The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2.รัตนโกสินทร์ตอนต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rujira11phumipeng, 2023-08-09 00:00:16

2.รัตนโกสินทร์ตอนต้น

2.รัตนโกสินทร์ตอนต้น

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หน่วยการเรียนรู้ที่ 2


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การสถาปนาราชธานี ที่ตั้งกรุงธนบุรีไม่เหมาะสม เพราะอยู่ในท้องคุ้ง น ้าเซาะตลิ่งพังอยู่เสมอ บริเวณพระราชวังเดิม ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชคับแคบ ไม่สะดวกต่อการขยายพระราชวังให้กว้างออกไป ฝั่งกรุงเทพฯ มีชัยภูมิเหมาะ เพราะมีแม่น ้า เจ้าพระยาเป็นคูเมืองทั้งด้านตะวันตก?และด้านใต้ ประกอบกับพื้นที่นอกคูเมืองเดิมเป็นพื้นที่ลุ่มที่เกิด จากการตื้นเขินของทะเล ข้าศึกจะยกทัพมาด้านนี้ได้ยาก เหตุผลของการตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรือง ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรมีเส้นทางออกสู่ทะเล มีลมมรสุมพัดผ่าน ท าให้มีฝนตกชุก มีแม่น ้าหลายสายไหลผ่านออกสู่ทะเลบริเวณอ่าวไทย พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมของการขยายตัวทางด้านวัฒนธรรม


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร


พระมหากษัตริย์ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง การบริหารราชการ แผ่นดินในส่วนกลาง กรมมหาดไทย กรมกลาโหม กรมเมือง กรมวัง กรมท่า กรมนา


มีอ านาจบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือและ อีสาน ทั้งด้านการทหาร และพลเรือน พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การบริหารราชการ แผ่นดินในส่วนกลาง กรมกลาโหม กรมมหาดไทย สมุหพระกลาโหม มียศและพระราชทินนามว่า เจ้าพระยามหาเสนา มีอ านาจบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายใต้ ทั้งด้านการทหาร และพลเรือน ตราประจ าต าแหน่ง ตราพระคชสีห์ สมุหนายก มียศและพระราชทินนามไม่ทรงก าหนด แน่นอน ที่ใช้อยู่ได้แก่ เจ้าพระยาจักรี บดินทร์เดชานุชิต รัตนาพิพิธ ฯลฯ ตราประจ าต าแหน่ง ตราพระราชสีห์


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การบริหารราชการ แผ่นดินในส่วนกลาง เสนาบดี คือ เจ้าพระยายมราช มีหน้าที่ดูแลกิจการทั่วไปในพระนคร ตราประจ าต าแหน่ง ตราพระยมทรงสิงห์ กรมเมือง กรมวัง เสนาบดี คือ พระยาธรรมา มีหน้าที่ดูแลพระราชวังและตั้งศาลช าระความ ตราประจ าต าแหน่ง ตราเทพยดาทรงพระนนทิการ (พระโค)


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การบริหารราชการ แผ่นดินในส่วนกลาง ฝ่ายการเงิน ต าแหน่งเสนาบดีคือ พระยาราชภักดี ฝ่ายการต่างประเทศ ต าแหน่ง เสนาบดีคือ พระยาศรีพิพัฒน์ ฝ่ายตรวจบัญชีและดูแลหัวเมืองชายทะเลตะวันออก ต าแหน่งเสนาบดีคือ พระยาพระคลัง ตราประจ าต าแหน่ง ตราบัวแก้ว เสนาบดี คือ พระยาพลเทพ มีหน้าที่ดูแลนาหลวง เก็บภาษีข้าว และ พิจารณาคดีความเกี่ยวกับที่นา ตราประจ าต าแหน่ง ตราพระพิรุณทรงนาค กรมท่า กรมนา


พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง การบริหารราชการ แผ่นดินในส่วนหัวเมือง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก หัวเมืองประเทศราช


ประกอบด้วย หมู่บ้านหรือบ้าน แต่ละหมู่บ้านจะมี ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเจ้าเมืองแต่งตั้งเป็นหัวหน้า หลายหมู่บ้านรวม เป็นต าบล แต่ละต าบลจะมีก านันซึ่งเจ้าเมืองแต่งตั้งเป็นหัวหน้า หลายต าบลรวมเป็นแขวง มีเจ้าแขวงเป็นหัวหน้าหลายแขวง รวมเป็นเมือง มีเจ้าเมืองเป็นผู้มีอ านาจสูงสุดของเมืองนั้นๆ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง การบริหารราชการ แผ่นดินในส่วนท้องที่


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง กฎหมายตราสามดวง กฎหมายตราสามดวง คือ ประมวลกฎหมายในรัชกาลที่1 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐม กษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช าระกฎหมายเก่า ที่มีมาแต่ครั้งโบราณ มีการช าระ กฎหมายโดยอาศัยความจ า และการคัดลอกมาตามเอกสาร ที่หลงเหลือจากครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การค้า ภายในประเทศ ลักษณะเศรษฐกิจเป็น แบบยังชีพโดยผลิตเพื่อ บริโภคในครัวเรือน ผลิตสินค้าเพ่ือ บริโภคและอุปโภค ในครัวเรือน ผลิตสินค้าเพ่ือแลก เปลี่ยนกันเอง ในชุมชน หากสินค้าเหลือจึงน า ไปเสียภาษีอากรให้ แก่ทางราชการ


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การค้ากับ ต่างประเทศ อยู่ภายใต้การควบคุม ของพระคลังสินค้าท่ี ผูกขาดการค้ากับ ต่างประเทศ สมัยรัชกาลท่ี3 มีการ ท า สนธิสัญญา ฉบับแรกกับ อังกฤษ คือ สนธิสัญญาเบอร์นีย หลังท าสนธิสัญญาท าให้ สินค้าออกของไทย เช่น ข้าว น้ าตาล พริกไทย เป็นท่ีต้องการของพ่อค้า ต่างชาติจ านวนมาก


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เศรษฐกิจกับ การค้าเรือส าเภา ในสมัยรัชกาลที่ ๑ และ ๒ ไม่สามารถเก็บภาษีอากรได้พอเพียง ส าหรับ การจ่ายเบ้ียหวัดเงินปีแก่ขุนนาง ข้าราชการ จนต้องน าเงินก าไรจากการค้าส าเภากับต่างประเทศมาใช้เพิ่มเติม ในสมัยรัชกาลที่ ๓ รายจ่ายของแผ่นดินเพ่ิมขึ้นมาก รัชกาลที่ ๓ ต้องหาวิธีเพ่ิมพูนรายได้ให้กับท้องพระคลัง ท้ังในด้าน การค้า ส าเภากับต่างประเทศ รวมทั้งการใช้วิธีการประมูลผูกขาด การ เก็บภาษีอากร ท าให้ท้องพระคลังมีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สินค้าส่งออก สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ข้าว น ้าตาล งาช้าง รังนก พริกไทย กระวาน


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สินค้าส่งออก สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไม้สัก ไม้ฝาง ทองค า ทองแดง เหล็ก ดีบุก


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สนธิสัญญาเบอร์นีย์ • ในปลาย พ.ศ.๒๓๖๘ อังกฤษได้ส่งร้อยเอกเฮนรีเบอร์ นีย์เข้ามา ติดต่อท าสัญญาทางพระราชไมตรีและการ พาณิชย์กับไทย • เป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่ท ากับชาติตะวันตก


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สนธิสัญญาเบอร์นีย์ ๑.ห้ามมิให้พ่อค้าอังกฤษซ้ือข้าว เปลือก ข้าวสารบรรทุกออกไป จาก กรุงเทพฯ ปืนและกระสุนดิน ด าซ่ึง พ่อค้าอังกฤษบรรทุกเข้า มาในสยาม จะขายแก่ใครๆไม่ได้ นอกจากทาง ราชการของสยาม ถ้าสยามไม่ ต้องการ พ่อค้าต้อง น ากลับออกไปให้หมด ๒.นอกจากข้าว ปืน และกระสุน ดินด า สยามยอมให้พ่อค้าอังกฤษ ซ้ือขาย สินค้าได้โดยสะดวกไม่มีข้อ จ ากัด โดย เรือบรรทุกสินค้าเข้ามา ขายจะต้องเสีย ค่าธรรมเนียมปาก เรือตามขนาดของ ปากเรือวาละ ๑.๗๐๐ บาท แต่ถ้าเป็น เรือเปล่าที่จะ มาซ้ือสินค้าไปขาย ให้ เรียกค่าธรรมเนียมปากเรือวาละ ๑,๕๐๐ บาท


พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เศรษฐกิจหลังท า สนธิสัญญาเบอร์นีย์ หลังจากนั้นพ่อค้า ต่างประเทศก็เริ่มเข้ามา ค้าขายในกรุงเทพฯมากขึ้น สมัยรัชกาลท่ี3 มีการ ท าสนธิสัญญา ฉบับ แรกกับอังกฤษ คือ สนธิสัญญาเบอร์นีย หลังจากการท า สนธิสัญญาทางพระราช ไมตรีและการพณิชย์กับ อังกฤษแล้ว สหรัฐอเมริกา ก็เริ่มเข้ามาติดต่อและท า สนธิสัญญาทางพระราช ไมตรีและ พาณิชย์ เช่นเดียวกับอังกฤษ


พัฒนาการด้านสังคม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สังคมไทยก็ยังคงมีลักษณะโครงสร้างทางสังคมเหมือนสมัยอยุธยา กล่าวคือ มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชอ านาจสูงสุด นอกจากนี้ ก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการ ไพร่ ทาส และพระสงฆ์ สิทธิ อ านาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของ บุคคลในฐานันดรต่าง ๆ ย่อมเป็นไปตามแบบแผนและจารีตของระบบศักดินา


พัฒนาการด้านสังคม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ทรงเป็นพระประมุขของ ราชอาณาจักร ทรงได้รับการ ยกย่องให้เป็นสมมติเทพ และ ทรงเป็นธรรมราชา เป็นเครือญาติของ พระมหากษัตริย์มีศักดินา แตกต่างกันไปตามฐานะ บุคคลที่รับราชการแผ่นดิน มีทั้ง ศักดินา ยศ ราชทิน นาม และต าแหน่ง พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ศักดินาต่างๆสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น


พัฒนาการด้านสังคม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ราษฎรที่ต้องถูกเกณฑ์ แรงงานให้กับทางราชการทั้ง ในยามปกติและยามสงคราม และต้องสังกัดมูลนาย บุคคลที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ใน แรงงานและชีวิตของตนเอง ต้องตกเป็นทาสของนาย จนกว่าจะได้ไถ่ตัว เป็นบุคคลที่สืบทอด พระพุทธศาสนาซึ่งได้รับการ ยกย่องและศรัทธาจาก บุคคลทุกชนชั้น ไพร่ ทาส พระภิกษุสงฆ์ ศักดินาต่างๆสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น


พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลักษณะความสัมพันธ์กับรัฐเพื่อนบ้าน รัฐเพื่อนบ้าน หมายถึง รัฐที่ตั้งอยู่ติดกับดินแดน ราชอาณาจักร ประกอบด้วย ล้านนา พม่า มอญ ล้านช้าง เขมร ญวน และมลายู


ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีการท าสงครามกับพม่า 10 ครั้ง สงครามครั้งส าคัญคือ สงครามเก้าทัพ ปีพ.ศ.2528 ซึ่งพระ เจ้าปะดุงต้องการแผ่อ านาจครอบคลุมดินแดนสุวรรณภูมิ และเป็นการ ท าลายอาณาจักรไทยไม่ให้เติบโตเป็นอาณาจักรใหญ่อย่างกรุงศรี อยุธยาได้อีก พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พม่า พระเจ้าปะดุงจัดทัพมาถึง 9 ทัพ และมีความพร้อมเต็มที่ ส่วนไทยแม้จะมีก าลังน้อยกว่าพม่า แต่อาศัยที่มีผู้น าดีมีความสามารถ ทหารจึงมีก าลังใจเข้มแข็ง มีความสามัคคีพร้อมเพรียง และ ประสานงานกันเป็นอย่างดี กองทัพพม่าจึงแตกพ่ายกลับไป


สงครามระหว่างไทยกับพม่าสิ้นสุดลงในรัชกาลที่ 3 เนื่องจาก พม่ามีกรณีพิพาทเรื่องพรมแดน กับเขตแดนอินเดียของอังกฤษ และ พอต้นรัชกาลที่ 4 พม่าก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พม่า


ความขัดแย้งระหว่างไทยกับญวน ซึ่งเป็นคู่แข่งของไทยใน คาบสมุทรอินโดจีน คือญวนต้องการเข้าไปมีอิทธิพลในเขมรและลาว ซึ่งเป็นประเทศราชของไทย สงครามระหว่างญวนกับไทยยืดเยื้อมา นานถึง 24 ปีจนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ญวนไปมีปัญหาขัดแย้งกับ ฝรั่งเศส ญวนจึงยอมสงบศึกกับไทย เพื่อเตรียมก าลังไว้สู้รบกับฝรั่งเศส ทางเดียว พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ญวณ


เป็นเมืองขึ้นของไทยมาแต่สมัยกรุงธนบุรีโดยส่งเครื่องราช บรรณาการมาถวายจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ความขัดแย้งระหว่างไทยกับล้านช้าง เกิดขึ้นในสมัยรัชกาล ที่ 3 ได้เกิดข่าวลือไปถึงเวียงจันทน์ว่า ไทยขัดใจกับอังกฤษ เจ้า อนุวงศ์เห็นเป็นโอกาสจึงยกทัพมาตีเอาดินแดนไทย พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ล้านช้าง


ขณะที่กองทัพเจ้าอนุวงศ์ถึงเมืองนครราชสีมานั้น ได้เกิดวีร สตรีขึ้น คือคุณหญิงโมภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา ได้ร่วมกับราษฎร ที่ถูกกวาดต้อนมา ได้ออกอุบายเลี้ยงสุราอาหารแก่นายทหารไพร่พล ล้านช้าง พอเมาแล้วจึงจู่โจมฆ่าฟันจนทหารล้านช่างแตกพ่ายไป พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ล้านช้าง เมื่อเสร็จศึกแล้ว รัชกาลที่ 3 จึงโปรดเกล้าฯให้เป็น ท้าวสุรนารี


ไทยได้คุ้มครองล้านนาให้ปลอดภัยจากพม่า รวมทั้ง ยกย่องให้เกียรติแก่เจ้าผู้ครองล้านนาเสมือนญาติตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ - รัชกาลที่ 3 พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ล้านนา สถาปนาพระยากาวิละซึ่งรบชนะกองทัพพม่าขึ้นเป็นพระ เจ้าเชียงใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นต้น


ไทยได้ให้ความคุ้มครอง ความปลอดภัย และสสร้างความ เป็นมิตรไมตรีกับหัวเมืองมอญ เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ไทยจัดทัพไป ช่วยหัวเมืองมอญให้ปลอดภัยจากพม่า พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มอญ ทั้งยังให้ความช่วยเหลือครัวมอญที่หลบหนีภัยสงคราม กับพม่าให้มีที่พักอาศัย เป็นต้น


เป็นเมืองขึ้นของไทยมาแต่สมัยอยุธยา เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสีย แก่พม่าในปีพ.ศ2310 เขมรก็เอาใจออกห่างจากไทยไปฝักใฝ่ญวน พระเจ้าตากจึงโปรดให้ยกทัพไปปราบ จึงได้เขมรกลับมาเป็นประเทศ ราชของไทย พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เขมร ในสมัยรัชกาลที่1 ได้เกิดเหตุจราจลขึ้น รัชกาลที่1 โปรดให้ ยกทัพไปจัดการ และแบ่งเขมรออกเป็น 2 ฝ่าย คือส่วนหนึ่งให้เจ้านาย เขมรปกครอง และอีกส่วนหนึ่งให้ขุนนางไทยไปปกครอง คือเมืองพระ ตะบองกับเมืองเสียมราฐ


ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 กษัตริย์เขมรได้ไปฝักใฝ่กับญวน ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญวนจึงเสื่อมลงตามล าดับ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ญวนมีนโยบายเข้าปกครองเขมรโดยตรง ท าให้ เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับญวน จนถึงขั้นท าสงครามกันเป็นเวลานาน ถึง 14 ปีผลของสงครามผลัดกันแพ้ชนะ จนในที่สุดสามารถตกลงยุติสงคราม และ ร่วมกันปกครองเขมร พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เขมร


หัวเมืองมลายูได้แก่ ปัตตานีไทรบุรีกลันตัน และตรังกานู ต่างเคยเป็นประเทศราชของไทยมาแต่สมัยอยุธยา เมื่อเสียกรุงศรี อยุธยาครั้งที่ 2 ในปีพ.ศ.2310 แล้วหัวเมืองเหล่านี้พากันแข็งเมือง สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงยกทัพไปปราบ พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มลายู ต่อมาสมัยรัชกาลที่1 หลังเสร็จศึกสงครามเก้าทัพแล้ว ได้ ยกทัพไปตีเมืองปัตตานีใน พ.ศ.2328 ท าให้บรรดาหัวเมืองมลายูที่ เหลือ คือ ไทรบุรี กลันตัน และตรังกานู พากันเกรงกลัว จึงส่งเครื่อง ราชบรรณาการมาถวาย


มีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า การค้าขายกับจีนจะมีลักษณะพิเศษ ที่เรียกว่า การค้าแบบรัฐบรรณาการ โดยถ้ารัฐใดแต่งตั้งทูตพร้อมกับน าเครื่องราชบรรณาการไปถวาย จักรพรรดิจีน ราชส านักจีนถือว่าเข้ามาอ่อนน้อมและให้การรับรองกษัตริย์ ของรัฐนั้นๆ และอนุญาตให้ซื้อขายกับจีน พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จีน ภาพวาดเมืองกวางตุ้ง ประตูสู่เมืองจีนที่เรือของราชทูต ไทยต้องมาขึ้นฝั่งที่นี่ก่อนเดินทาง ต่อไปยังปักกิ่ง (ภาพวาดประมาณต้นรัตนโกสินทร์ ในหนังสือ The Opium War)


พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไทยมีการติดต่อทางการทูตกับ ประเทศตะวันตก ได้แก่โปรตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ลักษณะ ความสัมพันธ์จะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจเป็นส าคัญ โดยความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ไทยยินดีให้โปรตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาส่งพ่อค้าเข้ามาค้าขายกับไทยได้แต่ขณะเดียวกันก็ เพื่อรักษาความมั่นคงและปลอดภัยให้พ้นจากการครอบครองของชาติตะวันตก ด้วย ชาติตะวันตก


พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โปรตุเกส เป็นชาวตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทย ส่วนอังกฤษได้เริ่มเข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยในพ.ศ.2364 สมัยรัชกาลที่ 2 โดยอังกฤษได้แต่งตั้งให้จอห์น ครอเฟิตเป็นทูตเข้ามาเจรจาทางพระราช ไมตรีและเจรจาเรื่องการค้ากับไทย โดยอังกฤษเจรจาขอให้คนในบังคับของอังกฤษติดต่อค้าขายกับคน ไทยได้โดยสะดวก แต่การเจรจาล้มเหลว ต่อมาอังกฤษได้ส่งร้อยเอกเฮนรีเบอร์ นีเป็นทูตเข้ามาเจรจากับไทยใน พ.ศ.2368 ตรงกับรัชกาลที่ 3 และได้มีการ ตกลงท าสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและสัญญาทางการค้า ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2369 เรียกว่าสนธิสัญญาเบอร์นี ชาติตะวันตก


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เหตุการณ์ส าคัญที่มีผลต่อ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ การอพยพเข้ามาของชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ การจัดระเบียบสังคมชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การอพยพเข้ามาของชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ สาเหตุของการอพยพออกนอกประเทศของชาวจีน สาเหตุจากการเมืองภายในของจีน กบฏสมาคมลับดอกบัวขาว สงครามฝิ่นทั้ง ๒ ครั้ง ต่อมาเกิดกบฏ ไท่ผิง ส่งผลให้ชาวจีนอพยพออกนอกประเทศจ านวนมาก ภัยธรรมชาติ มณฑลกว่างตงและฝูเจี้ยนประสบภัยน ้าท่วมและฝนแล้งติดต่อกันหลายครั้ง การเพิ่มจ านวนประชากร ประชากรจีนเพิ่มขึ้นจ านวนมาก ท าให้เกิดความอดอยาก


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การอพยพเข้ามาของชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ ปัจจัยที่ท าให้ชาวจีนอพยพเข้ามาในไทย ความอุดมสมบูรณ์และความสงบสุขของแผ่นดินไทย การเปิดกว้างของสังคมไทยต่อคนต่างเชื้อชาติเช่น ชาวจีน ท าให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนอพยพมีโอกาสสร้างฐานะ และ รับราชการเป็นขุนนาง เป็นเจ้าภาษีนายอากรให้ราชส านักไทย การมีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ในไทย ในสมัยอยุธยาได้มีชุมชนชาวจีนตั้งบ้านเรือนอนยู่หลายแห่ง เช่น ย่านในไก่หรือนายไก่ บ้านวัดน ้าวนในพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังมีชาวจีนหรือคนเชื้อสายจีนรับราชการในราชส านักด้วย


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การอพยพเข้ามาของชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ ชุมชนชาวจีนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อรัชกาลที่ ๑ ทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนย้ายไปอยู่ที่ใหม่ เรียกว่า ส าเพ็ง ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางของชาวจีนในกรุงเทพฯมาจนถึง ปัจจุบัน การมีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ในเมืองหลวงและเมือง ชายฝั่งทะเล เช่น สมุทรสาคร เป็นต้น ท าให้ชาวจีนอพยพ มีที่พึ่งพาอาศัยและประกอบอาชีพเมื่ออพยพเข้ามาใหม่ ส าเพ็ง


ผลของการที่ชาวจีนอพยพเข้ามาในไทย พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การอพยพเข้ามาของชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ ด้านการเพิ่มก าลังคน ซึ่งช่วยเพิ่มแรงงานให้กับเมืองไทยในเวลาที่ฟื้นฟูบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ด้านการปกครอง บางคนได้มีบทบาททางการปกครองโดยเป็นขุนนางไทย เช่น ชาวจีนชื่อเหยียง เป็นพระยาสงขลา และเป็นต้นตระกูล ณ สงขลา


ผลของการที่ชาวจีนอพยพเข้ามาในไทย พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การอพยพเข้ามาของชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ ด้านเศรษฐกิจ ชาวจีนอพยพประกอบอาชีพต่างๆ เช่น การค้า ท าสวน ผัก เลี้ยงสัตว์รวมถึงเจ้าภาษี นายอากร ซึ่งมีความส าคัญทาง เศรษฐกิจของไทย ด้านสังคม ชาวจีนอพยพบางส่วนท าการละเมิดกฎหมาย มีการ รวมตัวกันเป็นอั้งยี่หรือสมาคมลับลักลอบซื้อขายฝิ่น ส่งผลให้ชาว ไทยสูบด้วย ทางราชการต้องออกประกาศห้ามการซื้อขายและสูบฝิ่น


พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การจัดระเบียบสังคมชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ การที่มีชาวจีนอพยพเข้ามาเป็นจจ านวนมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะท าให้เกิดคุณประโยชน์ แก่บ้านเมืองในหลายด้าน แต่ก็มีปัญหาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจึงได้มี การจัดระเบียบสังคมหรือวิธีก ารควบคุมชาวจีน ดังนี้ ให้ชาวจีนจ่ายเงินผูกปี้ แทนการเกณฑ์แรงงาน ท าให้มีรายได้และควบคุมชาวจีน ในเมืองที่มีชาวจีนอพยพอยู่มาก ให้มีกรมการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ ของเมืองเป็นชาวจีนด้วย กวดขันให้หัวหน้าหรือเถ้าเก๋ซึ่งเป็น นายทุนชาวจีนที่รับชาวจีนอพยพ เข้ามา ให้ควบคุมดูแลชาวจีนให้ดี ในสมัยต่อมา คือ รัชกาลที่ ๕ ทรงให้ชาวจีนตั้งเป็น สโมสรการค้าเป็นสมาคมในลักษณะอื่นได้ซึ่ง ต่อมาได้เป็นสมาคมผู้บ าเพ็ญประโยชน์เช่น สมาคมมูลนิธิร่วมกตัญญู 1 2 3 4


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย • ทรงสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี • ทรงสถาปนาราชวงศ์ จักรี • โปรดเกล้าฯ ให้มีการ ช าระกฎหมาย เรียกว่า กฎหมายตราสามดวง • ทรงป้องกัน ราชอาณาจักรให้ ปลอดภัย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในสงคราม เก้าทัพ • โปรดเกล้าฯ ให้สังคายนา พระไตรปิฎกทรงสนพระทัย วรรณคดีจึงมีวรรณคดีที่ ส าคัญหลายเรื่อง เช่น รามเกียรติ์รวมถึงการแปล วรรณกรรมของต่างชาติเช่น สามก๊ก และราชาธิราช ด้านการเมืองการปกครอง ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านความมั่นคง


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย ภาพวาดสงครามเก้าทัพ


วรรณกรรมสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย วรรณกรรมของต่างชาติสามก๊กและราชาธิราช แปลโดย เจ้าพระยาคลัง (หน) ผลงานพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๑ เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินแดง ,บทละครเรื่องอุณรุท, บทละครเรื่องรามเกียรติ์,บทละครเรื่องดาหลัง , บทละครเรื่องอิเหนา


ด้านความมั่นคง • โปรดเกล้าฯ ให้ครัวมอญไปตั้ง ภูมิล าเนา ที่แขวงเมืองปทุมธานี เมืองนนทบุรีและเมืองนครเขื่อนขันธ์ • โปรดเกล้าฯ ให้ไพร่มารับราชการ ๑ เดือน และอยู่กับครอบครัว ๓ เดือน ทรงให้มีการตรากฎหมายห้ามสูบและ ซื้อขายฝิ่น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย • ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้าน สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ดนตรี นาฏศิลป์และวรรณกรรมประเภท ต่างๆ • โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์วัด อรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) ด้านศิลปวัฒนธรรม


พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย พระปรางค์วัด อรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) ภาพวาดจ าลอง รัชกาลที่ 2 ทรงซอสามสาย


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย • ทรงสนับสนุนการค้า ทั้งกับเอเชียและยุโรป มีการลงนามใน สนธิสัญญาเบอร์นีย์ • ทรงป้องกันอาณาจักร ด้วยการสกัดกองทัพ ของเจ้าอนุวงศ์ทรง ประสบความส าเร็จใน การยุติการสู้รบ ระหว่างไทยกับญวน • ทรงมีรับสั่งโปรดเกล้าฯ ให้ สร้างเรือส าเภาที่วัดยานนาวา • โปรดเกล้าฯ ให้จารึก วรรณคดีส าคัญ และวิชาการ แพทย์ลงแผ่นศิลา แล้วติด ไว้ตามศาลารายรอบบริเวณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลา ราม ด้านการค้าต่างประเทศ ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านความมั่นคง


Click to View FlipBook Version