The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

e-book กีฬาเซปักตะกร้อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rahaya52019, 2022-03-26 03:52:19

e-book กีฬาเซปักตะกร้อ

e-book กีฬาเซปักตะกร้อ

ด.ช.นัควฎั หะยสี าเอะ ม.1/2

ประวัติกฬี าเซปกั ตะกรอ้ ความเป็นมาตะกร้อ กติกาและวิธกี ารเล่น

ประวัตกิ ีฬาตะกร้อตา่ งประเทศ กฬี าเซปกั ตะกร้อ

การแข่งขันตะกร้อตะกร้อ เป็นการละเลน่ ของไทยมาแต่โบราณ แตไ่ มม่ หี ลักฐานแนน่ อนว่ามมี าตงั้ แต่สมยั ใด แต่
คาดว่าราว ๆ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จำกัดจำนวน เล่นเป็นหมู่หรือ
เดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้างพอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช่หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อพลาสติกการ
เตะตะกร้อเป็นการเล่นท่ผี ู้เล่นได้ออก กำลังกายทุกสัดส่วน ฝึกความวอ่ งไว ความสังเกต มไี หวพริบ ทำให้มีบุคลิกภาพดี
มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่งในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับ
แหล่งกำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้น กำเนิดจากที่ใด จาก
การสันนษิ ฐานคงจะไดห้ ลายเหตผุ ลดังนี้

ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่า
เรียกว่า “ชิงลง”

ทางมาเลเซยี ก็ประกาศว่า ตะกรอ้ เป็นกฬี าของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปกั รากา (Sepak Raga) คำว่า Raga
หมายถงึ ตะกรา้

2

ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการ
เตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนงั ปักขนไก่ ซง่ึ จะศกึ ษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตงุ้ ทีเ่ ดินทางไปตั้งรกราก
ในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่ ประเทศ
เกาหลี ก็มลี ักษณะคล้ายกบั ของจนี แตล่ กั ษณะของลกู ตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนยี วหอ่ ด้วยผา้ สำลีเอาหางไก่ฟา้ ปกั

ประกาศไทยกน็ ยิ มเลน่ กีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเขา้ กับประเพณขี องชนชาตไิ ทยอยา่ งกลมกลืน
และสวยงามทง้ั ดา้ นทกั ษะและความคิด

ประวัติกฬี าตะกร้อในประเทศไทย

ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามกี ฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไป
ในส่งิ กลมๆท่ีสานด้วยหวายให้ช้างเตะ แตส่ ง่ิ ทีช่ ว่ ยสนบั สนนุ ประวตั ิของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของ
รชั กาลท่ี 2 ในเร่ืองมีบางตอนท่ีกล่าวถึงการเลน่ ตะกร้อ และท่ีระเบียงพระอโุ บสถวัดพระศรีรตั นศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่อง
รามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้
ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเคร่ืองใช้
รวมถงึ การละเล่นพ้นื บา้ นด้วย อกี ทง้ั ประเภทของกฬี าตะกร้อในประเทศไทยกม็ หี ลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกรอ้ ลอด
ห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบ
หลายวิธเี ชน่ ของไทยเรา การเล่นตะกร้อมีววิ ัฒนาการอย่างต่อเน่ืองมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจาก
สมัยแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก )ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรม
ฉบับราชบณั ฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ไดใ้ ห้คำจำกัดความเอาไว้วา่ ” ลูกกลมสานดว้ ยหวายเป็นตา สำหรับเตะ

ววิ ัฒนาการการเล่นกีฬาตะกรอ้

การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพ้นื
ต่อมาเมอ่ื เกดิ ความชำนาญและหลกี หนีความจำเจ กค็ งมกี ารเริม่ เลน่ ดว้ ยศีรษะ เขา่ ศอก ไหล่ มีการจัดเพมิ่ ท่าให้ยากและ
สวยงามขึ้นตามลำดับ จากน้ันกต็ กลงวางกติกาการเลน่ โดยเอื้ออำนวยต่อผู้เลน่ เป็นส่วนรวม อาจแตกตา่ งไปตามสภาพภูมิ
ประเทศของแตล่ ะพ้นื ที่ แต่คงมีความใกล้เคียงกนั มากพอสมควร

3

ตะกร้อนัน้ มีมากมายหลายประเภท เช่น
- ตะกรอ้ ข้ามตาข่าย – ตะกรอ้ ลอดบว่ ง – ตะกร้อพลิกแพลงเปน็ ต้น
เมือ่ มกี ารวางกติกาและทา่ ทางในการเลน่ อย่างลงตวั แลว้ ก็เริ่มมีการแข่งขนั กนั เกดิ ขึ้นในประเทศไทยตาม
ประวัติของการกฬี าตะกรอ้ ตัง้ แต่อดีตท่ไี ดบ้ ันทึกไวด้ ังนี้
พ.ศ. 2472 กีฬาตะกรอ้ เรมิ่ มีการแขง่ ขนั ครัง้ แรกภายในสมาคมกีฬาสยาม
พ.ศ. 2476 สมาคมกฬี าสยามประชมุ จดั รา่ งกตกิ าในการแขง่ ขนั กฬี าตะกร้อขา้ มตาขา่ ยและเปดิ ใหม้ ีการแขง่ ขันในประเภท
ประชาชนขนึ้ เปน็ ครัง้ แรก
พ.ศ. 2479 ทางการศกึ ษาไดม้ กี ารเผยแพรจ่ ดั ฝึกทักษะในโรงเรยี นมธั ยมชายและเปิดให้มีแขง่ ขันดว้ ย
พ.ศ. 2480 ได้มีการประชุมจัดทำแก้ไขร่างกฎระเบียบให้สมบูรณ์ขึ้น โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของ เจ้าพระยาจินดา
รกั ษ์ และกรมพลศึกษาก็ไดอ้ อกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2502 มีการจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ขึ้นที่กรุงเทพฯ มีการเชิญนักตะกร้อชาวพม่ามาแสดง
ความสามารถในการเล่นตะกร้อพลกิ แพลง
พ.ศ. 2504 กีฬาแหลมทองครัง้ ที่ 2 ประเทศพม่าได้รบั เกยี รติให้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน นักตะกร้อของไทยก็ได้ไปร่วม
แสดงโชว์การเตะตะกร้อแบบพลกิ แพลงด้วย
พ.ศ. 2508 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการบรรจุการเตะตะกร้อ 3 ประเภท เข้าไว้ในการ
แข่งขนั ด้วยก็คอื
- ตะกร้อวง – ตะกร้อขา้ มตาขา่ ย – ตะกร้อลอดบว่ ง

อีกทั้งมีการจัดประชุมวางแนวทางด้านกติกาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อสะดวกในการเล่นและการเข้าใจของผ้ชู ม
ในส่วนรวมอีกดว้ ย
พอเสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 กีฬาตะกร้อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก บทบาทของประเทศมาเลเซียก็เริ่มมี
มากขึ้น จากการได้เข้าร่วมในการประชุมตั้งกฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทข้ามตาข่าย หรือที่เรียกว่า ” เซปักตะกร้อ ”
และส่งผลใหก้ ีฬาตะกรอ้ ขา้ มตาข่าย ได้รับการบรรจเุ ขา้ ในการแขง่ ขันกีฬาแหลมทองครั้งท่ี 4 จนถึงปัจจุบัน

4

กติกาการเลน่ เซปกั ตะกร้อ กฬี าตะกรอ้

1.ผ้เู ลน่
ประเภทเด่ยี ว มผี ูเ้ ล่นตวั จริง 3 คน สำรอง 1 คน ประเภททมี ประกอบด้วย 3 ทีม มีผเู้ ลน่ 9 คน และผเู้ ล่นสำรอง 3 คน
2. ตำแหนง่ ของผู้เล่น มี 3 ตำแหนง่ คือ

2.1 หลัง ( Back ) เป็นผเู้ ตะตะกรอ้ จากวงกลม
2.2 หนา้ ซ้าย
2.3 หน้าขวา
3. การเปลย่ี นตวั ผเู้ ล่นในทีมเด่ยี วเปลย่ี นตัวได้ 1 คน และถา้ เหลอื น้อยกวา่ 3 คน ถอื ว่าแพ้ ผูม้ ชี ื่อในทมี เดี่ยวท่ีเล่นมานาน
แลว้ จะลงเล่นในทีมเด่ียวต่อไปไมไ่ ด้
4. การเสี่ยงและการอบอุ่นร่างกายมีการเสี่ยง ผู้ชนะการเสี่ยงจะได้เลือกข้างหรือส่งลูก ทีมที่ได้ส่งลูกจะได้อบอุ่นร่างกาย
กอ่ น เปน็ เวลา 2 นาที พรอ้ มเจา้ หน้าท่ีและนกั กฬี าไม่เกิน 5 คน
5. ตำแหน่งของผเู้ ลน่ ระหว่างการส่งลูกเสริ ์ฟ
เมื่อเริ่มเล่นทัง้ 2 ทีมพร้อมในแดนของตนเอง ผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟจะต้องอยู่ในวงกลมของตนเอง เมื่อเสิร์ฟแล้วจึงเคลื่อนที่ได้
สว่ นผู้เลน่ ฝ่ายรับจะยนื ท่ีใดก็ได้
6. การเปล่ยี นสง่ ใหเ้ ปลย่ี นการสง่ ลูกเมอื่ ฝา่ ยส่งลกู ผดิ กตกิ า หรือ ฝา่ ยรบั ทำลกู ใหต้ กบนพน้ื ท่ขี องฝา่ ยส่งได้
7. การขอเวลานอกขอได้เซตละ 1 คร้งั ๆ ละ 1 นาที
8. การนับคะแนนการแข่งขันใช้แบบ 2 ใน 3 เซต ในเซตที่ 1 และเซตที่ 2 จะมีคะแนนสูงสุด 15 คะแนน ทีมใดได้ 15
คะแนนก่อน จะเปน็ ผ้ชู นะในเซตนั้นๆ ท้งั 2 เซต จะไมม่ ีดวิ ส์ หากท้งั สองทมี ได้ 13 กอ่ น หรือ 14 เท่ากัน พักระหว่างเซต
2 นาที ถ้าเสมอกัน 1:1 เซต ให้ทำการแข่งขันเซตที่ 3 ด้วยไทเบรก โดยเริ่มด้วยการเสี่ยงใหม่ โดยใช้คะแนน 6 คะแนน
ทีมใดได้ 6 คะแนนก่อนเป็นผู้ชนะ แต่จะต้องแพ้ชนะอย่างน้อย 2 คะแนน ถ้ายังไม่แพ้กันไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ก็ให้ทำ
การแข่งขันอีก 2 คะแนน แต่ไม่เกิน 8 คะแนน เช่น 8:6 หทรือ 8:7 ถือเป็นการยุติการแข่งขนั ระบบไทเบรก เมื่อฝ่ายใดก็
ตามได้ 3 คะแนน และขอเวลานอกได้เซตละ 1 ครงั้ ครัง้ ละ 1 นาที สำหรับไทเบรก ขอเวลาได้ 1 คร้ัง คร้งั ละ 30 วินาที
แนะนำอปุ กรณ์กฬี าตะกร้อ
ขอ้ ที่ 1. สนามแข่งขนั ( THE COURT )
1.1 พื้นที่ของสนามมีความยาว 13.40 เมตร และกว้าง 6.10 เมตร จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ เมื่อวัดจากพื้นสนามสูงขน้ึ
ไป 8 เมตร (พืน้ สนามไม่ควรเปน็ สนามหญ้าหรอื สนามทราย )
1.2 เส้นสนาม ขนาดของเส้นสนามทุกเส้นท่ีเปน็ ขอบเขตของสนามต้องไม่กว้างกว่า 4 เซนติเมตร ให้ตเี ส้นจากกรอบนอก
เขา้ มาในสนามและถือเปน็ สว่ นของพื้นทีส่ นามแขง่ ดว้ ย เส้นเขตสนามทุกเสน้ ตอ้ งหา่ งจากส่งิ กีดขวางอย่างน้อย 3 เมตร

5

1.3 เสน้ กลาง มขี นาดกว้างของเสน้ 2 เซนตเิ มตร โดยจะแบง่ พืน้ ทข่ี องสนามออกเปน็ ด้านซ้ายและดา้ นขวาเทา่ ๆกนั
1.4 เส้นเสี้ยววงกลม ที่มุมสนามของแต่ละด้านตรงเสน้ กลางให้จุดศนู ย์กลางอยู่ที่ก่ึงกลางของเส้นกลางตัดกับขอบด้านใน
ของเส้นข้างเขียนเส้นเสี้ยววงกลมทั้งสอง ด้านรัศมี 90 เมตร ให้ตีเส้นขนาดความกว้าง 4 เซนติเมตร นอกเขตรัศมี 90
เซนตเิ มตร
1.4 เส้นเสย้ี ววงกลม ที่มุมของสนามของแตล่ ะดา้ นตรงเสน้ กลางใหจ้ ดุ ศูนย์กลางอยู่ท่ีก่งกลางของเส้นกลางตัดกับขอบด้าน
ในของเส้นข้าง เขียนเส้นเสี้ยววงกลมทั้งสองด้านรัศมี 90 เซนติเมตร ให้ตีเส้นนขนาดความกว้าง 4 เซนติเมตร นอกรัศมี
90 เซนติเมตร
1.5 วงกลมเสิร์ฟ ให้รัศมี 30 เซนติเมตร โดยวัดจากจุดกงกลางของเส้นหลังไปในสนาม 2.45 เมตร และวัดจากขอบด้าน
นอกของเส้นข้างไปในสนาม 3.05 เมตร แ ละวัดจากขอบด้านนอกของเส้นข้างเข้าไปในสนาม 3.05 เมตร ใช้ตรงจุดตัด
จากเสน้ หลังและเส้นข้างเปน็ จุดศูนย์กลาง ใหเ้ ขยี นเสน้ วงกลมขนาดความกวา้ ง 4 เซนตเิ มตร นอกเขตรัศมี 30 เซนตเิ มตร
( ดรู ปู ขนาดสนามจากภาคผนวก )

ข้อท่ี 2. เสา ( THE POSTS )
2.1 เสามีความสูง 1.55 เมตร ( ผู้หญิง 1.45 เมตร ) ตั้งอยู่อย่างมั่นคงพอที่จะทำให้ตาข่ายตึง โดยต้องทำจากวัสดุที่มี
ความแขง็ แกร่งและมีรศั มีไม่เกนิ 4 เซนตเิ มตร
2.2 ตำแหนง่ ของเสา ให้ตัง้ หรือวางไว้อย่างมั่นคงนอกสนามตรงกับแนวเส้นกลาง ห่างจากเส้นข้าง 30 เซนตเิ มตร

ข้อที่ 3. ตาขา่ ย ( THE NET )
3.1 ตาข่ายให้ทำด้วยเชือกอย่างดีหรือไนล่อน มีรูตาข่ายกว้าง 6 – 8 เซนติเมตร ความกว้างของผืนตาข่าย 70
เซนติเมตร และความยาวไม่นอ้ ยกว่า 6.10 เมตร ให้มีวัสดทุ ีท่ ำเป็นแถบ ขนาดความกวา้ ง 5 เซนติเมตร ตรงด้านข้างของ
ตาขา่ ยทง้ั สองดา้ นจากด้านบนถึงดา้ นล่างตรงกับแนวเส้นขา้ งซงึ่ เรยี กวา่ “แถบแสดงเขตสนาม”
3.2 ตาข่ายให้มีขนาดความกว้าง 5 ซนติเมตร ทั้งด้านบนและด้านล่าง โดยมีเชือกธรรมดาหรือเชือก ไนล่อนอย่างดี
ร้อยผ่านแถบและขึงตาข่ายให้ตึงเสมอระดับหัวเสา ความสูงของตาข่ายโดยวัดจากพื้นถึงส่วนบนของตาข่ายที่กึ่งกลาง
สนามมคี วามสงู 1.52 เมตร ( ผหู้ ญิง 1.42 เมตร ) และวดั ตรงเสาท้ังสองด้านมีความสูง 1.55 เมตร ( ผหู้ ญงิ 1.45 เมตร )

6

ขอ้ ที่ 4 ลูกตะกรอ้ ( THE SEPAKTRAKRAW BALL )
ลกู ตะกร้อต้องมลี ักษณะเป็นทรงกลม ทำดว้ ยหวายหรือใยสงเคราะห์ชน้ั เดียวมี 12 รู กบั 20 จดุ ตดั ไขว้ หากทำด้วยหวาย
ต้องมจี ำนวน 9 – 11 เส้น ขนดของเส้นรอบวงต้องไม่น้อยกวา่ 42 เซนตเิ มตร และไมม่ ากกวา่ 44 เซนติเมตร ( ผู้หญิง 43
– 45 เซนติเมตร) นำ้ หนกั ก่อนใชแ้ ขง่ ขนั ต้องไม่น้อยกวา่ 170 กรัม และไมเ่ กินกว่า 180 กรัม ( ผู้หญิง 150 – 160 กรมั )

แนะนำการดูกฬี าตะกร้อ

มารยาทในการเล่นทด่ี ี
การเล่นกีฬาทุกชนิด ผู้เล่นจะต้องมีมารยาทในการเล่นและการแข่งขัน ประพฤติปฎิบัติตนใหเ้ ป็นไปตามขั้นตอนของการ
เลน่ กีฬาแตล่ ะประเภท จงึ จะนับวา่ เปน็ ผู้เลน่ ที่ดแี ละมีมารยาท ผูเ้ ลน่ ควรตอ้ งมีมารยาทดงั น้ี คอื
1. การแสดงความยินดี ชมเชยด้วยการปรบมือหรือจับมือเมื่อเพื่อนเล่นได้ดี แสดงความเสียใจเมื่อตนเอง หรือเพื่อนร่วม
ทีมเลน่ ผิดพลาดและพยามปลอบใจเพ่อื น ตลอดจนปรบั ปรงุ การเลน่ ของตวั เองใหด้ ขี ้ึน
2. การเลน่ อยา่ งสภุ าพและเลน่ อยา่ งนักกฬี า การแสดงกริ ยิ าท่าทางการเลน่ ตอ้ งใหเ้ หมาะสมกบั การเป็นนกั กีฬาที่ดี
3. ผูเ้ ล่นท่ีดตี อ้ งไมห่ ยบิ อุปกรณ์ของผอู้ ่ืนมาเลน่ โดยพลการ
4. ไมว่ า่ จะชนะหรอื แพต้ อ้ งไม่แสดงอาการดีใจหรือเสยี ใจจนเกินไป
5. ผเู้ ลน่ ต้องเช่อื ฟังคำตัดสนิ ของกรรมการ หากไมพ่ อใจคำตัดสนิ กย็ ื่นประท้วงตามกตกิ า
6. ผเู้ ล่นต้องควบคมุ อารมณใ์ ห้สุขมุ อยู่ตลอดเวลา
7. ก่อนการแข่งขันหรือหลังการแขง่ ขนั ไมว่ า่ จะเป็นฝ่ายแพ้หรอื ชนะก็ตาม ควรจะต้องจบั มอื แสดงความยนิ ดี
8. หากมีการเล่นผิดพลาด จะต้องกล่าวคำขอโทษทันทีและต้องกล่าวให้อภัยเมื่อฝ่ายตรงข้ามกล่าวขอโทษด้วยความยิ้ม
แย้มแจ่มใส
9. ตอ้ งแต่งกายรดั กุม สุภาพ ถกู ตอ้ งตามกติกาทก่ี ำหนดไว้
10. ไมส่ ง่ เสียงเอะอะในขณะเลน่ หรือแขง่ ขนั จนทำให้ผู้เลน่ อื่นเกดิ ความรำคาญ
11. ตอ้ งปฏิบัติตามกฎขอ้ บังคับตามกติกาอย่างเคร่งครัด
12. มคี วามอดทนตอ่ การฝึกซ้อมและการเลน่
13. หลงั จากฝึกซ้อมแล้วตอ้ งเกบ็ อปุ กรณใ์ ห้เรียบร้อย
14. เลน่ และแขง่ ขันดว้ ยชั้นเชิงของนกั กฬี า รแู้ พ้ ร้ชู นะ รูอ้ ภัย ในการเลน่ กฬี า

7

มารยาทของผ้ชู มทดี่ ี
1. ปรบมือใหน้ กั กีฬาและผู้ตัดสินเมอ่ื เขาดินลงสนาม
2. ปรบมือแสดงความยนิ ดีเมื่อผู้เลน่ เลน่ ไดด้ ี หรอื ชนะการแขง่ ขัน
3. นง่ั ชมด้วยความสงบเรยี บรอ้ ยไมส่ ่งเสยี งเอะอะ
4. ไม่แสดงท่าทางยั่วยุใหผ้ ู้เล่นขาดสมาธิ
5. ไม่ใชเ้ สียงเพลงท่มี ีเนอ้ื หาหยาบคาย สร้างความแตกแยก
6. อยา่ แสดงกิรยิ าไมส่ ภุ าพหรือใชว้ สั ดสุ ง่ิ ของขว้างปาลงสนาม นักกฬี า หรือกรรมการ
7. ผูด้ ตู ้องยอมรบั การตัดสนิ ของผู้ตดั สนิ
8. ไม่ส่งเสียงโหร่ อ้ งหรอื แสดงกริ ิยาเยย้ หยนั เมื่อผเู้ ล่นเล่นผดิ พลาดหรอื ผูต้ ัดสินผดิ พลาด
9. ผู้ดูควรเรยี นร้กู ติกาการแข่งขนั กีฬาชนดิ นั้นๆ พอสมควร
10. ใหค้ วามรว่ มมือกบั เจ้าหน้าที่ เมื่อเกิดเหตกุ ารณว์ ุน่ วายขึ้นในสนามแขง่ ขนั
11. สนับสนุนใหก้ ำลังใจและใหเ้ กยี รตินกั กฬี าทกุ ประเภทเพ่ือเปน็ การส่งเสริมการกีฬาของชาติ


Click to View FlipBook Version