The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Mama Admission 2560 วิชา สังคมศึกษา-วิทยาศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-16 07:29:30

Mama Admission 2560 วิชา สังคมศึกษา-วิทยาศาสตร์

Mama Admission 2560 วิชา สังคมศึกษา-วิทยาศาสตร์

Keywords: วิทยาศาสตร์,สังคมศึกษา

ครง้ัท่ี20

สังคมศึกษา(O-Net+สามัญ)

อ.ชยัลาภเพม่ิทวี
อ.ธนชัลาภนมิิตรชัย(ครพูห่ีมยุ)SociThai

วิทยาศาสตร(O-Net+สามัญ)

อ.กรกฤชศรีวชิัย(ครตูิ่ง)Kruclub
อ.ธนาวัฒนอนสวุิทย(ครูแบรรี)TheBTS

รวมเปดโอกาสสเูยาวชนไทย

ทักทาย

โครงการ “Sahapat Admission ครั้งท่ี 20” (ทบทวนความรู้สู่มหาวิทยาลัยกับสหพัฒน์) จัดโดย
บริษัท สหพัฒนพิบูล จ�ำกัด (มหาชน) โดยผลิตภัณฑ์ มาม่า บิสชิน มองต์เฟลอ ริชเชส ร่วมมือกับ บริษัท
เนชนั่ บรอดแคสตงิ้ คอรป์ อเรชนั่ จำ� กดั (มหาชน) และ บรษิ ทั ดาตา้ โปร คอมพวิ เตอร์ ซสิ เตม็ ส์ จำ� กดั รว่ มสนบั สนนุ
โดย มหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย จัดข้ึนเพือ่ เตรยี มความพร้อมใหแ้ กน่ ักเรียนท่ีก�ำลังเตรยี มตัวเขา้ ส่มู หาวิทยาลัย
ซึ่งปีนจี้ ัดเปน็ ปีที่ 20 นับเปน็ “2 ทศวรรษ แห่งการสรา้ งโอกาสทางศึกษาให้กบั เยาวชนไทย” สำ� หรับการจัด
ทบทวนความรู้ในคร้ังนี้ มคี วามเข้มขน้ เปน็ อยา่ งมาก เพ่ือรบั มอื ระบบการคดั เลอื กเข้าศกึ ษาในสถาบันการศกึ ษา
ระบบใหม่ “Thai University Central Admission System” (TCAS) ซ่ึงมีหลักการที่สําคัญ คือ ให้นักเรียน
อยู่ในห้องเรียนจนจบหลักสูตร จะจัดการสอบเพ่ือการคัดเลือกได้หลังจากท่ีนักเรียนเรียนจบหลักสูตรแล้ว
ดงั นนั้ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมธั ยมปลายไดม้ คี วามพรอ้ มอยา่ งเตม็ ท่ี กอ่ นการสอบเขา้ มหาวทิ ยาลยั การจดั ทบทวนความรู้
ในครง้ั นี้ จึงรวบรวมแนวข้อสอบจากทุกสนาม ทง้ั O-Net, GAT, PAT และสอบตรงวิชาสามญั รวมท้งั เทคนิคพิชติ
TCAS61 ซงึ่ จัดข้ึนระหว่างวนั ท่ี 2 - 7 ตุลาคม 2560 ทมี่ หาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย และสง่ สัญญาณบรอดแบนด์
ไปยังโรงเรียนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อการกระจายโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมโดยได้รับการสนับสนุน
การถา่ ยทอดสญั ญาณบรอดแบนด์ จากบริษทั ดาต้าโปร คอมพวิ เตอร์ ซสิ เตม็ ส์ จำ� กัด
ค่มู อื ทบทวนความรฉู้ บับนี้ คณาจารยผ์ ู้เช่ยี วชาญในแตล่ ะวชิ า ไดจ้ ดั เตรยี มเน้ือหาสาระสำ� คญั ๆ ไวใ้ ห้น้องๆ
เพือ่ เขา้ ฟงั คำ� บรรยายในแตล่ ะวันตลอดระยะเวลาการตวิ โดยคณาจารย์ในแตล่ ะวชิ าจะอธบิ ายและขยายความ
ให้น้องๆ ได้เข้าใจถึงแก่นสาร และเติมเต็มส่ิงที่ขาดหายให้กับน้องๆ ได้มีความพร้อมในการพิชิตข้อสอบเข้า
มหาวิทยาลัยในฝันดังทปี่ รารถนา
การท่ีจะก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความส�ำเร็จได้น้ัน น้องๆ ต้องตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ในช่วงเวลาอันส้ันนี้
ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ พๆ่ี ขอเปน็ กำ� ลงั ใจใหน้ อ้ งๆ ทกุ คนสมหวงั ดงั ทต่ี ง้ั ใจและใฝฝ่ นั และขออวยพรใหโ้ ชคดใี นทกุ สนามสอบ

กองบรรณาธกิ าร
โครงการ Sahapat Admission
(ทบทวนความรู้ส่มู หาวิทยาลัยกบั สหพัฒน์)

สารบญั

สงั คมศึกษา (O-NET+สามญั ) : อ.ชัย ลาภเพม่ิ ทวี
สาระประวัติศาสตร์ 3
สาระเศรษฐศาสตร ์ 9
สงั คมศึกษา (O-NET+สามญั ) : อ.ธนชั ลาภนิมิตรชยั (ครูพหี่ มุย) SociThai 15
ภมู ิศาสตร ์ 18
พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดลอ้ ม 20
ศาสนา ศีลธรรม และจรยิ ธรรม 29
หน้าทีพ่ ลเมอื ง 37
วทิ ยาศาสตร์ (O-NET+สามัญ) : อ.กรกฤช ศรีวชิ ัย (ครตู ง่ิ ) 38
สาระการเรียนรทู้ ี่ 1 ดลุ ยภาพของสิ่งมชี ีวิต 40
สาระการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธุกรรมและส่งิ แวดล้อม 41
สาระการเรยี นรทู้ ี่ 3 การเคล่อื นทแ่ี ละแรงในธรรมชาต ิ 46
สาระการเรียนรู้ที่ 4 พลังงาน 53
วิทยาศาสตร์ (O-NET+สามญั ) : อ.ธนาวัฒน์ อ้นสุวทิ ย์ (ครูแบรร์ )ี The BTS
CHEMISTRY
Earth-Astronomy

สังคมศึกษา (O-NET+สามัญ) อ.ชัย ลาภเพมิ่ ทวี

สงั คม อ.ชยั : พิชิตขอ้ สอบสังคม TCAS’61

สาระวิชาสังคมศกึ ษา สอบ O-NET 90 ขอ้ (3-4 มี.ค.61) สอบสามัญ 50 ขอ้ (17-18 มี.ค.61)
10
1. ประวตั ศิ าสตร์ 16+2 10
10
2. เศรษฐศาสตร์ 16+2 10
10
3. ภมู ศิ าสตร์ 16+2

4. หน้าท่ีพลเมืองฯ 16+2

5. ศาสนา 16+2

สาระประวัตศิ าสตร์

ประวตั ศิ าสตร์ พิชติ TCAS’61

ประวตั ิศาสตร์ไทย 1. จุลศักราช ๗๑๒ ขาลศก เวลารุง่ แล้ว ๓ นาฬิกา ๙ บาท
ตรงกับเหตุการณใ์ ดในประวัติศาสตรไ์ ทย
- เปรยี บเทียบยุคสมยั ทาง (การสถาปนากรุงศรอี ยธุ ยา / สุโขทยั ถูกผนวกเข้ากบั
ประวัติศาสตร์ กรุงศรีอยธุ ยา)
- ยคุ สมัยและวิธกี ารทาง 2. สงครามประกาศอิสรภาพอเมรกิ า ตรงกบั รชั สมยั ใด
ประวัตศิ าสตร์ (สมเดจ็ พระบรมราชาที่ 4 / สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี 4)
- รัฐโบราณและแนวคิดถิ่นเดมิ 3. ขอ้ ใดมีความสมั พนั ธก์ ับ “บญั ชหี างว่าว”
ชนชาติไทย (กรมพระสุรสั วดี / หลวงยกกระบัตร)
- การปฏิรปู บ้านเมอื งในสมัย 4. ประเทศไทยมกี ารปกครองรูปแบบ “รัฐชาติ”
รัชกาลท่ี 5 ตั้งแต่สมยั ใด (รัชกาลท่ี 5 / รชั กาลที่ 6)
- พฒั นาการประวตั ศิ าสตร์ไทย 5. การฟ้นื ฟูพระราชประเพณที เี่ กย่ี วขอ้ งกบั
เชน่ การเมอื งการปกครอง สถาบันพระมหากษัตรยิ ์เกิดขนึ้ ในสมยั ใด
เศรษฐกิจ สงั คม ต่างประเทศ (จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม / จอมพล สฤษดิ์ ธนะรตั น์)
ภูมิปัญญาไทย บคุ คลสำ� คญั 6. บุคคลใดใหค้ ตเิ ตือนใจที่ว่า “จงท�ำดีแตอ่ ย่าเด่น
จะเป็นภัย ไม่มใี ครเขาอยากเห็นเราเดน่ เกนิ ”
(ขนุ วิจติ รมาตรา / หลวงวิจติ รวาทการ)

3 โครงการ Sahapat Admission คร้ังท่ี 20

ประวตั ิศาสตร์ พิชิต TCAS’61

ประวตั ศิ าสตรส์ ากล 7. ชนชาติใดทเ่ี ขยี นสรรพคุณยาและรวบรวมบญั ชยี า
ไว้เปน็ คร้งั แรก (อยี ปิ ต์ / ฮบี รู)
- ยุคโบราณ ยคุ กลาง สมยั ใหม่ 8. อารยธรรมใดไดร้ ับสมญาวา่ สะพานเช่ือมอารยธรรม
- การปฏิวตั วิ ิทยาศาสตร์ ตะวนั ออกและตะวนั ตก (อารยธรรมศาสนาคริสต์ /
- การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม อารยธรรมศาสนาอิสลาม)
- การปฏิวัตคิ ร้งั สำ� คัญของโลก 9. จกั รวรรดิใดได้รบั สมญาว่า “ครผู ้สู อนวัฒนธรรม”
- นกั ปรชั ญาการเมือง (จักรวรรดโิ รมนั ตะวันตก / จักรวรรดิโรมนั ตะวันออก)
- อารยธรรมจีน 10. แนวคิดในข้อใดทำ� ให้ยุโรปยุคกลางกา้ วเข้าสู่
- อารยธรรมอนิ เดีย การฟนื้ ฟูศิลปวิทยาการ (เสรีนิยม / มนษุ ยนยิ ม)
11. ประวตั ิศาสตร์สมยั ใหมข่ องอินเดียเรม่ิ ต้นเมอ่ื ใด
(สมยั ราชวงศ์โมกุล / หลังจากไดร้ ับเอกราช)
12. “หลักเบญจาธิปไตย” เปน็ แนวความคดิ ของ
ผ้นู ำ� จนี ทา่ นใด (ซนุ ยัต เซน / เหมา เจ๋อ ตุง /
เติ้ง เสี่ยว ผิง)

ลว้ งลกึ ...ขอ้ สอบประวัติศาสตร์

1. ข้อใดจับคู่ชนชาติและความเจรญิ ดา้ นอารยธรรมในสมยั โบราณไดไ้ ม่ถกู ตอ้ ง

1. สุเมเรียน – ตัวอักษรคนู ฟิ อร์ม 2. อัสซีเรียน – ภาพสลักนูนตำ�่

3. ฮบี รู – คมั ภรี พ์ นั ธสญั ญาเก่า 4. เปอร์เซีย – ซกิ กแู รต

5. อียปิ ต์ – คัมภีร์มรณะ

2. ศลิ ปนิ กบั ผลงานทีไ่ ด้สร้างสรรค์ข้ึนในยคุ ฟนื้ ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ ยกเวน้ ข้อใดท่ไี มถ่ กู ต้อง

1. ไมเคิล แองเจโล ผลงานภาพกำ� เนดิ อาดัม รูปสลกั เดวดิ รปู หล่อหินออ่ น ปิเอตา

2. เลโอนารโ์ ด ดาวินซี ผลงานภาพอาหารมอื้ สุดทา้ ย ภาพโมนา ลซิ า

3. มามกั ซโิ อ ผลงานภาพการจ่ายเงินบรรณาการ

4. ราฟาเอล ผลงานภาพพระมารดาและพระบุตร พรอ้ มด้วยนกั บุญจอหน์

5. บอลตเิ ชลล่ ี ผลงานภาพคำ� พิพากษาครั้งสดุ ทา้ ย

3. สมัยฟื้นฟศู ิลปวิทยาการไม่ใหค้ วามส�ำคญั ในเรอ่ื งใด

1. ความเปน็ มนษุ ยนยิ ม 2. ความตอ้ งการอิสระ

3. การวิพากษว์ ิจารณ์ 4. คณุ คา่ ของปัจเจกบคุ คล

5. งานศลิ ปะเพอ่ื ศาสนา

4 โครงการ Sahapat Admission คร้ังที่ 20

4. ขอ้ ใดไม่ได้แสดงถงึ ความขดั แย้งระหว่างประเทศทม่ี ีอุดมการณท์ างการเมืองท่ีแตกต่างกัน

1. สงครามอา่ วเปอรเ์ ซยี 2. สงครามเย็น

3. เกาหลีเหนอื -เกาหลีใต้ 4. ก�ำแพงเบอร์ลนิ

5. วกิ ฤตการณค์ วิ บา

5. ข้อใดไมใ่ ช่องค์การระหว่างประเทศที่ถูกจัดตั้งขน้ึ หลงั สงครามโลกครั้งท่ี 2

1. องคก์ ารสันนิบาตชาติ 2. องค์การสนธสิ ญั ญากลาง

3. องคก์ ารสนธิสัญญาแอนซสั 4. องคก์ ารเอกภาพแอฟรกิ า

5. องคก์ ารของกลมุ่ ประเทศผสู้ ่งน�ำ้ มนั เป็นสนิ คา้ ออก

6. ใครเป็นผู้ต้นคิดในการแบ่งอ�ำนาจปกครองออกเป็น 3 อ�ำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ

ให้เป็นอิสระต่อกัน

1. จอหน์ ลอค 2. โทมสั ฮอบส์

3. มองเตสกิเออร์ 4. ฌอง ชาคส์ รุสโซ

5. อดมั สมธิ

7. เหตกุ ารณใ์ ดในโลกตะวันตกที่ถือวา่ เป็นก้าวแรกของความเป็นประชาธิปไตย
1. การปฏิวัติอนั ร่งุ โรจน์ขององั กฤษ
2. การปฏวิ ัตขิ องชนช้ันกลางในฝรัง่ เศส
3. การปฏวิ ัตเิ พ่ือเอกราชของสหรฐั อเมรกิ า
4. การปฏิวตั ลิ ้มราชวงศโ์ รมานอฟของรัสเซีย
5. การปฏิวตั ขิ องชาวฮังการใี นจักรวรรดิออสเตรีย

8. ทฤษฎีการเมอื งเทียนหมิงหรอื อาณัติแหง่ สวรรค์ เปน็ แนวคิดทเี่ กิดขึน้ ในสมยั ใด

1. ราชวงศฉ์ ิน 2. ราชวงศโ์ จว

3. ราชวงศ์ฮ่นั 4. ราชวงศถ์ ัง

5. ราชวงศ์หยวน

9. ในอารยธรรมอนิ เดยี จกั รพรรดพิ ระองคใ์ ดใชน้ โยบายการปกครองทเี่ นน้ ความสำ� คญั ของหนา้ ทท่ี างมนษุ ยธรรม

ของรฐั และการใชศ้ ีลธรรมในการจดั ระเบียบควบคมุ สงั คม

1. พระเจ้าพิมพิสาร 2. พระเจา้ จันทรคปุ ตท์ ี่ 1

3. พระเจ้ากนษิ กะ 4. พระเจา้ อโศกมหาราช

5. พระเจ้าออรงั เซบ

5 โครงการ Sahapat Admission ครั้งท่ี 20

10. ขอ้ ใดมิไดเ้ ปน็ ผลสบื เนอ่ื งจากการปฏวิ ัติอุตสาหกรรม (เลือก 2 ค�ำตอบ)

1. เกิดลัทธิสังคมนิยม 2. เกดิ ลัทธศิ าสนนยิ ม

3. เกิดลทั ธิจักรวรรดินยิ ม 4. เกิดลัทธิปัจเจกชนนยิ ม

5. เกิดลัทธิพาณิชยนยิ ม

11. “แมกนา คารต์ า” เปน็ เหตุการณ์ทเ่ี กิดข้นึ ใกล้เคียงกบั ข้อใด

1. การเสียกรุงศรีอยุธยาคร้งั ท่ี 1 2. การประดษิ ฐต์ วั อกั ษรไทย

3. การท�ำสนธสิ ัญญาเบอร์น ี 4. การขน้ึ ครองราชย์ของรชั กาลท่ี 5

5. การท�ำสนธิสญั ญาเบาว์รงิ

12. “พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยคอมมวิ นสิ ต”์ ในประเทศไทยประกาศใชเ้ ปน็ ครงั้ แรกในสมยั ทใี่ ครเปน็ นายกรฐั มนตรี

1. จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม 2. พระยาพหลพลพยุหเสนา

3. พระยามโนปกรณน์ ิติธาดา 4. จอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์

5. พลเอกชาตชิ าย ชณุ หะวัณ

13. เมอ่ื ประเทศไทยมกี ารปฏิรปู การปกครองในทศวรรษ 2430 เกดิ เหตกุ ารณส์ ำ� คัญในขอ้ ใด

1. การตง้ั สภาท่ีปรึกษาราชการ 2. การต้ังกระทรวง

3. การตง้ั เจา้ ภาษีนายอากร 4. การตง้ั หอรษั ฎากรพพิ ฒั น์

5. การตง้ั ดุสติ ธานี

14. ข้อใดเปน็ ความรว่ มมอื ระหว่างไทยกับสหรฐั อเมริกาในการตอ่ ตา้ นภัยคอมมิวนิสตใ์ นช่วงสงครามเยน็

1. แถลงการณ์รว่ มถนัด-รสั ก์ 2. ขอ้ ตกลงเสรีไทย

3. ความตกลงสมบรู ณ์แบบ 4. ปฏญิ ญากรุงเทพ

5. อนุสัญญากรงุ โตเกยี ว

15. ข้อใดมิใช่สาระส�ำคัญของการปฏิรูปการปกครองในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
1. การแบ่งเขตการปกครองระหว่างสมหุ กลาโหม-สมหุ นายก
2. การดึงอำ� นาจเข้าสศู่ นู ยก์ ลาง
3. การยกเลกิ ระบบเมืองลกู หลวง
4. การขยายเขตการปกครองของราชธานี
5. การออกกฎหมายก�ำหนดศักดนิ า

6 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ที่ 20

16. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ผลงานของศาสตราจารยศ์ ลิ ป์ พรี ะศรี
1. อนสุ าวรีย์ประชาธปิ ไตย
2. อนุสาวรยี ช์ ยั สมรภมู ิ
3. พระบรมราชานสุ าวรยี ส์ มเด็จพระปิยมหาราช
4. พระบรมราชานสุ าวรีย์สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
5. พระบรมราชานสุ าวรยี ์สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราช

17. พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามภาพแสดงถึงอิทธิพล

ของสถาปตั ยกรรมจากประเทศใด

1. ขอม 2. ลังกา

3. อินเดีย 4. จีน

5. เปอร์เซีย

18. ขอ้ ใดเปน็ ภูมิปัญญาท่ีช้ใี ห้เห็นถงึ ความรูใ้ นการวางแผนจดั การเมอื งในสมยั โบราณ
1. ทุเรยี ง 2. อโรคยาศาลา
3. บาซาร์ 4. ปสาน
5. บาราย

19. มนษุ ย์ในดินแดนประเทศไทยเร่มิ พัฒนาเข้าสกู่ ารเป็นสังคมเมืองเมือ่ ไร

1. ยุคส�ำริด-เหลก็ 2. ยคุ ทองแดง-ส�ำริด

3. ยุคโลหะตอนปลาย 4. ยคุ หนิ ใหมต่ อนปลาย

5. ยุคหนิ กลางต่อหินใหม่

20. การที่พระมหากษตั ริย์ไทยทรงมีฐานะเป็นสมมติเทพ เป็นคตคิ วามเชือ่ ใด

1. พราหมณ-์ ฮินด ู 2. พุทธศาสนาแบบเถรวาท

3. พุทธศาสนาแบบมหายาน 4. คติดั้งเดมิ

5. ลัทธิบูชาธรรมชาติ

21. บุคคลใดมีบทบาทส�ำคัญในการร่วมกันท�ำเค้าโครงร่างรัฐธรรมนูญท่ีมีช่ือว่า An Outline of Changes

in the Form of Government ในสมัยรัชกาลท่ี 7 (เลือก 2 ค�ำตอบ)

1. พระยาศรีวสิ ารวาจา 2. ดร.ฟรานซีส บี แซร์

3. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท 4. พระยารษั ฎานุประดิษฐมหิศรภกั ดี

5. นายเรมอนด์ บ.ี สตเี วนส์

7 โครงการ Sahapat Admission ครั้งที่ 20

22. หลกั การใดอยใู่ นหลัก 6 ประการของคณะราษฎร (เลือก 2 คำ� ตอบ)

1. สันตภิ าพ 2. ภราดรภาพ

3. เอกภาพ 4. เอกราช

5. เสรีภาพ

23. ถ้าจะชมศลิ ปะแบบพระราชนยิ ม ท่านจะเลอื กน�ำชมสถานทใ่ี ด (เลือก 2 คำ� ตอบ)

1. วดั นเิ วศน์ธรรมประวัติ 2. วัดมหรรณพาราม

3. วัดราชบพธิ 4. วดั ราชโอรสาราม

5. วดั เบญจมบพิตร

24. ข้อใดเปน็ รฐั บรเิ วณริมทะเล (เลอื ก 2 คำ� ตอบ)

1. พกุ าม 2. เจนละ
4. สงิ หัสสา่ หรี
3. มชั ปาหิต

5. ศรีสัตนาคนหตุ

25. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะเดน่ เฉพาะของศิลปะสมยั อยธุ ยา (เลอื ก 2 คำ� ตอบ)

1. เรอื นเครอ่ื งสบั 2. พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ ง

3. เจดียท์ รงลงั กา 4. เจดยี ท์ รงพ่มุ ข้าวบณิ ฑ์

5. พระพุทธรปู ส�ำริด

8 โครงการ Sahapat Admission คร้ังท่ี 20

สาระเศรษฐศาสตร์ พชิ ติ TCAS’61

เศรษฐศาสตร์ 1. ขอ้ ใดจัดเปน็ การศึกษาทางดา้ นเศรษฐศาสตรม์ หภาค
(การควบคุมราคาน้�ำมนั / การแก้ไขปญั หาเงินเฟ้อ)
เศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค 2. ระบบเศรษฐกิจทีม่ ีการวางแผนจากส่วนกลาง หมายถึง
ระบบเศรษฐกจิ ในรูปแบบใด (เสรีนยิ ม / สงั คมนิยม)
- เศรษฐศาสตร์เบอ้ื งต้น 3. ตลาดประเภทใดไม่จำ� เป็นต้องมีการโฆษณาสินค้า
- ระบบเศรษฐกจิ ตลาด และบริการ (ตลาดผูกขาด / ตลาดแข่งขันสมบูรณ์)
- อุปสงค์และอปุ ทาน กลไกราคา 4. สหกรณ์เคหสถานจดั เปน็ สหกรณ์ประเภทใด
- เศรษฐกจิ พอเพยี ง สหกรณ์ (สหกรณน์ ิคม / สหกรณ์บริการ)
- ศัพท์เศรษฐศาสตร์ 5. คำ� วา่ “Invisible Hand” เกย่ี วขอ้ งกับแนวคดิ ใดทาง
เศรษฐศาสตร์ (กลไกราคา / คา่ จ้างแรงงาน)

เศรษฐศาสตรม์ หภาค 6. ข้อใดเปน็ ภาษที างอ้อม
(ภาษีเงนิ ได้-ภาษมี รดก /
- การพฒั นาทางเศรษฐกจิ ภาษีมูลคา่ เพมิ่ -ภาษสี รรพสามิต)
- รายไดป้ ระชาชาติ 7. ช่วงเกิดภาวะเงนิ เฟอ้ ในอัตราสูง ใครได้รับประโยชน์
- แผนพฒั นาฯ (ลูกหน้ี-ผู้เชา่ บา้ น / เจา้ หน้-ี ผู้ให้เช่าบ้าน)
- ธนาคาร การเงนิ -การคลัง 8. ในภาวะที่เกดิ การว่างงาน รัฐบาลควรจดั ทำ�
- นโยบายการเงิน-การคลังกับ งบประมาณแบบใด (แบบเกินดลุ / แบบขาดดุล)
การแกป้ ญั หาเศรษฐกจิ 9. หากรฐั บาลต้องการกระต้นุ เศรษฐกจิ ควรใช้
- เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ นโยบายการคลงั แบบใด
- ดุลการช�ำระเงิน ดลุ บัญชเี ดินสะพดั (เพ่ิมรายจา่ ยภาครฐั -ลดภาษี /
- กลุม่ เศรษฐกิจ ลดรายจ่ายภาครฐั -ลดภาษ)ี
- วกิ ฤตเศรษฐกิจไทยปี 40 และโลก 10. ข้อใดเปน็ นโยบายการคลงั เพอ่ื แก้ไขปัญหาเงินเฟอ้
(เพ่มิ อัตราดอกเบย้ี / เพม่ิ อัตราภาษ)ี
11. ขอ้ ใดไม่เก่ียวขอ้ งกบั ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกิจ
(ARF / BIMSTEC)

9 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ที่ 20

ลว้ งลกึ ...ข้อสอบเศรษฐศาสตร์

1. ข้อใดคอื ปญั หาพน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ ของทุกระบบสังคม

1. ปัญหาการวา่ งงาน 2. ปญั หาเงินเฟ้อเงินฝืด

3. ปญั หาความยากจน 4. ปัญหาการกระจายรายได้

5. ปญั หาความขาดแคลน

2. ลกั ษณะใดท่เี ปน็ ลกั ษณะท่สี ำ� คญั ทสี่ ุดของระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยม
1. การทำ� งานของระบบอาศยั กลไกของราคา
2. ภาคเอกชนมีความเสมอภาคทางดา้ นรายได้
3. ภาคเอกชนมเี สรภี าพในการประกอบการทกุ กรณี
4. การทำ� งานของระบบอาศยั กลไกของราคาโดยมีการวางแผนจากรฐั บาล
5. ภาคเอกชนไดร้ บั มอบหมายจากรฐั บาลใหร้ บั ผดิ ชอบในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารสำ� หรบั คนสว่ นใหญ่

3. ภาวะดุลยภาพของตลาดจะเกดิ ขึน้ เมื่อใด
1. จำ� นวนผซู้ ือ้ เทา่ กับจำ� นวนผูข้ าย
2. ปริมาณเสนอซือ้ สมดุลกบั ราคาเสนอขาย
3. อุปสงคส์ ่วนเกินและอปุ ทานส่วนเกนิ มีค่าเทา่ กบั ศูนย์
4. ผู้ซื้อสามารถซือ้ สนิ ค้าได้ตามจำ� นวนทตี่ ้องการ
5. ผู้ขายสามารถขายสนิ ค้าไดต้ ามราคาท่ีต้องการ

4. ข้อใดมใิ ช่ลกั ษณะของตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์
1. มีผูซ้ ื้อและผู้ขายจำ� นวนมาก
2. สนิ คา้ ทซ่ี ื้อขายกันมลี กั ษณะเหมือนกนั ทุกประการ
3. การขายสนิ คา้ แต่ละชนิดตอ้ งอาศัยการโฆษณา
4. ผ้ซู อ้ื และผ้ขู ายแต่ละรายต่างมคี วามรอบรู้สภาวะตลาดเป็นอย่างดี
5. หน่วยธุรกจิ สามารถเขา้ หรือออกจากธรุ กิจการค้าโดยเสรี

5. การบริหารจัดการความเส่ียงให้เพียงพอพร้อมรับผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงทั้งจากภายนอกและ

ภายในประเทศ สัมพนั ธ์กบั องค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียงด้านใด

1. ความมเี หตุมผี ล 2. ความพอประมาณ

3. การมภี ูมิคุ้มกนั ทดี่ ี 4. ความรู้และคุณธรรม

5. การพง่ึ ตนเอง

10 โครงการ Sahapat Admission ครั้งท่ี 20

6. ข้อใดมใิ ช่องค์ประกอบของสหกรณ์
1. มีกลุ่มบุคคลซ่ึงมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจัดต้งั ขนึ้
2. เป็นเจ้าของและจดั การรว่ มกันในกล่มุ สมาชิก
3. สมาชิกมสี ิทธิออกเสยี งมากนอ้ ยตามมลู คา่ หนุ้
4. ส่งเสริมยกระดับทางเศรษฐกจิ ของสมาชกิ
5. ร่วมปฏิบตั งิ านเพอื่ กลุ่มในหลักการชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกัน

7. ใครเปน็ ผู้เสยี ประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อมากที่สุด

1. เจา้ ของโรงเรยี น 2. ครทู ีโ่ รงเรยี น

3. พอ่ คา้ ขายนำ้� แขง็ 4. แม่ค้าขายข้าวแกง

5. ผู้เชา่ ทด่ี ิน

8. ในชว่ งภาวะเศรษฐกิจตกตำ�่ รัฐบาลด�ำเนินนโยบายงบประมาณแผ่นดินแบบใด

1. งบประมาณสมดุล 2. งบประมาณแบบหดตัว

3. งบประมาณเกินดุล 4. งบประมาณแบบขยายตวั

5. งบประมาณขาดดุล

9. ถ้าอัตราแลกเปล่ียน 1 ดอลลารส์ หรัฐฯ ต่อ 30 บาท เปลยี่ นเป็น 1 ดอลลาร์สหรฐั ฯ ตอ่ 35 บาท
จะทำ� ใหเ้ กดิ ผลอย่างไร
1. ราคาสนิ ค้าออกของไทยถูกลง
2. ราคาสนิ คา้ เข้าจากต่างประเทศถูกลง
3. ดุลการชำ� ระเงนิ ของไทยขาดดุลมากขน้ึ
4. ดลุ บัญชเี งินโอนของไทยขาดดุลมากขึ้น
5. ภาระในการชำ� ระหนตี้ ่างประเทศของไทยลดลง

10. รายการใดไม่รวมอยใู่ นบญั ชีเดนิ สะพดั

1. ดุลการคา้ 2. ดลุ บรกิ าร
4. เงนิ โอน
3. รายได้

5. เงินทนุ

11. การท่นี กั ลงทนุ ในต่างประเทศโอนเงินเขา้ มาซอ้ื หลักทรัพย์ในตลาดหลักทรพั ย์แหง่ ประเทศไทย

มูลค่าซอื้ หลกั ทรพั ย์นั้นจะบันทกึ อยูใ่ นบัญชใี ดของดุลการชำ� ระเงนิ ของประเทศไทย

1. บญั ชเี งนิ ทุน 2. บัญชรี ายได้

3. บญั ชีการคา้ 4. บัญชบี ริการ

5. บัญชเี งนิ โอน

11 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ท่ี 20

12. ขอ้ ใดคือค�ำจ�ำกัดความของหน้ีสาธารณะ

1. หนี้ภาคครัวเรอื น 2. สนิ เชอ่ื ของธนาคารพาณชิ ย์

3. หนที้ ่ีรัฐบาลกู้หรือใหค้ �้ำประกัน 4. หนี้ของประชาชนในประเทศทุกคนรวมกัน

5. สนิ เชอ่ื ที่ธนาคารแหง่ ประเทศไทยปล่อยกเู้ พอื่ ชว่ ยสภาพคลอ่ งของสถาบันการเงิน

13. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ข้อมลู ที่น�ำมาคดิ ในการคำ� นวณผลิตภัณฑม์ วลรวมในประเทศดา้ นรายจา่ ย

1. เงนิ บำ� เหน็จบ�ำนาญ 2. เงนิ เดอื นนายกรัฐมนตรี

3. มูลค่าการสง่ ออกรถยนต ์ 4. ค่าน�้ำมันของรถมอเตอรไ์ ซคร์ บั จา้ ง

5. มูลคา่ เคร่อื งมอื เคร่ืองจักรของโรงงานทอผ้าฝ้าย

14. อะไรเป็นสาเหตทุ ที่ �ำใหต้ ลาดมีลักษณะเปน็ ตลาดผกู ขาด
1. การประหยัดตอ่ ขนาดการผลติ 2. ทรัพยากรในการผลติ มแี พร่หลาย
3. สินคา้ สว่ นใหญม่ ีลักษณะคล้ายกนั 4. ผู้ซือ้ มกี ารตอบสนองต่อการเปลยี่ นแปลงราคาสูง
5. ผู้ซือ้ มีขอ้ มลู เก่ยี วกับราคาสินค้าของผขู้ ายทกุ รายในตลาด

15. ขอ้ ใดเป็นผลดขี องตลาดแขง่ ขันสมบรู ณ์ในทัศนะของผู้บรโิ ภคเมื่อเปรยี บเทยี บกับตลาดอ่ืนๆ
1. ผผู้ ลติ แต่ละรายต่างไมแ่ สวงหากำ� ไรสงู สุด
2. ผ้ผู ลติ แต่ละรายไมม่ อี �ำนาจกำ� หนดราคาขาย
3. ผ้บู ริโภคไม่ต้องรับภาระคา่ ใช้จา่ ยในการโฆษณา
4. ผู้บริโภคม่นั ใจวา่ อุปทานของสินค้ามมี ากเพียงพอ
5. ผูผ้ ลติ จะต้องผลิตสนิ คา้ ตามความตอ้ งการของผบู้ ริโภค

16. ทฤษฎใี หมข่ ้นั ที่ 1 มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื การใดเปน็ หลัก
1. การผลติ และการแลกเปลยี่ นในชมุ ชน
2. การผลิตเพ่อื การบริโภคขัน้ พ้ืนฐานของครอบครัว
3. การแกป้ ัญหาการขาดแคลนเงนิ ออมและเงนิ ลงทุน
4. การลดความเส่ยี งจากการขาดแคลนแหลง่ นำ้� กินน้�ำใช้
5. การลดต้นทุนคา่ เสยี โอกาสในการใชท้ ดี่ นิ ใหเ้ กดิ ประโยชน์

17. ชมุ ชนท่ตี อ้ งการพึ่งตนเองและชว่ ยเหลือกนั ดา้ นเงินทนุ ในการใช้จ่ายเมอื่ มีความจำ� เปน็

ควรจดั ต้ังสหกรณ์ประเภทใดข้ึนในชุมชน

1. สหกรณ์นิคม 2. สหกรณร์ า้ นคา้

3. สหกรณ์บริการ 4. สหกรณ์การเกษตร

5. สหกรณอ์ อมทรัพย์

12 โครงการ Sahapat Admission ครงั้ ท่ี 20

18. หลกั การท่สี �ำคญั ทส่ี ดุ ของสหกรณ์คือขอ้ ใด
1. มีกฎระเบยี บข้อบงั คบั ถูกตอ้ งตามกฎหมาย
2. มสี ทิ ธิเสมอกนั แตม่ ุง่ ชว่ ยเหลือผูม้ ฐี านะยากจน
3. สมาชิกช่วยกันแกป้ ญั หา ใชท้ รัพยากรท้องถิ่นอย่างค้มุ ค่า
4. ยดึ หลกั ประชาธิปไตย ไม่แสวงหาก�ำไร แบ่งปนั ประโยชน์อย่างเปน็ ธรรม
5. มปี จั จัยการผลติ เชน่ เดียวกันกบั ธุรกิจทั่วไป มีการบรหิ ารจดั การในชมุ ชนเท่าน้นั

19. กองทนุ การเงินระหวา่ งประเทศใหป้ ระเทศสมาชกิ กู้ยมื ไปเพ่อื แกป้ ัญหาใด
1. รฐั บาลกู้จากธนาคารพาณชิ ย์จนเต็มอัตราแล้ว
2. รัฐบาลกจู้ ากประชาชนจนถงึ ระดบั เพดานหน้สี าธารณะแลว้
3. รฐั บาลขาดดลุ งบประมาณ
4. เงินส�ำรองตา่ งประเทศตำ่� มาก
5. ดลุ การชำ� ระเงนิ เกนิ ดลุ

20. พอ่ คา้ ไทยส่งน�ำ้ ตาลทรายออกไปขายต่างประเทศมลู คา่ 500 ลา้ นบาท รายการดังกล่าวรวมอยใู่ นดลุ ขอ้ ใด

(เลอื ก 2 ค�ำตอบ)

1. ดุลการคา้ 2. ดุลบญั ชรี ายได้

3. ดุลบญั ชีเดนิ สะพดั 4. ดลุ บญั ชที ุนเคลื่อนยา้ ยสทุ ธิ

5. ดุลบัญชที ุนสำ� รองระหวา่ งประเทศ

21. ถ้ารัฐบาลจ�ำเป็นตอ้ งตงั้ งบประมาณแบบขาดดุล รัฐบาลก่อหน้ไี ด้โดยวิธีใด (เลอื ก 2 ค�ำตอบ)

1. ออกต๋วั เงนิ คลังขายเอกชน 2. ออกตวั๋ สัญญาใชเ้ งินขายประชาชน

3. ออกพนั ธบตั รขายประชาชน 4. กเู้ งนิ ระยะยาวจากต่างประเทศ

5. กู้เงินระยะสัน้ จากสถาบันการเงินในประเทศ

22. เมอื่ เกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ จะทำ� ใหเ้ กดิ ผลอยา่ งไร (เลอื ก 2 ค�ำตอบ)
1. ประชาชนมคี วามต้องการถอื เงนิ น้อยลง
2. ประชาชนจะกักตุนสนิ คา้ น้อยลง
3. ค่าของเงนิ ลดตำ่� ลง
4. ทรพั ย์สนิ ท่ีไมม่ ีราคาตายตวั จะมีมูลคา่ นอ้ ยลง
5. ลูกหนเ้ี สยี ประโยชนเ์ พราะช�ำระหน้ีด้วยเงินท่มี คี า่ ลดลง

13 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ท่ี 20

23. เม่อื เกิดการว่างงาน รฐั บาลควรจะท�ำอยา่ งไร (เลอื ก 2 ค�ำตอบ)

1. ใชน้ โยบายการคลังแบบหดตวั 2. ใช้นโยบายการคลงั แบบขยายตวั

3. ลดปรมิ าณเงินในท้องตลาด 4. ลดการใช้จ่ายของภาครฐั

5. เกบ็ อตั ราภาษใี หน้ อ้ ยลง

24. สินคา้ หรือบรกิ ารใดจดั วา่ เป็นสินค้าสาธารณะ (เลอื ก 2 ค�ำตอบ)

1. การกระจายเสยี งทางวิทยุ 2. สถานสงเคราะห์ผูส้ ูงอายุ

3. มหาวิทยาลยั ของรฐั 4. การปอ้ งกนั ประเทศ

5. ห้างสรรพสินคา้

25. ข้อใดเป็นขอ้ ดีของตลาดผูกขาด (เลอื ก 2 คำ� ตอบ)

1. เกิดการประหยัดต่อขนาดการผลติ 2. ชว่ ยสง่ เสรมิ ดา้ นการวิจัยพัฒนา

3. มปี ระสทิ ธภิ าพมากทส่ี ุด 4. ราคาตำ่� สุดและกำ� ไรสงู สุด

5. เกิดความสูญเปล่าน้อยท่ีสดุ

14 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ท่ี 20

สงั คมศกึ ษา(O-NET+สามัญ) อ.ธนัช ลาภนิมติ รชยั (ครพู ี่หมุย) SociThai

ภมู ศิ าสตร์ คำ� ทอ่ ง

เครือ่ งมือทางภูมศิ าสตร์

1. อปุ กรณ์ทวั่ ไป สเตอร์สาม....................................................
• กล้องสามมติ ิ (Stereoscope) ใชม้ องภาพถา่ ย แพลนนิ.........................................................
ทางอากาศ ให้เปน็ สามมิติ นเ่ี ทเล...........................................................
• เครอื่ งมอื วดั พนื้ ท่ี (Planimeter) ใชว้ ดั พน้ื ทขี่ อง ขยับ .............................................................
รูปบนพืน้ ทร่ี ะนาบสอ่ งผ่านเลนส์
• กล้องวัดระดับ (Telescope) ใช้ส�ำรวจระดับ
ความสูงจากพนื้ ดนิ
• เครอ่ื งยอ่ ขยายแผนท่ี (Pantograph) ยอ่ - ขยาย
แผนทตี่ ามมาตราสว่ นทต่ี อ้ งการโดยการลอกลาย
ด้วยมือ

2 อุปกรณว์ ัดลกั ษณะอากาศ เทอร์โม .........................................................
• เทอร์โมมเิ ตอร์ (Thermometer) ใชว้ ดั อณุ หภูมิ กดดนั ...........................................................
ของอากาศ ป้าชืน้ ...........................................................
• บารอมเิ ตอร์ (Barometer) ใชว้ ดั ความกดอากาศ
• ไฮโกรมิเตอร์ (Hygrometer) ใช้วัดความช้ืน แอโร.............................................................
ในอากาศจากการยืด (ชื้นมาก) หด (ช้ืนน้อย) ส่วนเรว็ ลม ....................................................
ของเสน้ ผม ไซไฮ .............................................................
• แอโรเวน (Aero vane) ใชว้ ดั ทศิ ทางและความเรว็ (ไฮ = ............................. = ..........................)
ของลม
- แอนนิโมมิเตอร์ (Anemometer)
ใชว้ ัดความเรว็ ลม
• ไซโครมเิ ตอร์ (Psychrometer)ใชว้ ดั ความชน้ื สมั พทั ธ์
และจดุ น�้ำค้างของอากาศ โดยใชเ้ ทอรโ์ มมเิ ตอร์
2 แบบ คือ ต้มุ เปียก-แหง้

15 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ที่ 20

สรปุ 3S

เครอ่ื งมอื 3S คำ� ท่อง KEYWORD

GPS P = POSITIONING ......................... ต�ำแหน่ง, พกิ ดั , น�ำทาง, น�ำร่อง
.......................... .........................

ภาพถา่ ยทางอากาศ เปรยี บเทยี บ แบบซูม
= อากาศ
ดาวเทียม
ซอฟต์แวร์ RS R = REMOTE ......................... ภาพถ่ายดาวเทยี ม เปรยี บเทียบ
.......................... ......................... = อวกาศ แบบกวา้ ง, สำ� รวจ
โบราณสถาน, เมือง
โบราณ, พยากรณ์
อากาศ

GIS I =INFORMATION ......................... พัฒนา, วางแผน, ประเมิน, ตัดสินใจ,
.......................... ......................... จำ� แนก, บูรณาการ

ปรากฏการณ์ เอลนโี ญ (สภาวะอนุ่ ของเอน็ โซ) และลานญี า (สภาวะเยน็ ของเอน็ โซ)เปน็ ปรากฏการณท์ วี่ ทิ ยาศาสตร์
วเิ คราะหว์ า่ เกิดจากภาวะ โลกรอ้ นด้วย

ลานีญา เอลนโี ญ
ทำ� ใหบ้ ริเวณท่แี หง้ แลง้ มี ทำ� ใหบ้ รเิ วณท่ีเคยมีฝน
ความแห้งแล้งมากขน้ึ และ ตกหนักเกดิ ความแหง้ แล้ง
ทำ� ใหบ้ รเิ วณท่ีมีฝกตกยิ่งมี และท�ำให้บริเวณทเ่ี คยแหง้

ฝนตกหนักมากขึน้ แลง้ มีฝนตกหนัก

16 โครงการ Sahapat Admission ครั้งที่ 20

ปรากฏการณ์ ลกั ษณะ ตะวันออกแปซิฟกิ ตะวันตกแปซิฟกิ
เอลนโี ญ (อเมรกิ ากลาง, เปร,ู (ออสเตรเลยี , อนิ โด,
(EL NINO) ลมสินคา้ มกี ำ� ลงั อ่อนกวา่ ปกติ ฟลิ ปิ ปนิ ส์, ออสเตรเลยี ,
ลานญี า ทำ� ให้กระแสน�้ำพนื้ ผวิ แปซฟิ กิ เอกวาดอว์, ชิล)ี
(LA NINA) (อุ่น) เคลือ่ นที่ไปยังทิศตะวันตกได้ ฝนตกหนกั ไทย)
น้อยลง และย้อนกลบั มาแทนที่ แหง้ แล้ง
กระแสน้�ำเยน็ บรเิ วณชายฝง่ั ฝงู ปลา........................ เกดิ ไฟป่าในออสเตรเลีย,
ตะวนั ออก อินโดนีเซยี
ลมสินค้ามกี �ำลังแรงกวา่ ปกติ แหง้ แลง้
ทำ� ให้กระแสน�ำ้ พน้ื ผวิ แปซิฟิก ฝงู ปลา........................ .........................
(อุ่น) เคลอื่ นท่ีจากทิศตะวนั ออก หนัก
ไปยงั ทิศตะวันตกมากขึ้น น้ำ� ท่วม

โญ (เอลนีโญ) รายละเอียด
อนิ โด ทแี่ ปซฟิ ิกฝั่งตะวนั ตก (เอเชยี ) เช่น ประเทศอินโดนเี ซยี ไทย ฟลิ ิปปินส์ ออสเตรเลยี
นิวซแี ลนด์
.................... เกดิ ภาวะแหง้ แล้ง น้ำ� แล้ง ไฟไหม้ ไฟปา่ เมฆและฝนลดลง ฤดูฝนล่าช้า น้�ำนอ้ ย การเกษตรเสยี
ไฟ หาย
ฝนตกหนัก แผ่นดินถล่ม ปรมิ าณสัตว์นำ้� ลดลง
....................
แต่ ทแ่ี ปซิฟกิ ฝ่งั ตะวนั ออก (ชายฝงั่ ตะวนั ตก + ตอนเหนอื ของอเมรกิ าใต)้
เชน่ ประเทศชลิ ี เปรู เอกวาดอร์
....................
ชิ

....................

ญา (ลานีญา) รายละเอียด
แหง้ ที่แปซฟิ ิกฝงั่ ตะวันออก (ชายฝัง่ ตะวนั ตก + ตอนเหนือของอเมริกาใต้)
เช่น ชลิ ี เปรู เอกวาดอร์
.................... ฝงู ปลาชกุ ชุมกว่าปกตเิ พราะน�ำ้ เย็นลอยตัวขนึ้ สูง แพลงตอนเยอะ
มี
แตม่ ีฝนมามากกวา่ ปกติมฝี นตกหนกั นำ้� ทว่ ม (อาจมพี ายุฤดูร้อนบอ่ ยขนึ้ )
....................
แต่ ที่แปซิฟิกฝั่งตะวนั ตก (เอเชีย)เช่น อนิ โดนเี ซยี ไทย ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ออสเตรเลยี

....................
ฝง่ั

....................

17 โครงการ Sahapat Admission ครงั้ ที่ 20

พนั ธะสญั ญาด้านสง่ิ แวดล้อม

ค�ำท่อง พันธะสญั ญา สาระสำ� คัญ

ไซเตส อนสุ ญั ญาไซเตส ขอ้ ตกลงวา่ ดว้ ยการอนรุ กั ษ์ และควบคมุ การคา้ ทรพั ยากร
........................... สัตว์ป่าและพืชป่า ที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือถูกคุกคาม
ระหวา่ งประเทศ

อนสุ ัญญาแรมซาร์ ข้อตกลงอนรุ กั ษพ์ ้นื ทช่ี ุม่ น�้ำ

แรมซาร์
...............................

เกียวโต พธิ ีสารเกียวโต ประเทศภาคตี อ้ งรว่ มกนั ลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก
.......................... มีกลไกการลด คือ การจดั ให้มีตลาดซอ้ื ขายแลกเปล่ยี น
กา๊ ซคารบ์ อน (คารบ์ อนเครดติ )

มอนทรีออล พิธีสารมอนทรอี อล การเลกิ ใชส้ ารทำ� ลายชน้ั โอโซนจำ� กดั การผลติ และใชส้ าร
.......................... คลอโรฟลูโอคาร์บอน (ซีเอฟซี)

บาเซลิ อนสุ ญั ญาบาเซิล การควบคมุ การเคลอ่ื นยา้ ยและการกำ� จดั ของเสยี อนั ตราย
.......................... ข้ามแดน

รอตเตอร์ดมั อนุสญั ญารอตเตอร์ดมั อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการแจง้ ขอ้ มลู นำ� เขา้ -สง่ ออกสารเคมี
.......................... ล่วงหน้า ส�ำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกัน
........................... ก�ำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนดิ ระหวา่ งประเทศ

เวยี นนา อนุสัญญากรุงเวยี นนา ปอ้ งกนั คมุ้ ครองมนษุ ยแ์ ละสง่ิ แวดลอ้ มจากการทโี่ อโซน
ในบรรยากาศถูกท�ำลาย

UNFCCC อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพ
ภมู ิอากาศ (โลกรอ้ น)

18 โครงการ Sahapat Admission คร้ังท่ี 20

ลับสมอง

1. ระบบเนวิเกเตอร์ในรถยนต์ เรือ หรือในสมาร์ตโฟนท่ีใช้บอกเส้นทาง และจุดหมายปลายทางในการ
เดินทาง อาศัยระบบ GPS (O-NET 60)
2. ผู้ประกอบการธุรกิจการขนส่ง ควรเลือกใช้ระบบก�ำหนดต�ำแหน่งจึงจะติดตามการเคล่ือนท่ีของ
ยานพาหนะขนส่งส่ิงของไดต้ ลอดเวลา(O-NET 59)
3. การรังวัดภาคพ้ืนดินและงานรังวัดทางวิศวกรรมของการวางแผนระบบชลประทานในชุมชน ควรเลือก
ใช้เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการสำ� รวจและกลอ้ งระดับจงึ จะมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ (O-NET 59)
4. ประเทศไทยมพี น้ื ท่ีราบล่มุ ทลี่ ุ่มชน้ื ประเทศไทยจงึ ตอ้ งเปน็
สมาชิกและปฏิบัติตามกฎหมายของอนุสัญญาแรมซาร์
เพอื่ อนรุ ักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยนื (O-NET 59)
5. แผนภมู นิ ใ้ี ชอ้ ธบิ ายการเกดิ ปรากฏการณเ์ อลนโี ญ (9วชิ า 59)
6. ความแหง้ แลง้ ทเ่ี กดิ ข้นึ บริเวณพืน้ ทดี่ า้ นแปซฟิ กิ ตะวนั ตก
และภูมิภาคอาเซียนเนื่องจากสภาวะอากาศแล้งจมตัวลงและอุณหภูมิน้�ำในมหาสมุทรสูงข้ึน
(9 วิชา 59)
7. การนำ� เข้าแบตเตอร่ใี ชแ้ ลว้ เปน็ การละเมิดขอ้ ตกลงดา้ นส่งิ แวดล้อมของอนสุ ญั ญาบาเซลิ (9 วิชา 57)
8. ประเทศสหรฐั อเมริกาไม่ขนขยะมพี ษิ มาไว้ท่ีประเทศไทยตามอนุสญั ญาบาเซิล (9 วิชา 56)
9. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงพิธีสารมอนทรีออลและพิธีสารเกียวโต
(O-NET 56)
10. ธารน�ำ้ แข็งขั้วโลกละลายมใิ ชผ่ ลกระทบต่อโลกและการด�ำรงชีวติ ของมนษุ ย์จากปรากฏการณ์เอลนีโญ
(O-NET 48)

19 โครงการ Sahapat Admission คร้ังที่ 20

ศาสนา ศลี ธรรม และจรยิ ธรรม

ปัจจัยท่ีน�ำไปสู่การเกิดศาสนา –
ความ…………. และความ………….
ส่งผลท�ำให้มนุษย์ต้องการท่ียึดเหนี่ยว
และพ่งึ พงิ ทางจติ ใจ

องคป์ ระกอบของศาสนา

ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
- อารยธรรมลุม่ แมน่ ำ�้ สนิ ธุ
1. แหลง่ ก�ำเนดิ อยใู่ นดนิ แดนชมพทู วีป บริเวณริมลุ่มแมน่ �ำ้ สินธุ
2. มีเมืองโบราณที่ส�ำคัญ คือ โมเฮนโจดาโร และ เมืองฮารัปปา อยู่ในประเทศปากีสถาน
ในปัจจบุ ัน
3. เป็นแหล่งอารยธรรมพ้นื ถิน่ ของชาวดราวิเดยี นหรอื ชาวทราวิฑ (ผวิ ดำ� )
- ยคุ พระเวท
1. ตอ่ มาบริเวณนีม้ ชี าวอารยนั ทอ่ี พยพมา เกดิ ศาสนาพราหมณ์ข้นึ
(ไมป่ รากฏศาสดาผูก้ ่อต้งั ) = เข้าสยู่ คุ พระเวท
2. มีการรวบรวมบทสวดท่เี ชอื่ วา่ ได้ยินไดฟ้ งั มาจากพระเจา้ โดยตรง โดยพวกพราหมณ์ เรียกว่า ศรตุ ิ
3. คมั ภรี ท์ ่สี �ำคญั ก็คือ คมั ภีรพ์ ระเวท หรอื ไตรเพทแบ่งออกเป็น 4 บท

20 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ที่ 20

คัมภรี ์ ท่องวา่ รายละเอียด

ฤคเวท ………….…………...………….................. บทสวดมนต์ทั่วไป
สามเวท
ยชรุ เวช ………….…...................……….…………. บทขับกล่อมถวายน�ำ้ โสมแกพ่ ระอินทร์

อาถรรพเวท ………….………...................….…………. คาถาท่ีจ�ำเป็นแก่การกระท�ำพิธีสังเวยตามความ
เชือ่ ในศาสนา

………….……...................…….…………. บทสวดคาถาเกีย่ วกับไสยศาสตร์

4. ปลายยคุ พระเวทศาสนาพราหมณไ์ ดเ้ ปลยี่ นมานับถอื พระเจ้าองค์เดียวคือ พระพรหม
5. เกิดระบบวรรณะ แปลว่า สีผิว ระบบวรรณะถูกสร้างข้ึนโดยมีจุดประสงค์เพ่ือรักษาความบริสุทธิ์
ของเช้อื ชาติชาวอารยนั ภายหลงั ถกู กำ� หนดโดยอาชีพและหน้าที่

วรรณะ หน้าที่ สีประจ�ำ พรหม ยุค เช้ือชาติ
วรรณะ
พราหมณ์ ศกึ ษาและสอน ปาก กฤตยคุ อารยัน อรยิ กะ
กษัตรยิ ์ พระเวทและ สีขาว แขน ไตรดายคุ อารยนั อรยิ กะ
แพศย์ ประกอบพิธีกรรม (บรสิ ุทธ์)ิ โคนขาหรอื ทวาปรยุค อารยนั อรยิ กะ
รบและปกครอง สแี ดง สะโพก
ศูทร (เลอื ด) กลียุค ชาวพน้ื เมือง
หารายไดเ้ ขา้ รฐั สเี หลอื ง เท้า ดราวิเดียน
เป็นคนทไ่ี ม่ใช่ (ทอง)
สองอนั แรก เชน่
พอ่ คา้ ชาวนา ไมม่ ี

เป็นต้น
รับใช้ และทาส

* ถา้ แต่งงานขา้ มวรรณะ ลกู เกิดมาเปน็ จณั ฑาลซง่ึ จะไมม่ คี นวรรณะอ่นื คบหาสมาคมด้วย

21 โครงการ Sahapat Admission ครั้งท่ี 20

- ยุคมหากาพย์
1. เกิดมหากาพย์ส�ำคัญ 2 เร่ือง คือ รามายณะ = ตน้ ฉบบั ของ
เรอื่ งรามเกยี รต์ิและ มหาภารตะ = ต้นก�ำเนดิ ของภควทั คตี า
2. ยกพระวิษณุ พระศวิ ะ มาเทา่ พระพรหม รวมเปน็ เทพเจ้าสูงสุดองค์เดียว
เรยี กวา่ พระตรีมรู ติ ใชอ้ กั ขระคำ� ว่า โอมเป็นการรวมค�ำยอ่ ของพระนามเทพเจ้าท้ังสาม

พระพรหม พระวิษณุหรอื พระนารายณ์ พระศิวะหรือพระอศิ วร

ผสู้ รา้ ง ผ้รู กั ษา ผทู้ ำ� ลาย
นกิ ายพรหม นิกายไวษณพ นกิ ายไศวะ
นับถอื พระพรหมเป็นใหญ่ นบั ถอื พระวษิ ณเุ ปน็ ใหญ่ นบั ถอื พระศวิ ะเป็นใหญ่

- ยคุ อปุ นษิ ัท
1. ต่อมาศาสนาพราหมณ์เริ่มเส่ือมลง หลังจากการเกิดขึ้นของศาสนาเชน และศาสนาพุทธ จึงมีการ
ปฏิวัติศาสนาขึ้นใหม่ จึงเปล่ียนช่ือมาเป็นศาสนาฮินดู ปฏิวัติแนวคิดในคัมภีร์ทางศาสนา
คอื คัมภรี อ์ ุปนิษทั
2. เกิดปรัชญาทางศาสนา สอนให้มนุษย์มีเป้าหมายในการด�ำเนินชีวิต เพื่อการแสวงหาทางหลุดพ้น
จากการเวียนว่ายตายเกดิ คือ โมกษะ

22 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ท่ี 20

ศาสนาครสิ ต์
- กอ่ นการประสตู ขิ องพระเยซู (ศาสนายูดาห์)
1. เดิมชาวยิวเป็นพวกเร่ร่อน ท�ำมาหากินด้วยการเล้ียงสัตว์ ต่อมาอับราฮัมบอกว่าได้พบกับพระเจ้า
และพระองค์ได้ทรงตรัสให้อับราฮัมน�ำพาชาวยิวไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์จะประทานให้
คือ ดนิ แดนคานาอนั (ดนิ แดนแห่งพนั ธสัญญา) ตอ่ มาดินแดนแห้งแลง้ ชาวยวิ จึงอพยพไปอียิปต์
และตกเปน็ ทาสถกู ใช้แรงงานอย่างหนกั
2. พระเจา้ ไดม้ าพบกบั โมเสส ชาวยวิ ทเ่ี กดิ ในอยี ปิ ตแ์ ละมโี องการใหโ้ มเสสนำ� ชาวยวิ อพยพ จาก…….....
กลับไปยังดินแดนคานาอันแต่การเดินทางเต็มไปด้วยความล�ำบาก ท�ำให้ชาวยิวแตก
ความสามคั คกี นั
3. โมเสสจึงขึ้นไปยังภูเขาซีนาย เพ่ือหาความสงบในทางใจและหาทางแก้ไขสถานการณ์
ท่ีเกิดขึ้นพระเจ้าได้มาพบโมเสสและประทานบัญญัติ 10 ประการให้มาแจ้งกับ
ชาวยิว โมเสสจึงถือเป็นศาสดาพยากรณ์ของศาสนายูดาห์ และเป็นผู้แต่งส่วนต้นของคัมภีร์
“พนั ธสัญญาเดมิ ” (เก่า)
- พระเยซปู ระสูติ (ศาสนาครสิ ต)์
1. พระเยซู หรอื จีซัส ประสตู ิ ณ เมืองเบธเลเฮม (คริสต์ศกั ราชนับตงั้ แต่พระเยซูประสตู )ิ
2. พระมารดา คือ มารี (ต่อมาได้รบั การยกยอ่ งเปน็ พระแมม่ ารี) และบดิ า คอื โจเซฟ

3. บิดาและพระมารดาพาพระเยซูหนีไปที่อียิปต์ เพราะกษัตริย์เฮโรดส่ังฆ่าเด็กทุกคนในเมือง
อายุ 30 ปี ได้รบั การบพั ติสมา จากเซนตจ์ อหน์ ท่แี มน่ �ำ้ จอร์แดน
4. พระเยซปู ระกาศศาสนา มสี าวก 12 คน
5. จูดาห์ทรยศ รับสินบน ชี้ตัวพระเยซูให้ทหารจับ หลังเหตุการณ์พระกระยาหารมื้อสุดท้ายและ
เป็นที่มาของพิธีมิสซา (ศีลมหาสนิท) คือ เปรียบให้ขนมปังแทนร่างของพระองค์ กับเหล้าองุ่น
เปรียบเสมอื นเลือดของพระองค์ สถิตยส์ นิทอยูใ่ นตวั ของเรา
6. พระเยซูทรงถูกตรงึ ไมก้ างเขนจนส้ินพระชนม์ แสดงถึงความเป็นพระผ้ไู ถ่บาปและแสดงถงึ ความรัก
ความเมตตาที่พระองค์มีต่อมวลมนุษย์ด้วยการท�ำให้มนุษย์มีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับ
พระเปน็ เจ้า ในวันนี้ภายหลังเรียกว่า วันศุกร์ 13
7. หลังจากนนั้ 3 วนั พระเยซูฟ้นื คนื ชพี และปรากฏกายให้เหลา่ สาวกของพระองคเ์ หน็ หลงั จากนั้น
จึงเสดจ็ ขนึ้ สวรรค์ เรยี กวนั น้วี ่า วนั อสี เตอร์

23 โครงการ Sahapat Admission ครงั้ ที่ 20

เปรยี บเทียบความเหมอื น และความแตกต่างของนกิ ายตา่ ง ๆ

นกิ าย โรมันคาทอลิก โปรเตสแตนต์ ออรธ์ อดอกซ์

คริสตศ์ าสนกิ ชน คริสตงั คริสเตียน -
กรุงคอนสแตนตโิ นเปลิ
ศนู ย์กลาง กรุงโรม แควน้ แซกโซนี
ประมขุ ประเทศอิตาลี ประเทศเยอรมนี ประเทศตุรกี
พระสนั ตะปาปา ถือวา่ พระคัมภรี ์ พระสังฆราช หรอื
เป็นสิง่ สูงสุด พระเพททริอาร์ค

นักบวช / x /
/
นักบญุ /แมพ่ ระ / x
ใหค้ วามสำ� คัญตอ่ ศลี ศกั ดส์ิ ิทธ์ิ 7 ข้อ
ศาสนพธิ ีหรอื พิธีกรรม ศลี ศกั ดสิ์ ทิ ธ7ิ์ ขอ้ ศลี ล้างบาปหรือ
ภาษากรกี
ศีลจุ่มและ ภาพ 2 มติ ิ
ศีลมหาสนทิ

ภาษา ภาษาละตนิ ภาษาท้องถ่ิน
รูปเคารพ ไมก้ างเขน ไมก้ างเขน
ทพ่ี ระเยซถู ูกตรึง

24 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ท่ี 20

ศาสนาอิสลาม
- ไมแ่ บง่ แยกความเชอ่ื ออกจากแงม่ มุ อนื่ ของชวี ติ เพราะอสิ ลาม คอื ธรรมนญู แหง่ ชวี ติ ผนู้ ำ� ทง้ั ทางการเมอื ง
และศาสนาเรยี กว่า กาหลบิ
ศาสดา
- นบมี ูฮมั มัด เกดิ ทีน่ ครเมกกะ เปน็ ชาวเผา่ คเู รซ นิสยั ซ่อื สตั ยจ์ นได้รบั สมญาว่า อัลอามีน (ผซู้ อ่ื สัตย)์
อายุ 25 ปี แตง่ งานกบั ท่านหญิงคอดญี ะห์
- อายุ 40 ปี ไดร้ บั โองการจากพระเจา้ ผา่ นมลาอกิ ะห์ (เทวทตู ) ทช่ี อ่ื วา่ ญบิ รออลี ณ ถำ�้ ฮริ ออ์ ระยะแรก
ทำ� อย่างลับ ๆ โดยเรมิ่ จากญาตใิ กลช้ ดิ หลังจากนนั้ 3 ปจี ึงประกาศอย่างเปิดเผย
- ค�ำสั่งสอนของนบีมูฮัมมัดขัดต่อความเชื่อดั้งเดิมส่งผลให้ถูกต่อต้านอย่างหนัก นบีมูฮัมมัดจึงน�ำพา
ชาวมสุ ลิมอพยพจากนครเมกกะ ไปยงั เมดินา (เรม่ิ ต้นฮจิ เราะห์ศกั ราช)
- ฮิจเราะหท์ ่ี 11 นบีมูฮัมมัดเสียชีวิต
นิกาย
การแยกนิกายไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งด้านค�ำสอน หรือหลักปฏิบัติ แต่เป็นความขัดแย้งทางด้าน
การเมืองเรอ่ื งผ้สู ืบทอดการเป็นผูน้ �ำทางศาสนาต่อจากนบีมฮู มั มัด
- ซนุ นี - ยึดหลักคำ� สอนของนบีมูฮมั มดั และคมั ภีร์อลั กุรอานอยา่ งเคร่งครดั เคารพกาหลบิ
เป็นนิกายทม่ี ผี ูน้ ับถอื มากทสี่ ดุ รวมถงึ ภาคใตข้ องไทย ประเทศอินโดนเี ซยี และมาเลเซยี ดว้ ย
- ชอี ะห์หรอื มะง่นุ (แขกเจ้าเซน) –ใหค้ วามส�ำคญั กับผู้ทส่ี บื ทอดเช้อื สายมาจากนบมี ฮู ัมมัด คอื
อาลี คอลฟี ะห์ หรอื กาหลิบคนที่ 4 (ไม่นบั คนอนื่ กอ่ นหน้า) และลูกหลานของอาลีว่าเปน็ ผู้น�ำ
สญั ลกั ษณ์ คือ หมวกสีแดง
- วาฮาบี - กอ่ ตงั้ โดยมฮู มั มดั อบั ดลุ วาฮบั ใหค้ วามสำ� คญั เฉพาะคำ� สอนของนบมี ฮู มั มดั และคมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน
เท่านั้น ไม่นับถือกาหลิบหรืออิหม่ามคนใดว่าเป็นผู้สืบต่อศาสนา จุดมุ่งหมายคือรักษาศาสนาอิสลาม
ใหบ้ ริสุทธเิ์ หมอื นในสมัยท่ีนบมี ฮู มั มดั ยังอยู่

ซุนนี ....................................... ชอี ะห.์ ......................................... วาฮาบี........................................

25 โครงการ Sahapat Admission ครั้งที่ 20

ลับสมอง

1. ความเช่ือเร่ืองมีอ�ำนาจสูงสุดท่ีไม่ใช่พระเจ้าคือความแตกต่างระหว่างศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและ
ศาสนาพทุ ธ(9 วชิ า 60)
2. สงั สารวฏั คอื ความเชอื่ ทศ่ี าสนาพทุ ธและศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดมู รี ว่ มกนั (O-NET 60)
3. ความเชอื่ ชาวมสุ ลมิ ในเรอื่ งศรทั ธาในวนั พพิ ากษาใกลเ้ คยี งกบั เรอ่ื งกรรมในศาสนาพทุ ธ(O-NET 60)
4. การปฏบิ ตั ทิ เี่ หมาะสมทสี่ ดุ ของสงั คมทนี่ บั ถอื ศาสนาแตกตา่ งกนั คอื เชอ่ื มนั่ ในศาสนาของตนและไมล่ บหลู่
หลกั ความคดิ ของศาสนาอน่ื (O-NET 59)
5. ในสมยั พทุ ธกาลการแบง่ คนออกเปน็ ชนชน้ั วรรณะเปน็ การแบง่ ทางดา้ นอาชพี (9 วชิ า 57)
6. ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดไู มม่ ศี าสดา (O-NET 56)
7. โมเสสพาชาวยวิ อพยพจากอยี ปิ ตไ์ ปคานาอนั ตามโองการของพระเจา้ (O – NET 54)
8. พระพทุ ธศาสนา ศาสนาอสิ ลาม พราหมณ์ – ฮนิ ดู มคี ำ� สอนในเรอื่ งเดยี วกนั หลายเรอ่ื ง
ยกเวน้ หลกั คำ� สอนเรอ่ื งพระเจา้ (O – NET 49)

26 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ท่ี 20

ศาสนาพุทธ

ทำ� นองเพลง : คิดมาก (ปาลม์ ม่)ี

27 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ท่ี 20

ลบั สมอง

1. พระอสั สชมิ คี ณุ ลกั ษณะเดน่ คอื เปน็ ผอู้ อ่ นนอ้ มถอ่ มตน (O-NET 60)
2. หากในการทำ� สงั คายนาครงั้ ท่ี 1 ปราศจากพระอานนทเ์ ถระจะสง่ ผลทำ� ใหไ้ มม่ ผี ตู้ อบขอ้ ซกั ถามเกย่ี วกบั
พระธรรม (O-NET 58)
3. พระสารบี ตุ รเปน็ พระสาวกทมี่ ปี ญั ญาลำ�้ เลศิ จนไดร้ บั มอบหมายใหท้ ำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ พระธรรมเสนาบดอี ธบิ าย
เนอื้ ความของธรรมสภุ าษติ (O-NET 58)
4. พระอานนทเ์ ปน็ สหชาติ และไดร้ บั การยกยอ่ งจากพระพทุ ธเจา้ วา่ เปน็ เลศิ กวา่ พระภกิ ษอุ น่ื ถงึ 5 ประการ
(9 วชิ า 57)

28 โครงการ Sahapat Admission ครั้งท่ี 20

หนา้ ทพี่ ลเมือง

29 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ท่ี 20

อำ� นาจและบทบาท คสช. ยตุ ลิ งเมอ่ื คณะรัฐมนตรชี ดุ ใหม่เขา้ รับหน้าท่ี

สนช. ครม. สปช. กรธ.

ท�ำหน้าที่แทนรัฐสภา, ท�ำหน้าที่รัฐบาลจนกว่า ทำ� หนา้ ทขี่ บั เคลอ่ื นปฏริ ปู ทำ� หนา้ ทจ่ี ดั ทำ� รา่ ง พ.ร.บ.
ส.ส.และ ส.ว. จนถึงวัน ครม. ชุดใหม่ จากการ ประเทศจนกวา่ มกี ฎหมาย ประกอบ รธน. จนกว่า
กอ่ นวนั เรยี กประชมุ รฐั สภา เลอื กตั้งเขา้ รบั หนา้ ที่ วา่ ดว้ ยแผนและขน้ั ตอน สนช.พจิ ารณารา่ งฯ เสรจ็
คร้งั แรกหลังเลือกต้งั การด�ำเนินการปฏิรูป ทั้ง 10 ฉบบั
ประเทศ

30 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ท่ี 20

31 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ท่ี 20

• ทรพั ย์ และทรพั ย์สิน ความรู้เกยี่ วกับทรัพย์

ประเภท ลกั ษณะ
ทรพั ย์ วตั ถุมีรูปร่างซง่ึ อาจมรี าคาและถอื เอาได้
ทรพั ยส์ ิน วตั ถุมีรูปร่าง หรอื ไมม่ ีรปู รา่ ง ซ่ึงอาจมรี าคาและถอื เอาได้

• อสงั หารมิ ทรพั ย์ และสังหาริมทรัพย์

ประเภท ลักษณะ
อสงั หารมิ ทรพั ย์ ทีด่ ินและทรพั ยท์ ต่ี ดิ กบั ทีด่ นิ มลี ักษณะเป็นการถาวร หรือประกอบเป็นอนั หนึ่ง
อันเดียวกับท่ีดิน รวมถึงสิทธิอันเก่ียวกับกรรมสิทธ์ิในท่ีดินและทรัพย์ท่ีติดกับ
สังหาริมทรัพย์ ท่ีดนิ นนั้ เช่น สทิ ธจิ �ำนอง(ทรัพย์ที่นำ� เอาไปไหนไม่ได)้

ทรพั ยส์ นิ ทไี่ มต่ ดิ อยกู่ บั ท่ี สามารถนำ� ตดิ ตวั ไปไหนมาไหนได้ เชน่ แหวน, รถยนต,์
งานศลิ ปะ, ทองคำ� และสิทธิเกย่ี วกบั สังหาริมทรพั ย์นนั้ เชน่ ลขิ สทิ ธิ์ สิทธิของ
ผถู้ อื หนุ้

สงั หารมิ ทรัพย์ชนดิ พิเศษ
- เรอื (เรอื ก�ำปนั่ ท่ีมีระวาง >6 ตัน, เรอื กลไฟ/เรือยนตท์ ี่มรี ะวาง >5 ตนั )
- แพ(ต้องเป็นแพท่อี ยู่อาศัย)
- สัตว์พาหนะ (ชา้ ง มา้ ววั ควาย ลา ลอ่ )

32 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ท่ี 20

ตาราง จำ� น�ำ จำ� นอง ขายฝาก ขายฝาก
จำ� น�ำ จ�ำนอง

ทรพั ย์ท่ใี ช้ประกนั
ก. ช�ำระหนี้

สังหารมิ ทรพั ย์ อสงั หาริมทรพั ย์, ทรพั ย์ทุกชนิด
สังหารมิ ทรพั ยพ์ เิ ศษ

ก. ส่งมอบ

สง่ มอบแต่กรรมสทิ ธิ์ ไมต่ อ้ งส่งมอบ
เปน็ ของเจา้ ของทรพั ย์ เจ้าของทรัพย์

ท่ีจ�ำน�ำ ผู้จ�ำนอง

ผดิ นดั ช�ำระ

ตอ้ งขายทอดตลาด ตอ้ งขายทอดตลาด ยึดได้เลย
ไดเ้ ท่านั้น เวน้ ฟอ้ งศาลยึดทรัพย์ ไม่ต้องขายทอดตลาด

เอาไปได้เฉพาะทตี่ ดั หน้ี ได้เลย

ถ้าขายทอดตลาด
ไดเ้ งินไมค่ รบ

ค. ตา่ ง = ประเภทของทรพั ย์

ตอ้ งรบั ผิดชอบ ไมต่ อ้ งรับผดิ ชอบ

33 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ที่ 20

ผหู้ ยอ่ นความสามารถในการทำ� นติ กิ รรม ไดแ้ ก่
• ผเู้ ยาว์ คอื บคุ คลทยี่ งั ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะตามกฎหมาย การบรรลนุ ติ ภิ าวะทำ� ได้ 2 กรณี อาย…ุ ….. ปเี ตม็
และ สมรสตามกฎหมายซง่ึ ทำ� ไดต้ งั้ แต…่ …..ปี
- การทำ� นติ กิ รรมของผเู้ ยาวต์ อ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจาก ……..……..…
- ยกเวน้ นติ กิ รรมทต่ี อ้ งทำ� เฉพาะตวั , นติ กิ รรมเพอ่ื การเลยี้ งชพี สมแกฐ่ านานรุ ปู , การทำ� พนิ ยั กรรมเมอ่ื อายุ
15 ปี และนติ กิ รรมทท่ี เ่ี ปน็ คณุ ประโยชนต์ อ่ ผเู้ ยาวเ์ พยี งฝา่ ยเดยี ว เชน่ ใหโ้ ดยเสนห่ า, ยกเลกิ หนส้ี นิ
• คนวกิ ลจรติ คอื คน……..ทไี่ มเ่ ขา้ ใจในการกระทำ� ของตนเอง
- การทำ� นติ กิ รรมของคนวกิ ลจรติ ทศี่ าลยงั ไมส่ ง่ั ใหเ้ ปน็ คนไรค้ วามสามารถนน้ั ถอื วา่ สมบรู ณต์ ามกฎหมาย
- นติ กิ รรมจะเปน็ โมฆยี ะ หากทำ� นติ กิ รรมขณะทวี่ กิ ลจรติ และคกู่ รณนี นั้ ……..ดว้ ยวา่ ผทู้ ำ� นติ กิ รรมเปน็
คนวกิ ลจรติ
• คนไรค้ วามสามารถ คอื คนบา้ ท…่ี …..……..โดยตอ้ งมผี เู้ สนอไปทศี่ าล
- การทำ� นติ กิ รรม ศาลจะตงั้ ……..……..เปน็ ผทู้ ำ� นติ กิ รรมแทน
• คนเสมือนไร้ความสามารถ คือ บุคคลที่จัดการงานเองไมไ่ ด้หรือถ้าทำ� ก็จะท�ำใหเ้ กดิ ความเสียหาย
แก่ตนเองและครอบครัว ได้แก่ กายพิการหรือจิตไม่ปกติ สุรุ่ยสุร่าย เสเพลเป็นอาจิณ ติดสุรายาเมา
ฟอ้ งศาล ถา้ เปน็ จรงิ ศาลจะตง้ั ……..……..
- นติ กิ รรมบางอยา่ งทำ� เองไดแ้ ตถ่ า้ นติ กิ รรมสำ� คญั ๆ ตอ้ งขอความยนิ ยอมกอ่ น

คนเสมอื น
ไร้ความสามารถ =
……..……..……..

34 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ท่ี 20

เทคนคิ พีห่ มุย
.............................................................................................

ผอู้ นบุ าล ไรค้ วามสามารถ วกิ ลจรติ - ผพู้ ทิ กั ษ์ คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ คนหหู นวก
การหมน้ั : ชายและหญงิ สญั ญาวา่ จะทำ� การสมรสในอนาคต
• ตอ้ งมอี ายุ ….ปบี รบิ รู ณ์ ไดร้ บั การยนิ ยอมจากผแู้ ทนโดยชอบธรรม (อายุ <17….…..)
• สมบรู ณเ์ มอ่ื ฝา่ ยชายไดส้ ง่ มอบหรอื โอนทรพั ยส์ นิ เพอื่ เปน็ ของหมน้ั แกฝ่ า่ ยหญงิ
• เมอื่ หมน้ั แลว้ ของหมน้ั ตกเปน็ สทิ ธแิ กห่ ญงิ ทนั ที
• การผิดสัญญาหมั้น คอื การท�ำผดิ ต่อคูห่ มั้นโดยไมม่ ีเหตุอนั ควร อีกฝา่ ยมีสทิ ธเิ รยี กให้อีกฝ่ายชดใช้
คา่ ทดแทน ยกเวน้ รอ้ งขอใหศ้ าลบงั คบั ใหม้ กี ารสมรส
การสมรส : จะสมบรู ณต์ ามกฎหมายเมอื่ ……..……..ไมใ่ ชแ่ คจ่ ดั งานแตง่ หรอื อยกู่ นิ กนั
• อายุ …….. ปบี รบิ รู ณ์ (หากอายุ < 17 เปน็ ……..……..) ยกเวน้ ศาลสง่ั
• เงอื่ นไข : ไมเ่ ปน็ บคุ คลวกิ ลจรติ , ไมเ่ ปน็ ญาตสิ บื สายโลหติ , ไมค่ วรแตง่ กบั บตุ รบญุ ธรรม, หา้ มจดทะเบยี นซอ้ น
ครงั้ หลงั เปน็ …….., หญงิ หมา้ ยจะแตง่ ใหมต่ อ้ งรอ >……..วนั หรอื 10 เดอื น หรอื มใี บรบั รองแพทยว์ า่
ไมท่ อ้ ง หรอื สมรสกบั คสู่ มรสเดมิ หรอื ศาลสง่ั

35 โครงการ Sahapat Admission คร้ังท่ี 20

ลับสมอง

1. ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ บญั ญตั ไิ วว้ า่ “การจำ� นำ� คอื การทผ่ี จู้ ำ� นำ� สง่ มอบสงั หารมิ ทรพั ยใ์ หแ้ ก่
ผรู้ บั จำ� นำ� เพอ่ื ประกนั การชำ� ระหน”้ี เรอื นแพเปน็ ทรพั ยท์ นี่ ำ� มาจำ� นำ� ไมไ่ ด้ (9 วชิ า 59)
2. กระเบอ้ื งมงุ หลงั คาทจี่ ะนำ� ไปตดิ ตง้ั ทอี่ าคารวรรณสรณไ์ มใ่ ชอ่ สงั หารมิ ทรพั ย(์ O-NET 58)
3. ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคแรกบัญญัตวิ า่ “อันวา่ จำ� นองน้นั คือสญั ญาซึง่
บคุ คลหนง่ึ เรยี กวา่ ผจู้ ำ� นอง เอาทรพั ยส์ นิ ตราไวแ้ กบ่ คุ คลอกี บคุ คลหนง่ึ เรยี กวา่ ผรู้ บั จำ� นอง เปน็ ประกนั
การชำ� ระหน ้ี โดยไมส่ ง่ มอบทรพั ยส์ นิ นนั้ ใหแ้ กผ่ รู้ บั จำ� นอง” ทรัพย์ท่ีน�ำมาจ�ำนองไม่ได้คือรถจักรยานยนต์
ราคาตัง้ แต่ 100,000 บาทขนึ้ ไป
4. บา้ นและสทิ ธจิ ำ� นองเปน็ อสงั หารมิ ทรพั ย์ (O-NET 54)
5. ของหมน้ั ตอ้ งเปน็ ทรพั ยส์ นิ ทม่ี คี า่ ตามสมควร ไดแ้ ก่ เครอ่ื งประดบั เงนิ ทองคำ� อสงั หารมิ ทรพั ยไ์ มถ่ กู ตอ้ ง
ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ (O - NET 60)
6. ครสิ ทำ� สญั ญาซอื้ ขายบา้ นเมอื่ อายุ 17 ปี มผี ลเปน็ โมฆยี ะกรรม (9 วชิ า 57)
7. ขอ้ ตกลงทนี่ ายใหญ่ จา้ งเดก็ ชายคดิ อายุ 17 ปี แสดงภาพยนตร์ โดยไมไ่ ดร้ บั ความยนิ ยอมจากผปู้ กครอง
เปน็ นติ กิ รรมทไี่ มไ่ ดเ้ ปน็ โมฆะกรรม แตเ่ ปน็ นติ กิ รรมทเ่ี ปน็ โมฆยี ะกรรม (O-NET 58)
8. อลนั อายเุ กอื บ 17 ปี จดทะเบยี นสมรสกบั อลนิ อายุ 25 ปี โดยศาลอนญุ าตแลว้ แตไ่ มไ่ ดเ้ ขา้ พธิ สี มรส
ถอื เปน็ การบรรลนุ ติ ภิ าวะทสี่ มบรู ณ(์ O-NET 58)
9. มะลทิ ำ� สญั ญาขายทด่ี นิ เมอ่ื อายุ 18ปี มผี ลเปน็ โมฆยี ะ (9 วชิ า 57)
10. ในการทำ� นติ กิ รรมสญั ญา เจ อายุ 18 ปี หมน้ั แลว้ เปน็ บคุ คลซง่ึ ไมม่ คี วามสามารถในการทำ� นติ กิ รรม
สญั ญาไดต้ ามกฎหมาย (O-NET 57)

น้อง ๆ สามารถดาวนโ์ หลด สดั สว่ นขอ้ สอบ O-NET, 9 วชิ าไทย – สังคม
และเนอ้ื หาเพ่ิมเตมิ “โครงการพระราชด�ำร”ิ และ ประวัติศาสตร์ไทยสโุ ขทยั – หลงั เปล่ียนการปกครอง

ได้ที่ Line @socithai
36 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ที่ 20

วทิ ยาศาสตร์ (O-NET+สามัญ) อ.กรกฤช ศรีวชิ ยั (ครตู ิ่ง)

สาระการเรียนรู้ท่ี 1 ดุลยภาพของสง่ิ มชี ีวิต
บทที่ 1 อยูด่ ีมีสขุ

1.1 การล�ำเลียงสารผา่ นเขา้ – ออกเซลล์ ม ี 5 ประเภท
1. การแพร่ คือ การเคล่อื นทข่ี องสาร จากบรเิ วณทีม่ ีความเขม้ ข้นสงู ไปตำ�่ เชน่
2. การออสโมซสิ คอื การแพรข่ องน�้ำ จากบรเิ วณทมี่ นี ้ำ� มากไปสูน่ ำ้� นอ้ ย
3. แบบฟาซลิ เิ ทต คือ การลำ� เลยี งจากความเขม้ ขน้ สูงไปตำ่� โดยมโี ปรตีนตัวพา
4. แบบใชพ้ ลงั งาน คอื การลำ� เลยี งจากความเขม้ ข้นตำ่� ไปสู่สงู โดยมโี ปรตนี ตวั พา
5. การลำ� เลยี งสารขนาดใหญ่ ผ่านโปรตนี ตัวพาไมไ่ ด้ จะใช้เยอ่ื หุ้มเซลลโ์ อบลอ้ ม
1.2 กลไกการรักษาดุลยภาพ
พืช : ดูดน�้ำเข้าทางราก และ คายน�้ำออกทป่ี ากใบ(อยู่ดา้ นลา่ ง)
สง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดยี ว : มีคอนแทรก็ ไทล์ แวคิวโอล ท�ำหนา้ ที ่ ก�ำจดั น้�ำและของเสยี
ปลาน้�ำจดื : มีปสั สาวะมาก แตม่ คี วามเจือจาง
ปลานำ้� เค็ม : มีปสั สาวะนอ้ ย แต่มีความเขม้ ขน้
นกทะเล : มีต่อมขบั เกลือ ทางจมูกและปาก เรยี กว่า ตอ่ มนาซัล
คน : มีหนว่ ยไต ซ่งึ มีโกลเมอรูลัส ทำ� หนา้ ที่ กรองสารขนาดใหญ่ เช่น เม็ดเลอื ด โปรตีน
แลว้ ไหลตอ่ สู่ท่อหน่วยไต ซง่ึ จะท�ำหนา้ ที่ กรองสารขนาดเลก็ ทม่ี ปี ระโยชน์

บทที่ 2 อยอู่ ย่างปลอดภยั

2.1 การปอ้ งกันและก�ำจัดเช้ือโรคของร่างกาย
- เซลล์เมด็ เลือดขาว สรา้ งจากไขกระดกู และอวัยวะน�้ำเหลือง แบง่ เปน็ 2 กลมุ่
กลุม่ 1 ฟาโกไซต์ จะใชเ้ ยื่อหุ้มเซลล์โอบล้อมเชือ้ โรค แลว้ ทำ� ลายเชอื้ โรค
กลมุ่ 2 ลมิ โฟไซต์ แบง่ เปน็ เซลล์ T : จดจำ� และระบชุ นดิ ของแอนตเิ จน แลว้ สง่ สญั ญาณไปที่ เซลล์ B :
แบง่ เซลลแ์ ละพฒั นาเปน็ เซลลพ์ ลาสมา จะสรา้ งแอนติบอดี
- ระบบน้ำ� เหลอื ง เปน็ แหล่งผลิตเซลล์เมด็ เลือดขาว ประกอบด้วยตอ่ มน้ำ� เหลอื ง เชน่ คอ
(เรยี กวา่ ทอนซลิ ) รกั แร ้ โคนขา /เนอื้ เยอ่ื นำ้� เหลอื ง : สรา้ งเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวลมิ โฟไซต์ คอื ตอ่ มไทมสั /
อวยั วะน้ำ� เหลอื ง มขี นาดใหญท่ ่สี ดุ คอื ม้าม
2.2 การเสรมิ สรา้ งภูมคิ มุ้ กนั โรคใหก้ ับรา่ งกาย
• ภูมคิ ุม้ กันก่อเอง : วัคซีน ผลติ จากเช้อื โรค จุลนิ ทรยี ์และสารพิษท่ีออ่ นกำ� ลัง
• ภมู ิคมุ้ กันรบั มา : เซรุ่ม ผลติ จาก แอนตบิ อดี ท�ำให้รา่ งกายมภี มู ิคมุ้ กนั ทนั ท ี

37 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ท่ี 20

เลือดของคนแบง่ เป็น 4 หม ู่ ตามชนดิ ของแอนตเิ จนบนเมด็ เลอื ดแดง

หมเู่ ลอื ด แอนตเิ จนบนเม็ดเลอื ดแดง แอนตบิ อดใี นน�ำ้ เลอื ด
A
B AB
AB
O BA

AB ไม่มี

ไมม่ ี AB

สาระการเรียนรูท้ ่ี 2 พันธุกรรมและสง่ิ แวดลอ้ ม

บทท่ี 1 พันธุกรรม

1.1 การแบง่ เซลล์
• ไมโตซิส: แบ่งเซลลร์ า่ งกาย ได้ 2 เซลล์ มีจำ� นวนโครโมโซมเทา่ เดิม
• ไมโอซิส: แบ่งเซลล์สบื พนั ธ์ ุ ได้ 4 เซลล์ มจี ำ� นวนโครโมโซมลดลงคร่ึงหนง่ึ
เซลล์รา่ งกายคน 1 เซลล์ จะมี 46 โครโมโซม ได ้ 23 คู่ แบ่งเปน็
+ โครโมโซมรา่ งกายหรอื ออโตโซม ( 22 คูแ่ รก )
A เปน็ แอลลีนเด่น เชน่ ลักยิ้ม นว้ิ เกิน คนแคระ ท้าวแสนปม
a เป็นแอลลีนดอ้ ย เชน่ ผวิ เผอื ก ธาลสั ซีเมยี ( เลอื ดจาง )
+ โครโมโซมเพศ (คทู่ ่ี 23 )โดย เพศหญงิ เปน็ XX เพศชาย เป็น XY
Xc เปน็ แอลลีนผิดปกต ิ เชน่ ตาบอดสี ฮีโมฟเี ลยี ( เลอื ดไหลไม่หยดุ )
ภาวะพรอ่ งเอนไซม์กลูโคส – 6 – ฟอสเฟต (G 6 PD)

1.2 การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรม
• มิวเทชนั (mutation) : เป็นการเปลย่ี นแปลงในระดบั ยนี หรอื โครโมโซม
• การสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศ : เกิดจาก การแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซสิ
• การคดั เลือกตามธรรมชาติ : สงิ่ มีชวี ติ จะออกลูกจำ� นวนมาก โดยจะมีความผนั แปรในแต่ละรุ่น
แลว้ เกิดการแก่งแยง่ สิ่งทจี่ �ำเป็นทม่ี อี ยอู่ ย่างจ�ำกัด ซ่งึ สง่ิ มชี วี ิตทเี่ หมาะสม จะรอดได้ และถ่ายทอด
ลกั ษณะสลู่ กู หลาน
• การปรบั ปรงุ พนั ธโุ์ ดยคน เชน่ ปลาทับทมิ และขา้ วพนั ธ์ุ กข 6 กข 10 กข 15

38 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ที่ 20

บทที่ 2 สิง่ มีชีวิตกบั สิ่งแวดล้อม

ชีวนิเวศ คือ ภมู ิประเทศทม่ี สี ิง่ มีชวี ติ อาศยั อยใู่ นสภาพภมู ิอากาศเดียวกัน
1.1 เขตร้อน อยู่ท่ีละติจูด 0 - 30 องศาเหนือ อากาศร้อนช้ืน มีฝนมากท่ีสุด มีความหลากหลาย
ทางชวี ภาพที่สดุ ไดแ้ ก่ แบบปา่ ฝนเขตรอ้ น และ แบบทุ่งหญา้ สะวนั นา
1.2 เขตทะเลทราย อย่ทู ่ีละติจดู 0 - 30 องศาเหนอื อากาศร้อนจัด มฝี นนอ้ ยมาก
1.3 เขตอบอุน่ อยูท่ ีล่ ะติจูด 30 - 60 องศาเหนือ มี 4 ฤดไู ด้แก่ แบบปา่ ผลดั ใบ และ แบบทงุ่ หญา้
( แพรี่ / สเตปส์ )
1.4 เขตไทกา อยทู่ ่ีละติจูด 60 - 80 องศาเหนอื อากาศหนาวเย็น พชื เป็นปา่ สน
1.5 เขตทุนดรา อยู่ทล่ี ะตจิ ดู 80 - 90 องศาเหนือ อากาศหนาวจัด

บทที่ 3 ความหลากหลายทางชวี ภาพ แบง่ ได้เป็น 5 อาณาจักร ดงั นี้

• อาณาจกั รสตั ว์ : เป็นส่งิ มชี ีวิตที่มีหลายเซลล์และรวมเปน็ เนอ้ื เยอื่ เปน็ ผบู้ ริโภค
• อาณาจกั รพชื : เปน็ ส่งิ มชี วี ติ ทม่ี หี ลายเซลลแ์ ละรวมเปน็ เน้ือเยอ่ื เป็นผผู้ ลติ
• อาณาจักรโพรทิสตา : เป็นส่ิงมีชีวติ เซลล์เดยี วหรอื หลายเซลล์
• อาณาจักรเห็ดราและยีสต์ : ยสี ต์มเี ซลล์เดยี ว เห็ดรามีหลายเซลล ์ เปน็ ผูย้ ่อยสลาย
• อาณาจกั รมอเนอรา : เป็นสิ่งมชี ีวิตทเี่ ซลล์ไม่มีเยอ่ื หมุ้ นวิ เคลยี ส
เช่น แบคทเี รีย และ สาหร่ายสเี ขียวแกมน้ำ� เงนิ

39 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ท่ี 20

สาระการเรียนร้ทู ี่ 3 การเคล่ือนทแ่ี ละแรงในธรรมชาติ

บทท่ี 1 การเคลอ่ื นที่ แบ่งเป็น 4 ประเภท

1.1 แนวตรง
แนวระดบั
• อัตราเร็วเฉลยี่ : อตั ราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลา ( เป็นปริมาณสเกลาร์)
• ความเร็วเฉล่ีย : อัตราส่วนระหว่างกระจดั กบั เวลา(ปรมิ าณเวกเตอร)์
• ความเร่ง หาได้จาก ความเรว็ ท่ีเปลี่ยนไปกับเวลาที่เปลีย่ นแปลง
แนวดิ่ง ( ภายใตค้ วามเร่งโน้มถ่วงของโลก / g = 9.8ม/ว2ิ )
• เมอื่ วตั ถตุ กสพู่ ้ืน ท�ำใหม้ คี วามเรว็ เพ่มิ ขึน้ อยา่ งสม่ำ� เสมอ หรอื ความเรง่ คงท่ี
• เมอ่ื วัตถุข้ึนสทู่ อ้ งฟา้ ทำ� ให้มีความเรว็ ลดลงอยา่ งสม่�ำเสมอ หรือ ความเรง่ คงที่
1.2 แบบโพรเจกไทล์ : เปน็ การเคลือ่ นทเ่ี ปน็ เสน้ โคง้ พาราโบลา ประกอบดว้ ย
- ความเรว็ ในแนวระดบั คอื ความเรว็ ทแี่ ท้จริง ซึ่งมคี วามเร็วคงท่ีตลอดเวลา
- ความเร็วในแนวด่งิ เกิดจาก แรงโน้มถว่ งของโลก ซงึ่ จะมีความเรว็ เปล่ยี นแปลง
1.3 แบบวงกลม: ประกอบดว้ ย ความเร็วแนวสัมผสั เปน็ ความเรว็ ทแ่ี ท้จริงของวตั ถแุ ละ
แรงสศู่ ูนย์กลาง สตู ร
1.4 แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย คือ การเคลอื่ นทก่ี ลบั ไปกลบั มาในแนวดงิ่
สตู ร

บทท่ี 2 แรงในธรรมชาติ

2.1 แรงแมเ่ หลก็ : มีทศิ จากข้ัวเหนือ ( N ) ไปขั้วใต้ ( S )
2.1.1 มผี ลต่ออนภุ าคท่มี ปี ระจุไฟฟา้ ทำ� ให้แนวการเคลื่อนท่เี ปลีย่ นแปลงไป
2.1.2 มผี ลตอ่ ขดลวดตวั นำ� โดยเมอื่ ใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นขดลวดทวี่ างตงั้ ฉากกบั สนามแมเ่ หลก็ ทำ� ให้
ขดลวดเคลอ่ื นที่ นำ� ไปใชส้ รา้ งมอเตอรไ์ ฟฟา้ แตถ่ า้ หมนุ ขดลวดใหต้ ดั กบั สนามแมเ่ หลก็ จะทำ� ใหเ้ กดิ
กระแสไฟฟา้ นำ� ไปสรา้ งเครื่องกำ� เนดิ ไฟฟา้
2.1.3 สนามแม่เหลก็ โลก : เป็นโลป่ อ้ งกนั อนั ตรายจากลมสรุ ยิ ะ โดย
ขวั้ โลกเหนอื ทำ� หนา้ ท่ ี เปน็ ข้วั ใตข้ องแมเ่ หลก็
ขวั้ โลกใต้ ท�ำหน้าท ่ี เป็นขั้วเหนอื ของแม่เหลก็

2.2 แรงไฟฟา้ : มีทศิ จากข้วั บวก ( + )ไปข้ัวลบ ( - ) : เขยี นแทนดว้ ย E
มผี ลตอ่ อนุภาคทมี่ ีประจุไฟฟา้ โดยประจุบวก จะเคลื่อนทีท่ ศิ เดียวกบั แรงไฟฟา้ ประจุลบ
จะเคล่อื นท่ีสวนทางกับแรงไฟฟ้า
2.3 แรงโน้มถ่วง : ทำ� ให้เกิดแรงดึงดดู วตั ถุ พ่งุ เขา้ สจู่ ดุ ศูนยก์ ลางของดวงดาว
แรงโนม้ ถว่ งทก่ี ระทำ� ตอ่ วตั ถ ุ คือ นำ้� หนักของวตั ถุ (weight)
โดยคำ� นวณจาก W = mg
2.4 แรงนิวเคลียร์ คือ แรงทีท่ �ำให้อนภุ าคอย่รู วมกนั ในนวิ เคลียส ซึง่ ประกอบดว้ ยอนุภาคโปรตอน
และนิวตรอน (รวมเรียกว่านวิ คลีออน )

40 โครงการ Sahapat Admission ครั้งที่ 20

สาระการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงาน
บทท่ี 1 คลื่นกล คือ คล่นื ท่ีเดนิ ทางไดต้ ้องอาศยั ตัวกลางในการเคล่อื นท ่ี แบ่งเป็น

• คลืน่ ตามขวาง : อนุภาคตวั กลางเคลื่อนทต่ี ง้ั ฉากกับการเคลอ่ื นที่ของคล่ืน เชน่ คล่ืนนำ�้
• คลนื่ ตามยาว : อนุภาคตัวกลางเคล่อื นทีท่ ิศเดียวกบั การเคลือ่ นท่ขี องคลื่น เชน่ คล่นื เสียง
สมบตั ขิ องคลืน่ มี 4 ประเภท
การสะท้อน : เป็นปรากฏการณ์ทที่ ิศทางของคลื่นกลบั สูต่ ัวกลางเดมิ เชน่
การหกั เห : เป็นปรากฏการณท์ ี่คล่นื มอี ตั ราเรว็ เปลยี่ นแปลง เมอ่ื เคลือ่ นทผี่ ่านตวั กลางต่างกัน
โดยความถค่ี งทแ่ี ตจ่ ะมผี ลต่อ ความยาวคลื่น (λ)
การเลี้ยวเบน : เป็นปรากฏการณท์ ่ีทศิ ทางของคลื่นเบนไปจากเดิม
การแทรกสอด : เป็นปรากฏการณ์ทเี่ กดิ จากการรวมตัวของคลนื่ ตง้ั แต่ 2 ขบวน

บทท่ี 2 เสยี ง โดยอัตราเร็วของเสยี งในอากาศ ( V ) จะเพิม่ ขึน้ ตามอุณหภูม(ิ t )

ธรรมชาตขิ องเสียง มี 3 ประเภท
• ระดับเสียง ข้ึนอยกู่ บั ความถขี่ องคลน่ื เสยี ง
คนรบั รู้ คลน่ื เสียงในชว่ งความถี่ 20 เฮิรตซ ์ ถงึ 20 กโิ ลเฮิรตซ์
• ความดัง ข้นึ อยกู่ ับ แอมพลจิ ูดของคล่ืนเสียง
- ขดี การได้ยิน มรี ะดบั ความเขม้ เสียง 0 - 120เดซิเบล
• คณุ ภาพเสียงหรอื น�ำ้ เสียง คอื คณุ ลกั ษณะเฉพาะตัวของเสยี ง ข้ึนอยู่กับ รปู ร่างของคลื่นเสียง
ชว่ ยระบุเสียงทีแ่ ตกตา่ งกนั วา่ เสียงทไ่ี ดย้ นิ เปน็ เสียงอะไร

บทที่ 3 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ประกอบดว้ ย สนามแมเ่ หล็กและสนามไฟฟา้ ท่มี ีทิศตั้งฉากกนั และตงั้ ฉาก

กับการเคลือ่ นทีข่ องคลน่ื โดยไมต่ อ้ งมีตวั กลาง ซง่ึ จะมีความเรว็ ในสญู ญากาศเท่ากนั คอื 3 x 108 เมตร/วนิ าที
และเป็นคลื่นตามขวาง มี 7 ชนดิ ดังน้ี
แกมมา เอกซ์ อัลตราไวโอเลต แสง อนิ ฟราเรด ไมโครเวฟ คลนื่ วิทย ุ
พลังงานมาก/ความยาวคลน่ื นอ้ ย ----------------->พลังงานน้อย/ความยาวคลนื่ มาก

บทที่ 4 พลังงานนิวเคลียร์

4.1 กัมมนั ตภาพรังสี
• รงั สแี กมมา (γ ) เป็นคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า ทมี่ ีสมบตั เิ ป็นกลาง
มีอ�ำนาจทะลุผา่ นมากทีส่ ุด สามารถกน้ั ไดโ้ ดยใช้แผน่ คอนกรีตหรือตะก่ัว
• รงั สบี ีตา (β) เป็นอเิ ลก็ ตรอน มปี ระจุลบ สามารถกนั้ ไดโ้ ดยใช้อะลูมิเนียม
• รังสีแอลฟา (α) เป็นนิวเคลียสของธาตฮุ เี ลยี ม มปี ระจบุ วก ท�ำใหส้ ารเกดิ การแตกตัวเป็นไอออน
ไดด้ ี มีอำ� นาจทะลผุ ่านน้อยที่สุด กนั้ ไดด้ ว้ ยผิวหนงั /กระดาษ

4.2 ปฏิกิริยานิวเคลยี ร์ คอื ปฏิกริ ิยาที่นิวเคลียสของสารตงั้ ต้นเปลีย่ นเป็นธาตุใหม ่
• ฟชิ ชนั : เกดิ จาก นิวเคลยี สของธาตเุ ลขมวลมากแตกตัวเปน็ ธาตเุ ลขมวลน้อย

10n + 23592U ------>14156Ba + 9236Kr +310n
• ฟวิ ชนั : เกดิ จาก นิวเคลียสของธาตเุ ลขมวลนอ้ ยรวมตัวเป็นธาตุเลขมวลมาก
21H + 31H ------>42He + 10n (พบในดาวฤกษ์ (ดวงอาทติ ย์))

41 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ท่ี 20

ครตู ง่ิ : กรกฤช ศรวี ิชัย :ผสู้ อนวชิ าวทิ ยาศาสตรท์ ัว่ ไป / 9 วชิ าสามัญ / O-NET

1. ถ้าพอ่ มีหมูเ่ ลอื ด A แม่มีหมู่เลือด B มลี กู คนแรกมหี มู่เลือด O ลูกคนตอ่ ไปจะมีโอกาสหมเู่ ลอื ดใด
1. A หรอื B
2. A หรือ AB
3. B หรือ AB
4. A B หรือ AB
5. A B AB หรือ O

2. ขอ้ ใดคือสาระส�ำคญั ของทฤษฎีการคัดเลือกตามธรรมชาติ
1. สิง่ มชี ีวิตแตล่ ะร่นุ มลี ูกจำ� นวนน้อย
2. ลกู ทีม่ ลี กั ษณะไมเ่ หมาะสมสามารถปรบั ตวั จนอยู่รอดได้
3. สิ่งมชี ีวติ แต่ละรุ่นมคี วามแตกต่างจากรนุ่ เดิม
4. ลูกที่มีลกั ษณะไม่เหมาะสมสามารถถ่ายทอดลกั ษณะไปยังลูกรุ่นต่อไปได้
5. ส่ิงท่ีจ�ำเป็นต่อการดำ� รงชีวติ ในธรรมชาตมิ อี ยู่อยา่ งไมจ่ ำ� กดั

3. ขณะทีส่ ่งิ แวดล้อมมีอณุ หภูมิสูงขน้ึ ขอ้ ใดเปน็ สิง่ ทีเ่ กดิ ขนึ้ ในร่างกายของเรา

ข้อ อัตราเมแทบอลซิ มึ หลอดเลือดฝอยทีผ่ วิ หนัง กล้ามเน้ือยดึ โคนเสน้ ขน
1 สูงขึ้น ขยายตวั คลายตัว
2 ลดลง ขยายตัว คลายตวั
3 สงู ข้ึน หดตวั หดตัว
4 ลดลง หดตวั หดตัว
5 คงที่
ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปล่ยี นแปลง

4. คนงานคนหนึ่งทำ� งานกลางแจ้งในวนั ท่แี ดดจัดเป็นเวลาหลายชวั่ โมง
ข้อใดเกิดขนึ้ กบั รา่ งกายของเขา
1. ความดันเลอื ดคงที่
2. ไตสรา้ งปัสสาวะมากขน้ึ
3. ทอ่ หนว่ ยไตดูดน�้ำกลบั น้อยลง
4. ไฮโพทาลามัสถูกกระตนุ้ ท�ำให้กระหายน�้ำ
5. ฮอร์โมนจากตอ่ มใต้สมองสว่ นหลงั กระตุ้นการสรา้ งปสั สาวะ

42 โครงการ Sahapat Admission ครัง้ ที่ 20

5. ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
1. การแบง่ เซลล์แบบไมโตซสิ พบได้ในการแบง่ เซลลส์ ืบพันธ์ุเทา่ นั้น
2. การแบง่ เซลล์แบบไมโตซสิ จำ� นวนโครโมโซมจะเพ่ิมขน้ึ สองเทา่
3. การแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซสิ พบในการแบง่ เซลล์รา่ งกายเทา่ น้นั
4. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จากเซลลต์ งั้ ตน้ หนงึ่ เซลล์ ไดเ้ ซลลใ์ หมห่ กเซลล์
5. การแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิสจำ� นวนโครโมโซมจะลดลงเหลือครึ่งหนึง่

6. ลกั ษณะพนั ธกุ รรมของคนในขอ้ ใดท่มี ียีนควบคุมอยบู่ นโครโมโซมเพศ

1. ผวิ เผือก 2. คนแคระ

3. นิว้ เกิน 4. ธาลสั ซีเมีย

5. ภาวะพรอ่ งเอนไซม์กลโู คส - 6 – ฟอสเฟต

7. สัตวช์ นดิ ใดท่ีไม่มีกลไกในการรกั ษาอณุ หภูมขิ องรา่ งกายใหค้ งท ่ี
1. ม้าน้ำ� 2. นกเพนกวนิ
3. พะยนู 4. ปลาวาฬ
5. คา้ งคาว

8. ขอ้ ใดต่อไปนี้อาศยั กระบวนการเอกโซไซโทซิส
1. การแพร่ของน�ำ้ ออกจากเซลล์บผุ วิ
2. การแพร่ของออกซิเจนเขา้ สู่เสน้ เลอื ด
3. การขบั เกลือแร่สว่ นเกนิ ออกทางเหงือกของปลาทะเล
4. การหล่ังเอนไซมย์ อ่ ยอาหารออกมาจากเยื่อบผุ ิวล�ำไส้เลก็
5. การท�ำลายเช้อื โรคของเมด็ เลอื ดขาว

9. หลงั ออกกำ� ลังกายอยา่ งหนัก เลอื ดในร่างกายจะมสี ภาพอยา่ งไร
1. เลือดมสี ภาพเป็นกรด เพราะม ี H+ ในเลือดสงู
2. เลือดมีสภาพเป็นกรด เพราะม ี H+ ในเลือดต�ำ่
3. เลอื ดมสี ภาพเปน็ กลาง เพราะมี H2O ในเลอื ดสูง
4. เลือดมสี ภาพเปน็ เบส เพราะมี OH- ในเลือดสูง
5. เลือดมีสภาพเป็นเบส เพราะมี OH- ในเลือดต่ำ�

43 โครงการ Sahapat Admission คร้ังท่ี 20

10. ข้อใดเรียงลำ� ดบั ของกล่มุ พชื ทีเ่ กิดขึน้ ทดแทนกันในการเปล่ียนแปลงแทนท่แี บบปฐมภมู ิ

ซง่ึ เกิดขึน้ ในชวี นิเวศปา่ ฝนเขตรอ้ นชน้ื ไดถ้ ูกต้อง

1. ไม้พุ่ม ไม้ใหญ่ พชื จ�ำพวกหญา้

2. ไม้พมุ่ พชื จำ� พวกหญ้า ไมใ้ หญ่

3. ไมใ้ หญ่ ไม้พุม่ พืชจำ� พวกหญา้

4. พชื จ�ำพวกหญ้า ไมพ้ มุ่ ไม้ใหญ่

5. พืชจ�ำพวกหญ้า ไมใ้ หญ่ ไม้พมุ่

11. ชายคนหนึ่งเดินรอบสระนำ้� รปู วงกลมรศั มี 7 เมตร 1 รอบ ใช้เวลา 10 วินาที ชายคนนี้มีอตั ราเรว็ เฉล่ียเท่าใด

1. 0.7 m/s 2. 1.4 m/s

3. 2.0 m/s 4. 2.8 m/s

5. 4.4 m/s

12. จากขอ้ 27 ชายคนน้ี จะมีความเรว็ เฉลยี่ กีเ่ มตรตอ่ วนิ าที

1. 0 2. 7

3. 14 4. 21

5. 44

13. ถา้ ปล่อยให้วัตถตุ กลงในแนวดิง่ อย่างเสรี หากวัตถนุ ั้นตกกระทบพ้นื ดนิ ในเวลา 5 วนิ าที ถามวา่ วตั ถกุ ระทบ

พน้ื ดินดว้ ยความเรว็ เท่ากบั กเี่ มตรต่อวินาที

1. 0 2. 4.9

3. 9.8 4. 39

5. 49

14. คาบการเคลอ่ื นที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์มีคา่ ประมาณเทา่ ใด

1. 24 ชั่วโมง 2. 30 วนั

3. 365 วัน 4. 24 เฮริ ตซ์

5. 365 เฮิรตซ์

15. แรงในข้อใดเป็นแรงประเภทเดียวกบั แรงทท่ี ำ� ให้ดวงจนั ทร์อยู่ในวงโคจรรอบโลก
1. แรงท่ที ำ� ใหแ้ มเ่ หลก็ ดดู กนั ได้
2. แรงที่ท�ำให้ลูกแอปเปลิ ตกลงสู่พื้นโลก
3. แรงที่ทำ� ใหอ้ ิเล็กตรอนอย่ใู นอะตอมได้
4. แรงที่ทำ� ให้นวิ คลีออนอย่รู วมกันได้
5. แรงทท่ี �ำใหโ้ ลกปลอดภยั จากลมสรุ ิยะ

44 โครงการ Sahapat Admission ครั้งท่ี 20

16. บนดาวเคราะห์ดวงที่ 1 ซ่งึ มคี วามเร่งโนม้ ถว่ ง 5 เมตร/วินาท2ี หากลงิ ตวั หน่ึงมนี ้�ำหนกั 30 นิวตัน

ลิงตวั นจ้ี ะมีน�ำ้ หนักก่นี วิ ตันบนดาวเคราะหด์ วงท่ี 2 ที่มขี นาดสนามโน้มถ่วงเทา่ กบั 10 นวิ ตัน/กโิ ลกรัม

1. 0.33 2. 6

3. 60 4. 600

5. 3000

17. ขอ้ ใดเกยี่ วข้องกบั การหกั เหของคลืน่
1. ค้างคาวสามารถบนิ หลบส่ิงกีดขวางได้ในท่ีมดื
2. อัตราเร็วของคล่นื ในนำ�้ ลกึ จะมีค่ามากกวา่ ในน้ำ� ตนื้
3. การบผุ นงั ห้องประชุมด้วยวสั ดดุ ูดซับเสียง
4. การเกิดเสียงบตี ส์
5. การได้ยินเสียงเพลงจากหอ้ งขา้ งๆ

18. ของเลน่ โทรศพั ท์อย่างง่ายทำ� จากถว้ ยกระดาษสองใบ เจาะรทู ีก่ น้ และรอ้ ยเชอื กผกู ปม ถ้าดึงเชอื กให้ตึงขนึ้

เสียงทไี่ ด้ยนิ จะเป็นอยา่ งไร

1. เสยี งทุ้มข้ึน 2. เสยี งเหมอื นเดมิ

3. เสยี งแหลมข้นึ 4. เสยี งดงั ค่อยสลับกัน

5. เสียงจะกอ้ งจนฟงั ไม่รูเ้ รื่อง

19. ประสาทสัมผสั ของมนษุ ยส์ ามารถตรวจจับสเปกตรัมคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในช่วงความถีใ่ ดได้

1. วิทยุ 2. ไมโครเวฟ

3. เอกซ์ 4. อนิ ฟราเรด

5. แกมมา

20. กัมมนั ตรังสใี นข้อใด ท่มี ีอำ� นาจในการทะลุทะลวงผา่ นเน้ือสารมากทีส่ ดุ

1. รังสีแกมมา 2. รงั สีบตี า

3. รังสีแอลฟา 4. รงั สีเอกซ์

5. รังสีอัลตราไวเลต

45 โครงการ Sahapat Admission คร้งั ท่ี 20

วิทยาศาสตร์ (O-NET+สามญั ) อ.ธนาวฒั น์ อ้นสุวทิ ย์ (ครแู บร์รี) The BTS

CHEMISTRY

1. อะตอม คือ หนว่ ยทเี่ ล็กท่ีสุดทย่ี ังเป็นธาตุอยู่ ( ถ้าแบ่งจะไมใ่ ชธ่ าตุอกี ต่อไป )
โปรตอน ( p+ ) >> ประจบุ วก , ใช้บอกชนิดธาตุ

นิวตรอน ( no ) >> เป็นกลาง , มมี วลมากกวา่ p+นดิ หน่อย
อเิ ลก็ ตรอน (e- ) >> เป็นลบ , มีมวลน้อยมากๆ

46 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ที่ 20

2. สัญลักษณ์นวิ เคลียรป์ ระกอบดว้ ยสญั ลักษณข์ องธาตุ (X), เลขอะตอม (Z) และเลขมวล (A)

• ไอโซโทป ( Isotope ) = จ�ำนวน p+ เทา่ กนั และ จ�ำนวน noไม่เท่า
Ex11H,21H และ 31H หรือ C126 กบั 146C <<ดูง่ายๆว่า เลขล่างเทา่ แต่ เลขบนไม่เทา่

3. ตารางธาตุ เรยี งตามเลขอะตอม(จ�ำนวนโปรตอน) ต้ังแต่ 1 – 118 มีสมบัติคล้ายกนั เปน็ กลมุ่ ๆ
แนวตั้งเรยี กว่า หมู่ ( Group ) มี 18 หม,ู่ แนวนอนเรียกว่า คาบ ( period ) 7 คาบ
แบง่ เป็น 2 กลมุ่ - กลมุ่ A>> ธาตุเรพรเี ซนเททีฟ ( Representative) คอื 1A - 8A
- กลุ่ม B>> โลหะทรานซิชัน ( Transition ) คือ 1B - 8B ( หมู่ 3 – หมู่ 12 )
แนวโนม้ ความเป็นโลหะ>>ดา้ นซา้ ย จะมาก ด้านลา่ ง จะเยอะ ( อโลหะตรงข้าม )

กลาง น้อย

มาก

47 โครงการ Sahapat Admission ครงั้ ที่ 20

4. การจัดอเิ ล็กตรอนในอะตอม ใชท้ �ำนายต�ำแหน่งในตารางธาตไุ ด้ เชน่
53I 2 8 18 18 7 อยู่ หมู7่ A คาบ 5

5. พนั ธะเคมี คอื แรงไฟฟา้ ท่ใี ช้ยดึ เหนยี่ วระหวา่ งสองอนภุ าค ( ทงั้ อะตอม และไอออน )
หลกั การท�ำนายชนิดพนั ธะง่ายๆ>>ใชต้ ารางธาตุ

การท�ำนายชนิดพนั ธะ ตวั แปลกๆ ตอ้ งเรียนลึกๆ
จำ� บางสารประกอบท่ีออกบ่อยๆไปเลยงา่ ยกว่า
โควาเลนซ์ - จากกึ่งโลหะ >>BCl3 , SiO2
- จากโลหะ>>BeCl2 ,BeO
AlCl3เปน็ โควาเลนซ์ , Al2O3เป็นไอออนิก

6. สมบตั ิของสารทั้ง 3 กลุม่ - จดุ หลอมเหลวสูง เปน็ ของแข็งท่เี หนี่ยว น�ำไฟฟา้ ได้ดี
โลหะ - ผวิ มันวาว เคาะมีเสยี งกังวาล
- จุดเดอื ดสูงมาก เปน็ ของแข็งที่ T ห้องเสมอ ( Tห้อง = 25 OC )
สารประกอบไอออนกิ - แข็งแตเ่ ปราะ แตกงา่ ย ไมน่ �ำไฟฟา้ ( น�ำไดเ้ มอื่ หลอมหรอื ละลายน้�ำ)
- มโี ครงสรา้ งแบบผลกึ
- ส่วนใหญจ่ ดุ เดือด จดุ หลอมเหลวตำ�่ ( เมอื่ เทยี บพนั ธะอนื่ )
พนั ธะโควาเลนต ์ - สมบตั ิมีหลากหลายมากๆ
- เป็นสารกลมุ่ เดยี วท่ีเจอในรูปโมเลกุล


7. พอลเิ มอร์ ( Polymer ) คือ สารโมเลกลุ สายยาวที่มหี น่วยยอ่ ยเรียกว่า มอนอเมอร์ ( monomer )

• โครงสร้างของพอลเิ มอร์ >> ใช้ทำ� นายสมบตั ิทางกายภาพของพอลิเมอร์
- แบบเส้น ความหนาแน่นมาก b.p.สูง แข็ง+เหนียว ตวั อยา่ ง เชน่ พลาสตกิ HDPE , PP, PS, PE
- แบบกิ่ง ความหนาแน่นน้อย b.p.ต่ำ� ยืดหยนุ่ ตวั อย่าง เช่น พลาสติก LDPE
- แบบร่างแห กิ่งหนาแน่นไมม่ าก = เหนยี วมากเช่น บอแรกซใ์ นลูกชิ้นเดง้
ก่งิ หนาแน่นมาก = แข็งสุดๆอาจเปราะหกั งา่ ย ตัวอย่าง Bekalite, melamine

48 โครงการ Sahapat Admission ครั้งที่ 20

8. สารชีวโมเลกุล คือ โมเลกลุ ที่เกย่ี วขอ้ งกบั สิง่ มชี วี ติ มกั มขี นาดใหญ่ และ มคี าร์บอนเป็นโครงสร้างหลกั

1.ลิพดิ 2.โปรตีน 3.คารโ์ บไฮเดรต 4.กรดนิวคลีอิก
(Lipid) ( Protein) ( Carbohydrate) ( Nucleic acid)

โครงสร้าง

พอลิเมอร์ ไมเ่ ป็น เป็น เป็น เปน็
หนว่ ยยอ่ ย กรดไขมนั + กรดอะมโิ น กลูโคส นิวคลีโอไทด์
กลเี ซอรอล เอไมด์ ชอ่ื เพปไทด์ ไกลโคซดิ ิก ฟอสโฟไดเอสสเทอร์
พนั ธะโควาเลนซ์ เอสเทอร์ C H O N S C H O C H O N S P
ธาตุ C H O 4 kcal/g 4 kcal/g
9 kcal/g -
พลงั งาน

9. การเปลย่ี นแปลงของสาร
- แบง่ ตามพลังงานได้ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่

1. ดูดพลงั งาน ( Endothermic ) : ระบบมักมอี ุณหภมู ลิ ดลง Ex สารในบิกเกอร์เย็นลงเม่ือทดลอง
2. คายพลงั งาน ( Exothermic) : ระบบมกั มอี ณุ หภูมสิ ูงขนึ้ Ex การเผาไหม้ , อากาศร้อนกอ่ นฝนตก
แต่ คายความรอ้ นระบบเย็นลดลงก็ได้ เช่น การเปลยี่ นจาก ไอนำ้� - >น�ำ้ - > นำ้� แข็ง

- แบง่ ตามกลไกได้ 2 ลักษณะ คอื
1. กายภาพ เป็นสารเดมิ ( เปล่ียนแปลงเฉพาะรูปร่าง ) เชน่ การเปล่ยี นสถานะ การละลายน�้ำ
2. เคมี เกดิ สารใหมจ่ ากปฏกิ ริ ยิ าเคมี เชน่ การเผาไหม้ การสะเทนิ

10. อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี >> บอกความเรว็ ในการเกิดปฏิกิริยาเคมี

อตั รา = สารท่ีเปลีย่ น
เวลาทใี่ ช้

• อัตรา ( rate ) ดไู ด้จากการเพ่ิม-ลดของสารใน 1 ชว่ งเวลา
• ชว่ งแรกเกิดเร็ว ชว่ งหลงั เกิดชา้ เชน่ ใส่เมนทอสในนำ้� โคก้ ช่วงแรกฟองพุ่ง เวลาผา่ นไปฟองลดลง
จนหายไป

49 โครงการ Sahapat Admission ครง้ั ท่ี 20


Click to View FlipBook Version