ข อ นำ เ ส น อ เ รื่ อ ง
เ กี๊ ย ว
เ ก๊ี ย ว ( 饺子 )
เป็ นทนี่ ิยมรับประทานกนั อย่างแพร่หลายใน
ประเทศจนี โดยเฉพาะทางภาคเหนือของประเทศ
ซึ่งรูปลกั ษณ์ของเกย๊ี วน้ันมีลกั ษณะคล้ายกบั เงนิ
ของจนี ในสมยั โบราณและการรับประทานเกยี๊ ว
ยงั คงมอี ยู่ให้เหน็ ในปัจจุบัน
ที่ ม า ข อ ง เ ก๊ี ย ว
ชาวจนี ถือว่าเกยี๊ วเป็ นอาหารมงคลทส่ี ่งเสริมเร่ือง
สุขภาพและต่ออายุ ชาวจนี มกั นิยมรับประทาน
เกย๊ี วแบบต้มมากกว่าแบบทอด
แพทย์จนี ช่ือหมอจางจงจงิ ( 张仲景 )
เมืองนานหยาง มณฑลเหอหนาน ซ่ึงเป็ นปรมาจารย์ทางการแพทย์ท่ีมีความสามารถในการรักษา
อาการเจบ็ ป่ วยได้ทุกชนิดจงึ คดิ ค้นอาหารชนิดนีข้ นึ้ มาในระหว่างทางกลบั บ้านเน่ืองจากหมอจาง
เหน็ ชาวบ้านเจบ็ ป่ วยเป็ นไข้ หูเป่ื อยเพราะถูกหมิ ะกดั เขาต้มเนื้อแพะโดยใส่พริกและสมุนไพรท่ี
ช่วยเพม่ิ ความอบอ่นุ ให้ร่างกาย เขาตกั เนื้อแพะมาสับให้ละเอยี ดและใช้แป้งท่นี วดไว้ห่อเนื้อแพะสับ
โดยจบี ให้เหมือนรูปหูเพื่อแก้เคลด็ แล้วนาไปต้มจนสุก และทานา้ ซุปไว้กนิ คู่กบั ยาท่ที าขนึ้ เมื่อ
ชาวบ้านได้กนิ ยาของหมอจางเข้าไปกร็ ู้สึกอบอ่นุ ไปท้งั ร่างกาย จนถงึ วนั ตรุษจนี ชาวบ้านทปี่ ่ วยอยู่ก็
หายป่ วยเขาจงึ ได้ฉลองวนั ปี ใหม่ไปพร้อมกนั และต้งั แต่น้ันเป็ นต้นมาชาวจนี กด็ ัดแปลงทาแป้งจบี
ห่อไส้ให้คล้ายๆกบั ตวั ยาของหมอจาง เอาไว้รับประทานในวนั ตรุษจนี
ความหมาย
ข อ ง เ ก๊ี ย ว
เจย่ี ว หรือเกยี้ วในเสียงแต้จว๋ิ เป็ นของกนิ ท่มี ีหลายชนดิ มาก เช่น หวเี จย่ี ว (鱼
饺) หมายถงึ เกย๊ี วปลา ชาวแต้จว๋ิ เรียกเกยี๊ วปลาว่า ห่ือเกยี้ ว เป็ นเกย๊ี วชนิดเดยี ว
ทใ่ี ช้เนื้อปลาทาเป็ นแผ่นเกยี๊ ว ห่อไส้ด้วยหมูสับ
เซี่ยเจย่ี ว (虾饺) หมายถงึ เกย๊ี วก้งุ ชาวกวางตุ้งออกเสียงเกย๊ี วก้งุ ว่า ฮ่า
ก๋าว เป็ นเกยี๊ วก้งุ สไตล์กวางตุ้งทมี่ ีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ต่างจากเกย๊ี วก้งุ ทวั่ ไป
นึ่งสุกแล้วตวั เกยี๊ วจะดูขาวและใส
ซูเจย่ี ว (酥饺) หมายถงึ เกย๊ี วกรอบ คือแผ่นแป้งสาลหี ่อไส้ ซึ่งมกั เป็ นไส้
หวาน พวกเผือกกวน ถว่ั เขยี วกวน หรือถว่ั ลสิ งป่ นเคล้ายงาและฟักเช่ือม โดย
ห่อพบั เป็ นคร่ึงวงกลม และปิ ดริมแป้งตรงที่ประกบกนั ให้เป็ นลายเกลยี วแล้ว
ทอดนา้ มนั คล้ายกะหร่ีป๊ับ เป็ นขนมไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจนี และวาระอื่นๆ
ของชาวแต้จว๋ิ
ลกั ษณะของเกยี๊ วน้ันเป็ นทรงกลมๆ คาว่า กลมในภาษาจนี กค็ ือ圓ซึ่ง
เสียงคล้ายกบั คาว่า 团圆 คือ การกลบั มาอย่รู ่วมกนั คนจนี ในสมัยก่อนมีการ
ย้ายถน่ิ ทีอ่ ย่อู าศัยเสมอ ดงั น้ันเมื่อถงึ เวลาตรุษจนี ทุกคนในครอบครัวกจ็ ะ
กลบั มารวมกนั บ้างกห็ ่อเกย๊ี ว บ้างกพ็ ดู คุยกนั และกร็ ่วมกนั กนิ เกยี๊ ว นี่แสดงถงึ
ความสมคั รสมานของครอบครัว ที่จะไม่แยกจากกนั ตลอดไป และนอกจากนี้
รูปร่างของเกย๊ี วกย็ งั คล้ายกบั เงนิ ในสมยั โบราณด้วย คนจนี จึงกนิ เกยี๊ วเพ่ือให้มี
ความหมายว่าปี นีจ้ ะได้ทามาหาเงนิ ได้มากๆ และมีชีวติ ทดี่ ขี ึน้ อกี ด้วย
การกนิ เกย๊ี วในวนั ตรุษจนี ต้องทาเกย๊ี วให้เหลือ
เยอะกว่าทจี่ ะกนิ จะช่วยให้มเี งนิ เหลือใช้ในปี น้ัน
ส่วนคนทอ่ี ยู่ตามชนบทจะทาเกย๊ี วที่มีลวดลาย
คล้ายรวงข้าวสาลเี พ่ือเป็ นสัญลกั ษณ์แสดงว่าใน
ปี ใหม่นีจ้ ะมีการเกบ็ เกย่ี วทีอ่ ุดมสมบูรณ์
นอกจากนีเ้ วลาทาเกย๊ี วคนจนี จะเช่ือว่าควรจะมี
จานวนของจบี เป็ นเลขมงคลและต้องจบี เกย๊ี วให้
มีลกั ษณะป่ องกาลงั ดถี ้าทาแบนๆจะหมายถงึ
ความยากจนและบางคนกจ็ ะใส่ด้ายสีขาวภายใน
ไส้เกย๊ี วซ่ึงคนที่รับประทานเกย๊ี วน้ันจะมชี ีวติ ยืน
ยาว
ไส้เกย๊ี วต้องผสมท้ังเนื้อสัตว์และผกั ด้วยกนั แต่
ไม่ใช่แค่สับๆเท่าน้ันคนจนี เชื่อว่าเสียงสับไส้ยงิ่ นาน
ยงิ่ ดงั จะยง่ิ ทาให้มที รัพย์สินเหลือมากมายและ
ยาวนานเพราะเสียงของเนื้อและผกั รวมการจะ
คล้ายกบั เสียงคาว่ามที รัพย์ และถ้าใช้เวลานานใน
การสับไส้เกยี๊ วยงั เป็ นการแสดงว่าบ้านนีม้ ชี ีวติ ที่
มั่นคงอกี ด้วย
เ กี๊ ย ว กั บ เ ท ศ ก า ล
ข อ ง ช า ว จี น
เกี๊ยวเป็ นอาหารของบรรดาชาวบ้านนับพันปี แต่
คนจีนทางภาคเหนือยังชอบรับประทานมาโดย
ตลอด โดยเฉพาะอย่างย่ิงในช่วงเทศกาลสาคัญ
ตามจนั ทรคตจิ นี
ประเพณกี ารกนิ เกยี๊ วในเทศกาลตรุษจนี เริ่มเป็ นที่นิยมกนั มาต้งั แต่สมยั ราชวงศ์หมงิ โดยคนในครอบครัวจะต้องห่อเกย๊ี วให้เสร็จก่อนเทยี่ งคืนของวนั สิ้นปี ซึ่ง
เท่ากบั เวลา 23.00-01.00 น. เป็ นเวลาเริ่มต้นวนั ใหม่ของปี ใหม่ การทานเกย๊ี วจงึ เป็ นการเชื่อมระหว่างปี เก่ากบั ปี ใหม่
การพฒั นาเป็ นเวลายาวนานของจนี ชีวติ ความเป็ นอยู่ของบรรดาชาวบ้านในจนี โดยเฉพาะในภาคเหนือของจนี ค่อนข้างตา่ เนื้อเป็ นอาหารที่ค่อนข้างขาดแคลนมา
โดยตลอด และมีราคาแพง จงึ ไม่สามารถจะรับประทานได้บ่อยคร้ัง ดงั น้ัน การกนิ เกยี๊ วซ่ึงมใี ส้ทาด้วยเนื้อหมูกเ็ ท่ากบั กนิ อาหารหรูในความคดิ ผู้คน ช่วงเทศกาล
สาคญั ๆถงึ จะมีโอกาสรับประทานได้ ด้วยเหตุนีจ้ งึ ค่อยสืบทอดคากล่าวทีว่ ่า ตอนถงึ เทศกาลสาคญั ของทุกปี ต้องมีอาหารหรูหรือเกยี๊ วมาฉลองด้วย
ความสัมพนั ธ์ไทย-จีนกบั เกยี๊ ว
ชาวจนี สมยั ก่อนอพยพเข้ามาต้งั ถนิ่ ฐานในประเทศไทยเป็ นจานวนมากทาให้ประเทศไทยมคี นไทยเชื้อสายจนี เพมิ่ มากขนึ้ และได้เผยแพร่ศิลปะวฒั นธรรม
ของตนเองทาให้มีเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลตรุษจนี เทศกาลไหว้พระจนั ทร์ เทศกาลเช็งเม้ง ฯลฯ
เ ท ศ ก า ล ต รุ ษ จี น
เรม่ิ ตน้ ในราชวงศโ์ จว 周朝 (1046-256 ปีก่อนครสิ ต
ศกั ราช) เรม่ิ ใชค้ าว่า “(年)” ซง่ึ มคี วามหมายว่า “ปี” ใน
วนั ขนึ้ ปีใหมข่ องชาวจีน ตรงกบั ปฏทิ นิ ตามจนั ทรคติจีน ใน
วนั ท่ี 1 เดือน 1 และชาวจีนเรม่ิ นิยมสกั การะเทพเจา้ และ
บรรพบรุ ุษ
เทศกาลตรุษจีนเกิดจากการจดั ขนึ้ เพ่ือตงั้ ใจท่ีจะฉลองฤดู
ใบไมผ้ ลิ เน่ืองจากชว่ งก่อนเทศกาลตรุษจีนนนั้ ประเทศจีน
ปกคลมุ ไปดว้ ยหมิ ะ จงึ ไมส่ ามารถทาการเกษตรได้ เม่ือ
เขา้ ถงึ ฤดใู บไมผ้ ลิ จงึ จะสามารถเพาะปลกู พืชผกั ได้
ตามปกติ ชาวจีนจงึ กาหนดใหว้ นั แรกของฤดใู บไมผ้ ลิตใน
แต่ละปีเป็นวนั สาคญั ท่เี รยี กวา่ "เทศกาลตรุษจีน" และ
อาหารท่ีชาวจีนนิยมกินฉลองปีใหมค่ ือการกินเกี๊ยว การกิน
เกีย๊ วในวนั ปีใหมจ่ ีนจะแสดงถึงความร่นื เรงิ สนกุ สนาน
ความกลมเกลียว สริ มิ งคล สมปรารถนา และอายมุ ่นั ขวญั
ยืน
เทศกาลตงั โจ่ย หรือ เทศกาลฤดูหนาว คือ วนั ทพ่ี ระอาทติ ย์จะส่องแสงส้ันท่ีสุดหรือวนั ท่ี
เป็ นจุดสูงสุดในฤดูหนาว(โดยประมาณจะตรงกบั วนั ท่ี 22 ธันวาคม ของทุกปี แต่ปี ท่มี ี
อธิกมาส จะตรงกบั วนั ท่ี 21 ธันวาคม)ในยุคโบราณ ชาวจนี ให้ความสาคญั กบั เทศกาล
ตงั โจ่ยไม่แพ้วนั ตรุษจนี เพราะถือว่าเสมือนเทศกาลสิ้นปี ผู้คนจะไปทาบุญตามวดั หรือ
ไหว้เจ้าเอกลกั ษณ์ที่สาคญั ในเทศกาลนี้ คือ ผ้คู นจะป้ันและกนิ ขนมทม่ี ลี กั ษณะคล้ายขนม
บวั ลอยของไทย ซึ่งทาจากแป้งและต้มกบั นา้ เช่ือม เพ่ือเพม่ิ ความอบอ่นุ ให้แก่ร่างกาย ใน
ภูมิภาคแต่ละทข่ี องจนี จะกนิ ขนมชนิดนีแ้ ละมีช่ือเรียกแตกต่างออกไป เช่น ทางเหนือจะ
กนิ เกยี๊ วนา้ ทางใต้จะกนิ ขนมชนิดนีท้ ่มี ลี ูกใหญ่และเรียกว่า ถ่างหยวน (湯圓) โดยมี
ความเช่ือว่า เมื่อรับประทานแล้วคนในครอบครัวจะรักผูกพนั กนั ยงิ่ ขนึ้ เพราะเม่ือถงึ
เทศกาลนีแ้ ล้ว ญาตพิ น่ี ้องที่จากไปอยู่แต่ละที่ จะหวนคืนกลบั บ้านมาอยู่พร้อมหน้ากนั อกี
คร้ัง อกี ท้ังยงั เช่ือว่าเป็ นมงคลเพราะอายุเพมิ่ ขนึ้ อกี หนึ่งปี เทศกาลนีจ้ งึ มชี ่ือเรียกอกี อย่าง
หน่ึงว่า เทศกาลไหว้ขนมบวั ลอย ซึ่งประเพณกี ารรับประทานขนมบวั ลอยนีก้ ย็ งั คงปฏิบตั ิ
มาจนถงึ คงปัจจุบนั
เ ท ศ ก า ล ตั ง โ จ่ ย
แต่ละเมืองของจนี กม็ ีความ
หลากหลายในการทาเกยี๊ ว วธิ ีใน
การทาไปจนถงึ ส่วนผสมของไส้
เป็ นลกั ษณะเฉพาะของเมือง แต่
ความหมายของเกย๊ี วน้ันกย็ ัง
เป็ นมงคลไม่เคยเปลย่ี น
รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ
ข อ ง เ ก๊ี ย ว
เกย๊ี วแบบก้อนเงนิ เป็ นการห่อที่นิยมกนั มาก ด้วย
รูปลกั ษณ์ทีเ่ ป็ นมงคลจงึ นิยมห่อกนิ
กนั ช่วงเทศกาลสาคญั ๆ
รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ เหมือนขนมคางค้าวเผือกแค่เปลย่ี น
ข อ ง เ ก๊ี ย ว จากเผือกบดเป็ นแป้งเกยี๊ วแทน
เกย๊ี วแบบสามเหลย่ี ม
รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ เกย๊ี วยอดฮิตทเ่ี ห็นมีขายตาม
ข อ ง เ ก๊ี ย ว ท้องตลาดทว่ั ไป
เกยี๊ วแบบเกย๊ี วซ่า
รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ เรียกชื่อนีเ้ พราะว่าหน้าตาการจบี มี
ข อ ง เ ก๊ี ย ว ลกั ษณะคล้ายใบไม้
เกยี๊ วแบบใบไม้
รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ การห่อแบบนีย้ ากท่ีสุด เพราะต้องใช้
ข อ ง เ ก๊ี ย ว ความเร็วในการจบี มากทส่ี ุด
เกย๊ี วแบบเส่ียวหลงเปา
วิ ธี ก า ร จี บ เ ก๊ี ย ว 1.วางไส้ลงตรงกลางแป้งทาให้ไส้เป็ นลกั ษณะวงรี
2. พบั ให้แป้งท้ังสองด้านชิดกนั (แต่ไม่ตดิ กนั )
วิ ธี ก า ร จี บ เ ก๊ี ย ว 3.จบั จบี จนสุดขอบแป้ง
4. เสร็จอย่างสมบูรณ์ดงั รูป
THANK YOU
นางสาวณฐั วดี ขาวขา 634103016
นางสาวภทั ธริญา ผาดศรี 634103027
นางสาววนั วสิ า แซ่จ่อง 634103030