The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ รู้คิด รู้ทำ สร้างสรรค์งานศิลป์กระถินและอินทนิลสู่พื้นฐานอาชีพ” ชุดที่ ๑๒ เรื่อง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และ ก้านกระถิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ โรงเรียนนารีนุกูล จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อในการประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ “รู้คิด รู้ทำ สร้างสรรค์งานศิลป์กระถินอินและนิลสู่พื้นฐานอาชีพ” เรื่อง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และจากก้านกระถิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ เป็นการให้ความสำคัญกับการ ประดิษฐ์ดอกไม้จากเศษวัสดุธรรมชาติ และเพิ่มมูลค่าของเศษวัสดุ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น โดยการนำฝักกระถินแห้ง อินทนิลแห้ง และก้านกระถิน มาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ นำมาจัดช่อบูเก้ เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ และสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไปในอนาคต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by penvadee khasuwan, 2022-04-07 06:18:58

ชุดที่ ๑๒ เรื่อง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และก้านกระถิน

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ รู้คิด รู้ทำ สร้างสรรค์งานศิลป์กระถินและอินทนิลสู่พื้นฐานอาชีพ” ชุดที่ ๑๒ เรื่อง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และ ก้านกระถิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ โรงเรียนนารีนุกูล จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อในการประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ “รู้คิด รู้ทำ สร้างสรรค์งานศิลป์กระถินอินและนิลสู่พื้นฐานอาชีพ” เรื่อง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และจากก้านกระถิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ เป็นการให้ความสำคัญกับการ ประดิษฐ์ดอกไม้จากเศษวัสดุธรรมชาติ และเพิ่มมูลค่าของเศษวัสดุ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น โดยการนำฝักกระถินแห้ง อินทนิลแห้ง และก้านกระถิน มาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ นำมาจัดช่อบูเก้ เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ และสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไปในอนาคต

Keywords: ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และก้านกระถิน

ก๑

คำนำ

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ รู้คิด รู้ทา สร้างสรรค์งานศิลป์กระถินและ
อินทนิลสู่พ้ืนฐานอาชีพ” ชุดท่ี ๑๒ เร่ือง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และ
ก้านกระถิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ โรงเรียนนารีนุกูล จัดทาขึ้นเพื่อใช้เป็นส่ือในการ
ประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ “รู้คิด รู้ทา สร้างสรรค์งานศิลป์กระถินอินและนิลสู่พ้ืนฐาน
อาชีพ” เรื่อง ช่อบูเก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนิลแห้ง และจากก้านกระถิน นักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖ เป็นการให้ความสาคัญกับการ ประดิษฐ์ดอกไม้จากเศษวัสดุธรรมชาติ และ
เพ่ิมมูลค่าของเศษวัสดุ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น โดยการนาฝักกระถินแห้ง อินทนิลแห้ง และก้านกระถิน มา
ประดิษฐ์เปน็ ดอกไม้ นามาจัดช่อบูเก้ เปน็ ผลงานทส่ี รา้ งสรรค์ และสรา้ งงาน สรา้ งอาชพี ต่อไปในอนาคต

การจดั กจิ กรรมการเรียนรูใ้ นการอบรมเชงิ ปฏิบัติการโครงการ “รคู้ ดิ รู้ทา สรา้ งสรรคง์ านศิลป์
กระถนิ และอินทนิลสู่พนื้ ฐานอาชีพ” เร่ือง ช่อบเู ก้สวยด้วยดอกไม้จากฝักกระถนิ อินทนลิ แห้ง และกา้ น
กระถิน โดยใช้เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ “รู้คิด รู้ทา สร้างสรรค์งานศิลป์
กระถนิ และอนิ ทนลิ สู่พ้นื ฐานอาชีพ” เป็นกระบวนการของการวางแผนการสอน ทสี่ อดคล้องกับเน้ือหา
การอบรม จึงทาให้ เกิดประโยชน์และคุณค่าอย่างมาก เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ
ให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และการปฏิบัติเพื่อมุ่งพัฒนา เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ทักษะและ
ประสบการณ์ เกีย่ วกบั การประดิษฐ์ช่อบเู กส้ วยดว้ ยดอกไมจ้ ากฝกั กระถนิ อินทนลิ แห้ง และก้านกระถิน
ในเอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการฉบับนี้

ผู้จัดทาขอขอบพระคุณ นายประหยัด หลักรัตน์ ผู้อานวยการโรงเรียนนารีนุกูล ผู้เชี่ยวชาญ
ทุกท่าน และผู้ท่ีให้ความอนุเคราะห์ คาปรึกษา เสียสละเวลา เอกสาร ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และให้
ความร่วมมือในการจัดทาเอกสารฉบับน้ีจนสาเร็จ และขอขอบคุณผู้ท่ีสนใจ นาเอกสารฉบับน้ีไปใช้ให้
เกิดประโยชน์ต่อตนเองหรอื เพือ่ เผยแพร่ตอ่ วงการศึกษาต่อไป

เพ็ญวดี ค้าสวุ รรณ

๒ข

สำรบัญ

เรอื่ ง หนำ้
คานา............................................................................................................................. ............ ก
สารบัญ..................................................................................................................................... ข
ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั สาระการเรยี นรู.้ ..................................………………....................... ๑
ใบความรู้ที่ ๑ เรือ่ ง ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับการประดิษฐ์ชอ่ บูเก้ ................................................ ๒

๑.๑ หลักท่วั ไปในการจัดช่อดอกไม้ ............…………………………………............................ ๓
๑.๒ การออกแบบการจัดดอกไม้ ทฤษฎขี องสี …………………......................................... ๖
๑.๓ จัดช่อดอกไม้ ตามทฤษฎีสี .................................................................................... ๘
๑.๔ การเตรียมและการคัดเลือกวัสดุ..........................................………………………........ ๑๐
๑.๕ ข้อแนะนาในการเลอื กใช้สียอ้ มกลบี ดอกไมจ้ ากก้านกระถนิ …………...................... ๑๐
๑.๖ การเลือกใชเ้ คร่ืองประกอบตกแต่งในการจัดชอ่ บูเก้ ………….................................. ๑๑
๑.๗ การใชเ้ ครื่องมืออุปกรณ์ใหเ้ กดิ ความปลอดภัยและการบารงุ รักษา ....................... ๑๓
ใบความรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง การทาช่อบูเก้สวยดว้ ยดอกไม้จากฝกั กระถนิ อนิ ทนลิ แห้ง .................... ๑๓
๒.๑ วสั ดุอุปกรณ์........................................................................................................... ๑๓
๑๖
๒.๑.๑ วสั ดุ .......................................................................................................... ๑๗
๒.๑.๒ อปุ กรณ์ ..................................................................................................... ๑๗
๒.๒ การเตรยี มเส้นโครงลวดกลบี ดอก ......................................................................... ๑๙
๒.๒.๑ การเตรยี มเส้นด้ินทองกลีบดอกตมู ดอกแย้ม ดอกบาน……………………...... ๒๑
๒.๒.๒ การเตรียมโครงกลีบดอก ........................................................................... ๒๑
ใบความรู้ที่ ๓ เร่อื ง การประดษิ ฐก์ ลบี ดอกตมู ดอกแย้ม ดอกบาน และการประกอบดอก ..... ๒๓
๓.๑ ลาดับขัน้ ตอนการทากลีบดอก .............................................................................. ๒๔
๓.๒ ลาดับขั้นตอนการประกอบดอกตมู ....................................................................... ๒๕
๓.๓ ลาดับขนั้ ตอนการประกอบดอกแยม้ ..................................................................... ๒๖
๓.๔ ลาดบั ข้นั ตอนการประกอบดอกบาน ..................................................................... ๒๗
๓.๕ ลาดับข้ันตอนการเข้าก้านดอกและเสรมิ กา้ นดอก.................................................. ๒๗
ใบความรทู้ ่ี ๔ เรอ่ื ง การจัดช่อบเู กแ้ บบช่อกลม ....................................................................... ๓๐
๔.๑ การประดษิ ฐ์โบตกแตง่ ช่อบูเก้ ...........................................…………………………......
๔.๒ การจดั ช่อบเู ก้แบบช่อกลม.....................................................................................

ค๓

สำรบญั (ตอ่ )

เรอ่ื ง หนำ้
เทคนคิ การประดิษฐ์ชอ่ บูเก้สวยด้วยดอกไม้ จากฝักกระถนิ และอินทนิลแหง้ ......................... ๓๓
ข้อเสนอแนะการประดิษฐช์ ่อบูเก้ ............................................................................................ ๓๕
ใบความรู้ ๕ เรอ่ื ง การประดิษฐ์ช่อบเู กส้ วยดอกไม้จากกา้ นกระถิน.......................................... ๓๖
๓๖
๕.๑ วสั ดุอุปกรณ์........................................................................................................... ๓๖
๕.๑.๑ วัสดุ .......................................................................................................... ๓๘
๕.๑.๒ อปุ กรณ์ ..................................................................................................... ๔๐
๔๑
๕.๒ ลาดับข้ันตอนการประดิษฐด์ อกไมจ้ ากกา้ นกระถนิ ............................................... ๔๑
๕.๓ วธิ ีการ เตรยี ม สยี อ้ ม ใช้สผี งสยี ้อมกก .................................................................. ๔๑

๕.๓.๑ วิธีผสมสี…………………….............................................................................. ๔๒
๕.๓.๒ วิธกี ารยอ้ มกลบี ดอกไมจ้ ากไม้กา้ นกระถนิ ............................................... ๔๒
ใบความรู้ ๖ เร่อื ง การประกอบดอกไม้จากก้านกระถิน การเสรมิ ก้านดอกและ ๔๔
การทาเคร่ืองประดับตกแตง่ .................................................................................................... ๔๗
๖.๑ วธิ ีการประกอบดอกไมจ้ ากไม้กา้ นกระถินและการเสริมกา้ นดอก ......................... ๕๐
๖.๒ วธิ กี ารทาเครื่องประดับตกแต่งประกอบชอ่ บูเกด้ อกไม้จากกา้ นกระถนิ ................. ๕๐
๖.๓ ขัน้ ตอนการพับรบิ บน้ิ ตกแต่งชอ่ บเู ก้ดอกไมจ้ ากกา้ นกระถิน.................................. ๕๑
ใบความรู้ ๗ เรื่อง การประดิษฐ์ช่อบูเกส้ วยดอกไม้จากก้านกระถนิ ........................................ ๕๔
๗.๑ ลาดบั ขน้ั ตอนการจดั ช่อบูเก้ดอกไมจ้ ากก้านกระถนิ .............................................. ๕๕
๗.๒ ลาดับขั้นตอนการห่อชอ่ บูเกด้ อกไม้จากกา้ นกระถิน .............................................
ข้อเสนอแนะการประดิษฐ์ชอ่ บูเก้สวยดอกไม้จากกา้ นกระถิน ......................................
บรรณานุกรม.................................................................................................................

๔๑

ผลกำรเรยี นรู้

๑. ปฏิบัติการประดษิ ฐ์ชอ่ บูเกส้ วยดว้ ยดอกไม้จากฝกั กระถิน อนิ ทนิลแห้งและกา้ นกระถิน
ไดป้ ระณีตสวยงาม นาไปประยกุ ต์ใช้ไดเ้ หมาะสมกบั โอกาส

๑.๑ เตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ การใช้และบารงุ รักษาเครื่องมืออปุ กรณ์การประดิษฐ์
ช่อบูเกส้ วยดว้ ยดอกไม้จากฝกั กระถนิ อินทนิลแหง้ และก้านกระถนิ ไดถ้ ูกตอ้ งและปลอดภยั

๑.๒ อธิบายลาดบั ขน้ั ตอนการประดษิ ฐ์ช่อบูเกส้ วยดว้ ยดอกไม้จากฝักกระถนิ อินทนลิ แหง้
และกา้ นกระถนิ ได้ถูกต้อง

๑.๓ ประดิษฐ์ชอ่ บเู กส้ วยดว้ ยดอกไมจ้ ากฝักกระถิน อนิ ทนลิ แหง้ และก้านกระถิน
ได้ประณตี สวยงาม

๑.๔ ประเมินผลปรบั ปรงุ พฒั นาช่อบเู กส้ วยดว้ ยดอกไม้จากฝักกระถิน อินทนลิ แห้ง
และก้านกระถินใหด้ ขี ึ้นได้

๑.๕ มีความมุ่งมนั่ ในการทางานจนสาเรจ็ เห็นคุณค่าของการทางาน ทางานอย่างมี
ความสขุ มีกจิ นสิ ัยที่ดีในการทางานดว้ ยความประณตี รอบคอบปลอดภัย

สำระสำคญั

ช่อบเู กส้ วยด้วยดอกไมจ้ ากฝกั กระถิน อนิ ทนลิ แห้งและดอกไม้จากกา้ นกระถิน
เป็นการนาวัสดธุ รรมชาติจากพชื คอื ฝักกระถินแหง้ ลกู อินทนิลแหง้ และไมก้ ้านกระถิน ที่หาได้
ทว่ั ไปในท้องถน่ิ นามาประดิษฐ์เป็นดอกไม้จดั ช่อบูเก้ ใช้เป็นของทรี่ ะลึกแสดงความยนิ ดีในโอกาส
ท่เี หมาะสม เกดิ ความภาคภูมิใจในผลงาน

สำระกำรเรียนรู้

๑. ความรู้ทวั่ ไปเก่ยี วกบั การประดษิ ฐช์ อ่ บูเก้ การออกแบบการจดั ดอกไม้
และการเตรียมวสั ดุอปุ กรณ์
๒. วิธีการใช้และบารงุ รกั ษาเครือ่ งมืออปุ กรณ์การประดิษฐ์ช่อบูเกส้ วยด้วยดอกไม้จากฝกั กระถนิ
อินทนลิ แห้ง และกา้ นกระถิน
๓. ลาดบั ข้นั ตอนการประดษิ ฐ์ช่อบูเกส้ วยด้วยดอกไม้จากฝกั กระถิน อินทนลิ แหง้ และกา้ นกระถนิ

๒๕

ใบควำมรู้ที่ ๑

เร่อื ง ควำมร้ทู ัว่ ไปเก่ยี วกบั กำรประดษิ ฐช์ อ่ บูเก้

ช่อบเู ก้ เปน็ คาภาษาอังกฤษ Bouquet (อ่านว่า บู เค่) แปลวา่ ช่อดอกไม้ คาภาษาไทย คอื ชอ่ ดอกไม้
ช่อบเู ก้ คอื การนาดอกไม้ อาจจะเป็นดอกไม้ ชนดิ เดียวกนั หรอื ดอกไม้หลายหลายชนิด สเี ดยี วกัน
หรือหลากหลายสี มามดั รวมกันเปน็ รปู ทรง เปน็ ดีไซนต์ ่าง ๆ ตามท่เี ราต้องการ

ชอ่ บเู ก้
ท่ีมำ : เพญ็ วดี คำ้ สวุ รรณ

ดอกไมท้ นี่ ามาจัดช่อบูเก้ทป่ี ระดิษฐจ์ ากฝักกระถนิ แห้ง ลกู อนิ ทนลิ แหง้ และดอกไมจ้ ากกา้ นกระถิน
ดูมีคุณค่า ใช้วัสดุท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นมาออกแบบ สร้างสรรค์ ตกแต่งให้สวยงาม นาไปใช้ได้จริง นักเรียน
สามารถทาเองได้ เกดิ ความเพลิดเพลนิ ภาคภมู ใิ จในผลงาน หากทาจนเกิดทักษะ ผลงานมีความประณีต
สวยงามนาไปจาหนา่ ยสรา้ งรายไดใ้ หก้ ับนกั เรยี น อีกทง้ั ชว่ ยใหน้ กั เรยี นใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์

๑.๑ หลักทว่ั ไปในกำรจดั ชอ่ ดอกไม้

การจัดช่อดอกไม้แต่ละคร้ังต้องคานึงถึงงานที่จะนาไปใช้ และต้องสวยงาม ต้องตาถูกใจ
เหมาะสมกับสถานที่ และผู้รบั โดยยึดหลักตอ่ ไปนี้

๑. หน้ำที่ใช้งำน ในปัจจุบันน้ีจะใช้ช่อดอกไม้ในหลายกิจกรรม เช่น วันเกิด วันแห่งความ
รกั วนั แสดงความยินดี และวันพเิ ศษในโอกาสตา่ ง ๆ

๒. เน้นควำมสวยงำม การจัดช่อดอกไม้ต้องนาวิชาศิลปะมาช่วย เพ่ือให้เกิดความสวยงาม
เช่น สีของดอกไม้จากฝักกระถินแห้งจะเป็นสีน้าตาล และดอกไม้จากก้านกระถิน สีและลักษณะของ
ดอกไม้มีความแปลกนามาจัดช่อเพ่ือให้เกิดความโดดเด่น สวยงามมากย่ิงข้ึน สีของอุปกรณ์ตกแต่ง
เหมาะสม กลมกลืนกับดอกไม้ หลักการจัดช่อดอกไม้ประดิษฐ์และดอกไม้สดจะแตกต่างกัน
ตรงการเตรียมดอกไม้ ผเู้ รยี นทีเ่ รมิ่ จัดชอ่ ดอกไม้ ควรใชด้ อกไม้ประดิษฐ์กอ่ น

๖๓

๑.๒ กำรออกแบบกำรจดั ดอกไม้ ทฤษฎีของสี

กำรออกแบบกำรจดั ดอกไม้
การจัดดอกไม้เป็นการวางดอกไม้และใบไม้ท่ีเลือกไว้ในภาชนะตามแบบที่กาหนด ดอกไม้ที่จัดใน
ภาชนะสามารถดึงดูดความสนใจได้เนื่องจากสีสันและรูปทรง ของดอกไม้ จะน่าสนใจย่ิงขึ้นเม่ือมีการจัด
อยา่ งมีรปู แบบ
การออกแบบ คือ การเลือกและการจัดวางวัสดุ และการสร้างรูปทรงด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ โดย
มจี ดุ ม่งุ หมายเพือ่ ให้เกดิ ความสวยงามและมคี ุณค่าทางจติ ใจ ให้รู้สกึ ได้ถึงความม่นั คง, เปน็ ธรรมชาติ, ความ
สมดุล และความเรียบง่าย การออกแบบยังต้องคานึงถึงความเหมาะสมของรูปทรง, สถานที่จัดแสดง และ
การใช้งาน
สีกบั กำรออกแบบกำรจัดดอกไม้

สีแต่ละสีจะให้ผลต่อมุมมองที่ต่างกัน การใช้สีอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความสาคัญต่อการ
ออกแบบการจัดดอกไม้

สีแดง, ส้ม และ เหลือง เป็นสีสว่างสดใส ทาให้รู้สึกกระตือรือร้น จัดเป็นโทนสีอุ่น (worm
colors) ให้ความรสู้ กึ ใกล้ และมนี ้าหนักกวา่ สโี ทนเย็น

สีน้าเงิน, เขียว และ ม่วง ทาให้รู้สึกสงบ จัดเป็นสีโทนเย็น (cool colors) ให้ความรู้สึกไกล
และมีน้าหนักน้อยกวา่ สีโทนรอ้ น

แหล่งที่มา : http://myhanabana.blogspot.com/2015/05/floral-designs-color-theory.html

๔๗

วงล้อสีเด่ียว (Twelve-Hue Color Wheel) เป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการออกแบบสีในการจัดดอกไม้
แบ่งเป็น

สหี ลกั /ปฐมภมู ิ (Primary colors) มี สแี ดง, นา้ เงนิ และ เหลือง เปน็ สหี ลัก
สีรอง/ทุติยภูมิ (Secondary colors) มี สีส้ม, เขียว และ ม่วง ได้จากการผสมสีหลัก สีผสม
(Intermediate colors) มี สีน้าเงนิ เขียว, นา้ เงนิ ม่วง, แดงม่วง, แดงส้ม, เหลืองส้ม และเหลอื งเขยี ว ไดจ้ าก
การผสมสหี ลักและสีรอง
การจัดดอกไม้และการเข้ากันของสี (Color Harmonies)
การจัดดอกไม้และการเข้ากนั ของสที ส่ี อดคล้องกนั (Related Color Harmonies)
การออกแบบการจัดดอกไม้ด้วยลักษณะสี Monochromatic
Monochromatic การใช้สเี พียงสเี ดียวแลว้ ลดความเข้มอ่อนของสี เชน่ สเี หลือง

แหลง่ ท่ีมา : http://myhanabana.blogspot.com/2015/05/floral-designs-color-theory.html
การออกแบบการจดั ดอกไม้ด้วยลักษณะสี Analogous
Analogous สีในวงล้อสีท่ีอยู่ใกลก้ ัน เชน่ มว่ ง-น้าเงนิ , ม่วง, มว่ ง-แดง และ แดง

๘๕

กำรจดั ดอกไมแ้ ละกำรเข้ำกันของสีทต่ี ่ำงกัน (Contrasting Color Harmonies)

กำรออกแบบกำรจดั ดอกไมด้ ้วยลกั ษณะสี Complements
Direct complements สใี นวงลอ้ สคี ทู่ ่ีอยู่ตรงขา้ มกัน เชน่ มว่ ง และ เหลือง
Split Complements สใี นวงลอ้ สโี ดยใชส้ ดี า้ นหน่งึ กับ ๒ สที อี่ ยใู่ กล้กับสที ี่อยู่ตรงขา้ มกัน เช่น

ม่วง, เหลืองส้ม และเหลืองเขียว

แหล่งทม่ี า : http://myhanabana.blogspot.com/2015/05/floral-designs-color-theory.html
การออกแบบการจดั ดอกไมด้ ้วยลกั ษณะสี Triad
Triad สใี นวงลอ้ สี ๓ สี ทมี่ ชี ่องห่างเทา่ กัน เช่น มว่ ง, ส้ม และเขียว

๖ ๙

๑.๓ จัดช่อดอกไม้ ตำมทฤษฎีสี

แหล่งทีม่ า : sitepoint.com/color-theory-101-2/
จัดชอ่ ดอกไมโ้ ดยองิ จากทฤษฎสี ี

วิธีพื้นฐานท่ีสุดในการเลือกสี คือการใช้สีสองสีท่ีอยู่ตรงข้ามกันบนวงล้อ หรือท่ีภาษาอังกฤษ
เรียกว่า ‘Complementary Color’ และภาษาไทยเรียกว่า ‘สีคู่ตรงข้าม’ โดยวิธีการจับคู่คือการลากเส้น
จากสีหนึ่งไปตรง ๆ เสน้ นนั้ ไปบรรจบทส่ี ใี ด สองสนี นั้ ก็เป็นคู่กนั ดงั รูปด้านบน วิธีใชเ้ บือ้ งตน้ การจัดการกับ
สีให้เกดิ ด้วยตัวอย่างช่อดอกไม้ สขี องดอกไม้ กระดาษ รบิ บ้ิน สแี ดง-เขียว

แหลง่ ท่ีมา : https://www.fruitnflora.com/valentine-bouquet-color

ช่อดอกไม้

ช่อกุหลาบสีแดง ที่ตัดกับใบไม้สีเขียวได้สวยงาม โดดเด่น แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อจับคู่สีเป็นแล้ว
คุณจะสามารถใชส้ ีอยา่ งตามใจชอบได้ ควรจะคานึงถึงเสมอว่า ใหเ้ ลือกสใี ดสหี นึ่งเปน็ ผู้นา และอกี สีเป็นตัว
ขับให้สีตรงข้ามของตนโดดเด่นข้ึนมา เพราะถ้าใช้สองสีเท่า ๆ กัน ช่อดอกไม้ หรืองานท่ีสร้างสรรค์อยู่
จะกลายเปน็ สง่ิ ทม่ี องแล้วปวดตา

๑๐ ๗

เปรยี บเทียบกำรใชค้ ู่สแี ดง-เขยี วเหมือนกนั แต่คนละสัดส่วนกนั

รูปซำ้ ยใหน้ ้ำหนักกับสแี ดง ท้งั จำก ใชท้ งั้ สองสีเทำ่ ๆ กันเลย

กุหลำบและกระดำษห่อสีนำ้ ตำลแดง

แหลง่ ทมี่ า : https://www.fruitnflora.com/valentine-bouquet-color

จะเห็นว่าการท่ีความเข้มข้นของสีทั้งสองตัดกัน สร้างได้ทั้งความสวยงามและความอึดอัด เพราะ
การใช้สองสีที่ตัดกันมากในปริมาณเท่า ๆ กัน แบบช่อด้านขวา จะกลายเป็นรบกวนสายตา ไม่มีจุดโฟกัส
เพราะทุก ๆ ส่วนต่างแย่งกันรับความสนใจจากสายตา แต่หากจัดสัดส่วนของสีได้อย่างถูกต้องไม่เพียงแต่
ความหมายของกุหลาบแดง ท่ีทาให้ช่อดอกไม้นี้ทรงพลัง แต่สีที่ถูกขับยังสะดุดตาชวนให้มอง ช่อกุหลาบ
แดงแซมเขียวจงึ เป็นชอ่ ดอกไม้วาเลนไทน์ที่มีคณุ ค่าตลอดกาล

แหล่งท่ีมา : https://www.fruitnflora.com/valentine-bouquet-color

วธิ ีหน่งึ ทีจ่ ะทาให้ผลงานออ่ นลง ในการนามาใช้ คือถ้าเป็นการระบายสี ให้ผสมสีขาวลงไปในสแี ทท้ ีใ่ ช้ ส่วน
การจัดดอกไมก้ ็ให้เลือกใช้ดอกไม้สชี มพแู ทนสีแดง

๘ ๑๑

๑.๔ กำรเตรยี มและกำรคัดเลือกวสั ดุ
วสั ด๑ุ .๔.๑ กระถนิ กระถนิ ยักษ์

ฝักกระถินแห้ง ฝักมลี กั ษณะแบน ปลายฝักแหลม ฝักใหญ่ โคนสอบ ฝกั เมอ่ื แก่จะแตกตามยาว ฝักยาว
ประมาณ ๒๐ เซนติเมตร และกว้างประมาณ ๒–๓ เซนติเมตร ในฝักมีเมล็ดเรียงตามขวางอยู่ประมาณ
๑๕ - ๓๐ เมลด็ และจะออกผลในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถงึ เดอื นมกราคมส่วนทนี่ ามาใชป้ ระโยชนค์ ือ
สว่ นฝักแห้ง

กระถินยกั ษ์
แหลง่ ที่มำ : เพญ็ วดี ค้ำสุวรรณ
๑.๔.๒ กำรคดั เลอื กฝักกระถนิ แหง้
ฝกั กระถนิ แหง้ เลือกฝักแหง้ ใหมๆ่ มสี ีน้าตาลออ่ น ฝกั มีลักษณะแบน เรยี บไมโ่ คง้ และควร
เลือกฝกั กระถินยกั ษเ์ พราะลกั ษณะเปน็ ฝกั ใหญ่ จดั วางและทากลีบดอกได้ง่าย จะเก็บฝักกระถนิ ท่ีมี
คณุ ภาพไดช้ ่วงเดือนกรกฎาคมจนถงึ เดือนมกราคม
๑.๔.๒ กำรคัดเลือกกำ้ นกระถนิ
การเลือกก้านกระถินท่ีนามาประดิษฐด์ อกไม้ เลือกก้านกระถินทไ่ี มอ่ ่อนหรือแก่เกนิ ไปและ
ตดั ใหม่ ๆ จะเป็นกา้ นกระถนิ บ้านหรือ ก้านกระถินยกั ษ์ตามต้องการ เลือกไม้กา้ นกระถินให้มีขนาด
พอดีกับอุปกรณ์ทใ่ี ชป้ ระดิษฐ์ คือ กบที่เหลาดนิ สอ สาหรับการนามาทากลีบดอก ในการประดิษฐด์ อกไม้
จากไม้กา้ นกระถนิ

ตน้ กระถินไทย ไม้กา้ นกระถินสาหรบั นามาประดษิ ฐ์ดอกไม้
แหลง่ ทมี่ า : เพญ็ วดี คา้ สวุ รรณ แหล่งทีม่ า : เพ็ญวดี ค้าสุวรรณ

๑๒ ๙

๑.๔.๓ อนิ ทนิล
๑) อินทนิลน้ำ ผลอินทนิลน้า ลักษณะเป็นรูปไข่เกลี้ยง ๆ กว้างประมาณ ๑.๕ - ๒ เซนติเมตร

และยาวประมาณ ๒ - ๒.๖ เซนติเมตร ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคมที่ผิวของผล
อินทนิล จะเรียบ ไม่มีขนปกคลุม ผลมีสีน้าตาลแดง ผลเป็นผลแห้ง เม่ือแก่จะแยกออกเป็น ๖ เส่ียง และ
จะเผยใหเ้ ห็นเมลด็ เล็ก ๆ ทม่ี ีปกี เป็นครีบบาง ๆ ทางดา้ นบน

อินทนลิ น้ำ
แหล่งท่ีมำ : เพ็ญวดี ค้ำสวุ รรณ
๒) อินทนิลบก ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม เมื่อผลแก่เต็มท่ีผลก็จะแตกและ
โปรยเมล็ด ผลแห้งรูปไข่หรือป้อมรี ยาว ๓ - ๔ เซนติเมตร เม่ือแก่แตกเป็น ๕ - ๖ แฉก เมล็ดขนาดเล็ก
สนี า้ ตาล มีปกี บางโคง้ ทางด้านบนหน่งึ ปีก

อนิ ทนลิ บก
แหลง่ ท่ีมำ : เพญ็ วดี คำ้ สุวรรณ

๑.๔.๔ กำรคดั เลือกผลอนิ ทนิลแห้ง
จะเลือกผลอินทนิลท่ีผลแก่เต็มที่และผลแห้งใหม่ ๆ อินทนิลน้าเลือกผลแห้งผิวของผลอินทนิล

จะเรียบ ไม่มีขนปกคลุม ผลมีสีน้าตาลแดง ผลแห้งเมื่อแก่จะแยกออกเป็น ๖ เสี่ยง และจะเผยให้เหน็ เมลด็
เล็ก ๆ อินทนิลบก ผลแก่เต็มท่ีผลก็จะแตกและโปรยเมล็ด ผลแห้งรูปไข่หรือป้อมรี เก็บผลช่วงเดือน
ธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ การเลือกผลอินทนิลแห้งมาประดิษฐ์เป็นดอกไม้หรือส่ิงประดษิ ฐ์อื่น ๆ ถ้าหาก
เลือกมาประดิษฐ์เป็นเกสรดอกไม้ หรือประดิษฐ์เป็นดอกไม้ขนาดเล็กที่ต้องการความประณีตให้เลือกผล
อินทนิลน้า ถ้าหากต้องการประดิษฐ์กลีบดอกขนาดใหญ่หรือดอกไม้ขนาดใหญ่หรือส่ิงประดิษฐ์ขนาดใหญ่
ให้เลอื กผลอินทนลิ บก เป็นตน้

๑๐ ๑๓

๑.๕ ขอ้ แนะนำในกำรเลือกใชส้ ีย้อม กลบี ดอกไม้จำกกำ้ นกระถนิ

๑. เลือกใช้สยี ้อมกก คณุ สมบตั ิท่ีดี จะตดิ เนื้อไม้ได้ดแี ละทน
๒. สามารถเลือกใชส้ ผี สมอาหารชนิดทีเ่ ป็นซอง กไ็ ด้ แตส่ ีที่เป็นตัวแม่สีคอื สนี ้าเงนิ จะไม่มี
ถา้ ต้องการสีอ่ืน ๆ สามารถเลือกใช้ไดต้ ามต้องการ
๓. การย้อมสีกลีบดอกไมใ้ ห้ย้อมสีในขณะที่น้าละลายสียงั ร้อยอยู่ จะทาให้กลีบดอกไมต้ ิดสี
ไดเ้ รว็ มากย่ิงขน้ึ อาจจะใชเ้ วลาเพียง ๒ - ๓ นาที กส็ ามารถนากลบี ดอกไมข้ ึ้นจากนา้ สไี ด้
๔. ไมแ่ นะนาใหเ้ อากลีบดอกไม้ไปต้มในนา้ สีจะทาใหก้ ลบี ดอกไมก้ รอบและแตกได้ง่าย
๕. การผสมสใี นการยอ้ มกลบี ดอกไมจ้ ากกา้ นกระถิน ต้องทดลองนากลบี ดอกไม้ ๑ กลบี ลงไปแช่
ในน้าสีแล้วใชป้ ากคบี จบั ข้ึนวางบนกระดาษซบั น้าสี แล้วเช็คค่าของสี ว่าได้ตวั สตี ามทต่ี ้องการแล้วหรือยัง
แล้วจึงนากลบี ดอกท้ังหมดลงยอ้ ม
๖. การผสมสยี อ้ มกลบี ดอกไม้ควรผสมนา้ สีในปริมาณที่พอดีกบั จานวนกลีบดอกไม้ ถ้ามีน้าสเี หลือ
จากการย้อมให้เทน้าสใี ส่ขวดปดิ ฝา เกบ็ ไวใ้ นที่มิดชิด เพ่ือนาไปใช้ในครง้ั ตอ่ ไป ไม่ควรนาไปเทท้ิงเพื่อ
ป้องกนั การเกิดมลภาวะเปน็ พิษ

๑.๖ กำรเลอื กใช้เครอ่ื งประกอบตกแต่งในกำรจดั ช่อบเู ก้

๑.๖.๑ ควำมหมำยของเครือ่ งประกอบตกแตง่ ในกำรจดั ช่อบูเก้
เครอื่ งประกอบตกแต่งในการจดั ชอ่ บเู ก้ หมายถงึ วัสดตุ ่างๆ ทน่ี ามาตกแต่งให้เกดิ ความ

สวยงามกบั ผลงานทเ่ี ราได้ประดษิ ฐข์ ้ึน วสั ดุทใี่ ช้เหลา่ นี้ เช่น โบ รบิ บ้ิน ผา้ โปรง่ กระดาษสา ลวดสี
ดอกไม้แห้ง ดอกหญ้าแหง้ ใบไม้ มุก ลูกปัด เป็นตน้

๑.๖.๒ ประเภทของเครื่องประดับตกแตง่ ในกำรจดั ชอ่ ดอกไม้
๑) ริบบน้ิ
รบิ บิน้ ต่วน
มีหลายขนาด ที่ใช้ กันบอ่ ย ๆ เช่น ๐.๕ เซนตเิ มตร ๑ น้ิว ๒ น้วิ ๓ นวิ้ ๖ นวิ้ ใชไ้ ด้ดใี น

งานประดิษฐ์ชนิดตา่ งๆ เชน่ งานผกู ชอ่ ดอกไม้ จะนยิ มใชก้ ันมาก
คุณสมบัติท่ีดี คือ ซกั ได้รีดได้ มใี ห้เลือกทุกสี เลือกใช้ตามขนาดของชิ้นงาน
๒) กระดำษ
กระดำษสำ เปน็ กระดาษท่ผี ลติ ในประเทศทาจากตน้ สา
ชนิดหนำ มีความหนา เน้ือกระดาษนุ่ม ผวิ ขรุขระ มีทุกสี เหมาะสาหรับหอ่ ดอกไม้

ยอ่ ยสลายได้ง่ายเพราะเป็นผลติ ภณั ฑจ์ ากธรรมชาติ

๑๔ ๑๑

กระดำษห่อดอกไมช้ นิดพเิ ศษ
เป็นกระดาษที่ผลิตข้ึนเพื่อการห่อดอกไม้ โดยเฉพาะ มีเน้ือกระดาษเหนียวเคลือบมัน
มีรูปแบบลวดลายให้เลือกมากมาย ฉีกขาดยากกว่า คุณสมบัติพิเศษท่ีเหมาะสาหรับห่อดอกไม้โดยเฉพาะ
คอื เมื่อตดิ เทปใสแล้วสามารถดึงออกไดโ้ ดยกระดาษไมข่ าดหรือเป็นรอยเหมือนแบบธรรมดา ซึ่งไม่สามารถ
แกะเทปใสออกไปโดยไม่ทาให้กระดาษขาดเสียหาย มีท้ังผลิตในประเทศราคา ๕ – ๑๐ บาท ถ้าเป็นชนิด
ทม่ี าจากต่างประเทศราคาจะอยรู่ ะหวา่ ง ๑๕ - ๓๐ บาท ซงึ่ จะมลี วดลายและสีสันท่ีสวยมีรายละเอียดมาก
ใยธรรมชำติ ให้ความสวยงามเป็นธรรมชาติ เข้ากับดอกไม้ได้ลงตัว มีทั้งสีธรรมชาติและ
ยอ้ มสีนาเข้าจากประเทศฟลิ ิปปินส์ มีชื่อเรียกว่า ผา้ ป่านฟิลปิ ปนิ ส์
ใยสังเครำะห์ ผลิตจากใยสังเคราะห์ มีหลายรูปแบบ หลากหลายสีสัน มีช่ือเรียกแตกต่าง
กนั เช่น ผา้ โปร่ง ผา้ โปรง่ เมด็ โฟม ผา้ รามโ่ี ฟม ผา้ ตาข่าย
๓) วสั ดุตกแต่งอ่นื ๆ
กำกเพชร
กากเพชรทาจากอลูมเิ นียม ใช้ในการตกแต่งเพ่ิมสีสัน ความงดงาม กับการจัดดอกไม้ เชน่
ดอกไม้จากก้านกระถินตกแต่งปลายกลีบดอกด้วยกากเพชร หรือ การเขียนตัวหนังสือ มีสีทอง เงิน แดง
ฟา้ และเขียว เป็นตน้
มุก ลกู ปดั เทยี น ผีเสอ้ื นก
ใช้เพมิ่ ความงดงามและความนา่ สนใจ ในการจัดตกแตง่ ช่อบูเก้

๑.๗ กำรใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์ให้เกดิ ควำมปลอดภัยและกำรบำรงุ รักษำ

วิธใี ช้ปนื ยงิ กำวรอ้ นนัน้ มีดงั น้ี
๑. บรรจุแท่งกาวลงในปืนยิงกาวร้อน
๒. เสียบปล๊ักทิง้ ไว้จนกาวรอ้ น ประมาณ ๕ - ๖ นาที สังเกตเม่ือบบี ไกปืนจะมเี นอ้ื กาวไหลออกมา
ควรรอจนกวา่ จะสามารถบีบกาวออกมาไดส้ ะดวก ถา้ ฝนื กดไกปนื ในขณะทีย่ ังมคี วามร้อนไม่พอให้แท่งกาว
ละลาย ไกปืนจะแข็งมาก จนอาจทาให้ตัวยงิ กาวพังได้
๓. นาไปติดวัสดทุ ่ตี อ้ งการ
๔. จบั วัสดุที่ตดิ ค้างไว้ประมาณ ๑ - ๒ นาที เพื่อให้กาวเย็นตัวลง
๕. เมอื่ เลิกใช้งานแล้วอาจมปี ัญหาวา่ กาวยงั ไมย่ อมหยุดไหล ใหจ้ ับแท่งกาวดงึ ถอยกลบั มาเล็กน้อย
กาวก็จะหยุดไหลไดส้ นทิ

๑๒ ๑๕

ข้อควรระวังกำรใช้ปืนกำว
๑. ควรทงิ้ ระยะให้ปนื กาวรอ้ นมากพอท่จี ะทาให้แท่งกาวละลาย และควรเว้นระยะใหป้ ืนกาว

ร้อนเตม็ ท่ีก่อนจะนาไปติดช้ินงานต่อไป
๒. อย่าจับทีป่ ลายปนื กาวโดยเด็ดขาดเพราะมีความร้อนสูง
๓. กาวท่ีละลายจะมคี วามรอ้ นสงู เช่นกัน ดังน้ันควรระวงั ไม่ให้โดนสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย

ขณะใชง้ าน
๔. ควรเพมิ่ ความระวงั มากขน้ึ เมื่อใช้ปนื กาวขนาดใหญ่ ๔๐ – ๘๐ โวลต์ เพราะความร้อนจะสงู กว่า

ปืนกาวขนาดเล็ก

ข้อควรระวังกำรใช้ กรรไกร และคมี ตัดลวด
๑. การใชก้ รรไกรควรระวังอย่าให้คมกรรไกรบาดมือ
๒. การใชค้ ีมตดั ลวดควรระวังอย่าใหส้ ว่ นทมี่ ีคมบาดมือ

กำรบำรงุ รกั ษำเคร่ืองมอื และอุปกรณ์
กำรเกบ็ บำรุงรกั ษำปนื กำว

๑. หลักใช้งานแลว้ ใหถ้ อดปลกั๊ ใหเ้ รยี บร้อย
๒. ดงึ แทง่ กาวทเ่ี หลือออก
๓. ใช้ผ้าเช็ดกาวทีต่ ัวปืนออกใหส้ ะอาด
๔. ท้งิ ให้ปนื กาวเยน็ เก็บใสก่ ลอ่ งให้เรยี บรอ้ ย

กำรเกบ็ บำรงุ รักษำ
๑. กรรไกรหลงั จากการใช้งานทาความสะอาดดว้ ยการเช็ดให้สะอาด การใชก้ รรไกรระวงั อย่าให้ตก

เพราะจะทาใหช้ ารดุ และความคมจะเส่ือมลง ก่อนเก็บควรทาดว้ ยน้ามนั วาสลิน แลว้ เกบ็ ใส่ซองใหเ้ รยี บรอ้ ย
๒. คีมตัดลวดหลงั จากการใช้งานทาความสะอาดด้วยการเชด็ ใหส้ ะอาดทาดว้ ยนา้ มันวาสลิน

เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์แต่ละประเภท มีวิธีการใช้และการเก็บรักษาแตกต่าง
กัน ควรเลือกใช้เคร่ืองมือและอุปกรณ์ที่ถูกต้องเหมาะสมกับประเภทของงาน จะมีผลให้งานประดิษฐ์
มีคุณภาพ ประหยัดเวลาและแรงงาน และการเก็บบารุงรักษาเคร่ืองมือและอุปกรณ์ให้ถูกวิธีจะช่วยยืด
อายุการใช้งานได้มากขึ้น นอกจากนี้การเก็บหรือจัดให้ถูกวิธี จะทาให้เกิดความสะดวกในการใช้
มีความเรียบรอ้ ยดังสภุ าษติ ที่ว่า “สะอาดเกบ็ สะดวกใช้ หยบิ กง็ า่ ย หายก็รู้ ดกู ง็ ามตา”

๑๖ ๑๓

ใบควำมรู้ที่ ๒
เรื่อง กำรทำชอ่ บเู กส้ วยด้วยดอกไมจ้ ำกฝักกระถนิ อนิ ทนลิ แหง้

๒.๑ วัสดุอปุ กรณ์
๒.๑.๑ วัสดุ

๑. ฝกั กระถนิ แหง้ ดา้ นสนี ้าตาล

ฝกั กระถนิ แหง้ ด้านสีครีม

๒. ลูกอนิ ทนิลแห้ง

๓. กาวแทง่

๑๔ ๑๗

๔. กาวยูฮู

๕. ลวดเบอร์ ๒๔ ใชส้ าหรับสอด
ดนิ้ ทอง

๖. ดนิ้ ทองเส้นเล็ก

๗. ลวดพันกา้ นสาเรจ็ เบอร์ ๑๘
สาหรับเข้าก้านดอก

๘. ฟลอรา่ เทป

๙. ปากกาเส้นผ่าศูนย์ ๑ เซนตเิ มตรเป็น
แกนสาหรับขนึ้ โครงกลีบดอก

๑๘ ๑๕

๑๐. เทปใส
๑๑. แกนกระดาษแข็งสาหรบั ท่จี ับ
ช่อบูเก้ (วสั ดเุ หลอื ใช้)
๑๕. ใยป่านรามี
๑๖. กระดาษสา

๑๗. ลวดสี

๑๘. รบิ บิ้น

๑๖ ๑๙

๒.๑.๒ อุปกรณ์

๑. กรรไกร

๒. คมี ตัดลวด

๓. ปืนยิงกาวใช้ประกอบกลบี ดอก
๔. ไมบ้ รรทดั ใชว้ ัดระยะ วัดขนาด
๕. เครอ่ื งตัดเทปใส

๒๐ ๑๗

๒.๒ กำรเตรียมเส้นโครงลวดกลบี ดอก

๒.๒.๑ กำรเตรยี มเส้นดิน้ ทองกลีบดอกตูม ดอกแย้ม ดอกบำน

๑. ตดั ลวดและเส้นด้นิ ทอง
+ ตัดลวดเบอร์ ๒๔ ใหไ้ ดค้ วามยาว ๒๕ เซนติเมตร จานวน ๓ เสน้
+ ตัดดิ้นทองเสน้ เล็กยาว ๒๕ เซนติเมตร จานวน ๓ เสน้
+ ตัดลวดเบอร์ ๒๔ ใหไ้ ดค้ วามยาว ๓๕ เซนติเมตร จานวน ๒ เสน้
+ ตดั ดิ้นทองเสน้ เล็กยาว ๓๕ เซนตเิ มตร จานวน ๒ เส้น
+ ตดั ลวดเบอร์ ๒๔ ใหม้ คี วามยาว ๕๖ เซนติเมตร จานวน ๑ เสน้
+ ตัดดนิ้ ทองเส้นเล็กให้มีความยาว ๕๖ เซนติเมตร จานวน ๑ เส้น

๒. นาเส้นลวดและเสน้ ดนิ้ ทองท่ีมคี วามยาว
เท่ากัน จัดไว้เปน็ คู่ ๆ แล้วนาเส้นลวดเบอร์ ๒๔
สอดเข้าไปในเส้นดิน้ ทอง ทาเช่นนจ้ี นครบ
ทุกเส้น

ดอกตมู กำรเตรียมเส้นดนิ้ ทอง

๑. นาเส้นดิ้นทองทส่ี อดลวดแลว้ มีความยาว
๒๕ เซนตเิ มตร นามาตัดให้ได้จานวน ๕ เส้น

๒. ปลายดนิ้ ทองทีต่ ดั ให้ทากาวยฮู ู
ปอ้ งกันไมใ่ ห้ดน้ิ ทองหลดุ

๑๘ ๒๑

ดอกแยม้ ๑. นาเสน้ ดน้ิ ทองทสี่ อดลวดแล้ว มคี วามยาว
ดอกบำน ๒๕ เซนตเิ มตร จานวน ๑ เสน้ นามาตัดให้ได้
จานวน ๕ เสน้ ยาวเส้นละ ๕ เซนตเิ มตร
๒. นาเสน้ ด้ินทองท่ีสอดลวดแล้ว มคี วามยาว
๓๖ เซนติเมตร นามาตัดให้ได้ จานวน ๖ เสน้
ยาวเสน้ ละ ๖ เซนตเิ มตร

ดิ้นทองสอดลวดแลว้ ตดั ความยาวตาม ๑. นาเส้นด้ินทองทสี่ อดลวดแล้วมคี วาม
ขนาดทีต่ ้องการ ยาว ๒๕ เซนติเมตร จานวน ๑ เส้นนามา
ตัดใหไ้ ดจ้ านวน ๕ เสน้ ยาวเส้นละ
เทคนิคกำรสอดดน้ิ ทอง ๕ เซนติเมตร
๒. นาเสน้ ดิ้นทองทีส่ อดลวดยาว ๓๖
เซนติเมตร จานวน ๑ เสน้ นามาตดั ให้ได้
จานวน ๖ เสน้ ยาวเสน้ ละ ๖ เซนติเมตร
๓. นาด้นิ ทองทส่ี อดลวดแล้ว มีความยาว
๔๙ เซนตเิ มตร จานวน ๑ เสน้ นามาตัด
ให้ได้ จานวน ๗ เส้น ยาวเส้นละ
๗ เซนตเิ มตร

๑. เส้นลวดตอ้ งเปน็ เส้นตรง ไม่มีรอยหงิกงอ และเสน้ ดน้ิ ทองต้องเรยี บ ไมม่ รี อยพบั และรอยยน่
เมือ่ นาลวดมาสอดใส่ในเสน้ ดิ้นทอง จะทาได้งา่ ยและเสร็จตามเวลา
๒. ต้องไมต่ ัดลวดและเส้นดิน้ ทองให้ยาวมากเกนิ ไป เพราะจะทาให้การนาลวดมาใสใ่ นดิ้นทอง
จะทาให้ชา้ และใสไ่ ดย้ าก
๓. เม่อื สน้ิ สุดการสอดลวดในเส้นดิ้นทองใหน้ ากาวมาทาเพ่ือปอ้ งกนั ไม่ใหร้ อยตัดเส้นด้ินทองล่ยุ

๒๒ ๑๙

๒.๒.๒ กำรเตรยี มโครงกลบี ดอก
ขนำดกลีบทใี่ ช้

ดอกตูม กลีบขนาดเลก็ ๕ กลีบ (ความยาวเส้นด้ินทอง ๕ เซนตเิ มตร)
ดอกแย้ม กลีบขนาดเล็ก ๕ กลบี (ความยาวเสน้ ดน้ิ ทอง ๕ เซนติเมตร)
กลีบขนาดกลาง ๖ กลีบ (ความยาวเส้นด้ินทอง ๖ เซนติเมตร)
ดอกบาน กลีบขนาดเล็ก ๕ กลีบ (ความยาวเสน้ ดิ้นทอง ๕ เซนตเิ มตร)
กลบี ขนาดกลาง ๖ กลีบ (ความยาวเส้นดน้ิ ทอง ๖ เซนตเิ มตร)
กลีบขนาดใหญ่ ๗ กลบี (ความยาวเส้นดน้ิ ทอง ๗ เซนตเิ มตร)

การขนึ้ โครงกลบี ดอก ขนาดกลบี เลก็ หรอื ใหญ่ขึ้นอยู่กบั ขนาดของแกนแทง่ ปากกา
เป็นหลกั การเลือกใชแ้ กนแท่งปากกาขนาดใด ต้องดขู นาดของกลบี ดอก ขนาดเลก็ ขนาดกลาง
และขนาดใหญ่

วธิ ีทำ

๑. เลือกแท่งปากกาขนาดทตี่ ้องการ
๒. นาเสน้ ดิ้นทองมาพันรอบแทง่
ปากกา เหลอื ปลายเสน้ ดน้ิ ทอง
ไวเ้ ลก็ นอ้ ย มัดตรงโคนด้ินทอง
เข้าด้วยกันใหแ้ น่น

๓. ถอดออกจากแทง่ ปากกา

๒๐ ๒๓

โครงกลบี ดอกขนำดเลก็ ๔. นาเส้นดิน้ ทองทขี่ น้ึ โครงกลีบเสร็จแลว้ มาดดั ให้
ได้ลักษณะคล้ายรูปหยดนา้ ทาตามขนั้ ตอน
ขนาด เชน่ เดยี วกันให้ครบทุกกลีบ

โครงกลีบดอกขนำดกลำง กลีบดอกขนำดเลก็
ชิน้ งานขนาดเดยี วกัน ให้ใชข้ นาดแทง่ ปากกาขนาด
ขนาด เดมิ แล้วเริม่ ต้นการข้ึนโครงกลีบขน้ั ท่ี ๒ ขั้นท่ี ๓
ตามข้นั ตอน จนเสร็จตามขั้นตอนจานวน
กลีบ ๕ กลบี

กลีบดอกขนำดกลำง
ให้เลอื กใช้แทง่ ปากกาขนาดใหญข่ ึ้น แลว้ เริ่มต้นการ
ข้ึนโครงกลีบข้ันท่ี ๒ ขัน้ ที่ ๓ ตามขัน้ ตอนจนเสร็จ
จานวน ๖ กลบี

กลีบดอกขนำดใหญ่
ใหเ้ ลอื กใช้แทง่ ปากกาขนาดใหญ่กว่ากลบี ขนาดกลาง
แล้วเรม่ิ ตน้ ขึน้ โครงกลีบ ขน้ั ที่ ๒ ข้ันที่ ๓
ตามขัน้ ตอนจนเสร็จสน้ิ จานวน ๗ กลบี
นากลีบแต่ละขนาดจัดไวเ้ ปน็ ชดุ ๆ กลีบดอก
ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ตามลาดบั

โครงกลีบดอกขนำดใหญ่

ขนาด

๒๔ ๒๑

ใบควำมรู้ที่ ๓
เรื่อง กำรประดษิ ฐ์กลีบดอกตมู ดอกแย้ม ดอกบำน และกำรประกอบดอก

๓.๑ ลำดับขั้นตอนกำรทำกลบี ดอก

๑. นาเสน้ ด้นิ ทองโครงกลบี ดอกแต่ขนาด
ท่ีดดั เสรจ็ แล้วมาทากาวยฮู ู ดังรูป

๒. หรือจะเลอื กใช้กาวปืน ดงั รปู

๓. การใชก้ าวยูฮู

๔. นากลบี แต่ละขนาดทท่ี ากาวเสร็จแล้วนามา
ตดิ กับฝกั กระถินแหง้ จะเลือกตดิ ด้านสีนา้ ตาล
หรือดา้ นสีครมี ตามความตอ้ งการ ดังรูป

๒๒ ๒๕

๕. การนาโครงกลีบดอกมาติดกับฝักกระถินควร
จะตดิ ขนาดโครงกลบี ดอกใหเ้ สร็จเป็นชุด ๆ
เชน่ กลีบดอกขนาดเล็ก กลีบดอกขนาดกลาง
และกลบี ดอกขนาดใหญ่ ดงั รูป

๖. ลักษณะของโครงกลบี ดอกทีต่ ดิ กับ
ฝกั กระถนิ ดงั รปู

๗. ตดั แยกกลีบดอกจากฝักกระถนิ ทีละกลีบ
เพ่ือใหส้ ามารถตัดตกแตง่ เกบ็ รายละเอยี ด
ขอบรมิ กลบี ดอกไดง้ า่ ย ดงั รูป

๘. ตัดตกแตง่ กลบี ดอกจากฝกั กระถิน
ตามรอยขอบดิ้นทองให้เรยี บและสวยงาม
ดังรูป

๙. ลกั ษณะของกลบี ดอกที่ตกแต่งสาเร็จ ดงั รปู

๒๖ ๒๓

๓.๒ ลำดบั ขนั้ ตอนกำรประกอบดอกตมู

๑. นากลบี ดอกจากฝักกระถินแห้งขนาดเล็กสุด
ประกอบกับลูกอนิ ทนลิ แห้ง (เกสรดอก)
โดยการทากาวปืนประมาณ ๑ เม็ดถวั่ เขียว
ทข่ี ั้วลูกอนิ ทนิล และนากลีบดอกเชอ่ื มตดิ ดังรปู

๒. วางกลบี ดอกชั้นที่ ๑ กะระยะช่องวา่ งเท่า ๆ
กนั ทกุ กลบี ดงั รปู

๓. ติดกลีบดอกจนครบจานวน ๕ กลีบ
ดังรูป

๒๔ ๒๗

๓.๓ ลำดบั ขั้นตอนกำรประกอบดอกแยม้

๑. กลีบดอกช้ันที่ ๑
นากลบี ดอกขนาดเล็กจากฝักกระถินแห้งมา
ประกอบกบั ลูกอินทนิล (เกสรดอก) โดยการทา
กาวปนื ประมาณ ๑ เม็ดถั่วเขียวทข่ี ัว้ ลกู
อินทนิลและนากลีบดอกเชื่อมติดกะระยะ
ชอ่ งว่าง
ของแต่ละกลีบใหม้ ีขนาดเทา่ ๆ กนั ตดิ กลบี
จนครบจานวน ๕ กลบี

๒. กลบี ดอกช้ันท่ี ๒
นากลีบขนาดกลางตดิ กลีบดอกโดยการทา
กาวปืนประมาณ ๑ เม็ดถ่วั เขียวที่ขัว้ ลูกอินทนิล
และนากลบี ดอกเช่ือมตดิ บานออกประมาณ
๒ มลิ ลเิ มตร ส่งปลายกลบี ให้สงู เทา่ กนั กะระยะ
ช่องว่างของแตล่ ะกลบี เท่า ๆ กนั ตดิ กลบี ดอก
จนครบจานวน ๖ กลีบ

๓. ดอกแยม้ สาเรจ็ ดงั รปู

๒๘ ๒๕

๓ล.ำ๔ดบัลขำดนั้ ับตขอนั้นตกอำรนปกรำะรดปิษรฐะก์ดออบกบดอำนกบำน

๑. กลบี ดอกชั้นที่ ๑
เตรียมเกสรโดยใชล้ ูกอนิ ทนิลแห้งขนาดกลางทมี่ ี
กา้ นข้ัว (สาหรบั ยึดกลบี ดอก) นากลบี ดอกจาก
ฝกั กระถนิ แหง้ กลีบขนาดเล็ก มาประกอบกบั ลกู
อินทนิล (เกสรดอก) โดยการทากาวปนื ประมาณ
๑ เม็ดถว่ั เขยี วทขี่ ั้วลูกอนิ ทนลิ และนากลีบดอกเช่ือม
ติดกะระยะช่องวา่ งของแตล่ ะกลบี ให้มีชอ่ งว่างเท่า ๆ
กัน ตดิ กลีบจนครบ จานวน ๕ กลบี ดงั รปู

๒. กลีบดอกช้นั ท่ี ๒
นากลีบขนาดกลางติดกลีบดอกโดยการทากาวปนื
ประมาณ ๑ เม็ดถว่ั เขยี วทีข่ ั้วลกู อนิ ทนิลและนากลบี
ดอกเช่ือมตดิ บานออกประมาณ ๒ มิลลเิ มตร ส่งกลีบ
ให้สูงเท่า ๆ กนั กะระยะช่องว่างของแต่ละกลีบ เท่า ๆ
กันติดกลบี จนครบจานวน ๖ กลีบ ดังรูป

๓. กลีบดอกชัน้ ที่ ๓
กลบี ขนาดใหญ่ตดิ กลบี ดอกทากาวประกอบ
กลีบดอกเหมือนช้นั ท่ี ๒ แตเ่ พม่ิ เป็น ๗ กลีบ
บานออกประมาณ ๒ มลิ ลเิ มตร ส่งปลายกลีบให้สงู
เทา่ ๆ กนั เรยี งกลบี สับหวา่ งและเลยี่ งหว่าง
กับชนั้ ที่ ๒ ติดกลีบจนครบจานวน ๗ กลบี ดงั รูป

๔. ไดด้ อกบานทสี่ าเรจ็ ดังรูป

๒๖ ๒๙

๓.๕ ลำดบั ข้นั ตอนกำรเข้ำกำ้ นดอกและเสริมก้ำนดอก

๑. ตัดลวดเบอร์ ๑๘ สาหรับเขา้ ก้านดอก ความยาว
๒๐ เซนติเมตร จานวนตามดอกไม้ทีป่ ระดิษฐ์ โค้ง
เป็นรูปตวั ยู เลก็ ๆ (เปน็ ตัวยึดไม่ให้ก้านหลุดออกจาก
ตวั ดอก)
๒. นาดอกไม้ทป่ี ระดษิ ฐ์สาเรจ็ แลว้ มาเสรมิ กา้ นดอก
โดยนาลวดก้านทโ่ี ค้งเปน็ ตัวยู สอดเข้าไปในขัว้ ดอก
พนั ยดึ ติดด้วยด้ายเบอร์ ๖๐ ทาลักษณะเช่นเดียวกนั
จนครบทุกดอก ดังรูป

๓. นาดอกไม้ทเ่ี สริมก้านดอกดว้ ยลวดเบอร์ ๑๘
แล้วมาเสริมกา้ นดอกด้วยกระดาษทิชชูตามความยาว
ของก้านดอก ทาในลกั ษณะเดียวกนั จนครบทกุ ดอก
ดังรปู

๔. นาดอกไม้แต่ละดอกมาพนั ทบั ด้วยฟลอรา่ เทป
สีนา้ ตาล จนครบทุกดอก

๕. นาดอกตมู ดอกแย้ม และดอกบานทปี่ ระดิษฐ์
สาเรจ็ มาเสริมกา้ นดอกโดยจดั ทาตามลาดบั ข้นั ตอน
ใหไ้ ดจ้ านวนดอกตามต้องการ ดังรูป

๓๐ ๒๗

ใบควำมรทู้ ี่ ๔
เรื่อง กำรจดั ช่อบูเกแ้ บบช่อกลม

๔.๑ กำรประดิษฐโ์ บตกแตง่ ช่อบเู ก้

๑. ตัดรบิ บิ้นความยาว ๒๐๐ เซนตเิ มตร
จานวน ๑ เส้น ดงั รูป

๒. นาริบบ้ินด้านหลงั เข้าหาตัวเอง โดยปล่อยชายรบิ บ้นิ ไว้
สาหรับเปน็ ชายตกแตง่ ความยาว ๔๖ เซนติเมตร
มว้ นริบบิ้นมาด้านหนา้ เปน็ แนวทแยง ดังรปู

๓. กาหนดตาแหน่งด้วยสายตาสอดชายรบิ บิ้น
ไปด้านหลัง ให้เป็นกลีบโบ ดงั รูป

๔. ม้วนริบบ้ินข้ึนมาด้านหนา้ เป็นแนวทแยง
ดงั รูป

๒๘ ๓๑

๕. สอดชายรบิ บิน้ ไปด้านหลัง แล้วมว้ นรบิ บ้ิน
กลบั ขึน้ มาด้านหน้าเปน็ แนวทแยง อีก ๑ รอบ
ดังรปู

๖. จบั ปลายริบบิ้นสอดเข้าไปใน
ชอ่ งว่าง
ของกลีบโบ ดังรปู

๗. ดงึ ชายรบิ บ้ินทาเป็นกลบี โบ
สว่ นชายริบบ้ินท่เี หลอื ทาเป็นชายตกแต่ง
อีกข้าง ดังรูป

๘. จะไดโ้ บตกแต่งลักษณะ ดังรปู

๓๒ ๒๙

๙. จับจบี โบใหไ้ ด้ลกั ษณะท่ีสวยงาม ดังรูป

๑๐. มดั ด้วยเสน้ ด้นิ ให้แน่น ดงั รปู

๑๑. นาลวดสีมดั ทบั อกี ครัง้ ให้แน่น แลว้ บิดตาม
แนวมว้ นของริบบิน้ จัดตกแต่งอกี คร้ัง จะได้โบ
สาเรจ็ ลกั ษณะ ดังรปู

๓๐ ๓๓

๔.๒ กำรจัดช่อบเู กแ้ บบชอ่ กลม เตรียมดอก
กำรจัดทำวัสดุตกแต่งและจัดช่อ - ดอกตมู จานวน ๓ ดอก
- ดอกแย้ม จานวน ๔ ดอก
- ดอกบาน จานวน ๖ ดอก

๑. นาใยป่านรามมี าตดั เป็นสเี่ หลีย่ มผนื ผ้า
ขนาด ๑๐ × ๒๐ เซนตเิ มตร จานวน ๗ ชิน้
แลว้ นาแตล่ ะชนิ้ มาพับตลบจากด้านลา่ งขนึ้ ไป
ดังรูป

๒. นาแต่ละช้ินทพี่ บั ในขอ้ ๑ มาพับทบตรงจดุ
กึ่งกลางแล้วตลบออกทัง้ สองข้าง พนั ทบั ด้วยเทป
ใสให้ปลายบานออกทาไปจนหมดทัง้ ๗ ช้นิ
ดังรูป

๓. นาดอกไม้ มาจดั รวมเขา้ ด้วยกนั ทีละดอกโดย
เร่มิ จากดอกตูมอยู่ดา้ นบนสดุ ลดหล่ันลงมาเปน็
ดอกแย้ม และดอกบาน ตามลาดับ ดงั รปู

๓๔ ๓๑

๔. จัดวางดอกไม้ในจงั หวะทเ่ี หมาะสมโดยให้ก้าน
บิดไปในทางเดียวกันเม่อื ใส่ดอกไมจ้ นหมดแลว้
ใหต้ รวจดูรปู ทรงด้านบนวา่ สวยงามและกลม ดงั
รปู

๕. มัดดว้ ยลวดเบอร์ ๒๖ ให้แนน่ ดงั รูป

๖. นาใยปา่ นรามีทต่ี ดั และพบั เตรียมไว้ จานวน
๗ ชิ้น มาวางเรียงต่อกัน จดั ระยะช่องว่าง เท่า ๆ
กัน จนครบตามจานวน แล้วพันทบั ด้วยเทปใสให้
แน่น ดังรปู

๗. นาก้านชอ่ ดอกไม้สวมเขา้ ไปในแกนกระดาษ
พันทับดว้ ยเทปใสให้แน่น เพ่ือทาเป็นทีจ่ ับ ดงั รปู

๓๒ ๓๕
๘. จัดตกแตง่ ดอกไม้ดว้ ยเส้นใย
ป่านศรนารายณ์ ให้สวยงาม ดังรูป

๙. ตกแตง่ หอ่ ที่จับช่อบเู ก้ ด้วยใยปา่ นรามี
หรือผูกโบใหส้ วยงามตามต้องการ ดังรปู

๑๐. จะได้ช่อบูเกแ้ บบกลมทส่ี วยงาม ดังรปู

๓๖ ๓๓

เทคนิคกำรประดษิ ฐ์ช่อบูเกส้ วยดว้ ยดอกไม้
จำกฝักกระถนิ และอนิ ทนิลแหง้ มดี งั น้ี

๑. กำรติดโครงลวดบนฝกั กระถนิ แหง้

๑.๑ เม่ือทากาวเสรจ็ แลว้ ให้รีบตดิ บนฝกั กระถนิ
เพราะกาวยฮู ูคุณสมบตั ิพิเศษคือแห้งเรว็
๑.๒ การวางโครงกลบี ดอกให้วางตามแนวเฉียงของ
ฝักกระถนิ เม่ือตัดกลบี ดอกฝักกระถินจะไม่แตก
ดงั รปู

๒. กำรตกแตง่ ขอบกลีบดอก ๒.๑ เม่อื นาโครงกลีบดอกมาตดิ กับฝกั กระถินโดย
๓. กำรประดิษฐ์ดอกแย้ม การทากาวเช่ือมติดต้องทงิ้ ให้กาวแห้งสนทิ ก่อน
จึงจะตดั กลีบดอก
๒.๒ กรรไกรท่ีนามาตัดขอบกลีบดอกควรเปน็ ขนาด
เล็กและคมจะทาให้ได้สะดวกวางรมิ ขอบกลบี เรยี บ
สวยงาม ดงั รปู

๓.๑ เลือกลูกอินทนิลแห้งท่ีมีลูกขนาดเล็ก
และ มีก้านขั้ว เพ่ือใชย้ ดึ กลบี ดอกไม้
๓.๒ การเรียงกลบี ดอก จัดช่องวา่ งใหม้ ี
ระยะห่างแตล่ ะกลีบเทา่ ๆ กัน ดังรูป

๓๔ ๓๗

๓.๓ การเรียงกลีบดอกช้นั ท่ี ๑ จดั ช่องว่างให้มี
ระยะหา่ งแตล่ ะกลบี เท่าๆ กันจนครบจานวน ๕ กลบี
๓.๔ การเรียงกลีบดอกชั้นท่ี ๒ ให้สับหว่างและ
เลี่ยงหวา่ งกบั กลีบชน้ั ที่ ๑ โดยจดั ช่องว่างให้มี
ระยะห่างเท่า ๆ กนั จนครบจานวน ๖ กลีบ ดังรปู

๔. กำรประกอบดอกบำน ๔.๑ ส่งปลายกลบี ของแต่ละช้ันให้มคี วามสงู
๕. กำรจัดช่อบเู ก้แบบชอ่ กลม เทา่ ๆ กนั ทกุ กลบี
๔.๒ กลบี ชั้นที่ ๒ บานออกจากชนั้ ท่ี ๑ ประมาณ
๒ มลิ ลเิ มตร
๔.๓ กลีบช้นั ที่ ๓ บานออกจากชัน้ ท่ี ๒ ประมาณ
๒ มลิ ลิเมตร
๔.๔ การประกอบกลบี ดอกในแตล่ ะช้ัน
กลีบดอกต้องมขี นาดเดียวกนั ดงั รปู

๕.๑ เตรียมดอกไม้ วัสดุอุปกรณ์ และสิ่งตกแต่ง
เชน่ จีบพัด เทปใส พรอ้ มเคร่ืองตดั ให้พร้อม
๕.๒ ใชด้ อกไม้ท่ีมีลักษณะเป็นดอกเด่ยี ว
จะจดั ช่อบเู ก้ไดง้ า่ ยและสวยงาม

๓๘ ๓๕

ข้อเสนอแนะกำรประดิษฐ์ชอ่ บเู ก้

๑. สามารถจัดช่อดอกไม้เป็นแบบช่อยาวก็ได้ตามความต้องการ
๒. ถา้ ตอ้ งการกลบี ดอกใหม้ ีขนาดใหญข่ ้นึ สามารถเลือกใช้ปากกาเคมี เป็นแกนในการทาโครงกลีบดอกได้
๓. ใยปา่ นรามีและกระดาษสา จะเลือกลวดลาย และเลือกใช้สีตา่ ง ๆ ไดต้ ามต้องการ
๔. เครอ่ื งตกแต่งประกอบช่อบเู ก้ ทีพ่ ับจีบพัดจะเลอื กใช้กระดาษสา หรอื ใยปา่ นรามี และเลือกวิธกี ารพบั
ตามจินตนาการของตนเองได้ตามตอ้ งการ
๕. ลวดสที ี่ใชผ้ กู มัดช่อบูเก้ สามารถเลือกสี หรือจะเลือกใชเ้ สน้ ใยจากธรรมแทนก็ไดต้ ามความตอ้ งการ
๖. แกนมือจบั ชอ่ บเู ก้ จะเลือกใชโ้ ฟมก็ได้ (แต่ต้องปักก้านดอกไม้ตดิ กับแกนโฟม)
๗. รูปแบบการพับโบในเอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการ เป็นเพยี งตวั อย่างในการพับโบเพียง
๑ วธิ ี เพอ่ื เปน็ แนวทางในการออกแบบส่ิงตกแต่งประกอบช่อบูเก้ นักเรียนสามารถเลือกวิธีการพับโบ
รูปแบบต่าง ๆ ได้ ตามความต้องการ โดยศึกษาจากแหลง่ เรียนรู้ในอินเตอร์เน็ต เชน่ วิธีการพับโบจากยทู ูป
https://youtu.be/0jKEEw64e6U รูปแบบโบและวธิ ีการพับจากเว็ปไซด์
https://th.wikihow.com/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A7
%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%
9A%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B9%%E0%B8%99

๓๖ ๓๙

ใบควำมรู้ ๕
เรื่อง กำรประดษิ ฐ์ชอ่ บเู ก้สวยดอกไม้จำกกำ้ นกระถิน

๕.๑ วัสดอุ ุปกรณ์ ๕.๑.๑ วสั ดุ

๑. ไมก้ ้านกระถินไม่อ่อนหรือแก่เกินไป
เนอ้ื แนน่ (ใชก้ ้านกระถนิ สด)

๒. สีย้อมกก (สีจะติดกบั เนื้อไมก้ ้านกระถนิ ไดด้ ี)
ในการประดิษฐ์ดอกไมค้ ร้งั น้ี เลือกใชส้ มี ่วงแดง
(ผสมสี สีนา้ เงิน กับ สีแดง)

๓. ลวดพันก้านสาเรจ็ เบอร์ ๑๘

๔. ไสก้ าว

๕. ริบบิ้น

๔๐ ๓๗
๖. เทปใส
๗. ลวดสี
๘. ผ้ารามี่หมิ ะ
๙. กระดาษใยไหม
๑๐. กระดาษสา
๑๑. ใยปา่ นรามี

๓๘ ๔๑

๑๒. โฟมสาหรับปกั ดอกไม้ขนาด
๕ x ๕ x ๒๕ เซนติเมตร

๑๓. ไมแ้ ขง็ ความยาว ๑๕ เซนตเิ มตร

๕.๑.๒ อปุ กรณ์

๑. กบเหลาดนิ สอ

๒. มีดสาหรับขดู ผวิ กา้ นกระถิน

๓. อปุ กรณผ์ สมสี (เก็บไวใ้ ชเ้ ฉพาะการ
ผสมสีเท่านั้น)

๔๒ ๓๙
๔. ปากคีบสาหรับจับกลบี ดอกไม้ขน้ึ ตาก
ตอนย้อมสี
๕. กรรไกร

๖. คีมตดั ก้านดอกไม้

๗. ปืนกาว

๘. ไม้บรรทัดวัดระยะและขนาด

๙. เครื่องตดั เทปใส

๔๐ ๔๓

๕.๒ ลำดบั ขั้นตอนกำรประดษิ ฐด์ อกไมจ้ ำกก้ำนกระถนิ

๑. นาก้านกระถนิ ทีเ่ ตรยี มไวแ้ ล้ว เลือกกา้ นท่ีตรง ๆ อยา่
ให้มีข้อมาก นามาใชม้ ดี ขดู เอาเปลือกนอกออกให้หมด
เหลือแตเ่ น้ือขา้ งในสีขาว

๒. ใชค้ ัตเตอรเ์ หลาโคนก้านกระถนิ ให้มลี ักษณะโคนก้าน
แหลม ๆ เพื่อใสในเคร่ืองทเี่ หลาดนิ สอได้งา่ ย

๓. นาไม้กระถนิ ทปี่ อกเปลือกแลว้ เหลาด้วยกบเหลา
ดนิ สอให้เป็นร้ิว

๔. นาร้วิ ไม้กระถนิ ที่เหลาเสรจ็ แล้วนามาขดเป็นกลบี
ดอกไมใ้ ห้ได้จานวน ๓๖๐ ดอก

๕. นากลบี ดอกไม้ไปตากแดดร่มร่าไรใหแ้ ห้ง
ประมาณ ๑ ชวั่ โมง (ไม่ตากแดดจดั กลบี ดอกไม้
จะ จะกรอบแตกได้งา่ ย) นากลบี ดอกไม้ที่ตากแห้งแลว้
มายอ้ มสี

๔๔ ๔๑

๕.๓ วิธกี ำร เตรยี ม สียอ้ ม ใชส้ ีผงสียอ้ มกก

๕.๓.๑ วิธีผสมสี

๑. ใชส้ ีผงสีนา้ เงินขนาด ๑ เมด็ งาดา และใช้สีผงสแี ดง
ขนาด ๒ เมด็ งาดา ใช้น้าปริมาณ ๒๔๐ มิลลิลิตร
๒. ตม้ น้าใหเ้ ดือดเทใส่แก้ว นาผงสีลงไปค้นละลายใหท้ ่ัว
จะไดส้ ีมว่ งแดง

๕.๓.๒ วธิ ีกำรยอ้ มกลีบดอกไมจ้ ำกไม้กำ้ นกระถนิ

๑. นากลบี ดอกไม้ทตี่ ากแหง้ แล้ว มาแช่ ลงในนา้
สีใชเ้ วลาประมาณ ๕ นาที
๒. ใช้ปากคีบจับกลีบดอกไมข้ ึ้นวางบนกระดาษ
เพอ่ื ให้ซับนา้ สี

๒. นากลบี ดอกไมท้ ย่ี ้อมสแี ล้วไปตากแดดรม่ ร่าไร
ให้แหง้ ประมาณ ๑ ชัว่ โมง (ไม่ตากแดดจดั จะทาให้
กลบี ดอกไม้กรอบและแตกได้งา่ ย)

๔๒ ๔๕

ใบควำมรู้ ๖
เร่ือง กำรประกอบดอกไม้จำกกำ้ นกระถนิ กำรเสริมก้ำนดอก

และกำรทำเครอ่ื งประดบั ตกแต่งประกอบช่อบเู ก้

๖.๑ วธิ กี ำรประกอบดอกไม้จำกกำ้ นกระถนิ และกำรเสรมิ ก้ำนดอก

๑. นากลีบดอกไมแ้ ตล่ ะดอกมาเช่ือมตดิ กัน
โดยใช้กาวปืนเปน็ ตวั ชว่ ยยึด ดงั รูป

๒. นากลีบดอกไมแ้ ต่ละดอกเช่อื มตดิ กันโดยใช้
กาวปืนหยด ๑ เมด็ ถัว่ เขียวแลว้ นากลีบดอกแต่
ละกลบี มายึดติดกัน ทาลักษณะเดียวกนั จนครบ
จานวน ๑๘ - ๒๐ กลบี จะได้ดอกไม้ ๑ ดอก
ดงั รูป

๓. ประกอบดอกให้ได้ดอกใหญ่ ท่มี ลี ักษณะกลม
จานวน ๑๘ ดอก ดังรปู

๔. นาลวดก้านต้นสาเรจ็ เบอร์ ๑๘ ความยาว
๒๕ เซนตเิ มตร จานวน ๙ ก้าน นามาตดั แบง่
ครง่ึ
ใหไ้ ดจ้ านวน ๑๘ กา้ น

๔๖ ๔๓

๕. นาดอกไม้ดอกใหญล่ กั ษณะกลมมาเสริมกา้ นดอก
โดยการหยดกาวปนื ประมาณ ๒ เม็ดถว่ั เขยี ว
ตรงตาแหนง่ ก่ึงกลางดอกด้านล่างท่ีมรี อยเช่ือมของ
กลีบดอกแตล่ ะดอก ดงั รปู

๖. นาลวดก้านตน้ ทตี่ ัดเตรียมไวม้ าเสรมิ กา้ นดอก
วางตรงตาแหนง่ ทีห่ ยดกาวปืนไว้และให้กระทาใน
ขณะท่ีกาวปนื ยงั ร้อนอยู่ ดังรูป

๗. จะไดด้ อกไมท้ ีเ่ สรมิ ก้านดอกเรียบร้อยแลว้
ดังรปู

๘. จัดทาเสริมกา้ นดอกและใชก้ าวปนื เป็นตัวชว่ ย
ยดึ ในลกั ษณะเดยี วกนั จนครบจานวน ๑๘ ดอก
ดังรปู

๔๔ ๔๗

๖.๒ วธิ กี ำรทำเครื่องประดบั ตกแตง่ ประกอบช่อบูเก้ดอกไมจ้ ำกก้ำนกระถนิ

๑. ตดั กระดาษสาเป็นวงกลมเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง
๒๒ เซนติเมตร จานวน ๔ ช้นิ นาแต่ละชิ้นมา
พบั ทบคร่ึง ดังรปู

๒. แบ่งครึง่ พับจบี ตลบไปทางซ้าย ๑ คร้งั
ดงั รปู

๓. พบั จีบตลบกลับไปทางขวาอีก ๑ คร้ัง
อกี ด้านหนึง่ ทาในลักษณะเดี่ยวกัน ดงั รูป

๔๘ ๔๕

๔. นากระดาษท่ีพับจีบแตล่ ะชน้ิ มาตอ่ กา้ น
ดว้ ยไม้แข็ง พันทับดว้ ยเทปใส ดังรูป

๕. ทาตามลาดับขนั้ ตอนในลกั ษณะเดยี วกนั
จนครบตาม จานวน ๔ ชิ้น ดงั รูป

๖. ตดั กระดาษใยไหมขนาด ๓๕ x ๒๕ เซนติเมตร
จานวน ๔ ชน้ิ

๗. นาแตล่ ะช้นิ มาพบั จบี พดั ดงั รูป

๔๖ ๔๙

๘. นากระดาษจบี พดั แต่ละชน้ิ มาตอ่ กา้ นด้วยไม้
แขง็ พนั ทบั ด้วยเทปใส ทาในลกั ษณะเดียวกนั จน
ครบตามจานวน ๖ ชิ้น ดังรปู

๑๗. ตดั ใยปา่ นรามีขนาด ๔๕ x ๑๒ เซนติเมตร
จานวน ๔ ชิ้น ดังรปู

๑๘. ตัดกระดาษสาสีชมพูขนาด ๒๘ x ๓๕ เซนตเิ มตร
จานวน ๑ ช้ิน (สาหรบั หอ่ โฟมท่ีจบั ช่อบเู ก้) ดังรูป

๑๙. ตดั ผา้ ราม่หี ิมะขนาด ๓๐ x ๕๐ เซนตเิ มตร
จานวน ๑ ชน้ิ (สาหรับห่อโฟมทจี่ บั ชอ่ บเู ก้ ) ดงั รปู


Click to View FlipBook Version