The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 3 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by somkiart2013, 2021-01-24 20:14:11

บทที่ 3 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศไทย

บทที่ 3 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศไทย

พฒั นาการทางประวัติศาสตร์ไทย
สมัยปรับปรงุ และปฏิรปู ประเทศไทย



การมผี ู้นาท่ดี ี

พระมหากษัตรยิ ์ทกุ พระองคต์ ง้ั แต่รชั กาลที่ 4 เปน็ ตน้ มา ทรงมี
ความทันสมยั รทู้ ันความเปลย่ี นปลงของโลก และเหน็ ความสาคัญ
ของการปฏิรปู ประเทศ

• รัชกาลที่ 4 ทรงมีความรดู้ า้ นภาษาอังกฤษ และดาราศาสตร์
ทรงตดิ ต่อกับต่างประเทศอยา่ งกวา้ งขวาง

• รัชกาลที่ 5 ทรงมคี วามรอบรู้ การเสด็จประพาสต่างประเทศ
เป็นการเจรญิ สัมพันธไมตรี และนาความเจริญมาปรบั ใช้

• รชั กาลท่ี 6 และรัชกาลท่ี 7
ทรงไดร้ ับการศึกษาอยา่ งดี

ท่ตี ั้งทางภมู ศิ าสตร์

•ประเทศไทยเปน็ รฐั ทีอ่ ย่ตู รงกลางระหวา่ งเขตอานาจของ
อังกฤษในพมา่ มลายู และเขตอานาจของฝร่งั เศส ใน
เวียดนาม กมั พชู า และลาว

•ไทยจึงเปรียบเสมอื นรัฐกนั ชนระหวา่ งองั กฤษและฝร่ังเศส

•ทาใหท้ งั้ สองชาตไิ ม่ใชก้ าลงั หกั หาญยดึ ครองไทย เพราะ
เกรงวา่ อาจต้องปะทะกับอกี ฝา่ ย

การดาเนนิ นโยบายตา่ งประเทศทีด่ ี

•รฐั บาลดาเนินนโยบายตา่ งประเทศในลักษณะทเ่ี ป็นมติ ร โอน
ออ่ นผอ่ นตาม
•แสวงหาพนั ธมติ ร เช่น รสั เซีย เพอ่ื มาคานอานาจกบั อังกฤษ
และฝรั่งเศส



การสรา้ งความเจรญิ
ภายในและลดความขดั แยง้

•ยกเลกิ ธรรมเนียมท่ลี า้ สมัย เช่น การหมอบคลานเปลี่ยนเป็น
การเดนิ การหมอบกราบเปลย่ี นเปน็ ก้มศีรษะ ถวายคานับ

•ปฏริ ปู การศาล เพ่อื ไมใ่ ห้ชาตติ ะวันตกใช้เปน็ ขอ้ อ้างแทรกแซง
และยดึ ครองไทย



พฒั นาการดา้ นการเมอื งการปกครอง

ด้านการเมือง

•สมัยรัชกาลที่ 4 อานาจทางการเมืองข้นึ อย่กู ับตระกูล
บุนนาค

•สมยั รชั กาลท่ี 5 ทรงพยายามลดอานาจขนุ นางตระกลู
บุนนาค ทาใหอ้ านาจของพระองค์มากขึน้

ดา้ นการปกครอง

•สมัยรชั กาลท่ี 4 ทรงเรมิ่ เปลยี่ นแปลงธรรมเนยี มที่
ล้าสมัย รวมท้งั การตดิ ตอ่ กบั ชาต่างชาติ

•สมยั รชั กาลท่ี 5 ทรงตง้ั สภาที่ปรึกษา 2 สภา คือ สภา
ท่ปี รึกษาราชการแผน่ ดนิ กบั สภาท่ีปรกึ ษาในพระองค์

•ทรงปฏริ ปู การปกครองส่วนกลาง โดยเพ่มิ หนว่ ยงานจาก 6
กรม เปน็ 12 กรม ท้ัง 12 กรมเปลยี่ น 12 กระทรวง ซึ่งเปน็
รากฐานของกระทรวงต่างๆ ในปัจจบุ นั

•การปฏิรปู การปกครองส่วนภูมภิ าค ทรงยกเลกิ ระบบกนิ เมอื ง
เมอื งท้ังหลาย รวมเป็นมณฑลเทศาภิบาล

•การปฏริ ปู การปกครองส่วนท้องถนิ่ ทรงนาระบบการปกครอง
แบบสุขาภบิ าลมาใช้ แตง่ ตั้งกานัน ผูใ้ หญ่บา้ น

• ทรงตั้งเสนาบดสี ภา องคมนตรีสภา และรัฐมนตรีสภา

• สมัยรชั กาลที่ 6 กลมุ่ ยังเติร์ก พยายามเปลยี่ นแปลงการปกครองเปน็
ประชาธปิ ไตยแตไ่ ม่สาเร็จ

• ทรงใหป้ ระชาชนมีเสรภี าพในการแสดงออก

• สมยั รชั กาลท่ี 7 ทรงมีพระราชดารใิ นการปกครองระบอบ
ประชาธปิ ไตย และเตรียมการพระราชทานรฐั ธรรมนญู แต่มผี ูถ้ วาย
ความเหน็ วา่ ประชาชน ยงั ไมพ่ รอ้ ม เพราะการศกึ ษาไม่แพรห่ ลาย

• อย่างไรกต็ าม ทรงวางรากฐานการปกครองท้องถ่ินแบบเทศบาล
เพอ่ื ใหร้ าษฎรรู้จักปกครองตนเอง

พฒั นาการด้าน
เศรษฐกิจ

ดา้ นการเงิน การคลงั
• กาหนดอัตราแลกเปลย่ี นเพื่อการซ้ือขาย
• ตัง้ หอรัษฎากรพิพัฒนแ์ ละ
กระทรวงการคลงั ในเวลาต่อมา

ด้านเกษตรกรรม
• บกุ เบิกท่ีดนิ เพอ่ื การเพาะปลูก มีการขดุ คลองเพิม่
• มีการต้ังโรงสี และมกี ารส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์

ขา้ ว สง่ เสรมิ การเลยี้ งไหม

ดา้ นการค้า และการลงทนุ

• เกดิ โรงงานอตุ สาหกรรมเพม่ิ มากขึ้น
• เศรษฐกจิ ขยายตวั และผกู พันกบั เศรษฐกิจโลก

เพม่ิ มากข้ึน

พัฒนาการดา้ นสงั คม

การเลิกทาส
• รัชกาลที่ 5 ทรงดาเนนิ การเลกิ ทาสใน พ.ศ. 2417 แตใ่ ห้มีผลย้อนหลังไป
ถงึ พ.ศ. 2411
• พ.ศ. 2448 ทรงประกาศยกเลิกระบบทาสในไทย หา้ มผู้เป็นไทขายตัว
เปน็ ทาสอีกตอ่ ไป
• สว่ นผู้เปน็ ทาสให้ลดค่าตวั ลงเดือนละ 4 บาท จนหมดค่าตวั หรือหมดหน้ี

การเลกิ ไพร่
• รชั กาลที่ 5 ทรงเลกิ ไพร่โดยเรม่ิ จากการกาหนดว่าชายฉกรรจท์ ถ่ี กู สกั

ข้ึนทะเบียนตอ้ งมีอายุ 18 ปี
• ห้ามเกณฑ์แรงงานราษฎร เปลย่ี นเป็นใหจ้ า้ งแทน
• กาหนดใหผ้ ู้ชายอายุ 18 ปี เป็นทหาร 2 ปี แลว้ ไม่ต้องรบั ราชการ

(เขา้ เดอื น) อกี ต่อไป
• ผูท้ ไ่ี มเ่ ป็นทหารให้เสยี เงินค่าราชการไม่เกนิ 6 บาทตอ่ ปี
• ระบบไพร่ส้นิ สุดลง ไพร่มสี ถานะเปน็ ราษฎรทม่ี ีอิสระในการต้งั ถ่ินฐาน

และประกอบอาชพี

การศึกษา
•รชั กาลที่ 5 โปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ัง้ โรงเรยี นสอนหนังสอื ขึ้น
•ทรงตง้ั กระทรวงธรรมการ
•ตอ่ มารัชกาลท่ี 6 โปรดเกลา้ ฯ ให้มีการศกึ ษาภาค

บังคับ 4 ปี

พฒั นาการด้านความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศ

ด้านการทูตและการทาสนธิสัญญาระหว่าง
ประเทศ

• รชั กาลท่ี 4 ทรงเหน็ ความจาเป็นท่จี ะตอ้ งยอม
แก้ไขและทาสนธสิ ัญญาใหมก่ บั ชาติตะวันตก

พระยากลั ยาณไมตรี ท่ปี รึกษา ด้านการปอ้ งกนั การคกุ คามของชาติตะวันตก
ดา้ นการต่างประเทศของไทย • รัชกาลท่ี 5 เสดจ็ ประพาสยุโรปถึง 2 ครัง้ เพอ่ื

เจรจาและหาพันธมติ รท่จี ะชว่ ยสนบั สนนุ ไทย

ด้านการแก้ไขสทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต
• ทาให้ยกเลิกการมีสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขตของ

แผนที่แสดงการเสียดนิ แดนของไทยสมัยรชั กาลท่ี 5



การทาสนธสิ ัญญาเบาวร์ ิง • องั กฤษได้สทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต
• ยกเลิกภาษีปากเรอื ให้เกบ็ ภาษีสินค้าขาเข้า
เซอร์ จอห์น เบาวร์ ิง
ร้อยละ 3 แทน
• ให้มกี ารคา้ เสรี และไทยอนุญาตใหน้ าข้าว

ปลา เกลือ ไปขายต่างประเทศได้
• คนในบังคบั อังกฤษนาฝ่นิ มาขายในไทยได้

แตต่ ้องขายใหเ้ จ้าภาษีฝิน่ เทา่ นนั้ ถ้าเจ้าภาษี

ไมซ่ อื้ ตอ้ งนาออกไป
• ถ้าชาตอิ ่ืนไดส้ ิทธพิ ิเศษเพิม่ เตมิ อังกฤษจะได้

สทิ ธิพเิ ศษนน้ั ดว้ ย
• สนิ ค้าทีเ่ ป็นสินค้าออกใหเ้ ก็บภาษีได้

เพยี งครัง้ เดียว
• สนธิสญั ญานี้จะแก้ไขได้เม่ือพน้ 10 ปไี ปแล้ว

ผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ

• การเปลย่ี นแปลงระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ จากแบบยังชพี เป็นระบบ

เศรษฐกจิ การตลาด
• การเปลยี่ นแปลงประเภทสนิ คา้ หลักของประเทศ ทาใหข้ า้ วกลายเปน็

สินค้าออกที่สาคัญมาจนถงึ ปจั จบุ นั
• การขยายตวั ของการคา้ ภายในประเทศ ประกอบกบั การพัฒนาเส้นทาง

คมนาคมทาใหก้ ารค้าขยายตวั อย่างรวดเร็ว
• การพัฒนาอุตสาหกรรม และรฐั ได้ปรบั ปรงุ ระบบสาธารณูปโภคให้

สอดคลอ้ งกับความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ
• การปฏริ ปู ระบบภาษอี ากรและการคลงั จัดต้งั หอรัษฎากรพพิ ฒั น์ และมี

การจัดทางบประมาณแผน่ ดนิ เป็นคร้ังแรก

ผลกระทบด้านการเมอื ง
• ผอ่ นคลายแรงกดดันจากมหาอานาจตะวนั ตก และเปน็ การเปิด

สัมพันธ์ทางการทูตระหวา่ งไทยกบั นานาชาติ
• สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขตและคนในบงั คับ ซึ่งถอื เป็นความ

เสยี เปรียบในระยะยาวมาก

ซ่ึงไทยกเ็ ร่มิ เจรจาเพอ่ื จากัดปญั หาน้ี

ผลกระทบดา้ นสงั คม
•การเปลี่ยนแปลงกลมุ่ ผู้มีบทบาททางเศรษฐกิจ พอ่ คา้ และ
นายทุนชาวตะวนั ตกเข้ามาค้าขายและลงทนุ ทาธรุ กิจแขง่ ขนั
กบั นายทุนชาวจนี
•การเปลยี่ นแปลงวถิ ชี ีวิต การทสี่ ินค้าของตะวันตกซึง่ เปน็
สนิ คา้ แปลกใหม่ กระจายไปยังประชาชนท้งั ในเมืองและ
ชนบท ทาให้ประชาชนเข้าสู่ระบบเศรษฐกจิ ทใ่ี ช้เงินตราหา
ซ้อื ส่งิ ของแทนทว่ี ิถีชีวิตแบบเดิม

การปฏริ ปู ประเทศสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั

การปฏริ ูปประเทศระยะแรก

• ทรงตั้งหอรัษฎากรพพิ ฒั น์ การปฏิรปู ประเทศระยะท่ี 2
• ทรงเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมการ
เข้าเฝา้ • ทดลองขยายการปกครองจาก
• ทรงตัง้ สภาที่ปรกึ ษาราชการ 6 กรม เป็น 12 กรม
แผ่นดิน และสภาทีป่ รึกษาส่วน
พระองค์ • พระบรมวงศานวุ งศ์ และขนุ นาง
ที่ไดร้ ับการศกึ ษาแบบใหม่มา
ช่วยราชการ

• ทรงจ้างชาวต่างประเทศมาเปน็

ทป่ี รึกษาและทางาน

ดา้ นการบรหิ าราชการแผน่ ดนิ กระทรวงมุรธาธร
กระทรวงยุทธนาธิการ
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพระคลังมหาสมบตั ิ
กระทรวงนครบาล กระทรวงการตา่ งประเทศ
กระทรวงโยธาธกิ าร
กระทรวงธรรมการ กระทรวงกลาโหม
กระทรวงเกษตรพานชิ การ กระทรวงวัง
กระทรวงยตุ ธิ รรม

พระเจา้ ลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรี ด้านกฎหมายและการศาล
ดเิ รกฤทธิ์ “บิดาแห่งกฎหมายไทย” • ปฏริ ปู กฎหมายและการศาลให้เปน็ แบบ

ตะวันตก เพ่ือยกเลกิ สนธสิ ญั ญาท่ไี ม่เป็นธรรม

และสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต
• ต้งั กระทรวงยตุ ิธรรมเพอื่ ดูแลงานดา้ นการ

ศาล
• ตัง้ โรงเรยี นกฎหมาย จา้ งนักกฎหมาย

ชาวต่างชาติมาช่วยรา่ งประมวลกฎหมายตาม

แบบตะวันตก
• พระเจา้ ลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ิ

เป็นแกนนาสาคญั ในการปฏิรูปกฎหมาย

ดา้ นสังคม

• ทรงเลกิ ทาสและระบบไพร่
• ประชาชนมีอิสระในการประกอบอาชีพ ตง้ั ถน่ิ ฐาน และศกึ ษาเลา่ เรยี น

ดา้ นการศกึ ษา

• ทรงจดั ระบบการศึกษาแผนใหมแ่ บบตะวนั ตก
• ตง้ั โรงเรยี นหลวงสาหรับลกู ขุนนาง และราษฎร
• ตงั้ กระทรวงธรรมการดแู ลเร่อื งศาสนาและการศึกษา

ดา้ นเศรษฐกจิ และการคลงั
• จัดระบบเงนิ ตราโดยใช้มาตรฐานทองคาแทนมาตรฐานเงนิ
• ต้ังกระทรวงพระคลังมหาสมบตั ิ ดูแลดา้ นการคลงั ของแผ่นดนิ

ดา้ นการคมนาคมและการสื่อสาร
• มีการสรา้ งถนน ทางรถไฟ รถราง
• มีการขดุ คคู ลอง
• จดั ระบบไปรษณยี ์โทรเลข ไฟฟา้ ประปา และโรงพยาบาล

การเขา้ รว่ มสงครามโลกครัง้ ที่ 1

รชั กาลท่ี 6 ไม่ไดร้ ีบร้อนทรงรอเวลาท่ีเหมาะสม และใน
วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 จึงได้ทรงประกาศสงครามตอ่
ฝ่ายมหาอานาจกลาง

ผลของสงคราม
• ไดย้ กเลกิ สนธิสัญญาทไ่ี ม่เป็นธรรมกับเยอรมนี และออสเตรยี -

ฮังการี
• ต่างชาตริ จู้ กั ไทยดขี ้นึ ได้รับการยกยอ่ งใหม้ ฐี านะเทา่ เทียมกับ

ประเทศฝา่ ยสมั พนั ธมิตร
• ได้เปน็ สมาชกิ ของสนั นบิ าตชาติ
• ขอแก้ไขสนธสิ ัญญาที่ไม่เปน็ ธรรมกบั ชาตติ ะวันตก



พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว

พระราชกรณียกจิ สาคัญ
• ด้านการต่างประเทศ
ทรงส่งคณะราชทูตไปองั กฤษและฝร่ังเศสเพ่ือเจริญพระราชไมตรี
• ดา้ นการปรบั ปรงุ ประเทศ
ทรงยกเลิกประเพณีเก่าๆ ท่ีลา้ สมัย และทรงนาความร้ขู องตะวันตกมา

ปรบั ปรงุ บา้ นเมือง
• ด้านเศรษฐกจิ
ทรงทาสนธิสญั ญากบั ต่างชาติ และโปรดเกล้าฯ ให้ตง้ั โรงกษาปณ์ผลิตเงิน
• ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม
ทรงตั้งธรรมยุติกนกิ าย และโปรดเกลา้ ฯ ใหช้ าระและเขยี นพงศาวดารขน้ึ

ใหม่

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั

พระราชกรณียกจิ สาคัญ
• ด้านการปฏิรปู ประเทศ
- ทรงปฏริ ูปการปกครองสว่ นกลาง และสว่ นภมู ภิ าค ทรงปฏิรูประบบ

กฎหมายและการศาล
- ทรงเลกิ ทาส และทรงเลิกระบบไพร่ และทรงปฏิรูปการศึกษา

• ดา้ นการรักษาเอกราชของชาติ
- โดยวธิ ที างการทตู การทหาร และการแสวงหาความชว่ ยเหลอื

จากมหาอานาจอ่นื
- ทรงพยายามดาเนนิ นโยบายตา่ งประเทศอยา่ งอดทน และผ่อนปรน

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยูห่ วั

พระราชกรณยี กจิ สาคญั
• การสรา้ งชาตินยิ ม
ทรงใช้วิธีการสรา้ งสัญลกั ษณ์ เพอ่ื เปน็ ศูนยร์ วมใจใหเ้ กิดความรัก ความ

สามัคคี สานกึ ในหนา้ ท่พี ลเมืองทีด่ ีของชาติ และสานกึ ในความเสยี สละของ
บรรพบุรุษ

• การสร้างความเปน็ สากลและนาไทยเขา้ สสู่ ังคมนานาชาติ
ทรงกาหนดใหค้ นไทยมนี ามสกลุ ใช้ ทรงเปลีย่ นธงชาติใหม่ และการ
เข้ารว่ มสงครามโลกคร้งั ท่ี 1

• การสรา้ งความรงุ่ เรืองทางวฒั นธรรม
ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านอกั ษรศาสตร์ ทรงมีบทพระราชนพิ นธ์

มากมาย จนไดร้ บั การถวายพระราชมญั ญาว่า “พระมหาธรี ราชเจา้ ”

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยู่หัว

พระราชกรณยี กิจสาคัญ
• การวางรากฐานประชาธปิ ไตย
ทรงเตรียมการหลายประการเพื่อปลูกฝงั ให้ประชาชน

มสี านึกทางการเมือง พรอ้ มทจ่ี ะมสี ว่ นร่วมในการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตย เม่ือเกดิ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
จงึ ทรงเต็มพระราชหฤทยั สละพระราชอานาจของพระองค์

• การเป็นแบบอยา่ งท่ดี ีในการเสียสละผลประโยชน์สว่ นตัว
ทรงยอมลดค่าใช้จ่ายส่วนพระองค์ในยามทบี่ า้ นเมืองเผชิญกับ

ปญั หาเศรษฐกิจตกต่า


Click to View FlipBook Version