The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการเรียนรู้ด้วยโครงงาน เล่มที่ ๓ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนและยังเป็นคู่มือในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองของผู้เรียน ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย ความหมายของโครงงาน ประเภทโครงงาน ส่วนประกอบของโครงงาน การเลือกหัวข้อโครงงาน ทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ความเข้า เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน ได้อย่างถูกต้อง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by penvadee khasuwan, 2022-03-31 07:46:00

เล่มที่ ๓ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน

เอกสารประกอบการเรียนรู้ด้วยโครงงาน เล่มที่ ๓ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนและยังเป็นคู่มือในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองของผู้เรียน ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย ความหมายของโครงงาน ประเภทโครงงาน ส่วนประกอบของโครงงาน การเลือกหัวข้อโครงงาน ทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ความเข้า เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน ได้อย่างถูกต้อง

Keywords: ความ,โครงงาน

กก

คำนำ

เอกสารประกอบการเรียนรดู้ ้วยโครงงาน เล่มท่ี ๓ เร่อื ง ความรู้เก่ียวกบั โครงงาน ชน้ั
มัธยมศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการเรียนการ
สอนและยังเป็นคู่มือในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองของผู้เรียน ซ่ึงมีเนื้อหาประกอบด้วย ความหมาย
ของโครงงาน ประเภทโครงงาน ส่วนประกอบของโครงงาน การเลือกหัวข้อโครงงาน ทาใหผ้ ู้เรียนได้รับ
ความรู้ความเข้า เร่ือง ความรเู้ กยี่ วกับโครงงาน ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเอกสารประกอบการเรียนรู้ด้วยโครงงานเล่มนี้ จะเป็น
ประโยชน์สงู สุดตอ่ การศกึ ษาคน้ คว้าของผู้เรยี นได้เปน็ อย่างดี

ผู้จัดทาขอขอบพระคุณ นายประหยัด หลักรัตน์ ผู้อานวยการโรงเรยี นนารนี ุกูล ผู้เช่ียวชาญ
ทุกท่าน และผู้ที่ให้ความอนุเคราะห์ คาปรึกษา เสียสละเวลา ให้คาแนะนาในการจัดทาเอกสาร
ประกอบการเรียนรู้ด้วยโครงงาน ฉบับน้ีจนสาเร็จ และขอขอบคุณผู้ที่สนใจนาเอกสารประกอบการ
เรยี นรู้ดว้ ยโครงงาน ฉบับน้ี ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนต์ ่อตนเอง หรอื เพื่อเผยแพร่ตอ่ วงการศึกษาต่อไป

เพ็ญวดี คา้ สวุ รรณ

ขข

สำรบญั หน้า

คานา ข
สารบญั ๑

คาแนะนาการใชเ้ อกสารประกอบการเรียนรูด้ ว้ ยโครงงาน ๓
แผนภมู ิลาดับขั้นการเรียนเอกสารประกอบการเรยี นร้ดู ้วยโครงงาน ๔
ผลการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ๖
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ๘
ใบความรู้ท่ี ๓.๑ เร่อื ง ความรู้เกีย่ วกบั โครงงาน (Project Approach) ๙
ใบความรู้ท่ี ๓.๒ เรือ่ ง การจัดทาโครงงาน ๑๐
ใบความรู้ท่ี ๓.๓ เร่อื ง ขัน้ ตอนการจดั ทาโครงงาน ๑๑
ใบความรู้ท่ี ๓.๔ เรื่อง แนวทางการเขียนโครงงาน ๑๔
ใบความรู้ที่ ๓.๕ เรอ่ื ง การลงมอื ทาโครงงานและการเขียน ๑๕
ใบกิจกรรมที่ ๓.๑ ความรทู้ ัว่ ไปเกยี่ วกับโครงงาน ๑๖
ใบกจิ กรรมที่ ๓.๒ ผงั ความคิดเกี่ยวกบั โครงงาน ๑๗
ใบกิจกรรมที่ ๓.๓ โครงงานที่นักเรยี นสนใจ ๑๙
แบบทดสอบหลังเรยี น ๒๐
บรรณานกุ รม ๒๒
ภาคผนวก
กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี น / หลังเรียน

๑๑

คำแนะนำกำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรยี นรู้ดว้ ยโครงงำน

นักเรียนควรจะตอ้ งปฏบิ ตั ิตำมกิจกรรมดังตอ่ ไปนี้

๑. นักเรียนศกึ ษาแผนภมู ลิ าดบั ขั้นการเรยี นเอกสารประกอบการเรียนรดู้ ้วยโครงงาน
๒. นกั เรยี นศึกษาผลการเรียนร้ขู องเอกสารประกอบการเรยี นการเรียนรดู้ ้วยโครงงาน

เลม่ ที่ ๓ เรอ่ื ง ความรู้เก่ียวกับโครงงาน
๓. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง ความรู้เก่ยี วกบั โครงงาน
๔. นกั เรยี นต้องตั้งใจปฏบิ ตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ตามขนั้ ตอนจนเสร็จส้นิ สมบรู ณ์
๕. เมอื่ นกั เรียนมีปัญหาในการเรียน หรือสงสัยใหซ้ ักถามครู
๖. นกั เรยี นควรปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยตนเองอย่างเต็มความสามารถ ไม่ลอกคาตอบจากผู้อ่ืน

และไมด่ เู ฉลยก่อนจะตอบคาถามเสร็จ
๗. นักเรียนสามารถทบทวนเนอ้ื หาไดเ้ ม่อื มปี ัญหาสงสยั หรือไม่สามารถตอบคาถามกิจกรรประจาบทได้
๘. เม่ือนักเรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ เสร็จเรียบรอ้ ยและครบถ้วน ให้นากระดาษคาตอบ

กิจกรรมและเอกสารประกอบการเรียนรดู้ ว้ ยโครงงาน เรอ่ื ง ความรู้เก่ยี วกบั โครงงาน สง่ ครู
๙. นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง ความรู้เก่ยี วกับโครงงาน

นาแบบทดสอบและกระดาษคาตอบ ส่งครู เพื่อบันทึกคะแนน
๑๐. ใชเ้ วลาในการศึกษาและปฏิบตั ิกจิ กรรม ๒ ชวั่ โมง

๒๒

แผนภมู ลิ ำดับขั้นกำรเรยี นเอกสำรประกอบกำรเรยี นรดู้ ้วย
โครงงำน

อ่ำนคำชี้แจงคำแนะนำ

ศึกษำผลกำรเรยี นรู้ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ และสำระกำรเรียนรู้

ทำแบบทดสอบก่อนเรียน

ศกึ ษำเอกสำรประกอบกำรเรยี นร้ดู ้วยโครงงำน
ทำกจิ กรรมตำมลำดับขน้ั ตอน

ทำแบบทดสอบ
หลงั เรยี น

ผำ่ นเกณฑ์คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนนนักเรียน ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์
ต้องได้ ๘ คะแนนขึน้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ ศึกษำ(ทบทวน)เอกสำรประกอบ
กำรเรยี นร้ดู ว้ ยโครงงำนทำแบบทดสอบ
ศกึ ษำชุดต่อไป
ตรวจกบั เฉลย

แผนภูมลิ ำดับข้ันตอนกำรเรยี นเอกสำรประกอบกำรเรียนรู้ด้วยโครงงำน
เลม่ ที่ ๓ เรือ่ ง ควำมรู้เกี่ยวกับโครงงำน

๓๓

ผลกำรเรียนรู้

๑. นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจประเภทของโครงงาน และสามารถนาความรู้ไป
ประยกุ ต์ใชใ้ นการปฏิบตั โิ ครงงานตามความสนใจได้ถูกต้อง

จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้

๑. นกั เรียนสามารถบอกความหมายของโครงงานได้
๒. นกั เรยี นสามารถบอกประเภทของโครงงานได้
๓. นักเรียนสามารถบอกสว่ นประกอบของโครงงานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
๔. นักเรยี นสามารถเลือกหวั ข้อโครงงานไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม
๕. นักเรยี นสามารถเขยี นแผนผงั ความคิดเก่ยี วกบั โครงงานได้อย่างถูกต้อง

สำระกำรเรียนรู้

๑. ความหมายของโครงงาน
๒. ประเภทของโครงงาน
๓. สว่ นประกอบของโครงงาน
๔. การเลอื กหัวขอ้ โครงงาน
๕. การเขียนแผนผังความคิดเกยี่ วกับโครงงาน

๔๔

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
เรื่อง ควำมรู้เก่ียวกบั โครงงำน

คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกทีส่ ุดเพยี งคาตอบเดียวและกาเครื่องหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ


๑. ข้อใดคือจดุ ประสงค์ของกำรเขยี นรำยงำนโครงงำน
ก. เพ่ือเสนอผลงาน
ข. เพ่ือเผยแพรผ่ ลงาน
ค. เพอ่ื สรปุ ผลการศกึ ษา
ง. การเขียนเคา้ โครงโครงงาน

๒. ข้อใดเปน็ ส่วนประกอบตอนท้ำยของรำยงำนโครงงำน
ก. บรรณานุกรม และภาคผนวก
ข. ผลการวิเคราะห์ข้อมลู และข้อสรุป อภปิ รายผล
ค. วธิ ีการดาเนินงาน การศึกษาเอกสารที่เกย่ี วข้อง
ง. บทคัดย่อและกติ ติกรรมประกาศ

๓. ในกำรนำเสนอผลโครงงำนนิยมใช้อปุ กรณ์ใด ประกอบกำรนำเสนอ
ก. คอมพวิ เตอร์
ข. ปา้ ยนทิ รรศการ
ค. แผงแสดงผลงาน
ง. แฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio)

๔. ข้อใดบอกข้นั ตอนกำรทำโครงงำนไดถ้ กู ต้อง
ก. เลือกเรือ่ งทนี่ ่าสนใจ หาแหล่งเรยี นรู้ วางแผนดาเนนิ การ ทาตามขนั้ ตอน
เขียนรายงาน นาเสนองาน
ข. หาแหล่งเรยี นรู้ เลือกเร่อื งท่นี า่ สนใจ วางแผนดาเนนิ งาน
ทาตามขัน้ ตอน เขยี นรายงาน นาเสนอผลงาน
ค. เลือกเรอ่ื งทน่ี ่าสนใจ วางแผนการดาเนินงาน หาแหลง่ เรยี นรู้
ทาตามขั้นตอน เขยี นรายงาน นาเสนอผลงาน
ง. วางแผนการดาเนินงาน เลอื กเรอื่ งที่น่าสนใจ หาแหล่งเรียนรู้
เขียนรายงาน ทาตามขัน้ ตอน นาเสนอผลงาน

๕ ๕

๕. หลกั ปฏบิ ัติท่ีวำ่ “กำรให้ผ้เู รียนได้วำงแผนไว้ ล่วงหนำ้ วำ่ จะดำเนนิ กำรอย่ำงไร”
เป็นขนั้ ตอนทำอะไร
ก. การประเมนิ โครงงาน
ข. การนาเสนอโครงงาน
ค. การเขียนรายงานโครงงาน
ง. การเขยี นเค้าโครงโครงงาน

๖. โครงงำนแบ่งออกเป็นกป่ี ระเภท
ก. ๒ ประเภท
ข. ๓ ประเภท
ค. ๔ ประเภท
ง. ๕ ประเภท

๗. ขอ้ ใดคือควำมหมำยของโครงงำน
ก. เปน็ การดดั แปลงเร่ืองใดเร่อื งหนึ่งท่ีผเู้ รยี นสนใจ
ข. เป็นการศึกษาเรือ่ งใดเร่ืองหน่งึ ซ่งึ ผูเ้ รยี นเป็นผปู้ ฏบิ ตั แิ ละค้นควา้ ด้วยตนเอง
ค. เป็นการศกึ ษาเหตุการณ์ที่กาลังจะเกดิ ขั้นเพื่อทานายอนาคต
ง. เป็นการศึกษาเรื่องที่เกิดขนึ้ ใหม่ๆ ซ่ึงผ้เู รยี นลอกเลยี นแบบจากผอู้ ่ืน

๘. กำรจัดทำรำยงำนโครงงำนเพือ่ อะไร
ก. เพื่อสรุปผลการศึกษา
ข. เพอ่ื ประชาสมั พันธ์
ค. เพือ่ คา้ ขาย
ง. เพื่อเผยแพร่

๙. กำรประเมินผลเม่อื สิ้นสดุ โครงงำนมีควำมสำคญั อย่ำงไร
ก. เพือ่ ยตุ ิการดาเนินการทง้ั หมด
ข. เพอื่ รอตัดสินว่าโครงงานไหนดีสดุ
ค. เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโครงงาน
ง. เพื่อบอกผลสมั ฤทธข์ิ องการทาโครงงานเปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงคห์ รือไม่

๑๐. ในบทท่ี ๒ ของรำยงำนโครงงำนวำ่ ดว้ ยเรื่องใด
ก. บทนา
ข. เอกสารทเี่ ก่ียวข้อง
ค. วธิ ีการดาเนินงาน
ง. สรุปผลการศกึ ษา เสนอแนะ

๖๖



ใบควำมรูท้ ่ี ๓.๑
เร่ือง ควำมรเู้ กี่ยวกับโครงงำน (Project Approach)

โครงงำน เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาเร่ืองใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึก ตามความ
สมารถความถนัดความสนใจ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) ภายใต้การแนะนาปรึกษาและ
ช่วยเหลือจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผู้ทรงคุณวุฒิ อาจจัดในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนก็ได้ รวมท้ังสามารถ
ดาเนินกิจกรรม ได้ทั้งในและนอกบริเวณโรงเรียนซ่ึงอาจทาเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มก็ได้ แล้วจัดเขียนเป็น
รายงานและแสดงผลงงานเพ่ือเผยแพรต่ อ่ ไป

ควำมหมำยของโครงงำน

คาวา่ โครงงำน ไดม้ ีนกั เรยี นการศึกษาได้ให้ความหมายเอาไว้มากมายดงั น้ี
กระทรวงศึกษำธิกำร ให้ความหมายว่า โครงงานเป็นการทากิจกรรม เพ่ือท่ีจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้

ศึกษาค้นคว้า และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ภายใต้การดูแลและให้คาปรึกษาของครูตั้งแต่การคิดสร้างโครงงาน
การวางแผนดาเนนิ การ การออกแบบ การลงมอื ปฏิบัติ รวมทงั้ กาหนดแนวทางในการวัดและประเมนิ ผล

สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ให้ความหมายว่าโครงงานเป็นการศึกษา
ค้นคว้าตามความสนใจ ตามความถนัด และตามความสามารถของผู้เรียนเอง ภายใต้กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ เพ่ือให้ได้มาซ่ึงคาตอบหรือผลงานซ่ึงมีความสมบูรณ์ในตัว โดยผู้เรียนเป็นผู้วางแผนการศึกษา
ค้นคว้าและดาเนินการด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มีเจตคติท่ีดีต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ครเู ป็นเพียงผใู้ หค้ าปรกึ ษาเท่าน้นั

จำกกำรวเิ ครำะหค์ วำมหมำยโครงงำนของนกั ศกึ ษำ สรุปไดว้ ่ำ
โครงงานเป็นกิจกรรมท่ีเน้นกระบวนการ โดยผู้เรียนผู้คิดค้น วางแผนลงมือปฏิบัติตามแผนท่ีวางไว้ อาศัย
เครอื่ งมือ เคร่ืองจกั ร และวสั ดอุ ุปกรณ์ในการปฏิบตั ิเพื่อให้โครงงานสาเรจ็ ภายใตค้ าแนะนา การกระตุน้ ความคิด
กระตุ้นการทางานจากครูผู้สอนหรือผู้เช่ียวชาญ ครูผู้ดูแลโครงงานจะอานวยความสะดวกในการทาโครงงาน
ชแี้ นะแนวทางแก้ปัญหาทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการทาโครงงาน ตลอดท้งั ตดิ ตามการวัดและประเมินผลโครงงานดว้ ย

๗๗



ลักษณะสำคัญของกำรเรียนรแู้ บบโครงงำน

๑. ผเู้ รียนไดเ้ ลือกประเด็นเร่อื งหรอื ประเดน็ ทีจ่ ะศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งอาจจะเป็นรายบคุ คลหรือกลุ่มก็ได้
๒. ผเู้ รียนเปน็ ผเู้ ลอื กวิธกี ารศึกษาและแหลง่ ความรู้
๓. ผูเ้ รยี นเป็นผูศ้ กึ ษาหรือลงมือปฏบิ ตั ดิ ้วยตนเองทกุ ข้นั ตอน
๔. การศึกษาเน้นที่การเชอ่ื มโยงหรือบูรณาการระหว่างความรู้ / ทกั ษะ / ประสบการณเ์ ดมิ กับส่งิ ใหม่
๕. ผู้เรียนไดม้ ีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรกู้ บั ผู้อื่น

……………………………………………………………………………………………………

เอกสำรอ้ำงองิ

สวุ ิทย์ มูลคา และอรทัย มูลคา ๒๐ วธิ ีจดั กำรเรยี นรู้: เพอ่ื พัฒนำคุณธรรม
จริยธรรม คำ่ นิยม และกำรเรยี นรู้โดยกำรแสวงหำควำมรดู้ ้วยตนเอง
กรุงเทพ : ภาพพิมพ์,๒๕๔๕

ลดั ดา ภู่เกียรต.ิ โครงงำนเพ่อื กำรเรียนรู้หลักกำรและแนวทำงกำรจัดกจิ กรรม
กรงุ เทพ : คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๔๔

๘๘

ใบควำมรู้ที่ ๓.๒
เร่ือง กำรจดั ทำโครงงำน

กำรจดั ทำโครงงำน

โครงงานสามารถจัดทาเปน็ ๒ ลักษณะ ดงั นี้
๑. โครงงำนตำมวิชำหรือสำระกำรเรียนรู้ เป็นโครงงานที่บูรณาการความรู้ทักษะคุณธรรม

จรยิ ธรรม และค่ายนิยมในกลุ่มวชิ าหรอื สาระการเรียนรู้เป็นพนื้ ฐานในการกาหนดโครงงานและการปฏิบตั ิ
๒. โครงงำนตำมควำมสนใจ เป็นโครงงานท่ีผู้เรียนสามารถกาหนดเร่ืองจากความถนัด ความ

ต้องการและความสนใจ โดยการนาความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ
มาบูรณาการกาหนดเปน็ โครงงานและปฏิบตั ิ

โครงงำนแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ดังน้ี
๑. โครงงำนประเภทสำเรจ็ เปน็ การศึกษา สารวจและรวบรวมขอ้ มูลทเ่ี กย่ี วข้องกบั ประเด็นท่ีผู้เรียน

ต้องศึกษา หลังจากน้ันจึงนาข้อมูลท่ีได้มาจัดทาให้เป็นหมวดหมู่ แล้วนาเสนอในรูปแบบต่างๆเช่น ตาราง กราฟ
แผนภูมิ และคาอธิบายประกอบตัวอย่าง โครงงานประเภทนี้ เช่น การสารวจพืชสมุนไพรในชุมชน ปัญหาขยะ
ของตลาดสดเทศบาล ๒

๒. โครงงำนประเภททดลอง เป็นการศึกษาเพ่ือหาคาตอบของปัญหา โดยมีการออกแบบทดลอง
เพ่ือศึกษาตัวแปรท่ีส่งผลต่อตัวแปรท่ีต้องการศึกษา โดยควบคุมตัวแปรอ่ืนๆ ที่อาจมีผลต่อตัวแปรท่ีต้องศึกษาไว้
ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น การทายากันยุงจากตะไคร้หอม การศึกษาการผลิตยาสระผมจากสมุนไพรใน
ท้องถ่นิ

๓. โครงงำนประเภทกำรพัฒนำหรือกำรประดิษฐ์ เป็นการประยุกต์ทฤษฎีหรือหลักการทาง
วิทยาศาสตร์ หรือด้านอื่นๆ มาสร้างหรือประดิษฐ์เป็นของเล่นเครื่องมือ เครื่องใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นการ
ปรับเปลี่ยนของเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือประดิษฐ์สื่อใหม่ ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น การประดิษฐ์ของเล่น
พืน้ บ้านจากวัสดุในท้องถิน่ การประดิษฐ์กงั หนั ลมเพอ่ื นวิดนา้ เขา้ แปลงผัก

๔. โครงงำนเพื่อนสร้ำงทฤษฎี เป็นการนาเสนอทฤษฎี หลักการหรือแนวคิดใหม่ ซึ่งแตกต่างจาก
แนวคดิ ของผู้อน่ื ซึ่งมีอยู่แล้ว โดยมหี ลักการทางวิทยาศาสตร์หรือทฤษฎีต่างๆ สนับสนุน จดุ สาคัญทีผ่ ู้ทาโครงงาน
ประเภทน้ีจะตอ้ งมคี วามรู้

ก๙

ใบควำมรู้ท่ี ๓.๓

เร่ือง ขั้นตอนกำรจัดทำโครงงำน

กำรจดั ทำโครงงำน แบง่ ออกเป็น ๕ ข้นั ตอน ดังนี้
๑. กำรคดิ หวั ขอ้ หรือปญั หำทจี่ ะศกึ ษำ
เปน็ ขนั้ ตอนทสี่ าคัญและยากที่สุดหวั ขอ้ เรื่องของโครงงานควรมคี วามเฉพาะเจาะจง ชัดเจน และควร

เป็นเร่อื งแปลกใหม่ ซ่ึงแสดงถึงความคดิ สร้างสรรคห์ ัวข้อเรื่องได้มาจากความสนใจ
ข้อควรคำนึงเกีย่ วกับกำรคดั เลือกหัวเร่ืองทีจ่ ะทำโครงงำน
๑. เหมาะสมกบั ระดับความรู้
๒. เหมาะสมกบั ระดบั ความสามารถ
๓. วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ีจาเปน็ ต้องใช้
๔. งบประมาณเพียงพอ
๕. ระยะเวลาทใ่ี ช้ทาโครงงาน
๖. มีครูหรอื ผู้ทรงคณุ วุฒริ บั เป็นท่ปี รึกษา
๗. มีความปลอดภยั
๘. มีแหลง่ ความรู้เอกสารเพียงพอท่ีจะคน้ คว้า
๒. กำรวำงแผนในกำรทำโครงงำน
ขั้นตอนนเ้ี ปน็ การวางแผนในการทาโครงงานรวมถงึ การเขียนเค้าโครงของโครงงาน เพื่อให้

ดาเนนิ การเปน็ ไปอยา่ งรัดกมุ และรอบคอบ
เค้าโครงของโครงงานโดยทั่วๆ ไปเขียนขึน้ เพื่อแสดงแนวคดิ แผนงานและขน้ั ตอนของการทาโครงงาน

ซ่งึ ประกอบด้วย
๑. ชอ่ื โครงงาน
๒. ชื่อผ้ทู าโครงงาน
๓. ชือ่ ครทู ่ปี รกึ ษาโครงงาน
๔. ทม่ี าและความสาคญั ของโครงงาน
๕. จดุ มงุ่ หมายของการศึกษาของโครงงาน
๖. สมมุตฐิ านของการศกึ ษาค้นคว้า (ถา้ มี)
๗. วิธดี าเนินการ
- วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ตี อ้ งใช้
- แนวการศึกษาคน้ คว้า
๘. แผนการปฏิบตั งิ าน
๙. ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั
๑๐. เอกสารอา้ งอิง

๑๐๑๐

ใบควำมรูท้ ่ี ๓.๔
เรอื่ ง แนวทำงกำรเขียนโครงงำน

ชื่อโครงงำน............................................................................... (ระบชุ ่อื โครงงานที่ชัดเจน กะทดั รัด
เฉพาะเจาะจงวา่ จะทาอะไร ศึกษาอะไร)

ชอ่ื ผทู้ ำโครงงำน (ระบชุ ่อื นักเรยี นทท่ี าโครงงาน)
1.....................................................................2...................................................... ...........
ชั้น..........................................................โรงเรียน...............................................................
ชอ่ื ครทู ่ปี รกึ ษา (ระบคุ รทู ปี่ รึกษา แนะนา)
..................................................................................................................
บทคัดย่อ................................................(บอกเคา้ โครงอย่างย่อยๆ ประกอบดว้ ย เรื่อง / วตั ถุประสงค์ / วธิ ี
การศกึ ษาและสรุปผล)

กติ ติกรรมประกำศ...................................(ระบุคากลา่ วแสดงความขอบคุณบุคคล หรือ หนว่ ยงานทใี่ หค้ วาม
ชว่ ยเหลอื จนงานสาเร็จ)

ทมี่ ำและควำมสำคญั ของโครงงำน...........(เขียนอธิบายว่าโครงงานนี้ มสี าเหตมุ าจากอะไรดีอย่างไรทาไมจึงต้อง
ทา มหี ลักทฤษฎใี ดมาสนับสนุน ขยายเพิ่มเตมิ ปรับปรงุ จากเรอ่ื งของผใู้ ด)

สมมุติฐำนของกำรศึกษำ................(ถ้ามี เปน็ ความคาดคะเนคาตอบไว้ล่วงหนา้ )
วธิ ีดาเนินการ...........(ระบุระยะเวลาการดาเนินงาน ข้ันตอนการปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ หรืออธิบายการเริ่มทางาน
การจัดทาข้อมลู การจัดการรูปแบบ การเกบ็ ข้อมลู ขัน้ ตอนการดาเนินงานเปน็ อย่างไร มีวัสดุอะไร)

สรุปผลกำรศึกษำ.............(ระบุความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ ส่ิงที่ได้ ความแปลกใหมค่ วามรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
ผลงานท่ตี รงตามจดุ มุ่งหมาย ผลการศกึ ษาค้นคว้าที่ได้)
อภิปรำยผล / ประโยชน์ / ข้อเสนอแนะ...................(ระบุถงึ ผลที่ไดร้ บั ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ ับจากการศกึ ษา
ค้นคว้าครัง้ นี้ และระบชุ ื่อระบุขอ้ เสนอแนะเกีย่ วกับการจัดการทาโครงงาน)
เอกสำรอ้ำงอิง..................(ระบุหนังสือ เอกสารทีใ่ ชป้ ระกอบการศกึ ษาค้นคว้า รวมระบุชื่อบุคคลทใ่ี หค้ าปรึกษา
การศึกษาคน้ ควา้ )

๑๑ ๑๑

ใบควำมรทู้ ่ี ๓.๕

เร่อื ง กำรลงมอื ทำโครงงำนและกำรเขียนรำยงำน

๓. กำรลงมือทำโครงงำน
เมื่อเคา้ โครงของโครงงานผ่านความเหน็ ชอบของครูทปี่ รึกษาโครงงานแล้วแล้วเริ่มลงมือทาโครงงานโดย

ปฏิบัติตามแผนดาเนินงานอาจเปล่ียนแปลงหรือเพิ่มเติมจากแผนงานท่ีวางไว้ในตอนแรกบ้างก็ได้ เมื่อดาเนิน
โครงงานครบถ้วนตามขั้นตอนได้ข้อมูลแล้ว ควรมีการตรวจสอบ ผลการทดลองซ้า หลังจากนั้นทาการวิเคราะห์
ขอ้ มูล แปรผลและสรปุ ผลการศกึ ษา ค้นควา้ พรอ้ มทั้งอภปิ รายผลการศกึ ษา

๔. กำรเขียนรำยงำน
การเขียนรายงานควรใช้ภาษทีอ่ ่านเข้าใจง่าย ชัดเจนสัน้ ๆ และตรงไปตรงมาโดยให้ครอบคลุมหัวขอ้

ตา่ งๆ ดังต่อไปนี้
๑. ชอ่ื โครงงาน
๒. ชื่อผู้ทาโครงงาน
๓. ชือ่ ครทู ปี่ รกึ ษาโครงงาน
๔. บทคัดยอ่
๕. กติ ตกิ รรมประกาศ
๖. ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน
๗. จดุ ม่งุ หมายของการศกึ ษาค้นควา้
๘. สมมุติฐานของการศึกษาค้นควา้
๙. วิธีดาเนนิ การ แยกเป็น ๒ หัวขอ้ ยอ่ ย
๑๐. ผลการศึกษาค้นคว้า
๑๑. สรปุ และเสนอแนะ
๑๒. เอกสารอ้างอิงหรอื บรรณานกุ รม

๕. กำรแสดงผล
การแสดงผลงานเป็นงานชั้นสุดท้ายและสาคัญอีกประการหนึ่งของการทาโครงงานการวางแผน

ออกแบบเพ่ือจดั แสดงผลงานนนั้ มคี วามสาคญั เท่าๆกับการโครงงาน การแสดงผลงานนัน้ อาจทาได้ในรปู แบบปาก
เปล่า การแสดงผลงานควรจัดใหค้ รอบคลุมประเดน็ สาคัญดงั ตอ่ ไปน้ี

๑. ชอ่ื โครงงาน ชอื่ ผ้ทู าโครงงาน ชือ่ ครูท่ปี รึกษาโครงงาน
๒. คาอธิบายย่อๆ ถงึ เหตุจูงใจในการทาโครงงานและความสาคัญของโครงงาน
๓. วิธีการดาเนินงาน
๔. การสาธติ หรือแสดงผลทไ่ี ด้จากการทดลอง

๑๒๑๒



๕. ผลการสังเกตหรือขอ้ มลู เด่นๆ ท่ีไดจ้ ากการทาโครงงาน
กำรจัดนทิ รรศกำรแสดงโครงงำนกำรงำนอำชีพและเทคโนโลยนี ้นั ให้คำนึงถงึ สิ่งต่ำงๆ ตอ่ ไปน้ี

๑. ความปลอดภยั ของการจัดแสดง
๒. ความเหมาะสมกับเนอ้ื ท่ีทจ่ี ดั แสดง
๓. คาอธิบายท่เี ขยี นแสดงเน้นเฉพาะประเด็นสาคัญและนา่ สนใจ
๔. จัดรูปท่ดี งึ ดูดความสนใจ
๕. ใช้ตารางและรปู ภาพประกอบ
๖. ส่งิ ท่แี สดงทกุ อย่างตอ้ งถูกต้อง
ในกรณที เ่ี ป็นสง่ิ ประดิษฐ์ สิ่งนน้ั ควรอยใู่ นสภาพท่ีทางานได้อยา่ งสมบรู ณ์
กำรแสดงผลงำน ผู้นำเสนอผลงำนจะตอ้ งอธบิ ำย หรอื รายงานปากเปล่าถงึ ข้อมูลเกีย่ วกับโครงงานท่ี
จดั ทาขึน้ โดยในการอธบิ ายนั้นใหค้ านงึ สง่ิ ตา่ งๆ ตอ่ ไปนี้
๑. ต้องทาความเข้าใจเกย่ี วกบั เร่อื งทีจ่ ะอธิบายเป็นอย่างดี
๒. คานงึ ถึงความเหมาะสมชองภาษาทใี่ ช้กบั ระดับของผูฟ้ งั ชดั เจนเขา้ ใจงา่ ย
๓. ควรรายงานอยา่ งตรงไปตรงมา ไม่วกวน
๔. พยายามหลีกเลี่ยงการอา่ นรายงานให้ผ้ชู มฟัง
๕. อย่าทอ่ งจารายงาน เพราะจะทาให้ไม่นา่ สนใจและไมเ่ ป็นธรรมชาติ
๖. ขณะทีร่ ายงานนั้นควรมองผู้ฟงั
๗. เตรียมตวั ตอบคาถามเกีย่ วกับเรื่องน้ัน
๘. เวลาตอบคาถามใหต้ อบอย่างตรงไปตรงมาในส่ิงทถ่ี าม
๙. หากติดขดั ในการอธบิ ายควรยอมรับโดยดี อย่ากลบเกล่อื นหรือหลีกเลี่ยง
๑๐. ควรรายงายใหเ้ สรจ็ ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ควรใช้ส่ือประเภทโสตทัศนปู กรณ์ประกอบการรายงาน

๑๓ ๑๓

กำรทำแผงสำหรบั แสดงโครงงำน

การจัดทาแผงโครงงาน จะประกอบดว้ ย ๓ ดา้ น คือด้านหลงั และด้านขา้ ง ๒ ด้าน ส่วนด้านหน้าเปดิ
ให้ผ้ชู มสามารถชมผลงานไดส้ ะดวก แผนทัง้ ๓ ดา้ นใชต้ ดิ ภาพ แผนภมู ิ คาอธบิ าย หากมีส่ิงประกอบอ่ืนๆ ของ
โครงงานกใ็ หจ้ ัดวางไวบ้ นพน้ื โตะ๊ ระหวา่ งแผงทัง้ 3 ดา้ นหรืออาจตดิ บนแผงไดต้ ามความเหมาะสม แผงโครงงาน
ควรมขี นาดกวา้ ง ๑๒๐ เซนติเมตร สูง ๖๐ เซนติเมตร เพ่ือให้สามารถพบั เกบ็ ไดเ้ รยี บร้อยดงั ภาพ

๑๒๐ ซม.

โครงงาน

ปญั หา

ผ้จู ดั ทา สมมุตฐิ าน ๖๐ ซม. สรปุ ผล
ท่ีปรกึ ษา วิธดี าเนินการ ข้อเสนอแนะ
ทีม่ าของโครงงาน ผลการทดลอง

๖๐ ซม.

๑๔๑๔

ใบกจิ กรรม ๓.๑
เรอ่ื ง ควำมรู้ทวั่ ไปเกย่ี วกับโครงงำน

คำ นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้มาให้ถกู ต้องสมบูรณ์ (คะแนน ๑๐ คะแนน) เวลา ๑๕ นาที
ช้แี จง
๑. โครงงานหมายถงึ อะไร(คะแนน ๒ คะแนน)
................................................................................................................................... ..............................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................. .............................................................................................. .................
..........................................................................................................................
๒.โครงงานมี ๒ ลกั ษณะอะไรบา้ ง ใหบ้ อกลกั ษณะที่สาคญั ของโครงงานท่ีนกั เรียนควรเลือกปฏบิ ัติ
(คะแนน ๓ คะแนน)
............................................................................................................................. ....................................................
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................
............................................................................................................................. ....................................................
...........................................................................................................................
๓.ให้นักเรยี นบอกสว่ นประกอบของโครงงาน (คะแนน ๕ คะแนน)
............................................................................................................................. ....................................................
............................................................................................................................. ....................................................
..................................................................................................................................................................... ............
....................................................................................................................... ..........................................................
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................. ...............................
.................................................................................................... .....................

๑๕ ๑๕

ใบกจิ กรรมท่ี ๓.๒
เรื่อง ผังควำมคดิ เก่ยี วกับโครงงำน

คำ ให้นกั เรียนเขียนผงั ความคิดเกยี่ วกับโครงงานต่อไปนมี้ าให้ถูกตอ้ งสมบรู ณ์
ชแี้ จง (คะแนน ๑๐ คะแนน) เวลา ๑๕ นาที

ควำมรเู้ ก่ียวกบั โครงงำน

๑๖๑๖

ใบกจิ กรรม ๓.๓
เรอ่ื ง โครงงำนที่นกั เรียนสนใจ

คำ ให้นักเรยี นเลอื กโครงงานทีน่ ักเรยี นสนใจลงในผังความคิดมาให้ถูกตอ้ งสมบรู ณ์
ช้แี จง (คะแนน ๑๐ คะแนน) เวลา ๑๐ นาที

เรือ่ ง
....................................

๑๗ ๑๗

แบบทดสอบหลังเรียน
เรอื่ ง ควำมรู้เก่ยี วกับโครงงำน

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียวและกาเครอ่ื งหมายกากบาท (X)

ลงในกระดาษคาตอบ
๑. ข้อใดคอื ควำมหมำยของโครงงำน

ก. เป็นการดดั แปลงเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงทีผ่ ู้เรยี นสนใจ
ข. เป็นการศกึ ษาเรื่องใดเรื่องหน่ึง ซ่งึ ผูเ้ รียนเปน็ ผปู้ ฏบิ ตั แิ ละคน้ คว้าด้วยตนเอง
ค. เป็นการศกึ ษาเหตกุ ารณท์ ่ีกาลังจะเกดิ ข้ันเพ่ือทานายอนาคต
ง. เป็นการศึกษาเร่อื งทีเ่ กดิ ขึ้นใหม่ๆ ซงึ่ ผ้เู รยี นลอกเลยี นแบบจากผ้อู ืน่
๒. โครงงำนแบง่ ออกเปน็ กป่ี ระเภท
ก. ๒ ประเภท
ข. ๓ ประเภท
ค. ๔ ประเภท
ง. ๕ ประเภท
๓. กำรจัดทำรำยงำนโครงงำนเพ่อื อะไร
ก. เพื่อสรปุ ผลการศึกษา
ข. เพอื่ ประชาสัมพนั ธ์
ค. เพอ่ื คา้ ขาย
ง. เพอ่ื เผยแพร่
๔. หลักปฏิบัติท่ีวำ่ “กำรให้ผู้เรียนได้วำงแผนไว้ ล่วงหน้ำว่ำจะดำเนนิ กำรอย่ำงไร”
เป็นขั้นตอนทำอะไร
ก. การประเมินโครงงาน
ข. การนาเสนอโครงงาน
ค. การเขยี นรายงานโครงงาน
ง. การเขียนเค้าโครงโครงงาน
๕. ขอ้ ใดคือจดุ ประสงคข์ องกำรเขียนรำยงำนโครงงำน
ก. เพื่อเสนอผลงาน
ข. เพอื่ เผยแพรผ่ ลงาน
ค. เพอ่ื สรปุ ผลการศึกษา
ง. การเขยี นเคา้ โครงโครงงาน

๑๘๑๘

ก ๖. ขอ้ ใดบอกข้ันตอนกำรทำโครงงำนไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. เลอื กเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ หาแหลง่ เรยี นรู้ วางแผนดาเนินการ ทาตามข้ันตอน
เขียนรายงาน นาเสนองาน
ข. หาแหลง่ เรียนรู้ เลือกเร่อื งทน่ี า่ สนใจ วางแผนดาเนินงาน ทาตามข้นั ตอน
เขยี นรายงาน นาเสนอผลงาน
ค. เลอื กเร่อื งทีน่ า่ สนใจ วางแผนการดาเนินงาน หาแหลง่ เรียนรู้ ทาตามขนั้ ตอน
เขยี นรายงาน นาเสนอผลงาน
ง. วางแผนการดาเนนิ งาน เลือกเรื่องท่ีน่าสนใจ หาแหลง่ เรียนรู้ เขียนรายงาน
ทาตามขน้ั ตอน นาเสนอผลงาน

๗. ข้อใดเป็นส่วนประกอบตอนทำ้ ยของรำยงำนโครงงำน
ก. บรรณานกุ รม และภาคผนวก
ข. ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู และข้อสรุป อภปิ รายผล
ค. วธิ ีการดาเนินงาน การศึกษาเอกสารที่เก่ียวข้อง
ง. บทคัดยอ่ และกติ ติกรรมประกาศ

๘. ในบทท่ี ๒ ของรำยงำนโครงงำนว่ำด้วยเรอ่ื งใด
ก. บทนา
ข. เอกสารที่เก่ยี วข้อง
ค. วิธีการดาเนินงาน
ง. สรุปผลการศึกษา เสนอแนะ

๙. ในกำรนำเสนอผลโครงงำนนิยมใช้อุปกรณใ์ ด ประกอบกำรนำเสนอ
ก. คอมพิวเตอร์
ข. ป้ายนิทรรศการ
ค. แผงแสดงผลงาน
ง. แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)

๑๐. กำรประเมนิ ผลเม่ือสิน้ สุดโครงงำนมคี วำมสำคัญอย่ำงไร
ก. เพ่ือยุติการดาเนินการทัง้ หมด
ข. เพ่อื รอตดั สนิ ว่าโครงงานไหนดสี ุด
ค. เพ่อื ตรวจสอบความถูกต้องของโครงงาน
ง. เพือ่ บอกผลสัมฤทธิ์ของการทาโครงงานเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื ไม่

๑๙ ๑๙

บรรณำนุกรม

เบญญา ศรดี า. กำรเปรียบเทียบกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ และเจตคตเิ ชิงวิทยำศำสตร์ของ
นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ ๕ ท่ีเรียนโดยกำรทำโครงงำนวทิ ยำศำสตรแ์ ละกำรเรียนรู้
ตำมคู่มอื ครู. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม.มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๔๕.

เพญ็ ศรี เลิศเกียรติวิทยา และสิฎฐากร ชูทรพั ย.์ หนงั สือเรียน รำยวิชำพืน้ ฐำน งำนอำชีพ ๔-๖
ชน้ั มัธยมศึกษำ ปีที่ ๔-๖. กรงุ เทพฯ: บริษทั สานักพิมพ์เอมพันธ์ จากดั , ๒๕๕๖.

ลดั ดา ภูเกียรติ. โครงงำนเพือ่ กำรเรียนรหู้ ลกั กำรและแนวทำงกำรจดั กจิ กรรม. กรงุ เทพฯ:
คณะครศุ าสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔.

วิมลศรี สวุ รรณรัตน์ และมาฆะ ทิพย์ครี ี. คู่มือกำรจัดกำรกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยกำรทำ
โครงงำน. กรุงเทพฯ: บริษัทพัฒนาคุณภาพวชิ าการจากัด (พว.)จากัด, ๒๕๔๔.

สุวิทย์ มลู คา และอรทัย มลู คา. ๒๐ วิธีจัดกำรเรียนรู้: เพอื่ พฒั นำคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ค่ำนิยม
และกำรเรียนรโู้ ดยกำรแสวงหำควำมรู้ด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: ภาพพมิ พ์, ๒๕๔๕.

๒๐๒๐

ภำคผนวก

๒๑ ๒๑

เกณฑ์กำรใหค้ ะแนนใบกจิ กรรม
เร่อื ง ความรู้ท่วั ไปเกยี่ วกบั โครงงาน

เกณฑ์กำรให้คะแนน

รำยกำร คะแนน
ตอบถูกตรงกบั เฉลยเปน็ ส่วนมากในแตล่ ะข้อ คะแนนเต็มตามที่กาหนดในข้อน้ัน
รอ้ ยละ ๕๐ ขึ้นไปหรือถูกหมด
ตอบถูกตรงกับเฉลยปานกลางในแตล่ ะข้อ รอ้ ยละ ๕๐ คะแนนครึ่งหน่งึ ของคะแนนเต็มในข้อน้นั
ตอบถูกตรงกบั เฉลยเปน็ ส่วนนอ้ ยไม่ถงึ ร้อยละ ๕๐ ไมไ่ ด้คะแนน(คะแนน๐)
หรือผดิ หมด

กำรผำ่ นเกณฑ์กำรประเมิน
คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน นักเรียนต้องได้คะแนนรวมตั้งแต่ ๘ คะแนนขึน้ ไป หรอื คิดเป็นร้อยละ ๘๐

ถือว่าผ่านเกณฑ์

๒๒๒๒

กระดำษคำตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน - หลังเรยี น
เอกสำรประกอบกำรเรยี นร้ดู ว้ ยโครงงำน เรอ่ื ง ควำมรเู้ ก่ียวกบั โครงงำน

กลุ่มสำระกำรเรยี นร้กู ำรงำนอำชพี นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษำปีที่ ๔

....................................................................................................................
ช่ือ............................................................................ช้นั .......................เลขท.ี่ ...................
โรงเรียน..........................................อาเภอ.........................จังหวดั .....................................

กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรียน

ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
๑ ๑
๒ ๒
๓ ๓
๔ ๔
๕ ๕
๖ ๖
๗ ๗
๘ ๘
๙ ๙
๑๐ ๑๐

แบบบันทึกคะแนนกอ่ นเรยี น แบบบันทึกคะแนนหลังเรยี น

คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้ คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้
๑๐ ๑๐


Click to View FlipBook Version