แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 8
รายวิชา ภาษาไทยเพมิ่ เตมิ รหสั ท 22202 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
โรงเรยี น โสภณวรคณุ วิทยา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง การแต่งคำประพันธ์
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 การถอดโคลงสี่ เวลา 1 ชัว่ โมง/คาบ
ผู้สอน พระรพี ตสิ สฺ โร
วันทสี่ อน : วัน.................. ท.่ี .................................... เดอื น ....................................... พทุ ธศกั ราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
การแต่งโคลงสี่สุภาพให้ถูกต้องสมบรู ณ์เหมือนโคลงครูดังกลา่ วแต่งไดค้ ่อนข้างยาก เพราะบางครั้ง
ต้องรักษาเนื้อความไว้ จึงอนุโลมให้ใช้คำท่ีบังคับรูปวรรณยุกต์เอกหรือโทตรงตามแผนผังฉันทลักษณ์อย่าง
เคร่งครดั ส่วนคำอนื่ ทม่ี ไิ ดบ้ งั คับรปู วรรณยุกตจ์ ะใช้คำท่ีมีรูปวรรณยุกตห์ รือไมก่ ็ได้ ข้ึนอยกู่ บั เนื้อความในโคลง
2. ผลการเรียนรู้ / จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้
1. ถอดคำประพนั ธจ์ ากวรรณคดมี รดกทีเ่ ลอื กอา่ นตามความสนใจ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายหลกั การถอดโคลงส่ีสุภาพได้
2. ถอดโคลงสสี่ ุภาพได้
3. สาระการเรียนรู้
การถอดคำประพนั ธ์โคลงส่ีสุภาพ
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั ที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน
1. ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี นและทบทวนความรเู้ ดิม จากช่วั โมงที่แลว้
2. ครใู หน้ กั เรยี นทำสมาธิก่อนเรยี น เพอ่ื สำรวม กาย วาจา และ ใจ
ขน้ั ที่ 2 ลงมือปฏบิ ตั ิ
1. ครูอธบิ ายความเปน็ มาของโคลงส่ี ใหน้ กั เรยี นฟงั
2. ครูใหน้ กั เรยี นเขียนถอดคำประพนั ธโ์ คลงส่ี ทีค่ รูเตรยี มมาให้ สง่ ชว่ั โมงหนา้
ข้ันท่ี 3 สรปุ
1. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุป เรื่อง การถอดคำประพนั ธโ์ คลงสีส่ ุภาพ
5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
- ใบงาน การถอดคำประพันธ์
6. สื่อการเรยี นรู้
- ใบความรู้ เรื่อง การถอดคำประพันธ์โคลงส่ีสภุ าพ
7. การวัดผลประเมนิ ผล
วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์
ตรวจใบงานเร่ือง การถอดคำ ใบงาน เรือ่ ง การถอดคำประพนั ธ์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประพันธโ์ คลงสี่สุภาพ โคลงส่ีสุภาพ
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล รายบุคคล
สังเกตการใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึง ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ทำงาน และรกั ความเป็นไทย ประสงค์
ใบความรู้ เรอื่ ง การถอดคำประพันธ์โคลงสีส่ ุภาพ
ความรู้เกี่ยวกับโคลงส่สี ภุ าพ
ความเป็นมมา
โคลงส่ีสุภาพ ปรากฏในวรรณกรรมไทย ต้ังแต่สมัยอยุธยา ปรากฏในมหาชาติคำหลวง เป็นเร่ือง
แรกและมีวรรณกรรมท่ีแต่งด้วยโคลงสสี่ ุภาพ 3 เร่ือง ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย โคลงมังทราตีเชียงใหม่และ
ลิลติ พระลอ
สมยั อยุธยาตอนกลาง วรรณกรรมท่ใี ช้โคลงส่ีสุภาพ ได้แก่โครงเรอ่ื งพาลสี อนน้อง โคลง ทศรถสอน
พระราม และโคลงราชสวัสด์ิพระราชนพิ นธส์ มเด็จพระนารายณ์มหาราช โคลงเฉลิม พระเกียรตพิ ระนารายณ์
มหาราช โคลงนริ าศนครสวรรคก์ าพย์ห่อโคลงและโคลงอักษรสามของ
พระศรมี โหสถ
สมัยอยธุ ยาตอนปลาย ได้แก่โคลงนริ าศพระบาท โคลงนริ าศเจ้าฟา้ อภัย และกาพย์ห่อ
สมยั อยธุ ยาตอนปลาย ไดแ้ ก่โคลงนิราศพระบาท โคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัย และกาพย์หอ่ โคลงพระราช
นพิ นธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร
สมัยธนบุรีได้แก่โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรีและลิลิตเพชรมงกุฎ สมัยรัตนโกสินทร์วรรณกรรมท่ีใช้โคลง
สสี่ ุภาพทีเ่ ดน่ ๆ ไดแ้ กล่ ิลิตะเลงพ่าย โคลงนริ าศนรินทร์ โคลงนริ าศสพุ รรณ โคลงโลกนิติ สามกรงุ
โคลงสี่สุภาพเปน็ คาประพันธ์ที่กวชอี บแตง่ และผ่านการพัฒนามายาวนานจนมฉี นั ทลักษณ์ที่ลงตัวและเป็นแบบฉบบั
ดังท่ียึดถือกันในปัจจุบนั
ลกั ษณะคำประพันธ์
1. บท บทหน่ึงมี 4 บาท (หนึ่งบรรทัดคือหน่ึงบาท) แต่ละบาทแยกเป็น 2 วรรค เรียกวรรค หน้า
กบั วรรคหลังแบง่ เป็นวรรคหน้า 5 คำวรรคหลัง 2 คำ เฉพาะบาทที่ 4 หรือ บาทสดุ ทา้ ยกำหนดให้ วรรคหลังมี 4 คำ
2. คำสร้อย คำ สร้อยซึ่งใช้ต่อท้ายโคลงสี่สุภาพในบาทที่1 และบาทที่ 3 นั้น จะใช้ต่อเมื่อ ความ
ขาด หรือยังไม่สมบูรณ์หากได้ใจความอยู่แล้วไม่ต้องใส่ เพราะจะทำให้ "รกสร้อย" คำ สร้อยที่นิยมใช้กันเป็น
แบบแผนมีทั้งหมด 12 คำ
1. พ่อ ใชข้ ยายความเฉพาะบุคคล
2. แม่ ใชข้ ยายความเฉพาะบุคคล หรอื เปน็ คำรอ้ งเรยี ก
3. พี่ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคลอาจใชเ้ ปน็ สรรพนามบรุ ษุ ที่ 1 หรอื บรุ ษุ ท่ี 2 กไ็ ด้
4. เทอญ มคี วามหมายเชิงขอใหม้ หี รือขอให้เป็น
5. นา มคี วามหมายว่า ดงั นนั้ เช่นน้นั
6. นอ มีความหมายเชน่ เดยี วกบัคา อุทานวา่ หนอ หรือ นัน่ เอง
7. บารนี สร้อยคำน้นี ิยมใชม้ ากในลิลติ พระลอ มีความหมายวา่ ดงั นี้ เช่นนี้
8. รา มีความหมายวา่ เถอะ เถิด
9. ฤา มีความหมายเชิงถาม เหมอื นกบคั า ว่า หรือ ครบตามบงั คบั
10. แล มีความหมายว่า อย่างน้นั เปน็ เช่นน้ัน
11. แฮ มคี วามหมายวา่ เปน็ อย่างนนั้ นน่ั เอง ทำนองเดยี วกบัคา สร้อยแล
12. เอย ใช้เม่ืออยหู่ ลังคำ ร้องเรียกเหมอื นคา ว่า เอย๋ ในคำประพันธอ์ ืน่ หรือวางไวใ้ ห้คำ
3. เอก– โท คือคา กำหนดบังคับ เสียงอัน เป็นลกัษณะพิเศษของโคลง คำ เอกคือคำ ที่กำกับ ด้วย
รปู วรรคยกุ ต์เอก เชน่ แก่ค่า ปา่ เฉพาะคำ เอกน้ใี นโคลงอนญุ าตให้ใช้คำตายแทนได้ คำตาย คือ คำ ทส่ี ะกด
ในแม่กก กด กบ เช่น ปิด ฉาก นัด พบ คำโท คือ คำ ที่กำกับด้วยรูปวรรณยุกต์โท เช่น ร้อง ไห้ ไม้ ล้ม ต้ม
ข้าว โคลงสส่ี ภุ าพ กำหนดบงั คับให้แต่ละบทต้องใชค้ ำ เอก-โท กรณีที่ไม่ สามารถหาพยางคท์ ี่มีรปู วรรณยุกต์
ตามต้องการได้ให้ใช้
คำเอก และคำโท เอกโทษและโทโทษ คืออะไร?
คำเอกคำโท หมายถึงพยางค์ที่บังคับด้วยรูปวรรณยุกต์เอก และรปู วรรณยุกต์โท กำกับอยู่ ในคำนั้น
โดยมลี กัษณะบังคบั ไวด้ งั นี้
คำเอก ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์เอกบังคับ เช่น ล่า เก่า ก่อน น่า ว่าย ไม่ ฯลฯ และให้รวมถึงคำตาย
ทงั้ หมดไมว่ า่ จะมเี สยี งวรรณยกุ ต์ใดกต็ าม เช่น ปะ พบ รึ ขัด ชิด
คำตาย คอื
1. คำทปี่ ระสมสระเสยี งสัน้ แม่กกา (ไม่มีตวั สะกด) เชน่ กะทิ สนิ ะ เละ เปรยี๊ ะ เลอะ ฯลฯ
2. คำทส่ี ะกดด้วยแมก่ กกบ กด เชน่ เลข วดั สารท โจทย์ วทิ ย ศิษย์ มาก โชคลาภ ฯลฯ
คำโท ไดแ้ ก่ พยางค์ทมี่ รี ูปวรรณยุกตโ์ ทบงั คับ ไมว่ า่ จะเป็นเสยี งวรรณยุกต์ใดกต็ าม เช่น ข้าลม้ เศรา้ ค้าน
คำเอกคำ โท ใช้ในการแตง่ คำ ประพันธ์ประเภท “โคลง” และ “รา่ ย”และถือว่า เป็นข้อบังคบั ของ
ฉันทลักษณ์ที่สำคัญมากถึงกับยอมใหเ้ อาคำ ท่ีไม่เคยใช้รูปเอกรูปโท แปลงมาใชเ้ อกและโท ได้ เช่น เล่น นำมา
เขียนใช้เปน็ เหลน้ ได้ เรยี กว่า “โทโทษ” ห้าม ข้อน นำมาเขยี นเป็น ฮ่าม ค่อน เรียกวา่ “เอกโทษ”
4. สัมผสั คำของโคลงส่สี ภุ าพ
ก. สัมผัสนอก หรือสมั ผัสระหว่างบท อันเป็นสัมผัส บงั คับ คำ สดุ ท้ายของบาทหน่ึงคอื คำ ท่ี 7 ส่ง
สมั ผสั ไปรับสัมผัสกับคำ ท่ี5 ของบาทสองกับบาทสาม (ดแู ผนผัง)คำ สุดทา้ ยของบาทสองคอื คำที่ 7 ส่งสัมผัส
ไปรับกับคำ ท่ี5 ของบาทส่ี (ซึ่งตกในท่บี งั คบั คำ โท จงึ ต้องสง่ -รับด้วยคำ โททงั้ คู่)
ข. สัมผัสระหวา่ งบท โคลงสี่สุภาพไมเ่ ครง่ สัมผัสระหว่างบท จะมีหรือไม่มีกไ็ ดห้ ากจะมี กำหนดให้
คำ สุดท้ายของบทคอื คำที่ 7 ของบาทสี่ สง่ -รบั สมั ผัสไปยงั คำท่ี 1 หรือ 2 หรอื 3 ของบาท หนง่ึ ในบทถดั ไป
ตัวอย่างแผนผงั โคลงส่สี ุภาพ
ตัวอย่างโคลงส่สี ภุ าพ
เสียงลอื เสียงเล่าอ้าง อันใด พีเ่ อย
เสียงย่อมยอยศใคร ท่ัวหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลมื ตื่น ฤๅพี่
สองพค่ี ิดเองอา้ อยา่ ได้ถามเผือ
“ลลิ ิตพระลอ”
ใบงาน เรอื่ ง การถอดคำประพนั ธ์
คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นหาคำสมั ผสั ถอดความคำ ประพันธ์ใหเ้ ปน็ ร้อยแก้ว และหาข้อคิดที่จากบททีก่ ำหนดให้
เชอ้ื วงศวา์ ยรกั รอ้ ย ริษยา กัน เฮย
ปรปกั ษเ์บียนบฑี า ง่ายแท้
รว่ มส้รู ว่ มรักษา จิตรว่ ม รวมกัน
หมนื่ อมิตร บ มิแพ้ เพราะพร้อมเพยี งผจญ
................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
………………...............................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
ช่ือ-สกุล........................................................................................ชนั้ ..................เลขท่.ี .................
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
คำช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง
ท่ีตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ที่ ชือ่ -สกุล ความมี ความมี การรบั ฟงั การแสดง การตรงตอ่ รวม
ของผ้รู ับการ
วนิ ัย นำ้ ใจ ความ ความ เวลา 5
ประเมิน
เออ้ื เฟอ้ื คดิ เหน็ คิดเหน็ คะแนน
เสียสละ
4321 4321 432 14321 4321
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน 4 - 5 ดมี าก
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
3 ดี
2 พอใช้
ต่ำกวา่ 2 ปรบั ปรงุ