หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “เล่าขานนิทานใต้” เล่าเร่อ ื ง : อรบุษย์ บุษย์เพชร วาดภาพ : สิดาพร สิริพันธ์
เล่าเร่อืง : อรบุษย์ บุษย์เพชร วาดภาพ : สิดาพร สิริพันธ์
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “เล่าขานนิทานใต้” เล่าเร่อืง : อรบุษย์ บุษย์เพชร วาดภาพ : สิดาพร สิริพันธ์ บรรณาธิการอ านวยการ : รศ.ดร.พัชลินจ์ จีนนุ่น พิสูจน์อักษร : ภุชงค์ เสือทอง สงวนลขิสทิธ์ติามพระราชบญัญตัิ พมิพค ์ รง้ั 1 จัดพิมพ์ อรบุษย์ บุษย์เพชร 571/369 ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ 81000 โทรศัพท์ 095-4194197, 099-4019777 ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ อรบุษย์ บุษย์เพชร. หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด เล่าขานนิทานใต้.-- กระบี่ : ม.ป.พ., 2566. 75 หน้า.– (หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด เล่าขานนิทานใต้). 1. วรรณกรรมส าหรับเด็ก. 2.นิทาน. |.สิดาพร สิริพันธ์, ผู้วาดภาพประกอบ. ||. ชื่อเรื่อง. 398.2 ISBN (e-book) (ชุด) 978-616-603-379-3
ค ำนิยม การฝึกทักษะในการอ่าน "ออกเสียง" เป็นสิ่งส าคัญยิ่งในการ เรียนรู้ภาษาประจ าชาติ จึงมีส านวนไทยฝากเป็นข้อคิดให้ตระหนักไว้ว่า" ส าเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" ซึ่งนอกเหนือจากปลูกฝังอุปนิสัยที่งดงาม ประจ าชาติแล้ว ยังปลูกฝังอัตลักษณ์ของชาติในเชิงภาษาอีกด้วย ปัจจุบัน มีเด็กไทยไม่น้อยที่มี "ปัญหาถดถอยทางการเรียนรู้“ (Learning Loss) โดยเฉพาะทักษะในการอ่านออกเขียนได้ ซึ่งแบบฝึกทักษะ ของคุณครู "อรบุษย์ บุษย์เพชร" ชุดนี้จะแก้ปัญหาได้ในระดับที่ดีระดับหนึ่ง เพราะ "แบบฝึก" มีเรื่องจูงใจให้ "น่าฝึก" พร้อมทั้งมีนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยี เป็นเกมแบบฝึกหัด ที่ทันยุคสมัยอีกด้วย
อนึ่ง ชุดฝึก "เล่าขานนิทานใต้" จะมี "มูลค่าเพิ่ม" ในเชิง "คุณลักษณะอันพึงประสงค์" แทรกแฝงอยู่ที่น่าชื่นชมยิ่ง เช่น เรื่อง "พระสุธนมโนราห์" ที่เป็นแบบอย่างของการแก้ปัญหา ความแตกแยกขัดแย้งที่ "ลงตัว" เหมาะกับการเรียนรู้ของสังคมไทยในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ก็หวังว่า "เล่าขานนิทานใต้" จะได้มูลค่าเพิ่มเป็น "เล่าขานนิทานไทย" ในโอกาสต่อไป แน่นอน พญอม จันทร์นิ่ม ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่
ค ำนิยม ผมได้รับการติดต่อจากคุณครูอรบุษย์ บุษย์เพชร ให้เขียนค านิยมหนังสือ ส่งเสริมการอ่าน ชุด “เล่าขานนิทานได้” ในฐานะของผู้อ านวยการโรงเรียน ต้นสังกัด ต้องขอชื่นชมคุณครูที่ตั้งใจสร้างสรรค์สื่อที่มีคุณค่ามาพัฒนาทักษะ การอ่านให้กับเด็ก ๆ ด้วยเนื้อหาและสีสันที่น่าสนใจของหนังสือนิทานทั้ง ๕ เรื่อง ผมเชื่อมั่น ว่านอกเหนือจากเด็ก ๆ จะได้พัฒนาทักษะการอ่านตามความมุ่งหมายของ คุณครูแล้ว สิ่งส าคัญที่จะเกิดคุณค่าต่อโรงเรียนก็คือการได้สื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น สามารถต่อยอดในการพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเต็มศักยภาพ อาทิตย์ บิลสัน ผู้อ านวยการโรงเรียนเมืองกระบี่
ค ำน ำ หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “เล่าขานนิทานใต้” ผู้เขียนตั้งใจท าเป็นสื่อ พัฒนาการอ่าน เป็นทางเลือกส าหรับผู้ปกครอง ครูผู้สอนหรือผู้ที่ก าลังมองหา สื่อเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านร้อยแก้วให้กับเด็ก ๆ หนังสือส่งเสริมการอ่านชุดนี้ ประกอบไปด้วย นิทานพื้นบ้านภาคใต้ 5 เรื่อง ได้แก่ นายดัน พระรถเมรี (นางกังหรี) พระสุธนมโนราห์ วันคาร และศรีธนญชัย ซึ่งแต่ละเรื่องมีความ น่าสนใจแตกต่างกันออกไป แต่มีจุดร่วมแห่งความท้าทายที่เหมือนกันคือ ทุกเรื่องจะมีค าศัพท์พื้นฐานส าคัญเรื่องละ ๑๕ ค า ให้เด็ก ๆ ได้ร่วมสนุกเล่นเกม จับคู่ค าศัพท์ท้ายเล่มเพื่อฝึกฝนและทบทวนหลังจากอ่านนิทานแต่ละเรื่องจบ สิ่งที่ผู้เขียนมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นอีกประการหนึ่งก็คือ เด็ก ๆ จะได้รับความ สนุกสนาน เพลิดเพลินจากการอ่านนิทานพื้นบ้านภาคใต้ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญา ของบรรพชนน าไปสู่ความภาคภูมิใจในพื้นถิ่นปักษ์ใต้ รวมถึงเกิดแรงตระหนักใน การอนุรักษ์สืบสานนิทานพื้นบ้านภาคใต้ให้เป็นคติค าสอนส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สืบไป อรบุษย์ บุษย์เพชร
ณ เมืองปัญจา มีราชานามว่า ท้าวอาทิตย์วงศ์ มีอัครมเหสี นามว่า นางจันทาเทวี ทั้งสองพระองค์ปกครองเมืองด้วย หลัก ทศพิธรำชธรรม ทั้งกษัตริย์และพสกนิกรต่างพากันสักการะพญานาค คู่บุญประจ าเมืองนามว่า ชมพูจิตร เชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น าพาให้ บ้านเมืองมีแต่ความผาสุก ๑
ต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ถือก าเนิดในครรภ์นางจันทาเทวี เมื่อถึงก าหนดทศมาสแล้ว พระนางจันทาเทวีได้ประสูติพระราชโอรส รูปงาม วันประสูติปรากฏความอัศจรรย์ คือ มีขุมทองสี่ขุมเกิดขึ้นที่ มณฑปทั้งสี่ด้าน ท้าวอาทิตย์วงศ์เห็นดังนั้นแล้ว จึงประทานนามว่า พระสุธน ซึ่งหมายถึงทรัพย์อันประเสริฐ นอกจากพระสุธนจะมีรูปร่างหน้าตาสิริงดงามแล้ว ยังทรงขยันเรียนรู้วิชาต่าง ๆ และมีฝีมือในการยิงธนูอย่างยอดเยี่ยม ๒
ใกล้กับเมืองปัญจายังมีเมืองหนึ่ง ชื่อว่ามหาปัจจา มีราชา นามว่า ท้าวนันทราช เป็นผู้ที่คิดฆ่าพญานาคชมพูจิตรมาโดยตลอด แต่ไม่ส าเร็จเพราะพรานบุญขัดขวางไว้ ในทางกลับกันเจตนาดังกล่าวได้ ท าให้พสกนิกรอยู่ด้วยความเดือดร้อน ขาดแคลนอาหาร ชาวบ้านจึงพากัน อพยพมาอาศัยยังเมืองปัญจาเป็นจ านวนมาก ๓
วันหนึ่งพรานบุญเที่ยวเล่นหาสัตว์ในป่าลึก ได้พบกับ อาศรมของพระฤๅษีกัสสปะ จึงเข้าไปนมัสกำรและพูดคุยไถ่ถาม ถึงที่มาของสระแห่งหนึ่งซึ่งมีสีน้ าใสสะอาด รอบสระเต็มไปด้วย บุปผาชาติ โดยไถ่ถามว่า “สระนี้เทวดาหรือว่ามนุษย์สร้างขึ้น ไซถึงได้งามพันนั้น” พระฤๅษีจึงตอบกลับว่า “สระน้ านั้นใครสร้างไว้กูไม่รู้ มันมีพันนี้มานานแล้ว พอถึง ๑๕ ค่ า ก้ามีกินรีผู้เป็นธิดาของท้าวทุมราช ที่อยู่ภูเขาไกรลาสมาเล่นน้ าในสระนั้น ถ้ามึงอยากเห็นก้าให้ลองไปหยบ แลข้างสระ บุญถึงก็น่าอี้ได้เห็นเป็นขวัญตา” ๔
พรานบุญได้ยินดังนั้นจึงไปแอบซุ่มดูใกล้สระ พอถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ า นางกินนรีทั้งเจ็ดก็บินลงมาเล่นน้ า พรานบุญเมื่อเห็นความสวย ของเหล่านางกินรีทั้งเจ็ดจึงคิดจะจับตัวนางกินรีไปถวายให้เป็นอัครชายา ของพระสุธน ๕
วันต่อมาพรานบุญจึงไปที่อาศรมพระฤาษีเพื่อถามวิธีจับ กินนรี พระฤาษีทราบด้วยญาณทิพย์ว่านางกินรีที่ชื่อมโนราห์เป็นเนื้อคู่ ของพระสุธน จึงบอกวิธีการจับกับพรานบุญไปว่า “มึงต้องจับกับบ่วง นาคบาศของพญานาคเท่านั้นนะ” พรานบุญจึงไปขอยืมบ่วงนาคบาศ จากพญานาคชมพูจิตรซึ่งตนเคยช่วยชีวิตเอาไว้ให้รอดจากการถูกเจ้าเมือง มหาปัจจาตามฆ่า ๖
เมื่อถึงวันก าหนดที่นางกินรีจะมาเล่นน้ า พรานบุญได้ แอบเข้าไปเก็บปีกและหางของนางกินรีไว้ชุดหนึ่งซึ่งเป็นของนางมโนราห์ แล้วโยนบ่วงนาคบาศคล้องหัตถ์นางมโนราห์ นางกินรีที่เหลือเห็นพรานป่า ก็ตกใจกลัวรีบขึ้นมาแต่งตัวสวมปีกและหางบินหนีไป ๗
เหล่ากินรีทั้งหกบินกลับถึงเขาไกรลาสรีบเล่าเรื่องให้ พระบิดามารดาฟัง โหรท านายว่านางมโนราห์จะได้คู่ครองเป็นมนุษย์ และอยู่อย่างสุขสบาย อีกไม่นานจะได้กลับเมือง ฝั่งพรานบุญก็พานางมโนราห์มาถึงเมืองปัญจา ขณะนั้น พระสุธนได้ทรงม้าเสด็จไปยังอุทยานพอดี เมื่อทรงเห็นรูปพรรณสัณฐาน ของนางมโนราห์ก็เสน่หา เกิดความโสมนัสยิ่ง จึงได้ประทานแก้วแหวน เงินทองให้แก่พรานบุญที่พานางมโนราห์มาถวาย ๘
เมื่อกลับถึงวังพระสุธนจึงจัดพิธีอภิเษกสมรสกับนาง มโนราห์อย่างยิ่งใหญ่ ท้าวอาทิตย์วงศ์และนางจันทาเทวีดีใจ มาก ที่พระโอรสได้พระชายางดงามเหมาะสมกัน ต่อมาพราหมณ์ปุโรหิตคนหนึ่งระแวงว่าตนจะถูกพระสุธน ถอดยศ จึงวางแผนสมคบคิดให้ข้าศึกยกทัพมาประชิดชายแดนลวงให้ พระสุธนออกไปปราบเพื่อหวังลอบปลงพระชนม์ ๙
ช่วงนั้นนางจันทาเทวีฝันร้ายพอดี ปุโรหิตได้ทีจึงทูลยุยงว่า “อันนางมโนราห์นั้น ตามต าราท านายฝันดูแล้วจะเป็นกาลกิณีต่อ บ้านเมือง พระองค์ต้องจัดพิธีบูชายัญ มิเช่นนั้นบ้านเมืองจะถูกท าลาย พระสุธนจะพ่ายแพ้สงคราม” เมื่อได้ยินดังนั้น อ ามาตย์ทุกคน ก็ลงความเห็นให้จัดพิธี แม้ว่าท้าวอาทิตย์วงศ์และนางจันทาเทวี จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่สามารถทัดทานความเห็นคนส่วนใหญ่ได้จึงยินยอม ให้จัดพิธีบูชายัญ ๑๐
ขณะจัดพิธีนางมโนราห์แกล้งยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ออกอุบายเอ่ยค าขอว่า “เรายอมท าพิธีแม้ต้องแลกกับชีวิตของเรา แต่ก่อนตายเราขอปีกและหางมาสวมประดับเพื่อร่ายร าให้ทุกคนเห็น ภาพสุดท้ายของเราในฐานะของนางมโนราห์” จากนั้นนางมโนราห์ก็ร่ายร า เมื่อได้จังหวะจึงรีบบินหนีกลับเขาไกรลาสทันที ระหว่างทางกลับเขาไกรลาส นางมโนราห์พบกับพระฤๅษี กัสสปะ เธอจึงฝากแหวนและของวิเศษ รวมถึง ต ารายาแก้พิษต่าง ๆ ไว้ให้พระสุธน และขอให้พระฤๅษีห้ามมิให้พระสุธนตามนางไปเพราะ หนทางไปเขาไกรลาสนั้นมีแต่ภัยอันตราย ครั้นบินถึงเขาไกรลาส นางมโนราห์ก็ได้พบกับพระราชบิดา และพระราชมารดา ทั้งสองต่างดีใจเป็นอย่างมากที่พระธิดากลับมา แต่ด้วยนางไปอยู่โลกมนุษย์เป็นเวลานาน ท้าวทุมราช พระราชบิดา จึงสร้างปราสาทให้อยู่ต่างหาก จนกว่าจะครบก าหนดเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน เพื่อให้กลิ่นกายมนุษย์หายไป หลังจากนั้นจึงท าพิธีช าร าสระสรง ให้สะอาดจึงจะเข้าเมืองได้ ฝ่ายพระสุธนชนะศึกแล้วก็กลับเมือง แต่เมื่อรู้ว่านางมโนราห์ บินหนีไปก็เสียใจเป็นอย่างมาก สั่งเนรเทศปุโรหิตและรีบออกติดตามหา นางมโนราห์ทันที ๑๑
พระสุธนออกเดินทางไปพบพระฤๅษีกัสสปะ พระองค์ได้ ทราบความที่นางมโนราห์สั่ง พร้อมทั้งรับแหวน รวมถึงของวิเศษต่าง ๆ ที่นางฝากไว้ และยืนยันจะตามหานางมโนราห์ แม้นหนทางจะ ยากล าบากก็ตาม พระฤๅษีด้วยความสึกเห็นใจจึงบอกวิธีเดินทางไปยัง เขาไกรลาส แม้หนทางจะยากล าบากแต่พระสุธนก็ไม่ย่อท้อ มุ่งมั่น ฝ่าฟันอันตราย และใช้ของวิเศษที่นางเคยมอบไว้ให้ จนได้เดินทางถึง เขาไกรลาสอย่างปลอดภัยเป็นเวลาเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน ๑๒
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อนางกินรีถือหม้อน้ ามาตักน้ าที่สระและ คุยกันว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่นางมโนราห์ต้องอาบน้ าช าระกลิ่นกายจาก แดนมนุษย์ พระสุธนเห็นดังนั้นจึงอธิฐานว่า “ขอให้บ่าวยกหม้อน้ าไม่ขึ้น เพื่อจะได้เข้าไปช่วยยก” จากนั้นก็แอบเอาแหวนใส่ลงในหม้อน้ านั้น เมื่อนางมโนราห์ได้อาบน้ าที่รดแหวนของพระสุธนก็หล่นมากับสายน้ า สวมเข้าที่นิ้วนางได้พอดีอย่างน่าอัศจรรย์ ๑๓
นางมโนราห์แน่ใจว่าแหวนเป็นของพระสุธน จึงรีบไป บอกพระบิดาพระมารดา จากนั้นท้าวทุมราชก็ได้เชิญให้พระสุธนเข้าเฝ้า และชมเชยถึงความพยายามของพระสุธนที่เดินทางมาถึงเขาไกรลาสได้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมนุษย์คนใดเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้ ๑๔
ท้าวทุมราชลองใจพระสุธนอีกครั้ง โดยให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่งกายให้เหมือนกันและเสกให้ทุกคนหน้าตาเหมือนกันหมด แล้วให้พระสุธนชี้ตัวนางมโนราห์ตัวจริง พระสุธนแยกไม่ได้ว่าใครคือ ตัวจริง จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากข้าและนางมโนราห์เป็นเนื้อคู่กันก็ ขอให้ชี้ตัวถูกด้วยเถิด” ๑๕
ความนี้ท าให้อาสนะของพระอินทร์แข็งกระด้าง ท่านทรงเพ่ง ทิพยเนตรมาที่พระสุธนก็ท าให้รู้ว่าพระสุธนก าลังล าบาก จึงแปลงกาย เป็นแมลงวันทองบินมาเกาะที่สไบของนางมโนราห์ พระสุธนจึงสามารถ ชี้ตัวนางมโนราห์ได้ถูกต้อง ท้าวทุมราชจึงจัดงานอภิเษกให้พระสุธนและ นางมโนราห์ ทั้งสองครองคู่กันอย่างมีความสุข ๑๖
จับคู่ค า ท าได้ไหมเอ่ย ชวนเด็ก ๆ มาเล่นเกมจับคู่ค ากับค าอ่าน สแกนคิวอาร์โคด (QR Code) เพื่อเล่นได้เลยครับ
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “เล่าขานนิทานใต้” สนใจสั่งซื้อหนังสือ www.facebook.com/Bootdy Namphet โทร 099-4019777, 0954194197 “เพราะการอ่าน คือ รากฐานของชีวิต” อ้างอิง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2559). วรรณกรรมพื้นบ้าน : มรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรมของชาติ. กรุงเทพฯ: ส านักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในบรมพระราชูปถัมภ์.