The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

น.ส.ศุภิสรา สุทธิโคตร เลขที่ 25 4/16

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bm56109, 2022-11-15 08:32:34

พระราชกรณียกิจ ร.8

น.ส.ศุภิสรา สุทธิโคตร เลขที่ 25 4/16

พระราชประวัติ
พระราชกรณียกิจสำคัญ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล

พระราชประวัติ



พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่
8 แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี มีพระนามเดิมว่า "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันท
มหิดล" เป็นพระโอรสองค์แรกของสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลา
นครินทร์ (สมเด็จพระมหิตาลาธิเบศร อดุลยยเดชวิกรมพระบรมราชชนก) และหม่อม
สังวาล มหิดล ณ อยุธยา (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) เสด็จขึ้นเสวย

ราชสมบัติขณะทรงมีพระชนมายุ 9 พรรษาจึงต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทน
พระองค์



พระราชกรณียกิจ



การเสด็จนิวัตพระนครครั้งแรก (พ.ศ. 2481 - 2482)
พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญหลายครั้ง เช่น เสด็จพระราชดำเนินไป
พระราชทานธงประจำกองลูกเสือและทอดพระเนตรการแข่งขันกรีฑาและวิชาลูกเสือ
ณ กรีฑาสถานแห่งชาตินอกจากนี้ยังได้พระราชทานทุนทรัพย์แก่โรงพยาบาลและ

สถานศึกษาต่างๆอีกด้วย จากนั้นพระองค์ได้เสด็จกลับไปศึกษาต่อที่เมืองโลซาน
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



การเสด็จนิวัตพระนครครั้งที่ 2 (พ.ศ.2488 - 2489)
พระองค์ทรงเจริญพระชนม์พรรษาครบ 20 พรรษาบริบูรณ์ ทรงปฏิบัติพระราช
กรณียกิจที่สำคัญ เช่น ส่งตรวจพลสวนสนามของกองทัพพันธมิตรพร้อมกับลอร์ด
หลุยส์ เมานต์เเบตเทน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่
ท้องสนามหลวงและถนนราชดำเนิน นับเป็นความสำคัญยิ่งต่อเกียรติภูมิของไทย
เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงมีอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์ มิได้

ตกอยู่ใต้อำนาจของชาติอื่น นอกจากนี้ยังเสด็จประพาสสำเพ็ง รวมทั้งเสด็จ
พระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในจังหวัดใกล้เคียงและภายในเขตพระนคร

เป็นต้น เป็นต้น



พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงเป็นยุวกษัตริย์ที่มีพระราช
จริยวัตรซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนทั้งหลาย ทรงมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
แ ล ะ ท ร ง เ อ า พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ใ ส่ ใ น ทุ ก ข์ สุ ข ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ข อ ง ร า ษ ฎ ร อ ย่ า ง ใ ก ล้ ชิ ด โ ด ย ไ ม่ ถื อ

พระองค์

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเยี่ยมชาวไทยเชื้อ

สายจีนเป็นครั้งแรก ณ สำเพ็ ง พระนคร เมื่อ พ.ศ. 2489



การปกครอง
พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิ ธีพระราชทาน
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 และเปิด
ประชุมสภาผู้แทนในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2489 นอกจากนี้ ยัง
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่าง ๆ และทรง
เยี่ยมชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นครั้งแรก ณ สำเพ็ ง พระนคร พร้อม
ด้วย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 3

มิถุนายน พ.ศ. 2489



ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งกันระหว่างชาวไทยและชาวไทยเชื้อ
สายจีนจนเกือบเกิดสงครามกลางเมือง เมื่อพระองค์ทรงทราบ
เรื่อง มีพระราชดำริว่า หากปล่อยความขุ่นข้องบาดหมางไว้เช่นนี้
จะเป็นผลร้ายตลอดไป จึงทรงตัดสินพระทัยเสด็จพระราชดำเนินสำ

เพ็ ง ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และพระองค์ทรง
พระราชดำเนินด้วยพระบาทเป็นระยะประมาณ 3 กิโลเมตร การ
เสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ งในครั้งนี้จึงเป็นการประสานรอยร้าวที่

เกิดขึ้นให้หมดไป

ด้านศาสนา
ในการเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรกนั้น พระองค์ได้ประกอบพิธี

ทรงปฏิญาณตนเป็นพุ ทธมามกะ ท่ามกลางมณฑลสงฆ์ใน
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อวันที่ 19
พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 น

อกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุ ทธรูป
ในพระอารามที่สำคัญ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ราชวรมหาวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราช

วรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดเทพศิรินทราวา
สราชวรวิหาร โดยเฉพาะที่วัดสุทัศนเทพวรารามราช

วรมหาวิหารนั้น พระองค์เคยมีพระราชดำรัสกล่าวว่า “ที่นี่
สงบเงียบน่าอยู่จริง” ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต จึง
ได้นำพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาประดิษฐาน ณ

วัดแห่งนี้
พระองค์ยังทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะผนวชในพระพุ ทธ
ศาสนา โดยได้มีพระราชหัตเลขาถึงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2489
ทรงขอสังฆราชานุเคราะห์ในการศึกษาตำราทางพระพุ ทธ
ศาสนาเพื่อใช้ในการเตรียมพระองค์ในการที่จะอุปสมบท แต่ก็

มิได้ผนวชตามที่ตั้งพระราชหฤทัยไว้ นอกจากนี้ยังได้
พระราชทานพระราชทรัพย์บำรุงวัดวาอาราม กับพระราชทาน

พระบรมราชูปถัมภ์แก่ศาสนาอื่นตามสมควร



อีกครั้งที่ หอประชุมราชแพทยาลัย ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2489
โดยในการพระราชทานปริญญาบัตรครั้งนี้ มีพระราชปรารภ
ให้มีการผลิตแพทย์เพิ่ มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือ

ประชาชน โรงเรียนแพทย์แห่งที่ 2 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรง
พยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งในปัจจุบัน คือ คณะแพทยศาสตร์

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลังจากนั้น ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระองค์ทรง
หว่านข้าว ณ แปลงสาธิต ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ซึ่งถือเป็นพระราชกรณียกิจสุดท้าย ก่อนเสด็จสวรรคต

ด้านการศึกษา พระองค์ได้มีพระราชปรารภให้มีการผลิต
แพทย์เพิ่ มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน

โรงเรียนแพทย์แห่งที่ 2 (แห่งแรก คือ ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์) จึงได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาล
จุฬาลงกรณ์ ซึ่งในปัจจุบัน คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลัย

วันอานันทมหิดล
ในฐานะเราปวงชนชาวไทย จึงควรรำลึกถึงพระเมตตาธิคุณและมหากรุณาธิคุณ
อันเป็นอเนกประการ จึงร่วมใจ ถือเอาวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันอา
นันทมหิดล” ในปี พ.ศ. 2528 สมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬาลงกรณ์ ได้รวบรวมทุน
บริจาค จากทุกรุ่นมาจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้นไว้หน้าตึกอานันทมหิดล
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อ
เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงบันดาลให้เกิดคณะแพทย์ศาสตร์
และเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศให้ประชาชนได้รำลึกถึงพระองค์ท่านสืบไปอีกด้วย

น.ส.ศุภิสรา สุทธิโคตร เลขที่ 25 ม.4/16


Click to View FlipBook Version