเป็นวัชพืชที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทาลาย
แม้ทผ่ี ่านมาจะนาไปแปรรูปเปน็ เฟอร์นิเจอร์เครอื่ งจกั สาน แต่ก็ไมส่ ามารถแก้ปัญหาผกั ตบชวาให้หมด
ไปจากแมน่ า้ ลาคลองไดห้ มด พวกเราจึงต้องการชว่ ยลดปรมิ าณผักตบชวาที่มีจานวนมากในแม่น้าปงิ ท่ี
ส่งผลให้น้าเน่าเสีย พอน้าขาดออกซิเจน ก็ส่งผลต่อการเลี้ยงปลาในประชังของหลายชุมชน
นอกจากน้ัน ยังไปขวางทางน้าซ่ึงอาจทาให้เกิดน้าท่วม จึงได้ร่วมกันคิดค้นวิธีการกาจัดและแปรรูป
ผักตบชวาทไ่ี รค้ ่าให้มีประโยชนเ์ พอื่ ชว่ ยลดปรมิ าณของผักตบชวาลง

ภาพท่ี 15 การตดั รากผักตบชวา
(ทมี่ า โครงการกรุงไทย ตน้ กล้าสีขาวปี 2555)

22

ภาพท่ี 16 นาผักตบชวาไปตากแหง้
(ทมี่ า โครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาวปี 2555)

ภาพที่ 17 การผสมผกั ตบชวา
(ทมี่ า โครงการกรงุ ไทย ตน้ กลา้ สีขาวปี 2555)

23

ภาพท่ี 18 การนาผักตบชวาไปเผาพรอ้ มแกลบ
(ทมี่ า โครงการกรุงไทย ตน้ กลา้ สีขาวปี 2555)

2.4 ส่งิ อานวยความสะดวกภายในหอ้ งนาหอ้ งพักของโรงแรม
2.4.1 ของใช้ในโรงแรมที่จาเป็นสาหรับโรงแรมในส่วน ของใช้ในห้องพักของใช้ในห้องพักหาก

ใครที่จะเปิดโรงแรมนั้นส่ิงท่ีต้องจัดเตรียมนอกเหนือจาก สถานท่ีต้ังและอาคารแล้ว ของที่จะใช้ใน
โรงแรมหรือสินค้าท่ีใช้ภายในโรงแรม จะเป็นส่วนสาคัญและเปน็ ส่ิงจาเป็นสาหรับโรงแรมหรือสถานท่ี
พกั เป็นอย่างยงิ่ การเลอื ก ของใช้ในโรงแรม และของท่ตี ้องใช้ในหอ้ งพักนนั้ จะตอ้ งเลือกใหเ้ ขา้ กบั สไตส์
โรงแรมและสถานที่ตามท่ีตั้ง หรืออาจจะเป็นความชอบของเจ้าของโรงแรมส่วน ประตหู ้องพกั โรงแรม
เริ่มจากการเดินเข้ามาจากนอกห้อง อย่างแรกท่ีจะต้องทาคือเปิดประตู ในส่วนของประตูนั้นโรงแรม
จะต้องมี

1) ป้ายเลขท่ีห้อง ไว้ใช้บอกเลขห้องของแต่ละห้อง ป้ายห้องเราก็ต้องออกแบบว่าควรจะ
ใช้วัสดุอะไร ใช้ตัวหนังสือหรือสัญลักษณ์อย่างไร ส่วนมากจะเป็นตัวเลข จะจาได้และง่ายกับการ
ส่ือสาร ทัง้ ผเู้ ขา้ พกั และพนักงาน

2) ป้ายแขวนประตู Door Hanger จะเป็นแผ่นป้ายท่ีมีข้อความหรือสัญลักษณ์ 2 ด้าน
ส่วนใหญ่แล้ว จะมีข้อความหรือสัญลักษณ์ไว้ 2 ด้าน ซ่ึงด้านหน่ึงจะเขียนคาว่า ห้ามรบกวน Do not
disturb อีกด้านหนึ่งจะเขียนว่าโปรดทาความสะอาดห้อง please make the room รบกวน วัสดุท่ี
ใช้ก็แล้วแต่ว่าจะใชอ้ ะไร ส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 แบบทน่ี ิยมใช้กัน ก็จะเป็นกระดาษ และอีกอยา่ งคอื PVC
ราคาและคุณภาพการใช้งานความคงทนก็จะแตกตา่ งกัน เราต้องรู้ว่าลูกปิดประตขู องเราเป็นแบบไหน
เช่น ประตูลูกบิด หรือ ประตลู ูกบิดแบบกา้ นโยก เราจะต้องตรวจสอบและวัดขนาดให้ดี เพราะรคู ล้อง
แต่ละแบบจะไม่เหมือนกัน สามารถอ่านได้จากบทความ ป้ายแขวนประตู มีประโยชน์และสาคัญ
อย่างไร หรือถา้ ไมแ่ น่ใจกส็ ามารถถา่ ยรปู ปรกึ ษาชา่ งหรือโทรสอบถามผู้ขายได้โดยตรง

24

ภาพท่ี 19 ป้ายแขวนประตู
(ท่ีมา http://blog.elehotelproducts.co.th)
3) ถังขยะในห้องพกั ในห้องพักทกุ ห้องจาเป็นต้องมีเพราะ ถ้าไม่มีผเู้ ข้าพักจะท้งิ ขยะ
กระจายไม่เป็นที่และทาใหห้ อ้ งพักสกปรก ถังขยะในหอ้ งพักก็จะมีหลากหลายแบบ เชน่ ถังขยะช้ัน
เดยี ว ถงั ขยะสองช้ัน ถงั ขยะฝาปิด ถังขยะฝาสวิง และหลากหลายวัสดุ เช่น ถังขยะแสตนเลส ถังขยะ
ตะกรา้ หวาย ถังขยะหุ้มหนัง หรือ ถังขยะเหล็ก เปน็ ตน้ ก็จะข้ึนอย่วู ่าจะเลือกใชร้ าคาแต่ละอยา่ งก็จะ
แตกตา่ งกัน

ภาพที่ 20 ถงั ขยะในห้องพัก ของใช้ในห้องพัก
(ท่ีมา http://blog.elehotelproducts.co.th)

25

4) ไฟฉายติดผนัง หรือไฟฉายฉุกเฉิน ในทุกห้องควรที่จะต้องมีติดไว้ หากสถานท่ีเกิด
ปัญหาไฟฟ้าดับหรือตกบ่อย ก็จะสามารถช่วยให้ผู้ท่ีพักสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และยังเป็นส่ิงท่ี
สร้างความปลอดภัยให้ด้วย หรือในกรณีท่ีลูกค้าที่พักเช็คเอ้าท์ออก แม่บ้านก็สามารถใช้ไฟฉายในการ
ตรวจสอบความเรียบรอ้ ยภายในหอ้ งพกั ไดอ้ กี ดว้ ย

5) ไฟฉุกเฉนิ หากในกรณที ีเ่ ป็นโรงแรมประเภทวลิ ล่า กจ็ าเปน็ จะต้องมีไฟฉุกเฉินไว้เปน็
มาตรฐานของโรงแรม

6) นาฬิกาปลุก ในสมัยก่อนท่ียังไม่มีนาฬิกาปลุกใช้ในโรงแรม ลูกค้านิยมให้ทางโรงแรม
โทรศัพท์ข้ึนมาปลุก โดยบอกเวลาให้กับพนักงานโทรมาปลุกได้ แต่สมัยน้ีในทุกห้องของโรงแรม
จาเป็นต้องมีนาฬิกาปลุกไว้เพอ่ื อานวยความสะดวกกับผู้ท่ีพัก นาฬิกาปลุกก็จะมีให้เลือกหลายแบบ มี
ทั้งแบบอนาล็อค หรือ แบบดจิ ิตอล และนาฬิกาก็ข้นึ อยู่กับห้องพกั วา่ จะเลอื กใช้แบบไหน และฟังกช์ ั่น
ของนาฬิกา

7) โต๊ะวางกระเป๋า หรอื เก้าอ้ืวางกระเปา๋ ลกู คา้ จะประทับใจกว่าการวางกระเป๋าไว้บนชั้น
วางตายตัว โต๊ะวางกระเป๋าจะสามารถพับเก็บได้ไม่เปลืองพื้นท่ีถา้ ไม่ได้ใช้งาน ควรเลือกโต๊ะท่ีแข็งแรง
เพราะจะต้องรบั กระเป๋าเดินทางของผู้เข้าพักที่มีน้าหนักมากและกระแทกได้ เก้าอี้วางกระเป๋าจะมีให้
เลือกหลายแบบ เช่น ท่อสแตนเลส หรือ ทาจากไม้โต๊ะวางกระเป๋า เก้าอื้วางกระเป๋าโต๊ะวางกระเป๋า
เกา้ อืว้ างกระเปา๋ โตะ๊ วางกระเปา๋ เก้าอวื้ างกระเปา๋

8) ตู้เซฟโรงแรม เป็นของท่ีจะใช้ในห้องพักท่ีสร้างความปลอดภยั ให้กับทรัพย์สนิ ที่มมี ูลค่า
หรอื โน๊ตบุ๊ค ให้กับลกู ค้าทใ่ี ช้บริการ ลูกค้าทีเ่ ข้าพักบางรายมที รัพย์สินที่มมี ลู คา่ หรือโนต๊ บคุ๊ ในบางคร้ัง
ลูกค้ามีธุระต้องออกห้องพัก แล้วไม่อยากเอาทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปด้วย จึงจะเก็บไว้ในห้องพักก็กลัว
หรือไม่ปลอยภัย ตู้เซฟโรงแรม จึงเป็นส่ิงที่สร้างความปลอดภัยและไว้วางใจให้กับลูกค้าได้ ตู้เซฟ
โรงแรม จะมีหลากหลายรปู แบบ มีฟังกช์ ั่นการใช้งานทีแ่ ตกต่างกนั เราควรเลอื กให้เหมาะกบั ห้องพัก
ตู้เซฟโรงแรม HSB-FD-2042Y-(BL)(W) ต้เู ซฟของใชใ้ นห้องพักโรงแรมตเู้ ซฟโรงแรม HSB-FC-1541D-
(BL)(W)ตเู้ ซฟโรงแรม HHSB-FD-1935L

9) ที่รองรีด หรือ โต๊ะรีดผ้า พร้อมเตารีด โรงแรมประเภทเซอร์วสิ อพารเ์ ม้นต์ มีไวอ้ านวย
ความสะดวก ในห้องทีข่ นาดเล็กต้องมที ีแ่ ขวนโต๊ะรีดผ้า ท่ีเกบ็ เตารีด ด้วยปอ้ งกันการหล่นหรือวางไม่ดี
โตะ๊ รดี ผา้ ท่ใี ช้สาหรบั โรงแรมน้ันควรจะต้องมีความแข็งแรง ทนทาน กว่าท่ีใช้ตามบ้านทั่วไป เพราะผู้ท่ี
เข้าพักแต่ละคน น้าหนักมือและวิธีการใช้งานอาจจะไม่เหมือนกัน จึงจะต้องใช้ท่ีรองรีดท่ีความความ
ทนทานมากซะหนอ่ ย

10) ท่ีแขวนเส้ือสูท หรือท่ีแขวนสูท ใช้เพื่อต้อนรับลูกค้าท่ีมาทางานติดต่อธุรกิจ อาจจะ
เป็นลูกค้าระดับผู้บริหารเข้าพักและจาเป็นต้องใช้เส้ือสูท ดังน้ันในห้องพักโรงแรมควรท่ีจะต้องเตรียม
ไว้ อานวยความสะดวกและสร้างความประทับใจ ลูกค้ากลุ่มน้ีอาจจะเป็นลูกค้าประจาของโรงแรมใน
อนาคตกไ็ ด้ ท่ีแขวนเสือสูท มีหลายหลายประเภทและหลายแบบ เช่น ที่แขวนเสือ้ สูทขาต้งั เด่ียว และ
ทีแ่ ขวนเสอ้ื สทู ขาต้ังคู่ วสั ดุกม็ หี ลายประเภท มที ้ังไม้ และ สแตนเลส

26

11) ตะกร้าวางรองเท้า คงไม่ดีแน่หากรองเท้าของลูกค้าวางเกะกะ ไม่เป็นระเบียบ ทาให้
ห้องพกั ดูไมด่ ี เราควรมตี ระกรา้ หรอื ชนั้ เกบ็ รองเท้าไว้บรกิ าร

12) กลอ่ งวางรโี มท สาหรับใสร่ ีโมทให้เป็นที่หยบิ ใชส้ ะดวก และสามารถตรวจสอบปอ้ งกัน
การสญู หายได้ กล่องวางรีโมทมหี ลากหลายแบบมที ั้งแบบสาเร็จรปู และส่ังทาพิเศษ สามารถเลอื กวสั ดุ
ได้ เชน่ หนัง อคลิ คิ และออกแบบชอ่ งใหเ้ หมาะสมกบั รโี มทที่ใชใ้ นห้องพักแตล่ ะห้อง

13) ชุดรวมของใช้ในห้องพกั เปน็ การออกแบบชุดรวมของใช้ โดยดไี ซน์ของทกุ ชิ้นรวมเข้า
ด้วยกันเป็นชุดใหญ่ ให้คานึงรูปแบบ สีสรร และรูปทรงสวยหรู สามารถผลิตด้วยวัสดุอย่างดีมี
เอกลกั ษณ์ คู่ควรและเหมาะกับห้องพักโรงแรมระดบั 4-5 ดาว ตามสไตล์โรงแรม รีสอร์ท ช้ันนา และ
สานักงานหอ้ งผบู้ รหิ ารระดับสูง

14) ชุดแฟ้มในห้องพัก ให้ห้องควรจะต้องมีไว้ เช่น แฟ้มห้องพัก แฟ้มหนัง แฟ้มใส่
กระดาษหัวจดหมาย แฟ้มเมนูอาหาร แฟ้มกระดาษโน๊ต แฟ้มเช็คบิล แผ่นหนงั รองเซน็ ต์ โดยมที ้ังเป็น
วัสดุหนังแท้, หนัง PU สีสัน และขนาดต่างๆ ชุดแฟ้มจะมีทั้งแบบสาเร็จรูปหรืออาจจะต้องการ ชุด
แฟ้มทีม่ โี ลโก้ ปม๊ั เงนิ -ทอง กดลกึ บนแฟ้ม และดไี ซนท์ ี่เปน็ พเิ ศษ กส็ ามารถสั่งงานได้

15) กระดาษจดหมาย/ซองจดหมาย
16) การดาษโน๊ต แมใ้ นทุกวันน้ีคนใช้กระดาษน้อยลงแต่ในห้องพักโรงแรมก็ยังจะต้องมีไว้
ใหก้ ับผเู้ ข้าพกั
17) ใบรายการอาหารสั่งจากห้องพัก ในโรงแรมที่มีห้องครัวสั่งอาหารมาทานจึงเป็นส่ิงที่
จาเปน็
18) ใบรายการผา้ ส่งซกั รดี
19) ใบรายการราคาของใช้ในห้องพัก หากในห้องพักท่ีของใช้ที่นอกเหนือบริการปกติ
และมีเตรียมไวส้ าหรับผเู้ ข้าพัก จึงจะตอ้ งมรี ายการราคาสนิ คา้ เพือ่ แจง้ ให้ลกู คา้ ทราบ
20) ถาดวางมินิบาร์ สาหรับวาง Snack ควรวางไว้บนตู้เย็น ทาให้ของท่ีถูกจัดวาง
เรยี บร้อย ผลติ จากวสั ดุ อะคริลิค เมลามีน แก้ว และถาดชนิดพิเศษพ่นหรือเคลือบกนั ลืน่ เรามีบริการ
รับสัง่ ทาตามความต้องการทงั้ รูปแบบและขนาด
21) ถาดวางชุดกาแฟ : ถว้ ยกาแฟ พร้อมช้อน 2 ชุด , แก้วนา้ ด่ืม 2 ใบ พรอ้ มถุงครอบแกว้
, กระดาษรองแก้ว (สง่ั พมิ พ์)
22) กระติกน้าแข็ง : ถังน้าแข็ง , ถังแช่ไวน์ , ขาต้ังถังไวน์ หลากหลายวัสดุ รูปทรง
ทนั สมัย หรูหรา ผลติ จากสเตนเลส หุม้ หนงั ธรรมชาติ หุม้ หนังสังเคราะห์ เน้ือไม้ธรรมชาติ อคิลิค มใี ห้
เลอื กหลายขนาด หลายราคา หลายรูปทรงเพ่อื เขา้ กับรูปแบบของหอั งพัก
23) กาต้มน้าร้อน กาน้าร้อนในห้องพักโรงแรม เป็นสิ่งท่ีต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็น
อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีต้องคานึงถึง ความปลอดภัยท้ังผู้เข้าพักและทางโรงแรม ควรเลือก กาต้มไฟฟ้าท่ี
ได้มารตฐานเป็นท่ียอมรับ และนิยมใช้ในโรงแรม และรีสอร์ท ด้วยระบบ “STRIX” ประเทศอังกฤษ
ควบคุมอณุ หภมู กิ ารทาความร้อนท่ีดที ่สี ุด และวัสดุพลาสติกตามมาตรฐาน “FDA” ของอเมรกิ า ทาให้
ม่ันใจว่าจะไม่มีกลิ่นของพลาสติก การออกแบบดูหรูหรา โดยนากาต้มน้าร้อนวางบนถาดชุดชงกาแฟ
ได้ (มีหลุมซ่อนฐานนาความร้อนไว้ใต้หลุม) จัดเสิร์ฟพร้อม แก้วกาแฟ กล่องใส่-ซองกาแฟ ซองครีม
เทียม นา้ ตาล หรือวางบนถาดชดุ สาเร็จรปู

27

กาต้มน้าร้อนไฟฟ้า ETK-JK-5CBL ของใช้ในห้องพัก กาต้มน้าร้อน ETK-JK-2EB กาต้มน้าห้องพัก
โรงแรมชุดกาตม้ นา้ ร้อน ATT-Set-for-JK-5

24) ชดุ ชงกาแฟ : กาแฟ , ชาซอง , น้าตาล , คอฟฟเี มท , ไม้คน
25) กล่องทิชชู่ ต้องมีไว้บริการสาหรับผู้เข้าเข้า กล่องทิชชู่จะมีแบบกล่องยาว กล่องทิชชู่
กล่องสั้น หรือแบบ popup และวัสดุท่ีหลากหลาย เช่น กล่องทิชช่หู นัง กล่องทิชชูอ่ คิลิค กล่องทิชชู่
พลาสติก เราสามารถซอื้ ได้แบบสาเร็จรปู และส่ังทาพเิ ศษท่ีสามารถออกแบบขนาด และพิมพ์โลโก้ของ
ทางโรงแรมได้
26) กระจกส่องหน้า หรือ กระจกขยาย มีทงั้ แบบตั้งโต๊ะ และ กระจกส่องหน้าตดิ ผนัง ซ่ึง
ปอ้ งกันการหล่นและสญู หายได้ ในกระจกสอ่ งหน้าบางุร่นจะมีฟังชน่ั อ่ืนๆ เชน่ มีไฟสอ่ ง หรอื มกี ระจก
ขยาย 3-5 เท่า ซึง่ ควรมตี ิดไวท้ กุ ห้องไว้บรกิ าร
27) ไดร์เปา่ ผม ท่ีจะใช้ในโรงแรมควรจะเปน็ ไดร์ทีเ่ หมาะกบั ใช้ในโรงแรมโดยเฉพาะ ไม่ว่า
จะเป็นไดร์เป่าผมติดผนัง หรือไดร์เป่าผมพกพา สาหรับโรงแรมก็ได้ เพราะไดร์เป่าผมโรงแรมจะมี
มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่สูงกว่า ไดร์เป่าผมท่ีใช้ตามบ้านท่ัวไป ด้วยระบบและคุณภาพ ความ
แข็งแรง ทนทาน กว่าไดร์เป่าผมทั่วไปที่ใช้ตามบ้าน ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานให้รองรับความ
ปลอดภยั เปน็ หลัก เราจึงขอแนะนาควรเลือกใช้ไดร์เปา่ ผมทีเ่ หมาะสมกับโรงแรมจะดีทีส่ ดุ
28) ชุดของใช้ในห้องนา้ Amenities
29) ถาดวาง ชดุ Amenities
30) ไดรเ์ ปา่ ผมตดิ ผนงั
31) ที่กดสบเู่ หลว
32) จานวางสบู่ / จานวางผา้ เชด็ หนา้
33) ผา้ มา่ นกัน้ ห้องน้า
34) แผน่ ยางกันล่นื
35) เชอื กดงึ ตากผ้า
36) ถังขยะในห้องน้า
37) เคร่ืองช่ังน้าหนัก
38) แก้วน้า 2 ใบ
39) ถุงผา้ อนามัย
40) ผ้าขนหนู / ผา้ เช็ดตัว
41) ผา้ เช็ดผม
42) ผา้ เช็ดหน้า
43) ผ้าเช็ดมือ
44) ผ้าเช็ดเท้า

28

2.4.2 ของใช้ในห้องน้า (Amenities)
ของใช้ในโรงแรม หรือ สินค้าในโรงแรม นั้นมีเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ของใช้ในห้องพัก ของใช้พ้ืนท่ี
ส่วนกลาง รถเข็นโรงแรม หรือ แก้วสระน้า ฯลฯ และสินค้าในโรงแรมก็จะต้องช่วยอานวยความ
สะดวกสบาย พร้อมสรรพ ให้กับผู้เข้าพัก และสินค้าจะต้องดูดีเข้ากับสไตส์ของโรงแรม รีสอร์ท
เซอร์วิสอพาร์เม้นท์ หรือสถานท่ีของเราได้ ของใช้ในห้องน้า หรือ ของใช้ในโรงแรม จึงจะต้องมี
มากกว่าของที่เราใช้ในบ้านของเราเสียอีก เพราะลูกค้าท่ีเข้ามาพักไม่ได้เพียงต้องการแค่ส่ิงของที่
จาเป็นใช้ในชีวิตประจาวันเท่านั้น แต่เขายังคาดหวังและต้องการสิ่งที่อานวยความสะดวกเพ่ิมขึ้น
คุณภาพดีข้ึน ดสู มราคา หรืออาจจะต้องดีกว่า เพราะจดุ ประสงค์ของแขกท่ีเข้ามาพักนั้นมหี ลากหลาย
เช่น มาเที่ยวพักผ่อน , มาทางาน และผู้ท่ีเข้าพักก็ยังมีหลากหลายระดับอีกด้วย ชุดของใช้ในห้องน้า
หรือ อเมนิตี้ Hotel Amenites เป็นเพียงส่วนหน่ึงในสิ่งของใช้ในโรงแรม ท่ีทางโรงแรมได้จัดชุด
เตรยี มไว้ บรกิ ารสาหรับแขกที่เขา้ พัก โดยจะรวมของใช้ในหอ้ งพัก เข้าด้วยกนั เช่น สบ่เู หลว, สบูก่ อ้ น,
แชมพู, ครีมนวด,โลชั่นบารุงผิว,หมวกคลุมผม,หวี,ชุดแปรงสีฟัน,ชดุ เข็มด้าย,ชุดโกนหนวด,เจลอาบน้า,
รองเท้า Slipper และผลิตภัณฑ์อ่ืนๆ ท่ีเตรียมไว้สาหรับแขกท่ีเข้ามาพัก อาจจะบอกว่าเป็นของ
premium หรือของพิเศษ ท่ีแถมมากับห้องน่ันเอง ชุดของใช้ในห้องน้า ของใช้ในโรงแรมยังสามารถ
บอก และสร้างความโดดเด่นให้เป็นท่ีประทับใจและน่าจดจาของสถานที่ที่พักได้ดี โดยผ่านการ
ออกแบบ ท่ีเป็นเอกลักษณห์ รือเปน็ สงิ่ ท่เี ปน็ แบบเฉพาะของโรงแรม หรอื สถานทน่ี นั่ ๆได้ อีกทั้ง อาจจะ
ยงั สร้างการโฆษณา และการบอกต่อ ให้กับโรงแรมได้อีกด้วย เพราะ ลูกค้าหรือแขกที่เข้าพักนั้น บาง
ท่านอาจจะเก็บของ ใช้ในห้องน้า หรือ อเมนิต้ี กลับไปบ้าน หรือไม่ก็ถ่ายรูปลง social media ผ่าน
ช่องทางต่าง ๆ ทาให้เพื่อนๆ หรือญาติพ่ีน้อง ได้เห็นและรู้จัก ดังนั้นการเลือกซื้อ ชุดของใช้ในห้องน้า
Bathroom Amenities จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกกันสักหน่อย เพราะเปรียบเสมือนหน้าตาของ
โรงแรมหรือสถานที่เลย เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและถูกหลักอนามัยและได้ผ่านมาตรฐาน
การผลิต GMP ด้วย ถ้าเกิดลูกค้าของท่านใช้ไปแล้วแพ้หรือเป็นผื่น คงไม่ดีแน่ และวัสดุที่ใช้ต้องมี
คุณภาพเหมาะสมกับราคาห้องพักด้วย ชุดของใช้ในห้องน้า จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ
ผลิตภณั ฑช์ นิดน้า หรอื ของน้า และ ผลิตภณั ฑ์ชนิดแหง้ หรือของแหง้ น่นั เอง

2.4.3 ผลิตภัณฑ์ชนิดน้ายา ประกอบด้วย ครีมอาบน้า ,แชมพู, ครีมนวดผม, แชมพูผสมครีม
นวดผม, โลช่ันทาผิว ,สบู่ก้อน ทรงกลม หรือบางโรงแรมอาจจะใส่กล่ินให้ต้องกับความต้องการเข้าไป
ด้วย หรือ ถ้าเป็นสถานพยาบาล สปา ก็อาจจะใช้กล่ินแบบ Cosmetic Grade ได้ และบรรจุภัณฑ์ที่
ใช้บรรจนุ า้ ยาตา่ งๆ มีหลากหลายแบบให้เลือก ขน้ึ อยกู่ บั ความชอบหรือสไตส์สถานท่ีและโรงแรม หรือ
ตอ้ งการความสะดวกสบายของลูกคา้ ก็ได้ กจ็ ะมี

1) ขวด จะมีหลากหลายแบบหลายวัสดุ เช่น อลูมิเนียม , พลาสติก และ (ฝาเกลียว ,ฝา
คลปิ ) หรือรูปทรงของขวด เช่น แบบกลม แบบเหลย่ี ม เปน็ ตน้

2) แบบหลอด จะเป็นแบบพลาสติก แต่เราสามารถเลือกฝาหลอดได้ เช่น ฝาเกลียว หรือ
ฝาคลิป เป็นต้น หลอดบีบก็จะมีหลายหลายรูปทรงเช่นกัน และเน้ือวัสดุของหลอดก็จะสามารถได้
เหมือนกนั

3) ผลติ ภณั ฑข์ องแห้ง หรอื ของแห้งจะเป็นแบบชนิด ประกอบด้วย หมวกคลุมอาบนา้ ใส
หนาเหนียว, สาลีก้านพนั เน้ีอแน่น ,ชุดเข็มดา้ ย ,ชุดโกนนวด, ชุดแปรงสีฟัน, ชุดแต่งเลบ็ ตะไบ หวี เป็น

29

ตน้ และบรรจภุ ัณฑ์ท่ีใส่ก็จะมีหลากหลายแบบ เช่น กล่องกระดาษ หรือซองพลาสติก สามารถเลอื กได้
แต่ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้กล่องบรรจุชนิดกระดาษ เราสามารถเลือกกระดาษได้หลาย
แบบ เช่น กระดาษสา, กระดาษลายร้ิว, กระดาษอาร์ท, กระดาษคาฟท์, กระดาษหลังแป้ง หรือ
กระดาษอ่ืนๆ ตามความต้องการไดซ้ องบรรจผุ ลิตภัณฑ์ มแี บบให้เลอื กหลากหลาย เช่น ซองกระดาษ
เคลือบพลาสติก, ซองพลาสติก-กันน้า, ซองพลาสติกใส OPP, ซองตะกั่วเงิน ซองผ้า(non-woven)
หรือซองประเภทอ่ืนๆ ตามความต้องการของลูกค้าบรรจุภัณฑ์ชนิดถุง อาทิ พลาสติก ผ้า non
woven กนั นา้ ถงุ เมลามีน

4) ผลิตภณั ฑ์แบบซอง จะเห็นไดว้ ่าเราสามารถเลือก ของใช้ในห้องน้า ได้หลากหลายและ
เลือกได้ตามความต้องการ ถ้าเรายงั ไม่มีประสบการณ์ ในการเลือกซ้อื ผลิตภัณฑ์หรอื ด้านงบประมาณ
ยังไม่พร้อม ก็ยังสามารถเลือกชุดของใช้ในห้องน้า ท่ีเป็นชุดแบบมาตรฐาน ท่ีไม่มี Logo ของโรงแรม
ได้เหมือนกัน เดียวนี้มีแบบสวยๆ เยอะเราก็สามารถเลือกแบบท่ีคิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับโรงแรม หรือ
สถานที่ มากทีส่ ดุ ได้

2.5 งานศกึ ษา / งานวจิ ัยทีเ่ กยี่ วข้อง
โครงการตะกร้าสานผกั ตบชวา ผู้จัดทาโครงการไดศ้ ึกษาค้นควา้ บทความ งานศึกษา งานวิจัย

ทเ่ี ก่ียวข้อง ดงั นี้
กรศิรักษ์ ชูเสียงแจ้ว (2562) เร่ืองสมรรถนะและคุณภาพการบริการของพนักงานทาความ

สะอาดห้องพัก การศึกษาวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาสมรรถนะของพนักงานทาความ
สะอาดห้องพักตามมาตรฐานของอาเซียน 2) ศึกษาคุณภาพการให้บริการของพนักงานทาความ
สะอาดห้องพักของโรงแรมในจังหวัดตรัง 3) นาเสนอแนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริการของ
พนักงานทาความสะอาดหอ้ งพกั ของโรงแรม ในจงั หวดั ตรัง โดยผู้วจิ ัยได้ศกึ ษา 4 ด้าน คือ ด้านสมรรถ
หลัก สมรรถนะด้านหน้าท่ี และสมรรถนะส่วนบุคคล และคุณภาพการบรกิ ารเป็นการวิจัยเชงิ คุณภาพ
กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาคือ พนักงานทาความสะอาดห้องพัก จานวน 14 คน เพื่อศึกษา
สมรรถนะของพนักงานในมุมมองของพนักงาน โดยการสัมภาษณ์และสังเกตอย่างมีส่วนร่วม หัวหน้า
แผนกแม่บ้านจานวน 5 คน เพื่อศึกษาสมรรถนะของพนักงานทาความสะอาดห้องพักในมุมมองของ
หัวหน้างานกลุ่มลูกค้าจานวน 28 คน เพ่ือศึกษาคุณภาพการบริการของพนักงานทาความสะอาด
ห้องพัก และการอภิปรายกลุ่ม (Focus Group) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและชานาญการ อีก 5 คน เพื่อหา
ประเด็นความสอดคล้องและเหมาะสมของสมรรถนะและคุณภาพการบริการของพนักงานทาความ
สะอาดห้องพัก ผลการวิจัยพบว่า สมรรถนะหลัก ควรเพิ่มเติมในด้านของความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
(Product Knowledge) และ สมรรถนะส่วนบุคคลเพ่ิมเติมในด้านของทัศนคติของพนักงาน และ
สมรรถนะหน้าท่ีมีความพร้อมที่ดีอยู่แล้ว ส่วนคุณภาพการบริการ ลูกค้าพึงพอใจในการบริการตาม
สมรรถนะที่ได้ แม้ไม่ครบถ้วนทุกประการก็ตามโดยเน้นการส่ือสารมากกว่าสมรรถนะในด้านต่าง ๆ
ส่วนแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของการบริการของพนักงานทาความสะอาดห้องพักในจังหวัดตรัง
แตล่ ะโรงแรมควรจะมีแนวทางทชี่ ัดเจน เพราะแต่ละโรงแรมมีความแตกต่างกัน

30

พัทธกมล สมบุตร (2561) วิจัย เรื่องศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพจากผักตบชวาผสมกับ
กากเบยี รโ์ ดยถงั หมักไร้อากาศสองขั้นตอน งานวจิ ัยนีศ้ ึกษาปจั จัยท่ีมีอิทธิพลและสภาวะที่เหมาะสมใน
การผลิตก๊าซชีวภาพจากผักตบชวาร่วมกับกากเบียร์ด้วยถังหมักแบบสองขั้นตอน คัดกรองปัจจัยและ
วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพล 4 ปัจจัย ได้แก่ อัตราส่วนผักตบชวาต่อกากเบียร์ ปริมาณมูลวัวท่ีเติม
จานวนครั้งในการกวนผสม และระยะเวลาในการหมักต่อการเกิดก๊าซชีวภาพ ด้วยวิธีแพล็คเกต-เบอร์
แมน และการวิเคราะห์ความแปรปรวน ผลการทดลองพบวา่ ปัจจยั ที่มอี ทิ ธพิ ลต่อปริมาณการเกิดก๊าซ
ชีวภาพมีเพียง 3 ปัจจัย คือ อัตราส่วนผักตบชวาต่อกากเบียร์ ปริมาณมูลวัวท่ีเติม และระยะเวลาใน
การหมัก ศึกษาอิทธิพลของปัจจัยท้ัง 3 ปัจจัยข้างต้นด้วยวิธีบ็อกซ์-เบนเคน และศึกษาสภาวะที่
เหมาะสมด้วยการวเิ คราะห์พ้นื ผวิ ตอบสนอง ผลการศึกษาพบว่า สภาวะที่เหมาะสมท่ีจะกอ่ ใหเ้ กิดก๊าซ
ชีวภาพสูงที่สุด คืออัตราส่วนของผักตบชวาต่อกากเบียร์ เท่ากับ 1 ต่อ 1 ปริมาณมูลวัวที่เติมมีค่า
เท่ากับ 3 กิโลกรัมต่อวันและระยะเวลาการหมักมีค่าเท่ากับ 13.51 วัน โดยมีปริมาณก๊าซชีวภาพท่ี
คาดว่าจะเกิดข้ึนจะมีค่าประมาณ 1,603 มิลลิลิตร เม่ือทาการทดลองผลิตก๊าซชีวภาพด้วยสภาวะท่ี
เหมาะสม จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ผักตบชวาและกากเบียร์สามารถใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นใน
การผลิตก๊าซชีวภาพได้โดยมีก๊าซชีวภาพเกิดข้ึนสูงสุดเท่ากับ 1,720 มิลลิลิตร เม่ือทาการหมักเป็น
ระยะเวลา 13 วัน ท่ีค่าAlklinity 1,175 mg/ l as Ca(CO3)2 ค่า VFA เท่ากับ 470 mg/ l as
CH3COOH และอัตราส่วนความเข้มข้นของกรดอินทรีย์ระเหยง่ายต่อสภาพด่างเท่ากับ 0.4 ส่วน
องค์ประกอบก๊าซชีวภาพท่ีได้ประกอบด้วยก๊าซมีเทน ร้อยละ 30 อย่างไรก็ตามโดยก๊าซชีวภาพที่
เกิดข้ึนยังมีปริมาณมีเทนน้อย(ร้อยละ30) จาเป็นต้องมีการศึกษาเพ่ือปรับปรุงให้มีสัดส่วนของมีเทน
เพิ่มมากขนึ้ ตอ่ ไปในอนาคต

พัทธกมล สมบุตร (2561) วิจัย เรื่องการกาจัดฟอสฟอรัสในน้าด้วยถ่านกัมมันต์จาก
ผักตบชวา งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกาจัดฟอสฟอรัสในน้าเสียสังเคราะห์ของถ่าน
คาร์บอนและถ่านกัมมันต์จากผักตบชวาท่ีกระตุ้นด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ ซ่ึงจากการทดลองพบว่าที่
อัตราส่วนปริมาณถ่านต่อปริมาณน้าเดียวกัน ที่ระดับค่า pH เดียวกัน ถ่านกัมมันต์ผักตบชวามี
ความสามารถในการดูดซับก้าจัดฟอสฟอรัสในน้าได้ประสิทธิภาพดีกว่าถ่านคาร์บอนผักตบชวา ท้ังนี้
อาจเน่ืองมาจากถ่านคาร์บอนผักตบชวามีปริมาณพื้นท่ผี ิวจา้ เพาะ 4.05 ตารางเมตรต่อกรมั ปรมิ าตรรู
พรุนรวม 0.019 มิลลิลติ รต่อกรมั ซง่ึ น้อยกว่าถ่านกัมมันต์ผกั ตบชวาที่มีปรมิ าณพื้นท่ผี ิวจ้าเพาะ 30.42
ตารางเมตรต่อกรัม ปริมาตรรูพรุนรวม 0.210มิลลลิ ิตรต่อกรัม และถ่านคาร์บอนผักตบชวายังมีขนาด
รพู รุนเฉลี่ย 1,883 นาโนเมตร ซ่งึ มากกว่าถา่ นกัมมันตผ์ ักตบชวามขี นาดรพู รุนเฉล่ีย 276.1 นาโนเมตร
เพราะถ่านกัมมันต์ผักตบชวามีการกระตุ้นด้วยโซเดียมคลอไรด์ท่ีมีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อเผากระตุ้นที่
อณุ หภมู ิสูงข้ึนจะทา้ ปฏกิ ิริยาท้าให้ช่วยเพ่ิมพื้นท่ีผิวและรพู รุนเพ่ิมมากขึ้นท้าใหถ้ ่านกัมมันต์ผักตบชวา
มีรูพรุนขนาดเล็กแทรกตามพ้ืนผิวถ่านจ้านวนมาก และเมื่อน้าไปดูดซับแล้วจะเห็นว่าสภาวะท่ี
เหมาะสมในการดดู ซบั กาจัดฟอสฟอรัสไดป้ ระสิทธิภาพสงู สดุ คอื การใชอ้ ัตราส่วนปรมิ าณถ่านกมั มนั ต์
ผักตบชวา 0.5 กรมั ตอ่ น้า 100 มลิ ลลิ ติ ร ท่คี า่ ระดบั เปน็ กลางคือ pH7

31

กาญจนา ลือพงษ์, สัมภาษณ์ สุวรรณคีรี, ภัทราวุธ ภัทระธนกุลชัย (2560) วิจัย เรื่องการ
พัฒนาเคร่ืองย้อมสีเส้นด้ายผักตบชวาและวัสดุเสริมเพื่อพัฒนา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมี
วัตถุประสงค์เพื่อจัดสร้างเครื่องย้อมสีเส้นด้ายผักตบชวาต้นแบบ ใช้งานที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนขนาด
กลาง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เครื่องย้อมสีต้นแบบน้ีจดั สร้างข้ึนโดยใช้วัสดุประเภทสแตนเลสสตีล มี
ขนาดโครงสร้างภายนอกสูง 100 เซนติเมตร ความยาว 130 เซนติเมตร และความกว้าง 90
เซนติเมตร โครง สร้างภายในเป็นถังสแตนเลสทรงกระบอกมีรูพรุน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80
เซนติเมตร ความยาว ทรงกระบอก 90 เซนติเมตร สามารถบรรจุวัตถุดิบประเภทเกลียวผักตบชวา
แห้งได้ 10 กิโลกรัม หรือ ต้นผักตบชวาแห้ง 5 กิโลกรัม ใช้น้า 270 ลิตร ทดสอบการใช้งานด้วยการ
ย้อมสีสังเคราะห์ประเภทสรี แอคทีฟ อุณหภูมิ 80 c เวลา 30 นาที เคร่ืองย้อมน้ีช่วยลดเวลาการ
ทางานได้ 5 เท่า ประหยัดแก๊สได้ 2.83 เท่า มีจุดคุ้มทุน ของการใช้งานเป็น 1,09 ปี ค่า BMC ratio
เท่ากับ 2.22 นอกจากน้ียังสามารถลดปัญหาการพันกัน ของเส้นด้าย และไอระเหยท่ีเกิดข้ึนจากการ
ย้อมตามวิธีการเดิม เมื่อนาผลการศึกษาไปถ่ายทอดองค์ ความรู้ ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจักสานบ้าน
คลองนกกระทงุ จังหวดั นครปฐมพบวา่ ผรู้ บั บริการมคี วาม พึงพอใจในระดบั มากถงึ มากทส่ี ุด

กรัณน์ฑรัตน์ คะวัติกูล (2559) วิจัย เรื่องแนวทางการพัฒนางานแม่บ้านของโรงแรมใน
จังหวัดพะเยา ตามมาตรฐานข้อตกลงยอมรับร่วมคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวอาเซียน การ
วิจัยเรื่องแนวทางการพัฒนางานแม่บ้านของโรงแรมในจังหวัดพะเยาตาม มาตรฐานข้อตกลงยอมรับ
ร่วมคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพท่องเท่ียวอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบริบทงานแม่บ้านของ
โรงแรมในจังหวัดพะเยา 2) ศึกษาความสามารถของพนักงานส่วนงาน แม่บ้านของโรงแรมในจังหวัด
พะเยา และ 3) กาหนดแนวทางการพัฒนางานแม่บ้านของโรงแรมใน จังหวัดพะเยาตามมาตรฐาน
ข้อตกลงยอมรับร่วมคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวอาเซียน เครื่องมือท่ีใช้ในการรวบรวมข้อมูล
ไดแ้ ก่ แบบสัมภาษณ์ กลุ่มตวั อยา่ ง ได้แก่ พนกั งานแม่บา้ นท่ี ปฏิบัตงิ านประจาโรงแรมขนาดกลางและ
ขนาดใหญ่ในจังหวัดพะเยา จานวน 20 คน ผู้บริหารโรงแรม ขนาดกลางและขนาดใหญ่ในจังหวัด
พะเยา จานวน 10 คน และนักวิชาการที่มีความเช่ยี วชาญในธุรกิจ โรงแรม จานวน 3 คน ผลการวจิ ัย
พบว่า งานแมบ่ ้านของโรงแรมส่วนใหญ่ในจังหวัดพะเยา จะมีเพยี ง 2 หน้าท่หี ลัก คือดูแลห้องพักและ
ทาความสะอาดพื้นท่ีท่ัวไป ส่วนหน้าทใี่ นการชักรีดน้ัน โรงแรมส่วน ใหญ่เลือกใช้บริการจ้างเหมาจาก
บุคคลภายนอก เพ่ือเป็นการลดต้นทุนในการดาเนินงานและลดภาระ การทางานของพนักงานแมบ่ ้าน
ความสามารถของพนักงานบริการส่วนหน้าท่ีปฏิบัติงานประจาใน โรงแรมขนาดกลางและขนาดใหญ่
ในจังหวัดพะเยายังไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของข้อตกลง ยอมรับร่วมคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพ
ทอ่ งเทย่ี วอาเซียน สว่ นแนวทางการพัฒนางานแม่บ้านของ โรงแรมในจงั หวัดพะเยา คือ การฝึกอบรม
(Training) การใหค้ วามรู้ (Coaching) และการจัดการ (Managing

32

วารสารวิชาการศิลปะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวทิ ยาลัยนเรศวร (ปที ่ี 6 ฉบับท่ี 2 กรกฎาคม
– ธันวาคม 2558) วิจัย เรื่องการพฒั นาเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวา ของกลุ่มจักสานผักตบชวาบ้านวง
ฆ้อง อาเภอลานกระบอื จงั หวัดกาแพงเพชร โดยมีวัตถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศึกษากระบวนการผลติ และพฒั นา
เฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาบ้านวงฆ้อง และประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการพัฒนา
รูปแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาที่ออกแบบข้ึนใหม่ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่กลุ่มผู้บริโภคท่ีมี
ความพึงพอใจต่อการพัฒนารูปแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาบ้านวงฆ้อง ในตาบลลานกระบือ โดย
กาหนดกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยการพัฒนารูปแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาที่ออกแบบขึ้นใหม่
จากกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มผู้บริโภคท่ีมีความสนใจในงานเฟอร์นิเจอร์ ในอาเภอเมืองกาแพงเพชร จานวน
4,830 คน การกาหนดขนาด กลุ่มตัวอย่างโดยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling)
ตามทฤษฎีของ Glenn จึงได้กลุ่มตัวอย่าง จานวน 98 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
แบบสอบถามความพึงพอใจท่ีมีต่อการพัฒนารูปแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวารูปแบบบ้านวงฆ้อง
และนาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าร้อยละค่าเฉลี่ย (x) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่าแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาออกแบบรูปแบบ
ภายใต้แนวคิด รูปทรงเรขาคณิต กาหนดขนาดตามขนานสัดส่วนของมนุษย์เน้นเพื่อประโยชน์ใช้สอย
ซ่ึงผลการประเมินมาตรฐานผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ต้นแบบจากผู้เชี่ยวชาญ และผลการประเมินความ
พึงพอใจการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวารูปแบบใหม่อยู่ในระดับมากท่ีสุด มี
คา่ เฉล่ีย (x = 4.52, S.D.= 0.01)

33

บทท่ี 3
วธิ ีดำเนินกำร

ในโครงการครั้งนมี้ ีวัตถุประสงคเ์ พือ่ 1.เพ่อื ลดปริมาณผักตบชวาในแหลง่ น้าตามธรรมชาติ
2.เพ่ือเพิ่มมูลค่าให้ผักตบชวา 3. เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ตะกร้าสานผักตบชวาในห้องพักอาคารปฏิบัติการ
โรงแรม
ซงึ่ ผจู้ ดั ทา้ โครงการไดด้ า้ เนนิ การศกึ ษาดงั นี้

3.1 กลมุ่ ตวั อย่าง
3.2 เครื่องมือท่ใี ช้ในดา้ เนนิ โครงการ
3.3 ขัน้ ตอนการดา้ เนินโครงการ
3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3.5 สถิติและการวเิ คราะหข์ อ้ มูล

3.1 กล่มุ ตัวอย่ำง
กลุ่มตัวอย่างผู้ทดลองใช้บุคลากร ครู นักเรียน-นักศึกษา สาขาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา

เชียงใหม่ 40 คน

3.2 เครื่องมือทีใ่ ช้ในดำเนนิ โครงกำร
3.2.1 แบบส้ารวจ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม และข้อมูลเกี่ยวกับการตอบ

แบบสอบถามความคดิ เห็นในรูปแบบของตะกรา้ สานผักตบชวา
3.2.2 แบบสอบถามความพึงพอใจ ผ้ทู ดลองใช้บคุ ลากร ครู นักเรียน-นักศกึ ษา สาขาการโรงแรม

วิทยาลยั อาชีวศึกษาเชียงใหม่
ผู้จัดทา้ โครงการใช้แบบสอบถาม เปน็ เคร่ืองมอื เพอ่ื รวบรวมข้อมลู จากกลมุ่ ตวั อย่าง เพือ่ สอบถาม

ความคิดเห็นต่าง ๆ ซ่ึงมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการส้ารวจความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบของตะกร้า
สาน และแบบสอบถามความพึงพอใจของตะกร้าสานผักตบชวา โดยผู้จัดท้าโครงการได้แยกแบบส้ารวจ
และแบบสอบถามความพึงพอใจ

แบบสำรวจ แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น
ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยสอบถามเกี่ยวกับ เพศ อายุ และสถานะ
ของบคุ คลที่เคยเข้าใชบ้ ริการโรงแรม วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่
ส่วนที่ 2 ขอ้ มลู เก่ียวกับการตอบแบบสอบถามความคดิ เห็น ขนาดของตะกรา้ รปู ทรง ลายในการ
ถัก และความจ้าเป็นในการใช้งานของอาคารปฏิบัติการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ และการ
แสดงสญั ลกั ษณข์ องวทิ ยาลยั

34

แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจ ประกอบไปด้วย 3 สว่ น
ส่วนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยสอบถามเก่ียวกับเพศ สถานะของผู้ตอบ
แบบสอบถาม โดยท่ีผตู้ อบไดเ้ ลือกตอบตามความเป็นจริง (Check-list)
สว่ นท่ี 2 ขอ้ มูลเก่ียวกับการตอบแบบสอบถามความคิดเห็น ผู้จดั ท้าโครงการได้ใช้มาตราวัดแบบ
Rating scale 5 ระดับ ตามมาตราวัดแบบลิเคิร์ท (Likert’s Scale) อ้างจาก บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ (2553)
ในการวัดระดบั ความพงึ พอใจ ดังน้ี
5 หมายถึง มากทีส่ ดุ
4 หมายถงึ มาก
3 หมายถึง ปานกลางหรอื พอใช้
2 หมายถงึ น้อยหรอื ต้า่ กวา่ มาตรฐาน
1 หมายถึง นอ้ ยทส่ี ดุ หรือต้องปรบั ปรุงแกไ้ ข
เกณฑ์การประเมินแบบสอบถามความคดิ เห็น มี 5 ระดับโดยผู้จัดท้าโครงการได้เลือกวิธีการของ
เรน็ สิส เอ ลิเคริ ์ท ดังน้ี (Likert, Rensis A. 2504)
4.50 – 5.00 หมายถงึ เห็นดว้ ยอยู่ระดับมากที่สดุ
3.50 – 4.49 หมายถึง เหน็ ดว้ ยอยรู่ ะดบั มาก
2.50 – 3.49 หมายถึง เห็นด้วยอย่รู ะดบั ปานกลาง
1.50 – 2.49 หมายถงึ เห็นดว้ ยอยูร่ ะดับน้อย
1.00 – 1.49 หมายถึง เห็นดว้ ยอยูร่ ะดบั นอ้ ยมาก

สว่ นท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะซ่ึงเปน็ ค้าถามปลายเปิดเพ่ือใหผ้ ตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคดิ เหน็
กำรสรำ้ งเครอ่ื งมือในกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลคร้ังนี้ โดยมกี ำรสรำ้ งเคร่อื งมือดงั นี้
1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เกี่ยวกับตะกร้าสานผักตบชวาและความพงึ พอใจต่อผลติ ภัณฑแ์ ละความ
คดิ เหน็ ของผตู้ อบแบบสอบถาม
2) ผจู้ ดั ท้าโครงการได้จัดทา้ แบบสา้ รวจการออกแบบเกยี่ วกบั ตะกร้าสานผักตบชวา
3) น้าแบบสอบถามท่ีจัดท้าขึ้นให้กับครูประจ้าวิชา เพ่ือตรวจสอบความถูกต้องตามเนื้อหาและ
น้ามาปรับปรุงแก้ไขใหส้ มบรู ณ์
4) น้าแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วเสนอต่อครูประจ้าวิชาอีกคร้ัง เพื่อตรวจสอบ
ความเที่ยงตรงของเนอ้ื หาพร้อมพจิ ารณาความถูกต้องชัดเจนของภาษาทใี่ ช้

3.3 ขนั้ ตอนกำรดำเนนิ โครงกำร
1) การวางแผน (P)
- ก้าหนดชื่อเรอื่ งและศกึ ษารวบรวมขอ้ มูลปัญหา ความส้าคญั ของโครงการ
- เขียนแบบเสนอโครงการ

35

- ขออนุมัตโิ ครงการ
2) ขั้นตอนการด้าเนนิ การ(D)

- ศึกษา สา้ รวจ ออกแบบ/ถักสานตะกร้าสานผกั ตบชวา ประเมนิ ผลและปรบั รูปแบบ
- ถกั สานตะกร้าสานผักตบชวา ประเมินผลและปรบั รปู แบบ
- ทดลองใช้ตะกร้าสานผักตบชวา
3) ขั้นตอนการตรวจสอบ (C)
- ให้กล่มุ ครู นักเรียน-นักศึกษาฝกึ ปฏิบตั ิการอาคารโรงแรมทดลองใช้งานตะกรา้ สาน
ผกั ตบชวา
- ประเมนิ ความพึงพอใจผทู้ ใ่ี ชง้ านตะกรา้ สานผักตบชวา
4) ข้นั ตอนประเมินติดตามผล (A)
- สรปุ ผลการประเมนิ ความพึงพอใจผ้ใู ช้งานตะกรา้ สานผกั ตบชวา
- จดั ท้าเล่มโครงการ
- น้าเสนอและเผยแพรใ่ หก้ บั หม่บู า้ นต้นลาน ต.สบเปิง อ.แมแ่ ตง จ.เชยี งใหม่

3.4 กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
ผู้จัดทา้ โครงการได้ด้าเนินการเก็บรวบรวมข้อมลู การท้าโครงการนี้ อย่างเป็นขัน้ ตอนดังน้ี
3.4.1 ผู้จัดท้าโครงการท้าแบบส้ารวจรูปแบบของตะกร้าสานผักตบชวา และออกแบบรูปแบบ

ตะกรา้ สานผักตบชวา โดยวิธีการแสกนคิวอาร์โค๊ช ใหผ้ ู้ตอบแบบสอบถามออนไลนต์ อบแบบสอบถามด้วย
ตนเอง

3.4.2 ผู้จัดท้าโครงการท้าการแจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มตัวอย่างคณะครูบุคลากร นักเรียน-
นักศึกษา ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ โดยวิธีการแสกนคิวอาร์โค๊ช ให้ผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์
ตอบแบบสอบถามดว้ ยตนเอง

3.4.3 การรวบรวมแบบสอบถาม ผู้จดั โครงการไดร้ วบรวมแบบสอบถามดว้ ยตนเอง
3.4.4 ตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบสอบถาม เพื่อนา้ ข้อมลู ไปวเิ คราะหท์ างสถติ ิ

3.5 สถติ ิและกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล
ข้อมูลท่ีได้จากการรวบรวม ผู้จัดท้าโครงการได้ท้าการตรวจสอบความเรียบร้อยสมบูรณ์ของ

แบบสอบถาม และน้าข้อมูลมาประมวลผลวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส้าเร็จรูปส้าหรับ
การคดิ ค่ารอ้ ยละ การหาคา่ เฉลย่ี (Mean) และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D) ดังน้ี

3.5.1 การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบุคคลในการวิเคราะห์ ได้แก่ การหาค่าความถี่
(Frequency) และคา่ ร้อยละ (Percentage)

36

สตู รกำรหำค่ำร้อยละ

เมอื่ P แทน รอ้ ยละ
F แทน ความถ่ที ่ตี ้องการแปลคา่ ใหเ้ ป็นร้อยละ
n แทน จ้านวนข้อมูลท้ังหมด

3.5.2 การวิเคราะหข์ อ้ มลู สว่ นท่ี 2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้ทดลองใชต้ ะกร้าสานผกั ตบชวา จ้านวน 4
ชนิ้ ผู้ทดลองใชบ้ คุ ลากร ครู นักเรียน-นกั ศึกษา สาขาการโรงแรม วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเชียงใหม่ 50 คน

ในการวิเคราะห์ ได้แก่ การหาค่าเฉล่ีย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)

สูตรกำรหำคำ่ เฉล่ีย

เมือ่ x แทน ค่าเฉลี่ย
∑x แทน ผลรวมทัง้ หมดของความถ่ี คูณ คะแนน
N แทน ผลรวมทัง้ หมดของความถ่ีซงึ่ มีคา่ เทา่ กบั จ้านวนข้อมลู ทง้ั หมด

สตู รกำรหำส่วนเบ่ยี งเบนมำตรฐำน

เมื่อ S.D. แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน
N แทน จ้านวนคทู่ ัง้ หมด
X แทน คะแนนแตล่ ะตวั ในกลมุ่ ข้อมลู
∑x แทน ผลรวมของความแตกตา่ งของคะแนนแตล่ ะคู่

3.5.3 การวิเคราะห์ข้อมูล ส่วนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ ซ่ึงเป็นค้าถามปลายเปิดเพ่ือให้ผู้ตอบ
แบบสอบถามความพึงพอใจเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ ตะกร้าสานผักตบชวาได้ตอบแบบสอบถาม โดยผู้จัดท้า
โครงการไดว้ ิเคราะห์ข้อมลู ในรปู แบบเชงิ พรรณนาบรรยายตามเหตุผลของผตู้ อบแบบสอบถาม

37

บทท่ี 4
ผลการศกึ ษา

โครงการคร้ังนมี้ ีวัตถปุ ระสงค์เพื่อลดปรมิ าณผกั ตบชวาในแหล่งน้าตามธรรมชาติ เพ่ือเพ่มิ มลู คา่ ให้
ผักตบชวา และเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ตะกร้าสานผักตบชวาในห้องพักอาคารปฏิบัติการโรงแรม ผู้จัดท้า
โครงการไดม้ ผี ลการด้าเนนิ การศึกษา ดังนี้

4.1 แบบสา้ รวจรูปแบบตะกรา้ สานผักตบชวา ประกอบไปดว้ ย 2 ส่วน
สว่ นที่ 1 ขอ้ มลู สว่ นบคุ คลของผตู้ อบแบบสอบถาม
สว่ นท่ี 2 ข้อมลู เก่ียวกับการส้ารวจรปู แบบตะกรา้ สานผักตบชวา

4.2 แบบสอบถามความพึงพอใจการใช้ตะกรา้ สานผักตบชวา ประกอบไปด้วย 2 ส่วน
ส่วนท่ี 1 ขอ้ มลู สว่ นบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถาม
ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลเกีย่ วกับการตอบแบบสอบถามความคิดเหน็
สว่ นท่ี 3 ข้อเสนอแนะซ่งึ เปน็ คา้ ถามปลายเปดิ เพ่ือใหผ้ ู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็

4.1 แบบสารวจรูปแบบตะกรา้ สานผักตบชวา ประกอบไปดว้ ย 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลสว่ นบคุ คลของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผู้จัดท้าโครงการได้ศึกษาข้อมูลส่วนบุคคลเก่ียวกับ เพศ และสถานะบุคคลที่เคยเข้าใช้บริการ

โรงแรมของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยน้าเสนอเปน็ คา่ ความถ่ี และรอ้ ยละ ไดผ้ ลการวิเคราะหด์ งั น้ี

ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู สว่ นบุคคลดา้ นเพศ ของผ้ตู อบแบบสอบถาม

เพศ จานวน (คน) รอ้ ยละ
ชาย 5 12.50
หญิง 35 87.50
40 100.00
รวม

จากตารางท่ี 1 ตารางแสดงผลวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลตัวแปรด้านเพศของผู้ตอบแบบส้ารวจ
ผจู้ ัดท้าได้สรุปผลการวิเคราะห์ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนมากเป็นเพศหญิง จ้านวน 35 คน คิดเป็น
รอ้ ยละ 87.50 และเพศชาย จ้านวน 5 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 12.50 เป็นล้าดับสุดท้าย

38

ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู ส่วนบุคคลด้านสถานะบุคคลทเี่ คยเข้าใช้บริการโรงแรมของ
ผ้ตู อบแบบสอบถาม

สถานะของบคุ คล จานวน (คน) รอ้ ยละ
นกั ศกึ ษา 32 80.00
คร/ู อาจารย์ 1 2.50
บุคคลทัว่ ไป 7 17.50
40 100.00
รวม

จากตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะหข์ ้อมูลส่วนบุคคลตัวแปรด้านสถานะในวิทยาลัยของ
ผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้จัดท้าได้สรุปผลการวิเคราะห์ พบว่าผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา จ้านวน 32
คน คิดเป็นร้อยละ 80.00 รองลงมาเปน็ บุคคลท่ัวไป จา้ นวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 17.50 และคร/ู อาจารย์
จ้านวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 2.50 เป็นล้าดบั สุดท้าย

สว่ นท่ี 2 ขอ้ มูลเกี่ยวกับการสารวจรูปแบบตะกรา้ สานผักตบชวา

ผจู้ ัดทา้ โครงการไดส้ ้ารวจรปู แบบตะกร้าสานผักตบชวา

ตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะหก์ ารสา้ รวจความคิดเหน็ ความตอ้ งการของความจ้าเปน็ ของตะกร้า

สานผักตบชวาตอ้ งมีไวเ้ พอื่ จัดเตรยี มสง่ิ อ้านวยความสะดวกของห้องน้าในห้องพักก่อนใช้งาน

ความจาเปน็ ของตะกรา้ สาน จานวน (คน) รอ้ ยละ

จ้าเป็น 40 100.00
ไมจ่ า้ เปน็ 00
40 100.00
รวม

จากตารางท่ี 3 การสา้ รวจความคิดเหน็ ความจ้าเป็นของตะกร้าสานผกั ตบชวาต้องมีไว้จัดเตรียมส่งิ อ้านวย
ความสะดวกของห้องน้าในห้องพักก่อนใช้งาน ผู้จัดท้าได้สรุปผลการวิเคราะห์ พบว่าล้าดับความชอบของ
ผู้ตอบแบบสา้ รวจทง้ั หมด จา้ เป็น จา้ นวน 40 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100.00

39

ตารางท่ี 4 แสดงผลการวเิ คราะหก์ ารสา้ รวจความคดิ เหน็ ความตอ้ งการของรูปทรงของตะกรา้ สาน
ผกั ตบชวา

รปู ทรง จานวน (คน) รอ้ ยละ
ทรงกลม 16 40.00
ทรงส่เี หลยี่ มผนื ผา้ 20 50.00
ทรงวงรี 3 7.50
ทรงสีเ่ หลย่ี มจตั ุรสั 1 2.50
40 100.00
รวม

จากตารางท่ี 4 การสา้ รวจความคิดเห็นความต้องด้านรปู ทรงของตะกร้าสานผักตบชวา ผ้จู ัดท้าไดส้ รุปผล
การวิเคราะห์ พบว่าล้าดับความชอบของผู้ตอบแบบส้ารวจคือ ทรงกลม จ้านวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ
50.00 ทรงส่ีเหลีย่ มผืนผ้า จ้านวน 16 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 40.00 ทรงสี่เหลย่ี มจตั รุ ัส จา้ นวน 3 คน คิดเป็น
ร้อยละ 7.50 และทรงวงรี จา้ นาน 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 2.50 เป็นลา้ ดบั สดุ ทา้ ย

ตารางท่ี 5 แสดงผลการวเิ คราะหก์ ารส้ารวจความคิดเห็นความตอ้ งการของทีจ่ ับของตะกร้าสานผกั ตบชวา

ท่ีจับของตะกร้าสาน จานวน (คน) ร้อยละ
แบบหวิ้ 1 หูหว้ิ 3 7.50
แบบหิ้ว 2 หหู ้ิว 7 17.50
แบบจบั ด้านข้าง 2 ดา้ น 30 75.00
40 100.00
รวม

จากตารางที่ 5 การส้ารวจความคิดเห็นความต้องการด้านท่ีจับของตะกร้าสานผักตบชวา ผู้จัดท้าได้
สรุปผลการวิเคราะห์ พบว่าล้าดับความชอบของผู้ตอบแบบส้ารวจมากที่สุดคือ แบบจับด้านข้าง 2 ด้าน
จ้านวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 75.00 แบบหิ้ว 2 หูห้ิว จ้านวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 17.50 แบบหิ้ว 1 หู
ห้วิ จ้านวน 3 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 7.50 เปน็ ล้าดับสดุ ท้าย

40

ตารางที่ 6 แสดงผลการวเิ คราะห์การส้ารวจความคดิ เหน็ ความตอ้ งการของลายในการสานของตะกรา้ สาน
ผักตบชวา

ลายการสานของตะกรา้ จานวน (คน) รอ้ ยละ
ลายก้างปลา 12 30.00
ลายเม็ดแตง 18 45.00
ลายน้าไหล 7 17.50
ลายไขว้ 3 7.50
40 100.00
รวม

จากตารางที่ 6 การส้ารวจความคิดเห็นความต้องการดา้ นลายในการสานตะกรา้ สานผักตบชวา ผ้จู ัดท้าได้
สรุปผลการวิเคราะห์ พบว่าล้าดับความชอบของผู้ตอบแบบ ส้ารวจมากท่ีสุดคือ ลายเม็ดแตง จ้านวน 18
คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 ลายก้างปลา จ้านวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 ลายน้าไหล จ้านวน 7 คน
คิดเป็นร้อยละ 17.50 และลายไขว้ จา้ นวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 7.50 เปน็ ลา้ ดบั สุดทา้ ย

ตารางที่ 7 แสดงผลการวิเคราะห์การสา้ รวจความคิดเห็นความต้องการของโลโกท้ ตี่ ิดแสดงไวท้ ี่ผลติ ภณั ฑ์

โลโก้ จานวน (คน) ร้อยละ
ตราวิทยาลัย 8 20.00
ตราแผนกการโรงแรม 32 80.00
40 100.00
รวม

จากตารางที่ 7 การสา้ รวจความคดิ เหน็ ความต้องการดา้ นโลโก้ทตี่ ดิ แสดงไว้ท่ผี ลิตภัณฑ์ ผจู้ ัดทา้ ได้สรุปผล
การวเิ คราะห์ พบว่าลา้ ดับความชอบของผ้ตู อบแบบ ส้ารวจมากท่สี ุดคอื ตราแผนกการโรงแรม จา้ นวน 32
คน คดิ เปน็ ร้อยละ 80.00 และตราวิทยาลัย จ้านวน 8 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 20.00 เป็นล้าดับสุดทา้ ย

41

4.2 แบบสอบถามความพึงพอใจการใชต้ ะกร้าสานผกั ตบชวา ประกอบไปด้วย 3 ส่วน

สว่ นท่ี 1 ข้อมูลเก่ียวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจตะกรา้ สานผักตบชวา

ตารางท่ี 8 แสดงข้อมลู จ้านวนร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ งที่ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ โดยจ้าแนก

ตามเพศของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจตะกร้าสานผักตบชวา

เพศ จานวน (คน) ร้อยละ

ชาย 9 22.50

หญิง 31 77.50

รวม 40 100.00

จากตารางที่ 8 ผู้ตอบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ จ้านวน 40 คน ประกอบดว้ ย เพศหญิง จา้ นวน 31 คดิ เป็น

รอ้ ยละ 77.50 และเพศชาย จ้านวน 9 คิดเป็นร้อยละ 22.50

ตารางที่ 9 แสดงข้อมูลจ้านวนรอ้ ยละของกลุม่ ตัวอย่างที่ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ

โดยจ้าแนกตามสถานะของบุคคลทีเ่ คยเข้าใชบ้ ริการโรงแรมของผู้ตอบแบบประเมิน

สถานะของบคุ คลท่ีเคยเข้าใช้ จานวน (คน) รอ้ ยละ

บริการโรงแรม

นกั ศึกษา 34 85.00

ครู/อาจารย์ 2 5.00

บคุ คลทั่วไป 4 10.00

รวม 40 100.00

จากตารางที่ 9 ผู้ตอบแบบประเมนิ ความพึงพอใจ จ้านวน 40 คน ประกอบไปด้วย นักศึกษา จา้ นวน 34 คน

คิดเปน็ ร้อยละ 85.00 คร/ู อาจารย์ จา้ นวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.00 และบุคคลทัว่ ไป จ้านวน 4 คน คิดเป็น

ร้อยละ 10.00 ตามล้าดับ


Click to View FlipBook Version