อานาปานสติสูตร
สูตรเต็ม อานาปานสังยุต–สังยุตตนิกาย–มหาวารวรรค
อานาปานสฺสติ ภิกฺขเว ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา ฯ
ภิกษุท้งั หลาย ! อานาปานสติ อนั บุคคลเจริญ กระทาให้มากแลว้ ยอ่ มมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่
กถํ ภาวิตา จ ภิกฺขเว อานาปานสฺ สติ กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา ฯ
ก็อานาปานสติ อนั บุคคลเจริญแลว้ อยา่ งไร กระทาให้มากแลว้ อยา่ งไร จึงมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่
{ เตรียม }
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา
ภิกษุท้งั หลาย ! ในกรณีน้ี ภิกษุไปแลว้ สู่ป่ า หรือโคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม
นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุ ํํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺ ฐเปตฺวา ฯ
นง่ั คูข้ าเขา้ มาโดยรอบ ต้งั กายตรง ดารงสติเฉพาะหนา้
โส สโตว อสฺ สสติ สโต ปสฺ สสติ ฯ
เธอน้นั มีสติหายใจเขา้ มีสติหายใจออก
{ กาย }
ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ทีฆํ อสฺ สสามีติ ปชานาติ
ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ทีฆํ ปสฺ สสามีติ ปชานาติ ฯ
เมื่อหายใจเขา้ ยาว ก็รู้ชดั วา่ เราหายใจเขา้ ยาว
เม่ือหายใจออกยาว ก็รู้ชดั ว่าเราหายใจออกยาว
รสฺ สํ วา อสฺสสนฺโต รสฺ สํ อสฺ สสามีติ ปชานาติ
รสฺ สํ วา ปสฺสสนฺโต รสฺ สํ ปสฺ สสามีติ ปชานาติ ฯ
เมื่อหายใจเขา้ ส้ัน ก็รู้ชดั ว่าเราหายใจเขา้ ส้ัน
เม่ือหายใจออกส้ัน ก็รู้ชดั ว่าเราหายใจออกส้ัน
สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺ สสิสฺสามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงกายท้งั ปวง หายใจเขา้ ”
ว่า “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงกายท้งั ปวง หายใจออก”
ปสฺ สมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ
ปสฺ สมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺ สสิสฺสามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ ากายสังขารใหร้ างบั อยู่ หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูท้ ากายสังขารให้รางบั อยู่ หายใจออก”
{ เวทนา }
ปี ติปฏิสํเวที อสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
ปี ติปฏิสํเวที ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงปี ติ หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงปี ติ หายใจออก”
สุขปฏิสํเวที อสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
สุขปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
วา่ “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงสุข หายใจเขา้ ”
ว่า “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงสุข หายใจออก”
จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที อสฺ สสิสฺสามีติ สิกฺขติ
จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
วา่ “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงจิตตสังขาร หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงจิตตสังขาร หายใจออก”
ปสฺ สมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ
ปสฺ สมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ ปสฺ สสิสฺสามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ าจิตตสังขารให้รางบั อยู่ หายใจเขา้ ”
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ าจิตตสังขารให้รางบั อยู่ หายใจออก”
{ จิต }
จิตฺตปฏิสํเวที อสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
จิตฺตปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
วา่ “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงจิต หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูร้ ู้พร้อมเฉพาะซ่ึงจิต หายใจออก”
อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ อสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ าจิตใหป้ ราโมทยย์ ง่ิ อยู่ หายใจเขา้ ”
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ าจิตใหป้ ราโมทยย์ ่งิ อยู่ หายใจออก”
สมาทหํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
สมาทหํ จิตฺตํ ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ าจิตให้ต้งั มนั่ อยู่ หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูท้ าจิตใหต้ ้งั มน่ั อยู่ หายใจออก”
วิโมจยํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
วิโมจยํ จิตฺตํ ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูท้ าจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูท้ าจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก”
{ ธรรม }
อนิจฺจานุปสฺ สี อสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
อนิจฺจานุปสฺ สี ปสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความไม่เที่ยงอยเู่ ป็นประจา หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความไม่เที่ยงอยเู่ ป็นประจา หายใจออก”
วิราคานุปสฺ สี อสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
วิราคานุปสฺ สี ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความจางคลายอยเู่ ป็นประจา หายใจเขา้ ”
ว่า “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความจางคลายอยเู่ ป็นประจา หายใจออก”
นิโรธานุปสฺ สี อสฺสสิสฺ สามีติ สิกฺขติ
นิโรธานุปสฺ สี ปสฺ สสิสฺ สามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
ว่า “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความดบั ไม่เหลืออยูเ่ ป็ นประจา หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความดบั ไม่เหลืออยูเ่ ป็ นประจา หายใจออก”
ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺ สี อสฺ สสิสฺสามีติ สิกฺขติ
ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺ สี ปสฺ สสิสฺสามีติ สิกฺขติ ฯ
เธอยอ่ มทาการฝึ กฝนศึกษา
วา่ “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความสลดั คืนอยเู่ ป็นประจา หายใจเขา้ ”
วา่ “เราจกั เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงความสลดั คืนอยเู่ ป็นประจา หายใจออก”
{ จบ }
เอวํ ภาวิตา โข ภิกฺขเว อานาปานสฺ สติ เอวํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา ฯ
ภิกษุท้งั หลาย ! อานาปานสติ อนั บุคคลเจริญแลว้ กระทาให้มากแลว้ อยา่ งน้ีแล ยอ่ มมีผลใหญ่ มี
อานิสงส์ใหญ่.
ที่มา : อานาปานสติสูตร —ส. ม. ๑๙ / [๑๓๑๑]–[๑๓๑๒] / ๓๙๖–๓๙๗.
หมายเหตุ : จากเชิงอรรถ พระไตรปิ ฏกฉบับมหาจุฬาฯ
ตามอรรถกถาพระสูตร อสั สาสะ หมายถึงหายใจเขา้ ปัสสาสะ หมายถึงหายใจออก ( อสฺสาโสติ อนฺ
โตปวสิ นนาสิกวาโต. ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกวาโต. — ม.ม.อ. ๒/๓๐๕/๑๓๖ ) ส่วนอรรถกถา
พระวินยั กลบั กนั คือ อสั สาสะ หมายถึงหายใจออก ปัสสาสะ หมายถงึ หายใจเขา้ ( อสฺสาโสติ พหินิกฺ
ขมนวาโต. ปสฺสาโสติ อนฺโตปวสิ นวาโต. — วิ.อ. ๑/๑๖๕/๔๔๖ )
……………………………