รายงาน
เรอ่ื ง
ผลิตภณั ฑ์จากน้าผกั สะทอน
ผจู้ ดั ท้าโครงงาน
๑. เดก็ ชายณรงค์ศักด์ิ มาลลิ ะ ชนั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ เลขท่ี ๓
๒. เดก็ หญิงญาดาวดี ราชอนิ ตา ชันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ เลขที่ ๓
๓. เดก็ หญงิ จติ รกัญญา จนั ตะนุ ชนั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เลขที่ ๖
ครทู ี่ปรึกษาโครงงาน
นางสาวน้าผึง ระโส
นางสาวรตั นาภรณ์ พาธปู ทอง
โรงเรียนบา้ นปา่ รวก อา้ เภอนครไทย
ส้านกั งานเขตพืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต ๓
กติ ตกิ รรมประกาศ
ในการจดั ทาโครงงานอาชพี เร่ือง ผลติ ภัณฑจ์ ากนาผกั สะทอน นี ผูจ้ ัดทาไดร้ บั การสนบั สนุนเป็น
อยา่ งดจี ากท่านผู้อานวยการ นางอารีย์ ไก่แก้ว ผอู้ านวยการโรงเรยี นบา้ นป่ารวก ที่ได้ให้การสนับสนุนด้าน
งบประมาณ ชีแนะแนวทางท่ีมีประโยชน์ ตลอดจนคณะครูทุกท่านทไ่ี ด้ให้แนวคดิ เกี่ยวกับการวางแผนการ
ดาเนนิ งาน ขอ้ เสนอแนะในการแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ระหวา่ งทาโครงงานด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี ตลอดจน
แนะนาเอกสาร และตาราต่าง ๆ ท่ีใชส้ าหรับคน้ คว้าจนทาผลติ ภัณฑ์จากนาผกั สะทอน เรื่องนสี าเรจ็ ลลุ ว่ งไป
ด้วยดี คณะผจู้ ดั ทาขอขอบพระคณุ ทกุ ทา่ นเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี
ครูที่ปรกึ ษาโครงงาน นางสาวนาผึง ระโส
นางสาวรตั นาภรณ์ พาธปู ทอง
ผ้ใู หข้ อ้ มูล นางฟา้ มล เยน็ ขนั
ผทู้ มี่ สี ว่ นเกีย่ วข้องอ่ืนๆ นางอารีย์ ไก่แกว้
บทคัดยอ่
โครงงานอาชีพ เร่ือง ผลติ ภัณฑจ์ ากนาผกั สะทอนเปนโครงงาน ที่จดั ทาขึนเพ่ือสรางรายไดระหวางเรียน
และเปนการนาเสนอผลงานที่ต่อยอดจากภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ซึง่ เปน็ วัสดุหลักทใี่ ชในการทาผลติ ภัณฑ์ทไ่ี ด้มา
จากนาผักสะทอน เราสามารถนามาแปรรูปได้หลากหลาย ได้แก่ นาพริกดานาผักสะทอน นาพริกกากหมนู า
ผักสะทอน และนาปลาหวานนาผกั สะทอน เพื่อเปน็ การเพิ่มมลู ค่าให้กับนาผักสะทอนท่ีเปน็ ผลติ ภัณฑ์ของคน
ในชุมชน
ผสู นใจที่มีทักษะในการทานาผักสะทอน สามารถรับประทานได้จรงิ เกดิ ความภาคภูมิใจทีส่ ามารถสราง
รายไดระหวางเรยี น และเปนการนาเสนอผลงานที่ต่อยอดจากภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินมาสรา้ งรายได้ดวยการทา
ผลติ ภณั ฑ์จากนาผกั สะทอน
คา้ น้า
รายงานฉบับนีจงึ รวบรวมเอกสารประกอบการจัดโครงงานอาชีพ เรอื่ ง ผลิตภณั ฑ์จากนาผกั สะทอน
เพื่อเป็นแนวทางในการพฒั นาโครงงานในปกี ารศกึ ษาต่อไป และอาจเปน็ แนวทางในการดาเนนิ กิจกรรม
โครงการต่าง ๆ ได้ ผูจ้ ัดทาหวงั ว่าเอกสารฉบับนี จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่ผสู้ นใจนาไปเป็นแนวทางปรับใชใ้ นการ
ดาเนินงานในโอกาสตอ่ ไปไม่มากกน็ ้อย หากผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาตอ้ งขออภยั มา ณ ทน่ี ี
คณะผจู้ ัดทา้
สารบัญ หนา้
กิตติกรรมประกาศ ๑–๒
บทคดั ย่อ ๓–๕
๖ – ๑๕
คานา
๑๖ – ๑๘
สารบญั ๑๙
๒๐
บทที่ ๑ บทนา
- ท่มี าของโครงงาน
- วัตถปุ ระสงค์
- ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ
- ขอบเขตด้านเนือหา
- ขอบเขตด้านแหลง่ ข้อมูล
- ขอบเขตด้านตวั แปลทศ่ี ึกษา
- นยิ ามศัพท์เชิงปฏิบัติการ
บทที่ ๒ เอกสารที่เกยี่ วข้อง
บทที่ ๓ การดาเนินการและการศึกษา
- วัสดอุ ปุ กรณ์
- ขนั ตอนการทา
- ขนั ตอนการทดลองใช้
- การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
- การวิเคราะห์ขอ้ มลู
บทที่ ๔ ผลการดาเนินงาน/ผลการศกึ ษา
บทที่ ๕ สรุปผลการดาเนนิ งาน
อา้ งอิง
บทท่ี ๑
บทนา้
๑. ที่มาและความสา้ คัญของโครงงาน
วัฒนธรรมการกนิ นาผักสะทอน ทเี่ ป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถ่ิน โดยใช้พืชพนื บา้ นที่เกิดขึนในทอ้ งถ่ิน
มาประกอบอาหาร หรือถนอมเป็นอาหาร ท่สี ามารถเกบ็ ไว้รบั ประทานไดน้ าน ตน้ ผักสะท้อน เป็นไมย้ ืนตน้
ตระกูลถว่ั ท่ีมอี ายยุ ืนหลายร้อยปี ลักษณะทรงพมุ่ โดยจะแตกยอดอ่อนทุกปี ชาวบ้านปา่ รวก นยิ มนาใบมาหมัก
และเคยี่ วดว้ ยกรรมวธิ ที สี่ ืบทอดกันมาตงั แต่บรรพบรุ ุษนบั ร้อยปี เพื่อนานาจากใบสะทอนมาปรงุ รสอาหารเพม่ิ
รสชาตอิ าหารให้อร่อย อนั เป็นเอกลักษณ์ของชาวบ้าน
การบริโภคนาผักสะทอน เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบา้ นในพนื ท่ีซ่ึงไดจ้ ากการนาใบสะทอนมาทาการ
หมักตามกรรมวธิ ีใหไ้ ดน้ าปรุงรสท่ีใชแ้ ทนนาปลา หรอื นาปลาร้า เน่อื งจากบรเิ วณนเี ปน็ พืนที่ราบลุ่มภูเขา ไมม่ ี
ปลามากเหมือนในบริเวณทรี่ าบลมุ่ แมน่ า จงึ ต้องมีการใชภ้ มู ิปญั ญาในการนาพนั ธ์ุผักพืนบ้านมาทาการหมักเป็น
นาปรุงรสทดแทน
นาผักสะทอน เป็นหน่งึ ภูมิปัญญานาปรุงรสทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์ของชาวบา้ น เนื่องจากภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่
ของชาวบา้ นปา่ รวก มักจะรับประทานนาพรกิ กับผกั พนื บา้ นเปน็ ประจา เพื่อเปน็ การสบื ทอดและสง่ เสรมิ
วัฒนธรรมด้านอาหารนี จงึ ดาเนนิ การจดั โครงงานผลิตภัณฑจ์ ากนาผกั สะทอน เพ่ือให้นักเรียนต่อยอดภมู ิ
ปญั ญาท้องถน่ิ นักเรยี นสามารถมีรายไดส้ าหรบั เลยี งตนเองและครอบครวั และมเี งนิ ออมไว้ใช้ในยามจาเปน็
๒. วัตถุประสงค์ของการศกึ ษา
๒.๑ เพอ่ื ให้นกั เรียนได้เรียนรูภ้ มู ิปญั ญาท้องถนิ่ ของตนเอง
๒.๒. เพอื่ สง่ เสรมิ ให้นกั เรียนต่อยอดภมู ิปัญญาท้องถนิ่ ของตนเอง
๒.๓. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นเรียนรู้การทาผลติ ภัณฑ์จากนาผักสะทอน
๒.๔ เพอ่ื สรา้ งอาชีพเสริมให้แก่นักเรยี น
๓. ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้
ในการศึกษาค้นคว้า ได้กาหนดการศึกษาค้นคว้าดงั นี
๓.๑. ขอบเขตดา้ นเนอื หา
๑. การศึกษากรรมวธิ ใี นการทาผลิตภณั ฑ์จากนาผกั สะทอน
๓.๒. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง
๑. นักเรยี นชันประถมศึกษาปีที่ ๔-๖
๓.๓. ระยะเวลาดาเนนิ การ
มิถนุ ายน - พฤศจกิ ายน ๒๕๖๕
๔. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รบั
๔.๑ นักเรียนไดเ้ รียนร้ภู ูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ของตนเอง
๔.๒ นกั เรียนทาผลิตภัณฑจ์ ากนาผกั สะทอนได้
๔.๓ นกั เรยี น ชมุ ชนมอี าชีพเสรมิ และรายได้เพิม่ ขนึ
๔.๔ นักเรียนได้อนุรักษภ์ มู ปิ ัญญาท้องถิ่นของตนเอง
บทท่ี ๒
เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง
(ความรทู้ ศ่ี ึกษาค้นคว้าจากแหลง่ ตา่ งๆ) โดยพมิ พ์ / เขยี น/ ถ่ายส้าเนาตามความเหมาะสม
ความสา้ คญั ของผลิตภณั ฑ์
ผลติ ภัณฑ์ของกจิ การใด ๆ เปน็ ทีม่ าของรายได้ให้กับกิจการนนั ๆ จึงอาจกลา่ วไดว้ า่ ธรุ กจิ / กิจการจะไม่
สามารถอยูร่ อดได้ ถา้ ผลติ ภัณฑ์ท่ีขาย / นาเสนอสู่ตลาดเป็นผลติ ภัณฑ์ท่ีไมต่ รงกบั ความต้องการของผ้บู ริโภค
ดังนนั กอ่ นสาเสนอผลติ ภณั ฑ์สู่ตลาดธรุ กิจ / กจิ การควรท่ีจะได้สารวจให้ทราบถึงลักษณะของผลติ ภณั ฑ์ท่ี
ผู้บริโภคตอ้ งการให้ได้เสียก่อน ถา้ หากธรุ กจิ / กิจการใดนาเสนอผลิตภณั ฑ์เปน็ เจา้ แรก ธรุ กจิ / กิจการนัน ๆ
กม็ โี อกาสท่ีจะเป็นผนู้ าตลาดได้ นอกจากนนั ผลติ ภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพดียังทาให้ธรุ กิจ / กิจการนนั ๆ มีภาพลักษณ์
ท่ดี ใี นสายตาของผู้บริโภคอีกด้วย
เมอ่ื พจิ ารณาโดยรอบจะเหน็ ไดว้ า่ ผลิตภณั ฑ์ทีด่ มี ีประโยชนแ์ ละตรงกับความต้องการของผบู้ รโิ ภคจะ
ช่วยยกมาตรฐานการครองชีพแกผ่ บู้ ริโภคได้ และการนาเสนอผลิตภณั ฑ์ใหม่ ๆ อย่เู สมอของธรุ กิจจะช่วยให้
เกดิ พฤตกิ รรมการบริโภคและนาความเจรญิ ส่เู ศรษฐกิจ
ดร.ฟลิ ปิ ป์ คอตเลอร์ (Kotler, 2000 p. 394) ปรมาจารยท์ างการตลาด ให้ความหมายของผลิตภัณฑ์
วา่ "ผลิตภัณฑ์ หมายถงึ อะไรก็ได้ทส่ี ามารถนาเนอขายสู่ตลาด เพอื่ ตอบสนองความต้องการของผู้บรโิ ภค" เมื่อ
ศกึ ษาแนวคดิ ทางการตลาด พบวา่ การตอบสนองความตอ้ งการผูบ้ รโิ ภค หมายรวมทงั ความพงึ พอใจของ
ผู้บริโภคทมี่ ีตอ่ ผลติ ภัณฑ์ทังทางดา้ นกายภาพ (ตัวผลิตภณั ฑ์) จิตวิทยา (ความเช่ือมน่ั , ภาพลกั ษณ์
ผลติ ภณั ฑ์ ฯลฯ) และสังคมวทิ ยา (การเปน็ ส่วนหนึง่ ของสังคม ฯลฯ) ท่ผี ู้บริโภคไดร้ บั หลังการบรโิ ภค
ผลติ ภัณฑ์ ดังนนั ความหมายทีแ่ ท้จรงิ ของคาว่า ผลติ ภณั ฑ์ จงึ หมายถึง สิ่งที่ผ้ซู ือได้รบั ไม่ใชส่ ่งิ ท่ผี ู้ขายได้
ขายไป หรอื กล่าวอกี นัยหน่ึงวา่ ผลิตภัณฑ์ หมายรวมถึง สง่ิ ท่ีจบั ต้องได้ (ตวั ผลติ ภณั ฑ์) บรกิ าร
ประสบการณ์ เหตุการณ์ บคุ คล สถานท่ีองคก์ รขอ้ มลู และแนวความคิด (Kotler, 2000 p. 394)
น้าผกั สะทอน เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะท้องถนิ่ โดยใชพ้ ืชพืนบ้านทเ่ี กดิ ขนึ ในทอ้ งถิ่น มาประกอบอาหาร
หรอื ถนอมเป็นอาหาร ท่สี ามารถเกบ็ ไว้รับประทานไดน้ าน ต้นผกั สะทอน เป็นไมย้ นื ตน้ ตระกลู ถวั่ ที่มีอายยุ นื
หลายรอ้ ยปี ลกั ษณะทรงพมุ่ โดยจะแตกยอดออ่ นทุกปี ชาวบ้านป่ารวก ตาลบบอ่ โพธ์ิ อาเภอนครไทย จงั หวัด
พิษณโุ ลก นิยมนาใบมาหมกั และเคยี่ วดว้ ยกรรมวธิ ีทส่ี บื ทอดกนั มาตังแต่บรรพบรุ ษุ นบั รอ้ ยปี เพื่อนานาจากใบ
สะทอนมาปรุงรสอาหารเพ่ิมรสชาติอาหารใหอ้ ร่อย อนั เปน็ เอกลักษณ์ของชาวบ้าน
การบรโิ ภคนาผกั สะทอน เกิดจากภมู ิปัญญาของชาวบ้านในพืนท่ซี ึ่งไดจ้ ากการนาใบสะทอนมาทาการ หมัก
ตามกรรมวิธีใหไ้ ด้นาปรงุ รสท่ีใชแ้ ทนนาปลา หรือนาปลารา้ เน่ืองจากบรเิ วณนีเป็นพนื ทร่ี าบลุ่มภูเขา ไมม่ ี ปลา
มากเหมือนในบริเวณทรี่ าบลุ่มแมน่ า จึงต้องมีการใช้ภูมปิ ัญญาในการนาพันธ์ุผักพนื บ้านมาทาการหมักเป็น นา
ปรุงรสทดแทน
๑. ความรเู้ กี่ยวกับผักสะทอน
การศึกษาครังนี ผ้วู จิ ัยไดร้ วบรวมขอ้ มลู จากเอกสารและการสัมภาษณ์เบืองต้นกับกลุม่ ทผี่ ลติ นาผกั สะ
ทอนทงั ในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดงั ต่อไปนี
๑.๒ ประวัตคิ วามเป็นมา
ของตน้ สะทอนต้นสะทอน หรือ ต้นสะทอ้ น เปน็ พนั ธุ์ไมท้ เี่ กิดขึนในทอ้ งถนิ่ ที่มอี ายุยนื นานหลายร้อยปี
เป็นพชื ตระกลู ถ่ัว มชี ือ่ ทางวทิ ยาศาสตรว์ ่า Milettia leucantha Kur2 เป็นพืชในวงศ์ PAPILIONACEAE (เต็ม
สมติ นิ นั ทน์, 2544 : 182) ซ่ึงสอดคลอ้ งกับ Loc PK and Vidal JE(2001) อธบิ ายว่า ต้นสะทอนเป็นไม้ยนื ต้น
สูงประมาณ 15-18 เมตร ใบเลียงคู่ พืชชนดิ นีจะสะสมอาหารไวท้ ใี่ บเป็นสว่ นใหญล่ ักษณะของต้นชว่ งอายุออ่ น
จะมสี ขี าว ตน้ แก่จะมสี ีเขยี วใบมนเรยี ว ปลายแหลม ใบอ่อนจะมีสเี หลือง ใบแก่มีสีเขยี วเข้ม ดอกมสี ีขาวอมมว่ ง
ฝักของตน้ สะทอนจะมสี ีนาตาล มีขนเล็กนอ้ ยลักษณะคล้ายถ่วั แปบ แตล่ ะฝกั มีเมล็ดประมาณ 2-3 เมล็ดตน้ สะ
ทอนมักขนึ เองตามธรรมชาติบริเวณเชงิ เขา แต่สามารถขยายพนั ธ์ุ โดยการเพาะเมลด็ และ22รากปกั ชา โดยจะ
แตกใบอ่อนในช่วงกลางเดือนกมุ ภาพนั ธถ์ ึงเดอื นมีนาคม ซึง่ ชาวบ้านนิยมนาใบอ่อนมาหมักเปน็ นาปรุงรสเพราะ
มรี สชาตดิ กี วา่ ใช้ใบแก่ สว่ นมากต้นสะทอนจะขึนบริเวณดินรว่ นปนทราย ผกั สะทอนแบ่งเปน็ 3 ชนิด คือ สะ
ทอนจ่นั สะทอนจาน และสะทอนวัวใบสะทอนท่ชี าวบ้านท้องถ่ินนยิ มนามาหมักเป็นนาปรุงรส ได้แก่ สะทอน
จน่ั ซง่ึ มลี ักษณะใบเล็กและบางกว่าสะทอนจาน ใบจะมขี น จากการบอกเล่าของชาวบา้ นทอ้ งถ่นิ ว่าสะทอนจาน
ไม่สามารถกนิ ได้ เพราะได้รบั การบอกเลา่ ต่อกนั มาตงั แต่บรรพบุรษุ แต่สะทอนที่ให้รสชาติดที ่ีสดุ ได้แก่ สะทอน
วัว (ค้าพัน ออ่ นอุทัย, สมั ภายณ์, 17 เมษายน 2550)
การผลิตน้าผักสะทอนที่บ้านนาดี อ้าเภอด่านซา้ ย การผลิตนาผกั สะทอนทบ่ี ้านนาดี อาเภอดา่ นซ้าย
มีกระบวนการผลติ โดยการนาสะทอนทแ่ี ตกยอดอ่อนในชว่ งกลางเดือนกุมภาพนั ธถ์ ึงเดือนมีนาคม นามาล้างนา
ใหส้ ะอาด แล้วนาไปผงึ่ แดดพอสะเดด็ นา จากนนั นาไปตาในครกกกระเด่ืองจนละเอียด โดยระหวา่ งการตามี
การเตมิ นาลงในครกกระเดือ่ งเพื่อใหเ้ กดิ ความชืนจะทาใหใ้ บสะทอนละเอียดได้ง่ายขึน นาผกั สะทอนท่ตี า
ละเอียดแลว้ ออกจากครกกระเด่อื งไปใส่ในโอง่ ดิน ทาการหมกั แช่ไว้ 3 คืน โดยในช่วงเชา้ และเยน็ ของทุกวันจะ
ทาการคลุกเคลา้ ใหเ้ ข้ากนั อย่างทั่วถงึ อย่างสมา่ เสมอ เมื่อครบกาหนดให้ขึนและกรองด้วยหวดหรอื ภาชนะท่ีมี
รขู นาคเลก็ เพ่ือเอาเศษใบผกั สะทอนออกเหลือไว้เฉพาะสว่ นทเ่ี ป็นนาหมกั จากนนั นานาหมักท่ีไดใ้ สล่ งใน
กระทะเกย่ี วดว้ ยไฟแรง หากมฟี องใหช้ อ้ นตักเอาฟองออก เคยี่ วตอ่ ไปจนนาหมกั มีสนี าตาล ยกลงจากเตาทิงให้
เยน็ ไว้ 6 คืน นานาผักไปกรองดว้ ยผา้ ขาวบางและบรรจุขวดปิดฝาให้แน่น (ค้าพัน อ่อนอทุ ัย, สมั ภาษณ์,
8 มกราคม 2549)
การผลิตน้าผกั สะทอน ทบ่ี า้ นปา่ รวก อาเภอนครไทย มกี ระบวนการผลติ โดยการนาสะทอนท่ีแตก
ยอดอ่อนในช่วงกลางเดอื นกมุ ภาพนั ธถ์ งึ เดอื นมีนาคม นามาลา้ งนาให้สะอาด แล้วนาไปผ่ึงแดดพอสะเด็ดนา
จากนันนาไปตาในครกกกระเด่ืองจนละเอยี ด โดยระหวา่ งการตามีการเติมนาลงในครกกระเดอื่ งเพื่อใหเ้ กิด
ความชืนจะทาให้ใบสะทอนละเอยี ดได้งา่ ยขนึ นาผกั สะทอนท่ีตาละเอียดแลว้ ออกจากครกกระเด่อื งไปใสใ่ นโอง่
ดนิ ทาการหมักแช่ไว้ ๓ คนื โดยในชว่ งเชา้ และเยน็ ของทุกวันจะทาการคลกุ เคลาให้เข้ากันอยา่ งทัว่ ถึงอย่าง
สมา่ เสมอ เม่ือครบกาหนดให้ขนึ และกรองด้วยหวดหรอื ภาชนะท่มี รี ขู นาดเล็กเพื่อเอาเศษใบผักสะทอนออก
เหลือไวเ้ ฉพาะสว่ นทเี่ ป็นนาหมกั จากนันนานาหมกั ท่ีไดใ้ สล่ งในกระทะเค่ียวด้วยไฟแรง หากมี ฟองให้ช้อนตกั
เอาฟองออก เค่ียวต่อไปจนนาหมักมีสีนาตาล ยกลงจากเตาทิงใหเ้ ยน็ ไว้ ๑ คืน นานาผักไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
และบรรจุขวดปิดฝาให้แน่น (นางฟ้ามล เย็นขนั , สัมภาษณ์, ๘ มกราคม ๒๕๔๙)
๑.๓ คณุ ค่าทางโภชนาการของน้าผักสะทอน
มคี ุณคา่ ทางอาหารมโี ปรตนี และวิตามิน หอม อร่อย หวานนดิ อร่อยอย่าบอกใคร เอามาปรงุ อาหารแทน
นาปลา ใสป่ รุงอาหารประเภทเมย่ี งโค่น แกงอ่อม แกงซัว ส้มตา นาพรกิ บ้านนา มสี ารอาหารที่เป็นประโยชน์
ต่อรา่ งกายได้แกโ่ ปรตีน แคลเซียม ปอ้ งกันท้องอืด ทอ้ งเฟ้อ และผทู้ ก่ี ินอาหารเจ สามารถนาเป็นนาปรุงรส
อาหารได้ดี และมีคณุ ค่าทางโภชนาการอยา่ งมาก
๒. ผลิตภัณฑ์จากนา้ ผักสะทอน
ชาวบ้านในหลายๆ อาเภอของจังหวัดเลข ได้แก่ อาเภอนาแห้ว อาเภอด่านซา้ ย อาเภอทา่ ถ่ี อาเภอภูเรือ
และอาเภอภหู ลวง รวมถึงประชาชนในประเทศสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว นิยมนามาหมักเป็นนา
ปรงุ รส และใชใ้ นการประกอบอาหารประเภทอื่น เชน่ ส้มตา นาพรกิ และแกงชนดิ ต่าง ๆ
ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั
ผลิตภณั ฑจ์ ากนาผกั สะทอนจะทาใหนกั เรียนไดเรียนรูทกั ษะกระบวนการทางาน ซึ่งเปนพนื ฐานที่สาคัญ
ในการนาไปใชในชวี ิตประจาวัน ประยุกตใชในการสรางผลิตภณั ฑท์ หี่ ลากหลาย คาดวา่ จะไดรับความสนใจจาก
ผูท่พี บเห็นและทดลองรับประทาน สามารถรบั ประทานได้ ทาให้เกดิ ความภาคภูมิใจต่อผลิตภณั ฑ์ของตนเอง
บทที่ ๓
การด้าเนนิ การและการศึกษา
ดาเนนิ งานศกึ ษาหาความรู้โดยการสบื ค้นหาความร้จู ากภูมิปญั ญาชาบ้าน จากบ้านปา่ รวก ตาบลบ่อโพธ์ิ
อาเภอนครไทย จังหวัดพิษณโุ ลก
ดาเนินการสรา้ งผลติ ภัณฑ์ “ผลติ ภัณฑจ์ ากนาผักสะทอน” โดยมี อปุ กรณ์และวิธกี าร ดังนี
อุปกรณ์และวัสดุทีใ่ ช้ในการศกึ ษา
๑. ครก , สาก ๗. ผา้ กนั เป้ือน
๒. กระทะ, ตะหลวิ ๘. ซอ้ นตวง
๓. มีด ๙. โลโก้ผลิตภณั ฑ์
๔. ถาด ตะกรา้ จดั ผัก ๑๐. ถุงบรรจุภณั ฑ์
๕. ช้อน, ถว้ ย ๑๑. กระปุกบรรจุภณั ฑ์
๖. หมวกคลุมผม
ขนั ตอนการทา้
๑. นา้ พรกิ ด้าน้าผักสะทอน
วัสดอุ ุปกรณ์
๑. พริกแหง้ ๑ กิโลกรัม
๒. กระเทียม ๑/๒ กิโลกรัม
๓. ผงปรุงรส ๑/๒ กโิ ลกรัม
๔. นาปลา ๑/๒ กิโลกรัม
๕. นาผกั สะทอน ๒ ซ้อนโต๊ะ
วิธที ้า
๑. นาพริกเด็ดปลายออกมาคั่ว
๒. แกะกระเทียมเปน็ กลีบเลก็ ๆ จากนันก็นาพรกิ ท่ีค่วั แล้วมาตารวมกนั ใสก่ ระเทยี มทีละกลบี
๓. พอละเอียดแลว้ ใสน่ าใบกะทอนพอประมาณ ปรุงรสด้วยนาปลาและผงปรงุ รส
๔. ตกแต่งใส่ถว้ ยให้สวยงาม
ราคาทนุ
๑.นาผกั สะทอน ๑๐ บาท
๒.พรกิ แหง้ ๑๐๐ บาท
๓.กระเทยี ม ๒๐ บาท
๔.นาปลา ๒๐ บาท
๕.ผงปรุงรส ๕ บาท
๖.นาตาล ๕ บาท
รวม ๑๕๐ บาท
จาหน่ายในราคากระปุกละ ๒๐ บาท (นาหนกั ๕๐ กรัม)
ก้าไร
การทานาพรกิ ดานาผักสะทอน จะได้นาพริกจานวน ๒๐ กระปุก ขายได้ ๔๐๐ บาท หกั ต้นทุนแลว้ จะได้
กาไรทังหมด ๒๕๐ บาท
๒. นา้ ผักสะทอนหวาน
วสั ดอุ ุปกรณ์
๑. นาผักสะทอน ๒ ซ้อนโตะ๊
ขดี
๒. กุง้ แหง้ ๒ กิโลกรัม
ซ้อนชา
๓. พรกิ แห้ง ๑
๔. เกลือป่น ๒
๕. หอมแดง ๑/๒ กโิ ลกรัม
๖. นาตาลป๊ีบ ๒ กิโลกรัม
๗. นาตาลทราย ๑ กิโลกรมั
๘. นาปลา ๑ กโิ ลกรมั
วิธีการทา้
๑. นานาตาลปบ๊ี และนาปลา มาเคี่ยวรวมกนั ตังไฟอ่อน เคี่ยวจนเดอื ด
๒. นากุ้งแหง้ ใสล่ งไปและนาพรกิ แห้งมาใสเ่ พม่ิ ลงไปตามระดบั ความเผด็ ที่ชอบ หากไม่มีพริกแหง้ ให้ใช้พรกิ ปน่
แทนได้
๓. นาหอมแดงมาซอย ใส่ลงไป แล้วเค่ยี วตอ่ ไปเรื่อยๆ จนหนืด นาพรกิ แห้งมาซอยใสเ่ พิ่มลงไปตามระดับความ
เผด็ ท่ีชอบ หากไมม่ ีพริกแห้ง ให้ใชพ้ รกิ ป่นแทนได้
๔. หลังจากนนั ใส่นาผักสะทอนลงไป
๕. ชิมรสชาติตามชอบ หลังจากนันยกลงจากเตา วางไว้สกั พัก รอให้ฟองบนนาปลาหวานเรม่ิ หาย ตักใส่ถว้ ย
ยกเสิรฟ์ ได้เลย
ราคาทุน นา้ ผักสะทอนหวาน
๑. นาผักสะทอน ๑๐ บาท
๒. กงุ้ แหง้ ๔๐ บาท
๓. พริกแห้ง ๒๐ บาท
๔. เกลอื ปน่ ๕ บาท
๕. หอมแดง ๒๐ บาท
๖. นาตาลป๊ีบ ๘๐ บาท
๗. นาตาลทราย ๒๓ บาท
๘. นาปลา ๒๐ บาท
รวม ๒๑๘ บาท
จาหน่ายในราคากระปุกละ ๒๐ บาท (นาหนกั ๑๐๐ กรมั )
ก้าไร
การทานาพริกดานาผักสะทอน จะได้นาพริกจานวน ๒๐ กระปุก ขายได้ ๔๐๐ บาท หักตน้ ทนุ แลว้ จะได้
กาไรทังหมด ๒๘๒ บาท
๓. น้าพริกกากหมนู ้าผักสะทอน
วัสดอุ ุปกรณ์
๑. พริกแห้ง ๑ กิโลกรมั
๒. กระเทยี ม ๑/๒ กโิ ลกรมั
๓. หอมแดง ๑/๒ กโิ ลกรมั
๔. ใบมะกรดู ๑/๒ กโิ ลกรัม
๕. ผงปรุงรส ๑/๒ กโิ ลกรมั
๖. เกลอื ป่น ๒ ซ้อนชา
๗. นาตาล ๒ ซ้อนโต๊ะ
๘. พริกป่น ๒ ซอ้ นโต๊ะ
๙. นาผกั สะทอน ๒ ซ้อนโต๊ะ
วธิ ีการทา้
๑. นาหนงั หมไู ปต้มในนาร้อนประมาณ ๕ นาที แลว้ นามาหันเป็นสเี่ หลยี มลูกเต๋าเสร็จแล้วนาไปตากแดด
ทังหมด ๓ แดด
๒. เตรยี มเคร่ืองปรงุ พริกแหง้ หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด นาผกั สะทอน
๓. ปอกเปลอื กหอมแดงแลว้ นามาซอยแนวตรงแลว้ นาไปทอดความรอ้ นปานกลางใชเ้ วลาประมาณ๕–๑๐ นาที
๔. ปอกกระเทยี มเฉพาะทีอ่ ยู่ข้างนอกแลว้ นามาตา ตาให้ละเอียด แล้วนาไปทอดความร้อนปานกลาง ใช้เวลา
ประมาณ ๕ – ๑๐ นาที
๕. ฉีกใบมะกรดู แบง่ ครึ่ง แลว้ นาไปทอดดว้ ยไฟอ่อนๆ ใชเ้ วลาประมาณ ๒ นาที นาพริกแห้งท่ีตากแดดมาทอด
ในนามนั ไฟอ่อนๆ ประมาณ ๓ – ๕ นาที
๖. นาหนังหมูมาอบหม้อไร้นามัน อณุ หภมู ิ ๒๐๐ องศา ประมาณ ๑๓ นาที
๗. จากนนั ตังกระทะดว้ ยไฟอ่อน ใส่นามัน ๒ ซอ้ นโตะ๊ พริกป่น ๒ ซอ้ นโต๊ะ นาผักสะทอน ๒ ซอ้ นโต๊ะ ผัดให้
เขา้ กนั จนเริ่มแห้งใส่กากหมู กระเทยี มทอด หอมทอด คนให้เขา้ กันแล้วเตมิ ผงปรุงรส ๒ ซ้อนโตะ๊ ผงชูรส ๑
ซอ้ นชา นาตาล ๒ ซอ้ นโตะ๊ และเกลือ ๑/๔ ซ้อนชา ผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เขา้ กนั จนเริ่มแห้ง แล้วใส่ใบ
มะกรดู ทอด พรกิ แหง้ ทอด ลงไปคนพร้อมกัน จนสว่ นผสมทกุ อยา่ งรวมกนั ปดิ ไฟแลว้ พร้อมเสริ ์ฟไดเ้ ลย
ราคาทุน
๑. พริกแห้ง ๑ กโิ ลกรมั
๒. กระเทียม ๑/๒ กโิ ลกรัม
๓. หอมแดง ๑/๒ กโิ ลกรัม
๔. ใบมะกรูด ๑/๒ กโิ ลกรมั
๕. ผงปรุงรส ๑/๒ กโิ ลกรมั
๖. เกลือป่น ๒ ซอ้ นชา
๗. นาตาล ๒ ซอ้ นโตะ๊
๘. พริกป่น ๒ ซอ้ นโต๊ะ
๙. นาผกั สะทอน ๒ ซอ้ นโต๊ะ
รวม ๑๕๘ บาท
จาหนา่ ยในราคากระปุกละ ๒๐ บาท
กา้ ไร
การทานาพริกดานาผักสะทอน จะได้นาพริกจานวน ๑๕ กระปุก ขายได้ ๓๐๐ บาท หกั ต้นทุนแลว้ จะได้
กาไรทังหมด ๑๔๒ บาท
ขนั ตอนการทดลองใช้
ปฏิทนิ การปฏบิ ตั งิ าน ิมถุนายนเดอื น
แผนการปฏบิ ตั ิงาน กรกฎาคม ผรู้ ับผดิ ชอบ
ิสงหาคม
ขันตอนในการท้าโครงงาน ักนยายนสมาชกิ ในกลมุ่
ุตลาคม
ขันตอนวางแผน พฤศจิกายนสมาชกิ ในกลมุ่
- คิดชื่อโครงงาน
- ลงมติเลือกหวั ข้อโครงงาน สมาชกิ ในกลมุ่
- ปรึกษาครูที่ปรึกษาโครงงาน สมาชิกในกลมุ่
ขนั เตรียม
- หาวสั ดทุ ่ตี ้องใช้
- เลือกสถานท่ใี นการทาโครงงาน
- แบง่ เวลาในการทาโครงงาน
ขนั ดา้ เนินการ
-ลงมอื ทาผลติ ภณั ฑ์
-แก้ไขจุดบกพร่อง
ขันประเมินผล
- ประเมินผลความพึงพอใจของผูบ้ ริโภค
ปฏทิ ินการปฏบิ ัตงิ าน
วัน/เดือน/ปี รายการปฏบิ ตั งิ าน วิธีการดา้ เนนิ งาน สถานที่ ผู้รบั ผดิ ชอบ
๑-๑๓ มิ.ย ศกึ ษาค้นควา้ ข้อมลู ศกึ ษาค้นควา้ ข้อมูล หอ้ ง สมาชิกในกลุม่
เกีย่ วกบั โครงงาน เกี่ยวกับโครงงานอาชีพ คอมพิวเตอร์ ทกุ คน
๑๔ - นาเสนอเคา้ ร่าง เขยี นแบบรา่ งโครงงานที่ โรงเรียนบ้านปา่ สมาชกิ ในกลมุ่
๒๐ มิ.ย. ๖๕ โครงงาน
ตอ้ งการทาเพ่อื นาเสนอ รวก ทกุ คน
อาจารย์
๒๑ ม.ิ ย - เขยี นโครงงาน เขียนแบบร่างชนิ งาน โรงเรียนบา้ นปา่ สมาชกิ ในกลมุ่
๑ ก.ค. ๖๕ รวก ทกุ คน
๔ ก.ค. – ๔ จัดเตรียมวัสดุ ถ่ายรปู เก็บไวเ้ ปน็ โรงเรียนบา้ นป่า สมาชกิ ในกลุ่ม
ส.ค. ๖๕ อปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นการ หลักฐาน รวก ทกุ คน
ทาโครงงาน
๑๕ ส.ค.- ๔ ตรวจสอบบัญชี รวมรวมเงินทไ่ี ด้จากการ โรงเรียนบ้านป่า สมาชกิ ในกลมุ่
พ.ย. ๖๕ รายรบั -รายจา่ ย จาหนา่ ยสนิ คา้ รวก ทกุ คน
๗ พ.ย. ๖๕ รวมรวมข้อมลู เพอ่ื นาเสนอโครงงาน โรงเรียนบ้านป่า สมาชกิ ในกลุ่ม
นาเสนอ รวก ทกุ คน
บทที่ ๔
ผลการดา้ เนนิ งาน / ผลการศกึ ษา
ผลการศกึ ษาและอภปิ รายผลการศึกษา
การทาโครงงานอาชพี เร่ือง ผลติ ภณั ฑ์จากนาผักสะทอนทาใหไดเรียนรูทักษะกระบวนการทางาน
ซง่ึ เปนพืนฐานที่สาคญั ในการนาไปใชในชีวิตประจาวัน ประยกุ ตใชในการสรางผลิตภณั ฑห์ ลากหลาย ผลงานที่
นาเสนอไดรบั ความสนใจจากผูที่พบเห็นและทดลองรบั ประทาน รูปแบบมคี วามสีสันสวยงามนา่ รบั ประทาน
ผลิตภัณฑ์มคี วามทนั สมยั มีความพิถีพิถันในการทา สามารถรับประทานไดจ้ ริง เกิดความภาคภูมิใจท่สี ามารถ
สรางรายไดระหวางเรยี นและเปนการนาเสนอผลงานท่ีตอ่ ยอดจากภมู ิปัญญาท้องถ่ินมาเพิ่มมลู คาดวย
ผลิตภัณฑจ์ ากนาผักสะทอน
ตอ่ ยอดน้าพรกิ ด้าแซ่บจีดจ้าด เปน็ นา้ พรกิ ด้าน้าผักสะทอน
นา้ ผกั สะทอนหวาน
ผลติ ภณั ฑ์นา้ พรกิ กากหมนู า้ ผกั สะทอน
บทท่ี ๕
สรปุ ผลการดา้ เนินงาน
สรปุ ผลการศกึ ษา
จากการดาเนนิ งานโครงงานนี ผลติ ภณั ฑ์จากนาผักสะทอนทาใหไดเรยี นรูทักษะกระบวนการทางาน
ซง่ึ เปนพืนฐานทีส่ าคญั ในการนาไปใชในชวี ติ ประจาวนั ประยุกตใชในการสรางผลติ ภณั ฑ์ทหี่ ลากหลาย ผลงาน
ทีน่ าเสนอไดรบั ความสนใจจากผูทพ่ี บเห็นและทดลองรับประทาน รปู แบบมีความสสี ันสวยงามน่ารบั ประทาน
ผลิตภัณฑ์มีความทันสมัย มคี วามพิถีพิถนั ในการทา สามารถรับประทานได้จริง เกิดความภาคภูมิใจทีส่ ามารถ
สรางรายไดระหวางเรยี นและเปนการนาเสนอผลงานท่ตี ่อยอดจากภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ จากนาผกั สะทอนธรรมดา
ใหเ้ ปน็ ผลติ ภัณฑ์นาผกั สะทอนท่ีมคี ณุ ค่า
ผลการประเมนิ เปน็ ไปตามวัตถุประสงคท์ ่ีก้าหนดได้ดังนี
๑ นักเรียนมคี วามร้เู ก่ยี วกับนาผกั สะทอน สามารถนานาผักสะทอนมาทาเปน็ ผลิตภัณฑ์
๒. นกั เรยี นเกดิ ทักษะอาชีพ โดยนาผลิตภัณฑน์ าผกั สะทอนไปจดั จาหน่ายได้สรางรายไดระหวางเรียน
ปัญหาและอุปสรรคในการด้าเนนิ งาน
- สภาพอากาศ ทไ่ี มเ่ หมาะสมตอ่ การตากหนงั หมู เน่ืองจากตอ้ งใช้แสงแดดทมี่ ีความร้อนแรง จงึ
แกป้ ัญหาดว้ ยการตากในท่ีร่มแทน เพื่อให้หนังหมูทต่ี ้มแห้ง
ข้อเสนอแนะ/แนวทางในการพฒั นา
- ศกึ ษาหาวิธกี ารนานาผกั สะทอนให้เป็นผลิตภณั ฑ์ที่แปลกใหม่ หรืออาจนานาผักสะทอนท่ีแตง่ รสชาติ
ดว้ ยผงปรุงรสอน่ื ๆได้ตามความสนใจ หรือความต้องการของผ้บู ริโภค
- อาจนาผลติ ภณั ฑน์ าผกั สะทอนไปทา นาปรงุ รส อ่ืนๆ แทนการทานาพริก เชน่ นานาผักสะทอนไป
ประกอบอาหารแทนนาปลา
อา้ งองิ
นางฟา้ มล เย็นขัน, สมั ภาษณ,์ 8 มกราคม 2549
ดร.ฟิลปิ ป์ คอตเลอร์ (Kotler, 2000 p. 394) ผลิตภัณฑ์
https://www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sms/market/unit4/Subm1/U411-1.htm