*นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT Development of academic achievement in social studies on North America of Mathayom 3 by organizing cooperative learning using TGT techniques. เปรมวดี แก้วมะ Premwadee Kaewma สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี Department of Social Studies, Faculty of Education, Udon Thani Rajabhat University บทคัดย่อ การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน วิชาสังคมศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้จาก การสุ่มแบบเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการ วิจัยได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา 6 และแบบทดสอบจำนวน 30 ข้อวิชาสังคมศึกษา 6 การ วิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ยร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ ผลวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 92.13/80.89 มีประสิทธิภาพผ่าน เกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ 80/80 และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT มีค่าเฉลี่ยคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 8.30 คะแนน นักเรียนมีคะแนน เฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 24.27 คะแนน และมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พบว่า tคำนวณ ที่คำนวณได้มีค่าเท่ากับ 31.53 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คำสำคัญ: การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, แผนการจัดการ เรียนรู้
2 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ABSTRACT This study 1) To develop a learning management plan for various social studies subjects. Opinions to clarify the collaborative research of TGT techniques at the Mathayom 3 level gave an efficiency of 80/80 2) to analyze academic achievement before studying with After studying Social Studies of Mathayom 3 students, they received cooperative learning and TGT techniques. The target group was Mathayom 3 students at Udon Thani Rajabhat University Demonstration School from a purposive random sampling of 30 people to survey the content. The research included a lesson plan for Social Studies 6 and a test of 30 Social Studies Considerations 6. The data was analyzed using a standardized core control system and a ttest without research. The research found that 1) Develop a lesson management plan I know that cooperative learning, TGT technique, social studies subject, continuous subject for Mathayom 3 students, 92.13/80.89, can pass the set standard of 80/80 and continuous standard 2) academic achievement. Social Studies, a continuous topic for Mathayom 3 students, has been organized for cooperative learning in the TGT technique. There is a writing subject. The academic achievement score according to the average score before studying is 8.30. The students' average score after studying is 24.27. Studying the average score after studying Students often look at statistics before studying at the .05 level. It is found that the calculated value is equal to 31.53, generally summarizing academic achievement. Social Studies Student Centered Subjects Mathayom 3 after studying again before studying statistics at the .05 level. KEYWORDS: Organization of cooperative learning activities, TGT techniques, academic achievement, learning management plans
3 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา การจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมในปัจจุบันส่วนมากยังขาดการเน้น ทักษะกระบวนการให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ขาดการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ระหว่างผู้เรียน นักเรียนเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งโดยธรรมชาติของกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแล้ว จะเป็น กลุ่มสาระที่มีเนื้อหามาก ทำให้ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียน เรียนตามหนังสือ เอกสาร ประกอบการเรียน ครูบรรยาย นักเรียนจดตามหนังสือ ทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย ขาดความ กระตือรือร้น และขาดความสนใจในการเรียน จึงส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำลง ดังนั้น จากสภาพ ปัญหาดังกล่าว ครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความสามารถ ของนักเรียน โดยการเปลี่ยนวิธีการเรียนแบบกลุ่มใหญ่มาเป็นการเรียนกลุ่มย่อย และการจัดกลุ่มนักเรียน สมาชิกในกลุ่มควรมีความสามารถที่แตกต่างกัน จะได้ช่วยกันเรียนรู้เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม ซึ่งจะช่วย ส่งเสริมพัฒนาการของนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะทางสังคม และการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข (ทิศนา แขมณี. 2555 : 99) สาระภูมิศาสตร์ จัดเป็นสาระการเรียนรู้หนึ่งในกลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ที่ช่วยให้ ผู้เรียนเข้าใจลักษระทางกายภาพของโลก ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ที่ก่อให้เกิดการสร้างวิถีการ ดำเนินชีวิต เพื่อให้รู้เท่าทัน ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสามารถใช้ทักษะ กระบวนการ ความสามารถทางภูมิศาสตร์ และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์จัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมตาม สาเหตุและปัจจัย อันจะนำไปสู่การปรับใช้ในชีวิต จนเกิดจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืน (หลักสูตรแกนกลาง. 2551 ฉบับปรับปรุง 2560) หลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็น ส่วนหนึ่งของกลุ่มสาระการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานที่สำคัญที่ผู้เรียนต้องเรียน เพื่อใช้เป็นหลักในการจัดการเรียนการ สอน เพื่อสร้างพื้นฐานการคิดและเป็นกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา และวิกฤติของชาติ กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นกลุ่มสาระที่ผู้เรียนในทุกระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาต้องเรียน ทั้งนี้ เพราะ กลุ่มสาระนี้ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันบนโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา การเชื่อมโยงทาง เศรษฐกิจซึ่งแตกต่างกันอย่างหลากหลาย การปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อม ทำให้เป็นพลเมืองที่มีความ รับผิดชอบ มีความสามารถทางสังคม มีความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม จิตสำนึก ตระหนักและเห็น คุณค่าต่าง ๆ โดยผู้เรียนมีความเจริญงอกงาม ด้านความรู้ ความคิดรวบยอด และหลักการสำคัญ ๆ ใน สาขาวิชาต่าง ๆ ผู้เรียนควรจะได้รับการพัฒนา กระบวนการทักษะการคิด เช่น การสรุปความคิด การแปล ความ การวิเคราะห์ หลักการนำไปใช้ ตลอดจนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการแก้ปัญหา ตาม กระบวนการทางสังคมศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้ 1) การบรรลุผลดังกล่าว ต้องจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนหลากหลายวิธี การเรียนรู้โดยใช้การจัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค ซึ่งจะช่วยสร้า ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกภายในกลุ่มผู้เรียน ได้รับความรู้จากการลงมือปฏิบัติเป็นกลุ่ม ส่งเสริมให้ผู้เรียน มีทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะทางสังคม ผู้เรียนค้นพบความรู้ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (สุคนธ์ สินธพานนท์, 2550 น. 80)
4 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญสามารถจัดได้หลายรูปแบบ เช่น เกมการศึกษา สถานการณ์จำลอง กรณีตัวอย่าง บทบาทสมมติ โปรแกรมสำเร็จรูป ศูนย์การเรียน ชุดการสอน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน โครงงาน การทดลอง การถามตอบ อภิปรายกลุ่มย่อย การแก้ปัญหา สืบสวนสอบสวน กลุ่มสัมพันธ์ การเรียนแบบร่วมมือ เป็นต้น (อัญชลี สารรัตนะ, 2554 : 29) ในปัจจุบันได้มีการนำเอาวิธีการ เรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วม ที่เรียกว่าการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เข้ามาใช้ในกิจกรรมการ เรียนการสอน การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จัดกระบวนการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นลักษณะของการจัดการเรียนที่มีระบบการ ทำงานเป็นทีมแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อให้ประสบผลสำเร็จร่วมกัน ในการกระทำสิ่งทั้งปวงย่อมเกิดจากความ มานะพยายามของผู้เรียน ทำอย่างไรจะฝึกให้ผู้เรียนรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งการเรียนแบบร่วมมือน่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้ผู้เรียนบรรลุถึงจุดหมายนั้น (ไสว ฟัก ขาว, 2544 : 195 - 217) โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ฝ่ายมัธยม) สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีการสอนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 การจัดการเรียน การสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง 2560 ทำให้กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ 5 สาระ โดยในที่นี้จะศึกษา เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ นับเป็นสาระที่เป็นเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นพลเมืองโลก เพื่อรองรับการ เปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้อง จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สภาพ ปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขมากที่สุด คือปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ เนื่องจากผู้เรียนไม่สนใจ ในรายวิชา การเรียนการสอนที่เน้นการบรรยายส่งผลให้ผู้เรียนไม่มีความเข้าใจในบทเรียนและการทำงานเป็น กลุ่ม สาระภูมิศาสตร์ทักษะที่จำเป็นต้องมีในศตวรรษที่ 21 มีเป้าหมายของการเรียนรู้ ส่งเสริมความ กระตือรือร้นสนใจในการเรียน จากสภาพปัญหาดังกล่าวนั้น ทำให้ผู้วิจัยได้ศึกษาแก้ไขปัญหาผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมที่ผู้วิจัยเลือกใช้คือ การจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือประเภทกลุ่มแข่งขัน (TGT) เป็นอีกวิธีหนี่งที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนา ในการจัดการเรียนรู้รูปแบบนี้จะ สนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ยั่วยุให้ผู้เรียน สนใจที่จะเรียน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจได้โดยง่าย และ ถูกต้องตรงตามจุดมุ่งหมาย ช่วยประหยัดเวลา ได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน รวมทั้งช่วยส่งเสริมความร่วมมือ โดย กำหนดให้ผู้เรียนที่มีความสามารถต่างกัน ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และใช้ในการแข่งขันหรือการต่อสู้ทาง วิชาการ โดยผู้เรียนที่มีความสามารถทางวิชาการเท่าเทียมกัน เข้าแข่งขันในกลุ่มต่าง ๆ เพื่อนำคะแนนของแต่ ละคนที่ได้จากการแข่งขันในแต่ละกลุ่มมาเป็นคะแนนกลุ่ม แต่ในเวลาเรียนต้องร่วมมือกัน ดังนั้น การจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือ ประเภทกลุ่มแข่งขัน TGT เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ อย่าง สนุกสนาน และท้าทายความสามารถ โดยผู้เรียนเป็นผู้เล่นเอง ทำให้เกิดประสบการณ์ เป็นวิธีการที่เปิดโอกาส ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาศักยภาพแห่งตัวผู้เรียนอย่างแท้จริง การจัดการ เรียนการสอนแบบ TGT (Teams - Games –Tournaments) จึงเป็นวิธีการเรียนที่สร้างความสนุกสนาน
5 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกับการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลาย โดยมีกฎเกณฑ์และกติกาที่ชัดเจนช่วยให้ผู้เรียนรู้จักการสังเกตและ การจดจำข้อมูล อันจะนำไปสู่ความเข้าใจในบทเรียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งได้ทักษะการสื่อสาร คิดแก้ปัญหาและ การทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ต่อไปในอนาคต วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้กระบวนการ เรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน วิชาสังคมศึกษา ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT สมมุติฐานของการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์ เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT มีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาสังคมศึกษา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ขอบเขตของการวิจัย 1. ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีอําเภอ เมือง จังหวัดอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จํานวน 3 ห้องเรียน รวมนักเรียนทั้งสิ้น 89 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 3 ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ อุดรธานี อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จํานวน 30 คน เป็นการเลือกกลุ่มที่ผู้วิจัยใช้เหตุผลในการเลือกเพื่อความเหมาะสมใน การวิจัย 2. ขอบเขตด้านตัวแปร ตัวแปรต้น คือ การเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ขอบเขตด้านระยะเวลาและเนื้อหา ระยะเวลา คือ ตลอดปีการศึกษา 2566 ใช้เวลาทั้งหมด 12 คาบ เนื้อหา คือ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์ เรื่อง ทวีปอเมริกา เหนือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับ ปรับปรุง 2560 โดยแบ่งเป็นแผนจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง ไม่รวมแบบทดสอบก่อน เรียนและหลังเรียน 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 10 ชั่วโมง
6 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิธีดำเนินการวิจัย การสร้างเครื่องมือและหาคุณภาพเครื่องมือ 1. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยดังกล่าวข้างต้นได้ดำเนินการสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือตาม ขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT (Team-Games-Tournament) หน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ มีแนวทางในขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ 1) ศึกษาหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 หนึ่ง คู่มือการ จัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อให้ทราบหลักการเป้าหมาย เจตนารมณ์ของหลักสูตร จุดประสงค์ของหลักสูตร 2) ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 3) ศึกษาทฤษฎี หลักการ และแนวคิดที่เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT (Team-Games-Tournament) 4) ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม พร้อมทั้งศึกษาสาระการเรียนรู้ที่ 5 ภูมิศาสตร์ ฉบับปรังปรุง 2560 คู่มือครู และแบบเรียน เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของกระทรวงศึกษาธิการและ เอกสารที่เกี่ยวข้อง 5) สร้างแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT (Team-GamesTournament) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ทวีปอเมริกาเหนือ โดยแบ่งเป็นแผนจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน แผน ละ 1 ชั่วโมง และแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 12 ชั่วโมง มีรายละดังนี้ แบบทดสอบก่อนเรียน (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทําเลที่ตั้ง อาณาเขต และลักษณะภูมิ ประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ 1 (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องทําเลที่ตั้ง อาณาเขต และลักษณะภูมิ ประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ 2 (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ลักษณะภูมิอากาศและพืชพรรณธรรมชาติ ของทวีปอเมริกาเหนือ (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ลักษณะทรัพยากรธรมชาติของทวีปอเมริกา เหนือ (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ลักษณะประชากร สังคมและวัฒนธรรม ของทวีปอเมริกาเหนือ 1 (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ลักษณะประชากร สังคมและวัฒนธรรม ของทวีปอเมริกาเหนือ 2 (จำนวน 1 ชั่วโมง)
7 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง ลักษณะเศรษฐกิจของทวีปอเมริกาเหนือ 1 (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง ลักษณะเศรษฐกิจของทวีปอเมริกาเหนือ 2 (จำนวน 1 ชั่วโมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรื่องภัยพิบัติและแนวทางในการจัดการในทวีป อมริกาเหนือ (จำนวน 1 ชั่วโมง) แบบทดสอบหลังเรียน (จำนวน 1 ชั่วโมง) 6) นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นเสนอต่อหัวหน้ากลุ่มสาระที่ปรึกษาและ นำเสนอต่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนในกลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 3 ท่าน เพื่อ ตรวจสอบ ความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และการวัด และ ประเมินผล โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านพิจารณาลงความคิดเห็นแล้วให้คะแนน 1.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็น แบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ให้ครอบคลุมเนื้อหาและตัวชี้วัดในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ตอบถูก ได้ข้อละ 1 คะแนนและตอบผิดได้ 0 คะแนน สร้างขึ้นจำนวน 44 ข้อ ใช้จริงจำนวน 30 ข้อ ผู้วิจัยได้ ดำเนินการ สร้างตาม ขั้นตอนดังนี้ 1) ศึกษาเอกสารและหลักสูตร คู่มือครู แบบเรียน ระเบียบการวัดผลและ ประเมินผล สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาภูมิศาสตร์ เพื่อสร้าง แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 2) วิเคราะห์สาระการเรียนรู้แกนกลางและตัวชี้วัด โดยพิจารณาจากความสำคัญ ของ ตัวชี้วัดให้ครอบคลุมเนื้อหาเรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ 3) สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ แบบ ปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 44 ข้อ 4) นำแบบทดสอบให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องเชิง เนื้อหา (Content Validity) โดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์การ เรียนรู้ (Index of item - Objective Congruence : IOC) (ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ, 2543: 249) 5) นำแบบทดสอบที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง และเคยเรียนเรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าความยาก (p) และ ค่าอำนาจจำแนก (r) 6) นำผลที่ได้จากการทดสอบมาวิเคราะห์แบบทดสอบเป็นรายข้อ เพื่อวิเคราะห์ หาค่าความยาก (p) และหาค่าอำนาจจำแนก (r) ของข้อสอบแต่ละข้อ และนำข้อสอบไปทดสอบหาค่า ความ เชื่อมั่นโดยใช้สูตรของ คูเดอร์-ริชาร์ดสัน (Kuder-Richardson) สูตร KR-20 7) นำแบบทดสอบที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อใช้เป็น แบบทดสอบก่อน เรียนและหลังเรียน
8 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระภูมิศาสตร์ เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 44 ข้อ ต้องใช้จริง 20 ข้อ 2. แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภูมิศาสตร์เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 แผน รวม 10 ชั่วโมง การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดและเก็บข้อมูลกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราช ภัฏอุดรธานี ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ตามขั้นตอนดังนี้ 1. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 ข้อแล้วทำการตรวจให้คะแนนโดยการใช้คะแนนสอบก่อนเรียนเป็นเกณฑ์ในการแบ่งกลุ่ม 2. ดำเนินการทดลองสอนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างขึ้นจำนวน 10 แผน โดยทดลองสอนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 และดำเนินการทดสอบย่อยในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ 3. ทดสอบหลังเรียน (Post-test) เมื่อสิ้นสุดการดำเนินการทดลองสอนจนครบ 10 แผนการ จัดการเรียนรู้ จำนวน 10 ชั่วโมง โดยใช้แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับที่ใช้ทดสอบการก่อน เรียน ทำการตรวจให้คะแนนทั้งสองครั้ง 4. นำผลที่ได้มาวิเคราะห์คาดสถิติเพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดย ใช้เทตนิค TGT หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกา เหนือ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 ผู้วิจัยได้นำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชาสังคม ศึกษาเรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 ซึ่งได้ทำการทดลองกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยนำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้จัดการ เรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เนื้อหาที่ผู้วิจัยนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ในครั้งนี้ คือ รายวิชาสังคมศึกษา 6
9 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ตารางที่ 4.2 ประสิทธิภาพของการศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน นักเรียน (N) คะแนนระหว่างเรียน (E 1 ) คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (E 2 ) คะแนน เต็ม คะแนน เฉลี่ย ( X ) ร้อยละ (%) คะแนน เต็ม คะแนน เฉลี่ย ( X ) ร้อยละ % 30 50 46.07 92.13 30 24.27 80.89 ตารางที่ 4.2 ประสิทธิภาพของการศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จากตารางที่ 4.2 ประสิทธิภาพของการศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรียนรู้ โดยใช้กระบวนการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 92.13/80.89 แสดงว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัย สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้/ = 80/80 และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน วิชา สังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT ผู้วิจัยได้นำคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และผลสัมฤทธิ์หลังเรียนรู้ วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกา เหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 คน คะแนนเต็ม 30 คะแนน มาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยและ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดังแสดงในตารางที่ 4.3 การทดสอบ N X S.D. df tคำนวณ ก่อนเรียน 30 8.30 3.12 29 31.53* หลังเรียน 30 24.27 2.42 *มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ตารางที่ 4.4 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ ก่อนและหลังเรียน โดยใช้คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบทีแบบไม่อิสระของผลสัมฤทธิ์ จากตารางที่ 4.4 พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน เท่ากับ 8.30 คะแนน โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.12นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 24.27 คะแนน โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.42 และมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของนักเรียนสูง กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พบว่า tคำนวณ ที่คำนวณได้มีค่าเท่ากับ 31.53* ดังนั้นจึง
10 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปผลการวิจัย ในการวิจัย เรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ของชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT สรุปผลได้ตังนี้ 1. การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชา สังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 92.13/80.89 แสดงว่า ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT รายวิชาสังคมศึกษา 6 เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์ มาตรฐานที่ตั้งไว้ 80/80 และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกาเหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT มีค่าเฉลี่ยคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดย มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 8.30 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 24.27 คะแนน และมี คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พบว่า tคำนวณ ที่ คำนวณได้มีค่าเท่ากับ 31.53* ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปอเมริกา เหนือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การอภิปรายผล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมีประเด็นการอภิปรายผลการวิจัยดังนี้ จากผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ จากผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.13/80.89 สูงกว่า เกณฑ์ 80/80 และผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป เป็นไปตามสมติฐานทางการวิจัย ข้อที่ 1 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ทำศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) และศึกษาหลักสูตร สถานศึกษาของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ศึกษา ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT นำหลักการการจัดกิจกรรม มาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อนำมาประกอบการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนและก็มีการ นำแผนการจัดการเรียนรู้เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหมด 3 ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบเสนอเนื้อหาแต่ละ
11 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ขั้นตอนของแผนการจัดการเรียนรู้ความสอดคล้องระหว่างเนื้อหาสาระ จุดประสงค์สาระการเรียนรู้กิจกรรม การเรียนรู้สื่อการเรียนรู้การวัดและการประเมินผล แล้วนำแผนการจัดการเรียนรู้มาปรับปรุงแก้ไขตาม ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบคุณภาพและหาค่าความเที่ยงตรงของเนื้อหา แล้วนำแผนการจัดการ เรียนรู้มาแก้ไขตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากนั้นนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วไปทดลองใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดกิจกรรม แบบร่วมมือเทคนิค TGT ซึ่งจากเหตุผลที่กล่าวมาทำให้การจัดกิจกรรมการการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ซึ่งสอดคล้องกับ ปิยนาถ สุทธิประภา (2560) ได้ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา เศรษฐศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ผลการวิจัย พบว่าประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพดี พอใช้ (85.10/82.88) ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ที่ 80/80 คุณภาพที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น พบว่าผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นว่าการเรียน แบบร่วมมือเทคนิค TGT มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผู้เรียนกลุ่มทดลองที่เรียนด้วยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT ที่ผู้วิจัย พัฒนาขึ้นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าผู้เรียนกลุ่มควบคุมที่เรียนด้วย วิธีสอนแบบปกติอย่างมีนัยสําคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 ดัชนี ประสิทธิผลของการเรียนรู้ของผู้เรียน หลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGTคิดเป็น ร้อยละ 73.38 ความพึงพอใจของผู้เรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรูปแบบร่วมมือเทคนิค TGT ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นโดยภาพรวมมี ความพึงพอใจอยู่ ในระดับมากที่สุด และสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ เดือนเพ็ญ สังข์งาม (2562) ได้ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT เรื่องวัฒนธรรมของไทยและวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า 1.แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT มีประสิทธิภาพ 85.11/84.35 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้ง ไว้ 2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT เท่ากับ 0.65 หรือคิดเป็นร้อยละ 65 3.ผู้เรียนมีความพึงพอใจโดยรวมเฉลี่ยเท่ากับ 4.61 ซึ่งอยู่ในระดับมาก ที่สุด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TGT ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางค่าสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 ที่เรียนวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทวีปอเมริเหนือ โดยการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 8.30 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 24.27 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยพบว่านักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานทางการวิจัยข้อที่ สอง อันเนื่องมาจากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TGT สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ ภาวินี อ้วนศรีเมือง (2557 : 141) ได้เปรียบเทียบผลการ เรียน เรื่องระบบฐานข้อมูลของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บร่วมกับการเรียนรู้แบบ TGT และการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ STAD ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 พบวาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บร่วมกับการเรียนรู้แบบ TGT สูงกวาก่อนเรียน อย่าง
12 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บร่วมกับการเรียนรู้แบบ TGT มีความ พึงพอใจโดยรวมในระดับมากที่สุดซึ่ง สอดคล้องกับผลงานวิจัยของอารยา พักละ (2564) ได้ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องภัยพิบัติทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3/4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ทำโดยใช้การจัดการเรียนการสอนแบบTGT (TeamsGames –Tournaments) ร่วมกับ บอร์ดเกม (Board Game) ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติทวีปอเมริกาใต้โดยการจัดการเรียนการ สอนแบบTGT (Teams-Games – Tournaments) ร่วมกับ บอร์ดเกม (Board Game) ก่อนเรียน ค่าเฉลี่ย 8.10 ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) =2.46 ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ google classroom ร่วมกับการเรียนแบบ Active learning ส่งผลให้ผู้เรียนได้ พัฒนาศักยภาพทางการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพตามความสามารถของผู้เรียนหลังจากการเรียนโดยการ จัดการ เรียนการสอนแบบ TGT (Teams-Games – Tournaments) ร่วมกับ บอร์ดเกม (Board Game) 2) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงขึ้นจากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องภัยพิบัติทวีปอเมริกาใต้ของ นักเรียนทั้งก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การสอนแบบ TGT (Teams-Games –Tournaments) ร่วมกับ บอร์ดเกม (Board Game) พบว่าหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 30.50, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 3.20 และก่อน เรียน ค่าเฉลี่ย X = 8.10, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 2.46 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้ การ สอนแบบTGT (Teams-Games –Tournaments) ร่วมกับ บอร์ดเกม (Board Game) โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมากที่สุดค่าเฉลี่ย 4.83, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.28 จัดอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด และ สอดคล้องกับผลงานวิจัยของอัครกิตติ์ ณธีอัครพัฒน์(2563) ได้ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัย พบว่ามีผลการเรียนรู้สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง ความน่าจะเป็น และใช้เวลาพอสมควรจึงจะทําให้นักเรียนมีผลการเรียนรู้ดีขึ้นและยังเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1.1 ผู้วิจัยทำการชี้แจงและทำความเข้าใจร่วมกับนักเรียนในขณะเริ่มทำการทดลองทำให้การจัด กิจกรรมการเรียนการสอนติดขัด ไม่ราบรื่น ดังนั้นก่อนทำการทดลองควรชี้แจงและทำความเข้าใจร่วมกับ นักเรียนเรื่องลำดับขั้นตอนการดำเนินตามขั้นตอนของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น 1.2 ผู้วิจัยไม่ได้ทดลองสอนร่วมกับนักเรียนห้องอื่นก่อน ทำให้ไม่คุ้นเคยกับกิจกรรมการเรียนรู้ และไม่สามารถจัดกิจกรรมตามเวลาที่กำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ได้ ดังนั้นควรทดลองสอนก่อน ในการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับการจัดการเรียนรู้ และเพื่อให้ทันต่อเวลาที่ กำหนดไว้ 1.3 ในการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยไม่สามารถจัดการเรียนรู้ได้ตรงตาม เวลาที่หนดในทุกแผนการจัดการเรียนรู้ได้ เนื่องจากเนื้อหาในแต่ละเรื่อง มีเนื้อหาที่ไม่เหมือนกัน บางเรื่องมี
13 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เนื้อหาจำนวนที่น้อย บางเรื่องมีเนื้อหาจำนวนที่มาก นักเรียนไม่สามารถทำงานตรงตามเวลาที่กำหนดได้ ดังนั้น ในการจัดการเรียนรู้ควรจะต้องกำหนดเวลาให้เหมาะสมกับเนื้อหา และต้องคอยเร่งกระตุ้นนักเรียนเพื่อให้ ปฏิบัติ กิจกรรมให้ทันเวลาที่กำหนด 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรนำเทคนิคการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ในแต่ละรูปแบบมาใช้ในการจัดการเรียน การสอน เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนการสอนที่มีความหลากหลาย และไม่ก่อให้เกิดความน่าเบื่อหน่าย จาก วิธีการสอนเพียงวิธีการเดียว 2.2 ควรมีการศึกษาเจคติ ทางการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ เทคนิค TGT เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 2.3 ควรมีการสร้างนวัตกรรมที่หลากหลายชนิด เช่น สื่อที่ทันสมัย คอมพิวเตอร์ช่วยสอน บอร์ด เกม เพื่อเพิ่มความสนใจให้กับนักเรียน และประกอบการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
14 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี บรรณานุกรม กรมวิชาการ, กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. กระทรวงศึกษาธิการ. (2555). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). ปีที่ 6 ฉบับที่ 7. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. กาญจนา อุปสาร. (2547). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรูแบบกลุมรวมมือ (STAD) เรื่องศาสนากับการ ดําเนินชีวิตกลุมวิชาสังคมศึกษา. วิทยานิพนธกศ.ม. (หลักสูตรและการสอน). มหาสารคาม : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม. จันทรา ตันติพงศานุรักษ์. (2543). “การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)”. ชวลิต ชูกำแพง. (2553). การวิจัยหลักสูตรและการสอน. พิมพครั้งที่ 2. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2542). เทคโนโลยีและการสื่อสารการศึกษา. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมธิราช ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2553). 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. พิมพ์ครั้งที่ 3. โรงพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ณัฐกมล วัชรวงษ์ทวี. (2556). การพัฒนาชุดการเรียนรู้ เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปยุโรป สาระภูมิศาสตร์ เดือนเพ็ญ สังข์งาม. (2562). การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT เรื่องวัฒนธรรมของไทยและวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชียของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 2. รายงานวิจัย. โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26. ทองเวียน ภวังค์. 2547. การพัฒนาแผนการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม สาระที่5 ภูมิศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่1. วิทยานิพนธ์กศ.ม. มหาสารคาม, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ทิศนา แขมณี. (2522). ทฤษฎีกลุ่มสัมพันธ์ในการสอนกลุ่มสัมพันธ์ ทฤษฎีและแนวปฏิบัติ เล่ม 1. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลปการพิมพ์. ทิศนา แขมมณี. (2550). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดการกระบวนการเรียนรู้ทีมี ประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
15 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี บรรณานุกรม (ต่อ) ทิศนา แขมมณี. (2555). ศาสตรการสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรูที่มีประสิทธิภาพ. พิมพครั้งที่ 15 กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์. ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่8). กรุงเทพฯแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: ที่ 12 : 141-154. ธนาธิป พรกุล. (2552). การออกแบบการสอนการบูรณาการการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการ เขียนพิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ธัญชนก สิงห์ทอง (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เรื่องทวีปเอเชียของ ชั้ น มัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราช ภัฎมหาสารคาม. ธัญญาเรศ หมื่นไกร (2564). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ศาสนพิธีของศาสนาสากลของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/6โรงเรียนโยธินบูรณะ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGTประกอบเกมการสอน. 6(7). 190 – 203. ธีรพล ปะ โสทะกัง. (2558). การพัฒนาแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้วยบทเรียนบนเว็บ โดยใช้ การจัดการ เรียนการสอนแบบ TGT เรื่องการเขียนโปรแกรมภาษาซี สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสารคามพิทยาคม. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. นาตยา ปิลันธนานนท์. (2545). จากมาตรฐานสู่ชั้นเรียน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. นิตยา กัลยาณี. (2551). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เวลา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ปิยนาถ สุทธิประภา. (2560). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 5 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการเรียนการสอน คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม.
16 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี บรรณานุกรม (ต่อ) ภาวินี อ้วนศรีเมือง. (2557). “การเปรียบเทียบผลการเรียน เรื่องระบบฐานข้อมูล ของนักเรียนที่ แบบ STAD ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5”. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. ปี ที่ 6 ฉบับที่ 12 : 141-154. รุ่งทิวา จักร์กร. (2545). หลักการสอนทั่วไป. กรุงเทพฯ: รุ่งเรืองธรรม. รุจิร์ภู่สาระ. (2545). การพัฒนาหลักสูตร : ตามแนวปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: บุ๊ค พอยท์. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. (มมป). หลักสูตรสถานศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี : ฝ่ายวิชาการ วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2545). เทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เนผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544. กรุงเทพฯ : พริกหวาน วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2545). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ: บริษัทแอล.ทีเพรส จํากัด. วารสารวิชาการ, 3(12), 36 - 55. วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2553). นวัตกรรมตามแนวคิดแบบ Backward Design. มหาสารคาม : ภาควิชา หลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วิรัตน์ ทองตาล่วง. (2545). ผลสัมฤทธิ์และแรงจูงใจในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนแบบ ที จี ที. เชียงใหม่ : บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สมนึก ภัททิยธนี. (2546). การวัดผลการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์ สมนึก ภัททิยธนี. (2555). การวัดผลการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระภูมิศาสตร์ (ฉบับบปรับปรุง พ.ศ. 2560 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. สุคนธ์ สินธพานนท์. (2550). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ อักษรเจริญทัศน์ สุวิทย์ มูลคำ และ อรทัย มูลค่า. (2558). 19 วิธีจัดการเรียนรู้ พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ภาพพิมพ์, สุวิทย์ มูลคำและ อรทัย มูลคำ. (2551). 19 วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์.
17 *นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี บรรณานุกรม (ต่อ) ไสว ฟักขาว. (2544). หลักการสอนสำหรับการเป็นครูมืออาชีพ. กรุงเทพฯ: เอมพันธ์. อรรคพล อุษา. (2565). การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอน แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยนเรศวร. อัครกิตติ์ ณธีอัครพัฒน์. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. ขอนแก่น : ภูเวียงวิทยาคม. อัญชลี สารรัตนะ. (2554). การประเมินความต้องการที่จำเป็น (Needs assessment) เพื่อการพัฒนา หลักสูตรการเรียนการสอน. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (1-2), 9-20. อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2550). หลักการสอน. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮาส์ อารยา พักละ. (2564). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องภัยพิบัติทวีปอเมริกาเหนือและ อเมริกาใต้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4. โรงเรียนสาธิตมัธยม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนัน ทา. เอกรินทร์ ลี่มหาศาล. (2552). กระบวนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา แนวคิดสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: บุ๊ค พอยท์ เอกรินทร์ ลี่มหาศาล และคณะ. (2552). เรื่องน่ารู้ในการใช้หลักสูตร. กรุงเทพฯ : บริษัทอักษรเจริญ ทัศน์จำกัด. Bloom, Benjamin S. (1976). Human Characteristics and School Learning. New York: McGraw-Hill. p.219– 224.