The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การละเล่นพื้นบ้านไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-11-29 02:41:34

การละเล่นพื้นบ้านไทย

การละเล่นพื้นบ้านไทย

Keywords: การละเล่นพื้นบ้าน

รถมา้ ชาวเสียม

วธิ เี ลน่

แบ่งผู้เล่นเป็นพวก ๆ ละ ๓ คน เป็นรถม้า ๒ คน เป็นผู้ขับ ๑ คน
คนขับเรียกว่าเจ้าของ ต้องตัวเล็กหน่อยเพื่อให้เบา ต่างพวกต่างไปยังเขต
ที่กำ�หนดให้ ให้ผู้เป็นม้า ๒ คนยืนเคียงกัน ใช้มือประสานข้างหลัง พอได้ยิน
อาณัติสัญญาณ ผู้ขับต้องกระโดดเอาเท้าเหยียบมือผู้เป็นม้าคนละข้าง
ใช้มือกอดคอม้าตัวละข้าง กอดไม่ให้ม้าผละออกจากกัน ทันใดนั้นม้าทั้งสอง
ก็ว่ิงไปยังจุดหมายท่ีได้กำ�หนดให้ พวกใดถึงก่อนโดยไม่ตกก็ชนะ ถึงทีหลัง
หรือตกก่อนเป็นแพ้

ประโยชน์

ฝกึ ความพร้อมเพรียง และเปน็ การออกกำ�ลังกาย

ท่ีมา : จังหวดั แพร่

บทท่ี ๓ การละเลน่ พื้นบ้านไทย 51

ตีจับ

วธิ เี ลน่

กำ�หนดเขตสนามให้กว้างพอกับจำ�นวนเด็กท่ีเล่นซ่ึงจะวิ่งไปมาได้
โดยสะดวก เขตสนามนี้จะเป็นรูปวงกลมหรือสี่เหล่ียมก็ได้ ต้องใช้ปูนโรยเส้น
ให้เห็นเขตแดนชัด ๆ แล้วแบ่งเด็กท่ีเล่นออกเป็น ๒ รุ่น คือ ให้มีรุ่นใหญ่
เป็นผู้จับและรุ่นเล็กเป็นผู้ตี แต่เด็กรุ่นใหญ่น้ันต้องใช้เด็กโต ๆ ซึ่งมีอายุ
ต้ังแต่ ๑๓-๑๔ ขวบข้ึนไป ส่วนเด็กรุ่นเล็กต้องใช้เด็กเล็ก ๆ ซ่ึงมีอายุ
ต�ำ่ กวา่ ๑๑ ขวบลงมา ผู้เล่นท้ัง ๒ รุ่นน้ีจะมีจำ�นวนเท่ากันหรือจะให้รุ่นเล็ก
มากกว่ารุ่นใหญ่ ๒-๓ คนก็ได้

52 บทท่ี ๓ การละเลน่ พ้นื บ้านไทย

เม่ือแบ่งพวกกันเสร็จแล้ว ก็ให้เด็กรุ่นเล็กคือพวกตีเข้าไปอยู่
ในเขตสนามจนหมด ส่วนเด็กรนุ่ ใหญค่ ือพวกจับ ตอ้ งกระจายกนั อยู่รอบสนาม
เมื่อได้อาณัติสัญญาณพวกจับก็กรูกันเข้าไปในสนาม เพื่อพยายามจับ
หรือปลุกปลำ�้และดึงเอาพวกตีออกจากเขตสนามให้หมด ส่วนพวกตี
เมื่อเห็นพวกจับกรูกันเข้ามาจะจับ ก็รวมหมู่กันพยายามใช้ฝ่ามือตี
หรอื ปดั พวกจบั เบา ๆ ปอ้ งกนั ตวั ไวอ้ ยา่ ใหถ้ กู จบั ออกไปไดโ้ ดยงา่ ย การเลน่ เชน่ น้ี
พวกจับต้องหาวิธีล่อจับเอาพวกตีออกไปโดยละม่อม จะเข้าประหัสประหาร
จบั เอาทีเดียวไม่ได้ เพราะตนจะถกู พวกตี ๆ เอาอยา่ งไมเ่ ลอื กที่ ซง่ึ ตนมีหน้าท่ี
จบั จะตีโตป้ ระการใดไม่ได้
การตดั สนิ ถา้ พวกจบั ๆ พวกตอี อกจากเขตไดห้ มด กน็ บั เปน็ พวกจบั ชนะ
แต่ถา้ จบั ออกไม่หมดหรอื ไม่ได้เลยตลอดเวลา ก็เปน็ พวกตีชนะ

ประโยชน์

ผู้เล่นออกกำ�ลังกายทุกส่วน เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ
มีความอดทน ไมโ่ กรธง่าย

ทมี่ า : จงั หวัดลำ�พูน

บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บา้ นไทย 53

ไก่ตบ

วธิ เี ลน่

แบง่ ผเู้ ลน่ ออกเปน็ ๒ พวก ๆ ละเทา่ ๆ กนั ไมจ่ �ำ กดั ขนาดหรอื จะจ�ำ กดั กไ็ ด้
ผู้เล่นท้ังหมดต้องมีตั้งแต่ ๕-๖ คนขึ้นไป และต้องมีหัวหน้าฝ่ายละ ๑ คน
เพอ่ื เปน็ ผนู้ �ำ ไกอ่ อกแสดงในกลางสนาม เมอ่ื ตกลงกนั แลว้ ตา่ งฝา่ ยตา่ งไปหาทก่ี �ำ บงั
ไม่ให้มองเห็นกันได้ เมื่อได้ที่กำ�บังแล้ว การเป็นไก่แล้วแต่หัวหน้าจะให้ใคร
เป็นก่อนเป็นหลัง ต้องมีผ้าฝ่ายละ ๑ ผืน จะใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าอะไรก็ได้
สำ�หรับคลุมตัวไก่ให้มิดตัวไม่ให้รู้จักก็แล้วกัน หยุดนิ่งสักครู่หน่ึงหัวหน้าก็เอา
ผา้ คลมุ คนใดคนหนงึ่ ท่จี ะให้เปน็ ไก่แล้วแตห่ วั หน้าจะเลือก

54 บทท่ี ๓ การละเล่นพื้นบ้านไทย

ก่อนท่ีจะนำ�ไก่ออกแสดงต้องกำ�ชับผู้ที่จะเป็นไก่เสียก่อนว่า
“ถา้ ฝา่ ยเขาตบหลงั บอกใหข้ นั เราตอ้ งท�ำ เปน็ ขนั ดงั ไกแ่ ตต่ อ้ งใหเ้ สยี งเลก็ อยา่ ให้
พวกเขาจ�ำ เสยี งได”้ เมอ่ื นดั แนะกนั เสรจ็ แลว้ จงึ น�ำ ไกอ่ อกแสดงในสนามกลางแจง้
เม่ือถึงสนามแล้วให้ไก่ฟุบตัวลงน่ิงอยู่กับพื้น อีกฝ่ายหนึ่งก็ทำ�ทำ�นองเดียวกัน
ผเู้ ปน็ หวั หนา้ ฝา่ ยหนง่ึ ตอ้ งใชม้ อื ตบหลงั ไกอ่ กี ฝา่ ยหนง่ึ บอกใหข้ นั ไกก่ ท็ �ำ เปน็ ขนั
จะขนั กค่ี รง้ั กแ็ ลว้ แตผ่ บู้ อก เมอ่ื ไดย้ นิ เสยี งไกข่ นั แลว้ ผเู้ ปน็ หวั หนา้ ตอ้ งสงั เกตดวู า่
จะเปน็ ใครและชอ่ื วา่ อยา่ งไร เมอ่ื แนใ่ จแลว้ รอ้ งขานชอ่ื ขน้ึ แลว้ เปดิ ผา้ คลมุ ออกดู
ว่าจะถูกหรือผิด ถ้าทายช่ือถูกก็ได้ไก่น้ันเป็นเชลยของตน ถ้าทายไม่ถูก
ต้องคืนไก่ไปอยู่ดังเดิม ผลัดกันทำ�ดังนี้จนกว่าไก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกขานช่ือ
ได้ไปหมด เมื่อฝ่ายใดหมดก่อนก็ตัดสินให้เป็นฝ่ายแพ้ ฝ่ายได้ไก่มาก
เป็นฝา่ ยชนะเท่านนั้

ประโยชน์

เปน็ การฝึกใหใ้ ชค้ วามสงั เกตและจดจ�ำ ฝกึ สัมผัสทางหู

ทมี่ า : จงั หวัดเชยี งราย

บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บ้านไทย 55

ไก่อก๊ิ อี

วธิ เี ล่น

ผเู้ ล่นแบง่ เป็น ๒ พวก ไม่จำ�กัดชายหญิง พวกหน่ึงไมน่ อ้ ยกว่า ๕ คน
และในพวกหนึง่ ต้องมีหวั หน้าคนหน่ึง ตา่ งพวกต่างแยกกนั ออกไปหา่ งพอควร
โดยไม่ให้เห็นกัน แล้วหัวหน้าของฝ่ายหนึ่ง ๆ ก็เลือกคนในพวกของตน
สมมติให้เป็นไก่ข้างละคน แล้วใช้ผ้าห่อหรือผ้าอะไรก็ได้พอให้คลุมตัวไก่
หวั หนา้ พาเดนิ ไปหมอบลงกลางเขตแดน เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ อกี ฝา่ ยหนง่ึ ทายวา่ เปน็ ใคร

56 บทท่ี ๓ การละเล่นพืน้ บา้ นไทย

วิธีทาย คือหัวหน้าฝ่ายหน่ึงไปจับตรวจดูไก่อีกฝ่ายหน่ึง แล้วบังคับ
ให้ไก่ขันโดยมีคำ�บอกว่า “ขัน” ไก่ก็ขันว่า อิกอ้ีอ้ีอิก เสียงใหญ่เล็กแล้วแต่
จะทำ�เพ่ือไม่ให้เขาจำ�เสียงได้ แล้วหัวหน้าท้ังสองก็ทายว่าคนท่ีเป็นไก่
ของอีกฝ่ายหนึ่งน้ันเป็นใคร (บอกช่ือ) เมื่อทายแล้วหัวหน้าไก่ต้องเปิดผ้า
ใหเ้ ห็นจริงว่าเป็นใคร เพื่อแสดงความบรสิ ทุ ธิ์ ถา้ ตา่ งคนตา่ งทายถูก ก็หายกัน
ตา่ งน�ำ ไกข่ องตนกลบั แตถ่ า้ ฝา่ ยหนง่ึ ทายผดิ ฝา่ ยหนง่ึ ทายถกู ฝา่ ยผดิ ตอ้ งเสยี ไกใ่ หไ้ ป
แลว้ น�ำ ไกต่ วั ใหมม่ าอกี ไกต่ วั ทไ่ี ดไ้ ปกต็ กไปเปน็ ของฝา่ ยนน้ั ใหไ้ ปเขา้ รวมกบั ไกท่ ม่ี อี ยู่
และจะน�ำ มาใหฝ้ า่ ยเดมิ ของไกน่ ัน้ ทายอีกกไ็ ด้ ฝ่ายใดชนะได้ไก่มากกวา่ ๔ ตวั
ให้ข่ีหลงั ในระยะทางไกล ๑๕ ก้าว เป็นรางวลั ผลดั เปล่ียนหวั หนา้ บ่อย ๆ ก็ได้

ประโยชน์

มคี วามสนุกรน่ื เรงิ ทำ�ให้รูจ้ กั สงั เกต

ที่มา : จังหวัดแพร่

บทที่ ๓ การละเล่นพืน้ บ้านไทย 57

ข้ามห้วย

วิธีเล่น

ไมจ่ ำ�กัดจำ�นวนผเู้ ลน่ เล่นมากคนดี ใหค้ นหน่งึ ทำ�ทา่ ตอ่ ไปน้ี
• ทา่ ที่หนึ่ง น่ังเหยียด ๒ ขาซ้อน โดยเอา ๒ สน้ เท้าซ้อนต้ังขึ้
• ท่าท่ีสอง นั่งเอา ๒ สน้ เทา้ ซอ้ นกนั แลว้ เอา ๒ สันมือซ้อนกนั หา่ ง ๆ
• ทา่ ที่สาม น่ังพับศอกขา้ งหนึ่งเท้าดิน แล้วอีกขา้ งหนง่ึ เหยยี ดยกชูไว้
• ทา่ ทสี่ ี่ ยนื โคง้ ตวั ลงขา้ งหนา้ แลว้ เหยยี ดมอื ลง ปลายนวิ้ จรดทหี่ วั แมเ่ ทา้
• ท่าทห่ี ้า ขดี เส้นส�ำ หรับกระโดดไกลเท่าวาของผทู้ �ำ ๑ วา อยา่ งธรรมดา
• ทา่ ท่ีหก วาเหยียด ๑ วา (วาหลวง) ของผทู้ ำ� คือให้ผู้ท�ำ นอนลงแลว้
เหยียดเท้าสุดเท้า เหยียดมือให้สุดมือ แล้วขีดเส้นไกลน้ัน ผู้เล่นเข้า
กระโดดทลี ะคนทกุ ๆ ท่า คอื ตง้ั แต่ท่าที่หนึ่งจนถึงท่าทห่ี ก เป็นตอน ๆ
ไป แตถ่ ้าใครกระโดดไมพ่ น้ ในทา่ ไหน ต้องปรบั ให้เปลย่ี นตวั แทนผู้ท่ี
ทำ�ทา่ อยนู่ ัน้ ในทา่ นั้นทนั ที และท�ำ ทา่ ตอ่ ๆ ไป จนกว่าจะมผี ู้กระโดด
ไม่พ้นมาเปล่ยี น ส�ำ หรับผู้กระโดดไมพ่ ้นแลว้ ถูกปรบั ให้ท�ำ ท่าตา่ ง ๆ นี้
วิธีเล่นห้ามไม่ให้เข้ากระโดดแข่งขันอีกให้คงเหลือเฉพาะผู้ท่ีแสดงได้
ตลอดต้ังแต่ท่าแรกไม่ผิดพลายเลยให้เข้ากระโดดได้ดังน้ีเพื่อจะคัดเอา
ผู้ที่กระโดดได้เย่ียมจนถึงท่าท่ีหก ผู้ที่กระโดดได้เย่ียมจนถึงท่าท่ีหกน้ี
จะได้รับยกย่องจากผู้กระโดดแพ้ทุก ๆ คนให้เป็นผู้หามแห่ไปเป็นพิธี
สนุกนัก

58 บทท่ี ๓ การละเล่นพนื้ บา้ นไทย

วิธตี ดั สนิ

๑. ผ้แู ขง่ ขนั กระโดดไม่พน้ นบั ว่าแพ้
๒. ผกู้ ระโดดไมพ่ น้ ตอ้ งเขา้ แทนผทู้ ท่ี �ำ ทา่ อยกู่ อ่ นและตอ้ งท�ำ ทา่ ตอ่ ๆ ไป
๓. ผแู้ พ้ทกุ ๆ คนต้องยอมหามผู้กระโดดชนะเลศิ ทุกท่า

ประโยชน์

ฝกึ กระโดดไกล และกระโดดสงู ความวอ่ งไว และไหวพรบิ ออกก�ำ ลงั กาย
และความอดทน แขง็ แรง เกดิ ความสนกุ รา่ เรงิ ความสามคั คกี นั ในระหวา่ งผเู้ ลน่

ท่มี า : จังหวดั แพร่

บทท่ี ๓ การละเลน่ พ้ืนบา้ นไทย 59

ดึงหนงั

วธิ ีเล่น

แบ่งผเู้ ลน่ ออกเป็นสองพวกเทา่ ๆ กันจะเปน็ พวกละก่คี นก็สดุ แล้วแต่
จ�ำ นวนคนสมคั ร ปกั เสาหรอื ธงชนะไวฝ้ า่ ยละหลกั คแู่ ขง่ ขนั ทง้ั สองฝา่ ยจบั หนงั
มายืนท่าเตรียมอยู่ระหว่างหลักชัยสองหลักนั้น ผู้ตัดสินวัดระยะห่างจาก
หลักชัยชนะถึงปลายหนังทั้ง ๒ ให้มีระยะเท่า ๆ กัน แล้วให้สัญญาณลงมือ
แข่งขันฝ่ายไหนลากเอาอีกฝ่ายหน่ึงไปถึงหลักธงของฝ่ายตนได้ฝ่ายนั้น
เปน็ ฝา่ ยชนะ

ประโยชน์

เพ่ือรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้ เกิดความสนุกร่ืนเริง สร้างความสามัคคี
ในหม่คู ณะ และไดอ้ อกกำ�ลังกาย

ทีม่ า : จังหวัดเพชรบูรณ์

60 บทท่ี ๓ การละเลน่ พน้ื บา้ นไทย

นางไก่

วธิ ีเลน่

แบง่ ผเู้ ลน่ ออกเปน็ สองพวกควรเปน็ หญงิ พวกหนง่ึ ชายพวกหนง่ึ จะเปน็
พวกละกี่คนก็ได้ แล้วต่างก็บอกพวกของตนออกไปอยู่ในท่ีลับตา ต่อจากน้ี
ตา่ งพวกกเ็ อาผา้ คลมุ คนเลน่ ของตนคนหนง่ึ ใหม้ ดิ ชดิ ซงึ่ สมมตวิ า่ เปน็ “นางไก”่
โดยมอี กี คนหน่ึงเป็นเจา้ ของ นำ�นางไกน่ ้ันออกมาพบกันกลางสนาม ใหน้ างไก่
ขนั เปน็ เสยี งไกข่ นึ้ ดงั ๆ ใหเ้ จา้ ของไกต่ า่ งคนตา่ งทายวา่ ผทู้ เ่ี ปน็ นางไกน่ นั้ คอื ใคร
ถ้าทายถกู ผู้เปน็ เจ้าของไก่ตัวทถี่ กู ทายจะต้องรำ�ให้ดูหนง่ึ เพลง ถา้ ทายผดิ หรอื
ถูกด้วยกันท้ังสองฝ่ายก็แล้วกันไป เม่ือรำ�หรือทายแล้วก็กลับไปซ่อนนางไก่
ออกมาอีก จนพอสมควรกับเวลาจึงเลิกกัน การเล่นชนิดน้ีไม่มีการแข่งขัน
แพช้ นะ เปน็ การเลน่ เพอ่ื ความสนกุ ครกึ ครน้ื มกั เลน่ ในเวลากลางคนื เดอื นหงาย
เพ่ือเป็นการสะดวกในการซอ่ นนางไก่ มกั เล่นในเทศกาลสงกรานต์

ประโยชน์

สร้างความสามคั คีในหมู่คณะ รจู้ ักการสังเกต

ที่มา : จงั หวัดสโุ ขทัย

บทท่ี ๓ การละเลน่ พื้นบ้านไทย 61

ลูไ่ ขเ่ ตา่

วิธเี ล่น

เคร่ืองใช้ในการเลน่ ๑.ลกู หนิ เท่าจ�ำ นวนคนเล่น หรอื จะใชไ้ ม้ซีกเล็ก ๆ
ยาวประมาณ ๓-๘ น้ิวแทนก็ได้จัดสนามเล่น เขียนวงกลมวัดผ่าศูนย์กลาง
๖-๗ ฟุต ตรงศูนย์กลางวงกลมน้ัน นำ�เอาลูกหินหรือวัตถุใด ๆ ท่ีสมมติว่า
แทนไข่วางไวม้ ีจ�ำ นวนเทา่ คนผเู้ ลน่
ให้ผู้จะเล่นมาจับไม้ส้ันไม้ยาว ถ้าคนใดถูกไม้สั้นคนนั้นต้องเป็นเต่า
เมอ่ื ถกู เปน็ เตา่ แลว้ ตอ้ งเขา้ ไปกกไข่ คอื ลกู หนิ ทว่ี างไวใ้ นวงกลมนน้ั การกกไขน่ น้ั
ผู้เป็นเต่าจะต้องเอามือท้ังสองวางกับพ้ืน เหยียดขาท้ังสองออกไปเบ้ืองหลัง
คลา้ ยกับจะเดิน ๔ เท่าฉะนน้ั สว่ นไข่จะตอ้ งอยู่ในร่มอกของเต่า เมื่อเตา่ เข้ากก
ไขเ่ รยี บรอ้ ยแลว้ ผเู้ ลน่ กเ็ ขา้ แยง่ ไข่ สว่ นเตา่ จะตอ้ งใหเ้ ทา้ คอยเตะถบี ผมู้ าแยง่ ไข่
(ห้ามการใช้มือ) แต่การเตะถีบผู้แย่งไข่นั้น ตัวของเต่าจะต้องให้มือหรือเท้า
อยูใ่ นวงกลมนนั้ ดว้ ย ข้างใดข้างหนึ่งจะออกจากวงไปเตะไมไ่ ด้ ถ้ามือหรอื เท้า
ของเตา่ ทงั้ สองข้างออกพน้ เส้นวงกลมไปจะเตะถีบถกู ผแู้ ย่งก็ไมน่ ับว่าถกู

62 บทท่ี ๓ การละเลน่ พนื้ บ้านไทย

ถ้าไข่กระจายออกจากกองแห่งจุดศูนย์กลาง จะกระจายอยู่ในวงกลม
ก็ตาม หรอื ออกนอกวงกลมอยู่ข้าง ๆ ก็ตาม ถา้ ผูแ้ ย่งยงั เอาไปไม่ได้ เต่ามีสทิ ธิ
ที่จะเก็บมารวมไว้ตามเดิม ผู้แย่งจะใช้มือจับถือเอาไข่ก็ได้ หรือจะใช้เท้าเขี่ย
ใหอ้ อกมานอกวงไกล ๆ แลว้ เกบ็ เอาภายหลงั กไ็ ด้ เขา้ แยง่ จะเขา้ ขา้ งหนา้ ขา้ งหลงั
หรอื ขา้ ง ๆ ตวั เต่ากไ็ ด้ ถา้ เต่าเตะหรอื ถีบถกู ผู้แยง่ คนใดเขา้ ผู้ถูกเตะถกู ถบี น้ัน
จะต้องมาเป็นเต่าแทน ไข่ท่ีแย่งได้จากเต่าตัวเดิมเท่าใดจะต้องเอามาส่งคืน
ให้ครบจำ�นวนผ้เู ลน่ อยา่ งเดมิ แล้วเตา่ ตัวใหมเ่ ข้ากกต่อไป
ถ้าผู้แย่ง ๆ ไปได้หมด จับเต่าปิดตาให้พวกแย่งคนใดคนหนึ่งนำ�เอา
จำ�นวนไขเ่ ตา่ ไปซ่อน เรียกวา่ “บม่ ไข”่ ขณะท่มี ผี นู้ �ำ ไขไ่ ปซ่อน ผูเ้ ล่นทงั้ หมด
จะต้องมารวมอยู่ในวงกลมท้ังตัวเต่าด้วย เมื่อผู้นำ�ไข่ไปซ่อนว่ิงกลับมา
เข้าอยู่ในวงกลมเรียบร้อยแล้วก็เปิดตาของเต่าออกเปิดโอกาสให้เต่าไปเดิน
เที่ยวหาไข่ของตน (การซ่อนไม่ให้นำ�ไปซ่อนจนไกลเกินสมควร) เมื่อเต่าเดิน
เที่ยวหาไข่ของตนนั้น ผู้ซ่อนจะต้องเป็นผู้กะเวลา ถ้าประมาณ ๑๐ นาที
เตา่ ยงั หาไขไ่ มไ่ ด้ เรยี กวา่ “ไขเ่ นา่ ” ผนู้ �ำ ไปซอ่ นจะตอ้ งประกาศวา่ “ไขเ่ นา่ แลว้ ”
ผเู้ ลน่ ทกุ คนจะตอ้ งเขา้ จงู มอื บา้ งจบั แขนของตวั เตา่ บา้ ง (แตผ่ นู้ �ำ ไขไ่ ปซอ่ นมสี ทิ ธิ
ทจ่ี ะตอ้ งจบั หเู ตา่ เบอ้ื งขวา ผปู้ ดิ ตากเ็ ขา้ ไปจงู หเู บอื้ งซา้ ย) คอ่ ยเดนิ พาตวั เตา่ ไป
ช้ีบอกที่ซ่อนของไข่ให้ ขณะที่เดินแห่เต่าไปน้ัน ผู้เล่นจะต้องมีบทร้องว่า
“จูงหูจูงหางเอานกยางไปปล่อย” เมื่อเต่าเก็บไข่มาครบตามจำ�นวนแล้ว
กลับเข้ามาในวงกลม และจะต้องเป็นเต่ากกไข่ต่อไปจนกว่าจะถีบหรือแตะ
คนใดคนหน่งึ ได้ แลว้ ผ้ถู ูกถีบเตะจะได้เข้ามาเปน็ เต่าแทนตนตอ่ ไป

ประโยชน์

ได้ออกกำ�ลงั กายและฝกึ ความวอ่ งไวของร่างกาย

ทมี่ า : จังหวัดเชยี งใหม่

บทที่ ๓ การละเล่นพนื้ บ้านไทย 63

หมากขา่ ง

วธิ เี ลน่

มีลูกตั้งฝ่ายละ ๕ ลูก ลูกตั้งใช้ลูกสะบ้า ลูกกลิ้งฝ่ายละเท่า ๆ กัน
ถ้าขา้ งหน่ึง ๑๐ ลกู อกี ขา้ งหนึง่ กต็ อ้ ง ๑๐ ลกู ลูกกลง้ิ ใช้ไมแ่ กน่ เหนียวกลึงรปู
กลมอย่างลกู ฟุตบอล วดั โดยรอบ ๖ น้วิ คร่งึ หรือ ๘ นว้ิ คร่ึง
เมอื่ ต้ังตน้ เล่น ฝา่ ยใดจะลงมอื ขน้ึ กอ่ นก็ได้ แลว้ แตจ่ ะตกลงกนั ลกู กลง้ิ
ท่ีฝ่ายหน่ึงกลิ้งไปเฉพาะเวลาเล่นคร้ังแรกจะต้องเป็นลูกเพ่ิมหรือลูกเชลย
ของฝ่ายนั้นผลัดเปลี่ยนกันได้ ๆ ลูกเชลย จนกว่าจะถูกลูกต้ังได้หมด
หรือแพ้ชนะกนั

64 บทท่ี ๓ การละเลน่ พ้นื บา้ นไทย

การแพช้ นะกนั ถา้ ลูกกลง้ิ ของฝา่ ยใดกล้ิงไปถูกลูกตงั้ ของฝ่ายตรงขา้ ม
ล้มหมด ฝา่ ยทลี่ กู ตงั้ ล้มหมดก่อนเป็นฝ่ายแพ้ ถ้าลม้ เทา่ กันท้งั ๒ ฝ่าย เรียกว่า
เสมอกัน ไม่แพ้ไม่ชนะกัน การท่ีลูกตั้งล้มนั้นต้องล้มด้วยลูกกล้ิงมาโดนลูกล้ม
จรงิ ๆ วตั ถอุ ยา่ งอน่ื ท�ำ ใหล้ ม้ ใชไ้ มไ่ ด้ เชน่ ลกู ตง้ั กบั ลกู ตง้ั ถกู กนั ลม้ หรอื กระเทอื น
ลม้ ใชไ้ ม่ได้
การแพ้และชนะกันแล้วจะเล่นต่อไป ให้ฝ่ายชนะข้ึนต้นทำ�ก่อนเสมอ
ถ้าลูกต้ังล้มหมดทั้ง ๒ ฝ่าย เรียกว่าเสมอกัน ก็ให้ฝ่ายที่มีลูกกลิ้งเดิมค้างอยู่
มอื มากเปน็ ฝา่ ยลงมอื ท�ำ กอ่ น หรอื แลว้ แตจ่ ะตกลงกนั ใหฝ้ า่ ยใดขน้ึ ท�ำ กอ่ นกไ็ ด้
ระยะของการเล่น กว้างยาวแล้วแต่จะตกลงกัน ระยะกลิ้งห่างจากลูกต้ังไกล
ทีส่ ดุ ๖ วา ใกลท้ ่ีสดุ ๔ วา
หมายเหตุ วธิ กี ล้ิงลกู กลิ้ง ใหก้ ล้ิงไปตามพืน้ ดนิ ใชท้ อยหรือโยนหรือปา
ไมไ่ ด้ จะทอยหรอื โยนไดต้ อ่ เมอื่ ลกู ตงั้ ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ เหลอื เพยี งหนงึ่ ลกู เทา่ นนั้

ประโยชน์

เกดิ ความสามัคคีในหม่คู ณะ ฝกึ การใช้มอื

ทีม่ า : จังหวดั แม่ฮ่องสอน

บทที่ ๓ การละเลน่ พืน้ บ้านไทย 65

กาชงิ ไข่

วิธีเล่น

จ�ำ นวนคนเลน่ ตั้งแต่ ๖ คนข้นึ ไป ยงิ่ มีจำ�นวนมากยิง่ ดี วิธเี ลน่ ต้องมีผู้
เฝา้ ไขค่ นหนง่ึ นอกนน้ั จะตอ้ งหาไข่ ซง่ึ ใชอ้ ะไรแทนกไ็ ด้ อาจจะเปน็ ทอ่ นไมส้ น้ั ๆ
กาบมะพรา้ ว มะนาว ฯลฯ กองไวท้ โ่ี คนเสา และทโ่ี คนเสานน้ั ตอ้ งมปี ลอกหลวม ๆ
สวมไว้ มีเชือกยาวประมาณ ๒ เมตร ผูกไว้กับปลอก คนเฝ้าจะต้องจับ
ปลายเชอื กเสมอ พอเรม่ิ ลงมอื เลน่ ผเู้ ปน็ เจา้ ของไขก่ ช็ ว่ ยกนั เขา้ แยง่ ไขท่ โ่ี คนเสา
ผเู้ ฝา้ ไขพ่ ยายามโหนตวั ไปมา เพอ่ื จะถกู ตอ้ งคนเขา้ ไปแยง่ ไข่ ถา้ คนเฝา้ ใชอ้ วยั วะ
ส่วนหน่ึงส่วนใดถูกคนแย่งไข่ คนแย่งจะต้องกลับไปเป็นผู้เฝ้าไข่ทันที
แตถ่ า้ คนแยง่ ไขไ่ ดห้ มดโดยคนเฝา้ มไิ ดถ้ กู ตอ้ งผใู้ ด กใ็ หน้ �ำ ไขไ่ ปกองไวย้ งั โคนเสา
ตามเดมิ และคนเฝา้ ไขเ่ ดิมน่นั เองทำ�หน้าทีเ่ ฝ้าตอ่ ไปในรอบท่ี ๒-๓

ประโยชน์

ฝกึ หัดความว่องไวและไหวพริบ

ทีม่ า : จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี

66 บทท่ี ๓ การละเล่นพื้นบ้านไทย

เกา้ อคี้ น

วิธีเลน่

วธิ จี ดั เกา้ อคี้ นกลางสนาม ไมก่ �ำ หนดจ�ำ นวนผเู้ ลน่ และไมต่ อ้ งมเี ครอื่ งใช้
อยา่ งใด มีความมุง่ หมายเพ่ือได้ออกกำ�ลังดัดกายในกลางแจ้ง ในยามพักผ่อน
ฝึกหัดให้มีความทนทานว่องไวและแข็งแรง ให้ผู้เล่นทุกคนยืนแถวเรียงหนึ่ง
เป็นวงกลมหนั หน้าตามหลงั กันในวงกลม ใหห้ ัวแถวกบั ปลายแถวติดกัน
ผู้ให้อาณัติสัญญาณร้องว่า “หน่ึง” หมายความว่า ให้ผู้เล่นทุกคน
เตรยี มตวั “สอง” ใหผ้ เู้ ลน่ ลงมอื ท�ำ คอื นง่ั งอเขา่ และนง่ั บนเขา่ พรอ้ มกนั ทกุ ๆ คน
เปน็ วงกลม เพ่อื แสดงใหด้ ถู งึ การใชไ้ หวพริบ ความเร็วและความอดทน

ประโยชน์

ฝึกความอดทน การใช้ความเรว็ และการใช้ไหวพรบิ

ที่มา : จังหวัดภเู ก็ต

บทท่ี ๓ การละเลน่ พนื้ บ้านไทย 67

คลี

วิธีเล่น

ให้จดั คนข้างละ ๑๐ คน หรอื มากกวา่ ๑๐ คน จะเปน็ ชายหรอื หญงิ
หรือชายขา้ งหญงิ ข้างกไ็ ด้ ยนื ห่างกนั ประมาณ ๘ วา หรอื ขนาดพอโยนคลีไป
ถึงกันสะดวก ใช้ผ้าขาวม้าหรือผ้าอะไรก็ได้ปั้นกลมประมาณเท่าผลส้มโอ
และผูกเงอ่ื นไว้ ๒ เงอ่ื นส�ำ หรับถอื ไดส้ ะดวกในเวลาโยนไปมา เมอื่ จดั คนเตรียม
พรอ้ มทงั้ ๒ ฝา่ ยแล้วฝา่ ยหนง่ึ ฝ่ายใดจะเป็นผ้โู ยนคลไี ปให้อีกฝา่ ยหน่งึ กอ่ นก็ได้
ถ้าฝ่ายรับจับคลีได้โดยไม่ตกพ้ืนดิน ฝ่ายรับจะได้ปาคนฝ่ายโยนครั้งหนึ่ง
เม่ือฝ่ายรับปาถูกคนหนึ่งคนใดฝ่ายรับก็ได้ตัวผู้ท่ีถูกปามากักขังไว้ในบริเวณ
ถ้าฝ่ายรับปาไปไม่ถูกคนหน่ึงคนใด ฝ่ายถูกปาเก็บคลีน้ันโยนกลับคืนไป
ถ้าฝ่ายรับจับคลีได้อีกก็จะได้ปาฝ่ายโยนอีก แต่ถ้าฝ่ายรับจับคลีไม่ได้ ฝ่ายรับ
กจ็ ะกลบั เปน็ ฝา่ ยโยนคลไี ปใหฝ้ า่ ยถกู ปารบั บา้ ง ฝา่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใดจบั คลไี ดก้ ต็ อ้ ง
ปาฝ่ายโยนเสมอไป ทำ�อย่างน้ีจนมีการชนะหรือแพ้ ท้ัง ๒ ฝ่ายต่างพยายาม
คอยรับคลีที่โยนมาหรือหลบหลีกคลที ี่ปามานนั้ โดยกวดขัน ถ้าฝา่ ยใดฝ่ายหนึง่
ปาถูกคนใดคนหน่ึงก็ต้องพาตัวคนนั้นไปควบคุมดังกล่าวแล้ว แต่ตัวคนที่ถูก
ฝ่ายหน่ึงควบคุมก็จะต้องพยายามดิ้นรนจะออกไปจับคลีท่ีฝ่ายพวกของตน
โยนมาใหไ้ ด้ เมอ่ื จับคลไี ด้ก็เอาคลีน้นั ตีฝา่ ยทค่ี วบคุมตนคนละทที กุ คนเรยี กวา่
“ลานาย” แลว้ ไปทอี่ ยขู่ องตนตามเดมิ ถา้ ออกจบั คลไี มไ่ ดก้ ต็ อ้ งใหฝ้ า่ ยทค่ี วบคมุ
ควบคุมเร่ือยไปจนแพ้ชนะ ฝ่ายท่ีควบคุมก็จะต้องพยายามคอยป้องปัด
มิให้ผู้ที่ถูกคุมตัวไว้ออกจับคลีได้สะดวก ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกปาเอาตัวไป
ควบคุมไว้จนหมดฝ่ายน้ันก็นับเป็นแพ้ ฝ่ายท่ีชนะยกพวกเข้าครอบครองแดน
ของฝ่ายแพเ้ รยี กวา่ “ได้เมอื ง” ฝา่ ยแพต้ ้องตงั้ ท่อี ยใู่ หม่

68 บทที่ ๓ การละเลน่ พ้นื บ้านไทย

ประโยชน์

สรา้ งความสามัคคีในหม่คู ณะ การออกก�ำ ลงั กาย

ทม่ี า : จังหวดั ชุมพร

บทท่ี ๓ การละเล่นพื้นบา้ นไทย 69

ชนโคคน

วิธีเล่น

แบง่ ออกเปน็ สองพวก ๆ ละ ๕ คน ในพวกหนง่ึ สมมติ คนเลน่ ใหเ้ ปน็ โค
๑ คน เป็นหมอแต่งโค ๑ คน เป็นคนถืออาหารและนำ้�สำ�หรับโค ๑ คน
เปน็ คนจงู โคเขา้ วาง ๑ คน คนทีเ่ ปน็ โคเลอื กคนทีม่ รี ่างกายแข็งแรง ฉลาดไหว
พรบิ ดี คนทเี่ ปน็ โคจะตอ้ งคลานใช้มือทงั้ ๒ และเขา่ ทัง้ ๒ ข้างต่างขาโค ใชไ้ หล่
และศรี ษะตา่ งเขาชนกนั คนจงู จงู เขา้ วงชนกนั ตอ้ งมเี ชอื ก ๑ เสน้ ยาวประมาณ
๕ ศอก ใชเ้ ชอื กชนดิ ทีอ่ ่อน ๆ เช่น เชือกดว้ ยเข็ด ขนาดกลางไม่โตและไม่เล็ก
เกนิ ไป ตน้ และปลายเชอื กผวู้ างโคตา่ งถอื ไวข้ า้ งละคน วดั เสน้ เชอื กใหไ้ ดก้ ง่ึ กลาง
พอดีให้คนโคใช้ปากคาบเชือกสมมติว่าร้อยจมูกโค คนที่เป็นหมอแต่งโคเลือก
คนทตี่ ลกขบขนั ทา่ ทางเปน็ คนเลอื่ มใสทางไสยศาสตร์ ตอ้ งมหี มอ้ น�ำ้ มนต์ ๑ ใบ
เวลาเขา้ แตง่ โคฝา่ ยตนผนู้ น้ั จะตอ้ งแสดงวธิ ปี ลกุ เสก ดว้ ยคาถาอาคมตามแตต่ น
จะสมมติข้ึน คนที่จัดอาหารและนำ้�สำ�หรับโคคน จะต้องมีนำ้�และหญ้า
หรอื จะใชข้ นมตา่ งหญา้ กไ็ ด้ ถอื เขา้ สสู่ นามโค เพอ่ื ใหโ้ คคนกนิ ไปกอ่ นเวลาเขา้ ชน
วา่ ดว้ ยวธิ เี ลน่ สนามตอ้ งเปน็ รปู วงกลม ผเู้ ลน่ ทง้ั สองฝา่ ยตอ้ งอยดู่ า้ นตรงกนั ขา้ ม
ตรงกลางสนามกรรมตอ้ งท�ำ เครอื่ งหมายไวก้ งึ่ กลางสนามพอดี เปน็ เขตก�ำ หนด
สำ�หรับพักโคทั้งสองฝ่าย เม่ือจูงโคของตนมาถึงแล้ว จะล่วงลำ้�พาโคของตน
พ้นไปไม่ได้ เมื่อท้ังสองฝ่ายมาถึงเครื่องหมายที่กรรมการทำ�ไว้แล้ว ผู้วางโค
ทั้งสองฝา่ ยตา่ งชกั เชือกท่โี คคนคาบออกเสยี ปลอ่ ยใหโ้ คคนต่อส้กู ันตัวตอ่ ตัว
กรรมการจะตอ้ งใหเ้ วลาผเู้ ลน่ ทง้ั สองฝา่ ยเตรยี มตวั ๑๐ นาที เมอ่ื กรรมการ
ให้อาณัติสัญญาณครั้งที่ ๑ หมอแต่งโคจะต้องเตรียมโคของตน เช่นสมมติว่า
ใหป้ ลกุ เสกคาถาอาคม ผเู้ ลยี้ งโคใหโ้ คกนิ หญา้ เมอื่ ครบก�ำ หนดเวลาทก่ี รรมการ
วางไวใ้ หเ้ ตรยี มตวั แลว้ กอ็ าณตั สิ ญั ญาณครงั้ ที ๒ เมอื่ ผเู้ ลน่ ไดย้ นิ อาณตั สิ ญั ญาณ

70 บทที่ ๓ การละเลน่ พน้ื บา้ นไทย

คร้ังท่ี ๒ ต่างกน็ �ำ โคของตนไปท่ีเครื่องหมายวางโค คนถืออาหารโคไม่ตอ้ งไป
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายจูงโคของตนออกไปสู่ท่ีวางโคนั้น หมอโคต้องเดินนำ�หน้าโค
และประปรายน้ำ�มนต์ไปด้วย พอถึงเครื่องหมายแล้วหมดโคกลับที่เดิม
ต่อจากนั้นเป็นหน้าที่ของคนวางโค เมื่อกรรมการเห็นว่าผู้เล่นทั้งสองฝ่าย
มาถึงที่หมายพร้อมกันแล้ว ก็ให้อาณัติสัญญาณคร้ังท่ี ๓ อาณัติสัญญาณ
คร้ังที่ ๓ ผู้วางทั้งสองฝ่ายต่างชักโคของตนเข้ามาให้ศีรษะถึงกันพอดีแล้ว
เอาเชือกท่ีโคคนคาบออกเสีย แล้วคนวางโคท้ังสองฝ่ายต่างว่ิงกลับที่เดิม
ปล่อยใหโ้ คคนตอ่ สูก้ ันตวั ตอ่ ตวั

บทที่ ๓ การละเลน่ พื้นบ้านไทย 71

ระเบียบของการตดั สิน กรรมการคอยดวู า่
๑. กำ�ลังกายฝา่ ยไหนจะดีกวา่ กัน
๒. หากฝ่ายใดใช้มือเปน็ เครื่องต่อสู้ ตัดสนิ ใหฝ้ ่ายนนั้ เปน็ ผู้แพ้
๓. ฝ่ายโคลม้ หงายหน้าขึ้นแสดงวา่ หมดกำ�ลงั ตดั สินเปน็ แพ้
๔. ฝ่ายโคออกปากว่าสูไ้ ม่ได้เปน็ แพ้
หลักของการเสมอกัน ก่อนลงมือเล่นกรรมการควรจะให้เวลาไว้
หากคตู่ ่อสู้ทง้ั สองฝ่ายมกี ำ�ลงั กายและไหวพรบิ เท่า ๆ กัน สู้กนั ไปจนหมดเวลา
ตัดสนิ เป็นเสมอกนั

ประโยชน์

ได้ออกกำ�ลังกาย เกิดความฉลาด มีไหวพริบ สร้างความสนุกสนาน
ร่ืนเรงิ ในหมู่คณะ

ท่มี า : จงั หวัดสงขลา

72 บทท่ี ๓ การละเล่นพ้นื บ้านไทย

ชิงหลกั ชยั

วิธีเลน่

๑. ปักเสาหลักต้นหน่ึงโตพอควร สูงราว ๒ เมตร หรือจะใช้ต้นไม้
แทนกไ็ ด้ ซงึ่ เรยี กวา่ “หลกั ชยั ” (ควรมผี า้ หรอื ธงตดิ ไวท้ ห่ี ลกั ใหแ้ ลเหน็ ไดช้ ดั เจน)
๒. ต้องมีท่ีเล่นกว้างขวางพอท่ีผู้เล่นจะได้ว่ิงและหลบหนีในเวลาเล่น
และควรมีท่ีกำ�บังการหลบหนีได้ตามควร แต่กรรมการกะอาณาเขตให้ด้วย
(ขนาดเท่าสนามฟตุ บอลกใ็ ชไ้ ด)้
๓. แบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ พวก พวกละเท่า ๆ กัน จะเป็นฝ่ายละกี่คน
ก็ได้แล้วแต่จะเห็นสมควร การแต่งกายของท้ังสองฝ่ายควรแต่งให้ต่างกัน
หรือใช้เคร่ืองหมายต่างกนั
๔. กรรมการจัดให้ผู้เล่นท้ังสองฝ่ายเส่ียงทายกัน ฝ่ายใดเลือกได้ทีหลัง
ถกู เป็นฝา่ ยรับ หรอื เฝา้ หลักชัย ฝา่ ยทเี่ ลือกได้กอ่ นเปน็ ฝา่ ยชิงหลักชยั
สมมติว่า พวกที่เลือกได้ก่อนเป็นพวก ก. และเลือกได้ทีหลัง
เป็นพวก ข. เพราะฉะนั้นพวก ข. จะต้องเป็นผู้เฝ้าหลักชัย การเฝ้าหลักชัย
ให้เลือกคนในพวกของตนคนหน่ึงเป็นผู้เฝ้า ซ่ึงจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด
ที่ไม่ให้ฝ่ายปรปักษ์มาแตะต้องหลักชัยได้ก่อนที่พวกของตนจะถูกตัว
ฝ่ายปรปักษ์ก่อน ถ้าผู้ใดพยายามเข้ามาจับหลักชัยไว้ได้ก่อนฝ่ายเฝ้าหลัก
จะถูกต้องนั้น นับเป็นชนะไปได้คนหน่ึงแล้วคนต่อ ๆ ไปต้องพยายาม
เช่นเดียวกัน แต่ถ้าผู้เฝ้าหลักถูกตัวเสียก่อนท่ีจะมาถึงหลักได้ นับเป็นตาย
คือ หมดสิทธิ์ในการเล่นรอบนัน้ ไปอกี คนหนึง่
ก่อนลงมือเล่นพวก ข. คือพวกท่ีอยู่เฝ้าหลักชัยต้องผูกตาหมดทุกคน
ในขณะท่ีผูกตาแล้วพวก ก. ออกจากที่หนีไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในท่ีต่าง ๆ

บทที่ ๓ การละเล่นพื้นบา้ นไทย 73

อันจะคอยหาหนทางเขา้ มาแย่งหลกั ชัยเป็นท่ีมัน่ ต่อไป กรรมการกเ็ ปา่ นกหวีด
เปน็ อาณตั สิ ญั ญาณ เมอ่ื ทง้ั สองฝา่ ยไดย้ นิ อาณตั สิ ญั ญาณ พวก ข. แกผ้ า้ ผกู ตาออก
และออกไล่จับพวก ก. ทันที พวก ก. ก็ต้ังต้นหนี และคอยหาหนทางเข้ามา
ชิงหลักชัยให้ได้ก่อนท่ีจะถูกจับต้องตัวเสียก่อน (เมื่อจับใครได้แล้วนำ�มามอบ
กรรมการ หรือผ้เู ฝ้าหลักชยั )

74 บทที่ ๓ การละเลน่ พ้ืนบา้ นไทย

การตดั สิน

๑. พวก ก. วิ่งมาจับหลักชัยก่อนถูกจับมากกว่าคร่ึงหน่ึงของผู้เล่น
นับให้พวก ก. เปน็ ฝ่ายชนะ
๒. ถ้าพวก ก. ถูกจับ (ตาย) มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เล่นฝ่ายตน
ตอ้ งนบั ให้พวก ข. เปน็ ผ้ชู นะ

ประโยชน์

เป็นการออกกำ�ลังกายได้ทกุ สว่ นเชน่ เดียวกบั เลน่ ฟตุ บอล ซ่ึงเป็นกฬี า
ทตี่ ้องวง่ิ เต้นฝึกความว่องไวของรา่ งกาย ตา และ หู ฯลฯ

ที่มา : จงั หวดั กระบี่

บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บ้านไทย 75

เตย

วิธีเล่น

เตย เป็นการเลน่ ที่ต้องเล่นรวมกำ�ลังเป็นพวก จัดเปน็ ๒ ฝา่ ยละเท่า ๆ
กัน จะเล่นฝา่ ยละกค่ี นก็ได้ การเล่นเตยนี้ถา้ จดั การแกไ้ ขใหว้ ิธีเล่นเปน็ ระเบยี บ
เรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นการละเล่นท่ีน่าสนุกมากทีเดียว การเล่นเตย
เทา่ ทเ่ี ล่นกันอยู่ในหมู่เดก็ พื้นเมืองน้นั จดั กันดังต่อไปนี้
ก่อนเล่น จะต้องขีดเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้าลงบนลานทรายเรียบ ๆ
หรือสนามหญา้ กไ็ ด้ กวา้ งประมาณ ๔-๖ เมตร ไม่จำ�กดั สว่ นยาวแลว้ ขดี เสน้ คัน่
แบ่งส่ีเหล่ียมผืนผ้านั้นออกตามด้านกว้าง เส้นท่ีขีดขึ้นใหม่น้ีห่างกันประมาณ
๓-๔ เมตร เรียกว่า “เส้นหลัก” (เส้นสกัด) เส้นหลักน้ีจะต้องมีเท่ากับ
จำ�นวนคนเล่นฝ่ายหน่ึง ๆ พอดีเส้นทางด้านยาวทั้งสองข้างนั้นเรียกว่า
“เส้นข้าง” แล้วขีดเส้นผ่านกลางตลอดส่วนยาวของรูปส่ีเหลี่ยมน้ัน
อกี เสน้ หนง่ึ เรยี กวา่ “เสน้ กลาง” เสน้ กลางอาจจะขดี ยาวออกไปนอกรปู สเ่ี หลย่ี มนน้ั
ข้างหน่ึงก็ได้ ส่วนที่ขีดเลยออกมาน้ีเรียกว่า “หนวด” และด้านที่มีหนวดน้ี
เรยี กว่า “หวั ”
ตามรปู นมี้ ผี เู้ ลน่ ฝา่ ยละ ๘ คน แสดงการวางคนเลน่ ฝา่ ยหลกั ใหส้ ลบั กนั
และแสดงวธิ ีว่ิงของหวั หน้าฝา่ ยหลกั มาขงั ท่เี ส้นกลางฝ่ายหลัก
ผู้เล่นพวกหนึ่งมีหน้าที่ประจำ�เส้นต่าง ๆ เหล่าน้ัน เรียกว่า ฝ่ายหลัก
(สกดั ) สว่ นอกี พวกหนง่ึ มหี นา้ ทล่ี งผา่ นเสน้ ตา่ ง ๆ เรยี กวา่ ฝา่ ยลง ในพวกหนง่ึ ๆ
จะตอ้ งจดั ใหม้ หี วั หนา้ อยคู่ นหนง่ึ ซง่ึ ในพวกของตนเหน็ วา่ เปน็ ผทู้ ฉ่ี ลาดไหวพรบิ ดี
ฝีเท้ารวดเร็วเป็นผู้มีหน้าท่ีควบคุม และรักษาเส้นกลาง ส่วนหัวหน้าฝ่ายหลัก
ยนื อยทู่ เ่ี สน้ หวั คนอน่ื ๆ ในพวกฝา่ ยหลกั กย็ นื ประจ�ำ เสน้ หลกั เสน้ ละคน หวั หนา้

76 บทท่ี ๓ การละเลน่ พ้ืนบา้ นไทย

มีหน้าท่ีว่ิงตีฝ่ายลงได้ตั้งแต่เส้นหัวตลอดเส้นกลางและเส้นหนวด แต่จะลงไป
ตบี นเสน้ หลักอืน่ ๆ ไมไ่ ด้ สว่ นคนหลักอ่นื ๆ นนั้ ผใู้ ดประจกอยู่ทเี่ ส้นหลักใด
กว็ ่ิงตฝี ่ายลงได้เฉพาะเส้นหลักของตวั เทา่ นัน้ ส�ำ หรับเสน้ ข้าง ทุกคนจะวงิ่ ไปต ี
ไม่ได้เลย ผู้เล่นฝ่ายหลักมักจะยืนสลับกันโดยหัวหน้าในพวกเป็นผู้จัด
เชน่ คนแรกยนื อยทู่ างซา้ ย คนทส่ี องกย็ นื อยทู่ างขวา คนทส่ี ามกย็ นื อยทู่ างซา้ ย
สลบั กนั เชน่ นต้ี ลอดไป ฝา่ ยลงนน้ั ออกไปยนื อยนู่ อกรปู สเ่ี หลย่ี มทางดา้ นหวั ทง้ั สน้ิ
เม่ือเป็นท่ีเรียบร้อยดีแล้ว ฝ่ายลง (ฝ่ายวิ่ง) ก็ถามว่า “อุดหรือ” หัวหน้า
ฝ่ายหลักตรวจดูพวกเพื่อนของตัว เม่ือเห็นว่าพร้อมแล้วก็ตอบว่า “อุด”
อนั หมายความว่า เรม่ิ เลน่ ได้
เม่ือฝ่ายลงได้ยินว่าหัวหน้าฝ้ายหลักร้องว่า “อุด” ก็เริ่มลงไป
โดยตอ้ งผา่ นเสน้ หวั เสยี กอ่ น แลว้ พยายามใชว้ ธิ ลี อ่ , หลบ, หลกี , ผา่ นเสน้ หลกั ทกุ ๆ
เส้น ไปจนสุดแล้วจึงผ่านกลับข้ึนมาอีกจนสุดเส้นหัว ถ้าฝ่ายลงผู้หนึ่งข้ึนผ่าน
เสน้ หลกั ทกุ ๆ เสน้ มาไดโ้ ดยมไิ ดถ้ กู ฝา่ ยหลกั ตฝี า่ ยลงนนั้ กไ็ ดเ้ กมเรยี กวา่ “เตย”
และทุก ๆ คนในพวกฝา่ ยลงทขี่ ้ึนมาอยู่ทเี่ ดิมเพ่อื เริ่มเล่นต่อไป แตถ่ ้าคนหน่ึง
ในพวกฝ่ายลงถูกตีซึ่งเรียกว่า “ตาย” เสียก่อนเตย ฝ่ายลงต้องกลับเป็น
ฝ่ายหลัก ฝา่ ยหลกั กจ็ ะทำ�หนา้ ทีล่ งตอ่ ไป
ตามธรรมดาหัวหน้าฝ่ายหลักมักมาอยู่ที่เส้นกลาง และขังฝ่ายลงไว้
คือเมื่อคนท่ีสองอยู่ทางซ้าย คนที่สามอยู่ทางขวาแล้ว หัวหน้าก็จะมาอยู่ที่
เส้นกลางระหว่างคนท่ีสองและที่สาม ถ้าฝ่ายลงผ่านพ้นคนที่สองไปได้
หวั หนา้ กม็ กั ไปอยทู่ เี่ สน้ กลางระหวา่ งคนทส่ี ามและทสี่ ด่ี งั นเ้ี รอื่ ยไป หรอื สดุ แลว้
แต่ฝา่ ยหลกั ฝา่ ยลงจะใช้วิธหี ลอกลอ่ เปน็ การใช้ไหวพรบิ ระหวา่ งพวกก็ได้
การตีของฝ่ายหลักนั้น หมายความว่าการใช้มือของตนถูกฝ่ายลง
ในขณะท่ีเท้าท้ังสองยืนหรือเหยียบอยู่บนเส้นของตน จะก้าวเข้าไปตี

บทท่ี ๓ การละเลน่ พื้นบ้านไทย 77

โดยเท้าอยู่นอกเส้นไม่ได้ นอกจากถูกฝ่ายหลักดี ฝ่ายลงจะต้อง “ตาย”
ได้เหมือนกนั ในเม่อื
๑. หากพ้นเส้นหลักเส้นไหนไปแล้วกลับผ่านเส้นน้ันข้ึนมาอีกนับเป็น
“ตาย” นอกจากจะได้ลงผ่านหมดทุกเสน้ แล้วจึงวงิ่ ผ่านกลบั ขึน้ มาได้ เวลาข้นึ
เชน่ ผา่ นขน้ึ มาไดเ้ สน้ หนง่ึ แลว้ จะกลบั ลงไปอกี กไ็ มไ่ ดเ้ ชน่ เดยี วกนั จนกวา่ จะเกม
หรอื เตย
๒. ออกจากนอกเส้นขา้ ง ๆ ทัง้ สองเท้า
๓. ว่ิงลงเมื่อหัวหน้าฝา่ ยหลักยังไมบ่ อกวา่ “หยุด”
นอกจากนี้ถ้าคนใดในพวกฝ่ายลงนั่งในเวลาที่เร่ิมลงมือเล่นแล้ว
ฝ่ายหลักจะนอนตีได้ ถ้าฝา่ ยลงน่งั อาจนับเป็นตายก็ได้


78 บทที่ ๓ การละเล่นพืน้ บา้ นไทย

ก่อนลงมือเล่นท้ังสองฝ่ายจะต้องทำ�การเสี่ยงว่าใครจะเป็นฝ่ายลง
หรอื ฝา่ ยหลกั กอ่ น โดยใชโ้ ยนหวั โยนกอ้ ย หรอื ชกั ไมส้ นั้ ไมย้ าว ฯลฯ ผทู้ ท่ี ายถกู
โดยมากมักเลอื กเป็นฝา่ ยลงเสมอ อีกฝา่ ยหนึ่งกต็ อ้ งเปน็ ฝา่ ยหลกั ตามระเบียบ

ประโยชน์

ท�ำ ให้ร่างกายแข็งแรง สรา้ งความสามัคคีในหมคู่ ณะ

ที่มา : จังหวัดภเู ก็ต

บทที่ ๓ การละเล่นพื้นบ้านไทย 79

ยั่วทงิ

วธิ เี ลน่

เล่นได้ตั้งแต่ ๓ คนขนึ้ ไป อยา่ งมากไม่เกนิ ๑๐ คน
เลือกแม่ทิง คนหน่ึงในจำ�พวกผู้เล่นจัดให้เข้าเล่นจับไม้สั้นไม้ยาว
คนใดจับได้ไม้ส้ันผู้น้นั ตอ้ งเป็นแม่ทิงคนแรก
ไข่ทิง ผู้เล่นทุกคนนอกจากแม่ทิง จัดหาส่ิงของมาสมมติเป็นไข่ทิง
คนละเทา่ ๆ กนั (ราว ๓-๕ หนว่ ยตอ่ หนง่ึ คน) สง่ิ ทห่ี ามานจ้ี ะเปน็ กอ้ นหนิ เลก็ ๆ
หรือผลหมาก ผลมะนาม ฯลฯ ใช้ได้ทั้งสิ้น เม่ือได้มาพร้อมกันแล้ว
ตา่ งกร็ วมกองไวใ้ นหลมุ ทข่ี ดุ เตรยี มไวบ้ นพน้ื ดนิ พอเปน็ แอง่ แลว้ แมท่ งิ จงึ ครอ่ มไข่
อยู่ในท่าคลาน คอยระวังมิให้ผู้เล่นซ่ึงต่างพยายามแย่งไข่ทิงไปได้
ในการแย่งไข่นี้ ผู้เล่นใช้วิธีกรรโชกและหลอกล้อด้วยท่าทางต่าง ๆ
สว่ นปากกร็ อ้ งไปพลางเปน็ ระยะวา่ “ชงิ ทงิ , ชงิ ๆชงิ ทงิ ” แมท่ งิ กพ็ ยายามใชเ้ ทา้
ฟาดเพือ่ ใหถ้ กู ผ้ทู ีเ่ ข้ามาแยง่ ไข่


80 บทที่ ๓ การละเลน่ พนื้ บา้ นไทย

การแพ้ชนะ ในขณะกำ�ลังแย่งไข่แม่ทิงนี้ ผู้แย่งคนที่ถูกแม่ทิง
เอาเท้าฟาด ผู้นั้นก็แพ้และถูกเป็นแม่ทิงแทน แม่ทิงก็ได้กลับเข้าสมทบ
กับพวกผูแ้ ย่งไข่ตอ่ ไป
แม่ทิงตัวใดหย่อนความสามารถหรือไม่มีไหวพริบ จนถึงผู้แย่งช่วยกัน
แยง่ ไขไ่ ปไดห้ มด แมท่ งิ ตวั นน้ั กถ็ กู เอาผา้ มาผกู ตาจนมดิ แลว้ พวกทแี่ ยง่ ไขไ่ ปได้
จงึ เอาไปรวมกนั เขา้ น�ำ ไปซอ่ นภายในบรเิ วณทก่ี �ำ หนดไว้ เมอ่ื ไดซ้ อ่ นไขเ่ สรจ็ แลว้
จึงแก้ผ้าจากตา และกำ�หนดให้แม่ทิงออกหาไข่ท่ีซ่อนไว้ โดยยอมให้คุ้ยเขี่ย
หรอื รื้อไดไ้ มเ่ กิน ๓ แหง่ ถา้ ครบกำ�หนด ๓ แหง่ แลว้ ยงั ไม่พบ ผู้ซ่อนจะบอก
ที่ซ่อนให้ แต่แม่ทิงจะถูกลงโทษ คือบังคับให้แม่ทิงนอนลงแล้วต่างช่วยกัน
จับมือและเท้ากระแทกเบา ๆ ลงบนไข่ที่เอาซ่อนไว้ ๓ ครั้ง และผู้นั้น
ตอ้ งถูกเปน็ แมท่ ิงซำ้�อีก
ในการเอาไขไ่ ปซอ่ นนน้ั ผเู้ ลน่ ตอ้ งเลอื กใหค้ นใดคนหนงึ่ เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ
นำ�ไปซ่อน ถ้าซ่อนไม่ดี หรือว่าจนถึงกับแม่ทิงหาพบ ผู้ซ่อนก็ต้องได้รับโทษ
คือกลบั เปน็ แมท่ ิง แทนแมท่ ิงเดมิ

ประโยชน์

ฝึกหัดความว่องไว หัดความสังเกต ความระมัดระวัง และฝึกหัด
ออกกำ�ลังกาย

ทม่ี า : จงั หวดั พังงา

บทที่ ๓ การละเล่นพื้นบา้ นไทย 81

หมาชงิ เสา

วธิ เี ลน่

ผู้เลน่ ต้องเป็นคี่เสมอ ไม่จำ�กดั จ�ำ นวน คอื เปน็ หมาหนึ่งตวั ผูเ้ ลน่ นอก
น้ันประจำ�เสาคนละต้น คนเป็นหมาอยู่ระหว่างกลางผู้เล่น คือคอยชิงเสาใน
ขณะทพ่ี วกเหลา่ นน้ั ทำ�การสบั เปลยี่ นเสากัน ถา้ หมาชงิ เสาท่ไี ม่มีคนประจำ�ได้
คนทวี่ า่ งนน้ั จะตอ้ งเปน็ หมาแทน ชงิ กนั เชน่ นต้ี ลอดไป ผใู้ ดจะเปน็ หมาครงั้ แรก
แล้วแต่จะตกลงกัน สถานที่เล่น ใช้เสาเรือนหรือต้นไม้จะใช้เสาปักตามสนาม
หญ้าก็ได้

ประโยชน์

ออกก�ำ ลงั กาย หดั ความฉบั ไว ไหวพรบิ

ทม่ี า : จงั หวดั สงขลา

82 บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บา้ นไทย

ขันไก่

วิธีเล่น

แบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ พวก ๆ ละหลายคนตั้งแต่ ๖ คนขึ้นไป
เปน็ อยา่ งนอ้ ยใน ๖ คนผลดั กนั เปน็ ไกค่ นละครง้ั ผทู้ เ่ี ปน็ ไกต่ อ้ งใชผ้ า้ คลมุ โดยมดิ ชดิ
มพี เ่ี ลย้ี ง คอื กรรมการ คอยดอู ยดู่ ว้ ย ๑ คน แลว้ ฝา่ ยหนง่ึ คอยฟงั วา่ จะเปน็ เสยี งใคร
ในพวกน้ัน เม่ือแน่ใจแล้วก็ทายไป การทายให้ผู้ที่คลุมผ้าขันขึ้นเป็นเสียงไก่
จะแกลง้ ขนั อยา่ งไรกไ็ ด้ เมอื่ ผเู้ ลน่ ฝา่ ยฟงั ไดย้ นิ เสยี งแลว้ กท็ ายไปตามความเขา้ ใจ
วา่ เปน็ เสียงของใคร ฝ่ายใดทายถกู มากกว่า ฝ่ายนั้นเป็นผูช้ นะ

ประโยชน์

เพือ่ ฝึกหัดจ�ำ ด้วยประสาทหใู หด้ ีข้ึน

ทมี่ า : จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

บทท่ี ๓ การละเลน่ พน้ื บา้ นไทย 83

ขีม่ า้ หาเจา้ เมือง

วิธเี ล่น

ก�ำ หนดผเู้ ลน่ ตง้ั แต่๔ คนขน้ึ ไปถงึ ๑๐ คน การเลน่ ชนดิ นเ้ี หมาะส�ำ หรบั ผชู้ าย
เครือ่ งเลน่ หาหลกั ปกั ไว้ตรงกลาง ๑ หลกั ขอนไม้ ๑ ขอน หรือเก้าอ้ีกไ็ ด้ ต้ัง
พิงไว้กับหลัก ให้ผู้เล่นทั้งหมดแบ่งเป็นพวกเท่า ๆ กัน หาเพิ่งอีก ๑ คน
เป็นเจ้าเมือง นั่งอยู่บนเก้าอ้ี ให้พวกท่ีเล่นยืนเข้าแถวทางซ้ายและขวา
ของเจา้ เมอื ง ใหค้ นเลน่ คนหนง่ึ ในพวกหนง่ึ ออกมากระซบิ บอกชอ่ื คนเลน่ คนหนง่ึ
ในอีกพวกหน่ึงแก่เจ้าเมือง แล้วกลับมายืนที่เดิม ต่อไปให้คนเล่น
พวกท่ีถูกกระซิบบอกช่ือ ออกมาหาเจ้าเมือง และบอกช่ือคนเล่นคนหน่ึง
ในพวกแรกเช่นเดียวกัน แต่ถ้าคนที่ออกมาจากพวกที่ ๒ นี้ เป็นผู้ท่ีมีช่ือตรง
กับท่ีคนพวกท่ีหน่ึงบอกช่ือไว้ก่อนฝ่ายคนนั้นต้องแพ้ พวกที่ชนะขี่พวกที่แพ้
มาหาเจ้าเมืองระยะทางที่จะขี่ใกลห้ รอื ไกล แลว้ แตท่ ง้ั ๒ ฝา่ ยจะตกลงกัน

ประโยชน์

ไดอ้ อกก�ำ ลงั กาย ฝกึ หดั ไหวพรบิ หดั ความสงั เกต มคี วามสามคั คใี นหมคู่ ณะ

ทีม่ า : จงั หวัดชุมพร

84 บทท่ี ๓ การละเลน่ พนื้ บา้ นไทย

หมากเก็บ

วิธเี ลน่

แบง่ ผู้เล่นออกเป็น ๒ พวก ๆ ละเทา่ ๆ กัน ใหเ้ ปลย่ี นกนั เลน่ ทลี ะพวก
ผู้ใดเล่นก่อนหรือหลังแล้วแต่จะตกลงกัน แต่เมื่อพวกใดเล่นก่อนพวกน้ัน
ต้องเล่นเรียงตัวไปให้หมดทุกคนเสียก่อน อีกพวกหน่ึงจึงลงมือเล่นต่อไป
เมื่อถึงคราวเล่นผู้เล่นหว่านลูกหมากเก็บทั้งหมดลงกับพ้ืน แต่โดยมาก
หรือให้เหมาะมักเล่นกับพื้นดิน (เด็ก ๆ ชอบเล่นในเวลาไปเล้ียงสัตว์ตามทุ่ง
และเวลาไปโรงเรียน ผู้ใหญ่ชอบเล่นคราวงันเรือนดี เช่นเดียวกับเสือกินหมู)
ห ยิ บ ขึ้ น ม า เ ป็ น ลู ก โ ย น เ สี ย ลู ก ห นึ่ ง แ ล้ ว ใ ช้ มื อ ข้ า ง ห น่ึ ง โ ย น ลู ก นั้ น ขึ้ น
ขณะท่ีลูกยังไม่ตกลงมา มือน้ันต้องรีบหยิบเอาลูกที่เหลือทีละลูก
แล้วกลับข้ึนมารับลูกท่ีโยนทันทีโดยไม่ให้ลูกที่โยนนั้นตกถึงพื้น และไม่ให้
เอามืออ่ืนช่วย คงใช้ได้แต่มือเดียวทำ�เช่นน้ีไปจนเก็บได้หมดทุกลูก เรียกว่า
“พ้นเก็บเม็ด” แล้วหว่านลงไปใหม่ ในคราวท่ีสองเล่นอย่างคราวแรก
แต่เก็บเอาทีละ ๒ ลูก คราวที่สามเอาทีละ ๓ ลูก คราวที่สี่เอาทีละ ๔ ลูก
ระหว่างท่ีเล่นนับแต่ลูกท่ีหนึ่งถึงส่ีนี้ ถ้ารับลูกไม่ทันลูกตกก็ดี หรือเก็บลูก
ที่อยู่พื้นขึ้นไม่ครบตามกำ�หนดก็ดี คนนั้นเป็นตายไม่ได้เล่นต่อไปสำ�หรับ
รอบนนั้ คนทถี่ ดั ไปซง่ึ เปน็ ฝา่ ยเดยี วกนั ตอ้ งเลน่ ตอ่ ไปเปน็ ทอด ๆ ไปจนสนิ้ พวก
เม่อื พ้นส่คี ราวน้แี ล้วก็กวักเสียทีหน่งึ วิธีกวักให้เอามือกำ�ลูกหมากเก็บไว้ทุกลูก
แลว้ โยนขน้ึ เบา ๆ พรอ้ มกนั ทกุ ลกู ทนั ใดนน้ั ตอ้ งรบี กลบั เอาหลงั มอื ขา้ งทโ่ี ยนนน้ั
รับทันทีอย่าให้ลูกตกถึงพ้ืนได้ จะรับได้กี่ลูกก็ได้แต่ถ้ารับไม่ได้เลย คนนั้น
เปน็ ตาย คนถอื ไปท�ำ ตอ่ ถา้ รบั ไดแ้ ลว้ วธิ กี วกั คอื ใชม้ อื ขา้ งรบั ลกู ไวท้ ง้ั ๆ ทล่ี กู คา้ ง
อยู่บนหลังมือ โยนสลัดออกจากหลังมือแล้วตวัดมือน้ันจ้วงจับเอาลูกน้ัน
ไว้ให้ได้ทุกลูกอย่าให้ตกได้ ถ้าตกแม่แต่ลูกเดียวเป็นตาย คนถัดไปทำ�ต่อ
วธิ ีกวกั จะกวัดครง้ั เดียวกไ็ ด้ หรอื จะกวกั ให้ได้ครบ ๕ ลกู ซ่ึงจะกวกั กี่ครง้ั ก็ตาม

บทท่ี ๓ การละเลน่ พืน้ บ้านไทย 85

เมื่อครบ ๕ ลูกแล้วจึงหมดพิธีเล่นเพียงกวักดังน้ีก็ได้แล้วแต่จะตกลงกัน
เม่ือเสร็จการกวักแล้ว เรียกว่าชนะครั้งหนึ่งหรือชนะเกมหนึ่ง หมดเกม
ลงมือเล่นตามข้างต้นมาใหม่จนกว่าพวกแรกจะตายทุกคน อีกพวกหน่ึง
จึงจะเล่นชิงเกมได้ ผลัดเปล่ียนกัน ดังน้ีจนกว่าจะอยากเลิก วิธีเล่นต่อ
รอบแรกฝ่ายตาย เล่นตายหรือเสียตอนใดวิธีใด รอบต่อไปหรือคนต่อไป
ก็จับเลน่ ใหมซ่ ้ำ�จากท่ีเสียไป เช่น ตายลูกสองก็เล่นแตล่ กู สองไป
วธิ นี บั แตม้ เมอื่ ฝา่ ยใดไดก้ วกั กคี่ รงั้ ๆ ละกล่ี กู กน็ บั รวมกนั เขา้ ไปจนเลกิ
ฝา่ ยใดไดแ้ ต้มมากกว่า ฝา่ ยนน้ั เป็นฝา่ ยชนะ

ประโยชน์

ฝกึ หดั ความฉับไวและไหวพรบิ

ท่มี า : จังหวดั มหาสารคาม

86 บทที่ ๓ การละเล่นพื้นบา้ นไทย

ตีไก่

วิธีเลน่

แบ่งเป็น ๒ พวก ๆ ละเทา่ ๆ กนั ผเู้ ล่นไม่ก�ำ หนด ตา่ งพวกนง่ั ยอง ๆ
แลว้ ทำ�ท่ีเหมือนไกต่ ีปกี ผบั ๆ เอามือตีทต่ี ะโพกและเข้าเตะกนั พวกไหนไมล่ ้ม
พวกนั้นชนะ

ประโยชน์

เพ่อื ออกกำ�ลงั กายทข่ี า และฝกึ หดั นัง่ เต้น

ท่ีมา : จงั หวดั ขอนแก่น

บทท่ี ๓ การละเล่นพน้ื บา้ นไทย 87

กล้ิงครกขน้ึ ภเู ขา

วิธเี ล่น

วิธีท่ี ๑ ท่าน่ัง ผู้เล่นสองคน คนหน่ึงนั่งลงกับพ้ืนให้ก้นราบติดพื้น
ขาเหยยี ดออกไปขา้ งหนา้ งอเขา่ นดิ หนอ่ ย อกี คนหนง่ึ มายนื ทางหลงั หนั หนา้ ไป
ทางเดียวกันกับคนนั่ง แล้วก้มลง เอามือจับเข็มขัดคนน่ัง หรือเอามือทั้งสอง
สอดจบั ผา้ รดั เอวคนนง่ั ไวใ้ หแ้ นน่ ใหห้ วั คนนง่ั ดนุ ทอ้ งคนยนื ในแนวเหนอื เขม็ ขดั
คนนง่ั สอดมอื ทงั้ สองจบั เขม็ ขดั หรอื ผา้ รดั เอวคนยนื เชน่ เดยี วกนั แลว้ ผยู้ นื หกตวั
กลับไปนัง่ ผู้นง่ั กลบั เป็นผยู้ ืนและท้องก็จะดุนหวั ผนู้ ง่ั อกี พอดี แล้วก็กลบั หกตัว
ไปอยู่ในท่านั่งตามเดิมอีก ทำ�เช่นนี้เสมอไป ผู้เล่นท้ังสองก็กล้ิงตัวเรื่อยไป
และจะใหเ้ รว็ เท่าไหร่กไ็ ด้

88 บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บา้ นไทย

วิธีที่ ๒ ให้ผู้เล่นยืนเรียงหันหน้าไปทางเดียวกัน คนหนึ่งอยู่ข้างหลัง
อีกคนหน่ึงอยู่ข้างหน้า คนอยู่ข้างหลังเอาหัวดุนสะเอวในแนวเหนือเข็มขัด
ของคนข้างหน้า เอามือท้ังสองจับเข็มขัดคนหน้าไว้แน่น คนหน้าแอ่นหลังทับ
คนข้างหลังพร้อมกับเอามือสอดจับเข็มขัดคนข้างหลัง แล้วผงกขาทั้งสอง
ข้ามไป คนขา้ งใต้กแ็ อน่ ตัวกลบั หงายหน้าอยู่ข้างบน แล้วผงกหลับไปข้างหลัง
คนใต้อกี หมนุ เชน่ นเ้ี ร่อื ยไป ถา้ ช�ำ นาญแล้วจะทำ�เรว็ เท่าไรกไ็ ด้

การตัดสนิ

ใหผ้ เู้ ลน่ ยนื เปน็ แถวตามเสน้ ทกี่ �ำ หนดไว้ เปน็ เสน้ ตงั้ ตน้ และอกี เสน้ หนงึ่
เป็นเส้นชนะให้ห่างกันพอควรแล้วแต่ผู้ตัดสินจะกำ�หนด พอให้สัญญาณ
ผู้เล่นต้องลงมือทำ�ทันที คู่ใดไปถึงเส้นชนะก่อนเป็นผู้ชนะ จะแข่งขันทีละ
๓-๔ คกู่ ็ได้ ถ้ามีทกี่ วา้ งพอ

ประโยชน์

ออกก�ำ ลงั ท้อง ก�ำ ลังแขนและขา

ทีม่ า : จังหวดั ชยั ภูมิ

บทท่ี ๓ การละเลน่ พ้ืนบ้านไทย 89

กระซบิ ขี่

วิธีเลน่

แบง่ เป็นสองพวก ๆ ละเทา่ ๆ กัน ไมก่ �ำ หนดจำ�นวนผ้เู ลน่ พวกตอ่ พวก
อย่หู ่างกันประมาณ ๑ เส้น มกี รรมการคนหน่ึงนัง่ อยู่กลางทางระยะ ๑๐ วา
พวกทห่ี นง่ึ ตอ้ งเขา้ ไปหากรรมการแลว้ พดู คอ่ ย ๆ วา่ “ตอ้ งการนาย ก.” แลว้ กลบั
ไปที่เดิม ให้พวกที่สองเข้ามาหากรรมการ แต่ต้องเข้าไปทีละคนเสมอ
สับเปลี่ยนกันเร่ือยไป เม่ือเป็นนาย ก. เข้ามา พวกพูดไว้ก่อนนั้นชนะ
ได้ขจ่ี ากพวกท่ถี ูกขีไ่ ปหาทีเ่ ดิม พวกไหนไดข้ ีห่ ลายครง้ั พวกน้ันชนะ

การตดั สิน

เมอ่ื พวกไหนทายถูก และไดข้ หี่ ลายคร้งั พวกนั้นชนะ

ประโยชน์

เพ่อื ความสนกุ เพลิดเพลิน

ที่มา : จังหวดั ขอนแกน่

90 บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บ้านไทย

กะเตงิ กะตอ้ ย

วิธีเลน่

วิธีท่ี ๑ เด็กทุกคนยืนเป็นวงจับมือติดต่อกัน ยืนขาเดียวและร้อง
พรอ้ ม ๆ กนั กบั กระโดดไปเปน็ วงกลมตามกนั วา่ “กะเตงิ กะตอ้ ย พวกเดก็ นอ้ ย ๆ
เห็นวัวกินอ้อยอยู่ทางน้ีบ้างไหม?” ใครปล่อยเท้าที่ยกไว้น้ันลงกับดินก่อน
หรอื ลม้ กอ่ น คนนน้ั แพ้ ตอ้ งมายนื เปน็ ววั อยใู่ นวงกลม ใครทนเทา้ ตกทหี ลงั เพอ่ื น
เป็นคนชนะ

บทที่ ๓ การละเลน่ พื้นบ้านไทย 91

วิธีท่ี ๒ เด็กยืนเป็นวงจับมือติดต่อกันเช่นวิธีท่ี ๑ มีคนแสดงเป็นวัว
อยภู่ ายใน ๓-๔ คน มีคนแสดงเปน็ เสอื อยขู่ า้ งนอกอกี ๑ คน คนเปน็ เสือ้ นนั้
จะต้องกระโดดขาข้างเดียวไปรอบวง มีคำ�ร้องเช่นเดียวกันกับวิธีท่ี ๑
เม่ือกระโดดไปถึงมือเขาจับกันอยู่ ก็ถามเขาว่า “เป็นประตูอะไร ?”
(เหล็กหรือทองหรือไม้แก่นไม้ผุ) คนที่เอามือจับกันไว้นั้น ต้องคิดกะดูว่า
ตนสามารถท่ีจะจับไว้แน่นจนผู้เป็นเสือไม่สามารถจะดึงออกจากกันได้
กต็ อบวา่ เปน็ ประตูเหล็กหรอื ประตทู อง คนเปน็ เสอื จะลองดงึ ดู หรอื จะผา่ นไป
ประตูอ่นื ก็ได้ ประตไู หนเหน็ วา่ จะสูไ้ ม่ได้ ก็ใหต้ อบว่าประตูไม้ เม่อื ผ้ทู ่เี ปน็ เสือ
สามารถดงึ มือออกจากกนั ไดก้ ไ็ ล่จับววั ในคอกกนิ วัวตา่ งว่งิ กระจัดกระจายไป
สมมติว่าคอกทะลาย ในระหว่างน้ีเสือคงวิ่งไล่วัวอยู่เรื่อย ๆ เจ้าของ
(ผู้ท่ีเอามือจับกันเป็นวง) จะต้องล้อมคอกใหม่ (เอามือจับกัน) ถ้าวัวทุกตัว
สามารถเข้ามาอยใู่ นคอกใหม่ไดเ้ ป็นชนะ ถ้าเสอื สามารถจบั ววั ตัวใดตวั หนงึ่ ได้
เสอื ชนะ

ประโยชน์

ได้ฝึกหดั ออกก�ำ ลงั กาย หัดทรงตัว และหดั ก�ำ ลงั ข้อมือ

ทีม่ า : จงั หวัดนครราชสีมา

92 บทท่ี ๓ การละเลน่ พน้ื บ้านไทย

ขมี่ ้าหลังโปก

วธิ ีเล่น

แบ่งผู้เลน่ ออกเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละเท่า ๆ กนั กอ่ นเล่นตอ้ งต้ังหวั หน้า
ของตนฝ่ายละ ๑ คน แลว้ ใหห้ วั หนา้ ทัง้ ๒ ฝ่าย มาจบั ไม้สั้นไม้ยาวจากผู้ตดั สนิ
ซึ่งเป็นคนกลางไม่ได้เข้าอยู่ในพวกเล่นด้วย ฝ่ายใดได้ไม้สั้นเป็นม้า
ฝ่ายใดได้ไม้ยาวเป็นคนขี่ม้า ฝ่ายเป็นม้าต้องยืนโก่งหลังให้เจ้าของขี่
ที่เล่นต้องเป็นสนามกว้างพอเหมาะกับจำ�นวนผู้เล่นให้เป็นวงกลม
ระยะพอที่ผู้เล่นคู่หน่ึง ๆ จะยืนห่างกันประมาณ ๓-๔ ก้าว แล้วผู้ตัดสิน
จะจัดให้ผู้ขี่ข้ึนขี่ม้าเป็นคู่ ๆ ยืนอยู่ในระยะท่ีกำ�หนดไว้ ผู้ที่ขี่ม้าก็เอาลูกบอล
ขนาดกลางหรือผ้าม้วนกลม ๆ โยนให้ผู้อยู่บนหลังม้ารับเวียนไปเวียนมา
ผู้ขี่ต้องพยายามรับให้ดี เพื่อจะได้ข่ีนาน ๆ ถ้ารับผิดผู้ท่ีอยู่บนหลังม้า
ตอ้ งรีบกระโดดจากหลังทนั ที และว่งิ หนไี ปโดยเรว็ ส่วนผ้เู ปน็ มา้ ตอ้ งคอยระวงั
ใหด้ ี ถา้ เหน็ ลกู บอลตกตอ้ งรบี เกบ็ ลกู บอลยงิ หรอื ปาใหถ้ กู ผทู้ ข่ี ห่ี ลงั พวกของตน
พวกที่หนีต้องรีบออกจากวง ถ้าไม่ทันก็ใช้ไหวพริบวิ่งวนไปวนมาในวง
เพอ่ื หาชอ่ งทางเลด็ ลอดหนี สว่ นพวกทอี่ อกไปแลว้ ใหเ้ ขา้ มาลอ่ เพอื่ ใหผ้ ยู้ งิ เผลอ
เพื่อจะให้พวกของตนวิ่งหนีไปได้ ผู้ที่เข้ามาล่อและผู้จะหนีจากวง
ต้องพยายามหลบหลีกอย่าให้ขว้างลูก ถ้าฝ่ายเป็นม้ายิงถูก ฝ่ายที่เป็นคนขี่
ต้องกลับเปน็ ม้าแทนท้ังพวก ถา้ ยงิ ไมถ่ ูกตอ้ งเปน็ มา้ ให้ข่ีตามเดิม

บทท่ี ๓ การละเลน่ พืน้ บ้านไทย 93

การตดั สนิ

ฝ่ายใดได้เป็นผู้ข่ีมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ แต่หัวหน้าต้องคอยดูแล
ขณะเมอื่ ยิงอาจโกงก็ได้

ประโยชน์

ฝึกหัดความว่องไว รู้จักรับของบนหลังม้าได้เร็ว รู้จักหลบหลีก
ทั้งฝกึ หัดฝีมือใหแ้ มน่ ย�ำ สร้างความสามัคคีในหมคู่ ณะ

ที่มา : จังหวดั สกลนคร

94 บทที่ ๓ การละเล่นพืน้ บ้านไทย

ขีต้ กู่ ลางนา

วธิ ีเลน่

ให้เด็กมาน่ังล้อมกันเป็นวง แล้วให้คนหน่ึงหมอบลงในกลางวง
เอามอื ปดิ ตาไวแ้ ลว้ ให้คนอ่นื ทอี่ ยรู่ อบวงน้นั ให้คนใดคนหนึ่งทุบหลงั แตเ่ บา ๆ
แล้วให้ผู้หมอบนั้นลุกข้ึนมองดูคนโดยรอบ แล้วทายว่าใครเป็นคนทุบ
ถ้าทายถูกก็ให้คนน้ันเป็น “ข้ีตู่” แทนต่อไป ถ้าทายผิดจะต้องหมอบลง
ใหท้ ุบหลงั อยา่ งเดิมอกี

ประโยชน์

หัดให้เดก็ เล็กมีไหวพรบิ รู้จกั สงั เกตกริ ิยาวาจาของคน

ท่ีมา : จงั หวัดนครราชสมี า

บทที่ ๓ การละเลน่ พื้นบา้ นไทย 95

แขง่ เกวียน

วธิ เี ล่น

แบ่งผู้เล่นออกเป็นพวก ๆ ละ ๔ คน จะเล่นคร้ังละกี่พวกก็ได้
คนที่ ๑, ๒ ของทุกพวกยนื กอดคอกัน คนท่ี ๓ ยืนข้างหลงั คนท่ี ๑, ๒ ก้มศรี ษะ
ลอดเขา้ ระหว่างใตร้ ักแรค้ นท่ี ๑, ๒ แล้วเอามอื ทัง้ สองกอดบัน้ เอวไวข้ ้างละคน
คนที่ ๑, ๒ นี้สมมติว่าเป็นโค คนท่ี ๓ เป็นลำ�เกวียน คนท่ี ๔
เป็นผู้ขขี่ น้ึ ข่ีหลงั คนที่ ๓ คนท่ี ๔ ตอ้ งใหเ้ ป็นคนเลก็ ทส่ี ุดในพวก เมื่อผคู้ วบคมุ
ให้อาณัติสัญญาณ ให้เกวียนทุก ๆ พวกออกว่ิงพร้อมกันไปยังหลักชัย
ซึ่งห่างจากที่ต้ังไม่น้อยกว่า ๓๐ เมตร การตัดสิน พวกไหนถึงหลักชัยก่อน
โดยผู้ข่ไี ม่ตกระหว่างทาง หรือไม่หลุดออกจากกนั พวกน้นั ชนะ

ประโยชน์

เปน็ การฝกึ หัดความวอ่ งไว ฝกึ ความอดทน มีความสามัคคีรักหมูค่ ณะ

ท่ีมา : จงั หวดั รอ้ ยเอด็

96 บทที่ ๓ การละเล่นพ้นื บ้านไทย

โคเกวียน

วิธเี ลน่

ไม่จ�ำ กดั จ�ำ นวนผเู้ ลน่ แตต่ ้องรวมกนั ไดเ้ ป็นกองละ ๓ อยา่ ใหเ้ หลอื เศษ
แบ่งผู้เล่นเป็นพวก ๆ ละ ๓ คน ให้ ๒ คน เป็นวัว อีกคนหนึ่งเป็นเกวียน
คนที่เป็นวัวยืนเข้าคู่กัน หันหน้าไปทางเดียวกัน เอามือจับแขนกันเข้า
คนทเี่ ปน็ เกวยี นยกขาขึ้นพาดบนมอื ทง้ั ๒ ของววั จบั บา่ ไว้ใหแ้ น่น
ระเบยี บการตดั สนิ ใหเ้ กวยี นทกุ ๆ เกวยี นเขา้ แถวตามเสน้ ตรงทก่ี �ำ หนดไว้
ผูป้ ลอ่ ยตวั ใหส้ ญั ญาณแลว้ เกวยี นทกุ ๆ เกวยี นกอ็ อกวิง่ พวกใดถงึ ทีห่ มายกอ่ น
พวกนั้นชนะ พวกใดปล่อยให้มือหรือขาหลุดจากที่ยึดไว้แต่เดิม
ก็นับว่าหมดสิทธิที่จะแข่งขันต่อไป ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้เช่นเดียวกัน

ประโยชน์

ไดอ้ อกกำ�ลงั แขนและขา ฝกึ หัดความพรอ้ มเพรียง

ทมี่ า : จงั หวัดร้อยเอ็ด

บทที่ ๓ การละเล่นพ้ืนบ้านไทย 97

ชกั ชา

วิธีเล่น

เช่นเดียวกันกับชักคะเย่อ แปลกกันท่ีเม่ือฝ่ายใดแพ้ไม่เปลี่ยนข้าง
เชน่ ชกั คะเยอ่ เมอ่ื แพแ้ ลว้ กห็ ยดุ การเลน่ ทหี นง่ึ แลว้ ผแู้ พท้ ง้ั พวกจะตอ้ งร�ำ (ฟอ้ น)
และร้องเป็นทำ�นองเข้าไปหาอีกฝ่ายหน่ึง ส่วนฝ่ายชนะจะต้องเชิดให้
เมอ่ื ไปถงึ ผชู้ นะแลว้ พวกชนะคนใดคนหนง่ึ จะร�ำ มาสง่ แลว้ จงึ ตง้ั ตน้ เลน่ กนั อกี ตอ่ ไป
ถ้าจะให้การเล่นสนกุ ข้ึน ก็แบง่ ผูเ้ ลน่ เป็นหญิงขา้ งหนง่ึ ชายขา้ งหนง่ึ
เทศกาลของการเล่น การเล่นนี้เล่นกันเมื่อจวนสิ้นปีต่อปีใหม่
ซึ่งเรียกกันว่า เทศกาลสงกรานต์ เล่นกันตามวัดหรือบ้าน เล่นได้ทั้งกลางวัน
กลางคืน เดอื นมดื กจ็ ุดไฟเล่น

ประโยชน์

ได้ออกก�ำ ลังกาย สรา้ งความสามคั คใี นหมคู่ ณะ

ทม่ี า : จงั หวดั ขอนแกน่

98 บทที่ ๓ การละเล่นพน้ื บา้ นไทย

บรรณานุกรม

กรมพลศกึ ษา. (๒๔๘๐). กฬี าพืน้ บา้ น. กรงุ เทพฯ. โรงเรียนชา่ งพิมพ์วดั สงั เวช.
ครบู า้ นนอก. เผยแพร่ผลงาน Best Practice การละเลน่ เด็กไทยระดับปฐมวัย. (ออนไลน)์ .
แหล่งทีม่ า : http://www.kroobannok.com/board_view.php?b_id=
85366&bcat_id=16. สืบคน้ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗.
พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. (๒๕๕๖). พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒. กรุงเทพฯ.
ราชบณั ฑิตยสถาน.
พรทพิ ย์ เกยุรานนท์. การเลน่ ของเดก็ ไทยกับการอนุรักษศ์ ิลปะและวัฒนธรรมไทย. (ออนไลน)์ .
แหลง่ ท่มี า : http://stou.ac.th. สืบคน้ ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๕๗.
สมนุ ไพร. การละเล่นพ้ืนบ้านไทย. (ออนไลน)์ . แหลง่ ท่ีมา : http://noey-tanoo.blogspot.
com/2011/09/blog-post.html. สืบคน้ ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๕๗.
childanddevelopment.com. การละเล่นของเด็กไทย. (ออนไลน)์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.
childanddevelopment.com/. สบื ค้น ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๕๗.
dekdmbeer.wordpress.com. การละเลน่ ของไทย. (ออนไลน)์ . แหล่งท่มี า : http://dekdm
beer.wordpress.com/2013/02/19/. สืบค้น ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗.

99

คณะผ้จู ดั ทำ�

ทป่ี รึกษา
ดร.พัฒนาชาติ กฤดบิ วร อธบิ ดีกรมพลศกึ ษา

ดร.ชาญวทิ ย์ ผลชวี ิน รองอธิบดกี รมพลศกึ ษา

นายธวัช ถาวรสวสั ด์ิ รองอธิบดีกรมพลศกึ ษา

ดร.กติ ตพิ งษ์ โพธิมู ผอู้ ำ�นวยการส�ำ นกั นนั ทนาการ

นายวิชิต ชเี้ ชิญ

นายชลิต เขียวพุ่มพวง

รองศาสตราจารย์ ดร.ก�ำ โชค เผอื กสวุ รรณ

ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ พนมศกั ด์ิ สวัสด์พิ งษ์

ผู้เรยี บเรยี ง

นางสาวปาจรยี ์ บตุ รกินรี

บรรณาธิการ

นางภษู ติ า เจนจติ ต์
นางสาวพิรณุ ณี สขุ เกษม
ว่าท่ีรอ้ ยตรีวิทวสั ศรีโนนยางค์

หน่วยงานทรี่ บั ผดิ ชอบ

กลุม่ นันทนาการเด็กและเยาวชน
สำ�นักนนั ทนาการ
กรมพลศึกษา
กระทรวงการท่องเท่ยี วและกฬี า

100


Click to View FlipBook Version