ความสา20เร็จของพน้ื ท่ีต้นแบบ
โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน
นายแสวง ศรธี รรมบตุ ร
ชมุ ชนกสกิ รรมธรรมชาตมิ าตรฐานอินทรีย์วถิ ไี ทยคริสตจกั รนาเรยี ง
บ้านนางาม ตาบลตาดทอง อาเภอศรธี าตุ จงั หวดั อดุ รธานี
การจดั การความรโู้ ครงการพฒั นาพน้ื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่
ประยกุ ตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” (KM สญั จร)
กรมการพฒั นาชมุ ชน สถาบนั การพัฒนาชมุ ชน :
ความศสานูเรจ็ ยขอศ์ งพกึ ื้นษทตี่ าน้ แแบลบกะาพรพฒั ฒั นานคณุาภชาพมุ ชชีวติ นตาอมหดุ ลกั รทธฤษาฎนใี หมี ่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
เอกสารการจดั การความรู้
บทเรยี นความสาเรจ็ ของพนื้ ทต่ี น้ แบบ
การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยกุ ตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
นายแสวง ศรธี รรมบตุ ร
ชมุ ชนกสกิ รรมธรรมชาตมิ าตรฐานอนิ ทรยี ว์ ถิ ไี ทยครสิ ตจกั รนาเรยี ง
บา้ นนางาม ตาบลตาดทอง อาเภอศรธี าตุ จงั หวัดอดุ รธานี
ความสาเร็จของพน้ื ทตี่ น้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
คำนำ
ศนู ยศ์ ึกษาและพัฒนาชมุ ชนอดุ รธานี สถาบันการพฒั นาชมุ ชน ไดด้ าเนินการจัดการ
ความรู้โดยการถอดองค์ความรู้การพัฒนาพื้นท่ีต้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตตามหลักทฤษฎใี หม่
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ของนายแสวง ศรีธรรมบุตร ชุมชนกสิกรรมธรรมชาติ
มาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง บ้านนางาม ตาบลตาดทอง อาเภอศรีธาตุ จังหวัด
อุดรธานี เป็นพื้นท่ีต้นแบบของการเรียนรู้การน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์
ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถเป็นแบบอย่างท่ีดีของการประยุกต์หลักทฤษฎีใหม่
ไปสกู่ ารปฏิบตั ใิ นพื้นทต่ี ามภมู สิ งั คม
โดยหนังสือเล่มนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูล ถอดองค์ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริง
ในพ้ืนท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและสร้างแหล่งเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผ่านเน้ือหาท่ีมีความเข้าใจง่ายและนาเสนอในรูปแบบของการเล่าเร่ืองพร้อมภาพประกอบ ทาให้
ผู้อ่านเข้าใจแนวทาง วิธีการ และกระบวนการขับเคลื่อนพัฒนาพื้นที่ต้นแบบได้ง่ายขึ้น บุคลากร
ของกรมการพัฒนาชุมชน ครัวเรือนเกษตรกร และประชาชนท่ัวไปที่สนใจสามารถศึกษาเรียนรู้
ได้ด้วยตนเอง ซึ่งเชื่อว่าการจัดการความรู้เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ และเป็นเครื่องมือสาคัญในการ
พัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์ให้สามารถพ่งึ ตนเองได้อยา่ งยัง่ ยืนต่อไป
ศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนอดุ รธานี
1 กรกฎาคม 2564
ความสาเร็จของพนื้ ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ก
สำรบญั หนา้
วง่ิ หาเงิน เงนิ ว่ิงหนี จนมหี น้ีสิน 1
หมดหนทางสู้ชีวิต 4
นักดูงานมืออาชพี 6
สืบสานพระราชปณธิ าน สานต่อศาสตรพ์ ระราชา 9
พลิกฟ้นื ผืนดินลูกรัง ดว้ ยสองมอื 13
อปุ สรรคคือแรงผลกั ดนั 16
โคก หนอง นา พลกิ ชีวิต 18
ลงุ แสวงผู้มั่งคงั่ 23
สามคั คเี ป็นพลงั ค้าจนุ แผน่ ดนิ ไทย 26
ชุมชน ศาสนา รว่ มพัฒนาคน 29
กรมการพัฒนาชุมชนช่วยหนนุ เสริม 33
ศูนย์เรียนรู้ตน้ แบบ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน 37
แหล่งอาหารสาคัญของลมุ่ นา้ ปาว 40
ความสาเรจ็ ของพนื้ ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ข
“ว่ิงหำเงิน
เงินวิง่ หนี
จนมีหน้ีสิน”
ความสาเร็จของพ้นื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ชวี ติ ของลุงแสวง ศรีธรรมบุตร
พ้นื ที่ตน้ แบบกำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิตตำมหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยกุ ตส์ ู่ โคก หนอง นำ โมเดล
ลุงแสวง ศรีธรรมบุตร เป็นชาวบ้านนางาม
ตาบลตาดทอง อาเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี
เติบโตมาจากครอบครัวเกษตรกร ชีวิตครอบครัว
ของลุงแสวงใช้ชีวิตตามแบบเกษตรกรท่ัวไปใน
ชนบททที่ าไร่ทานา มีที่ดินทากนิ มากกว่า 30 ไร่ แต่
สภาพดินไม่สามารถปลูกพืชให้เจริญงอกงามได้
ซ่ึงอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย
พ่อ แม่ และลูกเลก็ อกี 2 คน เป็นครอบครัวที่นับถือ
ศาสนาคริสต์ เชน่ เดยี วกบั หลายครอบครัวในหมู่บ้าน
ลุงแสวงเล่าว่า ประมาณปี พ.ศ. 2530 ช่วงน้ัน
กาลังกายเร่ียวแรงมาก สามารถทางานหนัก เพราะ
ด้วยความเช่ือท่ีว่าอยากมีชีวิตสุขสบายต้องมีเงินทอง
จานวนมาก จึงหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวท้ังข้าวโพด อ้อย
มันสาปะหลัง และยูคาลิปตัส ในท่ีดินของตนเอง
แต่สภาพดินเป็นหิน เป็นดินลูกรัง ไถดินเพ่ือปลูกพืช
แต่ทาไปแล้วกลับได้ผลผลิตที่ต่ามาก ทาแล้วไม่คุ้มกับ
เงินที่ลงทุนไป ซึ่งมันไม่เหมือนความคาดหวังไว้ คือ
“ทำแล้วแทนที่จะได้เงนิ กลับกลำยมำเป็นหนี้สิน”
ลุงแสวงก็ยังไม่หยุดความฝันท่ีอยากมีชีวิตสุขสบาย เป็นคนใฝ่สูงมาก อยากได้บ้านสวย
อยากได้รถ แต่ไม่ได้ดูกาลังและฐานะของตนเอง จึงตัดสินใจดาวน์รถยนต์เพื่อมาประกอบอาชีพ
ค้าขาย ทาไปทามา เจอวิกฤตเศรษฐกิจต้มยากุ้ง ฟองสบู่แตก ธุรกิจห้างร้าน การค้าขายหยุดชะงัก
ขายของไม่ได้ ทาให้ไม่มีรายได้ ทาให้ไม่มีเงินส่งคา่ งวดรถ รวมทั้งเงินส่งลูกเรียนก็ไมม่ ีพอที่จะให้ลกู
ได้จ่ายคา่ เทอม จนทางหม้ ีหนีส้ นิ เพม่ิ มากขน้ึ จึงตดั สนิ ใจอกี ครง้ั ว่า ต้องไปทำงำนทตี่ ำ่ งประเทศ
ความสาเร็จของพนื้ ทต่ี น้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 2
ตอ้ งจ้ำงตวั เองไปทำงำนเมืองนอก
หลังจากที่ลุงแสวงตัดสินใจไปทางานที่ต่างประเทศ ด้วยความหวังท่ีจะสามารถหาเงินมา
ปลดหน้ีสินและส่งเงินให้ทางบ้านได้ใช้อย่างสุขสบาย แต่การท่ีจะไปเป็นแรงงานได้นั้นผู้ท่ีจะไป
ต้องหาเงินมาจ่ายค่านายหน้าและคา่ เดินทางก่อน บางคนถงึ ขั้นต้องขายที่ดินทากินหรือไปกู้เงินมา
เพ่ือจ่ายเงินในส่วนนี้ก่อน เช่นเดียวกับลุงแสวงที่ใช้วิธีการกู้ยืมเงินจากนายหน้า เพื่อให้ตัวเอง
สามารถเดินทางไปทางานที่ต่างประเทศได้ โดยคร้ังแรกลุงแสวงเลือกเดินทางไปทางานที่ประเทศ
ซาอุดิอาระเบียก่อน ซ่ึงกระแสชว่ งนั้นเรียกว่า “ไปขุดทองท่ีซาอุฯ” เน่ืองจากเป็นความเช่ือที่ถือวา่
เป็นจุดหมายของแรงงานไทยส่วนใหญ่ ท่ีจะเข้าไปทางานท่ีนั่น เพราะมีอัตราค่าแรงที่สูง และมี
แรงงานบางคนสามารถสง่ เงนิ กลบั มาให้ครอบครัวซือ้ บ้าน เปิดธรุ กิจกนั ไดเ้ ลยทีเดียว แตค่ วามจริง
ที่ลุงแสวงได้ไปเจอนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังไว้เลย ไปหาเงินแต่เงินมันก็หนี เหมือนถูกหลอกให้ไป
ขายแรงงาน ก่อนไปนายหน้าบอกให้ไปทางานเข็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล แต่เมื่อไปเจอสภาพจริง
คือ ต้องไปเข็นปูน และต้องทางานผสมปูนก่อสร้างให้ได้วันละ 50 กระสอบ ปกติเป็นคนแข็งแรง
อดทน แต่เม่ือไปเจอแบบน้ีร่างกายรบั ไมไ่ หวจนมีอาการเจ็บป่วย
ถึงอย่างไรก็ตาม ลุงแสวงยังสู้ชีวิตอยู่ที่ซาอุดิอาระเบียได้ถึง 2 ปี เร่ิมท้อและสู้ต่อไม่ไหว
ในช่วงระยะเวลา 2 ปี เงินทองก็ไม่ได้ส่งกลับมาให้ครอบครัว จึงคิดมากว่า “จะทำอย่ำงไรให้ได้เงนิ
เพรำะหนี้ก็ไม่ได้ส่ง ลูกก็ไม่ได้ส่ง” ตัดสินใจกลับมาประเทศไทย และใช้ชีวิตทามาหากินอยู่ที่บ้าน
ของตัวเอง เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับสถานการณ์ในประเทศคูเวต ได้ทาการเปิดประเทศให้แรงงาน
จากต่างชาติเข้ามาทางาน เพ่ือฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองหลังภาวะสงคราม จึงตัดสินใจอีกครั้งต้องไป
ทางานเพอื่ หาเงนิ มาให้ครอบครัวและใชห้ นส้ี นิ ท่นี ับวันย่งิ เพิ่มขนึ้ ใหไ้ ด้ การตดั สนิ ใจไปคูเวตในครั้งนี้
ลุงแสวงได้ทางานเป็นกรรมกรก่อสร้างถนนและโรงเรียน แต่อยู่ท่ามกลางความหวาดระแวง
เนือ่ งจากประเทศคเู วตกาลังเกบ็ กู้ระเบิดและกระสนุ จากอาวธุ สงครามที่เพ่ิงจบลง ทางานหนักมาก
ใช้ชวี ติ ลาบากมาก คิดวา่ จะตายอยทู่ ่ีต่างประเทศ แตส่ ุดทา้ ยก็ส้ตู ่อไมไ่ หว ตดั สนิ ใจกลับบ้านอีกคร้ัง
หลังจากกลับมาอยู่ท่ีบ้าน มีนายทุนมาติดตอ่ ให้ไปถางป่า ตัดต้นไม้ โค่นตน้ ไม้ เพ่ือทาการปลูกออ้ ย
ซ่ึงลุงแสวงเล่าว่า เม่ือปี พ.ศ. 2542 พื้นที่บริเวณบ้านนาเรียง ป่าจะอุดมสมบูรณ์มาก แต่ที่ทุกวันน้ี
มันมีแต่ไร่ออ้ ย ไร่มันสาปะหลัง ก็เป็นผลมาจากลงุ แสวงและชาวบ้านที่ไดม้ ีส่วนในการทาลายป่าไม้
ที่สมบูรณใ์ ห้หมดไป จึงทาใหค้ ดิ ทบทวนวา่ ชวี ติ ของตนเองไมม่ คี ุณค่ำ เพรำะตัวเองคือผู้ทำลำย
ความสาเร็จของพน้ื ทต่ี ้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 3
“หมด
หนทำง
สูช้ วี ิต”
ความสาเรจ็ ของพ้นื ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ชะตำกรรมของเกษตรกรปลกู พชื เชิงเดย่ี ว
ประมาณปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้มีการพักชาระหนี้ของเกษตรกร ลุงแสวง
ได้กลับมาใช้ชีวิตและทางานรับจ้างอยู่ที่บ้าน และเข้าโครงการพักหน้ีเกษตรกร หมดหนทางชีวิต
และไม่คดิ จะไปทางานต่างประเทศแล้ว จึงหันกลับมาปลูกพืชเชงิ เด่ียวอกี คร้ัง เรม่ิ ใชร้ ถไถสภาพดิน
ท่ีเป็นหินและลูกรัง เพื่อทาไร่มันสาปะหลัง ทาไร่อ้อย แต่ผลผลิตก็ยังได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ได้กาไร
แถมยังต้องขาดทนุ อกี ดว้ ย กลา่ วคอื ปลูกอ้อยประมาณ 20 ไร่ ไดผ้ ลผลิตประมาณไรล่ ะ 1 ตนั สว่ น
ปลูกมันสาปะหลังก็ได้ไม่ถึง 10 ตัน สุดท้ายตัดสินใจปลูกมะม่วงหิมพานต์ ประมาณ 8 ปี ไม่ได้ผล
จนต้องจา้ งรถมาไถทิง้ และสุดท้ายทาการปลกู ยคู าในพ้นื ทขี่ องตนเอง ชาวบา้ นเรียกว่า เสอื นอนกิน
แต่พอทาไปทามาสภาพดินย่ิงเส่ือมคุณภาพหนักกว่าเดิม และเมื่อตัดยูคาลิปตัสขาย ต้นยูคาอายุ
10 ปี ได้เงินมาเพียง 14,000 บาท และคิดจะจ้างรถมาขุดโคนรากต้นยูคาออกจากไร่ แต่ไม่คุ้มกับ
เงินท่ีลงทุนไปเลย จึงต้องยอมให้เขาเอาหน้าดินไปขายเพื่อแลกกับการเอาโคนรากยูคาออกจากไร่
จนทาให้เสียหน้าดินท่ีไว้สาหรับปลูกพืช เป็นผลทาให้สภาพพ้ืนท่ีในปัจจุบัน ไม่สูงสม่าเสมอเหมือน
แปลงขา้ งเคียง เมื่อเจอปัญหาแบบนีแ้ ล้ว ตดั สนิ ใจจะขายทีด่ ินทากินของตนเอง แตน่ ายทนุ เขามาดู
สภาพพืน้ ที่แลว้ เขาบอกซอื้ ไปกท็ าอะไรไมไ่ ด้ แต่ก็ถือว่าเปน็ ความโชคดีทไ่ี มม่ ใี ครอยากได้ท่ดี ินผืนนี้
เพราะต่อมาลุงแสวงสามารถพลิกฟน้ื ผืนดินของตนเองใหส้ ามารถปลูกพืชใหไ้ ด้ผลผลติ ท่ดี ีขึน้
ดินไม่มีนำ้ และแข็งกระด้ำง จนไมส่ ำมำรถปลกู อะไรได้
สาเหตุของพื้นที่ของลุงแสวงไม่สามารถปลูกพืชได้ดี น่ันก็คือ สภาพดินที่เสื่อมคุณภาพและ
ขาดแหล่งน้าเพ่ือทาการเกษตร ซงึ่ ช่วงฤดูแลง้ อากาศจะร้อนมาก ดินท่นี ี่จะแขง็ กระดา้ ง ไม่มนี ้าเลย
ต้นไม้ก็จะตาย ใช้จอบขุดดินแทบจะขุดไม่ได้เลย และอีกสาเหตุหน่ึงคือ การใช้สารเคมี ยาฆ่าหญ้า
ยาฆา่ แมลง ป๋ยุ เคมี ทาให้ดินเสื่อมคณุ ภาพกว่าเดมิ เพราะความเกยี จคร้านในการดแู ลตน้ พชื ที่ปลูก
จึงเปลี่ยนการใช้ปุ๋ยคอกที่ต้องเอาใจใส่มากกว่าปุ๋ยเคมี แต่ทั้งนี้ลุงแสวงทราบดีว่าการทาแบบนี้
จะทาให้ดินย่ิงเสื่อมคุณภาพลงมากกว่าเดิม เพราะมีโอกาสได้เข้าไปดูงานร่วมกับทางอาเภอ ท่ีได้
พาไปดูงานแปลงของเกษตรกรทปี่ ระสบความสาเรจ็ แต่ดมู าแล้วก็ไม่ได้ทา ดูใหร้ ูอ้ ยำ่ งเดียว
ไปดงู ำนมำหลำยแห่ง แตก่ ลับไม่สำมำรถนำมำใช้จรงิ ได้
ความสาเร็จของพืน้ ทต่ี ้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 5
“นกั ดูงำน
มืออำชีพ”
ความสาเรจ็ ของพ้นื ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
เดนิ สำยดูงำนและอบรม จนได้พบอำจำรย์ยักษ์
เมื่อไม่สามารถจ่ายหน้ีได้ ทางธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ก็พักหน้ีให้
และได้ส่งลุงแสวงไปฝึกอบรม ดูงานตามสถานท่ีต่าง ๆ เพ่ือให้เปลี่ยนมาทาการเกษตรทฤษฎีใหม่
แต่ผลที่ได้จากหลังการดูงาน ก็ไม่มีอะไรเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีดีเลย เพราะเราไม่รู้จะเร่ิมต้นจาก
ส่ิงไหนก่อน หาทางออกจากวังวนของเกษตรแบบทุนนิยมไม่ได้ และก็ไม่รู้จะไปพึ่งหรือขอความ
ชว่ ยเหลอื จากไหน สดุ ทา้ ยก็กลับมาทาเหมอื นที่เคยทามาแต่กอ่ น ซ่ึงลุงแสวงเล่าแบบขา ๆ ว่า
“อบรมเขำก็สอนสูตร 30 30 30 10 น่ีแหละ่ แตก่ ไ็ ม่เขำ้ ใจ ไปดงู ำนหลำยตอ่ หลำยหน
แต่ไม่ได้ลงมือทำสักครง้ั เลย พอดูงำนกลับมำแลว้ ก็รู้สกึ วำ่ ทำไม่ไดแ้ บบเขำหรอก
เรำไมม่ ีทุนเหมือนคนอ่นื หนังสอื ทฤษฎตี ่ำง ๆ กห็ อบมำเต็มบ้ำน (แต่ไมไ่ ดอ้ ำ่ นเลย)
สุดทำ้ ยก็จบทีก่ ลับไปทำแบบเก่ำ น่นั ก็คือ ปลูกพชื เชิงเดี่ยว”
หลังจากที่ลุงแสวงเดินสายไปศึกษาดูงานหรือฝึกอบรมเก่ียวกับการทาเกษตรทฤษฎีใหม่
จากหลายแห่งที่เป็นศูนย์เรียนรู้ท่ีมีชื่อเสียงท่ัวประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถปรับทัศนคติและ
พฤติกรรมของเกษตรกรอย่างลุงแสวงได้ จนถึงครั้งทาให้หมดหนทางที่จะสู้ชีวิต จนกระทั่งทาง
คริสตจักรนาเรียงได้รับสมัครผู้ท่ีจะไปเข้ารับการฝึกอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง และ
ตามคาแนะนาของหลายคนที่บอกว่าถ้าอยากปลดหนี้ได้ต้องไปเรียนกับอาจารย์ยักษ์เท่าน้ัน
เพราะว่าบุคคลท่านนี้คือสุดยอดของคน จึงเริ่มมีความสงสัยว่าอาจารย์ยักษ์เป็นใคร มาจากไหน
สามารถช่วยเปล่ียนชีวิตของตนเองได้จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาก็เคยไปอบรมมาตลอดจนเขาเรียกว่า
แสวงนักดูงำน บางโครงการท่ีเขา้ อบรมไมม่ ีค่าใช้จ่ายแถมให้คา่ เบี้ยเลีย้ งที่ตอ้ งไปน่ังฟัง กลับ
มาถงึ บ้านยงั ไมไ่ ด้จะลงมือทาตามท่ีเขาสอนมาเลย แตค่ รัง้ น้ถี ้าไปเราต้องสมัครและเสยี คา่ ใช้จ่ายไป
เข้าอบรมดว้ ย แถมได้ยินมาวา่ ท่มี าบเอ้ืองมีคนอยากไปอบรมจานวนมาก ต้องต่อควิ จองไวล้ ว่ งหนา้
ในปี พ.ศ. 2558 จึงตัดสินใจเข้าไปฝึกอบรมการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
กบั อาจารยย์ ักษ์ ทศี่ ูนย์กสิกรรมธรรมชาตมิ าบเอ้ือง จงั หวัดชลบรุ ี เพ่ือไปตามหาวธิ ีการปลดหนี้จาก
การทาเกษตรของตนเอง เม่ือไดเ้ ขา้ อบรมทม่ี าบเอ้อื ง พบวา่ สภาพพ้นื ทท่ี รัพยากรอุดมสมบรู ณ์มาก
มีความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะกาลังฝึกอบรมอยู่เกิดฝนตก และได้ยิ่งเสียงอ่ึงอ่างร้องระงม
ความสาเร็จของพืน้ ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 7
เสียงดัง จนแทบจะฝึกอบรมไมร่ ู้เรื่องเลย แต่สิ่งที่อาจารย์ยักษ์สอน คือ ให้เรำต้องรู้จักตัวเองกอ่ น
ว่ำเรำมำจำกท่ีไหน มำท่ีนี่ด้วยเหตผุ ลใด จึงย้อนกลับมาถามตัวเองและทบทวนตัวเองใหม่ ซ่ึงเรา
ก็คือชาวนาทั่วไป เราต้องทาในส่ิงท่ีเราสามารถลงมือปฏิบัติได้เท่าท่ีเราจะทาไหว เพราะคนเรามี
ความสามารถไมเ่ ท่ากนั เราต้องทาตามสิ่งทเ่ี รามีความถนัดและมกี าลังทีจ่ ะสามารถทาไดจ้ ริง
“ให้ทำอะไรเปน็ ข้นั เป็นตอน เดินทีละกำ้ ว กนิ ข้ำวทีละคำ ทำทีละอยำ่ ง”
พอได้ยินคาน้ี ลุงแสวงก็รู้ตัวเองทันทีว่ามาจากไหน น่ันก็คือ เราเป็นชาวไร่ชาวนา อยู่กับ
ชนบท หาอยู่หากินตามวิถีของเกษตรกรท่ัวไป ส่ิงน้ีคือจุดเปล่ียน เพราะท่ีผ่านมาลุงแสวงจะลงมือ
ปฏิบัติหรือปลูกพืชหลายอย่างพร้อมกันทีเดียว ลงทุนทาครั้งเดียวและทาทีละจานวนมากด้วย ที่
ผา่ นมาเราไม่คอ่ ย ๆ เดนิ ทลี ะก้าว แตเ่ ราจะกระโดดข้ามไปใหเ้ ลย ใจรอ้ นมาก อยากเห็นผลผลิตเร็ว
ก็ไปซ้ือปุ๋ยเคมมี าใส่จนทาใหด้ นิ เสอ่ื ม บางอยา่ งทาไปแล้วก็ไมไ่ ดด้ ัง่ ใจ ทกุ อย่างควรค่อยทาไปจะดกี วา่
“อยำ่ เพงิ่ ไปพึ่งคนอืน่ ให้ลงมอื ทำด้วยตนเองกอ่ น”
อำจำรยย์ ักษ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หลังจากการไปฝึกอบรมท่ีมาบเอ้ือง กลับมาถึงบ้าน
นอนไม่หลับ ต่ืนตี 4 มาขุดดิน เพราะ คิดว่าเราต้อง
เริ่มลงมือทาทันที ตามแบบอย่างที่อาจารย์สอนมา
แต่เร่ิมทาแบบค่อยเป็นค่อยไป เม่ือตัดสินใจลงมือทาแล้ว
ยกตวั อยา่ ง การขดุ ดินเพอื่ จะทาคลองไสไ้ ก่ อยา่ เอาตัวเอง
ไปเปรียบเทียบกับรถแบ็คโฮสามารถขุดได้ 1 นาที ต่อ
1 คิว ส่วนตัวเราสามารถขุดได้วันละ 1 คิว ให้คิดเสียว่า
เราใช้เวลา 30 วัน เราก็ขุดได้แล้ว 30 คิว ให้พยายาม
ทาทุกวัน อย่าไปพูดมาก และอย่าเพ่ิงท้อหมดกาลังใจ
เพราะมีความคิดว่าถ้าทาหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน จะทา
ให้เรามีเงินและรวยข้ึน แต่สิ่งท่ีอาจารย์ยักษ์สอน คือ
สอนให้ทาทีละอย่าง แต่ให้ทาทุกวัน ให้พอดี พอเหมาะ
กบั กาลังของตนเอง สง่ิ น้ีกค็ อื ศำสตร์พระรำชำ น่นั เอง
คิดอะไรไม่ออกให้ปลกู กล้วย จุดเรม่ิ ต้นกำรเปลยี่ นแปลงที่ไดจ้ ำกอำจำรยย์ กั ษ์
ความสาเรจ็ ของพ้นื ทตี่ ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 8
“สบื สำน
พระรำชปณิธำน
สำนต่อ
ศำสตร์พระรำชำ”
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ทำตำมปรชั ญำของพอ่ สำนต่อสู่ควำมย่งั ยืน
ส่ิงท่ีย้าเตือนลุงแสวง คือ คาสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
“ให้ยืนอยู่ด้วยขำตนเอง อย่ำพ่ึงคนอื่น ถ้ำพ่ึงคนอ่ืน เวลำเขำเหน่ือย เขำอำจจะทิ้งเรำไปก็ได้”
เป็นหลักการพ่ึงตนเองท่ีเน้นให้ทุกคนสร้างรากฐานของชีวิตให้ม่ันคง โดยเน้นเสา 4 หลักให้มั่นคง
ก่อนเป็นอันดับแรก น่ันก็คือ พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น ซ่ึงมีท่ีมาจากคาสอนจากปรัชญาของ
ในหลวง รชั กาลท่ี 9 ทเ่ี รารูจ้ กั ว่า “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง”
ก่อนท่ีจะดาเนนิ ชวี ิตตามหลักความพอเพยี งไดน้ ั้น
เราจะต้องรู้จักยุทธศาสตร์พระราชทาน หรือ
ศึกษาหลักการทรงงานตามแนวพระราชดาริ
“เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ” นั่นคือ ก่อนจะทาอะไร
ต้องมีความเข้าใจเสียก่อน เข้าใจภูมิสังคม เข้าใจ
ผู้คนในหลากหลายปัญหา ท้ังทางกายภาพ จารีต
ประเพณี และวัฒนธรรม ระหว่างการดาเนินการ
นั้น จะต้องทาให้ผู้ที่เราจะไปทางานกับเขาหรือ
ทางานให้เขานั้น “เข้าใจ” เราด้วย “เข้าถึง”
ก็เช่นกัน เม่ือรู้ปัญหาแล้ว เข้าใจแล้ว จะต้องทา
อยา่ งไรกต็ าม ให้เขาอยากเขา้ ถงึ เราดว้ ย
สิง่ ท่จี ะทาให้เราสามารถปฏบิ ตั ิตนไดต้ ามแกน่ แท้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงน้ัน
ส่ิงแรกเราจะต้องเข้าใจปรัชญาของพระองค์ท่านให้ชัดแจ้งก่อน หลักสาคัญของความพอเพียง
หากตีความแบบไม่ยึดติดตารา คือ คาว่าพอเพียงไม่ได้หมายความว่ามีพอสาหรับใช้กับตัวเอง
พอเพียงมีความหมายว่า พอมี พอกิน แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง ให้ย้อนกลับไปในอดีตที่
บรรพบรุ ุษของเราอยตู่ ามวิถีของการมีอยมู่ กี ิน อาหารอุดมสมบูรณ์ ไม่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นหากเราสร้าง
แหลง่ อาหารใหม้ ีเพียงพอ ดารงชีวติ อยู่ได้ตามกาลังและฐานะของเราเอง ไมม่ กี ารลงทนุ หลายอย่าง
ไม่ต้องไปกู้หน้ียืมสินคนอ่ืน หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ให้เรำสำมำรถยืนบนขำตนเองให้ได้”
หมายความวา่ ใหส้ องขาของเรายนื อยูไ่ ด้ ไม่หกล้ม แต่คาวา่ พอเพยี ง มคี วามหมายลกึ ซงึ้ กว่านนั้ อีก
ความสาเรจ็ ของพนื้ ทตี่ น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 10
คือ คนเราถ้าพอในความต้องการแล้ว มีความพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภมาก มีความโลภน้อย 11
เม่ือมีความโลภน้อย ก็จะเบียดเบียนคนอ่ืนน้อยลง สังคมไทยก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็นได้
ส่วนสิ่งท่ีสองเราจะต้องเข้าถึงงานของพระองค์ท่านได้ทรงทาไว้ น่ันก็คือ โครงการพระราชดาริที่มี
มากกว่า 4,000 โครงการ ที่เกิดข้ึนจากการเก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่มาตลอดระยะเวลา 70 ปี
ตลอดรัชสมัยของพระองค์ท่าน จนสร้างข้ึนเป็นทฤษฎีใหม่มากกว่า 40 ทฤษฎี และล้วนเกี่ยวข้อง
กบั เกษตรกรทถ่ี ือวา่ เปน็ ประชากรส่วนใหญข่ องประเทศ ทฤษฎีใหมเ่ ปน็ แนวทางที่ช่วยให้เกษตรกร
สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองให้ม่ังคงได้ โดยลดการพ่ึงพาจากภายนอก ให้เริ่มจากส่ิงที่
เรามีอยู่รอบตัวของเราเอง ซึ่งในส่วนน้ีมีความหมายว่า มีไม่พอต้องทำให้พอ มีเกินพอให้รู้จักพอ
และสงิ่ ทีส่ ามเราจะตอ้ งทาการพัฒนาตามแบบที่พระองค์ท่านทรงเรม่ิ ต้นทาเป็นตวั อย่างไว้ นัน่ กค็ ือ
การจะลงมือปฏิบัติงานใดนัน้ ต้องทาอย่างเป็นข้ันเป็นตอน ให้เหมาะสมกับฐานะและกาลังของเรา
ไมล่ งมอื ทาที่เดยี วหลายอย่างพรอ้ มกัน และให้ยดึ ตามแบบอยา่ งของแก่นแทข้ องความพอเพียงที่ว่า
“แคค่ ำว่ำพอก็พอแล้ว” หรอื เข้าใจ เข้าถึง ปรัชญาของความพอเพียง ตามแบบอย่างท่พี ระองค์ได้
ทรงตรัสไว้ “Our Loss is Our Gain” แปลว่า ขาดทุนของเรา คือกาไรของเรา ยิ่งให้ไป ย่ิงได้มา
ดังนั้นส่ิงท่ีเราทาอยู่ ไม่ควรมุ่งไปที่ขายเพื่อให้ได้เงินและกาไรสูงสุด แต่ทาเพ่ือสร้างให้เรามีอยู่มีกิน
สามารถเล้ียงคนในครอบครัว เหลอื กแ็ บง่ ปนั ให้เพอื่ นบ้าน ชว่ ยเหลอื ดแู ลกนั สงั คมจึงจะมีความสุข
รวมทงั้ การทจ่ี ะลงมอื ทาอะไรนนั้ เราตอ้ งค่อย ๆ ทา เหมือนทบ่ี รรพบรุ ษุ เราเคยพดู ว่า
“เดินทีละกำ้ ว กินข้ำวทีละคำ ทำทลี ะอย่ำง”
นอกจากนี้การสร้างเศรษฐกิจพอเพียงข้ันพื้นฐาน หรือที่เคยกล่าวไปแล้วข้างต้น คือ
ต้องสรา้ งเสาหลัก 4 เสา คอื พอกนิ พอใช้ พออยู่ พอรม่ เยน็ ใหม้ ่ันคงเพอื่ นาไปสู่ความพอเพยี ง
พอกิน เกษตรกรตอ้ งเริ่มจากการอยู่ได้ มอี าหารเพยี งพอ ปลกู พืชผกั ผลไม้ ปลกู ข้าว
สาหรับใช้ในครอบครวั ให้ได้ตลอดทง้ั ปี ไมจ่ าเปน็ ต้องออกไปซ้อื ข้างนอกบา้ นกส็ ามารถอย่รู อดได้
พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น ท้ัง 3 ส่ิงนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกันได้ ด้วยการปลูกป่า 3 อย่าง
ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ปลูกไม้ให้พอใช้เป็นอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม หรือสมุนไพรรักษาโรค ปลูกไม้
สาหรับทาบ้านพักท่อี ยูอ่ าศัย และสร้างเปน็ พน้ื ทีป่ ่า ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดความร่มเย็นสาหรับบา้ นของเรา
การที่เรายึดเสา 4 หลักเป็นพ้ืนฐาน จะช่วยให้เรามีชีวิตที่มั่นคงอย่างย่ังยืนได้ในอนาคต
เพราะหากเรามุ่งไปท่ีการทาเพ่ือขาย เอาเงินเป็นตัวต้ัง มันจะทาให้เราล้มเหลวในชีวิต ตรงกับหลัก
คาสอนของศาสดา ที่สอนเราว่าให้ทาเพ่ือแจกจ่ายเพื่อนมนุษย์ ทาให้เขามีอาหารเพื่อให้มีชีวิตรอด
ท้งั หมดนเ้ี ป็นสร้างให้เกิดการแบ่งปนั ร้จู กั ช่วยเหลือ พึ่งพาอาศัยกนั จะนามาสสู่ ังคมทีม่ ีความสขุ
ความสาเร็จของพนื้ ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ทฤษฎีใหม่ 40 กวำ่ ทฤษฎี ลว้ นเกย่ี วขอ้ งกับกำรเกษตร
การท่ีลุงแสวงจะสามารถดารงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้นั้น จะต้องมี
ทัศนคติท่ีดี มีความเชื่อที่บริสุทธ์ิ และลงมือปฏิบัติทาตามหลักคาสอนของในหลวง รัชกาลท่ี 9
อย่างจริงจังเสียก่อน ทดลองทาด้วยตนเอง หาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ
สาหรับทฤษฎีใหม่เกิดจากปัญหาของเกษตรกรไทยต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ การขาดแคลนน้า
เพื่อเกษตรกรรม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเขตพน้ื ท่ีอาศัยน้าฝน ซงึ่ เป็นพื้นทสี่ ว่ นใหญข่ องประเทศที่อยู่
ในเขตทีม่ ฝี นคอ่ นขา้ งนอ้ ย และส่วนมาก เป็นนาข้าวและพืชไร่ เกษตรกรยงั คงทาการเพาะปลูกได้ปี
ละครั้งในช่วงฤดูฝนเท่านั้น และมีความเสี่ยงกับความเสียหายอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของ
ดนิ ฟ้า อากาศ และฝนทิง้ ช่วง แม้วา่ จะมกี ารขดุ บอ่ หรอื สระเก็บนา้ ไว้ใชบ้ า้ งแต่กไ็ ม่มี ขนาดแน่นอน
หรือมีปัจจัยอื่น ๆ ท่ีเป็นปัญหาให้มีน้าใช้ไม่เพียงพอรวมท้ังระบบ การปลูกพืชไม่มีหลักเกณฑ์ใด ๆ
และส่วนใหญ่ปลูกพืชชนิดเดียว ด้วยเหตุน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 จึงได้
พระราชทานพระราชดาริเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความยากลาบากดังกล่าว
ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้าได้ ไม่เดือดร้อนและยากลาบากนัก
พระราชดาริน้ี ทรงเรียกว่า “ทฤษฎีใหม่” อันเป็นแนวทางหรือหลักการในการบริหารจัดการท่ีดิน
และนา้ เพ่ือการเกษตร ในที่ดนิ ขนาดเล็กให้เกิดประโยชนส์ งู สุด
ดังน้ันทฤษฎีใหม่ของพระองค์ท่าน ที่มีมากกว่า 40 ทฤษฎี จึงมีความเก่ียวข้องกับ
เกษตรกรรม หรือที่เรียกว่า “ศาสตร์พระราชา” เป็นองค์ความรู้ท่ีเกิดจากกระบวนการทางานใน
โครงการพระราชดาริต่าง ๆ จากน้ันนามาประยุกต์ใช้แนวคิดการพัฒนาพื้นที่ด้านการเกษตรตาม
หลักทฤษฎีใหม่ เป็นการบริหารจัดการน้าจากภูผาสู่มหานที ได้แก่ แกล้งดิน หญ้าแฝก ห่มดิน
การแก้ปัญหาดินเส่ือมโทรม ดินดาน ดินคุณภาพต่า การบารุงดิน ฝนหลวง หนองน้า คลองไส้ไก่
ฝายชะลอน้า คันกั้นน้า เขื่อนกักเก็บน้า โครงการแก้มลิง น้าดีไล่น้าเสีย อธรรมปราบอธรรม
ระบบลมแสงแดด ระบบบาบัดน้าเสียแบบส่ิงประดิษฐ์ ระบบสระเติมอากาศ กังหันชัยพัฒนา
ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง การปลูกป่าทดแทน พระราชดารัสภูเขาป่า ป่าเปียก ป่าไม้สาธิต
ปลูกป่าบนที่สูง ปลูกป่าในใจคน ปลูกป่าต้นน้าลาธาร ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก การอนุรักษ์สัตว์ป่า
การอนุรักษ์พันธุ์พืช มลพิษและการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ การจัดการสิ่งแวดล้อมขยะชุมชน
การศึกษา การสหกรณ์ และการพัฒนามนษุ ย์ เช่น การทาแบบคนจน และรู้ รัก สามคั คี เป็นต้น
ความสาเรจ็ ของพนื้ ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 12
“พลกิ ฟืน้
ผืนดินลกู รัง
ด้วยสองมือ”
ความสาเร็จของพ้นื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ทฤษฎีหม่ ดนิ พลกิ ฟ้ืนผืนดินให้พออยพู่ อกินอยำ่ งยั่งยนื
จากทฤษฎีใหม่ทีก่ ล่าวมาขา้ งตน้ ล้วนมีความสาคญั ต่อการทาเกษตรกรรมในพ้ืนท่ตี า่ ง ๆ ให้
เหมาะสมกับภูมิสังคมน้ัน ๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามีความสาคัญมากต่อการพัฒนาพื้นที่ของลุงแสวง
เน่อื งจากที่ดินของลุงแสวงเป็นดนิ และหนิ ลูกรงั หลงั จากผา่ นการฝกึ อบรมท่ีศูนยก์ สิกรรมธรรมชาติ
มาบเอ้ือง ลุงแสวงได้รับองค์ความรู้ศาสตร์พระราชา แนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ โดยเฉพาะเรื่อง
การปรับปรุงบารุงดิน ฟื้นฟูดิน รวมทั้งได้รับการช่วยเหลือให้คาแนะนาจากอาจารย์ยักษ์
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกาธร และอาจารย์โก้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล พร้อมด้วยทีมงาน
เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติมาบเอ้ือง ได้เข้ามาเย่ียม ติดตาม และสารวจพ้ืนท่ีแปลงของลุงแสวง
พรอ้ มท้ังชแี้ นะวธิ ีการปรับสภาพดนิ จากดินลูกรังให้เปน็ ดนิ ที่สามารถปลูกพืชผักให้เจรญิ งอกงามได้
ท่ามกลางคาดถู กู จากเพื่อนบ้านทวี่ ่า “อย่ำไปทำตำม เพรำะถ้ำเขำเลิกช่วยเรำ กจ็ ะกลับมำคอื เดิม”
แต่ลุงแสวงไม่สนใจ เพราะอาจารยย์ กั ษไ์ ด้สอนวา่
“หำกจะทำอะไร ให้ลองลงมือทำด้วยตนเอง ไม่ตอ้ งพูดมำก เด๋ยี วเขำก็จะเชื่อเรำเอง”
ลุงแสวงเล่าว่า หลังจากกลับมาจากอบรมท่ีมาบเอื้อง นอนไม่หลับ อยากจะลงมือทาทันที
อยากลองวิชาสู้กับชะตาชีวิตอีกคร้ัง จึงตื่นตอนตี 4 เพื่อมาขุดดิน ปลูกมะนาว มาขุดคลองไส้ไก่
พลิกฟื้นผืนดินลูกรังของตนเอง แบบคนจน คือทาด้วยสองมือ ค่อย ๆ ทาไปเร่ือย ๆ โดยใช้ทฤษฎี
การห่มดิน ท่ีมีหลักการสาคัญ คือ ต้องปรุงดินก่อน โดยการ “เลี้ยงดินให้ดนิ เลี้ยงพืช” การห่มดนิ
เราตอ้ งเริ่มจากทาปุ๋ยหมักแหง้ นา้ หมกั ชวี ภาพใชเ้ อง เอาส่งิ ท่มี ีอย่รู อบตัวเรามาทาให้เกิดประโยชน์
หากพดู ถึงหลกั การหม่ ดิน ยอ้ นกลบั ไปทีพ่ ระราชดารสั ของในหลวง รชั กาลท่ี 9 ความตอนหน่งึ ว่า
“หิน ลกู รงั ทรำย มอี ำหำรสำหรบั พชื พอสมควร เปน็ เพยี งแต่ไมม่ จี ุลนิ ทรยี ์
มำชว่ ยกนั ทำใหด้ ินมจี ลุ นิ ทรยี ์ โดยกำรอยำ่ ปอกเปลอื ก เปลือยดนิ ให้หม่ ดิน”
ผลของการใช้หลกั การห่มดนิ ชว่ ยให้ผืนดนิ ในแปลงของลงุ แสวงกลบั มามคี วามอุดมสมบูรณ์
อกี คร้ัง จากพื้นทีป่ ลูกพืชไม่ไดผ้ ลผลิต และไม่มีแหลง่ นา้ ใหใ้ ช้ตลอดทงั้ ปี สามารถพลกิ ฟืน้ กลบั มาให้
พ้ืนที่แปลงของลุงแสวงสามารถปลูกพืชท่ีมีความหลากหลาย มีพืชผัก มีผลไม้ โดยเฉพาะกล้วย
เพียงใช้เวลาประมาณ 1 ปี แต่สามารถเหน็ ความเปล่ียนแปลงได้จริง เรียกว่า คืนชีวิตให้แผน่ ดิน
Keep soil alive, protect soil biodiversity: รกั ษ์ปฐพี คนื ชวี ีที่หลำกหลำยใหผ้ นื
ดนิ "
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 14
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี ้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
“อุปสรรค
คือ
แรงผลักดัน”
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ิตตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ควำมอดทนไม่ยอ่ ท้อตอ่ อปุ สรรค คอื แรงผลักดนั ของชวี ติ
ลุงแสวงจากเกษตรกรท่ีไม่เคยประสบความสาเร็จ ในการทาการเกษตรในพ้ืนที่แปลงของ
ตนเองเลย จนถึงขั้นที่ยอมไปเป็นผู้ใช้แรงงานในต่างประเทศ เพ่ือหวังจะไปหาเงินเลี้ยงครอบครัว
และใช้หนี้สินท่ีเกิดจากการทาการเกษตรเชิงเด่ียว แต่ชะตากรรมของลุงแสวงนั้น เหมือนโดน
กาหนดไว้ให้เผชิญกับความยากลาบากมาเป็นเวลานับสิบปี เม่ือกลับจากต่างประเทศมาอยู่ที่บ้าน
ทาไรท่ านา ไปดงู านไปอบรมทห่ี น่วยงานต่าง ๆ ไดพ้ าไปเรยี นรู้ เพ่ือตอ้ งการให้เป็นเกษตรกรที่ปรับ
มาทาเกษตรแบบผสมผสาน ยิ่งทาให้ลุงแสวงเริ่มเดินผิดทาง เพราะกลับมาย่ิงแต่ลงทุนปลูกพืชท่ี
เขาว่าดี มีราคาสูง พืชที่เรียกว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ แต่แล้วก็ทาให้ลุงแสวงย่ิงแต่มีหนี้สิน
เพิม่ พนู มากกว่าเดมิ จนกระทัง่ ลุงแสวงไดไ้ ปศกึ ษาเรียนรู้ศาสตร์พระราชา ท่ีศูนย์กสกิ รรมธรรมชาติ
มาบเอื้อง ทาให้ได้เจอครูบาอาจารย์ท่ีส่ังสอน ให้รู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์ตัวเอง ให้รู้ฐานะตัวเองก่อน
และสารวจวิเคราะห์ความเหมาะสมพ้ืนท่ีของตนเอง ดินและน้ามีส่วนสาคัญต่อการทาการเกษตร
เม่ือเรารู้ปัญหาในพ้ืนท่ีของตนเองแล้ว ค่อยกลับมาออกแบบและหาวิธีแกไ้ ขสภาพพ้ืนท่ีของตนเอง
ตามแนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ ให้ลงมือทาแบบคนจน ไม่ต้องลงทุนทาหลายอย่างพร้อมกัน และ
ส่ิงสาคญั ทีส่ ุด “อยำ่ เพ่งิ เช่อื คนอื่นท่เี ขำว่ำดี ต้องลงมือทำดว้ ยตนเองกอ่ น จะได้รวู้ ำ่ ดจี รงิ ไหม”
การท่ีลุงแสวงไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาอุปสรรค เกิดจากการที่ลุงแสวงมีแรงผลักดันมาจาก
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว รัชกาลท่ี 9 ได้ทรงสัง่ สอนว่า
“...เศรษฐกจิ พอเพยี ง และทฤษฎีใหม่ สองอย่ำงน้ีจะทำควำมเจรญิ แกไ่ ด้
แต่ต้องมคี วำมเพียร แล้วต้องอดทน ต้องไมใ่ จรอ้ น ตอ้ งไมพ่ ูดมำก
ต้องไม่ทะเลำะกนั ถ้ำทำโดยเข้ำใจกัน เชอ่ื ว่ำทุกคนจะมคี วำมพอใจได้...”
ดังนั้นการท่ีจะทาอะไรก็ตาม เราต้องใช้เวลา ต้องมีความอดทน อย่าใจร้อน ไม่ต้องพูดมาก
ให้ทาแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ด่วนตัดสินใจ และคิดวางแผนให้รอบคอบเสียก่อน และส่ิงที่ลุงแสวง
ได้นามาปรับใช้กับการวางแผนชีวิตของตนเอง คือ การทาแบบคนจน ลุงแสวงเริ่มต้นพัฒนาพ้ืนท่ี
ด้วยจอบและสองมือของตนเอง ขุดดินปลูกพืชเอง โดยไม่รอการช่วยเหลือจากผู้อื่น ลงมือทาทันที
และไม่ฟังคาดูถูกดูแคลนจากคนรอบข้าง สะท้อนให้เห็นว่า ลุงแสวงเป็นคนสู้ชีวิตตัวจริง และ
ในท่ีสุด ส่ิงท่ีลุงได้ลงมือทานั้นไม่สูญเปล่า เพราะเวลาผ่านไปไม่นาน มีหลายฝ่ายได้เห็นความต้ังใจ
จนเข้ามาช่วยกันพัฒนาพ้ืนท่ีของลุงแสวงใหเ้ กดิ เป็นพื้นทีต่ น้ แบบ โคก หนอง นา โมเดล
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี ้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 17
“โคก
หนอง
นำ
พลกิ ชวี ิต”
ความสาเรจ็ ของพ้นื ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
“จำกภูผำ..สู่มหำนท”ี สกู่ ำรออกแบบพ้นื ทตี่ ำมภมู ิสงั คม
หลักการสาคัญของการออกแบบพ้ืนที่ตามภูมิสังคม คือ ลุงแสวงจะต้องกลับไปบริหาร
จัดการพ้ืนที่ของตนเองเสียก่อน ดูความลาดเอียง ความลาดชันของพ้ืนที่ ทิศทางดิน น้า ลม ไฟ
ตามแนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ ที่อาจารย์ยักษ์ได้ถ่ายทอดมานั้น คือ เรำจะทำอย่ำงไรให้น้ำไหล
ออกจำกพ้ืนท่ีเรำให้ช้ำที่สุด และนำ้ จะไมท่ ่วมในพื้นท่ีเรำด้วย” วิธกี ารก็คือ เราต้องขุดคลองให้มี
ความขดเคี้ยว มีคลองไส้ไก่ หลุมขนมครก และมีสันแข็งหรือฝายชะลอน้าตลอดแนวคลองไส้ไก่
รวมทั้งต้องมีหนองเพื่อกักเก็บน้าในพืน้ ท่ีแปลงของเราด้วย แต่การทจี่ ะออกแบบได้นัน้ เราจะต้องดู
ความเหมาะสมของสภาพพื้นท่ีและภูมิสังคม ต้องคานึงถึงประโยชน์สูงสุด และเมื่อทาแล้วจะต้อง
ไมส่ ร้างผลกระทบต่อพืน้ ท่ีแปลงของเพือ่ นบา้ นดว้ ย
จุดเร่ิมต้นก่อนท่ีจะมาเป็นพ้ืนท่ี โคก หนอง นา โมเดล ลุงแสวงบังเอิญได้รู้จักผู้รับเหมาที่มี
รถขุดและกาลังหาที่ดิน เพ่ือจะเอาดินไปทาการถมที่ ลุงแสวงจึงขอให้เขามาทาการขุดดินไป แต่มี
ข้อแลกเปล่ียน คือ ต้องขุดเอาดินออกแล้วทาให้ได้เป็นรูปสระ รูปหนองน้า สามารถกักเก็บน้าได้
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน พื้นที่ของลุงแสวงเร่ิมมีแหล่งกักเก็บน้า สามารถปลูกพืชผักสวนครัว
ปลูกไม้ผล กล้วย มะละกอ เร่ิมออกผลผลิต เป็นแหล่งอาหารให้กับครอบครัวของลุงแสวงได้ จน
เพอื่ นบ้านท่เี คยดูถกู ว่าทาไมไ่ ด้ผลจริง เร่มิ เชื่อและเข้ามาเรยี นรู้ และลงุ แสวงกไ็ ดแ้ บง่ ปนั ผลผลิตให้
เพ่ือนบ้านอีกด้วย จนกระทั่งทางอาจารย์ยักษ์ อาจารย์โก้ และทีมงานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ
ได้เข้ามาเยี่ยมผู้ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ที่กลุ่มคริสตจักรนาเรียง
อาเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี และได้มาเยี่ยมที่ไร่ลุงแสวง พร้อมทั้งให้คาแนะนาและมีความ
ประสงค์ที่จะช่วยกันพัฒนาพ้ืนที่ของลุงแสวงให้เป็นจุดตัวอย่างของภาคอีสาน เพราะว่าถ้าเรา
พัฒนาพื้นท่ีของไร่ลุงแสวงให้ประสบความสาเร็จได้ แปลงอื่นในภาคอีสานก็จะทาได้ด้วยเช่นกัน
เน่ืองจากพื้นท่ีของลุงแสวงเป็นพ้ืนที่ดินเสื่อมคุณภาพ หน้าดินถูกขุดออกไปหมดแล้ว และดินเป็น
หนิ ลกู รัง ปลูกพชื ให้เจริญเตบิ โตได้ยากพอสมควร และที่สาคัญอาจารยย์ ักษ์มองเห็นความพยายาม
ของลุงแสวงที่ได้ลงมือทาด้วยตนเองอย่างจริงจัง จนสามารถยกระดับให้พ้ืนที่ของตนเองเร่ิมปลูก
พชื ผักตา่ ง ๆ ได้ จึงมแี นวความคิดท่ีจะใช้พ้ืนทข่ี องลงุ แสวง และคริสตจักรนาเรยี ง เขา้ รว่ มโครงการ
“พลังคนสร้ำงสรรค์โลก รวมพลังตำมรอยพอ่ ของแผ่นดิน” ด้วยความรว่ มมอื จากบริษัท เชฟรอน
ประเทศไทยสารวจและผลติ จากดั สถาบนั เศรษฐกิจพอเพียง และมลู นิธิกสกิ รรมธรรมชาติ
ความสาเร็จของพ้นื ทต่ี น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 19
พ้ืนที่ของลุงแสวงจึงเร่ิมถูกออกแบบด้วยแนวคิด โคก หนอง นา โมเดล ขึ้น ซ่ึงหากจะ
เปรียบเทียบกับแนวพระราชดาริทฤษฎใี หม่นั้น จะเป็นไปตามหลักการที่ว่า จำกภูผำ..สู่มหำนที
เนื่องจากสภาพพื้นท่ีมีความลาดเอียงตามภูมิประเทศ และที่เกิดจากการขุดเอาหน้าดินออกไป
สภาพดินบางแห่งมีกองดินเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ การออกแบบพ้ืนท่ีแปลงของลุงแสวง จึงได้
นาเอาศาสตร์พระราชา ทฤษฎีใหม่ท่ีมีกว่า 40 ทฤษฎีมาปรับใช้ และวางรูปแบบพ้ืนที่ให้เหมาะสม
กับภูมิสังคม เร่ิมจากพื้นที่ด้านบนให้เป็นป่าไม้สร้างความชุมชื้นและดูดซับน้าลงใต้ดิน มีการสร้าง
ฝายชะลอน้าตามแนวคลองไส้ไก่ การขดุ หลมุ ขนมครกเพอื่ ดกั ตะกอนนา้ ปลูกแฝกป้องการพังทลาย
ของหน้าดิน และทฤษฎกี ารแกล้งดนิ การห่มดิน บารุงดิน เพ่อื ใหด้ ินมีคุณภาพและปลูกพืชผักได้
กำรออกแบบ ้ืพนที่แปลงของลุงแสวง ศ ีรธรรมบุตร เ ็ปนไปตำมหลักภูมิสังคม
และทฤษฎีให ่ม “จำก ูภผำสู่มหำนที”
ความสาเรจ็ ของพื้นทตี่ ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 20
"โคก หนอง นำ โมเดล “สู้ อยู่ รอด” ภำยใตว้ ิกฤตภยั
การบริหารจัดการน้าตามแนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ เกิดจากการพัฒนาพ้ืนท่ีชลประทาน
ในลุ่มแม่น้าป่าสัก เป็นทฤษฎีใหม่ท่ีสมบูรณ์ ท่ีเรียกว่า อ่างใหญ่หรือเขื่อนป่าสัก เติมอ่างเล็กหรือ
อ่างเก็บน้าห้วยหินขาว อ่างเล็กแต่สระน้าหรือหนองน้าที่อยู่ในพ้ืนที่ของเกษตรกร มีแนวคิดในการ
กักเก็บน้าให้ได้ท้ัง 3 ระดับ ซึ่งจะสามารถเก็บกักน้าได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า แต่เกษตรกรจะต้อง
ยอมลดท่ีนาของตนเองลงไปประมาณ 30% ก็จะมีแหล่งน้าไว้ใช้ประจาพ้ืนที่ของตนเอง จึงถือว่า
เป็นต้นกาเนิดของโมเดลท่ีเรียกว่า โคก หนอง นา ท่ีต้องการใช้ภาษาให้ชาวบ้านเข้าใจมากที่สุด
โดยมีหลักการท่ีว่า กำรสร้ำงหลุมขนมครก เม่ือเกษตรกรได้สร้างให้เกิดหลุมขนมครกในพื้นที่ของ
ตนเอง เมื่อนาไปรวมในภาพท่ีใหญ่ขึ้นในระดบั ชุมชน ตาบล อาเภอ และจังหวัด ก็จะเป็นถาดขนม
ครกขนาดใหญ่ ที่สามารถบริหารจัดการน้าได้ โดยในอนาคตเราไม่จาเป็นต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
ท่ีใช้งบประมาณลงทุนจานวนมหาศาล แต่สามารถให้ประชาชนช่วยกันบริหารจัดการน้าในพ้ืนที่
ของตนเองได้ ดังน้ัน โคก หนอง นา โมเดล ก็มีที่มาจากบรรพบุรุษของเราในอดีตได้ทามาแล้ว คือ
มีคลองไส้ไก่ เพื่อกระจายน้าและเล้ียงปลา มีหัวคันนาที่กว้าง เพราะจะได้ปลูกพริก มะเขือ กล้วย
บนคันนาสูงและใหญ่ พอน้าหลากมามันก็ไม่ท่วม ไม่เสียหาย ต้นไม้ปลูกบนคันนาก็ไม่ตาย เราจึง
เรียกว่า คันนาทองคา เพราะมันมีผลผลิตม่ังคั่งยิ่งกว่าทองคา ทาให้ในนาข้าวเราก็จะมีปลาด้วย
เพราะคันนาใหญ่จะเก็บน้าไดเ้ ยอะ น้าสูงลึก ปลาก็จะมาอาศยั อยู่และวางไข่ได้ คนโบราณเราจงึ ไม่
ต้องเล้ียงปลา เพราะปลามันจะเขา้ มาอาศัยอยู่ได้เอง ส่งผลให้ข้าวไดผ้ ลผลติ ดี เมล็ดใหญ่ เพราะได้
ปุ๋ยธรรมชาติจากข้ีปลา มีกุ้ง หอย ปู มีน้าขัง หญ้าก็ไม่ข้ึนในนาข้าว ก็จะช่วยให้ประหยัดไม่ต้องใช้
ยาฆา่ หญ้า ยาฆา่ แมลง ปุย๋ กไ็ มต่ ้องใส่ มนั ก็เป็นธรรมชาติ บรรพบรุ ุษของเราก็อย่มู าแบบนีน้ ับพนั ปี
การประยุกต์ทฤษฎีใหม่สู่ โคก หนอง นา โมเดล แบบชาวบ้าน วิธีที่ต้องทาคร้ังแรก คือ
ตอ้ งสารวจพนื้ ท่ี ท่ดี นิ สภาพดนิ อยใู่ นลักษณะท่ตี ื้น ลึก ขนาดไหน ปริมาณนา้ ฝนทต่ี กแต่ละปเี ท่าไร
รอบข้างแปลงของเรามีทรัพยากรอะไรบ้าง ทิศทางลมและแสงแดดมาจากฝั่งไหน ศึกษาภูมิสังคม
ดิน น้า ลม ไฟ เราต้องเข้าใจสังคมของเจ้าของแปลงหรือตัวเองก่อน เม่ือได้ข้อมูลที่อย่างแล้วให้
นามาคานวนภายใต้เง่ือนไขของปริมาณน้าท่ีจะได้ในพื้นที่แปลงของเราเสียก่อน จะกักเก็บน้าด้วย
วิธีไหนบ้าง เช่น ขุดหนอง หนองจะต้องลึกก่ีเมตร ต้องใช้พื้นที่เท่าไร และขุดคลองยาวเท่าไร หรือ
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 21
ใช้ระบบดึงน้าเก็บใต้ดิน ด้วยระบบรากของต้นไม้ใหญ่ท่ีปลูกไว้บนโคกหรือในป่า และเก็บน้าผ่าน 22
ระบบรากของแฝก จากนั้นก็ออกแบบพื้นท่ีอยู่อาศัย คอกสัตว์ และยุ้งข้าวที่เก็บเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ
สิ่งเหลา่ น้เี ราตอ้ งออกแบบให้ดี จากนนั้ ค่อยลงมือทา ตามส่งิ ทเ่ี ราออกแบบไวล้ ่วงหน้าแลว้
โคก หนอง นา โมเดล เป็นศูนย์รวมของการประยุกต์ใช้หลักทฤษฎีใหม่ที่มีกว่า 40 ทฤษฎี
หนึ่งในนั้น คือ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง หรือ การปลูกป่า 5 ระดับ ท่ีอยู่บนพ้ืนท่ีโคกหรอื ปา่
ซง่ึ มคี วามสาคญั ในการเก็บกักน้า มีระบบรากอยา่ งน้อย 5 ระดบั คอื
ไม้ช้ันสงู เช่น ตะเคียน ยางนา มีระบบรากลึกลงไปประมาณ 30-40 เมตร
ไมช้ น้ั กลาง เชน่ มะมว่ ง น้อยหนา่ ขนนุ มีระบบรากลงไป 20-30 เมตร
ไมช้ ั้นเตยี้ เชน่ พรกิ กะเพรา โหระพา มีระบบรากลงึ ลงไป 10-20 เมตร
ไม้เรยี่ ดิน เช่น แตงโม ฟกั ทอง แตงไทย มรี ะบบรากลกึ ลงไป 2-10 เมตร
ไม้ใตด้ นิ เช่น เผือก มนั กลอย มีระบบรากลึกลงไป 1-2 เมตร
ถา้ มรี ะบบรากครบทั้ง 5 ชุดนี้ เราจะมีฟองน้าท่ีเก็บน้าตั้งแต่ผวิ ดินลงลกึ ไปในดินได้ถึงเกือบ
40 เมตร ดังนั้นการสร้าง โคก คือ เราต้องการให้เกิดเป็นป่าท่ีจะทาให้เราเก็บน้าไว้ใต้ดินด้วย และ
จะช่วยสรา้ งเป็นแหลง่ อาหารไดอ้ ีกด้วย เราจึงเน้นท่จี ะทาการฟนื้ ป่าให้ไดก้ อ่ น แต่ก็ต้องใช้เวลาด้วย
เมื่อเราฟ้ืนป่าได้แล้ว เปรียบเสมือนเรามีป่าต้นน้า จากน้ันการขุดคลองไส้ไก่ ขุดหนองจึงเกิดข้ึน
และน้าที่เก็บไว้บนโคก มันจะดึงน้ามาใช้ในช่วงฤดูแล้งได้เอง โดยไม่ต้องใช้ระบบสูบน้าใต้ดินก็ได้
ส่วนหนองหรือแหล่งน้า เราขุดเพ่ือไว้ใช้ในฤดูแล้ง มีคลองไส้ไก่ท่ีช่วยกระจายความชุ่มชื้นลงสู่ดิน
และคดเค้ยี วรอบพ้ืนที่แปลงอย่างท่ัวถึงกัน ขนาดความลึกขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมของพ้ืนท่ี และ
ส่วนสุดท้ายคือนาข้าว ในที่น้ีหมายความถึงการทาแปลงผักสวนครัว และมีคลองไส้ไก่เล็ก ๆ
กระจายใหร้ อบแปลงและรอบนาข้าว เพ่อื ทาให้มีความชมุ่ ช้ืนตลอดทง้ั ปี
ดงั นัน้ จะเหน็ ได้วา่ ในพื้นท่ีแปลง โคก หนอง นา ของลุงแสวง ได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงของลุงแสวงและภรรยา รวมทั้งการเข้ามาสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ
เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสนับสนุนงบประมาณในการขุดคลองประชารัฐ ส่วนราชการสังกัด
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้ามาขุดหนอง และสนับสนุนปัจจัยการผลติ
เปลี่ยนจากพ้ืนที่ที่เคยแห้งแล้ง ดินไม่มีความอุดมสมบูรณ์ กลับฟื้นกลายเป็นแหล่งอาหารท่ีสาคัญ
ของอาเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งส่ิงมหัศจรรย์ท่ีเกิดขึ้น คือ ลุงแสวงและภรรยา สามารถ
ชว่ ยกนั ดูแลพนื้ ท่ีด้วยสองมือ โดยไมจ่ าเป็นต้องหาบน้าเพื่อรดน้าตน้ ไมก้ ไ็ ด้ ปจั จุบนั พน้ื ท่ีไร่ลุงแสวง
กลายเปน็ แหลง่ อาหารขนาดใหญ่ที่ใหผ้ ลผลิตที่ปลอดภยั ทาให้ชีวิตของครอบครวั ลุงแสวงมคี วามสุข
ความสาเร็จของพ้ืนทต่ี ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
“ลุงแสวง
ผมู้ ่ังคัง่ ”
ความสาเรจ็ ของพ้นื ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ผ้มู ั่งค่ังด้วยผลผลิตท่หี ลำกหลำยและมีควำมสุข
ลุงแสวง คือต้นแบบความสาเร็จของเกษตรกรที่น้อมนาแนวพระราชดาริ ทฤษฎีใหม่
ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล มาสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ลุงเล่าให้ฟังอีกว่า ลุงทานา 10 ไร่
เพาะปลูกไม้ผล ปลูกผักสวนครัวปลอดสาร 21 ไร่ มีบ่อน้า 12 บ่อ ไว้เก็บน้าฝนทุกเม็ดทาเกษตร
การไปเรียนรศู้ าสตร์พระราชาสอนให้พออยู่ พอเพยี ง อยา่ มุง่ แตเ่ งินทอง ทุกวันลกุ ขึ้นมา ตื่นแต่เช้า
ทาไรท่ านา รสู้ ึกวา่ คา่ ไว เวลานอ้ ย รสู้ กึ มีความหวังทกุ วัน ไดเ้ ห็นผลจากดนิ ปลูกอะไรกข็ ้ึนงอกงาม
กล้วยมีเป็นพันต้น มีสวนมะม่วงหลายชนิด ไม่รวมมะนาว มะละกอ มั่งค่ังด้วยข้าวปลาอาหาร
เปลี่ยนจากที่เคยมีปัญหาหน้ีสินรุงรัง เป็นผู้ที่มั่งค่ังด้วยทรัพยากรอาหารท่ีสมบูรณ์ปลอดภัย
ก่อนทีล่ งุ แสวงจะเปน็ ผู้มั่งคัง่ คอื พลกิ ฟน้ื ดนิ ลกู รงั ให้ปลกู พชื ได้ ดว้ ยกำรห่มดิน และตอ้ งปลกู แฝก
สาหรับการห่มดินไม่ต้องซื้อฟางข้าว เพราะจะใช้หญ้าแฝกท่ีตัดมาคลุมดินแทน ซ่ึงปัจจุบันนี้มี
ชาวบ้านมาเรียนมาแบ่งปันความรู้ ลองทาตามแนวทางน้ีหลายคนแล้ว จนทาให้ไร่ลุงแสวง
กลายเป็นจุดเรียนรู้พ้ืนที่ต้นแบบ โคก หนอง นา โมเดล เป็นจุดเรียนรู้และสถานที่ฝึกอบรมของ
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรยี ว์ ิถีไทยครสิ ตจักรนาเรยี ง
"ถำ้ อยำกเปลี่ยนชีวติ ลองทำตำมแนวพระรำชดำริทฤษฎีใหม่ โคก หนอง นำ
จะพบกับควำมสขุ มำกมำย ทำจริงแค่ 1-2 ปี เห็นผล พระองคเ์ ปน็ ยอดพระรำชำ"
ผลของการลงมอื ทาของลุงแสวง ทาใหค้ น้ พบความสุขท่ีแท้จริง นัน่ ก็คอื ยง่ิ ลงมือทา ขุดดิน
ปลูกพืชพันธ์ุต่าง ๆ ภายในแปลง ย่ิงจะสนุกและมีความสุข ไม่เหน็ดเหนื่อย อยากทาให้เสร็จและ
เห็นผลสาเร็จที่เกิดจากสองมือของเราเอง ขุดคลองไส้ไก่ ปลูกต้นไม้ ภายในหนึ่งวันตอ้ งหากิจกรรม
ทาในพ้นื ท่แี ปลงของตนเองให้ได้ กลว้ ย มะละกอ มะนาว มะม่วง ฟักทอง เม่ือเรากินหมดแล้ว อยา่
เอาเมล็ดไปทง้ิ ให้เกบ็ ทาเป็นธนาคารเมลด็ พนั ธ์ุไว้ เพื่อใช้ปลูกในครัง้ ต่อไป จะช่วยลดคา่ ใชจ้ ่ายจาก
การซือ้ เมล็ดพนั ธุ์ ทาให้เราทาแบบครบวงจร คอื กนิ ขำย แจก สิ่งนที้ าให้ชีวิตมคี วามสุข
เหตผุ ลสาคญั ท่ีทาให้ลุงแสวง คือ ปราชญ์ชมุ ชนต้นแบบ เพราะลุงแสวง ลงมอื ทาดว้ ยตนเอง
ใช้วิธีการทาแบบคนจน พึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด เม่ือถึงจุดที่มีคนเห็นความตั้งใจ ภาคีเครือข่าย
หน่วยงานหรือองค์กรตา่ ง ๆ กจ็ ะเขา้ มาหาเอง โดยทีเ่ ราไม่ตอ้ งวิ่งไปหาเขาก่อน นอกจากนล้ี งุ แสวง
ยังมีภาคีเครือข่ายที่เข้ามาช่วยกันเอาม้ือสามัคคี และมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ช่วยเหลือ เกื้อกูล
ความสาเร็จของพืน้ ทตี่ น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 24
แบ่งปันกัน ซึ่งทามาแล้วกว่า 5 ปี ลุงแสวงบอกว่า “การทาเกษตรแบบพอเพียง ยิ่งทาย่ิงมี ช่วย
เปล่ียนความคิด ทาให้เราพัฒนาตัวเอง พัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ไม่ได้เอาเงินเป็นท่ีตั้ง ถึงแม้ไม่ได้มี
เงินทองอะไรมากมายเหมือนที่เคยวาดฝันไว้ว่าอยากมี แต่ตอนนี้ไร่ลุงแสวงช่วยตอบโจทย์ชีวิตของ
ลุงแล้ว จากที่ไม่มีอะไรกินเลย น้าที่จะมาปลูกข้าวก็ไม่มี ต้องอาศัยคนอ่ืนตลอด กลับมามีอาหารใน
ไร่ท่ีอุดมสมบูรณ์ ไม่มีเงินก็อยู่ได้ เพราะมีความสุขที่ได้กินอิ่ม ได้รักพ้ืนท่ีตัวเอง ได้ทั้งลูกกลับมาอยู่
พร้อมหน้าพร้อมตา ลูกสองคนแต่ก่อนไปทางานกรุงเทพ ก็กลับมาหมด มีความสุข ไม่ต้องโทรหา
ลูกว่าเป็นอยู่อย่างไร ไม่ต้องกังวลว่าลูกลาบากแค่ไหน ข้าวจานละ 40 – 50 บาท มาอยู่บ้านจะกนิ
กี่จานก็ได้ไม่เสียเงิน ข้าวเราก็มีพออยู่พอกิน แถมอาหารทุกอย่างปลอดภัย ปลอดสารเคมี และ
ครอบครัวเรากอ็ ยู่กนั พร้อมหน้า ดว้ ยการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
ทไ่ี รล่ ุงแสวง มอี ำหำรอดุ มสมบูรณ์ และยังแจกจ่ำย แบ่งปัน จนเรยี กได้ว่ำ
เปน็ “ผู้ม่ังคง่ั แห่งจังหวดั อุดรธำนีเดอ้ ”
ถ้าถามวา่ ไมต่ อ้ งมเี งิน ไมไ่ ดห้ วงั ขาย แล้วจะอยไู่ ดจ้ รงิ เหรอ ? ลงุ แสวงตอบว่า
“ยังไม่ปลูกจะไปขำยได้ไง กินเรำก็ยังไม่มีกิน ทำบุญเรำก็ยังไม่ได้ทำบุญ แจกเรำก็ยังไม่ได้
แจก แต่เรำดันไปคิดขำย ก็จะไปจบท่ีวิ่งตำมหำเงิน และเงินจะว่ิงหนี เรำต้องเริ่มจำกหลัก 4 พอ
ก่อน คือ ทำให้พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น อย่ำงช่วง COVID – 19 ระบำด เห็นได้เลยว่ำ
ครอบครัวเรำไม่อดตำย จะก่ีเดือนก่ีปี มันมีอยู่ในไร่น้ีแล้วทุกอย่ำง ท้ังผัก ผลไม้ ปลำก็มี พอเรำเอำ
ไปให้ เรำจะยง่ิ ไดก้ ลบั มำ บำงทีได้กลับมำมำกกวำ่ ท่ีให้ซะอกี ”
“กำรเป็นผู้ใหจ้ ะภมู ใิ จมำกกวำ่ เปน็ ผู้ขอ ไปขอเขำสองสำมครง้ั ก็อำยแล้ว
แต่ถำ้ ให้ ใหเ้ ทำ่ ไรก็ไมต่ อ้ งอำย”
ความสาเร็จของพ้ืนทตี่ น้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 25
“สำมคั คเี ป็น
พลังค้ำจุน
แผน่ ดนิ ไทย”
ความสาเร็จของพ้นื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
รวมพลังเครอื ขำ่ ย เอำม้อื สำมคั คี
กิจกรรมเอาม้ือสามัคคี คือ การลงแขก ร่วมแรง เอาแฮง ช่วยกันทางานหรือกิจกรรมของ
กลุ่มคนที่รู้จักใกล้ชิดกัน สร้างกลไกทางภาคีเครือข่ายร่วมกัน เอาม้ือสามัคคีไม่ได้สร้างแค่กายภาพ
และส่ิงท่ีพากันมาข่วยกันขุดดินเท่านั้น แต่เอาม้ือสามัคคีคือการสร้างสังคมที่ดีงาม ช่วยเหลือ และ
ก่อให้เกิดการเก้ือกูลกัน ซ่ึงเอามื้อสามัคคี เบื้องหลังทางทฤษฎีคือมาจาก ส.ค.ส. พระราชทาน เมื่อ
ปี พ.ศ. 2547 ทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานเป็นฉบับสดุ ทา้ ยที่ท่านปรุง
ด้วยพระองค์เอง หากมองเผิน ๆ อาจจะเป็นเพียงแผนท่ีประเทศไทย แต่มีเพียงน้อยคนท่ีเข้าใจถึง
นัยยะความหว่ งใยของพระองค์ท่านที่ส่อื สารผา่ นภาพ ส.ค.ส. พระราชทานในปนี ั้น
ในนั้นตรงกลางภาพจะเป็นแผนท่ีประเทศไทย
และมีระเบิดอยู่ 4 ลูก ท่ีจุดชนวนอยู่รายล้อม
ประเทศไทยไว้ มีอักษรที่เขียนไว้ว่า มีระเบิด
เกือบท่ัวโลก เปรียบเสมือนว่าพระองค์ทรง
เตือนว่าเรากาลังจะเจอวิกฤต 4 ด้าน นั่นก็คือ
วิกฤตภัยธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม พอวิกฤต
อย่างแรกเกดิ ข้ึนวกิ ฤตทางสังคมก็จะตามมา จะ
เกิดโรคระบาดในพืช ในสตั ว์ ในคน และเม่อื เกิด
สองส่ิงน้ีแล้ว วิกฤตต่อมาคือเศรษฐกิจตกต่า
ข้าวยากหมากแพง เม่ือถึงช่วงนั้น เราทุกคนจะ
รู้ว่า “เงินทองเปน็ ของมายา ขา้ วปลาสขิ องจริง”
ส่วนวิกฤตสุดท้ายคือภัยสงครามกลางเมือง
ทง้ั หมดน้เี ป็นทมี่ าของคาว่า เอำม้อื สำมคั คี
หากเราพจิ ารณาอย่างถี่ถ้วน เราจะเห็นคาว่า สำมัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดนิ ไทย ตรงกลาง
จะมเี สน้ อยู่ 3 เส้น ค้าจุนประเทศไทย ถ้าเรารักษาไวไ้ ด้ เราจะอยรู่ อด น่ันกค็ ือ
ชาติ คือ แผน่ ดิน ประชาชนท่มี กี ล่มุ ชาติพันธท์ุ ่ีหลากหลาย
ศาสนา คือ ศีลธรรมอันดงี ามที่อยู่ในคาสอนของแต่ละศาสนาที่เรานับถอื กนั
พระมหากษัตรยิ ์ คอื สถาบนั ทชี่ ่วยยดึ เหนีย่ วจติ ใจ เป็นศูนยร์ วมใจของคนในชาติ
ความสาเรจ็ ของพน้ื ทตี่ น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 27
ดังนนั้ เบอ้ื งหลังทฤษฎเี อามื้อสามคั คีมาจากสามัคคีเป็นพลังค้าจนุ แผน่ ดินไทย เราทาแต่ละ
จุดท่ีเล็ก ๆ อยู่ท่ีบ้านของเราให้ได้ก่อน แล้วจึงมารวมตัวก่อข้ึนเป็นสังคม หากเราช่วยกันทาแบบนี้
มีความสามัคคี เก้ือกูลกัน เราจะอยู่รอดได้ และการพึ่งตนเอง เราต้องเร่ิมจากฐานทรัพยากรของ
ตัวเราเองก่อน ทรัพยากรท่ีสาคัญท่ีสุดก็คือ น้า การเก็บรักษาน้า และดิน มีดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วย
แรธ่ าตุอาหาร ทั้งหมดนี้ คือ หวั ใจของความม่นั คงทางอาหาร
เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติจึงใช้กระบวนการเอาม้ือสามัคคี เป็นพลังในการขับเคล่ือนงาน
ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ช่วยกันทางาน ขุดดิน ขุดแปลง ขุดหนอง ปลูกแฝก
ปลูกต้นไม้ ห่มดิน ทาปุ๋ยหมักชีวภาพใช้เอง ซึ่งเราจะผลัดเปล่ียนหมุนเวียนกันไปให้ครบทุกแปลง
ของสมาชิกในเครอื ขา่ ย สาหรบั อาหารการกนิ เรากช็ ว่ ยทาช่วยกนั หามารวมกัน กิจกรรมนี้จะทาให้
เรามีความรักสามัคคี และเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งมากข้ึน เช่นเดียวกับชุมชนกสิกรรมธรรมชาติ
คริสตจักรนาเรียง ที่ได้ใช้กิจกรรมนี้เข้ามาช่วยพัฒนาพ้ืนท่ีในแปลงของลุงแสวงด้วยเช่นกัน ซึ่งที่
ผ่านมาได้มีการร่วมกันเอาม้ือสามัคคีในพื้นที่มากกว่า 100 คร้ัง นับต้ังแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน
โดยกิจกรรมเอามื้อสามัคคีที่ย่ิงใหญ่ท่ีสุด คือ “พลังคนสร้ำงสรรค์โลก รวมพลังตำมรอยพ่อของ
แผ่นดนิ ” ปีท่ี 5 แตกตวั ทั่วไทย สำนพลังสำมัคคี ทมี่ ผี เู้ ขา้ รว่ มจาก 7 ภาคี มากกวา่ 1,000 คน
รวมทั้งกิจกรรมเอาม้ือสามัคคีถูกขยายวงกว้างออกไป ในแปลงของสมาชิกสภาคริสตจักร
นาเรียง และเครอื ขา่ ย โคก หนอง นา ของอาเภอศรีธาตุ และอาเภอกมุ ภวาปี จังหวัดอดุ รธานี และ
ในปี พ.ศ. 2561 ได้มีการก่อตั้งเป็นศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์ไทยคริสตจักรนาเรียง
พร้อมทั้งมีการจัดงานวันดินโลกขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซ่ึงมี ดร.วิวัฒน์ ศัลยกาธร รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะน้ัน เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด
อุดรธานี มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ มูลนิธิรักษ์ดินรักษ์น้า สถาบันการศึกษา และภาคีเครือข่ายการ
พัฒนาทั้ง 7 ภาคี เข้าร่วมงาน ถือว่าเป็นประกาศความพร้อมท่ีสามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนท่ีมี
ความสนใจ อยากเขา้ ศกึ ษาเรยี นรแู้ นวพระราชดารทิ ฤษฎีใหม่ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้
ความสาเร็จของพืน้ ทตี่ ้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 28
“ชมุ ชน
ศำสนำ
ร่วมพัฒนำ
คน”
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี ้นแบบการพฒั นาคุณภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ครสิ ตจกั ร โรงเรียน บ้ำน รว่ มกันพฒั นำคณุ ภำพชวี ติ
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์ไทยคริสตจักรนาเรียง มีแนวคิดจากความตอ้ งการ
ใช้หลักการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคศาสนา และภาคประชาชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ
ขับเคลื่อนงานศาสตร์พระราชา ผ่านการจัดกระบวนการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนากสิกรรมสู่
ระบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้แนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ
คาสอนของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผนวกเข้ากับหลกั คาสอนของพระศาสดา ซึ่ง
มีความสอดคลอ้ งตรงกันทุกศาสนา ในศาสนาครสิ ต์มีความเช่อื ว่าพระเจ้าสร้างสวนเอเดนขน้ึ มา ให้
มีอาหารการกิน มีของใช้มากมาย มีทุกอย่าง แต่ว่ามนุษย์มีสิทธิ์กินผลไม้ทุกอย่าง ยกเว้นส่ิงที่ควร
สานึกรู้ผิดชอบชั่วดี กินแล้วจะตาย มนุษย์มีหน้าท่ีรักษาสวนเอเดนของพระเจ้า ฟ้ืนฟูสวนเอเดนท่ี
พระเจ้าทรงสร้างไว้ให้ เม่อื ฟน้ื ฟสู วนเอเดนขึน้ มา ทุกคนกจ็ ะมีอาหารการกิน มชี ีวติ ท่สี ขุ สงบนั่นเอง
ดังนั้นพ่ีน้องชาวคริสตจักรจึงยึดถือคาสอนของพระศาสดา นาหลักปฏิบัติของชาวคริสตจักรมา
เชอื่ มโยงสู่การปฏบิ ัติตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ ทาให้เรามีชวี ติ ทีส่ งบสขุ ได้
ชุมชนคริสตจักรนาเรียง สมาชิกชุมชนส่วนใหญ่อยู่ในเขตพ้ืนท่ีบ้านนางาม ตาบลตาดทอง
อาเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สภาพพ้ืนท่ีเป็นดินหินลูกรัง
หรอื ทเ่ี รียกวา่ โคกหนิ แห่ ยังคงมปี า่ ไม้ของชมุ ชนหลงเหลอื อยู่บา้ ง แตช่ ว่ งฤดูแลง้ ไม่มีน้าเพยี งพอต่อ
การทาการเกษตร ดินขาดความชุ่มชื้น เกษตรกรสว่ นใหญท่ าไร่มนั สาปะหลัง ไร่ออ้ ย ปลูกข้าว และ
มีสวนยางพารา ถือว่าเป็นพ้ืนที่ท่ีทาเกษตรเชิงเดี่ยว จึงทาให้รายได้ของเกษตรกรตอ้ งข้ึนอยู่กบั การ
กาหนดราคาของผลผลิตทางการเกษตร และมีโรงงานแป้งมันสาปะหลังเข้ามาก่อต้ังอยู่ใกล้กับ
ชุมชน ทาให้เข้ามาส่งเสริมให้ประชาชนหันมาทาไร่มันสาปะหลังมากขึ้น ทาให้ชุมชนเริ่มสูญเสีย
แหล่งอาหารท่ีอุดมสมบูรณ์ไปมาก ในอดีตบ้านนางามเคยได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ระดับจังหวัด จัดอยู่ในหมู่บ้านระดับมั่งมีศรีสุข เนื่องจากผู้นาชุมชนมีความเข้มแข็ง พัฒนาหมู่บ้าน
ใหม้ คี วามเขม้ แข็ง ประชาชนสามารถประกอบอาชีพ มีงานมีรายได้ จึงไม่ค่อยมปี ัญหาในการพฒั นา
ชมุ ชน รวมท้ังคริสตจักรนาเรียง ต้ังอยู่ในเขตพ้ืนที่ของบ้านนางาม ทาให้เปน็ ศนู ย์รวมทางจิตใจของ
ประชาชนในชมุ ชนและพืน้ ทใี่ กล้เคียง และในปี พ.ศ. 2558 สภาครสิ ตจักรได้คดั เลือกสมาชิกชุมชน
เข้าไปฝึกอบรมท่ีศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จากการอบรมในคร้ังนั้น ทาให้สมาชิกได้รับ
ความรู้การพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง หลังจากการฝึกอบรมได้รับการติดตามและ
ความสาเรจ็ ของพน้ื ทต่ี น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 30
สนับสนุนจากมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการประมาณ 60 ครอบครัว
ซ่ึงหน่งึ ในนน้ั คอื ลุงแสวง ศรธี รรมบุตร ท่ีปัจจบุ นั ทาหนา้ ทีเ่ ปน็ ปราชญป์ ระจาศูนย์เรียนรู้
จนกระทงั่ ในปี พ.ศ. 2561 ไดม้ พี ิธเี ปิดอย่างเป็นทางการ มีการขับเคลอ่ื นงานในรปู แบบของ
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์ไทยคริสตจกั รนาเรียง มีการจัดการฝึกอบรมหลักสูตรการ
พัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชนที่สนใจ เกษตรกรในจังหวัดอุดรธานี
จานวน 4 รนุ่ มีผผู้ ่านการฝกึ อบรมทงั้ ส้ิน 380 คน ทาให้ผู้เขา้ ร่วมอบรมสามารถนาองคค์ วามรู้ตาม
แนวพระราชดาริทฤษฎีใหมไ่ ปปรับใช้ในการพัฒนาพ้ืนท่ีตนเองได้ ถือได้ว่าเป็นการสร้างเครือข่ายท่ี
กว้างขวางข้ึน ทาให้ในเวลาต่อมาได้มีการดาเนินกิจกรรมของคริสตจักรร่วมกับสมาชิกเครือข่าย
กสิกรรมธรรมชาติมาอย่างต่อเน่ือง รวมทั้งชุมชนและส่วนราชการก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมสาคัญใน
การพัฒนาพ้ืนที่ตามแนวพระราชดาริ โคก หนอง นา โมเดล ยกตัวอย่าง เม่ือปี พ.ศ. 2561
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กาหนดจัดงานวันดินโลกขนึ้ ท่ีคริสตจกั รนาเรียง และปี พ.ศ. 2563
มลู นธิ กิ สกิ รรมธรรมชาติ ไดม้ าจดั งานวันดินโลกของสมาชกิ เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติทั่วประเทศ
ข้ึนทคี่ ริสตจกั รนาเรียงด้วยเชน่ กัน ท้งั หมดนเี้ ปน็ ภาพทีส่ ะท้อนใหเ้ ห็นถึงพลังของ ค ร บ นั่นเอง
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี ้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 31
ภำพบรรยำกำศกำรฝึกอบรมทศ่ี นู ย์กสิกรรมธรรมชำติมำตรฐำนอินทรีย์วิถไี ทยครสิ จักรนำเรยี ง
ภำพบรรยำกำศโครงกำรคลองประชำรัฐ ทถ่ี อื วำ่ เป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ของพื้นท่ี โคก หนอง นำ โมเดล
ความสาเร็จของพ้ืนทต่ี น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 32
“กรมกำรพัฒนำชมุ ชน
ช่วยหนุนเสรมิ ”
ความสาเรจ็ ของพน้ื ทตี่ น้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ส่งเสริมกระบวนกำรเรยี นรู้ ควบคู่กำรพัฒนำพืน้ ท่ี
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมการพัฒนาชมุ ชนได้มีแนวทางการขับเคลื่อนพื้นทต่ี ้นแบบ
โคก หนอง นา โมเดล โดยเร่ิมจากการฝึกอบรมคณะผู้บริหารของกรมการพัฒนาชุมชน และ
บุคลากรของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนข้ึน ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอ้ือง จังหวัดชลบุรี ซึ่ง
ในคร้ังนั้นได้มีการคัดเลือกตัวแทนเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติจากท่ัวประเทศไปเข้าร่วมเป็น
ผู้เข้าร่วมอบรมและครูพาทา หน่ึงในนั้นได้มีตัวแทนจากชุมชนกสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์
วิถีไทยคริสตจักรนาเรียงไปร่วมการฝึกอบรมครั้งนี้ด้วย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างภาคี
เครอื ข่าย โคก หนอง นา ระหวา่ งศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนและเครอื ข่ายกสิกรรมธรรมชาติ และ
ภายหลังจากนน้ั ไดม้ กี ารขับเคลื่อนงานในพืน้ ทรี่ ่วมกนั ซ่ึงศนู ย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชนอดุ รธานี เปน็
หน่วยงานท่ีให้บริการงานพัฒนาชุมชนในเขตพื้นท่ีจังหวัดอุดรธานี ทาให้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้
แลกเปล่ียนองค์ความรู้การพัฒนาพื้นท่ี โคก หนอง นา โมเดล ร่วมกับชุมชนคริสตจักรนาเรียง
โดยได้เข้าไปเรียนรู้และศึกษาดูงานในพื้นท่ีต้นแบบของปราชญ์ชุมชนของสภาคริสตจักรนาเรียง
นั่นก็คือ ลุงแสวง ศรีธรรมบุตร นับตั้งแต่นั้นมาได้มีความร่วมมือการบูรณาการทางานร่วมกันกับ
ทางสมาชิกชุมชนคริสจักรนาเรียงจนถึงปัจจุบัน ท้ังในเร่ืองของการจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีใน
พ้ืนท่ีจังหวัดอุดรธานี และการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติคริสตจักรนาเรียง สนับสนุนวิทยากรครูพาทา
ให้แก่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี ในการฝึกอบรมภายใต้โครงการพัฒนาพ้ืนที่ต้นแบบ
การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยกุ ตส์ ู่ โคก หนอง นาโมเดล อีกด้วย
ความสาเรจ็ ของพ้ืนทต่ี ้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 34
สาหรับการพัฒนาพื้นท่ีต้นแบบ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ได้เกิดขึ้นความร่วมมือของ
ภาคเี ครอื ขา่ ยท้งั 7 ภาคสว่ น และอีกปัจจัยสาคญั คอื กรมการพัฒนาชมุ ชนเลอื กชมุ ชนบา้ นนาเรียง
ตาบลตาดทอง อาเภอศรีธาตุ จงั หวดั อดุ รธานี เป็นจุดขยายผลตามโครงการขับเคลอื่ นพื้นท่ีต้นแบบ
การพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยได้รับงบประมาณจาก
กรมการพัฒนาชุมชน สาหรับการออกแบบพื้นที่และขุดปรับแต่งหลุมขนมครก และคลองไส้ไก่
ให้เป็นไปตามหลักการของ โคก หนอง นา โมเดล พร้อมท้ังได้มีการสร้างฐานเรียนรู้ จุดเรียนรู้ตาม
หลักกสิกรรมธรรมชาติขึ้น บนพ้ืนที่แปลงของลุงแสวง ศรีธรรมบุตร หลังจากดาเนินการพัฒนา
พ้ืนท่ีเรียบร้อยแล้ว ทางสานักงานพัฒนาชุมชนจังหวดั อดุ รธานี ได้กาหนดการช่วยเหลือกันและกนั
ผ่านกิจกรรมการเอามื้อสามัคคี เพ่ือสร้างกระบวนการเรียนรู้โดยเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ทาแบบคนจน
เรียนรู้จากการปฏิบัติ จนก่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ เกิดพลัง ขยายเครือข่ายความร่วมมือ ซึ่งถือว่า
เป็นการ Kick Off จุดขยายผลพื้นทตี่ ้นแบบ โคก หนอง นา พฒั นาชุมชน ของจังหวดั อุดรธานี
กระบวนการขับเคล่ือนพ้ืนที่ต้นแบบ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน เกิดจากการที่เจ้าหน้าท่ี
พัฒนาชุมชนท่ีมีความเขา้ ใจในการทางานท่ีชดั เจน เรียนรู้หลักกสิกรรมธรรมชาติ ใช้การมีส่วนร่วม
ของประชาชนเข้ามาออกแบบการดาเนินงานร่วมกันกับเจ้าของแปลง ครัวเรือนต้นแบบ เครือข่าย
กสิกรรมธรรมชาติ สภาคริสตจักรนาเรียง ผู้นาชุมชน และประชาชนในชุมชน ทั้งหมดได้จัดเวที
ประชุมหารือกนั สร้างความเขา้ ใจรว่ มกนั ใหช้ ดั เจน รวมท้งั พัฒนากรตาบลที่รบั ผดิ ชอบงานดังกล่าว
ไดม้ กี ารลงพืน้ ที่ ทางานรว่ มกันกบั เจ้าของแปลงและชุมชนอย่างใกลช้ ิด มีการสรา้ งความสมั พันธ์ท่ีดี
กับชุมชน จนทาให้เจ้าของแปลงที่เปน็ ครวั เรือนเป้าหมายต่างใหค้ วามไว้วางใจ และเห็นความต้ังใจ
ที่เจา้ หนา้ ท่พี ัฒนาชุมชนทีท่ ุ่มเทใหก้ ับงานทีต่ ้องใช้ภาคีเครอื ขา่ ยร่วมกนั ขับเคลอ่ื นงานให้สาเรจ็
ความสาเรจ็ ของพื้นทต่ี ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 35
ปัจจัยควำมสำเร็จของการขับเคล่ือนพื้นท่ีต้นแบบ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน นับต้ังแต่
ปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน ปัจจัยหลัก คือ เกิดจากการมีส่วนร่วมท้ัง 3 ภาคส่วน ค ร บ ได้แก่
สภาคริสตจักร เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน และประชาชนในชุมชน ทั้งสามภาคส่วนน้ีมีความสาคัญท่ี
ช่วยทาให้การขับเคล่ือนงานให้สาเร็จผลได้ จุดสาคัญของชุมชนคริสตจักรนาเรียง คือ สมาชิกของ
ชุมชนจะใช้โบสถ์คริสต์ท่ีอยู่เป็นศูนย์กลางของชุมชน ในการพบปะพูดคุยแลกเปล่ียนการทางาน
ของชุมชนรว่ มกันเปน็ ประจาอยแู่ ลว้ เนอ่ื งจากทุกคนจะต้องเข้ามาปฏิบตั ศิ าสนกจิ ท่ีโบสถค์ รสิ ต์ของ
ชุมชนทุกสปั ดาห์ และผลของการขับเคล่ือนพื้นท่ี โคก หนอง นา โมเดล ทาให้เหน็ ภาพชัดเจนที่สุด
ในทฤษฎีบันได 9 ข้ันสู่ความพอเพียง น่ันคือ ข้ันท่ี 5 บุญ และ ข้ันท่ี 6 ทาน เพราะชาวบ้านจะนา
อาหารปลอดภัย ท้ังพืชผัก ผลไม้ ที่ได้จากสวนมาถวายท่ีโบสถ์ และร่วมทานอาหารพร้อมกัน จึง
เกิดความสัมพันธ์ที่ดี จุดน้ีกลายเป็นจุดแข็งของชุมชนที่ทาให้เกิดภาพการทางานท่ีมีความชัดเจน
และสรา้ งกระบวนการมีส่วนร่วมตั้งแต่ข้ันตอนร่วมคิดวางแผน รว่ มลงมอื ทา และร่วมรับผลประโยชน์
การทางานใด ๆ น้ัน จาเป็นต้องร่วมกันขับเคล่ือนงานด้วยกันจากหลายฝ่าย ซ่ึงมักจะต้อง 36
เจอปัญหำอุปสรรคเสมอ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาท่ีใหญ่ เป็นเพียงปัญหาการสื่อสารท่ียังไม่เข้าใจตรงกัน
ทาให้บางคร้ังการดาเนินงานขาดความต่อเนื่อง เน่ืองจากบางคนน้อยใจหรือมองว่าตัวเองไม่มี
ความสาคัญ รวมท้ังถูกคนในครอบครวั ต่อว่าเกี่ยวกบั การเข้าร่วมกิจกรรมเอามอ้ื สามคั คี แตท่ ุกคนก็
สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ใช้วิธีการพูดคุย แลกเปล่ียนความคิดเห็น ปรับทัศนคติของคนใน
ครอบครัว ลงมือทาอยา่ งต้ังใจ ปฏบิ ัติให้เกดิ ผลจรงิ จัง และทกุ ฝา่ ยจะหาทางออกของปญั หาร่วมกัน
ตามหลกั ค ภาคศาสนา คือ สภาคริสจกั รนาเรียง
ร ภาคราชการ คอื สานักงานพฒั นาชมุ ชนอาเภอ/จงั หวดั
บ ภาคประชาชน คือ ชุมชนกสิกรรมธรรมชาติคริสจกั รนาเรียง หมูบ่ ้านนางาม
“กรมกำรพัฒนำชุมชนเขำ้ มำช่วยให้คุณภำพชวี ติ ของประชำชนมคี วำมมั่งคงและยัง่ ยืน”
ความสาเรจ็ ของพืน้ ทต่ี น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
“ศนู ย์เรยี นรู้
ต้นแบบ
โคก หนอง นำ
พฒั นำชุมชน”
ความสาเร็จของพ้นื ทตี่ น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
จดุ ขยำยผลพน้ื ทตี่ ้นแบบ โคก หนอง นำ พช.
กรมการพัฒนาชมุ ชน เข้ามามีบทบาทในการสง่ เสริมกระบวนการเรียนรู้ พร้อมกับยกระดับ
และพัฒนาเป็นจุดขยายผลต้นแบบ โคก หนอง นา โมเดล ผ่านการขับเคลื่อนงานของทุกภาคส่วน
ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคศาสนา ภาคสื่อสารมวลชน
และภาคประชาชน ปัจจุบันมีการสร้างศูนย์เรียนรู้การพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
มีฐานการเรียนรคู้ รบทง้ั 9 ฐานตามหลกั กสกิ รรมธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ฐานคนรักษ์แม่ธรณี (ปุ๋ยหมักแหง้
ปุ๋ยนา้ หมักชวี ภาพ) ฐานหวั คันนาทองคา ฐานคนตดิ ดนิ ฐานคนรักษ์ปา่ ฐานคนรกั ษ์น้า ฐานคนมีไฟ
ฐานคนเอาถ่าน ฐานคนมีน้ายา และฐานคนรักษ์สุขภาพ ซ่ึงได้มีการจัดกิจกรรมฝึกอบรมและ
ถา่ ยทอดองคค์ วามร้ตู ามหลกั กสิกรรมธรรมชาติ การพฒั นาพ้นื ทีเ่ กษตรกรรม โคก หนอง นา ใหแ้ ก่
เกษตรกรที่อยู่ในพ้ืนที่ใกล้เคียง รวมทั้งทาหน้าท่ีเป็นศูนย์แม่ข่ายที่คอยให้คาแนะนา คาปรึกษา
และมีทีมครูพาทาช่วยสอนแนะงานให้แก่นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ และครัวเรือนต้นแบบของ
กรมการพัฒนาชุมชน ในโครงการพัฒนาพ้ืนที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยุกตส์ ู่ โคก หนอง นา โมเดล อีกดว้ ย
ไร่ลุงแสวง ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 33 แห่งทั่วประเทศ ท่ีได้เป็นจุดขยายผล 38
พื้นท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ รูปแบบประยุกต์ โคก หนอง นา โมเดล
กรมการพัฒนาชุมชน ซ่ึงได้มีการจัดกิจกรรมการฝึกอบรมและการศึกษาดูงานจากเกษตรกร
องค์กรเอกชน และหน่วยงานต่าง ๆ มาอย่างต่อเน่ือง รวมทั้งได้มีการจัดงานวันดินโลก ประจาปี
พ.ศ. 2563 โดยมี ดร.วิวัฒน์ ศัลยกาธร นายกสมาคมดินโลก ได้มาเป็นประธานพิธีเปิด และมี
หัวหน้าส่วนราชการ พร้อมทั้งผู้นาชุมชน องค์กรภาคีเครือข่ายงานพัฒนาชุมชนเข้าร่วม ถือว่าเป็น
ความสาเรจ็ อีกขนั้ หนง่ึ ของการพัฒนาพ้นื ทต่ี ้นแบบ โคก หนอง นำ พฒั นำชุมชน จังหวัดอดุ รธำนี
ความสาเรจ็ ของพ้ืนทตี่ ้นแบบการพฒั นาคุณภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
นอกจากน้ีไร่ลุงแสวงยังเป็นจุดเรียนรู้ต้นแบบของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์
วิถไี ทยคริสตจักรนาเรียง ทไ่ี ดม้ กี ารจัดการฝึกอบรมหลักสตู รมาตรฐานของมลู นิธกิ สกิ รรมธรรมชาติ
ดงั นนั้ การทีจ่ ะเปน็ จดุ เรียนรตู้ ้นแบบได้น้ัน เจา้ ของแปลงจะต้องมคี วามรู้ ทกั ษะ และทัศนคติที่ดีต่อ
การสืบสานศาสตร์พระราชา แนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ ต้องเป็นผู้ลงมือปฏิบัติจริง เพราะเช่ือว่า
ให้ชาวบ้านสอนชาวบ้านด้วยกันเอง หรือให้ปราชญ์ชาวบ้านที่มีองค์ความรู้ สามารถถ่ายทอดผ่าน
ประสบการณ์จริง จะทาให้ผู้ที่เข้ามาฝึกอบรมหรือศึกษาเรียนรู้เข้าใจ เกิดแรงบันดาลใจ ศรัทธา
และเชื่ออย่างบริสุทธ์ิใจ มากกว่าการท่ีมีนักวิชาการ ข้าราชการมาสอนและแนะนาให้เขาปรับ
วธิ กี ารดารงชวี ติ และการทาเกษตรตามหลกั ทฤษฎีใหม่
หากทุกคนได้เข้ามาท่ีไร่ลุงแสวง ท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงและ
เขา้ ใจหลักกสกิ รรมธรรมชาติทีแ่ ท้จริง เพราะลุงแสวงทาให้เห็นภาพของการพึ่งตนเอง ไมต่ ้องพงึ่ พา
ภายนอกก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ลุงแสวงไม่ได้เป็นผู้ยึดติดกับตารา ทาแบบคนจน หาอยู่หากิน
ตามธรรมชาติ พ้ืนท่ีของไร่ลุงแสวงมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีอาหารการกินตลอดท้ังปี พร้อมท้ังมี
ความร่มรื่นและร่มเย็นจากต้นไม้ใหญ่ที่เติบโตให้ร่มเงา ทั้งหมดน้ีทาให้เห็นภาพและตอบโจทย์ของ
การยึดหลัก 4 พอ “พอกนิ พอใช้ พออยู่ พอรม่ เย็น” หรือเรยี กง่าย ๆ แคค่ ำวำ่ พอกพ็ อแล้ว
ความสาเร็จของพ้ืนทตี่ ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 39
“แหล่งอำหำร
สำคญั ของ
ลมุ่ นำ้ ปำว”
ความสาเร็จของพ้นื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
อำหำรปลอดภยั มำตรฐำนอนิ ทรยี ์วิถีไทย
สิ่งที่เกิดข้ึนจากทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ควำมพอเพียง ในข้ันที่ 8 คือ ขาย และ ขั้นท่ี 9 คือ
เครอื ขา่ ย เรยี กได้ว่าเปน็ เศรษฐกิจพอเพียงในระดับก้าวหน้า เมื่อผลผลติ ทางการเกษตรของสมาชิก
ภายในชุมชนคริสตจักรนาเรียงได้ถูกดาเนินการในขั้นท่ี 5 บุญ ขั้นท่ี 6 ทาน มาแล้วน้ันจะเข้าสู่ใน
ข้ันท่ี 7 คือ เก็บไว้เม่ือขาด น่ันก็คือการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ในรูปของการถนอมอาหาร
การหมัก การดอง หรือการบรรจุภัณฑ์ เพื่อเก็บไว้รับประทานในยามจาเป็น แต่เราต้องยอมรับว่า
สงั คมไทยในปัจจุบัน ยงั มคี วามจาเป็นต้องแลกเปล่ียนสินค้า ใช้เงินตราเพ่ือดารงชีวิต ดงั น้นั ส่งิ ที่จะ
ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพ่ือใช้จ่ายในครอบครัว จึงเป็นบันไดข้ันที่ 8 นั่นก็คือ การจาหน่ายสินค้า
แต่เราไม่สามารถอยู่รอดบนโลกคนเดียวได้ เราจาเป็นต้องมีเพื่อน เช่นเดียวกันกับการจาหน่าย
สินค้าทางการเกษตร เราไม่สามารถหาตลาดเองคนเดียว ไม่สามารถไปขายสินค้าเฉพาะครอบครวั
ตนเองได้เท่านั้น เรายังจาเป็นต้องมีเพ่ือนที่มีผลผลิตเหมือนกันกับเราด้วย น่ันจึงเป็นที่มาว่าทาไม
เราจึงตอ้ งจาหน่ายสินค้าร่วมกัน มีการรวมกลมุ่ ของเกษตรกร เพอ่ื สามารถสง่ สินค้าออกไปจาหน่าย
นอกชุมชนได้ ประหยัดต้นทุนการขนส่งสินค้า และมีเครือข่ายที่ใหญ่ข้ึน เพื่อทาให้การกระจาย
สินค้าทางการเกษตร และสนิ คา้ แปรรปู ใหเ้ ข้าถงึ ผบู้ ริโภคไดท้ ุกระดบั
ชุมชนกสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทยคริสตจักรนาเรียง ถือว่าเป็นชุมชนหน่ึงท่ี
ประสบความสาเร็จของการได้รับมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย พร้อมท้ังได้รับการส่งเสริมให้มีช่องทาง
การตลาดของสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิรักษ์ดินรักษ์น้า เข้ามา
ส่งเสริมให้ความรู้ ต่อยอดการแปรรูปผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์สินค้าให้มีความน่าสนใจและ
น่าเชื่อถือจากผู้บริโภค ปัจจุบันไดม้ ีการส่งผลผลติ ทางการเกษตรทั้งผักปลอดสารพิษ ผลไม้อินทรีย์
และสินค้าแปรรูปทางการเกษตรเข้าไปจาหน่ายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี
พรอ้ มท้ังมกี ารชว่ ยจัดหาช่องทางการตลาดใหม้ ากขึ้น ทาให้สมาชิกของชุมชนมีรายไดเ้ พม่ิ มากขน้ึ
ความสาเรจ็ ของพืน้ ทต่ี ้นแบบการพฒั นาคุณภาพชีวิตตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 41
มาตรฐาน Earth Safe หรือ อินทรีย์วิถีไทย เป็นความตั้งใจให้เกษตรกรเปลี่ยนจากเกษตร
เคมี เป็นเกษตรอินทรีย์ ถ้าเกษตรกรไม่มีวิถีชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดาริทฤษฎีใหม่ ดาเนิน
ชีวิตตามทฤษฎีบันได 9 ข้ัน แห่งความพอเพียง ก็จะเป็นเศรษฐกิจตาโตเช่นเดิม ปลูกเพื่อขาย
เช่นเดิม ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเช่นเดิม ทาลายป่าเช่นเดิม ปลูกตามตลาดเช่นเดิม แห่กันปลูกตามตลาด
แหก่ นั ตายเหมือนเดมิ ดงั น้ันจงึ เหน็ ความสาคญั มากกว่าการทาเกษตรอินทรยี ์ แต่ตอ้ งมวี ิถีชวี ิตตาม
หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งดว้ ย จงึ จะทาให้เกษตรกรมคี ณุ ภาพชีวิตท่ีดแี ละมง่ั คง
ความสาเรจ็ ของพ้นื ทตี่ ้นแบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 42
ในปี พ.ศ. 2563 กรมการพฒั นาชมุ ชนได้มกี ารลงนามความรว่ มมอื กับมูลนธิ ิรกั ษด์ นิ รักษ์น้า
เพ่ือยกระดับสินค้าของครัวเรือนเป้าหมาย โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ให้ได้รับมาตรฐานอินทรีย์
วิถีไทย หรือ Earth Safe ซ่ึงเห็นได้จากตัวอย่างความสาเร็จของชุมชนคริสตจักรนาเรียง ที่ได้รับ
การส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สินค้าทางการเกษตร ทาให้สมาชิกของชุมชนมีรายได้ตลอดทั้งปี
มคี ุณภาพชวี ติ ทด่ี ี และครอบครัวมคี วามสขุ อย่างแท้จริง
ชุมชนครสิ ตจกั รนำเรียง ศูนยก์ ลำงของแหลง่ อำหำรปลอดภัยแหง่ ลมุ่ นำ้ ปำว
ความสาเรจ็ ของพน้ื ทตี่ น้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 43
ควำมภำคภูมิใจของลุงแสวง ศรธี รรมบุตร และสมำชิกชุมชนครสิ ตจกั รนำเรียง คอื
ไดร้ บั กำรคัดเลือกใหน้ ำเสนอผลงำน กำรขบั เคลอื่ นจดุ ขยำยผลพื้นทตี่ ้นแบบ
กำรพฒั นำคุณภำพชวี ติ ตำมหลักทฤษฎใี หม่ รูปแบบประยกุ ต์ โคก หนอง นำ โมเดล
พรอ้ มทงั้ ร่วมเวทเี สวนำกำรขบั เคลือ่ นงำนโคก หนอง นำ พช. รว่ มกับนำยสุทธพิ งษ์ จลุ เจริญ
อธิบดีกรมกำรพัฒนำชุมชน ณ ศูนยศ์ ึกษำและพัฒนำชมุ ชนอุดรธำนี
สแกน QR Code ท่ีน่ี ชมคลิป
“บทเรยี นควำมสำเรจ็ โคก หนอง นำ พช.”
ลุงแสวง ศรธี รรมบตุ ร
สแกน QR Code ท่ีนี่
ชมคลิป “องคค์ วำมร้ปู ยุ๋ หมกั แหง้ ”
ลงุ แสวง ศรธี รรมบตุ ร
ความสาเร็จของพน้ื ทต่ี ้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 44
“คดิ อะไรไม่ออก
ให้ปลกู กลว้ ยเด้อ
ของกลว้ ย ๆ
จะชว่ ยชวี ิตเฮำ”
ความสาเร็จของพ้นื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
ชือ่ เอกสำร เอกสารการจดั การความรู้ โครงการพฒั นาพน้ื ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ
ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยกุ ต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล กรมการพฒั นาชมุ ชน
ความสาเร็จของพนื้ ทต่ี น้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยกุ ต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ลุงแสวง ศรธี รรมบตุ ร
ชุมชนกสกิ รรมธรรมชาติมาตรฐานอนิ ทรยี ว์ ถิ ไี ทยครสิ ตจักรนาเรยี ง
บ้านนางาม ตาบลตาดทอง อาเภอศรธี าตุ จังหวดั อดุ รธานี
ตำมโครงกำร ตลาดนดั ความรงู้ านพฒั นาชมุ ชน (KM Market) ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564
ประเภทเอกสำร เอกสารวชิ าการ
ขนำดหนงั สือ เอ 4 จานวน 51 หนา้
ทีป่ รกึ ษำ นายธนวฒั น์ ปนิ่ แกว้ ผู้อานวยการสถาบันการพฒั นาชมุ ชน
นางกนกกร สทุ ธอิ าจ ผ้อู านวยการศนู ยศ์ ึกษาและพฒั นาชมุ ชนอดุ รธานี
นายยอดชาย ผ้าเจรญิ ผู้อานวยการกลมุ่ งานจัดการความรู้
ทมี KM สัญจร นางกรกมล ขาเดช หวั หนา้ ฝา่ ยวชิ าการ
ศพช.อดุ รธำนี นางสาวนภทั ร โชติเกษม นกั ทรพั ยากรบุคคลชานาญการ
นางสาวกรทอง ชสู รอ้ ย นกั จดั การงานทั่วไปปฏบิ ตั กิ าร
นายปิยวฒั น์ รตั นวงศ์ นักวชิ าการพัฒนาชมุ ชนปฏบิ ตั กิ าร
นายเดชฤทธิ์ วงษภ์ ูธร เจ้าพนักงานโสตทัศนศกึ ษาชานาญงาน
นายณฐั วุฒิ เหมากระโทก นักทรพั ยากรบคุ คล
เรยี บเรียง/พิมพ์/ทำน นายณฐั วุฒิ เหมากระโทก นักทรพั ยากรบคุ คล
นางสาวกรทอง ชสู ร้อย นกั จดั การงานทวั่ ไปปฏิบตั กิ าร
ออกแบบปก/ภำพถำ่ ย นายณฐั วฒุ ิ เหมากระโทก นักทรพั ยากรบคุ คล
ปีท่ีพมิ พ์ 2564
แหลง่ เผยแพร่ กรมการพัฒนาชุมชน
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชน
สำนักงำนพัฒนำชุมชนจังหวดั ในพืน้ ทใี่ หบ้ ริกำร
ความสาเร็จของพื้นทต่ี ้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ตามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 46