ประวัวั วั ติวั ติ ติติ Van Gogh
คำ นำ เรื่องราวประวัติ ของ Van Gohg หนึ่งในศิลปิน เอกที่มีชื่อเสียง ทั้งประวัติและผลงานของเขาช่างมี เสนห์ชวนให้ผู้คนสนใจและชื่นชอบงานของเขา หนังสือเล่มนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเล่มที่ผู้จัดก็หลงไหล ในประวัติและผลงานของเขาตัดสินใจรวบรวม ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และความรู้เอาไว้ในเล่ม ผู้คนเขียนบทความที่น่าสนใจนี้ เลยอยากแบ่งปัน ผ่านผู้ที่สนใจแวนโก๊ะ และชื่นชอบ แวนโก๊ะ ได้ รวบรวมข้อมูลและทำ เป็นหนังสือเล่มนี้มา เพ่ื่ อการศึกษาไม่ได้แสวงหากำ ไรหรือทำ ขายเป็น ธุรกิจ ฉะนั้นข้อมู,ที่ได้นำ มาเผยแพร่จึงไม่ได้มี เจตนาทำ เพื่อหาเงิน แต่ทำ เพื่อเป็นความรู้ให้ ผู้สนใจได้ศึกษาหาความรู้เท่านั้น
สารบัญ เรื่องราวของเเวนโก๊ะ 1-6 ศิลปะชิ้นเอก Van Gohg 7-16 ประวัติเรื่องราวชีวิต Van Gohg 17-21 ศิลปิน ปิ ที่ตอนมีชีวิตอยู่ขายภาพวาด 22-26 ได้เพียง 1 ภาพ อ้างอิง 27 เรื่อง หน้า
.. กรกฎาคม ค.ศ. 1890) [เชิงอรรถ 1] คน ไทยมักเรียก วินเซนต์ แวน โก๊ะ เป็นจิตรกร ชาวดัตช์ ใน ลัทธิประทับใจยุคหลัง ซึ่งเป็น หนึ่งในผู้มีชื่อเสียงและอิทธิพลมากที่สุดใน ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก เขาสร้างสรรค์ งานศิลป์ก ป์ ว่า 2,100 ชิ้นในเวลาเพียงสิบปีก ปี ว่า ในจำ นวนนี้เป็นภาพสีน้ำ มัน 860 ชิ้น ซึ่งส่วน ใหญ่ผลิตขึ้นในสองปีสุปี สุ ดท้ายของชีวิตเขา ผลงานของเขามีทั้ง ภาพภูมิประเทศ ภาพนิ่ง ภาพคนเหมือน และ ภาพเหมือนตนเอง ซึ่ง ล้วนมีลักษณะเด่นเป็นสีสันจัดจ้านและงาน พู่กันที่ฉวัดเฉวียนแฝงอารมณ์ชวนประทับใจ อันช่วยสร้างรากฐานให้แก่ ศิลปะสมัยใหม่ หลังทนทุกข์เพราะไข้ใจและความจนมานาน หลายปี เขาปลิดชีวิตตนเองเมื่ออายุได้ 37 ปี.ปี 01
เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทาง ชั้นสูง เขาเป็นเด็กที่เคร่งขรึม พูดน้อย แต่ คิดมาก เมื่อโตเป็นหนุ่ม เขาทำ งานเป็นนาย หน้าขายศิลปกรรม จึงเดินทางบ่อย แต่เมื่อ ต้องย้ายบ้านไปอยู่ลอนดอน เขาก็ตกอยู่ใน ภาวะซึมเศร้า จึงหันไปหาศาสนา ปฏิบัติ ศาสนกิจในฐานะ มิชชันนารี โปรเตสแตนต์ ทางภาคใต้ของเบลเยียม ชีวิตเขาล่องลอยไป มาระหว่างสุขภาพอันทรุดโทรมกับความโดด เดี่ยวอ้างว้าง กระทั่งมาจับงานวาดเขียนเอาใน ค.ศ. 1881 หลังย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดเมือง นอนกับบิดามารดา เขาได้ Theo น้องชาย คอยสนับสนุนทางการเงิน เขากับน้องติดต่อ กันมาเสมอด้วย จดหมายโต้ตอบ ผลงานชิ้น แรก ๆ ของเขาส่วนใหญ่เป็น ภาพนิ่ง และภาพ แสดง ชนชั้นกรรมกร แต่มีไม่มากที่ใช้สีสัน สดใส ต่างจากผลงานชิ้นหลัง ๆ 02
ครั้น ค.ศ. 1886 เขาย้ายไปอยู่ ปารีส ได้พบเจอสมาชิก กลุ่มล้ำ ยุค เช่น Émile Bernard กับ ปอล โก แก็ง ที่กำ ลังมีปฏิกิริยาตอบโต้ ประเด็นอ่อนไหวเรื่อง ลัทธิประทับใจ เมื่องานของเขาก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เขาก็สร้างรูปโฉมใหม่ให้แก่งานภาพ นิ่งและ ภาพภูมิประเทศท้องถิ่น ของ ตน โดยให้มีสีสันกระจ่างใสขึ้น เป็น รูปแบบที่ใช้งานจริงอย่างเต็มที่ในช่วง ที่เขาพำ นักอยู่ ณ เมือง อาร์ล ทาง ภาคใต้ของฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. 1888 ช่วงนี้เองที่เขาขยายหัวเรื่องสำ หรับ งานของตนออกไปเป็นภาพชุด ต้น มะกอก ทุ่งสาลี และ ทานตะวัน 03
Van Gohg หรือ ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค 04
เขาประสบปัญหาทางใจอยู่หลายช่วง และ แม้จะกังวลเรื่องเสถียรภาพทางจิตใจของ เขายิ่งนัก เขากลับละเลยสุขภาพทางกายไป เสียสิ้น ไม่กินไม่นอนตามสมควร ทั้งยังร่ำ สุราอย่างหนัก ครั้งหนึ่ง เขามีปากเสียงกับ โกแก็ง แล้วคว้ามีดโกนไล่ตามโกแก็ง ก่อน เฉือนหูซ้ายของตัว ความปั่นป่ว ป่ นทางใจ ทำ ให้เขาต้องอยู่โรงพยาบาลจิตเวชหลาย ครั้ง เช่นครั้งที่เขาพักอยู่ใน แซ็ง-เรมี-เดอพรอว็องส์ เมื่อออกโรงพยาบาลแล้ว เขา ย้ายไปอยู่ Auberge Ravoux ที่ โอแวร์ ซูว์รวซ ใกล้กับปารีส และอยู่ในการดูแล รักษาของแพทย์แผน โฮมีโอพาธี นาม Paul Gachet ภาวะซึมเศร้าของเขาดำ เนิน ต่อมาจนวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 เขาใช้ ปืน ปื ลูกโม่ ยิงอกตนเอง บาดแผลครั้ง นี้ทำ ให้เขาเสียชีวิตในอีกสองวันถัดมา 05
ตอนมีชีวิตอยู่ เขาไม่ประสบความสำ เร็จ และถูก มองเป็นคนบ้า คนล้มเหลว แต่พอเสียชีวิตเพราะ อัตวินิบาตกรรมแล้ว เขากลับโด่งดัง สถิตอยู่ใน ภาพจำ ของสาธารณชนในฐานะอัจฉริยบุคคลผู้ถูก มองข้าม ถึงกับมีคำ กล่าวว่า เขาเป็น ศิลปิน ปิ "ผู้ซึ่ง วาทกรรมเรื่องความบ้าคลั่งและความสร้างสรรค์มี เส้นคั่นอยู่บาง ๆ" (where discourses on madness and creativity converge) [1] เกียรติยศเริ่มหลั่งไหลมาหาเขาในต้นคริสต์ ศตวรรษที่ 20 เนื่องจากองค์ประกอบในรูปแบบ งานวาดเขียนของเขากลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เพราะ คติโฟวิสต์ และ ลัทธิสำ แดงพลังอารมณ์ แบบเยอรมัน หลายสิบปีใปี ห้หลัง ผลงานของเขา ประสบความสำ เร็จทางการค้าพาณิชย์อย่างกว้าง ขวาง ทุกวันนี้ เขาเป็นที่จดจำ ในฐานะจิตรกรคน สำ คัญผู้มีชีวิตอันชวนสลด บุคลิกภาพที่เป็น ปัญหาของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของ ศิลปิน ปิ ใติ06
1. The Starry Night ปี ค.ศ. 1889 แม้ว่าจะเป็นภาพวาดจากความทรงจำ แต่ผลงานชิ้น โบว์แดงนี้แสดงให้เห็นวิวนอกหน้าต่างจากห้องของ เขาเองภายในหมูบ้าน Saint-Remy ในประเทศ ฝรั่งเศส งานชิ้นนี้แสดงถึงความสนใจในด้าน ดาราศาสตร์ และจากการศึกษาที่หอดูดาวกริฟฟิธ พาร์ค ได้แสดงให้เห็นว่า วินเซนต์ได้วาดรูปที่แสดง ถึงดวงจันทร์ ดาวศุกร์ และดวงดาวอีกหลายดวงใน ตำ แหน่งที่แน่นอนในยามค่ำ คืนภายใต้ท้องฟ้าที่ หมุนวน ภาพวาดนี้ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ศิวัป็ที่มีชื่สีที่ศิศิ ศิ ล ศิ ลปะชิ้ชิ้ ชิ้ น ชิ้ นเอก 10 เรื่รื่ รื่รื่ อ รื่รื่ งของ van gohg 07
2. Sunflowers ปี ค.ศ. 1888 นี่คือภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในชีวิตของแวนโก๊ะที่ เคยสร้างมา ภาพวาดเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะภาพที่ มีความงามตามธรรมชาติของดอกไม้และสีสันสดใส ของพวกมัน ในภาพวาดประกอบด้วยแจกันกับดอก ทานตะวันสิบห้าดอก ถูกลงในบันทึกการประมูล สำ หรับภาพวาดเพื่อขายให้กับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ปุ่ เป็นเงินเกือบ 40 ล้านเหรียญในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1987 และสองปีต่ ปีต่ อมาสถิตินี้ก็ถูกโค่นลงด้วย ราคาของภาพวาด Irises 08
3. Irises ปี ค.ศ.1889 ผลงานที่โด่งดังที่สุดของแวนโก๊ะ คือภาพวาดของ Irises เขาวาดภาพในปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตและเรียกมันว่า“แสงที่ส่องมาสำ หรับความเจ็บป่วป่ยของฉัน” ในขณะที่เขารู้สึกว่างานของเขามีส่วนทำ ให้ความหวังกลายเป็นสิ่งวิกลจริต ในเดือนกันยายนปี ค.ศ 1987ผลงานชิ้น Irises ขายได้ 53.9 ล้านเหรียญ และได้รับการบันทึกสถิติในทุกๆสองปีคปีรึ่ง ณ วันนี้จัดเป็นอันดับที่ 15ของภาพวาดที่แพงที่สุด 09
4. Portrait of Dr. Gachet ปี ค.ศ. 1890 พอล เฟอร์ดินาน กาเชค นักฟิสิกซ์ชาว ฝรั่งเศสผู้ดูแลแวนโก๊ะในช่วงบั้นปลายชีวิต ภาพวาดเสมือนตัวจริงนั้นคือหนึ่งในรูปภาพที่ มีสองรูปแบบ นี่คือแบบแรกที่ถูกวาดขึ้น ในวัน ที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 มันถูกขายใน ราคา 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นราคาที่ แพงที่สุดในบรรดารูปภาพที่ขายไป จนถึงวันนี้ ภาพนี้ยังคงมีราคาที่สูงที่สุดในงานประมูล สาธารณะ และราคาแพงสุดที่เคยขายภาพวาด 10
5. Café Terrace at Night ปี ค.ศ 1888 The Café Terrace on The Place du Forum เป็นภาพแรกที่ศิลปิน ปิ ใช้พื้นหลังที่เต็มไปด้วย ดวงดาว ผู้ที่มาเยี่ยมชมสามารถยืนมองทางด้าน มุมตะวันออกเฉียงเหนือของ Palace du Forum เพื่อดูวิวที่เหมือนกับในภาพวาดนี้ Café Terrace at Night ยังเป็นหนึ่งในภาพที่มีผู้วิเคราะห์เทคนิค ในการวาดของเขาและเป็นที่ถกเถียงกันว่าเป็นภาพ ใหม่ของ The Last Supper มีการอ้างอิงหลาย ภาพวาดในวัฒนธรรมร่วมสมัยและคาเฟ่ใน ประเทศโครเอเชียได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ลักษณะคล้ายกับร้านกาแฟในภาพเขียน 11
6. Self-Portrait with Bandaged Ear ปี ค.ศ. 1889 วินเซนต์ แวน โก๊ะ มีชื่อเสียงจากภาพเหมือนของตัวเอง เป็นอย่างมาก เขาวาดภาพบุคคลมากกว่า 30 คนใน ช่วงชีวิตของเขา ส่วนรูปนี้มีเรื่องราวที่มีชื่อเสียงอย่าง มาก เนื่องจากแวนโก๊ะได้ตัดหูข้างซ้ายของเขาด้วยใบ มีด จากนั้นเขาก็ไปที่ซ่องโสเภณีและบอกกับหญิง โสเภณีที่ชื่อเรเชลว่า “จงปกป้อ ป้ งสิ่งนี้ด้วยชีวิตของคุณ” นี่เป็นหนึ่งในสองภาพที่เขาวาดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ นั้น จะสังเกตได้ว่าหูข้างซ้ายของเขามีผ้าพันแผล และ ทำ ให้รู้ได้ว่าเขาวาดรูปตัวเองจากเงาสะท้อนในกระจก 12
7. The Potato Eaters ปี ค.ศ. 1885 ภาพวาดนี้เป็นหนึ่งในภาพวาดหลักของแวนโก๊ะ เขา ต้องการจะวาดภาพชาวนาให้ดูสมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็น ได้และจงใจที่จะเลือกแบบจำ ลองที่มีลายเส้นหยาบ แวน โก๊ะยังคงถือว่า The Potato Eater เป็นผลงานที่ดีที่สุด ของเขา และเขียนถึงน้องสาวของเขาว่า “สิ่งที่ฉันคิด เกี่ยวกับงานของฉันคือการวาดภาพชาวนาที่กินมันฝรั่ง ซึ่งฉันวาดใน Nuenen คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำ มา” 13
8. Bedroom in Arles ปี ค.ศ. 1888 ภาพวาดนี้เป็นภาพวาดในสามภาพที่มีความคล้ายกัน ซึ่งเป็นถูกเรียกว่า Bedroom in Arles และเป็นที่รู้จักใน นาม The Bedroom by Vincent ทั้งสามรูปภาพ สามารถแบ่งออกได้โดยภาพที่แขวนอยู่บนฝาผนังด้าน ขวา ในเวอร์ชันแรกสุดนี้มีภาพของเพื่อนแวนโก๊ะที่ชื่อว่า ยูจีน บอช ( Eugène Boch ) และ พอล ยูจีน มิลลิเยต (Paul-Eugène Milliet) อยู่บนผนังด้านขวาในภาพวาด ภาพวาดที่เป็นห้องนอนของแวนโก๊ะทั้ง 2 ที่มีชื่อว่า Place Lamartine inArles และ Bouches du Rhone ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีชื่อเสียงเทียบได้กับผลงาน Yellow House ของเขา 14
Note 9. Wheatfield with Cypresses ปี ค.ศ. 1889 Wheatfield with Cypresses คือหนึ่งในสาม ภาพวาดโดย แวนโก๊ะ ที่มีลักษณะคล้ายกันมาก ซึ่งภาพวาดดังกล่าวเป็นภาพแรกแรกในสามภาพ และเขาได้ทำ มันเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1889 แวนโก๊ะ ผู้ชื่นชอบในทุ่งนาและทุ่ง นาที่ดูน่ากลัวชิ้นนี้นั้นถือได้ว่าเป็นภาพเขียนที่ดี ที่สุดในการวาดภูมิทัศน์และมีผลงานที่คล้ายกัน อีกสองภาพ ซึ่งภาพวาดนี้เป็นภาพที่มีอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิสในเมืองนิวยอร์คซิตี้ 15
10 Almond Blossoms ปี ค.ศ. 1890 ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1890 น้องชายของแวนโก๊ะ ทีโอได้ลูกชายที่ซึ่ง ใช้ชื่อ วินเซนต์หลังจากที่เขาเป็นศิลปิน ปิ แวนโก๊ะติดหลานมากและ เขาได้เขียนถึงน้องสะใภ้ โจ “เขาชอบมองด้วยความสนใจในรูป ของลุงวินเซนต์เป็นอย่างมาก” ซึ่งรูปภาพนี้ได้ถูกวาดโดยแวนโก๊ะ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับหลานชายของเขาที่เพิ่งเกิด วินเซนต์เป็น แฟนพันธ์ุแท้ของศิลปะญี่ปุ่น ปุ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเภทภาพ พิมพ์อุกิโยะและอิทธิพลของภาพพิมอุกิโยะก็เป็นผลงานอันโด่ง ดังที่ซึ่งได้รับความนิยมสูงจากศิลปิน ปิ 16
ปปปรรระะะวัวัวั วั ติวั ติวั ติ ติติติVVVaaannnGGGooohhhggg เกิด ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ซึนเดิร์ต ประเทศเนเธอร์แลนด์ เสียชีวิต 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 (37 ปี)ปี โอแวร์ซูว์รวซ ประเทศฝรั่งเศส สาเหตุเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลกระสุนปืน ปื จากปืน ปื ที่ยิงใส่หน้าอกตนเอง สุสาน Cimetière d'Auvers-sur-Oise, ประเทศฝรั่งเศส 49°04′31″N 2°10′44″E สัญชาติ ดัตช์ การศึกษา Anton Mauve มีชื่อเสียงจาก จิตรกรรม วาดภาพชีวิต ภาพบุคคล และทิวทัศน์ ผลงานเด่น คนกินมันฝรั่ง (1885) ดอกทานตะวัน (1887) ห้องนอนที่อาร์ล (1888) ราตรีประดับดาว (1889) ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช (1890) ฝูงกาเหนือทุ่งข้าวสาลี (1890) The Siesta (1890) Church at Auvers (1890) ขบวนการ ลัทธิประทับใจยุคหลัง ครอบครัว Theodorus van Gogh (พี่/น้องชาย) 17
ฟัน โคค เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่ เมือง ซึนเดิร์ต (Zundert) ในภูมิภาคบราแบนต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ (เป็นเมืองที่ติดกับชายแดน เบลเยียม ) มีพ่อเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ มีพี่ น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน เป็นชนชั้นกลางที่มีชีวิต แบบแคบ ๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นเด็ก หนุ่มที่ดูเงอะงะ ไม่คล่องแคล่วเหมือนคนมีปมด้อย ค่อนข้างใจน้อย เขามีนิสัยชอบเก็บตัวและมีอาการ ของโรควิตกกังวล และยังมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย อ่อนโยน มีความเมตตาต่อคนทุกข์ยาก ทำ ให้ทุกคน มองเขาว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ น่ารำ คาญ เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาได้เข้าทำ งานที่ห้องภาพแห่งหนึ่งที่เดอะเฮก กับญาติที่ทำ งานด้านศิลปะ และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาก็ถูกส่งตัวไปยังห้องภาพที่สาขาปารีส ด้วย ความที่เขาเป็นคนซื่อ และความเบื่อหน่ายที่ทางห้อง ภาพเอารูปเลว ๆ มาหลอกขายกับคนที่ไม่รู้จักศิลปะ เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้น จนกระทั่ง ทางร้านไม่พอใจไล่เขาออกจากงานในที่สุด 18
หลังจากนั้น เขาจึงหันไปศึกษาทางศาสนาอย่างจริงจัง หลังจากสอบเข้าวิทยาลัยศาสนาที่นครอัมสเตอร์ดัมได้ 14 เดือน เขาพบว่าตนเองไม่ได้อะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ จึงเลิก เรียนเสียและได้ย้ายไปอยู่ในเหมืองถ่านหินในตำ บลบอรี นาฌ เพื่อเทศนาสั่งสอนและช่วยเหลือคนทุกข์ยากใน เหมืองนั้นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาอุทิศเงินจำ นวนหนึ่ง ให้กับคนทุกข์ยากโดยที่ตนเองมีเงินใช้อย่างจำ กัด และต้อง กินเศษขนมปัง ทำ ให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ เพราะ การบริโภคที่ผิดอนามัยและความหนาวเหน็บจากกองไฟ กองเล็กที่ไม่อาจสู้กับความหนาวเย็นของอากาศได้ ทำ ให้ ความงก ๆ เงิ่น ๆ ของเขามีมากยิ่งขึ้น ฟัน โคค เป็นคนที่พูดไม่เก่ง ทำ ให้การเทศนาสั่งสอนของ เขาไม่อาจจับจิตชาวเหมืองได้ ประกอบกับความใจบุญของ เขาทำ ให้คนเหล่านั้นมองว่าเขาเป็นคนแปลกแตกต่างจาก คนเหมือง ทำ ให้เขาเศร้าใจมาก และศาลพระก็ไม่ยอมแต่ง ตั้งให้เขาเป็นนักเทศน์ ในที่สุดชีวิตของเขาต้องเร่ร่อนไป อย่างไร้จุดหมาย เขาไม่ยอมแม้กระทั่งที่จะเขียนจดหมายถึง เตโอ น้องชายคนสนิท 19
ฟัน โคค ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสาย ศิลปะอย่างลำ บากยากแค้น เขายิงตัว เองเข้าทางซี่โครงด้านซ้าย ในวันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 หลังจาก การเขียน "รูปทางสามแพร่ง" (Wheat Field with Crows) (งานชิ้นนี้อาจจะ สื่อถึงการหาทางออกให้กับของชีวิตของ เขาเอง ที่เปรียบเสมือนทาง 3 สายที่มา บรรจบกันทำ ให้เลือกไม่ถูกว่าจะไปทาง ใดต่อ) ซึ่งเป็นงานชิ้นสุดท้ายของเขาที่ ทุ่งนา แต่เขาไม่เสียชีวิตทันที โดยเขาได้ เอามือกดปากแผลไว้และเดินกลับมาที่ ร้านกาแฟที่เขาพัก นกระทั่ง ปี ค.ศ. 1880 เขาได้เขียน จดหมายมาบอกกับเตโอ น้องของเขาว่า เขาค้นพบแล้วว่า ศิลปะคือทุกสิ่งทุกอย่าง ของเขา และเข้ามาแทนที่สิ่งอื่น ๆ จนหมด เขาใช้เวลาเพื่อศึกษามันด้วยตนเองอย่าง จริงจัง ก่อนหน้านั้นเขาเคยเขียนรูปมาบ้าง แต่ไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่ต่อจากนี้ไปมันคือ ชีวิตจิตใจของเขา (จดหมายที่ฟัน โคค เขียนถึงน้องชายของเขา ในปัจจุบันก็เป็นที่ ต้องการและมีความสำ คัญมากต่อการชม งานศิลปะของเขา) 20
ฟัน โคค สิ้นใจในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 ท่ามกลางความเศร้า โศกเสียใจของเพื่อน ๆ ศพของเขาถูกฝังไว้ ในสุสานเล็ก ๆ ที่เมืองโอแวร์ซูว์รวซ ทาง ตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้นอีก 1 ปีต่ ปีต่ อมา เตโอ น้องชายก็ เสียชีวิตตามพี่ชายของเขาไปเนื่องจาก ความโศกเศร้าและอาการเจ็บป่ว ป่ ยเรื้อรัง ศพของเตโอถูกฝังที่เมืองยูเทรกต์ และใน อีก 23 ปีต่ ปีต่ อมา ภรรยาของเตโอจึงย้ายศพ ของเขาบางส่วนมาฝังไว้ใกล้ ๆ ศพของฟัน โคค ในที่สุดพี่น้องที่รักกันมากก็ได้มาอยู่ ด้วยกันในสุสานเล็ก ๆ ที่เมืองโอแวร์ซูว์รวซ ค.ศ. 2013 ได้มีการพบผลงานของเขาอีก ชิ้นชื่อ "อาทิตย์อัสดงที่มงมาฌูร์" (Sunset at Montmajour) ที่ห้องใต้หลังคาของนัก สะสมชาวนอร์เวย์ 21
วินเซนต์ แวนโก๊ะ หรือ ฟินเซนต์ ฟัน โคค (อ่านตาม ภาษาดัชต์) ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศิลปิน ปิ ที่มีชื่อ เสียงที่สุดของโลก น่าเสียดายว่าเขาจากโลกนี้ไปตั้งแต่ อายุยังไม่มาก และตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ (ช่วงศตวรรษที่ 19) ชื่อเสียงของเขากลับไม่ดังเท่าตอนตาย ซึ่งไม่น่าเชื่อ ว่าช่วงเวลา 10 ปีใปี นอาชีพจิตรกร ภาพวาดของ แวน โก๊ะ สามารถขายได้เพียง 1 ภาพ จากผลงานทั้งหมดกว่า 2,100 ชิ้น ชีวิตของ แวน โก๊ะ หลายคนมองว่าค่อนข้างอาภัพ หมองหม่น ตรงกันข้ามกับภาพเขียนของเขาที่มีสีสัน สดใสจัดจ้าน โดยช่วงท้ายๆของชีวิต แวน โก๊ะ ต้องต่อสู่ กับปัญหาทางสภาพจิตใจทั้งอาการป่ว ป่ ยเป็น โรคไบโพ ลาร์ โรควิตกกังวล รวมถึงภาวะซึมเศร้า จนถึงกับตัดหู ตัวเอง และต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช วิวิวิ วิ นวิ นวิ นเเเซซซนนนต์ต์ต์ ต์ต์ต์แแแวววนนนโโโก๊ก๊ก๊ ก๊ ะ ก๊ ะ ก๊ ะศิศิศิ ศิ ลศิ ลศิ ลปิปิปิน ปิ น ปิ น ปิที่ที่ที่ ที่ ต ที่ ต ที่ ตอออนนนมีมีมี มี ชีมี ชีมี ชี ชี วิชี วิชี วิ วิ ตวิ ตวิ ตอออยู่ยู่ยู่ยู่ขยู่ขยู่ขาาายยย ภภภาาาพพพวววาาาดดดไไได้ด้ด้ ด้ เด้ เด้ เพีพีพี พี ยพี ยพี ยงงง111ภภภาาาพพพแแแต่ต่ต่ ต่ ตต่ ตต่ ตอออนนนนี้นี้นี้ นี้ ภ นี้ ภ นี้ ภาาาพพพที่ที่ที่ ที่ ร ที่ ร ที่ ราาาคคคาาา แแแพพพงงงที่ที่ที่ ที่ สุ ที่ สุ ที่ สุสุ ด สุ ด สุ ดขขขออองงงเเเขขขาาามีมีมี มี มูมี มูมี มูมู ล มู ล มู ลค่ค่ค่ ค่ าค่ าค่ าถึถึถึ ถึ งถึ งถึ ง555,,, 888555333ล้ล้ล้ ล้ าล้ าล้ านนนบบบาาาททท 22
ภาพแรกของ แวน โก๊ะ วินเซนต์ แวนโก๊ะ เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ในครอบครัวชนชั้นกลาง ว่ากันว่า การที่แม่ของเขาสูญ เสียลูกชายคนโตไป ทำ ให้ แวน โก๊ะ ไม่ได้รับความรักจาก แม่จนกลายเป็นปมในใจ ในฐานะลูกคนกลางที่ถูกหมาง เมิน วัยเด็กเขาจึงมีนิสัยเงียบขรึม พูดน้อย คิดมาก กับ พ่อที่เป็นนักบวชเอง แวน โก๊ะ ก็ไม่ค่อยลงรอยนัก โดย เฉพาะการล้มเหลวทางอาชีพการงาน เมื่อโตเป็นหนุ่ม แวน โก๊ะ ทำ งานช่วยญาติด้วยการเป็นผู้ช่วยในการขาย ภาพวาด เขาจึงต้องเดินทางบ่อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีผล ให้ แวน โก๊ะ มีภาวะซึมเศร้า เนื่องจากต้องต่อสู้กับความ เหงาและความโดดเดี่ยว เมื่อล้มเหลวกับงานขายภาพ แวน โก๊ะ หันหน้าเข้าหา ศาสนา แต่ก็พบกับความผิดหวังอีกเมื่อเขาสอบเข้า โรงเรียนสอนศาสนาไม่ผ่าน แวน โก๊ะ ซมซานกลับบ้าน แล้วตัดสินใจเริ่มต้นอาชีพจิตรกรตอนอายุ 28 ปี ด้วย การทดลองเรียนรู้การวาดภาพด้วยตนเอง โดยมี ธีโอ น้องชายคอยสนับสนุนทางการเงิน สำ หรับผลงานจิตรกรรมภาพแรกของ แวน โก๊ะ เท่าที่มี การค้นพบและบันทึกไว้ก็คือภาพวาดที่มีชื่อว่า Still Life with Cabbage and Clogs (ภาพหุ่นนิ่งกับกะหล่ำ ปลีและรองเท้าไม้) เป็นผลงานยุคต้นของ แวน โก๊ะ และ อาจเป็นงานจิตรกรรมภาพแรกที่เขาวาดขึ้นในราวเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ปี 1881 23
ภาพเดียวที่ขายได้ของ แวน โก๊ะ แม้ว่าราคาภาพวาดในปัจจุบันของ วิน เซนต์ แวนโก๊ะ จะมีมูลค่าสูง โดยภาพที่แพง ที่สุดของเขาในตอนนี้คือ Portrait of Dr. Paul Gachet (1890) ภาพวาด ดร.กาเชต์ แพทย์ทางเลือกที่ดูแล แวน โก๊ะ ในช่วง สุดท้ายของชีวิต ซึ่งมีราคาประมาณ 5,853 ล้านบาท รวมถึงมีภาพที่มีชื่อเสียงมากมาย อย่างภาพ The Starry Night ภาพ จินตนาการสุดลํ้าที่เขาเขียนในโรงพยาบาล จิตเวช , ภาพชุด The Paris Sunflowers โด่ดเด่นด้วยสีสันที่จัดจ้านสวยงาม , The Potato Eaters ภาพที่สะท้อนวิถีชีวิตชนชั้น กรรมกรได้อย่างยอดเยี่ยม และภาพชุดที่ 24
The Red Vineyard at Arles (The Vigne Rouge) คือ 1 ผลงานหนึ่งเดียวในชีวิตของ แวน โก๊ะ จากภาพวาด 2 พันกว่าชิ้น ที่ สามารถขายได้ หรือเรียกว่ามีลูกค้ายอมซื้อ ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ โดยภาพดังกล่าวเป็น ภาพไร่องุ่นแดงในแถบโพรวองซ์ เมืองทาง ใต้ของฝรั่งเศส ภาพนี้ขายได้ในราคา 400 ฟรังก์ ที่งานนิทรรศการในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อเดือนมีนาคม 1890 สี่เดือนก่อนที่ แวน โก๊ะ จะเสียชีวิต (ปัจจุบันภาพนี้อยู่ใน พิพิธภัณฑ์ที่ประเทศรัสเซีย) แวน โก๊ะ ถือเป็นศิลปิน ปิ ที่มีความเคร่งครัด มาก วินัยของเขาสะท้อนออกมาในตาราง ชีวิตที่ทุ่มเทให้กับการวาดภาพเกือบทั้งวัน ตลอด 10 ปีใปี นเส้นทางสายจิตรกร เขาจึงมี ผลงานมากถึง 2,100 ชิ้น ซึ่งเป็นภาพสีนํ้า มันบนผืนผ้าใบประมาณ 860 ภาพ ช่วง หนึ่งเขาถูกยกให้เป็น บิดาแห่งแห่งศิลปะ สมัยใหม่ ในยุคโพสต์-อิมเพรสชั่นนิสม์ โดย แวน โก๊ะ เป็นศิลปิน ปิ ร่วมสมัยกับ โคลด์ โมเนต์ และ พอล โกแกง เพื่อนสนิทที่ครั้ง หนึ่งเคยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน 25
ภาพสุดท้ายของ แวน โก๊ะ แวน โก๊ะ มีปัญหาทางสุขภาพจิตสะสมมาตั้งแต่วัยเด็ก แต่ อาการแย่ลงเรื่อยๆตั้งแต่เขามาใช้ชีวิตในตัวเมืองปารีส ช่วงนี้แม้ว่าหลายคนจะเห็นว่าเขามุ่งมั่นกับการเขียนภาพ เกือบทั้งวัน แต่บางช่วง แวน โก๊ะ ใช้เวลาไปกับการดื่มสุรา และเที่ยวเตร่ เมื่อย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ในเมืองอาร์เลส์ แวน โก๊ะ เริ่มถอยหางจากสังคมและแสงสี เขาได้เช่าบ้าน หลังหนึ่งแล้วตกแต่งบ้านด้วยสีเหลืองทั้งหมด โดยหวังก่อ ตั้งกลุ่มศิลปิน ปิ อิมเพรสเช่นนิสท์ขึ้นในเดือนตุลาคมปี ค.ศ.1888 พอล โกแกง จิตรกรชาวฝรั่งเศสที่เป็นเพื่อนกับเขาได้ย้าย มาอยู่ในบ้านศิลปิน ปิสีเหลืองตามคำ เชิญ แต่พวกเขากลับมี ปากเสียงและทะเลาะกันบ่อย จนกระทั่งเช้าของวันคริสต์ มาสอีฟ โกแกง แจ้งตำ รวจให้มาดูอาการ แวน โก๊ะ ที่ตัดหู ข้างหนึ่งของตัวเองเอาไปให้โสเภณีชื่อ กาเบรียลล์ แบร์ลา ทิเยร์ เพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาส เมื่อเธอเปิด ปิ กล่องถึง กับเป็นลมล้มพับไป (บางรายงานอ้างว่า โกแกง เป็นคนตัด หู แวน โก๊ะ ก่อนจะจากไป) ต่อมา แวน โก๊ะ ถูกส่งตัวไปทำ แผล ก่อนจะถูก ธิโอ น้อง ชายส่งตัวไปรักษาอาการติดสุรากับอาการป่ว ป่ ยทางจิตอื่นๆ ในคลินิกผู้ป่ว ป่ ยโรคจิตในแซงต์-เรมี เมื่อหายดี เขาย้ายมา อยู่ที่เมืองโอแวร์ซูว์รวซ โดยภาพวาดภาพสุดท้ายของเขา คือภาพ Wheatfield with crows (ทุ่งข้าวสาลีกับอีกา) วาดขึ้นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ปี 1890 เชื่อกันว่านี่คือ ภาพสุดท้ายของเขาก่อนที่ แวน โก๊ะ จะยิงตัวเองตายในวัย 37 ปี 26
อ้อ้อ้ อ้ าอ้ าอ้ างงงอิอิอิ อิ งอิ งอิ ง <--- คิคิคิ คิ วคิ วคิ วอออาาาร์ร์ร์ ร์โร์โร์โค้ค้ค้ ค้ ดค้ ดค้ ด ปปปรรระะะวัวัวั วั ติวั ติวั ติ ติติติVVVaaannnGGGooohhhggg <---คิคิคิ คิ วคิ วคิ วอออาาาร์ร์ร์ ร์โร์โร์โค้ค้ค้ ค้ ดค้ ดค้ ด ศิศิศิ ศิ ลศิ ลศิ ลปปปะะะงงงาาานนนชิ้ชิ้ชิ้ ชิ้ น ชิ้ น ชิ้ นเเเอออกกก ขขขออองงงVVVaaannnGGGooohhhggg ศิศิศิ ศิ ลศิ ลศิ ลปิปิปิน ปิ น ปิ น ปิที่ที่ที่ ที่ ต ที่ ต ที่ ตอออนนนมีมีมี มี ชีมี ชีมี ชี ชี วิชี วิชี วิ วิ ตวิ ตวิ ตอออยู่ยู่ยู่ยู่ขยู่ขยู่ขาาายยย ภภภาาาพพพวววาาาดดดไไได้ด้ด้ ด้ เด้ เด้ เพีพีพี พี ยพี ยพี ยงงง111ภภภาาาพพพ แแแต่ต่ต่ ต่ ตต่ ตต่ ตอออนนนนี้นี้นี้ นี้ ภ นี้ ภ นี้ ภาาาพพพที่ที่ที่ ที่ ร ที่ ร ที่ ราาาคคคาาาแแแพพพงงง ที่ที่ที่ ที่ สุ ที่ สุ ที่ สุสุ ด สุ ด สุ ดขขขออองงงเเเขขขาาามีมีมี มี มูมี มูมี มูมู ล มู ล มู ลค่ค่ค่ ค่ าค่ าค่ าถึถึถึ ถึ งถึ งถึ ง 555,,, 888555333ล้ล้ล้ ล้ าล้ าล้ านนนบบบาาาททท 27