The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เครื่องสังคโลก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chxpitnxddx, 2022-08-11 05:19:52

เครื่องสังคโลก

เครื่องสังคโลก

เครื่องสังคโลก

ประวัติความเป็นมา

“สังคโลก” หรือ “เครื่องสังคโลก” เป็นคำที่ใช้เรียก สิ่งของ
เครื่องใช้ เครื่องถ้วย ชาม เครื่องประดับประติมากรรม
สถาปัตยกรรม และสิ่งที่ทำขึ้นจากความเชื่อ หรือสำหรับใช้ใน
พิธีกรรมต่าง ๆ ที่ผลิตขึ้นในเขตจังหวัดสุโขทัย เมื่อสมัย
อาณาจักรสุโขทัย-อยุธยา หรือราวปลายปีพุธศตวรรษที่ 19
ถึงต้นศตวรรษที่ 22 ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีแหล่งผลิต
เครื่องปั้นดินเผาเคลือบขึ้นในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ใน
ประเทศไทยหลายแห่ง พบมากในแคว้นสุโขทัย และล้านนา
โดยเฉพาะในแคว้นสุโขทัย มีทั้งเตาผลิตเครื่องปั้นดินเผาทั้ง
ชนิดเคลือบและไม่เคลือบ เพื่อใช้สำหรับเป็นของใช้ในบ้าน
และส่งออกขายต่างประเทศ แหล่งผลิตเครื่องสังคโลกที่
สำคัญอยู่ที่แหล่งเตาสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง และ
แหล่งเตาศรีสัชนาลัย หรือเมืองสวรรคโลกเก่า อำเภอ
ศรีสัชนาลัย

ซึ่งมีการสันนิษฐานว่า คำเรียกว่า “สังคโลก” เป็นคำที่
ผิดเพี้ยนมาจากคำว่า สวรรคโลก ซึ่งน่าจะเกิดจาก
พ่อค้าเรือชาวจีนผู้ค้าสังคโลกคนกลางรายใหญ่ ที่ออก
เสียงเรียกผลิตภัณฑ์จากเมืองสวรรคโลกไม่ถูกต้อง
ตามสำเนียงเดิม กลายเป็น “สังคโลก” อีกข้อ
สันนิษฐานหนึ่งคือ เป็นข้อสันนิษฐานโดยสมเด็จกรม
พระยาดำรงราชานุภาพซึ่งทรงพระอธิบายความเพิ่ม
เติมในหนังสือเที่ยวเมืองพระร่วง กล่าวว่า คำเรียกนี้
น่าจะมาจาคำจีน คำว่า “สัง” และน่าจะมาจากคำว่า
“ซัง” หรือ “ซอง” ซึ่งเป็นคำเดียวกันกับ “ซ้อง” อันเป็น
ชื่อราชวงศ์ซ้องที่ปกครองประเทศจีนระหว่าง
พุทธศักราช 1503 - 1822 ส่วนคำว่า “กะโลก” หรือ
“คโลก” น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “โกลก” ซึ่งเป็นคำจีน
แปลว่า “เตา”เมื่อรวมกันเป็น “ซ้องโกลก” ก็ควรจะ
แปลความว่า “เตาแผ่นดินซ้อง” ซึ่งชาวญี่ปุ่นเองก็
เรียกเครื่องถ้วยชามสีเทาของจีนในสมัยซ้องนี้ว่า
“ซ้องโกลก” เช่นกัน

เอกลักษณ์เครื่องสังคโลก

เป็นเครื่องปั้ นดินเผาเนื้อแกร่งหรือเนื้อหิน
(Stoneware) โดยแหล่งสำคัญที่พบจะอยู่ใน
แคว้นสุโขทัย และล้านนา โดยเฉพาะในแคว้น
สุโขทัยมี หัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์งาน
เครื่องสังคโลกอยู่ที่ภูมิปัญญาในการสร้าง
และใช้งานเตาเผาที่เรียกกันว่า “เตาทุเรียง”
โดยเตาเผาเครื่องสังคโลกสำคัญ ๆ ในสุโขทัย
นั้นมีแหล่งผลิตอยู่ 2 แห่งด้วยกัน คือ

1.แหล่งเตาสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย
จังหวัดสุโขทัย พบเตาตั้งเรียงรายอยู่เป็น 4 กลุ่ม ตั้ง
ยาวไปตามลำน้ำโจน ลักษณะของเตาที่พบล้วนเป็นเตา
อิฐที่ก่อบนเนินดินที่ถมสูงขึ้นมาทั้งสิ้น ซึ่งประเภทของ
เตานี้มีทั้งเตาเผาชนิดระบายความร้อนไหลผ่านในแนว
ขึ้น และเตาเผาชนิดระบายความร้อนไหลผ่านในแนว
นอน มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เตาตะกรับ มักเป็นเตา
ขนาดเล็กที่สร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ มีทั้งแบบที่เป็นรูปทรง
กลม และทรงเหลี่ยม ใช้สำหรับผลิตเครื่องสังคโลก
ประเภทเนื้อดินธรรมดา (Earthenware) ประเภทเขียน
ลาย ใต้เคลือบสีดำ ที่เป็นของใช้ประจำวันในครัวเรือน
เช่น หม้อ กุณฑี และไห เป็นต้น หรืออาจะใช้ในการเผา
ดิบเพื่อไล่ความชื้นและตรวจสอบสภาพของเนื้อดินของ
ภาชนะว่ามีการแตกร้าวเสียหายหรือไม่

2.แหล่งเตาศรีสัชนาลัยหรือเมืองสวรรคโลกเก่า
อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พบเตาเผา
จำนวนมากตั้งเรียงรายอยู่บริเวณสองฝั่ งของ
ลำน้ำยม โดยผลิตจากกลุ่มเตาที่สำคัญ คือ กลุ่ม
เตาบ้านเกาะน้อย และกลุ่มเตาบ้านป่ายาง ซึ่งเตา
ส่วนมากนั้นจะเป็นเตาประทุนหรือเตาระบายความ
ร้อนผ่านแนวนอน เครื่องสังคโลกที่ได้จากเตานี้จะ
เป็นงานที่มีความประณีตทั้งในแง่ของรูปร่าง การ
ตกแต่ง และมีคุณภาพสูงกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
แหล่งเตาเผานี้มีมากมายหลายปะเภทด้วยกัน อาทิ
ประเภทเครื่องเคลือบเขียวหรือเซลาดอน ประเภท
เคลือบขาว ประเภทเคลือบสีน้ำตาล และประเภท
เคลือบสองสี รวมทั้งภาชนะเนื้อแกร่ง ชนิดไม่
เคลือบด้วย

ลายเครื่องสังคโลก

ลายสังคโลกในอดีตนั้น ช่างจะเขียนลายลงบนเนื้อภาชนะ
แบบ Biscuit Firing ซึ่งหมายถึงภาชนะดินที่ผ่านการเผา
มาแล้วครั้งหนึ่งด้วยความร้อนที่ไม่สูงนักในเตาเผาที่เรียก
ว่า “เตาตะกรับ” แล้วจึงเขียนสีโดยใช้แร่ธาตุที่มีอยู่รอบตัว
เช่น สีดำที่ได้จากดินแดงหรือดินลูกรัง เป็นต้น โดยรองพื้น
ด้วยน้ำสลิปก่อนเพื่อความสวยงาม บางครั้งมีการจุ่มน้ำ
สลิปหนามากเพื่อปกปิดความหยาบและรูพรุนของเนื้อดิน
จากนั้นจึงนำไปชุบน้ำยาเคลือบก่อนเผาอีกครั้งด้วย
อุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งนอกจากการเขียนลวดลายแบบอิสระแล้ว
ยังมีวิธีอื่น ๆ ในการสร้างลวดลายได้อีก อาทิ การขูดขีด
การขุดให้เป็นร่องลึก การกดประทับ เป็นต้น ลวดลายบน
เครื่องสังคโลกนั้นนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความสวยงาม
แล้ว ในบ้างครั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่
ความเชื่อ สภาวะแวดล้อมของสุโขทัย และบางครั้งอาจแฝง
ไปด้วยความหมาย เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บ้าน
เมืองในสมัยนั้น ดังนั้นลวดลายบนเครื่องสังคโลกจึงเป็น
เสมือนสิ่งที่ช่วยเติมเต็มประวัติศาสตร์ส่วนที่ขาดหายไปให้
สมบูรณ์ได้มากยิ่งขึ้น

ลวดลายอาจแบ่งเป็นกลุ่มประเภทได้
ดังนี้

1. ลายพันธุ์พฤกษา

1.1 ลายดอกบัว แทนความหมายของความ
อุดมสมบูรณ์ ความบริสุทธิ์

1.2 ลายดอกโบตั๋น ตัวแทนความร่ำรวย ความงาม

2. ลายรูปสัตว์
2.1 ลายปลา ทั้งปลาเดี่ยว ปลาคู่ว่ายน้ำวน
เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์

2.2 ลายหงส์ ที่มาจากสัตว์ในเทพนิยายจีน
หมายถึงความซื่อสัตย์ ยุติธรรม และ ความ

เมตตากรุณา

3. ลายช่องกระจก
ลายช่องกระจกรูปหกเหลี่ยม และแปดเหลี่ยม
ลายช่องกระจกรูปกลีบบัว

4. ลายเรขาคณิต
ลายร่องขนานแนวตั้ง ลายตาราง ลาย
กากบาทในช่องสี่เหลี่ยมสลับลายแนวตั้ง
ลายเส้นวงกลมคู่ขนาน ลายเส้นหยักฟันปลา

ลักษณะการเคลือบ

1. เคลือบใส เป็นเคลือบธรรมดาที่ใสเหมือนแก้ว
ไม่มีสี นิยมทำกันแพร่หลาย
2. เคลือบขุ่น เป็นการเคลือบทึบแสงที่ต้องการ
การปิดบังเนื้อดินปั้ นภายในที่มีสี ไม่ให้เห็นสี
3. เคลือบสี จะใช้น้ำยาเคลือบผสมสารเคมีซึ่ง
เป็นออกไซด์ของโลหะต่าง ๆ และขึ้นอยู่กับการ
ควบคุมอุณหภูมิที่ใช้ในการเผาอีกด้วย จนเกิด
ความแตกต่างของสีเคลือบ

4. เคลือบด้าน โดยการเติมอะลูมินา Alumina
หรือเติมสารที่มีคุณสมบัติเป็นแก้ว เช่น แป้ง
กระดูก ลงในน้ำเคลือบ
5. เคลือบผลึก เป็นการเคลือบที่เกิดผลึกอยู่ภาย
ใต้ผิวเคลือบ โดยเติมสังกะสี หรือแคลเซียมลง
ในน้ำ
6. เคลือบราน เกิดจากการจงใจให้เกิดความ
สวยงามบนภาชนะโดยการผสม Flux (วัตถุหรือ
สารปรับอุณหภูมิการละลายตัวเป็นจำนวนมาก
เกินไป) จะทำให้เกิดรานได้ง่าย ราน คือ
ลักษณะการแตกลายงาที่ผิว อาจเกิดขึ้นได้ด้วย
การใช้เทคนิคการเปิดเตาเผาเคลือบอย่าง
รวดเร็ว แต่จะไม่สวยงามเหมือนวิธีแรก

กรรมวิธีการผลิตเครื่องสังคโลก

1. เตรียมดิน

เริ่มจากทำความสะอาดดิน โดยการร่อนดินผงด้วยตระแกรง
ตาถี่ จากนั้นผสมดินผงกับน้ำทิ้งไว้ประมาน 1 สัปดาห์ แล้ว
นำออกมาตากแดดประมาน 1 วัน เพื่อให้ดินหมาด นำดินมา
ตำให้เข้ากันแล้วนวดดินอีกครั้งเพื่อให้ดินมีความเหนียว ไม่
แข็งหรือเหลวจนเกินไปพักไว้โดยไม่ให้ลมพัดผ่านรอการนำ
ไปปั้นขึ้นรูป ดินที่ใช้นั้นมาจากสองแหล่งด้วยกัน คือ แหล่ง
ดินทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย (ซึ่งเป็นวิธีการ
แบบโบราณที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน) และแหล่งดินสำเร็จรูป
จากจังหวัดลำปางหรือจังหวัดเชียงใหม่

2. การขึ้นรูป

ซึ่งอาจแบ่งออกได้เป็น 3 วิธีแล้วแต่รูปแบบผลิตภัณฑ์
1 การขึ้นรูปอิสระหรือการขึ้นรูปด้วยมือ เป็นการนำดินมา
ปั้นขึ้นรูปโดยการใช้มือในการปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ช่างปั้น
สามารถรังสรรค์ผลงาน เป็นรูปคน รูปสัตว์ และภาชนะ
ต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
2 การขึ้นรูปโดยใช้แป้นหมุน เป็นการนำแป้นหมุนไฟฟ้า
หรือแป้นหมุนมือมาใช้ในการปั้น มักปั้นเป็นภาชนะต่าง ๆ
อาทิ จาน ชาม ถ้วย แก้ว และแจกัน เป็นต้น
3 การขึ้นรูปโดยการใช้แม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ โดยการใช้
มือกดดินลงในแม่พิมพ์โดยตรง หรือใช้วิธีการเทน้ำดินลง
ในแม่พิมพ์ก็ได้ ซึ่งวิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ต้องการผลิตสินค้า
เป็นจำนวนมาก และเป็นงานที่ต้องการให้มีความเหมือน
หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด

3. การตกแต่งผลิตภัณฑ์

ในขั้นตอนของการตกแต่งผลิตภัณฑ์นี้จะแบ่งออกเป็น 2
ช่วงด้วยกัน 1. ช่วงแรก ตกแต่งในขณะที่ชิ้นงานนั้นหมาด
ๆ โดยจะทำการปั้นต่อเติมเฉพาะส่วน หรือใช้อุปกรณ์
ตกแต่งทำการขูดเนื้อดินออกก็ได้ เช่น ปั้นงานติดแก้วและ
ขูดหรือขีดลวดลายลงบนจาน

2 ช่วงที่สอง จะทำการตกแต่งลวดลายหลังจากการเผา
ผลิตภัณฑ์ในครั้งแรกแล้ว เช่น การวาดลายด้วยการเขียน
ลวดลายใต้เคลือบ หลังจากการเผาครั้งแรก จากนั้นจะ นำไป
เขียนลวดลายด้วยสีที่ได้จากแร่เหล็ก นำไปชุบน้ำเคลือบและ
เผา หลังจากเสร็จแล้วจะได้ภาชนะที่มีลวดลายเป็นสีน้ำตาล
เข้มหรือสีเทาอมดำที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน อยู่ภายใต้น้ำ
เคลือบใส

4. การเผาหรือการอบผลิตภัณฑ์

โดยจะทำการเผาทั้งหมด 2 ครั้ง ดังนี้
1 เผาครั้งแรก หรือ เผาดิน (การเผา Biscuit) คือการนำ
ชิ้นงานที่ผลิตเสร็จและนำไปตากลมจนแห้งสนิทแล้ว นำมา
เข้าเตาเผาซึ่งอาจจะเป็นเตาที่ก่อด้วยอิฐ เตาแก๊ส หรือ
เตาไฟฟ้าก็ได้ ทำการเผาที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส
โดยใช้เวลาในการเผา 8 – 14 ชั่วโมง หลังจากครบตาม
เวลาแล้วจะได้ชิ้นงานที่มีสีแดงหรือสีขาวนวล

2 เผาครั้งที่สองหรือเผาเคลือบ เป็นการนำชิ้นงานที่เผา
ดิบแล้วมาทา จุ่ม หรือพ่นด้วยสีเคลือบ โดยสีเคลือบนั้นจะ
มีสีใต้เคลือบร่วมอยู่ด้วย ให้เคลือบใสทับอีกชั้นแล้วจึงนำ
เข้าเตาเผาโดยเผาที่อุณหภูมิ 1,250 องศาเซลเซียส ใช้
เวลาเผาประมาณ 10 – 16 ชั่วโมง แล้วนำชิ้นงานออกจาก
เตาเผามาเช็ดทำความสะอาด ถือเป็นอันเสร็จ

ประเภทเครื่องสังคโลก

ประเภทภาชนะเครื่องใช้ ได้แก่ จาน ชาม ตลับ ขวด กุณฑี
(ภาชนะมีลักษณะกลมแป้น คอสูง ตอนบนผายออกเป็นปีก

ปากแคบ มีขอบสูง พวยเป็นกระเปาะคล้ายเต้านมสตรี)
กุณโฑ แจกัน ไห กา กระปุก ตุ๊กตาเคลือบสีเขียว

ประเภทเครื่องประดับเชิงสถาปัตยกรรม ได้แก่ ช่อฟ้า
หางหงส์ กระจัง กระเบื้องเชิงชาย บราลี (ใช้ประดับสัน
หลังคา) และรูปสัตว์ที่ประดับหลังคา กระเบื้องปูพื้น รั้ว

และราวลูกกรงล้อมรอบพระสถูป

จัดทำโดย

นางสาวชาพิชญ์นัดดา มีศิ ริพันธ์
เลขที่ 1 ปวช.2 การท่องเที่ยว


Click to View FlipBook Version