83
4.1 โอหม์ มเิ ตอร์
4.2 เมกโอหม์ มเิ ตอร์
โอหม์ มิเตอร์ (Ohmmeter) ถูกดดั แปลงจากแอมมิเตอรใ์ หส้ ามารถใหว้ ดั ค่าและแสดงค่าออกมาเป็น
ค่าความตา้ นทานไดโ้ ดยตรง เพราะคณุ สมบตั ิของค่าความตา้ นทาน จะค่อยตา้ นการไหลของกระแสไฟฟ้า
ในวงจร ทาใหเ้ ข็มชีข้ องแอมมิเตอรช์ ีค้ ่าท่ีแตกต่างกัน และปรบั แต่งสเกลหนา้ ปัดเป็นสเกลความตา้ นทาน
สามารถนาแอมมิเตอรน์ นั้ มาวดั ความตา้ นทานได้ ก่อนใชจ้ ะตอ้ งทาการปรบั แตง่ โอหม์ มิเตอรใ์ หพ้ รอ้ มใชง้ าน
โดยนาปลายสายวัดทัง้ 2 เสน้ ต่อเขา้ ดว้ ยกัน และปรบั ป่ ุมปรบั โอหม์ ให้เข็มชีท้ ่ีตาแหน่ง 0 พอดี จึงจะ
สามารถวดั ค่าความตา้ นทานไดถ้ กู ตอ้ ง
เมกโอหม์ มิเตอร์ เป็นโอหม์ มิเตอรท์ ่ีใชว้ ดั ค่าความตา้ นทานสงู ๆ เป็นเมกโอหม์ (M) โครงสรา้ งของ
เมกโอห์มมิเตอรแ์ ตกต่างจากโอห์มมิเตอร์ โดยท่ีภายในเมกโอห์มมิเตอรม์ ีเครื่องกาเนิดแรงดันไฟฟ้า
กระแสตรงแทนแบตเตอร่ี การวดั ค่าความตา้ นทานตอ้ งหมนุ เครอื่ งกาเนิดแรงดนั ไฟฟ้า เพ่อื จ่ายแรงดนั ไฟฟ้า
เขา้ วงจร จงึ สามารถวดั ค่าความตา้ นทานได้
84
1. บอกกฎของโอหม์ ได้
2. อธิบายโครงสรา้ งของโอหม์ มเิ ตอรไ์ ด้
3. บอกลกั ษณะสเกลของโอหม์ มิเตอรไ์ ด้
4. บอกการใชง้ านโอหม์ มเิ ตอรไ์ ด้
5. อา่ นคา่ สเกลจากการวดั ของโอหม์ มิเตอรไ์ ด้
6. บอกลกั ษณะการใชง้ านของเมกโอหม์ มเิ ตอรไ์ ด้
7. อธิบายหลกั การทางานของเมกโอหม์ มเิ ตอรไ์ ด้
85
การหาค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน สามารถหาไดโ้ ดยใชก้ ฎของโอหม์ (Ohm’s Low) ซ่งึ จะตอ้ ง
ทราบแรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มตวั ตา้ นทาน และกระแสไฟฟ้าท่วี ดั ได้ คานวณจากสตู ร
R = EI ........................................................ (4.1)
เม่อื R = ความตา้ นทาน หน่วยโอหม์ ()
E = แรงดนั ไฟฟา้ หนว่ ยโวลต์ (V)
I = กระแสไฟฟ้า หน่วยแอมแปร์ (A)
การต่อวงจรวดั ค่ากระแสไฟฟ้าและแรงดนั ไฟฟ้าในวงจร เพ่อื นามาคานวณหาค่าความตา้ นทาน
แสดงดงั รูปท่ี 4.1
A
E =12 V RV
รูปท่ี 4.1 การตอ่ แอมมเิ ตอรแ์ ละโวลตม์ ิเตอรว์ ดั เพ่ือหาค่าความตา้ นทาน
จากรูปท่ี 4.1 เป็นการต่อแอมมิเตอรแ์ ละโวลตม์ ิเตอรว์ ดั เพ่ือหาค่าความตา้ นทาน โดยต่อแอมมิเตอร์
อันดับกับตัวตา้ นทานท่ีตอ้ งการหาค่า (R) และนาไปต่อเขา้ กับแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า มีโวลตม์ ิเตอรต์ ่อ
คร่อมขนานกบั ตวั ตา้ นทาน R ขวั้ ของแอมมิเตอรต์ อ้ งต่อใหถ้ ูกตอ้ ง ใชห้ ลกั การต่อใกลบ้ วกต่อบวก ใกลล้ บ
ต่อลบ อ่านค่าท่ีวัดไดท้ ั้งแรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าออกมานาไปคานวณดว้ ยกฎของโอห์มจะไดค้ ่า
ความตา้ นทานตอ้ งการออกมา
สมมติตามรูปท่ี 4.1 อา่ นคา่ กระแสไฟฟา้ ได้ 2 A และวดั แรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มตวั ตา้ นทานได้ 12 V
นาไปแทนคา่ ดว้ ยกฎของโอหม์ หาค่าความตา้ นทานไดด้ งั นี้
R = E
I
= 122AV
= 6
86
การหาค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานดว้ ยวธิ ีการคานวณดงั กลา่ ว แมว้ ่าจะสามารถทาไดก้ ็จรงิ แต่
เกิดความยุ่งยากในการหาค่ามาก เพราะต้องทราบทั้งแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า นาค่าทั้งสองมา
คานวณด้วยกฎของโอหม์ หากต้องการทราบค่าความต้านทานหลาย ๆ ค่า ก็ต้องวัดแรงดันไฟฟ้าและ
กระแสไฟฟ้าหลายครง้ั พรอ้ มกบั การนาค่าต่าง ๆ มาคานวณหาความตา้ นทานหลายครงั้ ทาใหเ้ กิดความ
ยุ่งยาก อาจเกิดความผิดพลาดได้ ดังนั้นการนาโอห์มมิเตอรว์ ัดหาค่าความต้านทานจึงเป็นทางเลือกท่ี
สะดวกและรวดเรว็
4.1.1 โครงสร้างของโอหม์ มเิ ตอร์
โอหม์ มิเตอร์ (Ohmmeter) ออกแบบโดยการดัดแปลงจากแอมมิเตอร์ ใหส้ ามารถวดั ค่าและ
แสดงค่าออกมาเป็นค่าความตา้ นทานไดโ้ ดยตรง เพราะคุณสมบตั ิของค่าความตา้ นทาน จะตา้ นการไหล
ของกระแสไฟฟ้าในวงจร เม่ือค่าความตา้ นทานในวงจรแตกต่างกัน ย่อมทาใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านวงจร
แตกต่างกนั ความตา้ นทานในวงจรน้อยกระแสไฟฟ้าไหลผ่านวงจรมาก และความตา้ นทานในวงจรมาก
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านวงจรน้อย สภาวะกระแสไฟฟ้าท่ีไหลผ่านแอมมิเตอรแ์ ตกต่างกัน ทาใหเ้ ข็มชีข้ อง
แอมมิเตอร์ บ่ายเบนไปแตกต่างกัน เม่ือปรบั แต่งสเกลหน้าปัดเป็นสเกลความต้านทาน ก็สามารถนา
แอมมเิ ตอรน์ นั้ ทาเป็นโอหม์ มิเตอรไ์ ด้ วงจรเบอื้ งตน้ ของโอหม์ มิเตอรแ์ สดงดงั รูปท่ี 4.2
RM = 100
Radj = 400
1.5 V Y 10R010
X
รูปที่ 4.2 วงจรเบอื้ งตน้ ของโอหม์ มิเตอร์
87
จากรูปท่ี 4.2 เป็นวงจรเบือ้ งตน้ ของโอหม์ มิเตอร์ ประกอบดว้ ยแหล่งจ่ายแรงดนั ไฟกระแสตรง
(แบตเตอร่ี 1.5V) ตอ่ อนั ดบั กบั แอมมเิ ตอร์ วดั กระแสไฟฟา้ กระแสตรงไดเ้ ตม็ สเกล 1 mA มีค่าความตา้ นทาน
ภายในมิลลิแอมมิเตอร์ 100 และต่ออนั ดบั กบั ตวั ตา้ นทานปรบั ค่าได้ และตวั ตา้ นทานคา่ คงท่ี รวมกนั มคี ่า
1,400 ตวั ตา้ นทานค่าคงท่ที าหนา้ ท่ีจากดั ไมใ่ หก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านแอมมเิ ตอรม์ ากเกนิ กว่าค่าสงู สดุ ท่ไี ด้
1 mA ขวั้ ต่อ X – Y เป็นขวั้ ต่อสาหรบั ต่อวดั ตวั ตา้ นทานท่ีตอ้ งการวดั ค่า และปรบั แต่งสเกลหนา้ ปัดของมิลลิ
แอมมิเตอรใ์ ห้เป็นโอห์มมิเตอร์ ขณะลัดวงจรท่ีจุด X – Y เข้าด้วยกัน จะต้องมีกระแสไหลผ่านมิลลิ
แอมมิเตอรเ์ ต็มสเกลพอดีสามารถคานวณหาค่ากระแสไฟฟ้าผ่านมิลลิแอมมิเตอรไ์ ดโ้ ดยใชก้ ฎของโอหม์
ดงั นี้
I = RE
E
IM = RM +R1
เม่อื IM = ?
E = 1.5 V
RM = 100
Radj + R1 = 1,400
1.5 V
แทนคา่ IM = 100 + 1400 = 1 mA
4.1.2 สเกลของโอหม์ มิเตอร์
โอห์มมิเตอรถ์ ูกสร้างมาจากแอมมิเตอรโ์ ดยอาศัยสภาวะการจากัดกระแส ไฟฟ้าของตัว
ต้านทานให้ไหลผ่านแอมมิเตอรแ์ ตกต่างกันไป ดังนั้นการปรับแต่งสเกลของโอห์มมิเตอร์ ทาได้โดย
กาหนดค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานหลาย ๆ ค่าจากค่านอ้ ยไปหาค่ามากตามลาดบั นาไปต่อเขา้ ท่ีจุด
X – Y ของโอหม์ มิเตอรแ์ ละทาการหาค่าคานวณกระแสไฟฟ้าท่ีไหลผ่านแอมมิเตอรโ์ ดยการใชก้ ฎของโอหม์
จะไดค้ า่ ความตา้ นทานท่วี ดั ไดเ้ ปรยี บเทยี บกบั กระแสไฟฟ้าท่ไี หลเขา้ แอมมิเตอรเ์ รยี งลาดบั จากค่ามากไปหา
ค่านอ้ ย แสดงดงั รูปท่ี 4.3
88
RX = 2000 RX = 1500 RX = 375
RM = 100
Radj = 400
1.5 V 100R01
X RX Y
รูปที่ 4.3 โอหม์ มิเตอรต์ อ่ เพมิ่ ตวั ตา้ นทาน RX เพ่อื ปรบั เปลี่ยนสเกล
จากรูปท่ี 4.3 เป็นวงจรโอหม์ มิเตอรท์ ่ใี สต่ วั ตา้ นทานเพิม่ เขา้ ไป เพ่ือใชค้ านวณค่าในการเปลี่ยน
สเกลจากสเกลค่ากระแสไฟฟ้าเป็นสเกลวัดความตา้ นทาน ครงั้ แรกกาหนดค่า RX = 0 คือ ลดั วงจรจุด
X–Y เขา้ ดว้ ยกนั มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมิลลิแอมมิเตอรส์ งู สดุ เข็มชีบ้ ่ายเบนไปทางขวาสดุ ชีท้ ่ีตาแหน่งเต็ม
สเกล ตาแหน่งนีค้ ือ ความตา้ นทานภายนอกมีค่า 0 เม่ือกาหนดค่า RX = ∞ คือเปิดจุด X–Y ออก จะ
ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมิลลิแอมมิเตอร์ เข็มชีช้ ี้ท่ีตาแหน่งซ้ายมือสุด คือความต้านทาน ∞ เม่ือ
กาหนดค่า RX มีความตา้ นทานจากค่าต่าไปหาค่าสงู เป็นลาดบั จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมิลลิแอมมิเตอร์
ค่ามากไปหานอ้ ยเป็นลาดบั สเกลของโอหม์ มเิ ตอรแ์ สดงดงั รูปท่ี 4.4
OHMS
ดา้ นความตา้ นทานสงู ชอ่ งสเกลไมเ่ ท่ากนั ดา้ นความตา้ นทานตา่ สดุ
รูปที่ 4.4 สเกลหนา้ ปัดของโอหม์ มิเตอร์
89
จากรูปท่ี 4.4 แสดงสเกลหนา้ ปัดของโอหม์ มิเตอร์ จะเห็นไดว้ ่าช่องสเกลห่างไม่เท่ากันหรือไม่
เป็นเชงิ เสน้ (Non-Linear) ท่ีเป็นเช่นนเี้ พราะการต่อความตา้ นทานเพม่ิ เขา้ ไปในวงจรโอหม์ มิเตอรม์ ีผลใหค้ ่า
ความต้านทานรวมในวงจรโอห์มมิเตอรเ์ ปลี่ยนแปลงไป โดยความต้านทานท่ีต่อเพิ่มเข้าไปจากัด
กระแสไฟฟ้าเขา้ มิลลิแอมมิเตอรเ์ ปล่ียนแปลงไม่เป็นเชิงเสน้ ตามค่าความตา้ นทานท่ีต่อเพิ่ม จึงส่งผลต่อ
สเกลของโอหม์ มเิ ตอรไ์ ม่เป็นเชงิ เสน้ ตามไปดว้ ย
4.1.3 การใช้งานโอหม์ มิเตอร์
โอหม์ มิเตอรท์ ่ีถกู สรา้ งขึน้ มาใชง้ านจรงิ นนั้ จะมีย่านวดั ค่าความตา้ นทานหลายย่านวดั ตงั้ แต่วดั
ค่าความตา้ นทานต่า ๆ เป็นโอหม์ () ไปจนถึงวกั ค่าความตา้ นทานสงู ๆ เป็นเมกโอหม์ (M) โดยมีสเกล
ค่าความตา้ นทานท่ีวดั ไดเ้ พียงสเกลเดยี ว ค่าท่ีอา่ นไดจ้ ะเป็นค่าท่ีถกู ตอ้ งเป็นค่าความตา้ นทานจริง การอ่าน
ค่าจะตอ้ งปฏิบตั ิ 2 ประการ คือ ประการแรกอ่านค่าความตา้ นทานบนสเกลท่ีตาแหน่งเข็มชีช้ ีค้ ่าออกมา
ประการท่ีสองดูย่านหนา้ ปัดท่ีตัง้ ไวน้ ามาคูณกับค่าความต้านทานท่ีโอห์มมิเตอรแ์ บบหลายย่านวัดและ
สญั ลกั ษณข์ องโอหม์ มิเตอรแ์ สดงดงั รูปท่ี 4.5
รูปท่ี 4.5 ตวั อยา่ งโอหม์ มเิ ตอร์
จากรูปท่ี 4.5 เป็นตัวอย่างของโอหม์ มิเตอร์ โดยโอหม์ มิเตอรบ์ างรุ่นมีย่านหลายย่านวดั เช่น
ย่านวัดคือ R 1, R 10, R 100, R 1 k, R 10 k, R 100 k มีตัวเลขบอกค่าบนของสเกลบอกไว้
ดงั นนั้ ในแต่ละย่านวดั สามารถวดั ค่าความตา้ นทานออกมาได้ โดยนาคา่ ท่อี ่านไดค้ ณู กบั ย่านวดั ท่ตี งั้ ไว้
ส่ิงสาคัญของการใชโ้ อหม์ มิเตอรอ์ ยู่ท่ีการปรบั แต่งโอหม์ มิเตอรใ์ หพ้ รอ้ มก่อนใชง้ าน เพราะ
โอหม์ มิเตอรม์ ีแบตเตอร่ีต่อร่วมใชง้ านในวงจรและมีตัวตา้ นทานปรบั เปล่ียนค่าความตา้ นทานไดต้ ่อร่วมใน
การใชง้ านดว้ ย แบตเตอร่ีมีโอกาสแรงดนั ไฟฟ้าอ่อนลง อาจทาใหเ้ ข็มชีข้ องโอหม์ มิเตอรใ์ นบ่ายเบนไม่เต็ม
90
ของลดั ปลายสายวดั เขา้ ดว้ ยกนั จึงตอ้ งปรบั เปล่ียนค่าตวั ตา้ นทานท่ีปรบั เปลี่ยนค่าไดใ้ นวงจร เพ่ือใหเ้ ข็มชี้
บ่ายเบนไดเ้ ต็มสเกล ดงั นนั้ ทุกครง้ั ก่อนการนาโอหม์ มิเตอรไ์ ปวดั ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานจะตอ้ ง
ลดั ปลายสายวดั ของโอหม์ มิเตอรเ์ ขา้ ดว้ ยกนั และปรบั ป่ มุ ปรบั โอหม์ (OHMS ADJ) ท่ีอย่ดู า้ นหนา้ ปัด ใหเ้ ข็ม
ชบี้ ่ายเบนไปชีต้ าแหน่ง 0 เพ่ือเป็นการทดสอบแบตเตอรี่ท่ีใช้ และเตรยี มความพรอ้ มของโอหม์ มเิ ตอรก์ อ่ น
การใชง้ าน การเปล่ียนย่านวัดทุกครงั้ ตอ้ งทาการปรบั แต่งโอห์มมิเตอรท์ ุกครงั้ จะช่วยใหก้ ารวัดค่าความ
ตา้ นทานถกู ตอ้ งเสมอ
4.1.4 วธิ อี ่านคา่ ความต้านทาน
โดยท่วั ไปโอหม์ มิเตอรม์ ีสเกลเพียงสเกลเดียว แต่มีหลายย่านวดั เช่นย่านวดั 1, 10, 100,
1 k และ 10 k เป็นตน้ การอ่านค่าจึงไม่ย่งุ ยาก คืออ่านค่าบนสเกลท่ีเข็มชีค้ ่า แลว้ นาค่าท่ีอ่านไดค้ ณู กบั
ยา่ นวดั ท่ตี งั้ ไว้ จะไดค้ า่ ความตา้ นทานท่วี ดั ออกมา ตวั อย่างท่เี ชน่ เขม็ ชคี้ า่ ท่เี ลข 2 ค่าท่อี า่ นไดเ้ ป็นดงั นี้
ตงั้ ย่าน R 1 อา่ นคา่ ได้ 2 1 = 2
ตงั้ ย่าน R 10 อา่ นคา่ ได้ 2 10 = 20
ตงั้ ยา่ น R 100 อ่านคา่ ได้ 2 100 = 200
ตงั้ ย่าน R 1 k อา่ นคา่ ได้ 2 1 k = 2 k
ตงั้ ยา่ น R 10 k อ่านคา่ ได้ 2 10 k = 20 k
การนาโอหม์ มเิ ตอรไ์ ปวดั คา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน ควรปฏิบตั ดิ งั นี้
1. ปรบั สวติ ชเ์ ลือกย่านวดั ไปในย่านท่ีตอ้ งการ หากไม่ทราบค่าความตา้ นทานท่ีจะวดั ค่าใหต้ งั้
ยา่ นวดั ย่านต่าสดุ ไวก้ ่อนเสมอ
2. ลดั ปลายสายวัดทงั้ สองของโอหม์ มิเตอรเ์ ขา้ ดว้ ยกัน สงั เกตเข็มชีบ้ ่ายเบนท่ีตาแหน่ง 0
หรือไม่ ถา้ เข็มชีช้ ีไ้ ม่ตรงตาแหน่ง 0 ตอ้ งปรบั แต่งป่ มุ ปรบั โอหม์ มิเตอร์ (OHMS ADJ) ท่ีหนา้ ปัด ใหเ้ ข็มชี้
เคลอ่ื นท่ไี ปชที้ ่ตี าแหนง่ 0 พอดี การปรบั แตง่ โอหม์ มเิ ตอรแ์ สดงดงั รูปท่ี 4.6 ก)
91
50 3 0 20 10 5 50 3 0 20 10 5
21 50 0
2 k 15k0 0 2 0 0 1 0 0 46 21 0 2 k 15k0 0 2 0 0 1 0 0 46 21 0
2 0 0 20 1 30 2 4 08 20 1 30 2 4 08
1 5 100 50 0 0 100 50 0 0
DCV,A 000 2 5 10 0 DCV,A 000 2 5 5 10 0
ACV 0 ACV 0
5
20k /V - OUTPUT 20k /V - OUTPUT
9k /V ~ + 9k /V ~ +
0 ADJ 0 ADJ
1000 1000 ACV 1000 1000 ACV
250 250
250 50 250 50
50 10 50 10
DCV 10 x10k DCV 10 x10k
2.5 2.5
x1k x1k
- COM 0.5 x10 - COM 0.5 x10
x1 x1
0.1 0.1 0.25A
50 A 0.25A 50 A
2.5 2.5
25 25
DCmA DCmA
ก) การปรบั แต่งโอหม์ มเิ ตอรก์ อ่ นการใชง้ าน ข) การใชโ้ อหม์ มเิ ตอรว์ ดั คา่ ความตา้ นทาน
รูปที่ 4.6 การใชโ้ อหม์ มเิ ตอร์
3. ในโอหม์ มิเตอรท์ ่ปี รบั แตง่ เรยี บรอ้ ยไปวดั ค่าความตา้ นทานได้ โดยต่อวดั ดงั รูปท่ี 4.6 ข)
4. หากวัดแลว้ เข็มชีไ้ ม่ขึน้ หรือขึน้ เล็กนอ้ ย เข็มชีช้ ีบ้ รเิ วณความตา้ นทานสูงใกลท้ ่ีค่า ∞ ตอ้ ง
เปลี่ยนย่านวัดค่าความตา้ นทานใหม่ในย่านสงู ขึน้ ท่ีเหมาะสม ทุกครง้ั ท่ีเปล่ียนย่านวดั ควรปรบั แต่งโอหม์
มิเตอรใ์ หพ้ รอ้ มใชง้ านก่อนเสมอ
ตัวอย่างที่ 4.1 โอหม์ มิเตอรต์ งั้ ย่าน R 10 นาไปวัดค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน เข็มชีช้ ีค้ ่า
ออกมาตามรูปท่ี 4.7 จงอ่านค่าความตา้ นทานท่วี ดั ไดบ้ นสเกล
รูปท่ี 4.7 เข็มชีช้ ีท้ ่ตี าแหน่ง 24.1
วิธอี ่านค่า
อ่านค่าได้ = 24.1 10
= 241
การอา่ นค่าอธิบายไดด้ ังนี้
ระหว่างเลข 20 และเลข 30 มีขีดจานวน 5 ขีด ๆ ละ 2 เข็มชีอ้ ยู่ห่างจากเลข 20
อยู่ 2 ขดี กบั 1/10 สว่ น อ่านค่าได้ 24.1 และนาคา่ ท่อี ่านไดค้ ณู กบั ย่านวดั ท่ีตงั้ ไว้ (ยา่ นวดั × 10 )
92
ตัวอยา่ งที่ 4.2 จากรูปท่ี 4.8 โอห์มมิเตอรต์ ั้งย่าน R 10 k นาไปวัดค่าความต้านทานของตัว
ตา้ นทาน เข็มชชี้ ีค้ ่าออกมาตามรูป จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานท่วี ดั ไดส้ เกล
รูปที่ 4.8 เข็มชีช้ ีท้ ่ตี าแหน่ง 16
วิธอี า่ น
อา่ นค่าได้ = 16 10 k
= 160 k
การอา่ นค่าอธิบายไดด้ งั นี้
จากเลข 10 ไปเลข 20 มี 10 ขีด เข็มชีห้ ่างจากเลข 10 จานวน 6 ขีด อ่านค่าได้ 16
และนาค่าท่อี า่ นไดค้ ณู กบั ย่านวดั ท่ีตงั้ ไว้ (ย่านวดั 10 k)
เมกโอห์มมิเตอร์ (Meg-ohmmeter) เป็นโอห์มมิเตอรอ์ ีกชนิดหนึ่งท่ีใช้วัดค่าความต้านทานของ
อุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีมีค่าความตา้ นทานสูง ๆ เป็นเมกโอหม์ ขึน้ ไป หรือไวส้ าหรบั วัดความเป็นฉนวนไฟฟ้าท่ี
นามาใช้งาน มักนิยมเรียกว่าเมกเกอร์ (Megger) เมกโอห์มมิเตอรม์ ีสเกลหน้าปัดบอกค่าสเกลไว้เป็น
เมกโอหม์ (M) โดยตรง รูปรา่ งของเมกโอหม์ มเิ ตอรแ์ สดงดงั รูปท่ี 4.9
รูปท่ี 4.9 ตวั อย่างเมกโอหม์ มิเตอร์
93
จากรูปท่ี 4.9 เป็นเมกโอหม์ มิเตอร์ ภายในมีเคร่ืองกาเนิดแรงดันไฟตรง (DC Generator) รวมอยู่
ด้วยกัน ทาหน้าท่ีจ่ายแรงดันไฟฟ้าให้วงจรขณะทาการวัดค่าความต้านทานแทนแบตเตอรี่ ลักษณะ
โครงสรา้ งภายในเมกโอหม์ มิเตอร์ แสดงดงั รูปท่ี 4.10
X
R1 N N
S
RX P C
C
Y S 0
R2
รูปที่ 4.10 โครงสรา้ งภายในเมกโอหม์ มิเตอร์
จากรูปท่ี 4.10 เป็นโครงสรา้ งภายในเมกโอห์มมิเตอร์ ประกอบด้วยเคร่ืองกาเนิดแรงดันไฟฟ้า
กระแสตรง สามารถกาเนิดแรงดันไฟฟ้าสูงประมาณ 500 V และ 1,000 V แม่เหล็กถาวรแกนเหล็กรูปวง
แหวนขดลวดแรงดันไฟฟ้า P (Potential Coil) ขดลวดกระแสไฟฟ้า C (Current Coil) และตวั ตา้ นทาน R1,
R2 ขดลวด P และขดลวด C สามารถหมนุ รอบแกนเหล็กรูปวงแหวนไดแ้ ละมีเข็มชีย้ ึดติดอย่ดู ว้ ย ปกติเข็มชี้
จะชีท้ ่ีตาแหน่งใดก็ได้ ไม่จาเป็นตอ้ งชีท้ ่ีตาแหน่ง 0 เพราะส่วนเคล่ือนไหวของมิเตอรช์ นิดนีไ้ ม่มีสปรงิ กน้
หอยคอยควบคมุ การบา่ ยเบนกลบั ของเขม็ ชี้ แตก่ อ่ นการใชง้ านควรจะปรบั เข็มชีใ้ หช้ ที้ ่ตี าแหน่ง 0 กอ่ น
ถา้ ไม่ไดต้ ่อตัวตา้ นทาน RX เขา้ จุดวดั และเปิดจุดวัดออก เม่ือหมุนเคร่ืองกาเนิดแรงดันไฟฟ้า จะมี
แรงดันไฟฟ้ากาเนิดขึน้ มาป้อนใหต้ ัวตา้ นทาน R1 และขดลวดแรงดนั ไฟฟ้า P ทาใหข้ ดลวดแรงดนั ไฟฟ้า P
เกิดอานาจแม่เหล็กผลกั ดันกับอานาจแม่เหล็กถาวร ส่วนขดลวดกระแสไฟฟ้า C ไม่เกิดอานาจแม่เหล็ก
อานาจแม่เหล็กทัง้ สองผลักดันกัน ทาใหเ้ ข็มชีบ้ ่ายเบนไปชีท้ ่ีตาแหน่ง ∞ ตัวตา้ นทาน R1 ท่ีต่ออันดับกับ
ขดลวดแรงดนั ไฟฟ้า P ทาหนา้ ท่จี ากดั กระแสไฟฟา้ ใหไ้ หลผา่ นขดลวดแรงดนั ไฟฟ้า P ไมม่ ากเกินไป
ถา้ ลดั จดุ ต่อตวั ตา้ นทาน RX เขา้ ดว้ ยกนั เม่ือหมนุ เครื่องกาเนิดแรงดนั ไฟฟ้า ทาใหม้ ีกระแสไฟฟ้าไหล
ผ่านทงั้ ขดลวดแรงดนั ไฟฟ้า P กบั R1 และขดลวดกระแสไฟฟ้า C กบั R2 เกิดอานาจแม่เหล็กขึน้ ท่ีขดลวดทงั้
สองชุดผลกั ดันกบั อานาจแม่เหล็กถาวร แต่เน่ืองจากอานาจแม่เหล็กของขดลวดกระแสไฟฟ้า C มีอานาจ
แม่เหล็กมากกว่าขดลวดแรงดันไฟฟ้า P ทาใหเ้ ข็มชีบ้ ่ายเบนชีค้ ่าท่ี 0 ตัวต้านทาน R2 ท่ีต่ออันดับกับ
ขดลวดกระแสไฟฟ้า C ทาหนา้ ท่จี ากดั กระแสไฟฟ้าใหไ้ หลผ่านขดลวดกระแส C ไม่มากเกินไป
94
เม่ือต่อตวั ตา้ นทาน RX เขา้ ท่ีจุดต่อวดั และหมนุ เครื่องกาเนิดแรงดนั ไฟฟ้า มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านทงั้
ขดลวดแรงดันไฟฟ้า P และขดลวดกระแสไฟฟ้า C อานาจแม่เหล็กของขดลวดแรงดันไฟฟ้า P พยายาม
ผลกั ดนั ใหเ้ ข็มชบี้ ่ายเบนไปท่ตี าแหนง่ ∞ สว่ นขดลวดกระแสไฟฟา้ C พยายามผลกั ดนั ใหเ้ ขม็ ชีบ้ ่ายเบนไปท่ี
ตาแหน่ง 0 การบ่ายเบนของเขม็ ชีน้ ีจ้ ะบ่ายเบนไปทาง ∞ ไดม้ ากหรอื นอ้ ย ขึน้ อย่กู บั ความตา้ นทาน RX ท่ี
นามาต่อวดั ถา้ RX มีค่าความตา้ นทานมากจะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดกระแสไฟฟ้า C นอ้ ย ทาให้
เข็มชี้ถูกบ่ายเบนไปทาง ∞ มาก ถ้า RX มีค่าความต้านทานน้อย มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวด
กระแสไฟฟา้ C มาก อานาจแมเ่ หลก็ ขดลวดกระแสไฟฟา้ C เกิดมาก เข็มชีถ้ กู บ่ายเบนไปทาง 0 มาก น่นั
คือการแสดงคา่ ความตา้ นทานท่วี ดั ไดอ้ อกมาในหน่วยของเมกโอหม์
การหาค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานดว้ ยวิธีการคานวณดว้ ยกฎของโอหม์ มีความย่งุ ยากในการ
คานวณหาค่า ย่ิงกรณีท่ีตอ้ งการทราบคา่ ความตา้ นทานหลาย ๆ ค่ายิ่งเกิดความย่งุ ยากมากขึน้ จงึ ดดั แปลง
มิเตอรใ์ หส้ ามารถวดั ค่าความตา้ นทานออกมาไดโ้ ดยตรง เรียกว่าโอหม์ มิเตอร์ โครงสรา้ งของโอหม์ มิเตอร์
ประกอบดว้ ย มิลลิแอมมิเตอร์ แบตเตอร่ี และตวั ตา้ นทานจากัดกระแสไฟฟ้าในวงจร และเปล่ียนสเกลของ
มิลลิแอมมิเตอรใ์ หเ้ ป็นสเกลโอหม์ ทาไดโ้ ดยกาหนดค่าความตา้ นทานจากค่านอ้ ยไปหาค่ามาก
โอหม์ มิเตอรท์ ่ีสรา้ งมาใชง้ าน สามารถวดั ค่าความตา้ นทานไดก้ วา้ งตงั้ แต่ค่าต่าเป็นโอหม์ () ถึงค่า
สงู เป็นเมกโอหม์ (M) โดยใชส้ เกลแสดงค่าความตา้ นทานท่วี ดั เพียงสเกลเดียว การอ่านค่าความตา้ นทาน
ไดถ้ ูกตอ้ ง ตอ้ งนาค่าความตา้ นทานท่ีอ่านไดบ้ นสเกลไปคูณกับย่านท่ีตัง้ ไว้ เช่น 1, 10, 100, 1k
หรือ 10k เป็นตน้ สิ่งสาคัญก่อนการใชโ้ อหม์ มิเตอรค์ ือตอ้ งทาการปรบั แต่งโอหม์ มิเตอรใ์ หพ้ รอ้ มใชง้ าน
โดยช็อตปลายสายวดั เขา้ ดว้ ยกนั และปรบั ป่ มุ ปรบั โอหม์ ใหเ้ ข็มชีช้ ีท้ ่ตี าแหน่ง 0 พอดี จึงจะสามารถวดั ค่า
ความตา้ นทานไดถ้ กู ตอ้ ง
เมกโอห์มมิเตอรเ์ ป็นโอห์มมิเตอรท์ ่ีใช้วัดค่าความต้านทานสูง ๆ เป็นเมกโอห์ม โครงสรา้ งของ
เมกโอหม์ มิเตอรแ์ ตกต่างจากโอหม์ มิเตอรป์ กติตรงท่ีภายในเมกโอหม์ มิเตอรม์ ีเคร่ืองกาเนิดแรงดันไฟฟ้า
กระแสตรงแทนแบตเตอรี่จ่ายแรงดนั ไฟฟ้า การวดั ค่าความตา้ นทานตอ้ งหมุนเครื่องกาเนิดแรงดนั ไฟ เพ่ือ
จ่ายแรงดนั ไฟฟ้าเขา้ วงจร จึงสามารถวดั คา่ ความตา้ นทานได้
95
1. จงบอกความหมายกฎของโอหม์ และเขียนสตู รพรอ้ มอธิบาย
2. จงอธิบายโครงสรา้ งของโอหม์ มิเตอร์
3. จงบอกลกั ษณะสเกลของโอหม์ มิเตอร์
4. จงบอกวิธีการใชง้ านโอหม์ มิเตอร์
96
5. จงอา่ นคา่ สเกลจากการวดั ของโอหม์ มเิ ตอร์
ยา่ นวดั R 10 อ่านค่าได้ =
ย่านวดั R 100 อา่ นค่าได้ =
ย่านวดั R 10 k อา่ นคา่ ได้ =
6. จงอธิบายโครงสรา้ งของเมกโอหม์ มเิ ตอร์
7. จงบอกวธิ ีการใชง้ านและลกั ษณะการใชง้ านเมกโอหม์ มิเตอร์
97
คาส่งั จงเลอื กคาตอบท่ถี กู ตอ้ งท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดยี ว
1. โอหม์ มิเตอรใ์ ชว้ ดั อะไร
ก. แรงดนั ไฟฟา้ ข. กระแสไฟฟ้า
ค. ความตา้ นทานไฟฟา้ ง. กาลงั ไฟฟ้า
2. จากรูปเป็นสภาวะใดของโอหม์ มเิ ตอรใ์ นขณะใชง้ าน
+ mA R
+
E
XY
ก. ตรวจสอบคา่ ความตา้ นทาน ข. ปรบั แตง่ มิเตอรใ์ หพ้ รอ้ มใชง้ าน
ค. ตอ่ วงจรมิเตอรใ์ หค้ รบวงจร ง. ถกู ทกุ ขอ้
3. จากรูปขอ้ 2 ถา้ ต่อตวั ตา้ นทานเขา้ ไปท่จี ดุ X-Y จะมผี ลตอ่ โอหม์ มิเตอรอ์ ยา่ งไร
ก. เข็มมิเตอรไ์ ม่บ่ายเบนและชที้ ่ตี าแหนง่ ศนู ย์
ข. เขม็ มเิ ตอรบ์ ่ายเบนนอ้ ยลง
ค. เข็มมเิ ตอรบ์ า่ ยเบนมากขนึ้
ง. เขม็ มิเตอรไ์ ม่บ่ายเบน
4. การนาโอหม์ มเิ ตอรไ์ ปใชง้ านประการแรกท่ตี อ้ งปฏบิ ตั ิคืออะไร
ก. ปรบั ยา่ นวดั โอหม์ มิเตอร์ ไปในตาแหนง่ คา่ ต่าสดุ
ข. ปรบั ยา่ นวดั โอหม์ มิเตอรไ์ วส้ งู สดุ ก่อนนาไปวดั ค่าความตา้ นทาน
ค. ตอ่ ปลายสายวดั เขา้ ดว้ ยกนั ปรบั แต่งโอหม์ มิเตอรใ์ หพ้ รอ้ มใชง้ าน
ง. ตอ่ วดั ค่าความตา้ นทานโดยคานงึ ถงึ ขวั้ บวกลบของโอหม์ มเิ ตอร์
98
5. ขณะวดั ค่าความตา้ นทาน เข็มชขี้ องโอหม์ มิเตอรช์ ีค้ ่าไปตาแหนง่ ใกล้ มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร
ก. โอหม์ มิเตอรป์ รบั แต่งยา่ นวดั ไวไ้ ม่ถกู ตอ้ ง
ข. ความตา้ นทานท่วี ดั ค่ามีคา่ สงู กว่ายา่ นวดั โอหม์ ท่ีตงั้ ไว้
ค. แบตเตอร่ีในโอหม์ มเิ ตอรอ์ ่อนควรเปล่ียนใหม่
ง. โอหม์ มเิ ตอรต์ งั้ ย่านวดั ไวส้ งู เกินไปควรลดย่านวดั ใหต้ ่าลง
6. สว่ นประกอบเบอื้ งตน้ ของโอหม์ มิเตอรป์ ระกอบดว้ ยอะไรบา้ ง
ก. มลิ ลิแอมมิเตอร์ แบตเตอร่ี ตวั ตา้ นทานปรบั ค่าได้
ข. มิลลิแอมมเิ ตอร์ แบตเตอร่ี
ค. มิลลแิ อมมิเตอร์ โวลตม์ ิเตอร์ แบตเตอรี่
ง. มิลลแิ อมมเิ ตอร์ โวลตม์ เิ ตอร์ แบตเตอร่ี ตวั ตา้ นทานปรบั ค่าได้
7. ในขณะปรบั ศนู ยโ์ อหม์ ของโอหม์ มเิ ตอรแ์ บบอนกุ รมจะมกี ระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดเคล่ือนท่เี ท่าไร
ก. เทา่ กบั ศนู ย์ ข. เท่ากบั กระแสไฟฟา้ ครง่ึ สเกล
ค. เทา่ กบั กระแสไฟฟ้าเต็มสเกล ง. สงู มากเพราะลดั วงจร
8. จากรูป จงอา่ นค่าสเกลของโอหม์ มเิ ตอร์ เม่อื ปรบั ย่านวดั R 1
ก. 16 ข. 240
ค. 160 ง. 240
9. จากรูปขอ้ 8 จงอ่านค่าสเกลของโอหม์ มเิ ตอร์ เม่อื ปรบั ยา่ นวดั R 100
ก. 160 ข. 240
ค. 1600 ง. 2400
10. เมกโอหม์ มิเตอร์ ใชว้ ดั อะไร
ก. แรงดนั ไฟฟา้ ข. ความตา้ นทานไฟฟ้าท่มี คี ่า
ค. ความตา้ นทานไฟฟ้าท่มี ีคา่ สงู ง. กาลงั ไฟฟา้