0 คู่มือ การพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศของนักเรียน โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 15
1 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ กีฬาวอลเลย์บอล ประวัติกีฬาวอลเลย์บอล (การกีฬาแห่งประเทศไทย, 2562 : ออนไลน์) กีฬาวอลเลย์บอลกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1895 โดยนายวิลเลียม จี. มอร์แกน และนายเจมส์ ไนท์ สมิธ ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. เมืองฮอลโยค รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศอเมริกา ซึ่ง ได้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ โดยเขามีความคิดที่ ต้องการให้มีกีฬาสำหรับเล่นในช่วงฤดูหนาวแทนกีฬากลางแจ้งเพื่อออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจยาม หิมะตก เขาได้เกิดแนวความคิดที่จะนำลักษณะ และวิธีการ เล่นของกีฬาเทนนิสมาดัดแปลงใช้เล่น จึงใช้ ตาข่ายเทนนิสซึ่งระหว่างเสาโรงยิมเนเซียม สูงจากพื้นประมาณ 6 ฟุต 6 นิ้ว และใช้ยางในของลูก บาสเกตบอลสูบลมให้แน่น แล้วใช้มือและแขนตีโต้ข้ามตาข่ายกันไปมา แต่เนื่องจากยางในของลูก บาสเกตบอลเบาเกินไป ทำให้ลูกบอลเคลื่อนที่ช้า และทิศทางที่เคลื่อนไปไม่แน่นอน จึงเปลี่ยนมาใช้ลูก บาสเกตบอล แต่ลูกบาสเกตบอลก็ใหญ่ หนักและแข็งเกินไป ทำให้มือของผู้เล่นได้รับบาดเจ็บ จนในที่สุด เขาจึงให้บริษัท Ant G. Spalding and Brother Company ผลิตลูกบอลที่หุ้มด้วยหนัง และบุด้วยยาง มีเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว มีน้ำหนัก 8-12 ออนซ์ หลังจากทดลองเล่นแล้ว เขาจึงชื่อเกมการเล่นนี้ว่า “มินโท เนตต์”(Mintonette) ค.ศ.1896 ได้มีการประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ (Spring-field College) นายวิลเลียม จี มอร์แกน ได้สาธิตวิธีการเล่นต่อหน้าที่ประชุมหลังจากที่ประชุมได้ชมการสาธิต ศาสตราจารย์ อัลเฟรด ที เฮลสเตด (Alfred T. Helstead) ได้เสนอแนะให้มอร์แกนเปลี่ยนจากมินโท เนตต์ (Mintonette) เป็น “วอลเลย์บอล” (Volleyball) โดยให้ความเห็นว่าเป็นวิธีการเล่นโต้ลูกบอลให้ ลอยข้ามตาข่ายไปมาในอากาศ โดยผู้เล่นพยายามไม่ให้ลูกบอลตกพื้น ค.ศ. 1928 ดร.จอร์จ เจ ฟิเชอร์ (Dr. George J. Fisher) ได้ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงกติกา การเล่นวอลเลย์บอล เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลในระดับชาติ และได้เผยแพร่กีฬาวอลเลย์บอล จนได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งกีฬาวอลเลย์บอล ประวัติกีฬาวอลเลย์บอล และประวัติสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ค.ศ. 1895 นายวิลเลียม จี มอร์แกน (William G.Morgan) ได้คิดค้นเกมการเล่นวอลเลย์บอล ขึ้น ที่สมาคม Y.M.C.A. ในเมืองโฮลโยค รัฐแมสซาชูเซตส์ (Holyoke, Massachusetts) ประเทศ สหรัฐอเมริกา โดยใช้ชื่อ มินโตเนต (Mintonette) ค.ศ. 1896 ศาสตราจารย์อัลเฟรด ที ฮอลสเตด (Prof.Alfred T.Halstead) ได้เสนอให้เปลี่ยน ชื่อจาก “มินโตเนต (Mintonette)” เป็น “วอลเลย์บอล (Volleyball)” ค.ศ. 1898 ประเทศแคนาดาได้พัฒนากีฬาวอลเลย์บอลเพื่อเป็นกิจกรรมนันทนาการ (Recreation Activity) ค.ศ. 1905 ศาสตราจารย์เจ ฮาวาร์ด โครเกอร์ (Prof J. Haward Crocher) ได้นำกีฬา วอลเลย์บอลเข้าไปเผยแพร่ในประเทศจีน (China) ปี ค.ศ. 1908 นายแฟรงกิน เอช บราวน์ (Franklin H.Brown) ได้นำกีฬาวอลเลย์บอลเข้าไป เผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น (Japan) ประวัติวอลเลย์บอล ปี ค.ศ. 1910 นายเอลวู๊ด เอส บราวน์ Elwood S.Brown ช่วยจัดตั้ง สมาคมวอลเลย์บอลในประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines)
2 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ค.ศ. 1913 ได้มีการบรรจุกีฬาวอลเลย์บอลเข้าในการแข่งขันกีฬาภาคพื้นตะวันออกไกล (Far Eastern Games) ครั้งที่ 1 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ (Manila, Philippines) ค.ศ. 1918 ได้กำหนดให้ใช้ผู้เล่นข้างละ 6 คน ค.ศ. 1922 ได้กำหนดกติกาให้แต่ละทีมเล่นลูกได้ไม่เกิน 3 ครั้ง และได้มีการก่อตั้งสมาคม วอลเลย์บอล และบาสเกตบอลขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศเชคโกสโลวาเกีย ค.ศ. 1928 มีการก่อตั้งสมาคมวอลเลย์บอลขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดการแข่งขัน วอลเลย์บอลชิงชนะเลิศแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 1 ที่ Brooklyn Central Y.M.C.A. (USA National Volleyball Championships) ค.ศ. 1933 ได้บรรจุกีฬาวอลเลย์บอลหญิงในการแข่งขันกีฬา Central American และ Caribbean Game ในกรุงซาน ซิลวาดอร์ (San Salvador) ประเทศเอลซัลวาดอร์ (El Salvador) ค.ศ. 1934 มีการจัดตั้งคณะกรรมการกีฬาวอลเลย์บอลนานาชาติเป็นครั้งแรกภายใต้สหพันธ์ แฮนด์บอล ค.ศ. 1946 ประเทศโปแลนด์ ฝรั่งเศส เชคโกสโลวาเกีย สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียตรัสเซีย และโรมาเนีย ได้ร่วมกันก่อตั้งคณะกรรมการที่ดำเนินการด้วยตนเองขึ้นครั้งแรก ค.ศ. 1947 14 ประเทศ ได้ร่วมกันจัดตั้งสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (The Federation International De Volleyball : FIVB) ขึ้นในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้เลือกนายพอล ลิบอร์ด (Paul Libaud) เป็นประธานสหพันธ์คนแรก โดยมีประเทศที่ร่วมกันจัดตั้ง ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เชคโกสโลวาเกีย โปแลนด์ อียิปต์ อิตาลี เนเธอแลนด์ เบลเยียม โปรตุเกส โรมาเนีย ตุรกี บราซิล อุรุกวัย ยูโกสลาเวีย (อิสราเอลและเลบานอนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในปี ค.ศ. 1949) ค.ศ. 1948 การแข่งขันวอลเลย์บอลชิงชนะเลิศแห่งทวีปยุโรป ครั้งที่ 1 ประเภทชาย ที่กรุงโรม ระหว่างวันที่ 24-26 กันยายน ปี ค.ศ. 1949 – จัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงชนะเลิศของโลกเป็นครั้งแรก ณ กรุงปราก (Prague) ประเทศ เชคโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) – คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee-IOC) ได้ประกาศรับรอง กีฬาชนิดนี้ แต่ยังอยู่ในฐานะกีฬาที่ไม่ได้มีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก (Non Olympic Sport) – การแข่งขันชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย (Men’S World Championships) ครั้งแรก ณ กรุง ปราก (Prague) – การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป (European Champions) ประเภททีมหญิงครั้งแรก ณ กรุงปราก (Prague) – มีการใช้ระบบการรุก 3 คน และมีการล้ำแดนของตัวเซตที่อยู่แดนหลัง ค.ศ. 1951 อนุญาตให้มือสามารถล้ำเหนือตาข่ายได้ ภายใต้เงื่อนไขคือการสกัดกั้น ค.ศ. 1952 การแข่งขันชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง (Women’S World Championships) ครั้งแรก ณ กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย (Moscow, Russia) ค.ศ. 1955 – กีฬาวอลเลย์บอลได้ถูกบรรจุเข้าใน “แพนอเมริกันเกม ครั้งที่ 2” (The 2nd Pan American Games) ณ เมืองเม็กซิโกซิตี้ (Mexico City)
3 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ – นายมาซาอิชิ นิชิกาว่า (Masaichi Nishikawa) นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ จัดตั้งสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (Asian Volleyball Confederation : AVC) ขึ้น ค.ศ. 1956 จัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชาย-หญิงชิงแชมป์โลกในเวลาเดียวกันเป็นครั้งแรก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Paris, France) โดยมีทีมชาย 24 ทีม และ หญิง 17 ทีม ค.ศ. 1957 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้มีการประชุมที่เมืองโซเฟีย ประเทศ บัลแกเรีย (Sofia, Bulgaria) และยอมรับกีฬาวอลเลย์บอลเข้าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในกีฬาโอลิมปิก และ ประกาศให้สหพันธ์วอลเลย์นานาชาติ (FIVB) เป็นองค์กรกีฬาสากลมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน เป็นต้นไป ค.ศ. 1961 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิก (OCOG : Organising Committee of The Olympic Game) แห่งป ระเทศญี่ ปุ่น ได้บ รรจุกีฬา วอลเลย์บอลเข้าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียวด้วย ค.ศ. 1963 สหพันธ์วอลเลย์บอลยุโรป (The European Volleyball Confederation : CEV) ได้จัดตั้งคณะกรรมการในโซนของยุโรป ค.ศ. 1964 – กีฬาวอลเลย์บอลชาย-หญิงได้ถูกบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (เหรียญทองหญิง ได้แก่ ทีมญี่ปุ่นเหรียญทองชาย ได้แก่ ทีมสหภาพโซเวียต รัสเซีย) – ได้มีการปรับปรุงกติกาการสกัดกั้นใหม่ (อนุญาตให้มือทั้งสองล้ำเหนือตาข่ายและอนุญาตให้ถูก ลูกขณะสกัดกั้นเกินกว่า 1 ครั้งได้) ค.ศ. 1965 – การแข่งขันเวิลด์คัพชาย ครั้งที่ 1 ณ กรุงวอซอร์ ประเทศโปแลนด์ (Warsaw, Poland) – มีการจัดตั้งคณะกรรมการในโซนแอฟริกาขึ้น ค.ศ. 1966 Dr.Ruben Acosta ได้จัดตั้งคณะกรรมการโซนอเมริกากลางและโซนคาริเบียนขึ้น ค.ศ. 1968 สหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้เข้าร่วมโซนอเมริกากลาง เพื่อจัดตั้งสหพันธ์ วอลเลย์บอล แห่งทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง (NORCECA) ตามข้อเสนอของ Dr.Ruben Acosta ค.ศ. 1971 ได้มีการจัดหลักสูตรผู้ฝึกสอนระดับนานาชาติขึ้นครั้งแรก โดยสมาคมวอลเลย์บอล แห่งประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การดำเนินงานของ Mr.Yutaka Maeda และ Mr.Hiroshi Toyoda ค.ศ. 1972 สหพันธ์วอลเลย์บอลทั้ง 5 ทวีป ได้แก่ เอเชีย (AVC), แอฟริกา (CEV), อเมริกาใต้ (CSV), อเมริกาเหนือ และอเมริกากลาง (NORCERA) ได้จัดตั้งคณะกรรมการฝ่ายแข่งขันกีฬาของแต่ละ ทวีปขึ้น โดยการรับรองโดยสหพันธ์ของแต่ละทวีป ค.ศ. 1973 การแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์คัพหญิง ครั้งที่ 1 ที่ประเทศอุรุกวัย (Uruguay) ค.ศ. 1974 มีการถ่ายทอดสดเป็นครั้งแรกในการแข่งขันวอลเลย์บอลชาย-หญิงชิงแชมป์โลกจาก ประเทศเม็กซิโกไปยังประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ค.ศ. 1975 – มีการจัดประชุมและส่งเสริมมินิวอลเลย์บอลขึ้นที่ประเทศสวีเดน – มีการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงชนะเลิศแห่งทวีปแอฟริกา ณ เมืองดากา ประเทศ เซเนกัล (Dakar, Senegal)
4 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ค.ศ. 1976 – Dr.Ruben Acosta ได้คิดค้นระบบการใช้ลูกบอล 3 ลูก และอนุญาตให้เล่นได้อีก 3 ครั้ง หลัง การสกัดกั้นได้ถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกม ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา (Montreal, Canada) – ความกว้างของตาข่ายถูกลดให้เหลือ 9 เมตร ค.ศ. 1977 การแข่งขันระดับเยาวชน (อายุต่ำกว่า 21 ปี ) ชาย-หญิง ชิงแชมป์โลกจัดขึ้นเป็น ครั้งแรกที่ประเทศบราซิล (Brazil) ค.ศ. 1980 กติกาของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้มีการพัฒนาขึ้นเป็น 2 ภาษา ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปนเป็นครั้งแรก ตามผลจากการเสนอของประเทศเม็กซิโก ในการประชุม ใหญ่ที่กรุงมอสโคว์และได้มีการรับรองเกี่ยวกับนักกีฬาอาชีพ ค.ศ. 1982 ได้มีการลดแรงดันลมของลูกบอลจาก 0.45 เป็น 0.40 กิโลกรัม /ตารางเซนติเมตร ค.ศ. 1984 – Dr.Ruben Acosta ได้รับเลือกให้ขึ้นเป็นประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (2nd FIVB President) แทนนาย Pual Libaud ผู้ก่อตั้งสหพันธ์ฯ – สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์ฯ ได้ย้ายจากกรุงปารีสไปยังเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Lausame, Switzerland) ค.ศ. 1985 – คณะกรรมการบริหารสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้ให้การรับรอง 5 โครงการหลัก เพื่อ พัฒนาวอลเลย์บอลของโลก ซึ่งเสนอโดย Dr.Ruben Acosta และมีเจตนามุ่งหมายเพื่อยกระดับ วอลเลย์บอลขึ้นสู่ระดับกีฬาอาชีพ – ได้มีการจัดการแข่งขัน World Gala เป็นครั้งแรกที่กรุงปักกิ่งและเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยทีมหญิงของ ประเทศจีนพบกับทีมดาราของโลก การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดชิงแชมป์โลกได้จัดเป็นครั้งแรกที่ ประเทศบราซิล ค.ศ. 1990 การแข่งขัน วอลเลย์บอลเวิลด์ลีก (World League) ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก มีการ จัดการแข่งขันมากกว่า 20 เมือง จาก 8 ประเทศ เข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ค.ศ. 1992 สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้เริ่มให้มีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด (Beach Volleyball) World Tour ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีการจัดการแข่งขันที่ญี่ปุ่น เปอร์โตริโก บราซิล อิตาลี และออสเตรเลีย ค.ศ. 1993 – สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้กลายเป็นองค์กรกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีประเทศสมาชิก ถึง 210 ประเทศ – เริ่มมีการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง เวิลด์กรังปรีซ์ (Women’s World Grand Prix) ขึ้นเป็น ครั้งแรกโดยมี 8 ประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ – คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้มีการประชุมที่เมืองมอนเตการ์โล รัฐโมนาโก (Monte Carlo, Monaco) ให้บรรจุวอลเลย์บอลชายหาด เข้าในกีฬาโอลิมปิกเกม 1996 มีการแข่งขันทีมหญิง 16 คู่ ทีมชาย 24 คู่
5 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ค.ศ. 1994 – อนุญาตให้ลูกถูกส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ทุกส่วนรวมทั้งเท้า – ได้มีการขยายเขตเสิร์ฟจนเต็มเขตพื้นที่ 9 เมตร – ที่ประชุมใหญ่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้รับรองแผนการส่งเสริมวอลเลย์บอลปี 2001 ซึ่ง เสนอโดย Dr.Ruben Acosta เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารจัดการของสมาคมวอลเลย์บอลแต่ละประเทศ ให้สามารถจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลอาชีพขึ้นรวมทั้งวอลเลย์บอลชายหาดด้วย ค.ศ. 1995 ครบรอบ 100 ปี สำหรับกีฬาวอลเลย์บอล จัดให้มีการเฉลิมฉลอง 100 วัน ในทั่ว โลกโดยผู้เกี่ยวข้องกับกีฬาวอลเลย์บอล ค.ศ. 1996 กีฬาวอลเลย์บอลชายหาดได้ถูกบรรจุเข้าในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้ง แรก ณ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย (Atlanta, Jeorgia) ประวัติวอลเลย์บอล ปี ค.ศ. 1997 – มีการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดชิงแชมป์โลก (ทั้งประเภททีมชาย และทีมหญิง) เป็น ครั้งแรก ณ เมืองลอสแองเจลิส (Los Angeles, USA) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเงินรางวัลในแต่ละ ประเภท 600,000 เหรียญสหรัฐ – การแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์ลีกครั้งที่ 8 ได้เพิ่มเงินรางวัลเป็น 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ค.ศ. 1998 การประชุม FIVB World Congress ครั้งที่ 26 มีการประกาศใช้ระบบการนับ คะแนนแบบ “Rally Point” และมีการยอมรับอย่างเป็นทางการให้มีการเล่นโดยใช้ตัวรับอิสระ (The Libero Player) ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่กรุงโตเกียว (Tokyo) ปี ค.ศ. 1999 ทีมหญิงจากประเทศคิวบา (Cuba) ได้รับตำแหน่งชนะเลิศเป็นครั้งที่ 4 ในการ แข่งขันรายการ FIVB World Cup และทีมชายจากประเทศรัสเซียได้รับตำแหน่งชนะเลิศเป็นครั้งแรก ค.ศ. 2000 – การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีการแข่งขันวอลเลย์บอล ชายหาด ประเภทชาย 24 คู่ หญิง 24 คู่ วอลเลย์บอลในร่มประเภทชาย 12 ทีม หญิง 12 ทีม และ สาธารณรัฐคิรินาส (Kiribati) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 218 – ระบบการนับคะแนนแบบ Rally Point ถูกนำไปใช้กับการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด – มีการยอมรับกติกาการเสิร์ฟบอลสามารถถูกตาข่ายได้ – การเฉลิมฉลองให้กับผู้เล่นที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษ (Best Players of Century) ได้แก่ Karch Kiraly จากสหรัฐอเมริกา Lorenzo Bernardi จากอิตาลี และ Regla Torres จากเจ้าของแชมป์โอลิมปิก 3 สมัยอย่างคิวบา ค.ศ. 2002 – มีการประชุมใหญ่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ครั้งที่ 28 ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศ อาร์เจนตินา (Buenos, Aires, Argentina) ได้มีการกำหนดความสูงของผู้เข้าแข่งขัน ชาย 185 เซนติเมตร ขึ้นไป หญิง 175 เซนติเมตรขึ้นไป – ประเทศเยอรมนี (Germany) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก โดยมี ทีมเข้าร่วม 24 ทีม แข่งขันในเมื่อต่างๆ ถึง 8 เมือง – ประเทศอาร์เจตินา (Argentina) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายชิงแชมป์โลก โดย มีทีมเข้าร่วม 24 ทีม แข่งขันในเมืองต่างๆ ถึง 6 เมือง
6 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ค.ศ. 2004 – การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ (Athens, Greece) มีการแข่งขัน วอลเลย์บอลในร่มประเภททีมชาย จำนวน 12 ทีม ประเภททีมหญิงจำนวน 12 ทีม และวอลเลย์บอล ชายหาดจำนวน 24 ทีม หญิง จำนวน 24 ทีม – ทีมชนะเลิศวอลเลย์บอลประเภทชาย ได้แก่ บราซิล และประเภทหญิง ได้แก่ ประเทศจีน ค.ศ. 2006 การแข่งขัน FIVB Volleyball World Championship ทีมชนะเลิศประเภทชาย ได้แก่ บราซิล และประเภทหญิง ได้แก่ รัสเซีย ค.ศ. 2007 การแข่งขัน FIVB World Cup ทีมชนะเลิศประเภทชาย ได้แก่ บราซิล และ ประเภทหญิง ได้แก่ อิตาลี ค.ศ. 2008 การแข่งขันโอลิมปิกที่ประเทศจีน ทีมชนะเลิศประเภทชาย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเภทหญิง ได้แก่ บราซิล ค.ศ. 2009 การแข่งขันรายการ FIVB Club World Championship ประเภททีมชายได้นำ กลับมาลงในปฏิทินการแข่งขันระดับนานาชาติอีกครั้ง หลังจากที่มีการแข่งขันล่าสุดในปี 1992 ค.ศ. 2010 – กีฬาวอลเลย์บอลประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ กับการเริ่มฤดูกาลแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เยาวชน ณ ประเทศสิงคโปร์ – การแข่งขันรายการ FIVB Club World Championship ประเภททีมหญิงได้นำกลับมาลงใน ปฏิทินการแข่งขันอีกครั้ง หลังจากที่มีการแข่งขันครั้งแรกในปี 1994 หลังจากที่ประเภททีมชายประสบ ความสำเร็จในการแข่งขันเมื่อปีก่อนหน้านี้ – การแข่งขันเพื่อชิงถ้วยรางวัล Continental Cup ขึ้นครั้งแรกในการแข่งขันวอลเลย์บอล ชายหาด ที่จะจัดขึ้นในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012 ณ กรุงลอนดอน (London, England) ค.ศ. 2011 ระบบการนับแต้มแบบใหม่ได้มีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในการแข่งขัน โดย ได้รับการยืนยันโดยผู้บริหารของ FIVB ในการแข่งขันที่มีการชนะที่ 3 ต่อ 0 หรือ 3 ต่อ 1 โดยผู้ชนะจะได้ 3 แต้ม และผู้แพ้จะได้ 0 เช่นกันกับการชนะแต้ม 3 ต่อ 2 ซึ่งจะหมายถึง ผู้ชนะได้ 2 แต้ม และผู้แพ้ได้ 1 แต้ม ในกรณีที่แต้มเสมอกันจะนับคะแนนเป็นแบบ Set Ratio ซึ่งจะต่างจากการนับคะแนนแบบ Point Ratio ในอดีตที่ผ่านมา ค.ศ. 2012 มีการปรับปรุงแก้ไขเรื่องเครื่องแบบของผู้เล่นฝ่ายหญิงโดยมีทางเลือกให้ 3 ทาง คือ ผู้เล่นสามารถสวมปลอกหุ้มหัวเข่าความยาวอย่างมากที่สุด 3 เซนติเมตร ไว้เหนือเข่าหรือใส่แบบครึ่งตัว หรือใส่แบบเต็มตัว โดยให้ขึ้นอยู่กับการเคารพในกฎและหรือความเชื่อของแต่ละศาสนา กีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2556 : ออนไลน์) ได้เรียบเรียงประวัติกีฬา วอลเลย์บอลในประเทศไทยไว้อย่างละเอียดในหนังสือ “ประวัติการกีฬา” ไว้ดังนี้ กีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทยนั้นไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า ได้แพร่หลายเข้ามาในปีใดหรือ สมัยใด แต่พอจะอนุมานได้ว่าการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลได้มีขึ้นในประเทศไทยมากกว่า 60 ปีโดยมากเล่น เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เมื่อตั้งกรมพลศึกษาขึ้น เมื่อปีพ.ศ. 2476 กรมพลศึกษา เห็นว่าวอลเลย์บอล เป็นกีฬาที่นักเรียนทั้งหญิง และชายสามารถเล่นได้จึงได้จัดให้สอนวิชานี้ขึ้นในสถาบันพลศึกษา ในปีพ.ศ.
7 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 2477 กรมพลศึกษาได้จัดพิมพ์กติกาวอลเลย์บอลขึ้น โดยอาจารย์นพคุณ พงษ์สุวรรณ เป็นผู้แปล ท่านเป็น ผู้ที่มีความชำนาญมากจึงได้รับการเชิญให้เป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเล่นตลอดจนกติกาการ แข่งขันให้ครูพลศึกษาทั่วประเทศประมาณ 100 คน ในโอกาสที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้จัดการอบรม ขึ้น และในปีนี้เองกรมพลศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาประจำปีและบรรจุกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไว้ใน รายการแข่งขันเป็นครั้งแรก ซึ่งในสมัยของ น.อ.หลวงศุภชลาศัย ร.น. ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา แต่การแข่งขันไม่ใคร่เป็นที่นิยมนัก ทั้งนี้เพราะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคล เล่นกันไปตามเรื่อง ตามราวมิให้ผิดกติกา ส่วนที่จะให้มีฝีมือนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เพราะไม่มีผู้ชำนาญการโดยเฉพาะมา ฝึกสอนให้จึงทำให้การเล่นกีฬาวอลเลย์บอลเสื่อมความนิยมไป แต่ยังคงมีการแข่งขันอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ ปริมาณไม่เพิ่มขึ้น และคุณภาพก็ยังไม่ดีพอ ต่อมาได้ทราบกันว่า วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ประเทศใกล้เคียง เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์นิยมเล่นกันมาก และมีฝีมืออยู่ในขั้นมาตรฐาน มี เทคนิคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความตื่นเต้นไม่เป็นที่น่าเบื่อหน่าย บรรดาผู้ฝึกสอนซึ่งความจริงหาใช่ผู้ชำนาญ การโดยเฉพาะไม่ หากแต่สนใจและพยายามเรียนรู้การเคลื่อนไหวจากต่างประเทศ นำมาถ่ายทอดไปยังผู้ เล่นทำให้เกิดความสนใจในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลกันขึ้นอีกระยะหนึ่งและเจริญมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ต่อมามีคณะบุคคลผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยชุดแรก มี7 คน คือ 22 1. พลโทสุรจิต จารุเศรณี 2. นายกอง วิสุทธารมณ์ 3. นายสวัสดิ์ เลขยานนท์ 4. นายเสรีไตรรัตน์ 5. นายนิคม พลสุวรรณ 6. นายแมน พลพยุหคีรี 7. นายเฉลิม บุณยะสุนทร บุคคลทั้ง 7 คน ได้ร่วมกันประชุมวางแผนดำเนินการก่อตั้งสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เป็นครั้งแรกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2500 จากที่ประชุมได้มอบหมายให้นายกอง วิสุทธารมณ์เป็นผู้แทน ไปดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมฯ ต่อกระทรวงศึกษาธิการ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์2502 โดยมีนาย นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ลงนามในใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมฯ มีชื่อ “สมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย” (Amateur Volleyball Association of Thailand = A.V.A.T.) วันที่ 1 มิถุนายน 2502 พลเอกสุจริต จารุเศรณีนายกสมาคมฯ ได้ลงนามในข้อบังคับของ สมาคมฉบับแรก ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารเพียง 7 ตำแหน่ง และดำรงตำแหน่งได้สมัยละ 4 ปี คณะกรรมการสมาคมฯ ชุดแรก มีดังนี้ 1. พลเอกสุรจิต จารุเศรณี นายกสมาคมฯ 2. นายกอง วิสุทธารมณ์ อุปนายก 3. นายแมน พลพยุหคีรี เหรัญญิก 4. นายเฉลิม บุณยะสุนทร เลขานุการ 5. นายสวัสดิ์ เลขยานนท์ กรรมการ 6. นายเสรีไตรรัตน์ กรรมการ 7. นายนิคม พลสุวรรณ กรรมการ
8 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ เมื่อมีการจัดตั้งสมาคมฯขึ้นเป็นผลสำเร็จ ประเทศไทยจึงส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในกีฬาแหลม ทอง ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ และเนื่องจากมีประเทศที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขันเพียง 4 ประเทศ ทีมไทยจึง ประสบความสำเร็จได้ชนะเลิศ แต่ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 2 ที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ทีม ไทยไม่ประสบความสำเร็จ (กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, 2556 : 22-23) องค์ประกอบของทักษะกีฬาวอลเลย์บอล ทักษะกีฬาวอลเลย์บอลที่ใช้ในการเล่นเพื่อความสนุกสนามผ่อนคลาย ซึ่งเป็นกิจกรรมยาม ว่าง ส่วนมากประกอบไปด้วยทักษะต่าง ๆ ดังนี้(อุทัย สงวนพงศ์, 2553) 1. การยืนเตรียมพร้อมจะเล่นลูกบอล หรือการทรงตัวที่ดีนอกจากจะเป็นการเรียกสมาธิแล้ว ยัง ช่วยให้เคลื่อนตัวที่จะเล่นบอลได้อย่างสะดวก คล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ว่าลูกบอลจะมาในลักษณะใด 2. การเคลื่อนที่พื้นฐาน (Basic Movement) การเคลื่อนที่ในกีฬาวอลเลย์บอลจะทำในระยะสั้น แต่ต้องทำด้วยความรวดเร็ว 3. การเล่นลูกมือบน (Set) หรือการแตะชูลูกบอลหรือการเซตเป็นวิธีการเล่นลูกที่ดีและ มีความ แน่นอนที่สุด 4. การเล่นลูกมือล่าง (Underhand) หรือลูกอันเดอร์แฮนด์เป็นวิธีการเล่นลูกโดยใช้แขน ท่อน ล่างของทั้งสองมือบังคับหรือส่งลูกไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเล่นทีมที่ดีสามารถรับ ลูกเสิร์ฟหรือลูกตบที่มาในลักษณะลูกค่อนข้างแรงของฝ่ายตรงข้ามได้ 5. การเสิร์ฟ (Service) เป็นการรุกวิธีหนึ่ง การเสิร์ฟที่มีประสิทธิ์ภาพจะสามารถข่มขู่คู่ แข่งขันได้ ทำลายยุทธวิธีการรุกของฝ่ายตรงข้าม ลดภาระการรับของฝ่ายตนเอง สร้างโอกาสให้ได้เปรียบในในการ โต้ตอบ 6. การตบ (Spiking) เป็นวิธีการที่รุนแรงของฝ่ายครอบครองลูกบอล ลูกตบที่ประสบความสำเร็จ ต้องมาจากจังหวะแรกและจังหวะสองที่สัมพันธ์กัน อนุภาพของลูกตบยังขึ้นอยู่กับความแรงความเร็วความ คล่องตัวและท่าทางที่ใช้ในการตบลูกบอลของผู้เล่น 7. การสกัดกั้น (Blocking) เป็นการที่ฝ่ายรับสกัดกั้นทักษะการตบที่รุนแรงของฝ่ายรุก ขณะเดียว กันฝ่าย รับอาจจะเปลี่ยนเป็นการรุกได้ทันที ลักษณะของการเล่น (GAME CHARACTERISTIC) กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2557 : 2) กล่าวไว้ว่า วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ เล่นโดยทีมสองทีม บนสนามที่แบ่งแดนด้วยตาข่าย ลักษณะของการเล่นอาจแตกต่างกันได้ตามสภาพที่ จำเป็น เพื่อให้เล่นกันได้อย่างแพร่หลายจุดมุ่งหมายของการเล่นก็คือการส่งลูกบอลให้ข้ามตาข่ายไปลงบน พื้นในแดนของฝ่ายตรงข้าม และป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามส่งลูกบอลข้ามตาข่าย มาตกบนพื้นในแดนของ ตน แต่ละทีมจะถูกลูกบอลได้3 ครั้งในการส่งลูกบอลไปยังแดนของฝ่ายตรงข้าม (ยกเว้นการถูกลูกบอลใน การสกัดกั้น) การเล่นเริ่มต้นด้วยการเสิร์ฟลูกบอล โดยผู้เสิร์ฟส่งลูกบอลข้ามตาข่ายไปยังฝ่ายตรงข้าม การ เล่นจะดำเนินไปจนกว่าลูกบอลจะตกลงบนพื้นในเขตสนามหรือนอกเขตสนาม หรือฝ่ายไม่สามารถส่งลูก บอลกลับไปยังฝ่ายตรงข้ามได้อย่างถูกต้องตามกติกา การเล่นวอลเลย์บอลนั้น ทีมที่ชนะการเล่นลูกจะได้ 1 คะแนน (Rally Point System) เมื่อทีมที่เป็นฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะการเล่นลูก จะได้คะแนน 1 คะแนน และได้สิทธิทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นทีมนั้นต้องหมุนตามเข็มนาฬิกาไป 1 ตำแหน่ง
9 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ประโยชน์ของการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กีฬาวอลเลย์บอลกีฬาอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีการแข่งขันระดับชาติและ เป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งถูกรวมเข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนชั้นมัธยมศึกษาใน หลายๆ โรงเรียน วอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภททีมที่ช่วยส่งให้ผู้เล่นเกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้เล่นทีม ตนเอง และผู้เล่นทีมคู่แข่ง โดยผู้เล่นในทีมจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันใจกว้าง และยอมรับความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ช่วยให้ผู้เล่นรู้จักการทางานเป็นทีมรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองมีน้าใจเป็น นักกีฬา ส่งผล ให้เกิดทักษะทางสังคมที่ดีเกิดประโยชน์มากมายหลายๆ ด้าน ดังนี้(ศศิธร สงวนศิลป์, 2560 : ออนไลน์) 1. ประโยชน์ทางด้านร่างกาย 1.1 ได้ออกกำลังกายอย่างมีระบบ มีกฎเกณฑ์และกติกา 1.2 เป็นการเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโต เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายทำ ให้ระบบ ร่างกายทางานเป็นปกติดี 1.3 ฝึกให้ร่างกายมีความคล่องแคล่วว่องไว 1.4 เสริมสร้างประสบการณ์ให้แก่ชีวิตของตัวผู้เล่นเอง 2. ประโยชน์ทางด้านอารมณ์ 2.1 ทำให้อารมณ์แจ่มใสสดชื่น 2.2 ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของอารมณ์ 2.3 ช่วยฝึกฝนให้มีอารมณ์มั่นคง รู้จักอดทน อดกลั้น 3. ประโยชน์ทางด้านสังคม 3.1 ทำให้ผู้เล่นมีเพื่อน หรือรู้จักคนอื่นๆ มากขึ้น 3.2 เมื่อเกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ย่อมจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม 3.3 เมื่อมีการแข่งขันกีฬาเกิดขึ้น จะก่อให้เกิดการสร้างงานและการกระจายรายได้เป็นการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของทั้งผู้เล่น และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับประโยชน์จากกีฬาวอลเลย์บอล ซึ่งจะเป็น ประโยชน์ต่อพลเมือง และส่งผลถึงประเทศชาติต่อไป 3.4 เมื่อมีการแข่งขันกีฬาระดับประเทศจนถึงระดับนานาชาติย่อมเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ระหว่างจังหวัดจนถึงระหว่างประเทศ 3.5 ผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จย่อมนำชื่อเสียงมาสู่ตนเอง หรือต่อประเทศชาติได้ 4. ประโยชน์ทางด้านจิตใจ 4.1 ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน ลดความเครียด 4.2 เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 4.3 ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้เล่น 4.4 ฝึกให้มีระเบียบ มีวินัย มีเหตุมีผลรู้จักการเป็นผู้นำผู้ตาม และมีความรับผิดชอบ ในหน้าที่ ของตน 4.5 ฝึกจิตใจให้มีสมาธิสร้างความมั่นคง เข้มแข็งทางจิตใจ ฝึกให้มีน้าใจเป็นนักกีฬา รู้จักการ แพ้การชนะ และการอภัย
10 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 4.6 วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีกฎกติกา ผู้เล่นต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎกติกาการเล่น ดังนั้นการเล่นวอลเลย์บอลย่อมช่วยสอนให้ผู้เล่นรู้จักความยุติธรรม มีความอดทนอดกลั้น รู้จัก เคารพสิทธิ ของผู้อื่น 4.7 วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมจึงช่วยให้เกิดความรักใคร่ สามัคคีในหมู่คณะ จะเห็นได้ว่าการเล่นวอลเลย์บอลจะส่งเสริมพัฒนาการในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงพัฒนาการทาง ด้านอารมณ์โดยมีองค์ประกอบคือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ความสามารถ ในการ รู้จักตนเอง และความสามรถในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งมีความสอดคล้อง กับ ประโยชน์ของการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลจากที่กล่าวมาข้างต้น เพราะวอลเลย์บอลเป็นกีฬายอดนิยมใน ปัจจุบัน ทำให้นักเรียนมีความสนใจในการเล่น ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ที่มีราคา สูงมา เล่น เพียงแค่มีลูกวอลเลย์บอลก็สามารถเล่นได้เนื่องจากกีฬาวอลเลย์บอล เป็น กีฬาประเภททีมจึงช่วย ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีในทีมของตนเอง มีการแบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการ ฝึกทางานเป็นทีม เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย เกิดเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุขให้กับนักเรียน อาจกล่าวได้ว่ากีฬาวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ส่งเสริมการพัฒนาความ ฉลาดทางอารมณ์ของนักเรียนได้เป็น อย่างดี ผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2555 : 24-26) ได้กล่าวว่า การสร้างทีมให้ ประสบผลสำเร็จนั้นมีปัจจัยที่สำคัญหลายอย่างประกอบกัน แต่ที่นับว่าสำคัญ มากอย่างหนึ่งคือ ผู้ฝึกสอน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจผู้ฝึกสอนมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐานของผู้ฝึกสอนที่สำคัญ 1. บทบาทและคุณสมบัติของผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล การที่ผู้ฝึกสอนกีฬาจะถ่ายทอด และพัฒนาเทคนิควิธีการต่างๆ ในการฝึกนักกีฬาให้มี ประสิทธิภาพได้นั้นผู้ฝึกสอนกีฬาจำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพลศึกษาหรือกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกีฬาแต่ละชนิดแต่ละประเภท การเป็นผู้ฝึกสอนกีฬาโดยไม่มีพื้นฐานความรู้ทางด้าน พลศึกษาหรือกีฬามาเลย เปรียบเสมือนการสร้างบ้านโดยไม่มีการวางรากฐานนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะสร้างได้ สวยงามปานใดก็ตาม ก็จะไม่มีความมั่นคงเท่าที่ควร บทบาทและคุณสมบัติของผู้ฝึกสอนกีฬาที่สำคัญ ได้แก่ 1.1 ผู้ฝึกสอนกีฬาจะต้องศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อใช้ในการส่งเสริมและพัฒนา นักกีฬาให้มีความสามารถสูงสุดในกีฬาชนิดและประเภทนั้นๆ 1.2 ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องสามารถเข้าใจถึงความต้องการด้านต่างๆ ของนักกีฬาได้เป็นอย่างดี 1.3 ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องเป็นคนที่มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส สามารถสร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ให้กับนักกีฬา ซึ่งต้องทำการฝึกอย่างหนักตลอดเวลาได้ 1.4 ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องสามารถเผชิญกับสถานการณ์หลายๆ อย่างได้เป็นอย่างดีมีจิตใจเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย 1.5 ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องมีความยุติธรรม ไม่ลำเอียง หรือเลือกที่รักมักที่ชังในนักกีฬาคนหนึ่งคนใด โดยเฉพาะ 1.6 ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องพยายามทุ่มเททุกอย่างให้กับการฝึก เพื่อพัฒนานักกีฬาให้เป็นนักกีฬาที่ดี ในทุกด้าน
11 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 1.7 ผู้ฝึกสอนกีฬาจะต้องมีความสามารถหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีความเชี่ยวชาญ เป็นพิเศษในกีฬาประเภทนั้นๆ เพื่อจะได้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของนักกีฬา 1.8 ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องมีความรู้ความเข้าใจทางด้านเทคนิคและวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นอย่างดี เพื่อใช้แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการฝึก และการแข่งขัน 1.9 ผู้ฝึกสอนกีฬาจะต้องมีความรับผิดชอบสูง มีความสามารถในการวางแผนใช้ความคิด และมี เหตุผล 1.10 ผู้ฝึกสอนกีฬานอกจากจะมีความรู้ทางทฤษฎีอย่างดีแล้ว จะต้องสามารถสาธิตให้นักกีฬา เห็นลำดับขั้นตอนต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย 1.11 ผู้ฝึกสอนกีฬาจะต้องเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับผู้ร่วมงาน และคนอื่นๆ จากบทบาทและคุณสมบัติของผู้ฝึกสอนกีฬาดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ฝึกสอนกีฬาจะต้องเป็นผู้ที่ สามารถทำให้นักกีฬาแต่ละคนเกิดความรู้ทักษะ มีความเฉลียวฉลาดในการใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อให้บรรลุ เป้าหมายที่วางไว้ในขณะทำการแข่งขัน ตลอดจนสามารถนำประสบการณ์เหล่านั้นไปใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วย ซึ่งเป็นบทบาท และคุณสมบัติทั่วๆไปของผู้ฝึกสอนกีฬา สำหรับกีฬาวอลเลย์บอลผู้ฝึกสอนถือว่าเป็น หัวใจของการสร้างทีม ซึ่งมีหน้าที่ต้องดำเนินการ หน้าที่ของผู้ฝึกสอนไม่ใช่เพียงเป็นผู้ส่งตำแหน่งให้กับผู้ ตัดสิน และไม่ใช่มีหน้าที่เพียงเพื่อสิ้นสุดการเล่นลูกสุดท้ายในแต่ละนัดเท่านั้น การบริหารและการจัดการ ของทีมให้ต่อเนื่อง และสอดคล้องกับการเริ่มการแข่งขันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกสอนจะต้องเตรียมการ เพื่อให้ทีม บรรลุเป้าหมายในระยะสั้นหรือการพัฒนาการด้านเทคนิค การจัดการ และการควบคุมขบวนการให้ ประสบผลตามเป้าหมายนั้น จะต้องรู้และเข้าใจกลวิธีการเล่นของทีมเข้าใจเรื่องสภาพร่างกาย และจิตใจ (ทั้งของทีมตนเองและฝ่ายตรงข้าม) และมีความสัมพันธ์ภายในทีมผู้ฝึกสอนจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ และกลวิธีการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล เข้าใจจิตวิทยา และสังคมวิทยาเป็นอย่างดีตลอดจนมีความรู้ความ เข้าใจเรื่องกติกาการแข่งขันเป็นอย่างดี การฝึกวอลเลย์บอลขั้นเริ่มต้น (ชำนาญ ดอกไม้, 2553 : ออนไลน์) การสร้างนักกีฬาวอลเลย์บอลที่มีความสามารถขึ้นมาสักคนหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้ ระยะเวลาพอสมควรจากระยะเริ่มหัดเล่นจนกระทั่งพัฒนาฝีมือ ซึ่งผู้ที่มีส่วนสำคัญก็คือคุณครูผู้ฝึกสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณครูผู้เริ่มฝึกสอนเด็กๆ หัดเล่นวอลเลย์บอล โดยส่วนตัวผมมองว่าคุณครูผู้ฝึกสอนใน ระดับนี้จะต้องเป็นผู้มีความอดทนเสียสละอย่างมากในการดูแลฝึกหัดเด็กๆ ให้เรียนรู้การเล่นวอลเลย์บอล ได้อย่างถูกต้องซึ่งถือว่าเป็นการวางรากฐานให้กับเด็กๆ เหล่านั้นได้มีโอกาสได้พัฒนาฝีมือของตนเองต่อไป ในอนาคต ผมเองไม่เคยมีประสบการณ์ในการฝึกเด็กเริ่มหัดเล่นแต่พยายามศึกษารวบรวมข้อมูลวิธีการ ต่างๆ มานำเสนอโดยหวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์แก่คุณครูในการนำไปฝึกฝนเด็กๆ บ้างไม่มากก็น้อย Mr.Jetchev ซึ่งเป็นวิทยากรฝึกอบรมผู้ฝึกสอนนานาชาติของสหพันธ์วอลเลย์บอลได้กล่าวไว้ว่าในการนำ เด็กทั่วไปมาฝึกหัดให้เล่นวอลเลย์บอล สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือจะทำอย่างไรให้เด็กๆ เหล่านั้นไม่เบื่อ หรือเลิกกลางคันเสียก่อน ซึ่งหากผู้ฝึกสอนสามารถหาเด็กที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามต้องการ แต่เมื่อเริ่ม ฝึกไประยะหนึ่งเด็กเหล่านั้นกลับเบื่อไม่สนใจฝึกต่อก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ผู้ฝึกสอนต้องตั้งวัตถุประสงค์ในการฝึกไว้ข้อหนึ่งคือ ทำให้เด็กๆ เหล่านั้นมีความสุขสนุกสนานกับการเล่น
12 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ วอลเลย์บอล หากเด็กมีความสนุกในการฝึกจะทำให้ความสนใจมากขึ้นและไม่เกิดความเบื่อหน่ายจนไม่ อยากเล่นเสียก่อน การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มการฝึก ก่อนเริ่มฝึกผู้ฝึกสอนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกดังนี้ 1. ศึกษาคุณลักษณะด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับนักกีฬาวอลเลย์บอล เช่น สภาพแวดล้อม สภาวะ ครอบครัว การเรียน หรืออื่นๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการดูแลฝึกซ้อม 2. ตรวจสุขภาพร่างกายเด็กๆ ที่จะมาฝึกเพื่อทราบข้อมูลว่าเด็กเหล่านั้นมีโรคประจำตัวหรือไม่ สามารถรับการฝึกได้หรือไม่ 3. ประเมินสมรรถภาพร่างกายของแต่ละคน 4. ศึกษาทัศนคติ ลักษณะนิสัยเพื่อแก้ไขข้อเสียและรักษาสิ่งดีไว้ 5. หลักการเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับระดับที่จะต้องฝึก เมื่อผู้ฝึกสอนมีข้อมูลดังกล่าวแล้วสิ่งที่จะต้องเตรียมเพื่อการฝึกคือ • โปรแกรมการฝึก • อุปกรณ์การฝึก • จัดกลุ่มการฝึกโดยขึ้นอยู่กับระดับทักษะของแต่ละคน • จัดผู้ช่วยให้เหมาะสมในการฝึกแต่ละกลุ่ม การสอนรูปแบบพื้นฐานในการเล่นวอลเลย์บอล การฝึกรูปแบบพื้นฐานการเล่นวอลเลย์บอลแบ่งขั้นตอนการฝึกได้ดังนี้ • ขั้นแรกของการฝึกพื้นฐานการเล่นผู้ฝึกสอนควรสร้างความคุ้นเคยกับลูกบอลให้แก่ผู้ฝึก โดยสอน วิธีการควบคุมบอลและการเคลื่อนที่ควบคุมบอลลักษณะต่างๆ และการเตรียมความพร้อมด้าน ร่างกาย • แนะนำทักษะการส่งลูก การนำไปใช้ในสถานการณ์การเล่น โดยเริ่มจากท่าทางที่ถูกต้องในการส่ง ลูกด้วยมือล่าง การส่งลูกมือล่าง การส่งลูกมือบน การส่งลูกมือเดียวและการเสิร์ฟลูกด้วยมือล่าง • แนะนำสอนเทคนิค การเซต การตบ และการเสิร์ฟขั้นสูงขึ้น เกมการเล่นเบื้องต้นที่ใช้การตบบอล • แนะนำสอนเทคนิคการรับลูกตบ การรับลูกเสิร์ฟ และการสกัดกั้น ในแต่ละขั้นตอนที่สอนแต่ละเทคนิคผู้ฝึกสอนควรสร้างสถานการณ์การแข่งขันโดยใช้เทคนิคที่ ฝึกนั้นเพื่อสร้างความสนุกสนานและกระตุ้นความสนใจให้กับผู้ฝึกไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย
13 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ตัวอย่าง ตารางโปรแกรมการฝึกซ้อมแต่ละสัปดาห์สำหรับผู้เริ่มเล่นวอลเลย์บอล ตารางที่ 1 โปรแกรมการฝึกซ้อมแต่ละสัปดาห์ สัปดาห์ รายการฝึกซ้อม 1 สร้างความคุ้นเคยกับลูกบอล โดยผู้เล่น 1 คนต่อลูกบอล 1 ลูก 2 สร้างความคุ้นเคยกับลูกบอล โดยผู้เล่น 2 คนต่อลูกบอล 1 ลูก 3 ควบคุมบอลด้วยมือล่างมือเดียว 2 มือ ผู้เล่น 1 คน ต่อลูกบอล 1 ลูก 4 พื้นฐานท่าทางการส่งลูกมือล่างและท่าทางของผู้เล่นแดนหลัง การส่งลูกมือล่างทิศทางต่างๆ 5 การเสิร์ฟด้วยมือล่างและการรับลูกเสิร์ฟ 6 เกมการเล่นที่ใช้การส่งลูกด้วยการโยนลูกบอล/ด้วยมือล่าง โดยใช้การเสิร์ฟมือล่าง 7 เกมมินิวอลเลย์บอล (2x2 3x3 4x4) โดยใช้รูปแบบทักษะที่ได้ฝึกผ่านมาแล้ว 8 การโยนบอล ควบคุมลูกบอล โดยใช้มือบนเพื่อเริ่มฝึกการส่งลูกมือบน 9 การเคลื่อนที่ส่งลูกมือบน 10 เกมการส่งลูกด้วยมือบน 11 การเซตจากแดนหลังสู่หน้าตาข่าย 12 การเซตบริเวณหน้าตาข่าย (ฝึกตัวเซต) 13 เกมการส่งบอลและเซต โดยผู้เล่น 2 หรือ 3 คน 14 การฝึกตบ (การเหวี่ยงแขน การก้าวเท้า และการกระโดด) 15 การฝึกตบ (กระโดดตบโดยตาข่ายไม่ต้องสูง) จำลองเกม การส่งบอล-เซต-ตบ 16 การฝึกตบ (ตบบอลที่เซตสูง / เปลี่ยนทิศทางการตบ) 17 ฝึกการรับลูกตบ เคลื่อนที่รับลูกตบทิศทางต่างๆ 18 ฝึกคาดคะเนทิศทางการรับลูกตบ 19 การรับลูกตบโดยผู้เล่น 2 หรือ 3 คน ฝึกความเข้าใจรูปแบบการรับลูกตบ 20 รวมการฝึกระหว่างทักษะการรับ การเซต และการตบ 21-22 เกม 4 x 4 (ใช้สนาม 6 x 4.5 เมตร) ใช้การเสิร์ฟด้วยมือล่าง การรับเสิร์ฟ การเซ็ตและการตบ การฝึกของขั้นเริ่มต้นผู้ฝึกสอนควรกำหนดไว้เป็นแผน โดยสามารถใช้ฝึกได้ทั้งสำหรับเด็กเล็ก และเด็กโต เพียงแต่ให้พิจารณาจำนวนที่จะปฏิบัติ เวลาในการฝึก ความเข้มข้นในการฝึก และจำนวนวันที่ ฝึกต่อสัปดาห์มีสิ่งที่ผู้ฝึกสอนควรพิจารณาในการฝึกเด็กๆ ให้เล่นวอลเลย์บอลประการหนึ่งคือ โดย ธรรมชาติของเด็กเมื่อเราขว้างลูกบอลใส่เด็กจะหนีหรือหลบลูกบอล ดังนั้นการสร้างความคุ้นเคยกับลูก บอลจะทำให้เด็กลดความกลัวบอล สร้างความคุ้นเคยโดยให้เด็กได้จับได้โยนหรือกลิ้งลูกบอล โดยผู้ ฝึกสอนสามารถผสมผสานเรื่องการเคลื่อนที่สำหรับการเล่นวอลเลย์บอลเข้าไปด้วย วิธีนี้ถือว่าเป็นการ สร้างความคุ้นเคยกับลูกบอลได้ดีวิธีหนึ่ง นอกจากนั้นผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดวอลเลย์บอลมักอยากจะเล่นเหมือนผู้ที่เล่นเก่งแล้วเร็วๆ มักชอบข้าม ขั้นตอนของการฝึกอยากจะเล่นเกมแข่งขันเร็วๆ ผู้ฝึกสอนที่เก่งมักจะใช้สถานการณ์การแข่งขันมา ประกอบการฝึก โดยพื้นฐานของการเล่นวอลเลย์บอลต้องการอย่างน้อย 2 ส่วนคือ
14 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 1. การเสิร์ฟบอลไปยังฝั่งคู่ต่อสู้โดยไม่ผิดพลาด 2. การเล่นลูกเสิร์ฟกลับไปยังฝั่งคู่ต่อสู้ โดยหากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งจะทำให้การเล่นวอลเลย์บอลขาดความสนุกสนาน และในการ เล่นวอลเลย์บอลเราไม่สามารถใช้การจับแล้วโยนข้ามตาข่ายไปมาได้ ดังนั้นในการฝึกขั้นแรกเมื่อเด็กเคย ชินกับลูกบอลแล้ว การส่งลูกมือล่างเป็นเทคนิคเริ่มต้นซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้ฝึกสอนสามารถใช้ สถานการณ์การแข่งขันในกระบวนการฝึกได้ เช่น การเล่นเกม 2x2 3x3 4x4 เพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อ หน่าย ผู้ฝึกสอนต้องคำนึงว่าความสามารถของเด็กอายุ 11-12 ปี จะไม่เท่ากับผู้เล่นที่โตแล้ว ดังนั้นจึงควร กำหนดกติกาพิเศษสำหรับเด็กในการสอนและเกมสำหรับเด็กการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายของนักกีฬาก็ เป็นเป้าหมายหนึ่งในการฝึกซ้อม แต่ในเด็กเพิ่งเริ่มหัดใหม่มักไม่ค่อยชอบ หากมีระยะเวลาการฝึกซ้อมยาว ผู้ฝึกสอนอาจจะพัฒนาด้านสมรรถภาพร่างกายสัปดาห์ละ 1 หรือ 2 ครั้ง ธรรมชาติของเด็กมักอยากเล่น วอลเลย์บอล ดังนั้นการฝึกสมรรถภาพผู้ฝึกสอนจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจที่ดีจึงทำให้ผลการฝึกซ้อมด้าน สมรรถภาพร่างกายเป็นไปในทางบวก ข้อแนะนำสำหรับการฝึกซ้อมวอลเลย์บอลให้กับเด็กเริ่มเล่น 1. เตรียมระบบการฝึกซ้อม วิธีการพัฒนาทักษะ สมรรถภาร่างกายพื้นฐานและสภาวะจิตใจ ตลอดการฝึกซ้อมประจำวัน 2. ใช้กิจกรรมการฝึกซ้อมกับลูกบอลที่หลากหลายเป็นประจำ 3. จำนวนครั้งในการฝึกไม่ควรเกิน 10 ครั้ง และมีเวลาพักพอสมควร ควรให้คำแนะนำเสมอ หลังการฝึกซ้อม 4. ไม่ควรฝึก Weight Training ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 5. อธิบายวิธีการเล่นให้เข้าใจชัดเจน 6. เตรียมสภาพแวดล้อม กระตุ้นความสนใจในการฝึก สำหรับการฝึกเด็กการให้คำชม ปลุก ปลอบใจ เป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างแรงจูงใจในการฝึกซ้อม 7. สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักกีฬา ไม่ควรสร้างแรงกดดันในการฝึกซ้อมสำหรับผู้เริ่มหัดใหม่ อย่างเด็ดขาด 8. ให้ผู้เข้ารับการฝึกทุกคนมีโอกาสฝึกเท่าเทียมกัน ไม่มีใครสามารถพัฒนาได้จากการดูเฉยๆ ทักษะในการเล่นวอลเล่ย์บอล วงศกร คณะวงศ์ (2559 : ออนไลน์) ได้เสนอทักษะในการเล่นวอลเลย์บอลไว้ว่า การเล่นกีฬา วอลเลย์บอลมีทักษะส่วนบุคคลพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเล่นหลายประเภท ซึ่งผู้เริ่มเล่น วอลเลย์บอลจำเป็นต้องเริ่มฝึกในพื้นฐานเหล่านี้ สำหรับในตอนนี้จะได้นำเสนอทักษะต่างๆ ที่จำเป็น สำหรับการเล่นวอลเลย์บอลในภาพรวมทุกทักษะ เพื่อที่จะได้ทราบว่าแต่ละทักษะมีวิธีการและ ความสำคัญอย่างไร รูปแบบทักษะพื้นฐาน ซึ่งทักษะทั้งหมดจำเป็นต้องใช้ในการแข่งขัน ในการฝึกนอกจากผู้เล่นจะ สามารถปฏิบัติทักษะพื้นฐานทั้งหมดได้แล้วยังต้องสามารถเชื่อมโยงการเล่นในแต่ละทักษะได้ด้วย สำหรับ การเล่นเป็นทีมนั้นหากผู้เล่นไม่มีความชำนาญในแต่ละทักษะพื้นฐานที่เกี่ยวกับการเล่นวอลเลย์บอลก็จะ ทำให้การเล่นเป็นทีมทำได้ยาก
15 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล การเสิร์ฟ (Serving) วอลเลย์บอลเริ่มการแข่งขันด้วยการเสิร์ฟ การเสิร์ฟครั้งแรกของเซตที่ 1 และเสิร์ฟเซตที่ 5 ผู้ตัดสินที่1 จะทำหน้าที่เสี่ยงเพื่อให้หัวหน้าทีมที่ชนะการเสี่ยงเลือกเสิร์ฟหรือรับ และเลือกแดนที่จะลงทำ การแข่งขัน โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การเสิร์ฟในการแข่งขันวอลเลย์บอลในปัจจุบันนับว่ามีความ สำคัญมาก เนื่องจากการเล่นวอลเลย์บอลมีระบบการนับคะแนนแบบ Rally Point ระบบการนับคะแนน แบบใหม่เป็นจุดผกผันที่สำคัญของกีฬาวอลเลย์บอลในเรื่องทักษะการเสิร์ฟ เทคนิคการเสิร์ฟ เวลาเสิร์ฟ เป็น 8 วินาทีและการยกเลิกความพยายามที่จะนำการเสิร์ฟ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระบบการนับคะแนนใหม่ ทำให้ต้องปรับปรุงเทคนิคการเล่นให้เหมาะสม นักกีฬาต้องปรับตัวให้มีการเล่นที่แน่นอน ไม่ฆ่าตัวตาย นั่นเอง การเสิร์ฟเป็นยุทธวิธีของการบุกอย่างหนึ่งลูกเสิร์ฟที่มีความรุนแรง มีประสิทธิภาพ และเสิร์ฟได้ ตรงช่องว่างหรือตรงกับผู้เล่นที่มีทักษะการรับลูกเสิร์ฟไม่ดีเป็นเป้าหมายของการเสิร์ฟ ลูกเสิร์ฟที่มีความ รุนแรงและแน่นอน นับว่าเป็นการบุกที่ดีอาจจะได้คะแนนจากการเสิร์ฟ หรือเป็นการกดดันทีมคู่ต่อสู้ใน การสร้างเกมรุกอีกด้วย การปฏิบัติในการเสิร์ฟ ศรีเกษม อุ่นประดิษฐ์และคณะ (2552 : 56) ได้กล่าวถึงการปฏิบัติในการเสิร์ฟไว้ดังนี้ 1. ผู้เล่นต้องเสิร์ฟลูกบอลตามลำดับที่ส่งในใบส่งตำแหน่งระหว่างทำการแข่งขัน โดยหมุนตามเข็ม นาฬิกา 2. เมื่อชุดที่เสิร์ฟได้คะแนน ให้ผู้เสิร์ฟคนเดิมเป็นผู้เสิร์ฟต่อ 3. เมื่อชุดที่เสิร์ฟทำเสีย ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เสิร์ฟ 4. ผู้เสิร์ฟต้องอยู่ในพื้นที่ของเขตเสิร์ฟ 5. ผู้เสิร์ฟต้องทำการเสิร์ฟภายในเวลา 8 วินาที 6. การเสิร์ฟถือว่าสมบูรณ์เมื่อผู้เสิร์ฟเสิร์ฟด้วยมือข้างเดียว หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของแขนหลังจาก โยนหรือปล่อยลูกบอลก่อนลูกบอลจะถูกพื้น 7. ในขณะที่ฝ่ายตนเองกำลังทำการเสิร์ฟ ห้ามผู้เล่นทำการกำบังฝ่ายตรงข้าม หลักสำคัญในการเสิร์ฟ อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์(2553 : 36-37) ได้กล่าวถึงหลักสำคัญในการเสิร์ฟ มีดังนี้ 1. ท่าทางในการเสิร์ฟ 2. ตำแหน่งการยืน 3. การโยนลูกบอล 4. การเหวี่ยงแขน 5. จุดที่มือกระทบลูกบอล ตำแหน่งการยืน ก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟทุกครั้ง ผู้เล่นต้องยืนตามจุดหรือตำแหน่งที่เคยฝึกซ้อมมา มีผู้เล่นจำนวนมาก ที่ขาดความสังเกตในเรื่องนี้พอจับลูกบอลเข้ามายืนในเขตเสิร์ฟก็เสิร์ฟลูกไปตามใจตนเอง การยืนห่างจาก
16 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ เส้นหลังใกล้หรือไกลเพียงใด ยืนห่างจากมุมสนามมากน้อยเพียงใด ก็ต้องยืนที่จุดนั้นตลอดทุกครั้งที่ทำ การเสิร์ฟ เพราะจะทำให้ความแรง ความเร็ว และทิศทางของลูกบอลเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ และ ทำให้การเสิร์ฟมีผลเสียน้อยด้วย การโยนลูกบอล ความสูงขณะโยนลูกบอลขึ้นต้องสม่ำเสมอ เช่น ความสูงจากมือที่โยนประมาณ 3-4 ช่วงของลูก บอล ก็จะต้องโยนลูกบอลให้มีความสูงเช่นนี้ตลอดไป เพราะการโยนลูกสูงบ้างต่ำบ้างทำให้แรงที่ใช้ตีและ ทิศทางของลูกขาดความแม่นยำ นอกจากนี้การโยนลูกใกล้ตัวบ้างหรือห่างตัวบ้างเอียงไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ก็ย่อมมีผลต่อการตีลูกบอลด้วย การเหวี่ยงแขน การเสิร์ฟให้ลูกบอลพุ่งไปตามทิศทางและมีความแรงตามที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับการเหวี่ยงแขน ด้วยผู้เสิร์ฟเคยเหวี่ยงแขนในลักษณะใด มือห่างจากลูกบอลเท่าไร จะต้องทำ อย่างนั้นทุกครั้งที่เสิร์ฟจึง ต้องฝึกฝนการเหวี่ยงแขนให้คล้ายกับเครื่องจักรที่มีจังหวะการทำงานอย่างสม่ำเสมอ จุดที่มือกระทบลูกบอล ลักษณะของมือและจุดที่มือกระทบลูกบอลต้องเหมือนกันทุกครั้งที่ตีลูกบอลในท่านั้นๆ ด้วย เช่น การแบมือตีด้านหลังตรงส่วนกึ่งกลางของลูกบอล ก็ต้องทำในลักษณะเช่นนี้ตลอดทุกลูกเสิร์ฟ เพราะ การออกแรงและจุดที่ตีลูกบอลแตกต่างกันก็ย่อมทำให้ทิศทางของลูกบอลที่พุ่งออกไปแตกต่างกันด้วย ลักษณะของมือที่ใช้สัมผัสลูกบอล เสงี่ยม พรหมบัญพงศ์และสุชาติทวีพรปฐมกุล (2557 : 77-79) ได้สรุปลักษณะของมือที่ใช้ สัมผัสลูกบอล ไว้ดังนี้ 1. ลักษณะกำมือ หงายฝ่ามือหรือตั้งขึ้น 2. แบบมือด้านข้าง 3. แบบฝ่ามือนับหัวแม่มืออยู่กลางฝ่ามือ หงายฝ่ามือหรือตั้งขึ้น 4. นิ้วมือเรียงชิดกันหรือกางนิ้วมือออก หงายฝ่ามือหรือตั้งขึ้น การเสิร์ฟมือล่าง การเสิร์ฟมือบน ภาพที่ 1 ลักษณะของมือที่ใช้สัมผัสลูกบอล
17 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ลักษณะของการเสิร์ฟ ทรงศักดิ์เจริญพงศ์(2553 : 61-66) ได้แบ่งลักษณะการเสิร์ฟออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. การเสิร์ฟลูกมือล่าง (Under Hand Service) 1.1 การเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า 1.2 การเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง 2. การเสิร์ฟลูกมือบน (Overhand Service) 2.1 การเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า 2.2 การเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง 2.3 การกระโดดเสิร์ฟ หลักการเสิร์ฟลูกมือล่าง อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์(2553 : 40) ได้กล่าวถึงหลักการเสิร์ฟลูกมือล่างไว้ ดังนี้ 1. ผู้เสิร์ฟยืนในเขตเสิร์ฟ หันหน้าเข้าหาตาข่าย แยกเท้าห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่ เท้าซ้ายอยู่ หน้า (ถ้าเสิร์ฟด้วยมือขวา) 2. ถือลูกบอลด้วยมือซ้าย ยกลูกบอลไว้ระดับหน้าท้อง งอข้อศอก และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เหวี่ยงแขนขวามาข้างหลังจนสุด พร้อมกับโยนลูกบอลขึ้นตรงๆ ไม่ควรโยนลูกสูงกว่าระดับไหล่ 3. จังหวะที่ลูกบอลเริ่มตกให้เหวี่ยงแขนขวากลับมาข้างหน้า ตีลูกบอลบริเวณส่วนหลังด้านล่างของ ลูกบอลขณะที่แขนขวาเหวี่ยงจากข้างหลังมาข้างหน้าควรย่อเข่าเพื่อช่วยแรงส่งด้วยการเสิร์ฟมือล่าง การ เสิร์ฟมือบน 4. ลักษณะของมือที่ตีลูกบอลอาจใช้การแบมือ กำหมัด สันมือ ตีลูกบอลก็ได้แต่แขนที่เหวี่ยงไปตี ลูกบอลต้องเหยียดตึง เมื่อตีลูกบอลไปแล้วให้เหวี่ยงแขนตาม เพื่อช่วยบังคับลูกให้ไปในทิศทางที่ต้องการ สำหรับการเสิร์ฟลูกมือล่างอาจจะหันด้านข้างเข้าหาตาข่ายก็ได้มีหลักการเสิร์ฟเช่นเดียวกับการ เสิร์ฟลูกมือล่างหันหน้าเข้าหาตาข่าย แต่การยืนของผู้เสิร์ฟจะหันไหล่ซ้ายเข้าหาตาข่าย ภาพที่ 2 ตำแหน่งที่ตีลูกบอลในการเสิร์ฟลูกมือล่าง ถ้าหากตีตรงกึ่งกลางให้ลูกบอล (ก) ลูกบอลแทบจะไม่หมุน ขณะเคลื่อนที่ไปกลางอากาศก่อน ลูกจะตก ลูกบอลอาจส่ายได้ ถ้าเสิร์ฟใต้ลูกค่อนมาทางข้างหลัง (ข) และดึงมือขึ้น ลูกจะหมุนไปข้างหน้า ถ้าเสิร์ฟใต้ลูกค่อนมาทางข้างหลัง (ค) คล้ายเสยมือขึ้น ลูกบอลจะหมุนกลับหลัง ข ก ค ก ข ค
18 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ถ้าออกแรงเสิร์ฟเท่ากันแต่ตำแหน่งที่ตีลูกบอลต่างกัน ทำให้ระยะทางและทิศทางการตกของลูก แตกต่างกันได้(ดังภาพ) การเสิร์ฟลูกมือล่าง (Under Hand Service) ทรงศักดิ์เจริญพงศ์ (2533 : 61) ได้กล่าวว่า วิธีการเสิร์ฟลูกมือล่างที่ง่ายที่สุด ซึ่งมีลักษณะของ มือขณะสัมผัสลูกบอลอยู่ 3 ลักษณะ คือ 1. สัมผัสตรง 2. สัมผัสโดยให้ลูกบอลหมุนเข้าหาตัว 3. สัมผัสบอลให้ลูกบอลหมุนออกจากตัว (ดังภาพ) ภาพที่ 3 แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูก 3 ลักษณะ ทิศทางของลูกบอล และการเคลื่อนไหวของลูกบอล 1. วิธีเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2555 : 109-110) ได้ลำดับขั้นตอนวิธีเสิร์ฟ ลูกมือล่างด้านหน้า ดังนี้ 1.1 ในกรณีที่ผู้เล่นถนัดขวา ให้ก้าวเท้าซ้ายอยู่หน้าเท้าขวาเล็กน้อย ถือลูกบอลไว้ด้วยมือซ้าย และยืนไปทางข้างหน้าด้านขวาของร่างกาย เพื่อให้ลูกบอลอยู่ในแนวเดียวกันกับมือข้างขวาที่จะเหวี่ยงตี ลูกบอล ภาพที่ 4 แสดงลักษณะการก้าวเท้า การถือลูกบอล และการเหวี่ยงแขนของการเสิร์ฟลูกมือล่างลูกมือล่าง ลักษณะการก้าวเท้า การถือลูกบอล 1.2 โยนลูกบอลขึ้นด้วยมือซ้ายเบาๆ ไม่สูงมากนัก (เพราะกติกาไม่อนุญาตให้ผู้เสิร์ฟตีลูกบอลที่ อยู่ในมือ) กำมือขวาหลวมๆ หรือจะแบมือก็ได้และใช้สันมือตีลูกบอลเป็นจุดสัมผัสลูกบอล โดยการเหวี่ยง มือจากข้างหลัง
19 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ภาพที่ 5 แสดงลักษณะการโยนลูกบอล การตีลูกบอล 1.3 การเสิร์ฟลักษณะนี้จะยืนหันหน้าเข้าหาตาข่ายหรือหันข้างเข้าหาตาข่ายก็ได้ ภาพที่ 6 แสดงลักษณะการยืนหันหน้าเข้าหาตาข่ายและการสัมผัส (การตีลูกบอล) 1.4 การส่งแรง (Follow Thorough) ผู้เสิร์ฟต้องก้าวเท้าถ่ายน้ำหนักตัวไปที่เท้าหน้า และการ เหวี่ยงแขนไปตามแรงส่งไปข้างหน้า ภาพที่ 7 แสดงลักษณะการส่งแรง (Follow Thorough) 2. วิธีเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง เสงี่ยม พรหมบัญพงศ์และสุชาติทวีพรปฐมกุล (2557 : 80) ได้กล่าวถึงวิธีเสิร์ฟลูกมือล่าง ด้านข้างไว้ดังนี้ 1. ยืนเตรียมพร้อม โดยหันด้านข้างเข้าสนามหรือหันด้านซ้ายเข้าหาตาข่าย ก้าวเท้าซ้ายไป ข้างหน้าขนานกับเส้นหลัง เท้าขวาอยู่ด้านหลัง
20 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 2. มือซ้ายชูลูกบอลเหยียดตรงไปข้างหน้า แขนขวาเหยียดตรงอยู่ข้างหลังระดับต่ำกว่าไหล่ เล็กน้อย 3. การส่งลูกบอลให้ย่อตัวโยนบอลขึ้น เหวี่ยงแขนขวามาตีลูกบอลโดยบิดตัวทางซ้ายมือหรือ ทิศทางที่จะส่งลูกไป 4. การตีบอลให้ใช้สันมือหลังหัวแม่มือตีปะทะบอลไป หมายเหตุวิธีการเช่นเดียวกับการเสิร์ฟมือล่างหันหน้าต่างกัน ตรงการหันด้านข้างเข้าหาสนาม หรือตาข่ายเท่านั้น ภาพที่ 8 แสดงลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง ความผิดพลาดที่พบในการเสิร์ฟลูกมือล่าง ศรีเกษม อุ่นประดิษฐ์และคณะ (2552 : 59) ได้กล่าวถึงความผิดพลาดที่พบในการเสิร์ฟลูกมือ ล่างไว้ดังนี้ 1. จังหวะของการเหวี่ยงแขนตีกระทบลูกบอลไม่ดีเนื่องจากความลังเลไม่แน่ใจตนเอง 2. ตำแหน่งการยืนไม่ถูกต้อง 3. การขาดสมรรถภาพของแขนที่เหวี่ยงตีกระทบลูกบอล 4. การโยนบอลไม่ได้จังหวะ ไม่สัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขนตีกระทบลูกบอล หลักการเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์(2553 : 40) ได้กล่าวถึงหลักการเสิร์ฟลูกมือบน ด้านหน้าไว้ดังนี้ 1. ยืนในเขตเสิร์ฟ หันหน้าเข้าหาตาข่าย ถือลูกบอลด้วยมือทั้งสองข้าง ถ้ายืนเสิร์ฟอยู่กับที่ ให้ ยืนเท้าแรกประมาณ 1 ช่วงไหล่ หรือเท้าซ้ายอยู่หน้า ถ้าตีลูกบอลด้วยมือขวา ถ้าหากมีก้าวเท้า ก่อนเสิร์ฟ ก้าวสุดท้ายควรเป็นเท้าซ้ายอยู่หน้า งอเข่าทั้งสองข้างเล็กน้อย น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหลัง 2. ตามองไปยังเป้าหมายที่จะเสิร์ฟลูกบอลไป โยนลูกบอลขึ้นตรงๆ ถ้ายืนเสิร์ฟอยู่กับที่ แต่ถ้า เคลื่อนที่เสิร์ฟจะโยนลูกขึ้นไปข้างหน้าเล็กน้อยความสูงจากมือที่โยนประมาณ 3-4 ช่วงของลูกบอล 3. ขณะโยนลูกบอลให้ยกแขนขวา ยกศีรษะ แอ่นท้อง บิดลำตัวไปทางขวาเล็กน้อย ขณะตีลูก บอลให้ถ่ายน้ำหนักตัวจากเท้าขวามาเท้าซ้าย ห่อหน้าอก แขม่วท้อง ใช้เท้ายันพื้นขึ้นเล็กน้อย หมุนตัวจาก ทางขวาไปทางซ้ายเล็กน้อย แขนขวาเหยียดขึ้นหัวไหล่ ใช้ฝ่ามือตีตรงกลางส่วนหลังของลูกบอล
21 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ลักษณะของนิ้วมือขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า อาจจะแบมือโดยนิ้วทั้งห้าชิดกัน กำมือหรือแบ มือนิ้วทั้งห้าแยกกัน ซึ่งการแบมือนิ้วแยกนี้สามารถสะบัดข้อมือไปทางซ้ายหรือทางขวา และตีด้านข้างของ ลูกบอลเพื่อให้ลูกหมุนขณะเสิร์ฟได้อีกด้วย บริเวณที่มือถูกลูกบอล ขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า ภาพที่ 9 แสดงลักษณะบริเวณที่มือถูกลูกบอลขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า การเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า (Overhand Service) ชาญฤทธิ์วงษ์ประเสริฐ และทรงศักดิ์เจริญพงศ์ (ม.ป.ป. : แผ่นภาพโฆษณาทักษะการเสิร์ฟ) ได้เรียบเรียงวิธีการเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้าไว้ดังนี้ 1. ยืนด้วยเท้าทั้งสองหันหน้าไปถือลูกบอลไว้ในฝ่ามือที่ไม่ใช่ตี ภาพที่ 10 แสดงลักษณะการเตรียมพร้อมในการเสิร์ฟมือบนด้านหน้า 2. ข เป็นการยกลูกบอล ภาพที่ 11 แสดงลักษณะการโยนลูกขึ้น 3. ดึงแขนและศอกที่ใช้ตีลูกบอลไปข้างหลังลูกบ จะต้องโยนขึ้นไปข้างหลังเล็กน้อยและอยู่ด้านหน้าของผู้เสิร ภาพที่ 12 แสดงลักษณะการดึงแขนและข้อศอกที่จะใช้ตีบอลไปข้างหน้า 3. ดึงแขนและศอกที่ใช้ตีลูกบอลไปข้างหลังลูกบอล จะต้องโยนขึ้นไปข้างหลังเล็กน้อย และอยู่ด้านหน้าของ ผู้เสิร์ฟ 2. ขณะที่โยนลูกขึ้น ให้เหยียดตัวขึ้นให้ดูเหมือนว่า เป็นการยกลูกบอล 1. ยืนด้วยเท้าทั้งสองหันหน้าไปทางทิศทาง เป้าหมาย ถือลูกบอลไว้ในฝ่ามือที่ไม่ใช่ตีลูกบอล
22 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 4. ดึงศอกให้ไปอยู่ด้านหลังหูตามองที่ลูกบอล ภาพที่ 13 แสดงลักษณะการดึงแขนและข้อศอกที่จะใช้ตีบอลไปข้างหน้า 5. เหวี่ยงแขนที่ตีลูกบอลไปข้างหน้าให้เร็วๆ ถ่ายน้ำหนักไปที่เท้าหน้า ตีลูกบอลด้วยการเกร็งฝ่ามือ ภาพที่ 14 แสดงลักษณะการดึงศอกให้ไปอยู่ด้านหลังหูตามองที่ลูกบอล 6. หลังจากตีลูกไปแล้ว ปล่อยให้แขนเหวี่ยงไปข้า โดยไม่ต้องออกแรงหยุดปล่อยแขนที่ไม่ได้ตีลูกบอลลงข้างตัว ภาพที่ 15 แสดงลักษณะการส่งแรงหลังจากการตีลูกบอล หลักการเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์(2553 : 41) ได้กล่าวถึงลักษณะการเสิร์ฟลูกมือบน ด้านข้างไว้ดังนี้ 1. ลักษณะการยืนเหมือนกับการเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า แต่หันไหล่ซ้ายเข้าหาตาข่ายทำมุมกับ ตาข่ายประมาณ 45 องศา 2. โยนลูกบอลด้วยมือซ้ายให้ลูกไปทางไหล่ซ้ายเล็กน้อย ความสูงจากมือที่โยนประมาณ 3-4 ช่วงของลูกบอล พร้อมกับเหยียดแขนขวาไปข้างหลัง เงยหน้ามองลูกบอล จังหวะที่ตีลูกบอลให้เหวี่ยงแขนขวาขึ้นมา พร้อมกับบิดลำตัวมาทางซ้าย เท้าขวายันพื้นหมุนตัว อย่างเร็วเข้าหาสนาม ถ่ายน้ำหนักตัวเข้าสู่เท้าซ้าย เหยียดแขนขวาตรง และต้องเหวี่ยงโค้งขึ้นไปข้างหน้า 6. หลังจากตีลูกไปแล้ว ปล่อยให้แขนเหวี่ยงไป ข้างหน้า โดยไม่ต้องออกแรงหยุดปล่อยแขนที่ไม่ได้ตีลูก บอลลงข้างตัว 5. เหวี่ยงแขนที่ตีลูกบอลไปข้างหน้าให้เร็วๆ ถ่าย น้ำหนักไปที่เท้าหน้า ตีลูกบอลด้วยการเกร็งฝ่ามือ
23 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ลักษณะของมือขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้างซึ่งจุดที่สัมผัสลูกจะอยู่ตรงด้านหลังของลูกค่อนข้าง มาข้างล่างเล็กน้อยถ้าจุดที่ตีลูกบอลเลยกึ่งกลางของลูกขึ้นมาข้างบน จะทำให้เสิร์ฟลูกไม่ข้ามตาข่ายแต่ถ้า ตีด้านล่างของลูกจะทำให้ลูกพุ่งขึ้นสูง อาจจะออกนอกสนาม ภาพที่ 16 แสดงลักษณะของมือขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง ซึ่งจุดที่สัมผัสลูกจะอยู่ด้านหลังของลูก การเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง ชาญฤทธิ์วงษ์ประเสริฐ และทรงศักดิ์เจริญพงศ์(ม.ป.ป. : แผ่นภาพโฆษณาทักษะการเสิร์ฟ) ได้เรียบเรียงวิธีการเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้างไว้ดังนี้ 1. หันหน้าโดยเอาด้านข้างเข้าหาตาข่าย ถือลูกบ ในระดับเอว ภาพที่ 17 แสดงลักษณะการเตรียมพร้อมในการเสิร์ฟมือบนด้านข้าง 2. ดึงแขนที่ใช้ตีลูกบอลไปด้านหลังเฉียดสะโพก บ ท่อนบนเล็กน้อยเพื่อให้เพิ่มแรงมากขึ้น ตามองที่ลูกบอล ภาพที่ 18 แสดงลักษณะดึงแขนที่ใช้ตีลูกบอลไปด้านหลัง 2. ดึงแขนที่ใช้ตีลูกบอลไปด้านหลังเฉียดสะโพก บิดลำตัวท่อนบนเล็กน้อย เพื่อให้เพิ่มแรงมากขึ้น ตามองที่ ลูกบอล 1. หันหน้าโดยเอาด้านข้างเข้าหาตาข่าย ถือลูกบอล ในระดับเอว
24 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 3. ถ่ายน้ำหนักตัวไปยังเท้าหน้า เหยียดแขนที่ใช้ และเหวี่ยงขึ้นด้านบน ภาพที่ 19 แสดงลักษณะการถ่ายน้ำหนักตัวและการเหยียดแขนที่ใช้ตีลูกบอล 4. ตีลูกบอลขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือไหล่และค่อนไ ด้านหน้าเล็กน้อย เก็บแขนข้างที่ไม่ได้ตีลูกบอลดึงกลับหลังใ กับลำตัว ภาพที 20 แสดงลักษณะการตีลูกบอลขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือหัวไหล่ 5. หลังจากการตีลูกบอลปล่อยให้แขนเหวี่ยงไปข้า โดยไม่ต้องออกแรงหยุดปล่อยแขนที่ไม่ได้ตีลูกบอลลงข้างตัว ภาพที่ 21 แสดงลักษณะการส่งแรงหลังจากการตีลูก การกระโดดเสิร์ฟ (Jumping Service) การกระโดดเสิร์ฟ เป็นเทคนิคการเล่นที่นำมาใช้กันมากในปัจจุบัน การเสิร์ฟถือว่าเป็นการรุก ครั้งแรกของทีม ผู้เล่นที่สามารถกระโดดเสิร์ฟได้ดีมีประสิทธิภาพ รุนแรงและแม่นยำ ย่อมได้เปรียบคู่ต่อสู้ ในเกมการแข่งขัน มีวิธีปฏิบัติดังนี้(กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, 2555 : 116-118) 1. การยืนเตรียมพร้อมภายในเขตเสิร์ฟ 9 เมตร 2. โยนลูกบอลขึ้นข้างหน้า การโยนต้องโยนให้สูงเพื่อมีจังหวะในการกระโดดเสิร์ฟได้รุนแรง 3. การกระโดดและลอยตัว ลักษณะเช่นเดียวกับการกระโดดตบลูกบอลหน้าตาข่าย 4. การปะทะหรือสัมผัสลูกบอล ส่วนใหญ่ผู้เสิร์ฟมักปะทะหรือสัมผัสลูกบอลด้านบนของลูก เนื่องจากผู้กระโดดเสิร์ฟจะกระโดดได้สูง แต่ไม่สามารถบังคับลูกบอลได้เหมือนการตบลูกหน้าตาข่าย 5. หลังจากการตีลูกบอลปล่อยให้แขนเหวี่ยงไป ข้างหน้า โดยไม่ต้องออกแรงหยุดปล่อยแขนที่ไม่ได้ตีลูก บอลลงข้างตัว 4. ตีลูกบอลขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือไหล่และค่อนไป ทางด้านหน้าเล็กน้อย เก็บแขนข้างที่ไม่ได้ตีลูกบอลดึงกลับ หลังให้ต้านกับลำตัว 3. ถ่ายน้ำหนักตัวไปยังเท้าหน้า เหยียดแขนที่ใช้ตี ลูกบอล และเหวี่ยงขึ้นด้านบน
25 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ ภาพที่ 22 แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 1 นักกีฬาจับบอลคนละลูกเมื่อผู้ฝึกสอนให้สัญญาณนักกีฬาทุกคนก็ปฏิบัติพร้อมกันแล้วแต่ว่า ผู้ฝึกสอนจะสั่งให้ปฏิบัติอย่างไร ภาพที่ 23 แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 2 นักกีฬาเข้าแถวตอนที่เขตเสิร์ฟถือบอลคนละลูกให้นักกีฬาเสิร์ฟบอลไปทางตรงไปลงแดนตรง ข้าม แล้ววิ่งไปรับลูกจากการเสิร์ฟของฝ่ายตรงข้ามนำกลับไปต่อท้ายแถวตนเองต่อไป ภาพที่ 24 แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 3 นักกีฬาถือบอลคนละลูกเข้าแถวที่เขตเสิร์ฟกำหนดเขตที่ลูกบอลจากการเสิร์ฟจะตก ณ มุมหลัง สนามทั้งสองในแดนตรงข้าม นักกีฬาต้องพยายามเสิร์ฟบอลให้ข้ามตาข่ายไปตกยังเขตที่กำหนดให้ไป แล้ว วิ่งไปเก็บบอลเอง กลับมาเสิร์ฟต่อไป
26 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ภาพที่ 25 แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 4 นักกีฬาถือบอลคนละลูกเข้าแถวตอนที่เขตเสิร์ฟกำหนดเขตที่ลูกบอลจากการเสิร์ฟจะตกที่ ตำแหน่งของผู้เล่นกองหลังทั้งสนามในแดนตรงข้ามนักกีฬาต้องเสิร์ฟบอลให้ข้ามตาข่ายไปยังเขตกำหนด แล้ววิ่งไปเก็บบอลกลับมาเสิร์ฟต่อไป ภาพที่ 26 แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 5 นักกีฬาเข้าแถวตอน 3 แถวที่เส้นหลังคนหัวแถวทั้งสามเสิร์ฟลูกพร้อมกันให้ลูกข้ามตาข่ายไปตก ในเขตกำหนดเดียวกัน นักกีฬาคนใดเสิร์ฟลูกไม่ลงในเขตกำหนดต้องเป็นคนวิ่งไปเก็บลูกทั้งหมดกลับมา ภาพที่ 27 แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 6 นักกีฬาเข้าแถวตอนที่เขตเสิร์ฟ และต้องเสิร์ฟลูกไปลงในพื้นที่แดนหลังด้านตรงข้ามทางซีกซ้าย หรือขวา แล้วแต่คำสั่งของผู้ฝึกสอนซึ่งจะสั่งในขณะที่นักกีฬาโยนบอลขึ้นเพื่อจะเสิร์ฟ และลูกบอลกำลัง ลอยอยู่กลางอากาศ
27 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การเล่นลูกสองมือล่าง (Underhand) ความหมายการเล่นลูกสองมือล่าง ทรงศักดิ์เจริญพงศ์กล่าวว่าการเล่นลูกสองมือล่างหรือลูกอันเดอร์ว่า เป็นวิธีการเล่นลูก โดยใช้ แขนท่อนล่างของทั้งสองมือบังคับหรือส่งลูกบอลให้ไปยังทิศทางหรือตำแหน่งที่ต้องการ การเล่นแบบนี้ เป็นปัจจัยสำคัญของการเล่นวอลเลย์บอลอีกอย่างหนึ่ง เพราะพื้นฐานการเล่นทีมที่ดีนั้น ผู้เล่นจะต้องเล่น ลูกสองมือล่างได้ดีก่อน เนื่องจากเป็นเทคนิคหรือวิธีการรับลูกที่มาจากฝ่ายตรงข้ามในลักษณะที่ค่อนข้าง แรง เช่น ลูกเสิร์ฟหรือลูกตบ หรือลูกที่มาลักษณะต่ำ แต่ในบางโอกาสการเล่นลูกสองมือล่างนี้อาจจะต้อง ใช้มือเดียวก็ได้ตามแต่โอกาสที่จะเกิดขึ้น การเตรียมพร้อมการเล่นลูกสองมือล่าง อุทัย สงวนพงศ์(ม.ป.ป. : 8) ได้กล่าวถึงการเตรียมพร้อมการเล่นลูกสองมือล่างไว้ดังนี้ 1. ยืนหันหน้าเข้าหาลูกบอล 2. แยกเท้าทั้งสองออกกว้างกว่าช่วงไหล่เล็กน้อย 3. ผู้เล่นที่ยืนด้านซ้ายของสนามเท้าซ้ายอยู่หน้าเท้าขวา 4. ผู้เล่นที่ยืนด้านขวาของสนามเท้าขวาอยู่หน้าเท้าซ้าย 5. ผู้เล่นที่ยืนกลางสนามให้วางเท้าเสมอกัน 6. ยกส้นเท้าเล็กน้อย 7. งอเข่าทั้งสองหัวเข่าล้ำปลายเท้าเล็กน้อย 8. โน้มตัวไปข้างหน้าทิ้งน้ำหนักตัวลงบนหัวแม่เท้าที่อยู่หน้า 9. ยกมือทั้งสองอยู่ระดับหน้าท้อง 10. ตามองลูกบอลตลอดเวลา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2555 : 119-122) ได้กล่าวถึงลักษณะท่าทาง การเตรียมพร้อมเพื่อการเล่นวอลเลย์บอล 1. อยู่ในลักษณะการทรงตัว ย่อเข่าให้ก้มต่ำลง โดยให้ลำตัวตั้งตรง อย่าให้ลำตัวล้ำหน้า หรือโล้ไป ข้างหน้ามาก 2. ลักษณะของเท้าทั้งสอง ยืนคู่ขนานกัน ห่างกันประมาณช่วงไหล่หรือจะยืนให้เท้าใดเท้าหนึ่งอยู่ หน้าอีกเท้าหนึ่งก็ได้(ขึ้นอยู่กับความถนัด) 3. ให้น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าทั้งสอง ถ้ายืนลักษณะเท้าใดเท้าหนึ่งอยู่หน้า ให้น้ำหนักตัวลงที่เท้าหน้า ซึ่งใช้เป็นหลัก 4. การยืนต้องยืนด้วยปลายเท้าเสมอ เพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ สามารถกระทำได้อย่าง รวดเร็ว หรือที่เรียกกันว่าลักษณะพร้อมในการเคลื่อนที่ การยืนอยู่ในท่าเตรียม โดยยืนให้เท้าทั้งสองข้างแยกจากกัน แต่ปลายเท้าทั้งสองข้างหันเข้าหา กันเล็กน้อย จะทำให้เท้าไม่ตาย และช่วยเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น การหดหัวแม่มือแล้วแขนจะตึงแนบชิดกัน วิธีการเล่นลูกสองมือล่าง วิธีการเล่นลูกสองมือล่างไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1. เคลื่อนที่เข้าหาลูกบอล 2. หยุดและย่อเข่าลงให้ต่ำพอประมาณ พร้อมกับประสานมือ
28 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 3. ขณะที่ลูกบอลกำลังตกลงมา เหยียดแขนให้ตึงพร้อมกับยกแขน และเหยียดเข่าขึ้นปะทะกับลูก 4. ในขณะที่แขนสัมผัสลูกบอล อย่ายกแขนสูงเกินไป ควรทำ มุมประมาณ 70-80 องศากับพื้น วิธีการเล่นลูกสองมือล่างไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1. เคลื่อนที่ไปด้านหน้าหรือด้านข้างเพื่อรับลูกบอล 2. แขนจะต้องเหยียดตึง และอยู่ในระดับต่ำใกล้ลูกบอล การที่จะให้แขนตึงก็เพียงแต่กดปลายหัว แม่มือลง แขนจะตึงเอง 3. แขนกระทบลูกและส่งแขนไปตามทิศทางที่ต้องการ 4. การเคลื่อนรับลูกบอลระดับต่ำผู้เล่นจะต้องย่อตัว และแขนให้อยู่ใต้ลูกบอล 5. เมื่อลูกบอลอยู่ระดับต่ำมากก็จำเป็นจะต้องนั่งชันเข่ารับลูกบอล 6. การเคลื่อนที่ไปด้านข้างเพื่อรับลูกบอล ถ้าลูกบอลอยู่ไกลตัวต้องการเคลื่อนที่รวดเร็ว โดยใช้วิธี การไขว้เท้า และระยะใกล้ใช้วิธีการสไลด์เท้า 7. จุดสำคัญของการเคลื่อนที่ คือจะต้องเคลื่อนที่ให้ลูกบอลอยู่ตรงกลางลำตัว เพื่อทำให้การรับลูก ได้ง่ายขึ้น ลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอล การเล่นลูกสองมือล่างต้องคำนึงถึงการจับมือหรือการให้นิ้วหัวแม่มือชิดกัน มือทั้งสองสัมผัสกัน แนบแน่นเพื่อให้แขนทั้งสองเสมอกัน ทำให้ควบคุมลูกเป็นไปตามทิศทางที่ต้องการได้ง่าย วิธีที่จะทำให้มือทั้งสองข้างแนบชิดกัน มี3 ลักษณะ ดังนี้ 1. โดยวิธีซ้อนมือ 2. โดยวิธีโอบหมัด 3. โดยวิธีกำหมัดทั้งสองข้างชิดกัน สรุปลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอล จะมีการจับมือเพื่อให้แขนทั้งสองส่วนของมือ และมือ เรียงชิดติดกัน เมื่อเวลาสัมผัสลูกบอลแล้วสามารถควบคุมทิศทางของลูกบอลไปในทิศทางที่ต้องการได้ ดังนั้นลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลจึงมี3 วิธีคือ การเล่นลูกสองมือล่าง (Underhand) 1. วิธีซ้อนมือ เป็นวิธีที่นิยมเล่นกันมาก โดยเอามือหนึ่งไปวางซ้อนทับอีกมือหนึ่งแล้วให้นิ้วหัว แม่มือชิดติดกัน ภาพที่ 28 แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลวิธีซ้อนมือ
29 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 2. วิธีโอบหมัด ใช้มือใดมือหนึ่งกำหมัดแล้วใช้อีกมือหนึ่งโอบหมัด นิ้วหัวแม่มือทั้งสองชิดติดกัน ภาพที่ 29 แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลวิธีโอบหมัด 3. วิธีกำมือทั้งสองข้างชิดกัน โดยกำมือทั้งสองแล้วนำมาชิดกัน พยายามให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสอง ข้างเสมอกัน ภาพที่ 30 แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลวิธีกำมือทั้งสอง การสัมผัสลูกบอลในการเล่นลูกสองมือล่าง การสัมผัสลูกบอลในการเล่นลูกสองมือล่าง ควรมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1. ใช้บริเวณแขนท่อนล่างจากข้อมือขึ้นไปประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือบริเวณข้อมือที่ผูกนาฬิกา 2. ขณะที่จะสัมผัสลูกบอลให้เกร็งแขนทั้งสองเล็กน้อย โดยให้แขนทั้งสองเหยียดตึงย่อตัวลง พอประมาณ เท้าทั้งสองมีหลักที่มั่นคง 3. ขณะที่แขนทั้งสองสัมผัสลูกบอลให้ยกลำตัวขึ้น พร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นเล็กน้อย เป็นการส่ง ลูกบอลไปในทิศทางที่ต้องการ ทำหลายๆ ครั้งจะรู้น้ำหนักของลูกบอลและสามารถส่งลูกบอลไปในระยะ ทางที่ต้องการได้ อุทัย สงวนพงศ์(2553 : 29) ได้กล่าวถึงการสัมผัสลูกบอลไว้ว่า บริเวณที่ถูกลูกบอลคือ บริเวณ ท่อนแขนด้านหน้าทั้งสองแขนพร้อมๆ กัน ตั้งแต่เหนือข้อมือขึ้นมาประมาณ 10 เซนติเมตร ภาพที่ 31 แสดงการสัมผัสลูกบอลในการเล่นลูกสองมือล่าง
30 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ วิธีการเล่นลูกสองมือล่าง ทรงศักดิ์เจริญพงศ์ได้เรียบเรียงไว้ดังนี้ 1. การย่อเข่าลงท่าเตรียมพร้อม แยกเท้าออกให้มาก ช่วงไหล่เล็กน้อย เท้าขวาอยู่หน้า ยกส้นเท้าเล็กน้อย ภาพที่ 32 แสดงลักษณะการย่อเข่าลง 2. ตามองที่เป้าหมาย พยายามให้ลูกบอล อยู่หน้าลำตัวระหว่างเท้าทั้งสอง ตามองที่เป้าหมายที่จะส่งไ ถ้าเป้าหมายอยู่ทางขวาของสนาม ผู้รับต้องพยายามก้าวเท้า ซ้ายก่อน เพื่อเป็นการถ่ายน้ำหนักตัวไปสู่เท้าขวาในทิศทาง เดียวกับเป้าหมาย ภาพที่ 33 แสดงลักษณะตามองที่เป้าหมาย 3. การแยกเท้าออกให้กว้างขณะเตรียมจะส่งลูกเท้าทั้ ต้องแยกออกให้กว้างและมีความมั่นคงยกส้นเท้าซ้ายขึ้นเล็ก และพร้อมจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตามทิศทางของลูกบอล ภาพที่ 34 แสดงลักษณะการแยกเท้าออกให้กว้าง 4. การก้าวเท้าไปหน้าลูก ถ้าจำเป็นต้องใช้การส่งลูกจ ด้านข้าง จะต้องพยายามรับลูกบอลก่อนที่ลูกจะเคลื่อนที่เลย ทางด้านข้างหรือด้านหลัง เท้าจะต้องก้าวไปอยู่ในตำแหน่ง หน้าลูกบอลเพื่อให้แขนสามารถรับ และควบคุมลูกให้ไปยัง เป้าหมายได้ ภาพที่ 35 แสดงลักษณะการก้าวเท้าไปหน้าลูก 4. การก้าวเท้าไปหน้าลูกถ้าจำเป็นต้องใช้การส่งลูก จากด้านข้าง จะต้องพยายามรับลูกบอลก่อนที่ลูกจะ เคลื่อนที่เลยไปทางด้านข้างหรือด้านหลัง เท้าจะต้องก้าว ไปอยู่ในตำแหน่งหน้าลูกบอลเพื่อให้แขนสามารถรับ และ ควบคุมลูกให้ไปยังเป้าหมายได้ 3. การแยกเท้าออกให้กว้างขณะเตรียมจะส่งลูกเท้า ทั้งสองต้องแยกออกให้กว้างและมีความมั่นคงยกส้นเท้า ซ้ายขึ้นเล็กน้อย และพร้อมจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตาม ทิศทางของลูกบอล 2. ตามองที่เป้าหมาย พยายามให้ลูกบอลอยู่หน้า ลำตัวระหว่างเท้าทั้งสอง ตามองที่เป้าหมายที่จะส่งไป ถ้า เป้าหมายอยู่ทางขวาของสนาม ผู้รับต้องพยายามก้าวเท้า ซ้ายก่อน เพื่อเป็นการถ่ายน้ำหนักตัวไปสู่เท้าขวาในทิศทาง เดียวกับเป้าหมาย 1. การย่อเข่าลงท่าเตรียมพร้อม แยกเท้าออกให้ มากกว่าช่วงไหล่เล็กน้อย เท้าขวาอยู่หน้า ยกส้นเท้า เล็กน้อย
31 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 5. การอยู่ด้านหลังลูกบอล ผู้รับจะต้องเคลื่อนที่ไปรับ ลูกบอลก่อน ก้มตัว ย่อเข่า เท้าทั้งสองพร้อมที่จะเหยียดขึ้น ตามลูกบอล แขนอยู่ห่างจากลำตัวประมาณ 45 องศากับพื้น และยกแขนขึ้นทำมุม 60 องศาขณะถูกลูก ภาพที 36 แสดงลักษณะการอยู่ด้านหลังลูกบอล 6. แขนทั้งสองชิดกัน ขณะที่ถูกลูกบอลแขนต้องชิดติ โดยจับมือทั้งสองเข้าด้วยกันบีบบริเวณข้อศอกเข้าหากันห่อไ เข้าหากันเล็กน้อย ใช้บริเวณแขนด้านในถูกลูกบอล เพื่อการกระดอนที่ดี ภาพที่ 37 แสดงลักษณะแขนทั้งสองชิดกัน 7. การยกไหล่ขึ้น ขณะส่งลูกไหล่ต้องยกขึ้นเหยียดเท้ หลังขึ้น ถ่ายน้ำหนักตัวไปตามทิศทางที่ลูกบอลกระดอน ออกไป ภาพที่ 38 แสดงลักษณะการยกไหล่ขึ้น แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 1 ภาพที่ 39 แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 1 วิธีปฏิบัติ 1. แบ่งนักกีฬาออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งยืนเป็นแถวสลับฟันปลา มือถือบอลยื่นออกข้างหน้า ระดับเข่า 7. การยกไหล่ขึ้น ขณะส่งลูกไหล่ต้องยกขึ้นเหยียด เท้าหลังขึ้น ถ่ายน้ำหนักตัวไปตามทิศทางที่ลูกบอล กระดอนออกไป 6. แขนทั้งสองชิดกัน ขณะที่ถูกลูกบอลแขนต้องชิด ติดกัน โดยจับมือทั้งสองเข้าด้วยกันบีบบริเวณข้อศอกเข้า หากันห่อไหล่เข้าหากันเล็กน้อย ใช้บริเวณแขนด้านในถูก ลูกบอล เพื่อการกระดอนที่ดี 5. การอยู่ด้านหลังลูกบอล ผู้รับจะต้องเคลื่อนที่ไป รับลูกบอลก่อน ก้มตัว ย่อเข่า เท้าทั้งสองพร้อมที่จะเหยียด ขึ้นตามลูกบอล แขนอยู่ห่างจากลำตัวประมาณ 45 องศา กับพื้น และยกแขนขึ้นทำมุม 60 องศาขณะถูกลูก
32 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 2. ให้นักกีฬากลุ่มที่ไม่มีบอลเคลื่อนที่ไปทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับนักกีฬาที่ยืนถือลูกสลับฟัน ปลาทีละลูกจนครบทุกลูกแล้ววิ่งกลับไปต่อท้ายแถวเริ่มใหม่ แบบฝึกที่ 2 ภาพที่ 40 แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 2 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬายืนเป็นแถวหน้ากระดานสองแถวห่างกัน 4 เมตร 2. ให้นักกีฬาแถวหนึ่งซึ่งมีบอลยื่นบอลออกข้างหน้าระดับเข่า แล้วให้นักกีฬาแถวที่ไม่มีบอลซึ่ง ยืนเป็นคู่กันวิ่งเข้ามาทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับบอลที่ยื่นอยู่นั้น แล้วถอยหลังกลับที่เดิมอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติต่อเนื่องลูกบอลประมาณ 10 ครั้ง แล้วสลับกัน แบบฝึกที่ 3 ภาพที่ 41 แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 3 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาจับคู่กันยืน 1 คน นั่ง 1 คน คนนั่งถือลูกบอล 2. ให้คนนั่งยื่นบอลออกข้างหน้า คนยืนรีบวิ่งไปทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับบอลที่ถูกยื่นออกมา นั้น คนนั่งก็หงายหลังไปแล้วรีบลุกขึ้นนั่งใหม่ จะลุกขึ้นหันหน้าไปทางใดก็ได้แล้วยื่นบอลซ้ำอีกคนยืนต้อง รีบวิ่งไปทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับบอล ที่ถูกยื่นออกมาใหม่อย่างรวดเร็ว แบบฝึกที่ 4 ภาพที่ 42 แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 4
33 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาทั้งหมดยืนถือบอลอยู่ในสนาม 2. ให้นักกีฬาตีบอลด้วยวิธีเล่นลูกสองมือส่งบอลขึ้นในแนวดิ่ง แล้วรีบนอนหงายทำท่า ลุก-นั่ง 1 ครั้ง แล้วรีบวิ่งไปตีบอลอีกโดยให้โอกาสบอลตกกระทบพื้นได้2 ครั้ง แบบฝึกที่ 5 ภาพที่ 43 แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 5 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาจับคู่ยืนหันหน้าเข้าหากันห่างกัน 5 เมตร แต่ละคู่มีบอล 1 ลูก 2. ให้นักกีฬาที่มีบอลขว้างบอลลงพื้น เมื่อบอลกระดอนไปที่ใดก็ให้นักกีฬาอีกคนหนึ่งที่เป็นคู่กัน วิ่งไปเล่นลูกสองมือล่างส่งบอลกับมาให้คนขว้างให้ได้ แบบฝึกที่ 6 ภาพที่ 44 แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 6 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอนนอกสนาม นำเก้าอี้4 ตัวไปวางที่มุมสนาม ทั้ง 4 ดังรูป 2. ผู้ฝึกสอนยืนบนที่สูงส่งลูกมายังตำแหน่งกลางหลังให้นักกีฬาวิ่งเข้าไปเล่นลูกสองมือล่าง ส่ง บอลไปในตำแหน่งกลางหน้า แล้วรีบวิ่งไปแตะเก้าอี้ตัวใดตัวหนึ่งแล้วกลับมารับลูกต่อไปให้ทัน ปฏิบัติ ต่อเนื่อง 4 ครั้ง 4 มุม แล้วเปลี่ยนคนต่อไป การเซต (Setting) กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2555 : 128-131) กล่าวไว้ว่า การเซตเป็นการ เล่นบอลด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกันหรือมือข้างเดียว โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเล่นเพื่อส่งบอลไปให้คน ตบ การเซตมักจะใช้การเล่นครั้งที่ 2 ในจำนวน 3 ครั้ง ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งมีสิทธิ์เล่นได้ก่อนลูกนั้นจะถูกส่งไป
34 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ฝ่ายตรงข้าม การเซตนับเป็นทักษะที่ยากที่สุด ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล การเซตก็นับเป็นอาวุธสำคัญ ในการทำคะแนนของทีมด้วย การที่ทีมจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ในการแข่งขันอาศัยความสามารถใน การเซตเป็นเครื่องบ่งชี้ได้60-70% เนื่องจากการเซตเป็นทักษะที่ฝึกหัดยากและอาจเกิดการผิดกติกาได้ ง่าย ถ้าหากยังฝึกหัดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีผู้สนใจฝึกหัดเซตทำให้การเล่นวอลเลย์บอลของ นักวอลเลย์บอลชาวไทย โดยทั่วไปยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร มาตรฐานการเล่นจึงไม่สามารถทัดเทียมกับ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ ส่วนประกอบของการเซต 1. การทรงตัว ให้ยืนเท้านำเท้าตาม โดยจะใช้เท้าใดนำ ก็ได้ช่วงห่างระหว่างเท้าทั้งสองประมาณ 1 ช่วงไหล่ หย่อนเข่า ลงเล็กน้อย หน้าเงยมองลูก มือทั้งสองยกขึ้นระดับอกอยู่ด้านหน้ 2. การวางมือ เมื่อลูกเคลื่อนมาได้ระยะ ให้ยกมือ ทั้งสองขึ้นมาวางไว้เหนือหน้าผากโดยให้ห่างจากหน้าผาก ประมาณ 20 เซนติเมตร ศอกทั้งสองข้างวางออกด้านข้าง เป็นมุม 45 องศา ยกขึ้นในระดับหัวไหล่ตามองลอดช่องระหว่าง มือทั้งสอง มือทั้งสองกางนิ้วออกพอประมาณ ทำมือทั้งสอง ให้คล้ายลักษณะมีลูกบอลอยู่ในมือไม่เกร็งนิ้วหรือฝ่ามือ 3. การส่งแรง เมื่อลูกบอลเคลื่อนมาเกือบถึงมือให้ ผ่อนมือตามลูกลงมาเล็กน้อย ให้บอลสัมผัสมือและนิ้วให้มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อโอกาสในการบังคับลูก เมื่อมือเริ่มสัมผัส กับลูกบอลให้เกร็งมือและนิ้วต้านน้ำหนักของลูกไว้ถึงตอนนี้ มือทั้งสองจะมีระยะห่างจากหน้าผากประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ใช้แรงส่งจากนิ้ว-ข้อมือ-ศอก-หัวไหล่-เข่า และข้อเท้า รวมเป็น แนวเดียว ส่งลูกออกไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ การเซตบอลไปข้างหลัง การเซตบอลไปข้างหลังจำเป็นอย่างยิ แล้วดันสะโพกขึ้นไปข้างหน้าขณะที่มือจะถูกบอล เท้าหลัง จะต้องก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับยกข้อศอกตามบอลที่เซตออกไป โดยหงายข้อมือไปข้างหลัง และฝ่ามือหงายขึ้นเพดาน ภาพที่ 45 ส่วนประกอบของการเซต ภาพที่ 46 การเซตบอลไปข้างหลัง 2. การวางมือ เมื่อลูกเคลื่อนมาได้ระยะ ให้ยกมือทั้งสอง ขึ้นมาวางไว้เหนือหน้าผาก โดยให้ห่างจากหน้าผากประมาณ 20 เซนติเมตร ศอกทั้งสองข้างวางออกด้านข้างเป็นมุม 45 องศา ยกขึ้นในระดับหัวไหล่ ตามองลอดช่องระหว่างมือทั้งสอง มือทั้ง สองกางนิ้วออกพอประมาณ ทำมือทั้งสองให้คล้ายลักษณะมีลูก บอลอยู่ในมือไม่เกร็งนิ้วหรือฝ่ามือ 2. การวางมือ เมื่อลูกเคลื่อนมาได้ระยะ ให้ยกมือทั้งสอง ขึ้นมาวางไว้เหนือหน้าผาก โดยให้ห่างจากหน้าผากประมาณ 20 เซนติเมตร ศอกทั้งสองข้างวางออกด้านข้างเป็นมุม 45 องศา ยกขึ้นในระดับหัวไหล่ ตามองลอดช่องระหว่างมือทั้งสอง มือทั้ง สองกางนิ้วออกพอประมาณ ทำมือทั้งสองให้คล้ายลักษณะมีลูก บอลอยู่ในมือไม่เกร็งนิ้วหรือฝ่ามือ 3. การส่งแรง เมื่อลูกบอลเคลื่อนมาเกือบถึงมือให้ผ่อนมือ ตามลูกลงมาเล็กน้อย ให้บอลสัมผัสมือและนิ้วให้มากที่สุดเท่าที่ จะทำได้เพื่อโอกาสในการบังคับลูก เมื่อมือเริ่มสัมผัสกับลูกบอล ให้เกร็งมือและนิ้วต้านน้ำหนักของลูกไว้ถึงตอนนี้มือทั้งสองจะมี ระยะห่างจากหน้าผากประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ใช้แรงส่งจาก นิ้ว-ข้อมือ-ศอก-หัวไหล่-เข่า และข้อเท้า รวมเป็นแนวเดียว ส่ง ลูกออกไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ การเซตบอลไปข้างหลังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแอ่น หลังแล้วดันสะโพกขึ้นไปข้างหน้าขณะที่มือจะถูกบอล เท้าหลัง จะต้องก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับยกข้อศอกตามบอลที่เซต ออกไป โดยหงายข้อมือไปข้างหลัง และฝ่ามือหงายขึ้นเพดาน 1. การทรงตัว ให้ยืนเท้านำเท้าตาม โดยจะใช้เท้าใดนำ ก็ได้ช่วงห่างระหว่างเท้าทั้งสองประมาณ 1 ช่วงไหล่ หย่อนเข่า ลงเล็กน้อย หน้าเงยมองลูก มือทั้งสองยกขึ้นระดับอกอยู่ ด้านหน้า
35 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การเซตบอลที่จะเซตไปด้านหน้าและหลัง การเซตบอลที่จะทำให้ผู้สกัดกั้นดูไม่ออกว่าจะเซตบอล ไปทางทิศไหน จะต้องย่อเข่าทั้งสองข้างลง แต่ลำตัวต้องตรง ซึ่งสามารถเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้ ภาพที่ 47 การเซตบอลไปด้านหน้าและหลัง การเซตบอลที่จะเปลี่ยนทิศทางของบอลได้อย่างฉับพลัน สังเกตการณ์ยกข้อศอก การกางนิ ของลำตัวผู้เล่นต้องเริ่มจากการย่อตัวแล้วยืดตัวขึ้นสูง เมื่อเซตบอล และสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ทันทีเป็นการเล่นบอลที่ตัวเซตต้องใ เทคนิคหลอกทีมตรงข้ามไม่ให้อ่านทิศทางของบอลได้ไม่ว่าจะเป็น การยืนเซตหรือกระโดดเซตก็ตาม จุดสำคัญคือ ต้องเคลื่อนที่ให้บอลอยู่ตรงใบหน้า ลำตัว ต้องตรงลักษณะอย่างนี้จะทำให้ทีมตรงข้าม มองไม่ออกว่าตัวเซต จะเซตบอลไปทางไหน สำหรับตัวเซตเอง เมื่ออยู่ในลักษณะดังกล่าวแล้วจะ สามารถเปลี่ยนทิศทางของบอลไปข้างหน้า ข้างหลัง ทางซ้ายหรือ ขวา ได้ง่ายมาก โดยเพียงขยับมือเท่านั้น การกระโดดเซตบอล การกระโดดเซตบอลในลักษณะนี้ใช้หลักการเดียวกับ หลักการที่กล่าวมาคือ การยกมือขึ้น กางนิ้วออก ลำตัวตั้งตรง และขาต้องงอ เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังได้มากขึ้น เมื่อต้องการ จะเซตบอลไปให้ไกลๆ การเซตบอลที่อยู่ห่างจากตาข่าย เมื่อผู้เล่นเคลื่อนที่เข้าหาบอลที่อยู่ห่างจากตาข่ายเล็กน ผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อยู่ใต้บอลแล้วจึงเซตบอล การเซตเป็นหัวใจและกุญแจสำคัญที่จะนำทีมไปสู่ชัยชน ปกติแล้วผู้เล่นในรูปควรเซตบอลไปทางไหล่ขวาเพื่อประสานกับ ตัวตบกลางหน้า แต่ในรูปนี้น่าจะเป็นการเซตบอลให้ผู้เล่นแดนหลั ทำการรุก จึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่า ก็คือท่าทางอย่างไรที่เซตบอลแล้วทีมตรงข้ามจะอ่านทิศทางไม่ได้ เช่น ในขั้นพื้นฐานลำตัวต้องตั้งตรง ภาพที่ 48 การเซตบอลเปลี่ยนทิศทาง ภาพที่ 49 การกระโดดเซต ภาพที่ 50 การเซตบอลห่างตาข่าย การเซตบอลที่จะเซตไปด้านหน้า และหลังการเซต บอลที่จะทำให้ผู้สกัดกั้นดูไม่ออกว่าจะเซตบอลไปทางทิศไหน จะต้องย่อเข่าทั้งสองข้างลง แต่ลำตัวต้องตรง ซึ่งสามารถเซต บอลไปในทิศทางใดก็ได้ สังเกตการณ์ยกข้อศอก การกางนิ้วมือ รวมทั้งทรวด ทรงของลำตัวผู้เล่นต้องเริ่มจากการย่อตัวแล้วยืดตัวขึ้นสูง เมื่อ เซตบอล และสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ทันทีเป็นการเล่นบอลที่ ตัวเซตต้องใช้เทคนิคหลอกทีมตรงข้ามไม่ให้อ่านทิศทางของบอล ได้ไม่ว่าจะเป็นการยืนเซตหรือกระโดดเซตก็ตาม จุดสำคัญคือ ต้องเคลื่อนที่ให้บอลอยู่ตรงใบหน้า ลำตัว ต้องตรงลักษณะอย่างนี้จะทำให้ทีมตรงข้าม มองไม่ออกว่าตัว เซตจะเซตบอลไปทางไหน สำหรับตัวเซตเอง เมื่ออยู่ในลักษณะดังกล่าวแล้วจะ สามารถเปลี่ยนทิศทางของบอลไปข้างหน้า ข้างหลัง ทางซ้าย หรือขวา ได้ง่ายมาก โดยเพียงขยับมือเท่านั้น การกระโดดเซตบอล การกระโดดเซตบอลในลักษณะนี้ใช้หลักการเดียวกับ หลักการที่กล่าวมาคือ การยกมือขึ้น กางนิ้วออก ลำตัวตั้งตรง และขาต้องงอ เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังได้มากขึ้น เมื่อต้องการ จะเซตบอลไปให้ไกลๆ การเซตบอลที่อยู่ห่างจากตาข่าย เมื่อผู้เล่นเคลื่อนที่เข้าหาบอลที่อยู่ห่างจากตาข่าย เล็กน้อยผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อยู่ใต้บอลแล้วจึงเซตบอล การเซตเป็นหัวใจและกุญแจสำคัญที่จะนำทีมไปสู่ชัย ชนะปกติแล้วผู้เล่นในรูปควรเซตบอลไปทางไหล่ขวาเพื่อ ประสานกับตัวตบกลางหน้า แต่ในรูปนี้น่าจะเป็นการเซตบอลให้ ผู้เล่นแดนหลังทำการรุก จึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งก็คือท่าทางอย่างไรที่เซตบอลแล้วทีมตรงข้ามจะอ่าน ทิศทางไม่ได้เช่น ในขั้นพื้นฐานลำตัวต้องตั้งตรง
36 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ แต่สำหรับการเซตที่สูงขึ้น ท่าทางต้องเปลี่ยนไปบ้าง เช่น ลำตัวควรเอนไปข้างหลังเล็กน้อย การเตรียมพร้อมที่จะเซต โดยลำตัวเอนไปด้านหลังเล็ ท่านี้เป็นท่าที่พร้อมจะเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้อีก ท่าหนึ่ง เริ่มจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ใต้บอล แล้วเอน ส่วนบนของลำตัวไปด่านหลังเล็กน้อย บอลต้องอยู่ตรงหน้าผากจึงจะเป็นจุดที่ดีที่สุดเพราะ จะทำให้สามารถเซตบอลไปข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้ทีมตรงข้าม จะไม่สามารถหาทิศทางของบอลได้เลย แต่สำหรับการเซตที่สูงขึ้น ท่าทางต้องเปลี่ยนไปบ้าง เช่น ลำตัวควรเอนไปข้างหลังเล็กน้อย การเซตบอลอย่างกะทันหัน ได้ศึกษาท่าทางการเซตบอลที่ดีกันมามากแล้วทีนี้ ลองมาดูท่าเซตบอลที่ไม่ดีกันบ้าง ต้องทำความเข้าใจกันว่าผู้เล่นนี้ เล่นระดับชาติที่ผ่านเกมสำคัญๆ มาอย่างโชกโชน ทั้งเวิร์ลด์คัพ เวิร์ลด์แชมเปี้ยนชิพ และโอลิมปิกเกมส์ แต่ต้องมาอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง น่าจะเป็นเพราะ เพื่อนร่วมทีมส่งบอลแรกให้ไม่ดีมากกว่า ทีนี้จะดูกันว่าท่านี้ทำไมไม่ดีที่ไม่ดีก็เพราะว่าบอลอยู่ ด้านหน้าของลำตัว ทำให้ส่วนบนของลำตัวเอนไปข้างหน้า การเซตบอลจะต้องเซตไปทางด้านหน้าเท่านั้น หากเซตกลับหลังก็เป็นการพาบอล (Hold Ball) จึงทำให้ทีมตรงข้ามอ่านทิศทางของบอลได้และจะทำ การสกัดกั้นได้อย่างง่ายดายด้วย ที่ถูกต้องแล้วผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อยู่ใต้บอลอย่างรวดเร็ว และเซตขณะบอลอยู่เหนือหน้าผากถ้า ทำได้ ตัวอย่างท่าทางการเซตบอลที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง โดยสรุปแล้วขั้นตอนในการเซตขั้นพื้นฐานที่ถูกต้องก็คือ ท่าที่ตัวเซตจะสามารถเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้โดยต้องเคลื่อน ไปอยู่ใต้บอล ให้บอลอยู่ตรงหน้าผาก ลำตัวส่วนบนต้องเอนไป ข้างหลังเล็กน้อย (รูปขวามือ) ถ้าบอลอยู่ด้านหน้า หรือด้านหลังของลำตัวมากเกินไป การเซตบอลจะทำได้เฉพาะทิศทางเดียวเช่นถ้าบอลอยู่ด้านหน้า มากลำตัวส่วนบนจะเอนไปข้างหน้า จึงเซตบอลไปข้างหน้าได้ เท่านั้น ภาพที่ 51 การเตรียมพร้อมที่จะเซต ภาพที่ 52 การเซตบอลอย่างกะทันหัน ภาพที่ 53 ท่าทางการเซ็ตบอล แต่สำหรับการเซตที่สูงขึ้น ท่าทางต้องเปลี่ยนไปบ้าง เช่น ลำตัวควรเอนไปข้างหลังเล็กน้อย การเตรียมพร้อมที่จะเซต โดยลำตัวเอนไปด้านหลัง เล็กน้อย ท่านี้เป็นท่าที่พร้อมจะเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้อีก ท่าหนึ่ง เริ่มจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ใต้บอล แล้วเอน ส่วนบนของลำตัวไปด่านหลังเล็กน้อย บอลต้องอยู่ตรงหน้าผากจึงจะเป็นจุดที่ดีที่สุดเพราะ จะทำให้สามารถเซตบอลไปข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้ทีมตรงข้าม จะไม่สามารถหาทิศทางของบอลได้เลย แต่สำหรับการเซตที่สูงขึ้น ท่าทางต้องเปลี่ยนไปบ้าง เช่น ลำตัวควรเอนไปข้างหลังเล็กน้อย การเซตบอลอย่างกะทันหัน ได้ศึกษาท่าทางการเซตบอลที่ดีกันมามากแล้วทีนี้ลอง มาดูท่าเซตบอลที่ไม่ดีกันบ้าง ต้องทำความเข้าใจกันว่าผู้เล่นนี้ เล่นระดับชาติที่ผ่านเกมสำคัญๆ มาอย่างโชกโชน ทั้งเวิร์ลด์คัพ เวิร์ลด์แชมเปี้ยนชิพ และโอลิมปิกเกมส์แต่ต้องมาอยู่ในท่าทางที่ ไม่ถูกต้อง น่าจะเป็นเพราะเพื่อนร่วมทีมส่งบอลแรกให้ไม่ดี มากกว่า ทีนี้จะดูกันว่าท่านี้ทำไมไม่ดีที่ไม่ดีก็เพราะว่าบอลอยู่ ด้านหน้าของลำตัว ทำให้ส่วนบนของลำตัวเอนไปข้างหน้า ตัวอย่างท่าทางการเซตบอลที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง โดยสรุปแล้วขั้นตอนในการเซตขั้นพื้นฐานที่ถูกต้องก็ คือ ท่าที่ตัวเซตจะสามารถเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้โดยต้อง เคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอล ให้บอลอยู่ตรงหน้าผาก ลำตัวส่วนบนต้อง เอนไปข้างหลังเล็กน้อย (รูปขวามือ) ถ้าบอลอยู่ด้านหน้า หรือด้านหลังของลำตัวมากเกินไป การเซตบอลจะทำได้เฉพาะทิศทางเดียวเช่นถ้าบอลอยู่ด้านหน้า มากลำตัวส่วนบนจะเอนไปข้างหน้า จึงเซตบอลไปข้างหน้าได้ เท่านั้น
37 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ในทำนองเดียวกัน ถ้าบอลอยู่ด้านหลังมากลำตัวส่วนบนจะเอนไปข้างหลังและจะเซตบอลไป ข้างหลังได้เท่านั้น (รูปขวามือ) ถ้าพยายามฝืนเปลี่ยนทิศทางก็จะเป็นลักษณะพาบอล (Hold ball) ดังนั้น ทีมตรงข้ามจะอ่านทิศทางของบอลได้ง่ายและดักทำการสกัดกั้นจนทำให้ตบบอลได้ยาก การปรับจังหวะในการเซตให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของตัวตบ ทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของตัวเซตก็คือ การเซตบ ให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของตัวตบ ตัวเซตจะต้องสามารถเร่งเซ บอลให้เร็วขึ้น โดยการกระโดดขึ้นไปหาบอล หรือรอเวลาเซตบอล ให้ช้าโดยการย่อตัวลงมา นอกจากนั้นจะต้องสามารถเซตบอลให้สูง ต่ำช้า และเร็ ได้อีกด้วย เพื่อให้ตัวตบเคลื่อนที่เข้าตบบอลได้ดีที่สุด เช่นในรูปตัว กำลังปรับจังหวะในการเซตให้สัมพันธ์กับตัวตบหมายเลข 9 ที่กำลั เคลื่อนที่ไปตบทางด้านหลังของตัวเซต การเตรียมพร้อมเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้ จากท่าเตรียมพร้อมในรูป ทำให้ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้า ต้องอยู่ใกล้ๆ ตัวเซตเพราะไม่สามารถอ่านทิศทางการเซตบอลของ ตัวเซตได้จากนั้นตัวเซตก็พร้อมที่จะเซตบอลในจุดที่ตัวตบจะทำ การตบได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การคุกเข่าเซตบอล ถ้าบอลแรกถูกส่งมาในระดับต่ำมาก ปรกติแล้วจะต้องใ มือล่าง (Under Hand) ส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมตบซึ่งเหมือนกับ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบขอไปที ถ้าสามารถเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ใต้บอลที่ลอยมา ในระดับต่ำ คุกเข่าลง และเอนส่วนบนของลำตัว ดัวยไปด้านหลัง เล็กน้อยก็จะสามารถเซตบอลในระดับต่ำไปในทิศทางใดก็ได้เช่น ท่าเซตบอลไปด้านหลังและคุกเข่า การกระโดดเซตบอลไปด้านหลัง ตัวเซตจะกระโดดพร้อมทั้งเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เซตบอลไปยังด้านหลัง โดยไม่ให้ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้ามคาดคะเ ทิศทางของบอลได้ ภาพที่ 54 การปรับจังหวะในการเซ็ต บอล ภาพที่ 55 การเตรียมพร้อมเซ็ตบอล ภาพที่ 56 การคุกเข่าเซ็ตบอล ภาพที่ 57 การกระโดดเซ็ตบอลไปข้างหลัง ทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของตัวเซตก็คือ การเซต บอลให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของตัวตบ ตัวเซตจะต้องสามารถ เร่งเซตบอลให้เร็วขึ้น โดยการกระโดดขึ้นไปหาบอล หรือรอเวลา เซตบอลให้ช้าโดยการย่อตัวลงมา นอกจากนั้นจะต้องสามารถเซตบอลให้สูง ต่ำช้า และ เร็วได้อีกด้วย เพื่อให้ตัวตบเคลื่อนที่เข้าตบบอลได้ดีที่สุด เช่นใน รูปตัวเซตกำลังปรับจังหวะในการเซตให้สัมพันธ์กับตัวตบ หมายเลข 9 ที่กำลังเคลื่อนที่ไปตบทางด้านหลังของตัวเซต การเตรียมพร้อมเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้ จากท่าเตรียมพร้อมในรูป ทำให้ผู้สกัดกั้นของทีมตรง ข้ามต้องอยู่ใกล้ๆ ตัวเซตเพราะไม่สามารถอ่านทิศทางการเซต บอลของตัวเซตได้จากนั้นตัวเซตก็พร้อมที่จะเซตบอลในจุดที่ตัว ตบจะทำการตบได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การคุกเข่าเซตบอล ถ้าบอลแรกถูกส่งมาในระดับต่ำมาก ปรกติแล้วจะต้อง ใช้มือล่าง (Under Hand) ส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมตบซึ่งเหมือน กับแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบขอไปที ถ้าสามารถเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ใต้บอลที่ลอย มาในระดับต่ำ คุกเข่าลง และเอนส่วนบนของลำตัว ดัวยไป ด้านหลังเล็กน้อยก็จะสามารถเซตบอลในระดับต่ำไปในทิศทางใด ก็ได้เช่น ท่าเซตบอลไปด้านหลัง และคุกเข่า การกระโดดเซตบอลไปด้านหลัง ตัวเซตจะกระโดดพร้อมทั้งเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เซตบอลไปยังด้านหลัง โดยไม่ให้ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้าม คาดคะเนทิศทางของบอลได้
38 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การกระโดดเซตบอลไปด้านหลัง กระโดดเซตบอลไปทางด้านหลังนั้นต้องให้ลูกบอล คล้อยไปทางด้านหลังของหน้าผากเมื่อกระโดดขึ้นไปแล้ว เอนส่วนบนของลำตัวไปด้านหลังเล็กน้อยพร้อมกับแหงนคอขึ้น บอลจะได้ลอยอยู่เหนือหน้าผากพอดีแล้วจึงเซตบอล ไปข้างหลังด้วยการขยับข้อมือ เมื่อพิจารณากันให้ดีแล้วจะพบว่าท่ากระโดดเซตบอล การเซตบอลให้ตบ ภาพที่ 59 การเซตบอลให้ตบ ต้องให้ความสนใจกับการเซตเป็นพิเศษ เพราะการเซตเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำทีมไปสู่ชัยชนะ ต่อไปนี้จะเป็นการเซตบอลให้ตบแบบที่เรียกกันว่า “เซตบอลเร็ว” (Quick Setting) เพื่อให้ เพื่อนร่วมทีม “ตบบอลเร็ว” (Fast Spiking) ทั้งระยะใกล้และห่างจากตัวเซต การเซตบอลให้เพื่อนร่วมทีมตบบอลเร็วในระยะห่างจากตัวเซต การเซตให้ตัวตบ ตบบอลเร็วทุกรูปแบบจะได้ผลดีและหลอกทีมตรงข้ามให้ทำการสกัดกั้นได้ยาก ต้องอาศัยการส่งบอลแรกที่ดีคือ บอลแรกต้องส่งเข้าข้างตาข่ายให้ตัวเซตกระโดดเซต เพราะจะทำให้ผู้ สกัดกั้นของทีมฝ่ายตรงข้ามกังวลใจว่าตัวเซตจะตบบอลเองหรือไม่ ในรูปนี้เป็นการกระโดดเซตให้ลูกพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมตบบอลเร็วในระยะที่ ห่างจากตัวเซต การเซตเช่นนี้จะต้องหงายข้อมือกลับเข้าหาตัวให้เต็มที่และเซตบอลด้วยการเคลื่อนไหวข้อมือที่ ดีด้วย เพื่อใช้ในการบังคับบอลให้พุ่งไปเร็ว ช้า ไกล หรือใกล้ได้ ขอให้สังเกตข้อมือของตัวเซต ขณะกระโดดขึ้นเซตบอล ในรูปนี้ให้ได้ การกระโดดเซตบอลไปด้านหลัง กระโดดเซตบอลไปทางด้านหลังนั้นต้องให้ลูกบอล คล้อยไปทางด้านหลังของหน้าผากเมื่อกระโดดขึ้นไปแล้ว เอนส่วนบนของลำตัวไปด้านหลังเล็กน้อยพร้อมกับแหงนคอขึ้น บอลจะได้ลอยอยู่เหนือหน้าผากพอดีแล้วจึงเซตบอล ไปข้างหลังด้วยการขยับข้อมือ เมื่อพิจารณากันให้ดีแล้วจะพบว่าท่ากระโดดเซตบอล ไปทางด้านหลังของผู้เล่นทั้งสองคนไม่ได้แตกต่างกัน ภาพที่ 58 การกระโดดเซ็ตบอลไปข้างหลัง
39 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การเซตบอลเร็วให้เพื่อนร่วมทีมตบในระยะใกล้ๆ กับตัวเซ การเซตบอลเร็วแบบนี้ก็เช่นเดียวกันคือ บอลแรกที่ส่งมา ควรอยู่ในระดับที่ตัวเซตต้องกระโดดเซตเพื่อหลอกล่อการสกัดกั้น ของทีมตรงข้ามได้ด้วย การเซตบอลเร็วแบบนี้จะต้องยืดแขนออกให้สุดแล้วเซตบอ ด้วยการเคลื่อนไหวของข้อมือเท่านั้น โดยต้องควบคุมความสูง และควา เร็วของบอลให้สัมพันธ์กับจังหวะการเข้าตบของตัวตบด้วย การเซตบอลเร็วให้เพื่อนร่วมทีมตบในระยะใกล้กับ การตบบอลเร็วที่จะหลอกล่อหรือตบจริงๆ ให้ได้ผลนั้น สำคัญอยู่ที่ลักษณะการกระโดดของตัวตบบอลเร็ว กล่าวคือ ตัวตบ จะต้องกระโดดขึ้นก่อนที่ตัวเซตจะเซตบอลห่างจากตัวเซตประมาณ 1 เมตรลอยตัวรออยู่ในอากาศเพื่อตบบอลที่ตัวเซตส่งมาให้ การลอยตัวรออยู่กลางอากาศ จะทำให้ผู้สกัดกั้นของทีม ตรงข้ามจำเป็นต้องคอยสกัดกั้นตัวตบบอลเร็วตลอดเวลา อย่างน้อย 1 คน ตัวเซตจะส่งบอลให้ตบบอลเร็วในระยะใกล้ตัวหรือไม่ ยินยอมขึ้นอยู่กับไหวพริบของตัวเซตที่จะสังเกตการสกัดกั้นของทีม ตรงข้ามว่าจะอ่อน ณ จุดไหน แต่ถ้าตัวตบบอลเร็วไม่ลอยตัวรออยู่ ก่อนทีมตรงข้ามจะสามารถทำการสกัดกั้นได้2 หรือ 3 คน พร้อมๆ กัน โดยดูจากบอลที่ตัวเซตส่งออกไป ไม่ต้องเสียคนที่จะคอยคุม ตัวตบบอลเร็ว ความสัมพันธ์ในการตบบอลเร็วระยะใกล้กับตัวเซต ของตัวเซตและตัวตบ ตัวตบจะกระโดดออกห่างจากตัวเซตเล็กน้อยลอยตัวขึ้น ในขณะที่ตัวเซตกำลังจะเซตบอลและจะตบบอลที่พุ่งมาอย่าง รวดเร็วขณะที่บอลยังลอยตัวไม่สูง การตบบอลเร็วเช่นนี้ทั้งตัวเซต และตัวตบต้องมีความ สัมพันธ์ในเรื่องของจังหวะ การเซต การกระโดด และการตบอย่างดี การเล่นบอลเร็วอย่างนี้นิยมเรียกกันว่า “บอลเร็วเอ” ซึ่งเป็นพื้นฐานของบอลเร็วแบบอื่นๆ ที่จะได้กล่าวถึงกันต่อไป ภาพที่ 60 การเซ็ตบอลเร็ว 1 ภาพที่ 61 การเซ็ตบอลเร็ว 2 ภาพที่ 62 การเซ็ตบอลเร็ว 3 ภาพที่ 63 ความสัมพันธ์ในการ ตบบอลเร็วระยะใกล้ การเซตบอลเร็วให้เพื่อนร่วมทีมตบในระยะใกล้ๆ กับตัวเซต การเซตบอลเร็วแบบนี้ก็เช่นเดียวกัน คือ บอลแรกที่ ส่งมา ควรอยู่ในระดับที่ตัวเซตต้องกระโดดเซต เพื่อหลอกล่อการสกัดกั้น ของทีมตรงข้ามได้ด้วย การเซตบอลเร็วแบบนี้จะต้องยืดแขนออกให้สุดแล้วเซต บอลด้วยการเคลื่อนไหวของข้อมือเท่านั้น โดยต้องควบคุมความสูง และความเร็วของบอลให้สัมพันธ์กับจังหวะการเข้าตบของตัวตบด้วย การเซตบอลเร็วให้เพื่อนร่วมทีมตบในระยะใกล้กับตัว เซตอีกท่าหนึ่ง การตบบอลเร็วที่จะหลอกล่อหรือตบจริงๆ ให้ได้ผลนั้น สำคัญอยู่ที่ลักษณะการกระโดดของตัวตบบอลเร็ว กล่าวคือ ตัวตบ จะต้องกระโดดขึ้นก่อนที่ตัวเซตจะเซตบอลห่างจากตัวเซต ประมาณ 1 เมตร ลอยตัวรออยู่ในอากาศเพื่อตบบอลที่ตัวเซตส่งมาให้ การลอยตัวรออยู่กลางอากาศ จะทำให้ผู้สกัดกั้นของทีม ตรงข้ามจำเป็นต้องคอยสกัดกั้นตัวตบบอลเร็วตลอดเวลา ตัวเซตจะส่งบอลให้ตบบอลเร็วในระยะใกล้ตัวหรือไม่ ยินยอมขึ้นอยู่กับไหวพริบของตัวเซตที่จะสังเกตการสกัดกั้นของทีม ตรงข้ามว่าจะอ่อน ณ จุดไหน แต่ถ้าตัวตบบอลเร็วไม่ลอยตัวรออยู่ ก่อนทีมตรงข้ามจะสามารถทำการสกัดกั้นได้2 หรือ 3 คน พร้อมๆ กัน โดยดูจากบอลที่ตัวเซตส่งออกไป ไม่ต้องเสียคนที่จะคอยคุมตัวตบ บอลเร็ว ความสัมพันธ์ในการตบบอลเร็วระยะใกล้กับตัวเซตของ ตัวเซต และตัวตบ ตัวตบจะกระโดดออกห่างจากตัวเซตเล็กน้อยลอยตัวขึ้นใน ขณะที่ตัวเซตกำลังจะเซตบอล และจะตบบอลที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่บอลยังลอยตัวไม่สูง การตบบอลเร็วเช่นนี้ทั้งตัวเซต และตัวตบต้องมีความ สัมพันธ์ในเรื่องของจังหวะ การเซต การกระโดด และการตบอย่างดี การเล่นบอลเร็วอย่างนี้นิยมเรียกกันว่า “บอลเร็วเอ” ซึ่ง เป็นพื้นฐานของบอลเร็วแบบอื่นๆ ที่จะได้กล่าวถึงกันต่อไป อย่างน้อย 1 คน
40 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ขอชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องของ “บอลเร็ว” ดังนี้ บอลเร็ว เอ. คือ การเซตบอลเร็วให้ตัวตบทำการตบในระยะใกล้ตัวเซตและอยู่หน้าของตัวเซต บอลเร็ว บี. คือ การเซตบอลเร็วให้ตัวตบทำการตบในระยะห่างจากตัวเซตออกไปเล็กน้อย คือ ห่างจากตัวเซตมากกว่าบอล เอ. และการเซตบอลเร็ว บี. จะสูงกว่าบอลเร็ว เอ. เล็กน้อยด้วย โดยอยู่ หน้าตัวเซตเช่นกัน บอลเร็ว ซี. เป็นการเซตแบบเดียวกับบอลเร็ว เอ. แต่อยู่ด้านหลังของตัวเซต บอลเร็ว ดี. เป็นการเซตแบบเดียวกับบอลเร็ว บี. แต่อยู่ด้านหลังของตัวเซต เช่นเดียวกับบอล เร็ว ซี. ดังนั้น การเซตบอลเร็วให้ทำการรุกแบบผสม (Combinaion Attack) นั้น โดยพื้นฐานแล้วจะ ประกอบด้วยด้านหน้าและหลังของตัวเซต ด้านหน้า คือ บอลเร็ว เอ. บี. หรือหัวเสา ด้านหลัง คือ บอลเร็ว ซี. ดี. หรือหัวเสา ลักษณะการ 2 แบบที่กล่าวถึงนี้เป็นลักษณะการรุกขั้นพื้นฐานเท่านั้นเพราะการรุกแบบผสมยังมี อีกหลายอย่างที่จะกล่าวถึงในภายหลัง ถึงตอนนี้คงต้องดูรูปประกอบ การเซตบอลเร็ว บี. ซี. และ ดี. ต่อ จากการเซตบอลเร็ว เอ. ซึ่งได้กล่าวไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอ อย่าพึงฝึกการรุกที่ พูดถึงต่อไปนี้เด็ดขาด การเซตบอลเร็ว บี. ตัวเซต จะเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอล รอตัวที่ตบเพื่อให้จังหวะในการเซตบอล สัมพันธ์กับตัวตบแล้วจึงเซตบอลอย่างรวดเร็ว ในระดับที่ไม่สูงนัก สำหรับตัวตบต้องกระโดดขึ้นในขณะ ที่ตัวเซตทำการเซต ซึ่งจะเป็นการกระโดดช้า กว่าการตบบอลเร็ว เอ. ที่ตัวตบ ต้องลอยตัวขึ้นก่ การเซตบอลเร็ว ซี. ยุทธวิธีการรุกแบบนี้ตัวตบจะกระโดดจ ตัวเซตพร้อมกับที่ตัวเซตจะเซตบอลให้การตบ กระโดดก่อนที่ตัวเซตจะเซตบอล ภาพที่ 64 การเซ็ตบอลเร็ว บี ภาพที่ 65 การเซ็ตบอลเร็ว ซี การเซตบอลเร็ว บี. ตัวเซต จะเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอลรอตัวที่ ตบเพื่อให้จังหวะในการเซตบอลสัมพันธ์กับตัวตบ แล้วจึงเซตบอลอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่สูงนัก สำหรับตัวตบต้องกระโดดขึ้นในขณะที่ ตัวเซตทำการเซต ซึ่งจะเป็นการกระโดดช้า กว่าการตบบอลเร็ว เอ. ที่ตัวตบ ต้อง ลอยตัวขึ้นก่อนตัวเซตทำการเซตบอล ในรูปที่ 3 จะเห็นว่าตัวตบกระโดดขึ้นไป แล้วหยอดด้วยปลาย นิ้วมือ การเซตบอลเร็ว ซี. ยุทธวิธีการรุกแบบนี้ตัวตบจะกระโดด จากด้านหลังของตัวเซตพร้อมกับที่ตัวเซตจะเซต บอลให้การตบบอลเร็ว ซี. นี้ตัวตบต้องกระโดด ก่อนที่ตัวเซตจะเซตบอล
41 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การเซตบอลเร็ว ดี. การเซตรูปนี้สามารถทำการรุกได้ทั้งการตบบอล ซี. และ ดี. ผสมกันไป ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้ามในตำแหน่งกลางหน้า จะทำการสกัดกั้นได้ยาก ในรูปจะเห็นว่า ผู้สกัดกั้นตำแหน่งกลางหน้าคาดว่าทีม ตรงข้ามจะรุกโดยการตบบอลเร็ว ซี. จึงพร้อมจะกระโดดขึ้นสกัดกั้น แต่ทีมตรงข้ามตบบอลเร็ว ซี. จึงพร้อมจะกระโดดขึ้นสกัดกั้น แต่ทีม ตรงข้ามกับตบบอลเร็ว ดี. โดยมีผู้เล่น หมายเลข 8 กระโดดหลอก เหมือนกับจะตบด้วยบอลเร็ว ซี. การเซตบอลเร็วที่อยู่ห่างจากตาข่าย ถ้าบอลแรกลอยอยู่ห่างจากตาข่าย ตัวเซตต้องเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอลอย่างรวดเร็ว ให้บอลอยู่เหนือไหล่ขวา (ถ้าทิศทางกลับกัน ต้องอยู่เหนือไหล่ซ้าย) หมุนตัวไปยังทิศทาง ที่ต้องการจะเซตบอลไปแล้วจึงทำการเซต การเซตบอลให้ผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้าย ผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้ายหรือตำแหน่ง ที่ 4 ปกติแล้วจะเป็นตัวตบหลักของทีม และจะ ยืนห่างตัวเซตมากเป็นตัวตบที่ต้องมีลำหักลำโค่น เพราะเป็นตัวตบที่ทำคะแนนให้กับทีม โดยมีตัว ตบบอลเร็วหลอกให้แต่ต้องอาศัยการเซตบอล ที่แม่นยำ จึงจะทำให้การตบได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ให้สังเกตลักษณะข้อมือของตัวเซต เมื่อเซตบอลตัวเซตที่ดีข้อมือต้องยืดหยุ่นได้อย่างดียิ่ง เพราะ ต้องใช้ข้อมือดึงดูดบอล เร่งความเร็วของบอล และปรับทิศทางของบอลให้สัมพันธ์กับจังหวะของตัวตบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซตบอลให้ตัวตบที่ตำแหน่งหน้าซ้ายซึ่งอยู่ห่างจากตัวเซต 8 ภาพที่ 67 การเซ็ตบอลเร็วห่างตาข่าย ภาพที่ 68 การเซ็ตบอลให้หน้าซ้ายตบ การเซตบอลเร็ว ดี. การเซตรูปนี้สามารถทำการรุกได้ทั้งการตบบอลซี. และ ดี. ผสมกันไป ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้ามในตำแหน่งกลางหน้าจะทำการ สกัดกั้นได้ยาก ในรูปจะเห็นว่า ผู้สกัดกั้นตำแหน่งกลางหน้าคาดว่าทีมตรง ข้ามจะรุกโดยการตบบอลเร็ว ซี. จึงพร้อมจะกระโดดขึ้นสกัดกั้น แต่ ทีมตรงข้ามตบบอลเร็ว ซี. จึงพร้อมจะกระโดดขึ้นสกัดกั้น แต่ทีมตรง ข้ามกับตบบอลเร็ว ดี. โดยมีผู้เล่น หมายเลข 8 กระโดดหลอก เหมือนกับจะตบด้วยบอลเร็ว ซี. ภาพที่ 66 การเซ็ตบอลเร็ว ดี การเซตบอลเร็วที่อยู่ห่างจากตาข่าย ถ้าบอลแรกลอยอยู่ห่างจากตาข่าย ตัวเซตต้องเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอลอย่างรวดเร็วให้ บอลอยู่เหนือไหล่ขวา (ถ้าทิศทางกลับกันต้องอยู่ เหนือไหล่ซ้าย) หมุนตัวไปยังทิศทางที่ต้องการ จะเซตบอลไป แล้วจึงทำการเซต การเซตบอลให้ผู้เล่นตำแหน่งหน้า ซ้ายทำการตบ ผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้ายหรือตำแหน่ง ที่ 4 ปกติแล้วจะเป็นตัวตบหลักของทีม และจะ ยืนห่างตัวเซตมากเป็นตัวตบที่ต้องมีลำหักลำ โค่น เพราะเป็นตัวตบที่ทำคะแนนให้กับทีม โดยมีตัวตบบอลเร็วหลอกให้แต่ต้องอาศัยการ เซตบอลที่แม่นยำ จึงจะทำให้การตบได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การเซตบอลให้ผู้เล่นตำแหน่งหน้า ซ้ายทำการตบ ผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้ายหรือตำแหน่ง ที่ 4 ปกติแล้วจะเป็นตัวตบหลักของทีม และจะ ยืนห่างตัวเซตมาก เป็นตัวตบที่ต้องมีลำหัก ลำโค่น เพราะเป็นตัวตบที่ทำคะแนนให้กับทีม โดยมีตัวตบบอลเร็วหลอกให้แต่ต้องอาศัยการ เซตบอลที่แม่นยำ จึงจะทำให้การตบได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
42 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การกระโดดเซตด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อถูกส่งมาในระดับสูงใกล้ตาข่ายจนทำการเซตสองมือไม่ไ ตัวเซตต้องพยายามเซตด้วยมือเพียงข้างเดียว โดยหน้าฝ่ามือมาทางแด ของตัวเอง แล้วเซตบอลด้วยการดีดนิ้วอย่างเดียว การเซตบอลด้วยมือ เดียวถือว่าเป็นทักษะชั้นสูงสุดของตัวเซต การหยอดโดยวิธีหยอดบอลด้วยปลายนิ้ว ตัวเซตในปัจจุบันมักจะมีรูปร่างสูง เป็นผู้เล่นที่ถนัดมือซ้าย เพราะขณะที่หันหน้าเซตบอลไปให้ผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้ายตบ ตัวเซต ประเภทนี้จะมีโอกาสตบบอลตามน้ำหรือหยอดด้วยปลายนิ้วมือ ข้างซ้ายได้โดยทีมตรงข้ามมักจะหลงทางอยู่เสมอ แบบฝึกเพื่อการเซต แบบฝึกที่ 1 ภาพที่ 71 แบบฝึกเพื่อการเซ็ต แบบฝึกที่ 1 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬายืนจับคู่เป็นแถว 2 แถว ห่างกัน 5 เมตร แถวหนึ่งถือบอลยื่นออกข้างหน้าระดับอก 2. ให้นักกีฬาแถวที่ไม่มีบอลวิ่งไปย่อตัวเซตลูกในมือของคู่ของตนเองแล้วถอยกลับที่เดิม ปฏิบัติ ต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนกัน แบบฝึกที่ 2 ภาพที่ 72 แบบฝึกเพื่อการเซ็ต แบบฝึกที่ 2 ภาพที่ 70 การหยอดด้วยปลายนิ้ว การกระโดดเซตด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อถูกส่งมาในระดับสูงใกล้ตาข่ายจนทำการเซตสองมือ ไม่ได้ตัวเซตต้องพยายามเซตด้วยมือเพียงข้างเดียว โดยหน้าฝ่ามือมา ทางแดนของตัวเอง แล้วเซตบอลด้วยการดีดนิ้วอย่างเดียว การเซต บอลด้วยมือเดียวถือว่าเป็นทักษะชั้นสูงสุดของตัวเซต การหยอดโดยวิธีหยอดบอลด้วยปลายนิ้ว ตัวเซตในปัจจุบันมักจะมีรูปร่างสูง เป็นผู้เล่นที่ถนัดมือซ้าย เพราะขณะที่หันหน้าเซตบอลไปให้ผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้ายตบ ตัวเซต ประเภทนี้จะมีโอกาสตบบอลตามน้ำ หรือหยอดด้วยปลายนิ้วมือข้าง ซ้ายได้โดยทีมตรงข้ามมักจะหลงทางอยู่เสมอ ภาพที่ 69 การกระโดดเซ็ตมือเดียว
43 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬายืนจับคู่กัน คนหนึ่งถือบอล 2. ให้นักกีฬาที่ถือบอลยื่นบอลออกข้างหน้าระดับอกในทิศทางต่างๆ รอบตัว นักกีฬาอีกคนที่ไม่ มีบอล ต้องพยายามเคลื่อนที่เข้าไปเซตลูกที่ยื่นออกมานั้นอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติต่อเนื่อง 10 ครั้ง แล้ว เปลี่ยนกัน แบบฝึกที่ 3 ภาพที่ 73 แบบฝึกเพื่อการเซ็ต แบบฝึกที่ 3 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอนด้านใดด้านหนึ่งในสนาม ผู้ฝึกสอนโยนบอลไปใน ตำแหน่งกลางหน้า ให้นักกีฬาในแถววิ่งไปเซตลูกในระดับการตบต่างๆ ส่งไปยังริมสนาม ด้าน หน้าคนละลูกแล้ววิ่งไปต่อท้ายแถวต่อไป หรือ 2. ถ้าวิ่งไปไม่ทันก็ให้นักกีฬาตั้งบอลขึ้นเพื่อการตบโดยวิธีเล่นลูกสองมือล่าง แบบฝึกที่ 4 ภาพที่ 74 แบบฝึกเพื่อการเซ็ต แบบฝึกที่ 4 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอน ดังรูป ผู้ฝึกสอนโยนบอลไปในตำแหน่งกลางหน้า ให้นักกีฬาในแถววิ่งไป เซตลูกส่งออกด้านหลังในระดับการตบต่างๆ ส่งไปยังริมสนามด้านหลังคนละลูกแล้ววิ่งไปต่อท้ายแถว 2. ผู้ฝึกสอนใช้วิธีส่งลูกหมุนในทิศทางต่างๆ ให้นักกีฬาวิ่งไปเซตลูกเพื่อการตบในระดับต่างๆ ส่งไปยังตำแหน่งการตบต่างๆ แบบฝึกที่ 5 ภาพที่ 75 แบบฝึกเพื่อการเซ็ต แบบฝึกที่ 5
44 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอนที่ริมขวาของสนามในแดนตนเอง ผู้ฝึกสอนยืนบนที่สูงนักกีฬาคนหนึ่งอยู่ ตำแหน่งหน้าซ้าย 2. ผู้ฝึกสอนตบบอลข้ามตาข่ายไปให้นักกีฬาที่ตำแหน่งหน้าซ้ายรับลูกส่งมาตำแหน่ง กลางหน้า ให้นักกีฬาหัวแถววิ่งไปเซตลูกสูงเพื่อการตบส่งไปยังตำแหน่งหน้าซ้าย 3. คนเซตลูกแล้ววิ่งไปคอยรับลูกตบ คนรับลูกตบแล้ววิ่งไปรบลูกจากการเซต นำไปส่งให้ผู้ฝึก สอนแล้วไปต่อท้ายแถว ปฏิบัติต่อเนื่องเรื่อยไป แบบฝึกที่6 ภาพที่ 76 แบบฝึกเพื่อการเซ็ต แบบฝึกที่ 6 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอน ดังรูป มีนักกีฬาคนหนึ่งคอยรับลูกเสิร์ฟ 2. ผู้ฝึกสอนเสิร์ฟบอลข้ามตาข่ายมาให้นักกีฬารับลูกเสิร์ฟส่งไปตำแหน่งกลางหน้า ให้นักกีฬา คนหัวแถวรีบวิ่งไปเซตบอลข้ามศีรษะของตนเอง เพื่อการตบส่งไปตำแหน่งหน้าขวา 3. คนเซตผลัดกันเซตคนละลูก คนรับลูกเสิร์ฟรับ 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนคนต่อไป การตบ (Spiking) กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2555 : 141) ได้กล่าวไว้ว่า การเล่นกีฬา วอลเลย์บอลมีทักษะพื้นฐานที่ผู้เล่นจะต้องฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ การตบ (Spiking) เป็นทักษะ พื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตบถือว่าเป็นการรุกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การแข่งขัน วอลเลย์บอลคะแนนที่ได้จากการแข่งขัน ส่วนมากเกิดจากการตบ ด้วยเหตุนี้ทีมตรงข้ามจึงต้องป้องกันการ ตบด้วยทักษะต่างๆ เช่น การสกัดกั้น และการรับลูกตบรูปแบบต่างๆ การตบเป็นการรุกได้ทั้งผู้เล่นแดน หน้า และผู้เล่นแดนหลัง การแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลในปัจจุบันทีมที่มีรูปแบบการตบที่หลากหลายและมี ประสิทธิภาพจะได้เปรียบคู่ต่อสู้อีกทั้งการตบที่รุนแรง ยังสามารถควบคุมเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามได้อีก ด้วย เนื่องจากการตบที่รุนแรงจะทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถโต้ตอบด้วยเกมการรุกที่รุนแรงได้หรืออาจจะเสีย คะแนนจากการรุกนั้นได้ ทรงศักดิ์เจริญพงศ์กล่าวว่า การตบเป็นทักษะที่ใช้ในการรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งนี้ผู้ ตบจะต้องมีความสามารถในการกระโดดได้สูงทรงตัวได้ดีใช้แขนและข้อมือในการตบลูกได้อย่างรุนแรง ใน ปัจจุบันถ้าทีมใดมีการรุกจากการตบที่ไม่รุนแรงเมื่อใด ฝ่ายตรงข้ามจะสามารถรุกกลับได้โดยง่าย การตบ จะต้องมีความสัมพันธ์อย่างดีระหว่างตัวเซตกับตัวตบ ดังนั้นการตบจะมีประสิทธิภาพดีหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่ กับตัวเซต เช่นกัน
45 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ หลักสำคัญของการตบลูกบอล ศรีเกษม อุ่นประดิษฐ์(2552) กล่าวว่า ทักษะของการตบลูกบอล เป็นทักษะของการรุก เมื่อ เป็นเกมรุกในขณะที่ผู้เล่นสามารถกระโดดได้สูงที่สุดบริเวณเหนือตาข่าย ผู้เล่นตบหรือตีลูกบอลอย่างแรง เพื่อให้ลูกบอลตกลงพื้นสนามของฝ่ายตรงข้าม มีผู้ศึกษาว่าความเร็วของลูกบอลเคลื่อนที่ 160 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นได้ทดสอบจับเวลาจากการตบลูกบอลของนักกีฬาชั้นดีปรากฏความเร็ว ตบลูกบอลจนกระทั่งกระทบเส้นหลังของพื้นสนาม ใช้เวลาเพียง 0.33 วินาทีเท่านั้น คิดเป็นความเร็วเฉลี่ย 90 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง การตบลูกบอลถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายในการเล่นลูกบอล เพื่อเป็นการรุก ดังนั้นการ ที่ทีมจะชนะการเล่นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรุกด้วยการตบ การตบลูกบอลนั้น ต้องการผู้เล่นที่มีความสามารถใน การกระโดดในแนวดิ่ง และต้องการผู้เล่นที่สูงใหญ่อีกด้วย ทักษะการตบลูกบอล ประกอบด้วย 1. ท่าเตรียม นักกีฬาที่จะตบลูกบอลจะต้องยืนเตรียมพร้อมที่จะวิ่งเข้ากระโดดตบในลักษณะ เท้านำ เท้าตาม ประมาณระยะก้าวในการวิ่งประกอบการวางเท้า ถ้าผู้ตบถนัดขวาระยะทางในการวิ่งเข้า กระโดดตบ 3 ก้าว ให้นักกีฬายืนท่าเตรียมพร้อมในลักษณะเท้านำ เท้าตาม โดยมีเท้าข้างที่ไม่ถนัด คือ เท้าซ้ายอยู่หน้าและถ่ายน้ำหนักตัวลงที่เท้าซ้าย เพื่อเตรียมพร้อมที่จะวิ่งเข้าตบ ก้าวที่ 1 ด้วยเท้า ขวาต่อ ไปแต่ถ้านักกีฬาถนัดซ้าย และระยะทางในการวิ่ง 3 ก้าว ก็ให้นักกีฬาเอาเท้าขวานำ ถ่ายน้ำหนักตัวลงเท้า ขวาเพื่อเตรียมพร้อมจะเริ่มวิ่งเข้าตบ ก้าวที่ 1 ด้วยเท้าซ้ายต่อไป ในระยะเตรียมตัว นอกจากการยืนเท้านำ เท้าตามแล้ว นักกีฬาจะต้องหย่อนเข่าข้างหน้าลง เล็กน้อย สายตามองลูกบอลที่จะถูกส่งมาเพื่อทราบและถ้าเป็นไปได้อาจมีการชำเลืองมองฝ่ายรับบ้าง เล็กน้อย เพื่อใช้องค์ประกอบในการเลือกทิศทางในการตบ 2. การวิ่งเข้าตบลูกบอลเนื่องจากการตบลูกวอลเลย์บอลต้องอาศัยการกระโดดอย่างเต็มที่ การ ที่นักกีฬาจะยืนอยู่กับที่แล้วกระโดดขึ้นตบเฉยๆ ไม่ช่วยให้นักกีฬากระโดดได้สูงเท่าที่ควร ฉะนั้น จึงต้องใช้ การวิ่งเพื่ออาศัยแรงจากการวิ่งเข้าช่วยในการกระโดด การวิ่งเข้าตบลูกจะใช้การวิ่งไปกับพื้น ไม่ใช่วิ่งยก เท้าสูง และในขณะวิ่งลำตัวจะตั้งเกือบตรง ทั้งนี้เพราะหน้าจะต้องเงยมองลูกบอลอยู่ตลอดเวลา การวิ่งนี้ จะสัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขน และในขณะวิ่งช่วงก้าวสุดท้าย และรองสุดท้ายถ้าผู้ตบเข้าวิ่งตบลูกโดยใช้ ระยะทางในการวิ่ง 3 ก้าว ก้าวที่ 2 และก้าวที่ 3 จะสัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขนเป็นอย่างมาก เพราะในการ วิ่งก้าวที่ 2 นั้น ผู้ตบจะต้องเหวี่ยงแขนออกข้างหน้าเล็กน้อย และในการวิ่งก้าวที่ 3 ซึ่งเป็นก้าวสุดท้ายนั้น แขนทั้งสองของผู้ตบจะต้องเหวี่ยงไปข้างหน้าเพื่อเตรียมเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว จากแนวขนานพื้น เป็นแนวดิ่งกับพื้นนั้น แขนทั้งสองจะถูกเหวี่ยงกับมาข้างหน้าและเลยขึ้นไปเหนือระดับไหล่ด้านหน้า เพื่อ ช่วยส่งแรงในการกระโดดและการทรงตัวกลางอากาศประสานงานกับการส่งแรงของขาทั้งสองข้าง ในการ วิ่งตบลูกโดยทั่วไปการก้าวเท้าแต่ละข้างล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเข้าตบโดยใช้ ช่วงก้าวกี่ก้าวก็ตาม เพราะถ้านักกีฬาก้าวเท้าผิดข้าง จะทำให้จังหวะในการกระโดดเสียไป 3. การเหวี่ยงแขน เนื่องจากการกระโดดที่ต้องการความสูงและการทรงตัวที่ดีกลางอากาศการ เหวี่ยงแขนจึงเป็นกิจกรรมช่วยเสริมการกระโดดตบได้เป็นอย่างดีการเหวี่ยงแขนที่ได้จังหวะสัมพันธ์กับ การกระโดด จะช่วยให้นักกีฬากระโดดได้สูง ทรงตัวกลางอากาศได้ดีและสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศ ได้นาน การเหวี่ยงแขนต้องทำพร้อมกันทั้งสองแขนในขณะส่งตัวขึ้นจากพื้นเพื่อให้ได้แรงส่งมากๆ และการ รักษาสมดุลการลอยตัวในอากาศ หรืออาจจะช่วยให้ร่างกายเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่ต้องการได้จากท่า เตรียมกระโดด แขนจะอยู่ด้านหลังเพื่อเตรียมเหวี่ยงออกหน้า
46 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 4. การลอยตัวกลางอากาศ เมื่อวอลเลย์บอลกระโดดขึ้นจากพื้นแล้ว ช่วงเวลาในการลอยตัวอยู่ ในอากาศ คือ ช่วงเวลาที่สำคัญในการทำคะแนนเป็นอย่างยิ่ง นักกีฬาจะใช้กลวิธีใดๆ ในการทำคะแนนไม่ ว่าจะเป็นการตบ การหยอด การเคาะเบาๆ ล้วนต้องอาศัยเวลาสำคัญนี้นักกีฬาใดสามารถลอยตัวกลาง อากาศได้นานก็นับว่าได้เปรียบ เพราะมีช่วงเวลาทำคะแนนมาก การลอยตัวได้นานนั้น มีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ 1) สามารถกระโดดได้สูง 2) เวลากระโดดขึ้นจากพื้นแล้วต้องไม่เกร็งตัว จะต้องปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลายการเกร็ง กล้ามเนื้อจากการกระโดด แล้วจึงช่วยเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อการตบลูกอีกครั้งหนึ่งเมื่อตัวเริ่มตกสู่พื้น 3) ต้องลอยตัวในลักษณะตัวเกือบนิ่ง ไม่ดิ้น ไม่กระตุกแขนขา หรือโยกตัวขณะลอยตัวอยู่ใน อากาศ 5. การลงสู่พื้น เมื่อตบลูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว การกลับลงสู่พื้นก็เป็นวิธีที่สำคัญเช่นกัน เพราะถ้า ผู้เล่นลงสู่พื้นได้อย่างถูกวิธีก็สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับตนเองได้และยังสามารถเล่นลูกต่อไปได้ อย่างรวดเร็ว การลงสู่พื้นที่ถูกวิธีคือ ให้ผู้เล่นลงสู่พื้นด้วยปลายเท้าทั้งสองเกือบพร้อมกันในลักษณะทั้งย่อ เข่างอ แล้วเตรียมพร้อมที่จะเล่นลูกหรือเคลื่อนไหวต่อไปได้ทันที อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์(2553) กล่าวไว้ว่า การตบลูกบอลโดยทั่วไป จะมี หลักการที่สำคัญอยู่ 5 ประการ คือ 1. ท่าเตรียม 2. การวิ่ง 3. การกระโดด 4. การเหวี่ยงแขน 5. การลงสู่พื้น การตบที่ประสบผลสำเร็จต้องมาจากการรับลูกจังหวะแรก และการส่งลูกจังหวะสองที่มี ความสัมพันธ์กัน 1. ท่าเตรียม ท่าทางการเตรียมพร้อมที่จะตบลูกบอล โดยยืนแยกเท้าทั้งสองออกตามธรรมชาติงอเข่าทั้งสอง เล็กน้อย โล้ตัวไปข้างหน้าพอสมควร ตามองที่ลูกบอลตลอดเวลา เตรียมพร้อมที่จะวิ่งไปยังทิศทางต่างๆ 2. การวิ่ง การวิ่งเป็นการเพิ่มแรงให้กระโดดได้สูงขึ้น และเป็นการเลือกจุดและจังหวะของการกระโดดที่ เหมาะสม ก่อนที่จะออกวิ่งผู้ตบต้องคิดคาดคะเนตั้งแต่เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมรับลูกบอลจังหวะแรกที่ส่งไป ยังคนเซต โดยคำนวณระยะทาง ทิศทาง ความเร็ว ความโค้งและจุดตกของลูกบอลจากการเซตลูกจังหวะ สอง เมื่อคาดคะเนสิ่งต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ก็พร้อมที่จะออกวิ่ง การวิ่งเร็วหรือช้า จำนวนก้าวมากหรือน้อยเพียงใดก็ตาม แต่จุดมุ่งหมายเพื่อวิ่งไปกระโดดขึ้น ดังนั้นถ้าจังหวะของการวิ่งไม่ดีจะทำให้การกระโดดไม่ดีตามไปด้วย จังหวะและทิศทางของการวิ่งขึ้นอยู่ กับความเร็วความช้าและความสูงของลูกบอลด้วย เนื่องจากความเร็วในการวิ่งของแต่ละคนแตกต่างกัน ผู้ ที่เคลื่อนไหวช้า ควรออกวิ่งให้เร็ว คนที่เคลื่อนไหวเร็ว อาจเริ่มวิ่งช้าๆ ก่อน
47 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ภาพที่ 77 แสดงลักษณะการวิ่งเพื่อเข้าตบลูกบอล การตบแบบวิ่งสองก้าว การตบลูกแบบวิ่งสองก้าว มักจะใช้ในการตบลูกเร็ว ผู้ตบจะยืนอยู่บริเวณเส้นรุกถ้าตบลูกด้วย มือขวา จะเริ่มก้าวเท้าซ้ายยาวๆ เป็นก้าวแรก พร้อมกับย่อตัวต่ำลงเพื่อให้เกิดแรงส่งขณะกระโดดแล้วก้าว เท้าขวาตามเป็นก้าวที่สอง ปลายเท้าขวาอาจจะเสมอหรือเหลื่อมกับปลายเท้าซ้ายเล็กน้อย การตบแบบวิ่งสามก้าว การตบแบบวิ่งสามก้าวนี้ถ้าตบลูกบอลด้วยมือขวาจะเริ่มก้าวแรกด้วยเท้าขวาและก้าวเท้าซ้าย ตามเป็นก้าวที่สอง ก้าวที่สามจะก้าวเท้าขวายาวๆ ขณะลอยตัวกระโดดขึ้นตบให้ลากเท้าซ้ายตามเท้าขวา เล็กน้อย การตบที่วิ่งมากกว่าสามเก้า การตบที่ผู้ตบต้องวิ่งมากกว่าสามก้าวซึ่งอาจจะวิ่งถึง 7-8 ก้าว จะใช้สำหรับการตบลูกยาวหรือ ลูกโด่งสูง การวิ่งก้าวแรกๆ จะสั้น แต่ก้าวสุดท้ายต้องก้าวยาว การที่ก้าวแรกๆ สั้นๆ เพราะเป็นการสร้าง ความเร็วในการกระโดด ถ้าก้าวแรกยาวจะไม่สามารถสร้างความเร็วในก้าวต่อไป ก้าวสุดท้ายให้ก้าวยาว เพราะเป็นจุดของจังหวะการกระโดด หากก้าวสั้นอีกอาจจะเสียจังหวะหรือชนตาข่ายได้ 3. การกระโดด จุดมุ่งหมายของการกระโดดเพื่อสร้างความสูง สิ่งที่จะช่วยให้เกิดแรงส่งให้ลอยตัวสูงขึ้นอีก ก็คือ การเหวี่ยงแขน สปริงข้อเท้า การยืดลำตัว มุมของเข่า คือ ก่อนการกระโดดเข่าต้องงอเล็กน้อยโน้มตัวไป ข้างหน้า เหวี่ยงแขนทั้งสองไปข้างหน้าเหยียดตัวขึ้นพร้อมกับใช้แรงสปริงจากข้อเท้ากระโดดขึ้นการ กระโดดใช้ทั้งปลายเท้า และส้นเท้า การกระโดดด้วยปลายเท้าใช้เมื่อตบลูกเร็ว หรือลูกสั้น หรือลูกใกล้ ตาข่าย กระโดดด้วยส้นเท้าการลอยตัวจะสูายจึงกว่าใช้ตบลูกไกลหรือลูกห่างตาข่าย 4. การเหวี่ยงแขน การเหวี่ยงแขนนอกจากจะช่วยให้มีแรงส่งตัวลอยขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การทรงตัวดีโดยบังคับไม่ให้ ตัวพุ่งไปข้างหน้าและช่วยให้ลอยตัวอยู่กลางอากาศได้นาน การเหวี่ยงแขนให้กำมือหลวมๆ กางแขนออก เล็กน้อย อย่าเหวี่ยงแขนไปข้างหลังมากเกินไปเพราะจะทำให้การเหวี่ยงแขนไปข้างหน้าช้าลง และจะ เหวี่ยงแขนทั้งสองข้างขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเหยียดแขนซ้ายไปข้างหน้าเหมือนกับจะจับลูกบอลให้ข้อศอก ขวาอยู่หลังใบหูขวา แอ่นลำตัวไปข้างหลังแขนขวาเหยียดตรงไปตบลูกบอลด้วยฝ่ามือและข้อมือของ แขนขวา โดยหักข้อศอก ขณะเหวี่ยงลำตัวโค้งไปข้างหน้า ขณะจะตบลูกบอลให้เหวี่ยงแขนทั้งสองข้างขึ้น อย่างรวดเร็ว โดยเหยียดแขนซ้ายไปข้างหน้าเหมือนกับจะจับลูกบอลให้ข้อศอกขวาอยู่หลังใบหูขวา
48 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ เหยียดแขนตรงไปตบลูกบอลด้วยฝ่ามือและหักข้อมือลง ลักษณะของแขนที่ตบจะเหยียดตึง ข้อมือจะต้อง สะบัดลงเหมือนกับการใช้แส้ตีวัวหรือตีม้า การตบนอกจากการยกแขนและเหวี่ยงแขนอย่างถูกต้องแล้วยัง ต้องใช้ข้อมือด้วย ภาพที่ 78 แสดงลักษณะท่าทางของแขนในการตบลูกบอล 5. การลงสู่พื้น เนื่องจากขณะตบลูกบอลจะยกไหล่ขวาขึ้นสูงกว่าไหล่ซ้าย (ผู้ตบลูกบอลด้วยมือขวา) ดังนั้น ขณะลงสู่พื้นเท้าซ้ายมักจะลงสู่พื้นก่อน ทำให้เท้าซ้ายต้องรับน้ำหนักมากเกินไปจึงทำให้ข้อเข่าได้รับ บาดเจ็บ จึงควรฝึกหัดลงสู่พื้นด้วยเท้าคู่ และลงสู่พื้นด้วยปลายเท้าในลักษณะทิ้งย่อ คือ เอนปลายเท้าลงสู่ พื้นพร้อมกับงอเข่าพับตัวลงเล็กน้อยเมื่อลงสู่พื้นแล้วให้อยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะเล่นลูกบอลได้ต่อไป การ เหวี่ยงแขนและการลงสู่พื้นด้วยเท้าเดียวอย่างนี้ไม่ถูกต้องอาจได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ และหัวเข่าได้ หลักสำคัญของการตบลูกบอลไว้ดังนี้ 1. การเคลื่อนที่เข้าหาบอลและกระโดดเพื่อทำการตบ การเคลื่อนที่เข้าหาบอล (Approaching and take off) เป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการตบ 1.1 การก้าวเท้าเข้าบอล โดยปกติแล้วการก้าวเท้าเข้าหาบอล2 ก้าวสุดท้ายของผู้เล่นที่ตบด้วยมือขวาจะก้าวด้วยเท้าขวา ตามด้วยเท้าซ้ายและถีบตัวขึ้นจากพื้น การก้าวเท้าแบบนี้จะทำให้ตบบอลได้ในจุดที่สูงขึ้น ควบคุมการทรง ตัวได้ง่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีผลดีในการปรับจังหวะการถีบตัวขึ้นจากพื้น ภาพที่ 79 แสดงลักษณะการก้าวเท้าเข้าหาบอล
49 คู่มือการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 1.2 การวิ่งเข้าหาบอลด้วยความเร็วเต็มที่ ทักษะการตบบอลเปลี่ยนทิศทาง เช่น วิ่งเข้าหาบอลเป็นแนวเฉียงกับสนามแต่เปลี่ยนทิศทางตบ บอลเป็นแนวตรงต้องอาศัยการก้าวเท้าให้ยาวเต็มที่ เมื่อเริ่มต้นวิ่งเข้าหาบอลแล้วใช้2 ก้าวสุดท้ายปรับ จังหวะในการถีบตัวขึ้นจากพื้นพร้อมทั้งบิดลำตัวเพื่อเปลี่ยนทิศทางจากแนวเฉียงเป็นแนวตรง ภาพที่ 80 แสดงลักษณะการวิ่งเข้าหาบอลด้วยความเร็วเต็มที่ 2. การถีบตัวจากพื้นและการกระโดด (Take off and Jump) เป็นการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องกันมาก และเป็นจุดสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้เล่นกระโดดได้สูงสุดผู้ เล่นหลายๆ คนมีกล้ามเนื้อดีมาก แต่จังหวะการเคลื่อนไหวต่อเนื่องระหว่างการถีบตัวจากพื้น และการ กระโดดไม่ดีจึงเป็นเหตุให้กระโดดได้ไม่สูงสุด ดังนั้น เทคนิคการฝึกตบบอลจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การเคลื่อนที่เข้าหาบอล (Approaching) การถีบตัวจากพื้น (Take off) การกระโดด (Jump) การเหวี่ยงลำตัวและแขน (Arms and Back Swing) หากการเคลื่อนไหวจุดใดจุดหนึ่งขาดความต่อเนื่อง จะทำให้ประสิทธิภาพในการตบ ลดลงกว่าที่ควรจะได้รับ 2.1 มุมในการย่อตัวเพื่อกระโดดตบบอล ผู้เล่นจะกระโดดได้ไม่สูงถ้าการย่อตัวต่ำมากเกินไปหรือน้อยเกินไปในขณะที่ก้าวเท้าก้าวสุดท้าย เพื่อถีบตัวขึ้นจากพื้น การย่อตัวที่ถูกต้อง สะโพกและหัวเข่าต้องงอเป็นมุม 90-100 องศา สรุปแล้ว ข้อสำคัญในการกระโดดจะอยู่ที่ 2 ก้าวสุดท้ายและการย่อตัว เพราะจะช่วยในการ ปรับจังหวะ เปลี่ยนทิศทาง และช่วยให้กระโดดได้สูง ภาพที่ 81 แสดงลักษณะมุมในการย่อตัวเพื่อกระโดดตบบอล