พาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
(E-commerce)
1. ภาพรวม
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ได้เปล่ียนแปลงรูปแบบของ
การดาเนินธุรกิจการค้าและการให้บริการที่เพิ่มช่องทางการค้าให้มีความหลากหลายและแตกต่างไปจาก
รปู แบบเดิม และทาให้เกิดคาว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” หรือท่ีรู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า E-Commerce
(Electronic Commerce)
องค์การระหว่างประเทศได้มีการนิยามความหมายของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Commerce
โดยองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO)1 ให้นิยามว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ
การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย หรือการส่งสินค้าและบริการโดยส่ืออิเล็กทรอนิกส์” องค์การเพื่อ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and
Development: OECD)2 ให้นิยามว่า “ธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การซื้อหรือขายสินค้าหรือบริการ
ทีด่ าเนินการผ่านโครงข่ายคอมพิวเตอร์ โดยวิธีการท่ีออกแบบข้ึนโดยเฉพาะเพ่ือวัตถุประสงค์ในการรับส่งคาส่ัง
แตก่ ารชาระเงินของสนิ คา้ หรอื บริการน้ันไม่จาเป็นต้องดาเนินการผ่านทางออนไลน์ ซ่ึงสามารถเป็นการดาเนิน
ธุรกรรมระหว่างบริษัท บุคคล บ้านเรือน ภาครัฐ หรือองค์กรต่างๆ” ทั้งน้ี หากพูดให้เข้าใจง่าย พาณิชย์
อเิ ล็กทรอนกิ ส์ คอื การซอื้ ขาย สนิ คา้ หรอื บรกิ ารผ่านทางอินเตอรเ์ นต็ หรือทาง online น่ันเอง
การดาเนนิ ธุรกรรมค้าขายทางพาณชิ ยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Commerce) สามารถจาแนกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
ได้ ดงั นี้3
- ผู้ประกอบการกับผู้บริโภค (Business to Consumer: B2C) คือ การค้าระหว่างผู้ประกอบการ
ถงึ ผู้บรโิ ภค เช่น การขายหนังสอื ขายวดี ีโอ ขายซีดเี พลง เป็นตน้ แบง่ ออกเป็น 5 ระดบั คือ
- การโฆษณาและแสดงสินค้า (Electronic showcase) หมายถึงการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ในการโฆษณาสนิ ค้าหรือบรกิ ารของบริษทั
- การส่ังซ้ือสินค้าผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic ordering) หมายถึงการสั่งซ้ือสินค้าผ่าน
อนิ เตอรเ์ น็ต แตก่ ารชาระเงนิ ยงั คงใช้ช่องทางเดิม
- การชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic payment) หมายถึงการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ในการส่ังซ้ือสินค้าและชาระเงนิ
- การจัดส่งและบริการหลังการขายผ่านอินเตอร์เน็ต (Electronic delivery and service)
หมายถึง การใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตในการค้าปลีกอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การโฆษณา การรับสั่ง
สินคา้ การชาระเงิน ตลอดจนการให้บรกิ ารหลังการขาย
- การทาธุรกรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เช่น การแลกเปลี่ยนเงินตรา
1WTO: The Work Programme on Electronic Commerce states that: "Exclusively for the purposes of the work
programme, and without prejudice to its outcome, the term 'electronic commerce' is understood to mean the
production, distribution, marketing, sale or delivery of goods and services by electronic means".
2 OECD: An e-commerce transaction is the sale or purchase of goods or services, conducted over computer
networks by methods specifically designed for the purpose of receiving or placing of orders. The goods or
services are ordered by those methods, but the payment and the ultimate delivery of the goods or services
do not have to be conducted online. An e-commerce transaction can be between enterprises, households,
3inขdอ้ ivมidลู uจาaกlsส,มgาoคvมeผrn้ปู mระeกnอtบs,กaาnรdพาoณthชิ eยrอ์ pิเลu็กbทliรcอoนrกิ pสrไ์ iทvยate organisations.
- ผปู้ ระกอบการกบั ผปู้ ระกอบการ (Business to Business: B2B) คือ การค้าระหว่างผู้ประกอบการ
ครอบคลุมถึงเรอ่ื ง การขายสง่ การทาการสงั่ ซ้อื สนิ ค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การผลิต (Supply
Chain Management) เป็นต้น
- ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer: C2C) คือ การติดต่อระหว่างผู้บริโภค
กับผบู้ ริโภค เช่น การแลกเปลย่ี นสนิ คา้ กันเอง การขายของมือสอง เป็นต้น
- ผู้ประกอบการกับภาครัฐ (Business to Government: B2G) คือ การประกอบธุรกิจระหว่าง
ภาคเอกชนกับภาครัฐ ท่เี หน็ กนั มากคือการจดั ซือ้ จดั จ้างของภาครัฐ (e-Government Procurement) รัฐบาล
จะทาการจัดซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์
www.mahadthai.com
- ภาครัฐกับประชาชน (Government to Consumer: G2C) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะ
เป็นเร่ืองการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น การคานวณและเสียภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต การให้
บริการขอ้ มลู ประชาชนผา่ นอนิ เตอร์เนต็ เป็นตน้
2. มลู คา่ พาณชิ ย์อิเล็กทรอนิกสใ์ นประเทศไทย4
สานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (Electronic Transactions
Development Agency) ได้ทาการสารวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ในประเทศไทย
พบว่าในปี 2559 มีมูลค่า E-Commerce 2,523,994.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.08 ของมูลค่า
ขายสินคา้ และบรกิ ารทงั้ หมด เติบโตเพม่ิ ขึน้ จากปี 2558 รอ้ ยละ 12.42
มูลค่า E-Commerce แบ่งเป็น E-Commerce แบบ B2B จานวน 1,381,513.39 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 54.74 ของมูลค่า E-Commerce ปี 2559 รองลงมาคือ มูลค่า E-Commerce แบบ B2C จานวน
729,292.32 ล้านบาท (ร้อยละ 28.89) และมูลค่า E-Commerce แบบ B2G จานวน 413,188.75 ล้านบาท
(ร้อยละ 16.37)
เมื่อเปรียบเทียบอัตราการเติบโตของมูลค่า E-Commerce ปี 2559 กับปี 2558 พบว่ามูลค่า
E-Commerce ประเภท B2B ของปี 2559 ขยายตัวเพิ่มข้ึนร้อยละ 3.5 มูลค่า E-Commerce ประเภท B2C
ของปี 2559 ขยายตัวเพ่ิมขึ้นร้อยละ 43 และมูลค่า E-Commerce ประเภท B2G ของปี 2559 ขยายตัว
เพมิ่ ขน้ึ ร้อยละ 3.21
หากแบ่งมูลค่า E-Commerce ปี 2559 ออกเป็นประเภทอุตสาหกรรมท้ัง 8 หมวดอุตสาหกรรม
(ไม่รวม e-Auction) พบวา่ อุตสาหกรรมทีม่ มี ลู ค่า E-Commerce มากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่
1) อุตสาหกรรมการคา้ ปลีกและการค้าสง่ มีมูลค่า 731,828.33 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 34.54)
2) อุตสาหกรรมการให้บริการทพี่ ัก มมี ูลค่า 643,033.15 ลา้ นบาท (ร้อยละ 30.35)
3) อุตสาหกรรมการผลิต มีมลู ค่า 343,866.80 ล้านบาท (ร้อยละ 16.23)
4) อุตสาหกรรมข้อมูลขา่ วสารและการส่อื สาร มีมลู ค่า 281,866.93 ล้านบาท (ร้อยละ 13.30)
5) อตุ สาหกรรมการขนสง่ มมี ูลค่า 70,316.38 ล้านบาท (ร้อยละ 3.32)
6) อุตสาหกรรมบริการด้านอื่นๆ เช่น การจัดหาคนออนไลน์ และการบริการชาระเงินออนไลน์
เป็นต้น มมี ลู ค่า 35,057.56 ล้านบาท (รอ้ ยละ 1.65)
7) อุตสาหกรรมศลิ ปะ บันเทงิ และนนั ทนาการ มมี ลู คา่ 11,300.29 ลา้ นบาท (ร้อยละ 0.53)
4 ที่มา: รายงานผลการสารวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2559 จัดทาโดย สานักงานพัฒนาธุรกรรมทาง
อิเลก็ ทรอนิกส์
2
8) อตุ สาหกรรมการประกนั ภัย มีมูลคา่ 1,668.66 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 0.08)
ภาพที่ 1 มลู ค่า E-Commerce ในประเทศไทย
ภาพท่ี 2 มลู ค่า E-Commerce แบบ B2C ของประเทศตา่ งๆ
3
ภาพที่ 3 มูลคา่ E-Commerce ในประเทศไทยจาแนกตามภาคอุตสาหกรรม
3. กฎหมายและระเบียบท่เี กี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเลก็ ทรอนิกส์
ประเทศไทยได้มีการพัฒนากฎหมายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกฎหมาย
ธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับนวตั กรรมทางเทคโนโลยีแบบใหม่ และธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
รวมทั้งการออกกฎหมายและกฎระเบียบที่มีความเกี่ยวข้องกับการดาเนินธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ประกอบดว้ ย
1. การดาเนนิ ธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละลายมือชื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
เพื่อรับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เท่าเทียมเอกสารกระดาษ และ
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นการรองรับนิติสัมพันธ์ต่างๆ ซ่ึงแต่เดิมอาจจะจัดทาขึ้นในรูปแบบของหนังสือ
ให้เท่าเทียมกับนิติสัมพันธ์รูปแบบใหม่ท่ีจัดทาขึ้นในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมท้ังการลงลายมือช่ือ
ในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และรับฟังพยานหลักฐานท่ีอยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีกฎหมายท่ี
เกีย่ วข้องคือ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 และฉบับแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2551 ซ่งึ มปี ระเดน็ เกีย่ วกับการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การกากับ
ธรุ กจิ บริการเกยี่ วกบั ธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ นอกจากนี้ ยังมกี ฎหมายรองอนื่ ๆ เช่น
- พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยวิธีการแบบปลอดภัยในการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.
2553
- ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เร่ือง การรับรองสิ่งพิมพ์ออก พ.ศ.
2555
- ประกาศคณะกรรมการธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เรอื่ ง หน่วยงานรับรองส่ิงพิมพ์ออก พ.ศ.
2555
- ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการ
จดั ทาหรือแปลงเอกสารและขอ้ ความใหอ้ ยใู่ นรปู แบบของข้อมูลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2553
4
2. การกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์
เพอ่ื กาหนดมาตรการทางอาญาในการลงโทษผู้กระทาผิดต่อระบบการทางานของคอมพิวเตอร์
ระบบข้อมูล และระบบเครือข่าย โดยมีกฎหมายที่กากับดูแล คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และยังมีกฎหมายรองท่ี
เก่ียวข้อง เช่น กฎกระทรวงกาหนดแบบหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร พ.ศ. 2551
ประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร เรื่อง หลักเกณฑการเก็บรักษาขอมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอรของผูใหบริการ พ.ศ. 2550 ระเบียบวาดวยการจับ ควบคุม คน การทาสานวน สอบสวนและ
ดาเนนิ คดกี บั ผูกระทาความผิด ตามพระราชบัญญัติวาดวยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอรฯ เป็นต้น
3. การชาระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
ธุรกิจบริการเก่ียวกับการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เทคโนโลยีท่ีมีความ
ซับซ้อนหลากหลาย และเป็นธุรกิจท่ีมีมูลค่าโดยรวมทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง จึงมีกฎหมายเพื่อกากับดูแล
ธุรกิจบริการเกี่ยวกับการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดประสิทธิภาพ ประกอบด้วยกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง
เชน่
- พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.
2551
- ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
ในการประกอบธรุ กจิ บริการการชาระเงินทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
- ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษ
ปรับทางปกครองสาหรับผู้ประกอบธุรกิจใหบ้ ริการการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับท่ี
2) พ.ศ. 2560
- ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 3/2559 เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
วา่ ด้วยการควบคมุ ดูแลธรุ กจิ บรกิ ารการชาระเงินทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์
- ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 1/2552 เรื่อง การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์
ตามบญั ชี ก ทไ่ี มต่ อ้ งแจง้ ให้ทราบกอ่ นใหบ้ รกิ าร
- ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่ สรข.2/2552 เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข
วา่ ดว้ ยการควบคมุ ดแู ลธรุ กิจบรกิ ารชาระเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์
- ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 3/2552 เร่ือง นโยบายและมาตรการการรักษา
ความม่ันคงปลอดภัยทางระบบสารสนเทศในการประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการการชาระ
เงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
4. การจดทะเบียนผ้ปู ระกอบการพาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์
1. พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
ใหผ้ ้ปู ระกอบการพาณชิ ยกจิ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2553 กาหนดให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจ
ท้ังท่เี ป็นบุคคลธรรมดาและนติ ิบุคคลต้องจดทะเบยี นพาณชิ ย์ โดยธรุ กจิ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าข่ายต้องจด
ทะเบียนพาณชิ ย์ ไดแ้ ก่
1) การซื้อขายสินค้า/บริการ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
(ครอบคลมุ ถงึ website ร้านคา้ ใน e-Marketplace ร้านคา้ ใน Social Media และ Application)
2) การให้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider: ISP) เช่น ไอเน็ต ล็อคอินโฟ
ทรคู อร์ปอเรชน่ั เป็นต้น
5
3) การให้เช่าพ้ืนท่ีของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web hosting) คือ เป็นบริการ ให้เช่า
พ้ืนที่ในการนาเว็บไซต์มาฝาก เพื่อให้เว็บไซต์สามารถออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตได้ เช่น chaiuohosting.com,
jaideehosting.com เป็นตน้
4) การบริการเป็นตลาดกลางในการซ้ือขายสินค้า/บริการ โดยวิธีใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน
ระบบอินเตอรเ์ น็ต (e-Marketplace) เช่น tarad.com, weloveshopping.com เป็นตน้
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการคาจะออกเคร่ืองหมายรับรองการจดทะเบียนพาณิชยอิเล็กทรอนิกส
(DBD registered) ใหแกผูประกอบการท่จี ดทะเบียน เพอื่ นาไปแสดงไวบนเวบ็ ไซตของตนเอง
2. พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 กาหนดให้บุคคลธรรมดาหรือ
นิติบคุ คลที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง5 ต้องยื่นคาขอต่อนายทะเบียน ณ สานักงาน
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเหตุที่กฎหมายตองบังคับใหตองจดทะเบียนก็เพ่ือใหหนวยงานภาครัฐ
สามารถตรวจสอบหรือติดตามผูประกอบธุรกิจหรือบุคคลผูคาขายได หากผูบริโภคถูกละเมิดสิทธ์ิจากการ
ซื้อสินคาหรือบริการ โดยหลักเกณฑ์การจดทะเบียน เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการขายตรงและตลาด
แบบตรง เรื่อง หลกั เกณฑ์ และวิธีการยื่นคาขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง และการประกอบธุรกิจ
ตลาดแบบตรง พ.ศ. 2550
5. การค้มุ ครองผ้บู รโิ ภค
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541
กาหนดหลักการสาคญั ในเรอ่ื งการคุ้มครองสทิ ธิของผบู้ รโิ ภค 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1) สิทธิที่จะได้รับข่าวสาร ได้รับ
ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆ อย่างถูกต้อง ทั้งการโฆษณา คาพรรณนาคุณภาพ หรือการแสดง
ฉลากตามความเปน็ จริง 2) สิทธิท่ีจะมอี ิสระในการเลือกหาสินค้า หรือบริการ ผู้บริโภคมีสิทธิท่ีจะเลือกซื้อด้วย
ความสมัครใจ มีอิสระในการตัดสินใจ โดยปราศจากการชักจูงอย่างไม่ชอบธรรม 3) สิทธิท่ีจะได้รับความ
ปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับสินค้า หรือบริการท่ีปลอดภัย มีคุณภาพ
ได้มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ 4) สิทธิท่ีจะได้รับความเป็นธรรมในการทาสัญญา การทาสัญญาใดๆ
ของผู้บริโภคจะต้องไม่โดนเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ ข้อความในสัญญาจะต้องเป็นธรรม แก่
ผู้บริโภค และ 5) สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ผู้บริโภคมีสิทธิจะได้รับการคุ้มครอง
และชดเชยค่าเสียหาย เม่ือผู้ประกอบธุรกิจละเมิดใน 4 ข้อท่ีผ่านมา โดยเจตนารมณ์ของกฎหมาย คือการให้
ความคมุ้ ครองแก่ผู้บริโภคในทกุ กรณี แม้วา่ จะเปน็ การซือ้ สนิ ค้าออนไลน์ก็ตาม
6. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กระทรวงดิจทิ ลั เพือ่ เศรษฐกจิ และสังคมได้ยกร่างพระบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ...
โดยอยู่ระหว่างการหารือกับภาคส่วนต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจถูก
ประมวลผล เปิดเผย หรือเผยแพร่ถึงบุคคลจานวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยอาศัยพัฒนาการทาง
เทคโนโลยี จนอาจก่อให้เกิดการนาข้อมูลนั้นไปใช้ในทางมิชอบอันเป็นการละเมิดต่อเจ้าของข้อมูล ท้ังนี้ โดย
คานงึ ถงึ การรักษาดลุ ยภาพระหวา่ งสิทธขิ ั้นพน้ื ฐานในความเปน็ สว่ นตัว และเสรีภาพในการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร
5 ผู้ประกอบการท่ีต้องจดทะเบียนตลาดแบบตรง หมายถึงธุรกิจท่ีเป็นการตกลงซ้ือขายไม่ซึ่งหน้าโดยอาศัยผ่านสื่อต่างๆ เช่น
รายการโทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร เคร่ืองมือส่ือสารอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ ซึ่งมีระบบการส่ังซ้ือสินค้าได้ทันที ระบบการ
ชาระเงิน ระบบการขนสง่ สนิ ค้า
6
4. พาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนกิ สภ์ ายใต้ความตกลงหรอื ความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศ
WTO
ประเทศต่างๆ หันมาให้ความสาคัญและความสนใจประเด็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ประเด็นดังกล่าวได้ถูกหยิบยกข้ึนหารือภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade
Organization: WTO) เป็นคร้ังแรก ต้ังแต่ในการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ 2 เมื่อเดือน
พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่ประชุมมีมติสาคัญเก่ียวกับเรื่อง
E-Commerce 2 ประการ คอื
1) ใหค้ ณะมนตรีท่ัวไปของ WTO จัดทาแผนงานในรายละเอียด เพื่อพจิ ารณาเรือ่ ง E-Commerce
2) ให้ประเทศสมาชิกยกเว้นภาษีศุลกากรเป็นการช่ัวคราว สาหรับสินค้าท่ีส่งผ่าน electronic
transmission
หลังจากการประชมุ รฐั มนตรี WTO ณ นครเจนีวา คณะมนตรที ัว่ ไปจึงได้มอบหมายให้องค์กรย่อยของ
WTO 4 องค์กร ทาหน้าท่ีหารือเร่ือง E-Commerce และรายงานผลต่อคณะมนตรีท่ัวไป เพื่อนาเสนอต่อ
ทีป่ ระชุมรฐั มนตรี WTO ได้แก่
1) คณะมนตรีว่าด้วยการค้าบริการ (Council for Trade in Services: CTS) พิจารณาประเด็นความ
เก่ียวข้องของ E-Commerce กับการค้าบริการ เช่น จะจัดการค้าผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์เป็นการให้บริการ
หรอื ไม่
2) คณะมนตรีว่าด้วยการค้าสินค้า (Council for Trade in Goods: CTG) พิจารณาประเด็นความ
เก่ียวข้องของ E-Commerce ในส่วนการค้าสินค้า เช่น หากจัดการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นการค้าสินค้า
จะจาแนกพิกดั ศุลกากรสินคา้ น้ันอยา่ งไร จะถือว่าสินค้านั้นมีแหล่งกาเนิดสนิ คา้ มาจากไหน
3) คณะมนตรีว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Council for Trade-Related Aspect of
Intellectual Property Rights: TRIPs) พิจารณาประเด็นท่ีเก่ียวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา เช่น จะให้การ
คมุ้ ครองเครอ่ื งหมายการคา้ ลิขสิทธิ์ และทรัพยส์ ินทางปัญญาตา่ งๆ ที่สง่ ผ่านสอ่ื อิเล็กทรอนกิ สอ์ ยา่ งไร
4) คณะกรรมการว่าดว้ ยการค้าและการพัฒนา (Committee on Trade and Development: CTD)
พิจารณาประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนา เช่น ผลกระทบของ E-Commerce ต่อการค้าและเศรษฐกิจของ
ประเทศกาลังพัฒนา การเพ่ิมบทบาทและการมีส่วนร่วมของประเทศกาลังพัฒนาในเร่ือง E-Commerce
เปน็ ต้น
โดยประเด็นสาคัญในเรื่อง E-Commerce ที่ยังไม่ชัดเจน คือ การแยกประเภท (classification)
ของสินค้าท่ีมีการค้าท้ังในรูปแบบที่จับต้องได้ (products delivered physically) และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(products delivered electronically: digitized products) ว่าควรเป็นสินค้าหรือบริการ ทั้งนี้ ความ
แตกตา่ งระหวา่ งการเปน็ สินค้าหรือบริการ คือ
1) กรณสี นิ ค้า จะใช้หลักการของ GATT ทั้งการประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ย่ิง (Most-
favoured Nation Treatment: MFN) และการประติบัติเย่ียงคนชาติ (National Treatment: NT) โดยไม่
สามารถห้ามนาเข้าหรือจากัดปริมาณนาเข้า แต่อาจเก็บภาษีนาเข้าได้ตามพันธกรณี และจะตกอยู่ภายใต้
ความตกลงด้านสนิ คา้ อน่ื ๆ อาทิ มาตรการเยียวยาทางการค้า การอุดหนนุ กฎแหลง่ กาเนดิ สนิ ค้า
2) กรณีบริการ จะใช้หลักการของ GATS โดยสมาชิกสามารถยกเว้นหลักการ MFN (MFN
Exemption) และมีข้อจากัดด้านการเข้าสู่ตลาด (Market Access) และการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ (NT) ได้ ทั้งนี้
GATS ไม่มบี ทบัญญตั ิเก่ยี วกบั การหา้ มนาเขา้ หรอื การเก็บภาษี แต่จะมีมาตรการขอ้ จากัดการเข้าสู่ตลาด 6 ข้อ
เช่น กาหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้น จานวนผู้ให้บริการ รูปแบบการให้บริการ มูลค่าการให้บริการ จานวน พนักงาน
ตา่ งชาติ เปน็ ต้น
7
ล่าสดุ ในการประชุมรัฐมนตรีองคก์ ารการคา้ โลกสมัยสามัญ คร้ังที่ 10 เม่ือวันท่ี 14-18 ธันวาคม พ.ศ.
2558 ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ได้มีมติขยายระยะเวลาการยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรส่ิงที่ส่งผ่านทาง
อิเล็กทรอนิกส์ (electronic transmission) เป็นการช่ัวคราวออกไปอีก 2 ปี (พ.ศ. 2559-2560) เนื่องจาก
สมาชิกยังหาข้อสรุปไม่ได้ และให้คงการดาเนินงานเก่ียวกับ Work Programme on E-Commerce เช่น
ความชว่ ยเหลอื ทางเทคนิค การเสรมิ สร้างศกั ยภาพการอานวยความสะดวกในการเขา้ ถงึ E-Commerce
แม้การดาเนินการด้าน E-Commerce ภายใต้ WTO จะยังไม่ได้มีผลเป็นรูปธรรมในแง่ของการมี
กรอบกฎระเบียบ หรือข้อตกลงท่ีประเทศสมาชิกจะดาเนินการร่วมกัน มีแต่เพียงเรื่องของการยกเว้นการเก็บ
ภาษีศุลกากรส่ิงที่ส่งผ่าน electronic transmission แต่ในปัจจุบันประเทศสมาชิก WTO ได้เริ่มมีการ
ดาเนินการเพื่อขับเคลื่อนเรื่อง E-Commerce ให้มีความคืบหน้า โดยมีการจัดประชุม สัมมนา แลกเปลี่ยน
ขอ้ คดิ เหน็ ในเวทีต่างๆ ซึ่งมีการหารือในหลายประเด็น ท้ังในเรื่องของภาษีศุลกากร การคุ้มครองผู้บริโภค การ
โอนข้อมูล การคุ้มครองข้อมูล และการพัฒนา SMEs เป็นต้น ไทยในฐานะประเทศสมาชิก WTO ซ่ึงเป็น
ประเทศกาลังพัฒนาที่ผู้ประกอบการยังไม่มีความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ E-Commerce ในตลาดโลก
และอยู่ระหว่างการพัฒนา หรือพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ หรือมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวกับด้าน
E-Commerce จึงต้องตดิ ตามความคบื หนา้ การดาเนนิ การในเรอื่ งดงั กลา่ วอยา่ งใกลช้ ิด
APEC
ประเทศสมาชกิ กรอบความรว่ มมอื ทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค หรือเอเปค (Asia-Pacific Economic
Cooperation: APEC) มีการดาเนินความร่วมมือในด้านต่างฯ ซ่ึงรวมถึงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่เน้น
ความร่วมมือในการอานวยความสะดวกพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การส่งเสริมให้เกิดกฎระเบียบเดียวกันภายใน
ภูมิภาค ส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการมุ่งสู่การค้าไร้กระดาษ
โดยประเทศสมาชิกได้จัดทา APEC Blueprint for Action on Electronic Commerce และมีการจัดตั้ง
E-Commerce Steering Group (ECSG) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ซ่ึงเป็นการดาเนินการภายใต้คณะกรรมการ
ว่าด้วยการค้าและการลงทุน (Committee on Trade and Investment: CTI) เพื่อหารือประเด็นที่เกี่ยวข้อง
กับ E-Commerce และดาเนินกิจกรรมต่างๆ ใน Blueprint การดาเนินงานท่ีผ่านมามีการจัดทา APEC
Privacy Framework เป็นกรอบเกี่ยวกับการรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคล และการจัดทาระบบ Cross-
Border Privacy Rules (CBPR) และระบบ Privacy Recognition for Processors (PRP)
ล่าสดุ ECSG ได้มีการจัดทา APEC Cross-border E-Commerce Facilitation Framework โดยจะ
มีการเสนอท่ีประชุมรัฐมนตรีเอเปคให้การรับรองต่อไป เพ่ือเป็นฐานในการดาเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริม
พาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนิกส์ข้ามพรมแดน ครอบคลุมประเด็น 1) ส่งเสริมกฎระเบียบที่มีความโปร่งใส คาดการณ์ได้
เพ่อื อานวยความสะดวก E-Commerce ข้ามพรมแดนภายในภูมิภาค 2) ส่งเสริมการเสริมสร้างความสามารถ
เพ่ือให้ประเทศสมาชิกเอเปคสามารถช่วย MSMEs ให้มีส่วนร่วมในตลาดภูมิภาคและตลาดโลก 3) เสริมสร้าง
ความเขม้ แขง็ ของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลข้ามพรมแดน 4) อานวยความสะดวกการค้าไร้กระดาษภายใน
ภูมิภาค และ 5) การพจิ ารณาประเด็นใหมๆ่ เกย่ี วกบั E-Commerce ขา้ มพรมแดน
ASEAN
ผนู้ าอาเซียนได้รบั รองแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พ.ศ. 2568 (AEC Blueprint 2025) ซึ่งได้
มกี ารบรรจุเรอื่ ง E-Commerce เปน็ หน่ึงในแผนงานท่ีอาเซียนต้องดาเนนิ ความร่วมมือ โดยมเี ป้าหมายเพ่ือการ
จัดทามาตรการท่ีเกี่ยวข้องในการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมท่ีดีต่อการดาเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เช่น การคุ้มครองผู้บริโภค การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การระงับข้อพิพาทออนไลน์ เป็นต้น โดยใช้กรอบ
ความตกลงอิเล็กทรอนิกส์อาเซียน (e-ASEAN Framework Agreement) เป็นพื้นฐาน ซ่ึงเป็นกรอบความ
ตกลงทไี่ ด้รบั การรับรองจากผู้นาอาเซยี นเมอื่ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543
8
เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 อาเซียนได้มีการจัดต้ังคณะกรรมการประสานงานด้านพาณิชย์
อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน (ASEAN Coordinating Committee on Electronic Commerce: ACCEC)
เพอ่ื ดาเนนิ การจดั ทาแผนงานดา้ นพาณิชย์อิเลก็ ทรอนกิ สข์ องอาเซียน ที่จะนาไปสู่เป้าหมายใน AEC Blueprint
2025 รวมทง้ั ยงั มีเป้าหมายในการจัดทาความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์อาเซยี นดว้ ย
แผนงานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ โดยมีการระบุเก่ียวกับ
องค์ประกอบการดาเนินงานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน พร้อมระบุคณะทางานรายสาขา ซึ่งเป็น
ผูร้ ับผดิ ชอบหลักในแต่ละดา้ น โดยไดก้ าหนดกรอบการดาเนินการทม่ี สี าระสาคัญสรุปได้ ดงั นี้
1. โครงสร้างพ้ืนฐาน การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วย
กระตุ้นให้เกิดการเติบโตของตลาดกลางพาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Marketplace)
2. สมรรถนะด้านการศึกษาและเทคโนโลยี การจัดทาโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร โดย
การส่งเสริมสมรรถนะด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรที่เก่ียวข้อง การใช้อินเตอร์เน็ตในการพัฒนา
ธุรกิจของ MSMEs เป็นต้น
3. การคุ้มครองผู้บริโภค การตระหนักถึงหลักการเก่ียวกับสิทธิของผู้บริโภคในการซ้ือขายออนไลน์
และการขยายความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศ/ความร่วมมอื ภายในภมู ภิ าค
4. การมกี รอบกฎระเบยี บทีท่ ันสมยั การปรบั ปรุงกฎระเบียบด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการสร้าง
ความโปรง่ ใสเก่ียวกับกฎหมายและกฎระเบียบด้านพาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ของประเทศ
5. ความปลอดภัยของธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การมีกลไกท่ีปลอดภัย
สาหรับการยืนยันตัวบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ และการมีความร่วมมือระหว่างประเทศท่ีดูแลเร่ืองความม่ันคง
ปลอดภยั ทางไซเบอร์
6. ระบบชาระเงิน การพัฒนาระบบชาระเงินท่ีม่ันคง ปลอดภัย โดยการพัฒนากรอบแนวทางสาหรับ
การแก้ปัญหาด้านการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
7. การอานวยความสะดวกทางการค้า การมีนโยบายอานวยความสะดวกทางการค้าที่ช่วยสนับสนุน
พาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การพัฒนาเว็บไซตข์ ้อมูลที่ครบถว้ นเก่ียวกบั ดา้ นศุลกากร เป็นต้น
8. การแขง่ ขนั ส่งเสริมการแขง่ ขนั ท่เี ทา่ เทยี มกันในสาขาพาณิชย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์
9. โลจิสติกส์ การพัฒนาบริการด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน เพ่ืออานวยความสะดวกด้านพาณิชย์
อิเลก็ ทรอนิกส์
10. กรอบพาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ การจดั ทาความตกลงวา่ ดว้ ยพาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์อาเซยี น
FTA
ในการเจรจาจัดทาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) ในปัจจุบันที่มีความ
ครอบคลุมรอบด้าน (comprehensive) นอกจากจะรวมประเด็นเกี่ยวกับการค้าสินค้า การค้าบริการ
การลงทนุ มาตรการเยียวยาทางการค้า กฎแหล่งกาเนิดสินค้า ทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ เร่ือง E-Commerce
ยังได้ถูกรวมเป็นประเดน็ หนึ่งของการจดั ทา FTA ดว้ ย
การจัดทา FTA ท่ีผ่านมาระหว่างประเทศกาลังพัฒนาด้วยกัน ความครอบคลุมของ E-Commerce
ส่วนใหญ่จะเน้นเร่ืองของความร่วมมือระหว่างกัน เพ่ือนาไปสู่การสร้างความเช่ือม่ันในการดาเนินธุรกรรม
ออนไลน์ แต่ก็มีบางประเทศท่ีได้รวมเรื่องการไม่เก็บภาษีศุลกากรของสิ่งที่ส่งผ่านทาง electronic
transmission ตามท่ีได้ตกลงภายใต้ WTO มาผกู พันใน FTA ด้วย เช่น FTA ทวิภาคีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย
ไทย-นิวซีแลนด์ อินเดีย-สิงคโปร์ เปน็ ตน้
9
หากเป็นความตกลงระหว่างประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน เรื่อง E-Commerce มักจะรวมถึงประเด็น
อ่ืนๆ โดยเฉพาะการไม่เก็บภาษีศุลกากรของสิ่งที่ส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นการถาวร การมีกฎระเบียบ
มาตรการ หรือกรอบกฎหมายท่ตี อ้ งใหก้ ารคุม้ ครองผู้บริโภคที่ใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การคุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคล การดาเนนิ การไปสู่การคา้ ไรก้ ระดาษ เป็นต้น โดยความตกลงพหุภาคีฉบับล่าสุดท่ีได้มีการสรุปผล ได้แก่
ความตกลง TPP นับเป็นความตกลงที่การจัดทาบท E-Commerce ครอบคลุมประเด็นเพ่ิมเติมใหม่ๆ ซึ่งมี
ขอบเขตมากกว่าแค่การซ้ือขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่าน้ัน แต่รวมไปถึงการดาเนินธุรกิจ
ด้วย เชน่ การหา้ มมีการปฏิบัติทแ่ี ตกต่างตอ่ สนิ คา้ ดิจิทลั ของประเทศภาคี การห้ามกาหนดให้มีการจัดตั้งหรือใช้
server ในประเทศ การต้องอนุญาตให้มีการโอนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยเสรี หากเป็นไปเพ่ือการดาเนินธุรกิจ
เป็นตน้ ทาให้ประเทศพฒั นาแล้วหลายประเทศได้นา TPP มาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง และนามาเสนอในการเจรจา
ความตกลงอนื่ ๆ ท่มี ีการเจรจาในปจั จบุ นั
5. บทบาทของภาครัฐต่อการส่งเสรมิ พาณชิ ยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ในไทย
ธรุ กจิ E-Commerce ไดเ้ ข้ามาเปน็ ส่วนหนง่ึ ของระบบเศรษฐกิจในไทยเปน็ ระยะเวลานานแล้ว แต่ยิ่งมี
บทบาทสาคัญต่อผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือแม้แต่ผู้ท่ีกาลังจะเร่ิมดาเนินธุรกิจ
ในช่วงระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเวลาท่ี social media ถูกใช้เป็นส่ือกลางสาคัญในการติดต่อ
ส่อื สาร
ผู้ให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ท่ีเป็นที่รู้จักท่ัวโลกมีจานวนไม่น้อย เช่น Lazada,
Rakuten, Amazon, Alibaba ในขณะท่ีผู้ให้บริการของไทยยังเป็นที่รู้จักแต่เพียงตลาดในประเทศ ดังน้ัน
ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs จึงยังต้องเผชิญความท้าทาย ท้ังการทาตลาดภายในประเทศ และเพ่ือขยาย
ตลาดสู่ผู้บริโภคในต่างประเทศด้วย ดังนั้น การจะสร้างให้ platform ขายสินค้าออนไลน์มีความน่าเชื่อถือ
มีช่ือเสียงเป็นที่ยอมรับ ปัจจัยสาคัญส่วนหน่ึงมาจากการท่ีผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ
การดาเนินธุรกิจ รวมถึงการดาเนินการในรูปแบบ E-Commerce พร้อมทั้งการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ
สินค้าและบริการของตน ภาครัฐจึงต้องมีการเสริมสร้างและพัฒนาทักษะของผู้ประกอบการ รวมไปถึงการวาง
โครงสร้างพื้นฐานสาคัญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ให้มีมาตรฐานและท่ัวถึงทุกพ้ืนที่ และการมี
มาตรการในการรักษาความปลอดภัย มาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค ซ่ึงจะเป็นส่วนหน่ึงที่ช่วยให้
E-Commerce ของไทยเติบโตและแขง่ ขันได้
ปัจจุบันจึงมีหลายหน่วยงานจากภาครัฐที่ได้เข้ามาดูแลเร่ืองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ยกตัวอย่างเช่น
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีบทบาทสาคัญในการดาเนินนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ท่ีเน้นการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายและการใช้อินเตอร์เน็ตให้ทุกพ้ืนที่สามารถเข้าถึงได้ สานักงานพัฒนา
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สพธอ. มีการดาเนินงานท่ีส่งเสริมและสนับสนุนการทาธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนกิ ส์ใหม้ ีความนา่ เชือ่ ถือ โดยมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในการทา
ธุรกรรมออนไลน์ และยังได้มีการจัดทา Online Complaint Center (OCC) โดยความร่วมมือจากหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสานักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา เป็นต้น เพื่อให้ OCC เป็นศูนย์กลางในการรองรับปัญหาอันเกิดจากการทา
ธุรกรรมออนไลน์ กลั่นกรองและแก้ปัญหาเบ้ืองต้น ก่อนส่งเรื่องต่อให้หน่วยงานท่ีมีอานาจดาเนินการต่อไป
และกรมสง่ เสริมอตุ สาหกรรม มีการดาเนินโครงการด้านการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ E-Commerce
โดยม่งุ เนน้ ผู้ประกอบการท่ีเป็นผผู้ ลิต เป็นตน้
10
ในส่วนของการดาเนินการของกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการบูรณาการและส่งเสริมการดาเนินงานด้าน
E-Commerce ภายในหน่วยงานต่างๆ6 ในส่วนท่ีเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ โดยมีกรม
พัฒนาธุรกิจการค้า (พค.) ทาหน้าท่ีกากับดูแลเรื่องการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการส่งเสริม
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) ท่ีส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ
ไทยในการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทงั้ สร้างโอกาสในการขยายการค้าสู่ตลาดโลก โดยช่องทางออนไลน์
ซ่ึงได้มแี นวทางการบรู ณาการความร่วมมอื ระหว่างกันใน 3 ดา้ น ดังน้ี
- การพฒั นาศักยภาพในการทาการคา้ ออนไลน์ทัง้ ในและตา่ งประเทศ
พค. เสรมิ สร้างศกั ยภาพดา้ นการค้าออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการท่ีเพิ่งเร่ิมธุรกิจ และคัดเลือก
ผปู้ ระกอบการทีม่ ีศักยภาพในการสง่ ออกมาพัฒนาและเตรยี มความพร้อมสกู่ ารดาเนินธุรกิจระหว่างประเทศ
สค. เสริมสร้างศักยภาพและความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้าออนไลน์
แก่ผปู้ ระกอบการทต่ี อ้ งการขยายชอ่ งทางการค้าสูต่ ลาดโลก และนาผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกจาก พค.
มาพัฒนาต่อยอดให้สามารถส่งออกได้ผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ รวมทั้งฝึกสอนซ้ือขายจริงบนเว็บไซต์
Thaitrade.com และมรี ะบบติดตามผลการซอื้ ขาย
ทง้ั สองหนว่ ยงานจะเนน้ การจัดกิจกรรมอบรม สัมมนาด้านการค้าออนไลน์ พร้อมต่อยอดการ
ดาเนินงานภายใต้โครงการบูรณาการการพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้านการค้าออนไลน์อย่างครบวงจร (Smart
Online SMEs: S.O.S.) และร่วมกันประชาสัมพันธ์และรับสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์กระทรวง
พาณชิ ย์ (moc.go.th) พค. (dbd.go.th) และ สค. (ditp.go.th)
- การพัฒนาตลาดกลางพาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนกิ สข์ องกระทรวงพาณชิ ย์ให้เป็นตลาดเดยี ว
รวมเว็บไซต์ Thaicommercestore.com ภายใต้การกากับดูแลของ พค. เข้ากับเว็บไซต์
Thaitrade.com ของ สค. โดยได้วางแผนการเช่ือมฐานข้อมูล การรวมศูนย์บริการให้คาปรึกษาไว้ ณ จุดเดียว
(Thaitrade.com Center) ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนรับทราบช่องทางการรับ
บริการ
-การสร้างความน่าเชือ่ ถอื ให้ตลาดกลางพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ของกระทรวงพาณชิ ย์
พค.รับผิดชอบการจดทะเบียนประกอบธุรกิจและเคร่ืองหมายรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์
อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ DBD Registered และ DBD Verified ให้แก่ผู้ขายไทย เพ่ือยืนยันการมีตัวตนอยู่จริง
และรับรองวา่ มีระบบการซอ้ื ขายตามรูปแบบ E-Commerce ท่ถี กู ตอ้ งตามกฎหมาย
สค.รับผิดชอบด้านการสร้างความน่าเช่ือถือและประชาสัมพันธ์ตลาด กลางพาณิชย์
อิเล็กทรอนิกสข์ องกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นท่รี ูจ้ กั และยอมรบั ในตลาดโลก
ท้ังสองหน่วยงานจะร่วมกันส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การจดเคร่ืองหมายรับรองการจด
ทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นท่ีรู้จักในวงกว้าง และยกระดับความน่าเชื่อถือของผู้ขายไทยบนเว็บไซต์
Thaitrade.com ซง่ึ ผา่ นการรบั รองจากหน่วยงานที่กากบั ดแู ลการจดทะเบยี นพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์
------------------------------
สานักการค้าบรกิ ารและการลงทุน
กนั ยายน 2560
6 ข้อมลู จากรายงานความคืบหน้าการบูรณาการความร่วมมอื ด้านตลาดกลางพาณิชย์อเิ ล็กทรอนิกส์ของกระทรวงพาณิชย์
(บันทกึ กรมสง่ เสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่ พณ 0922.2/5926 ลงวนั ท่ี 21 พฤศจิกายน 2559)
11