แบบทดสอบ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1
ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรยี นทาเครอื่ งหมาย X ทับข้อทถี่ ูกต้องท่สี ุด
1. เราสามารถวัดความเป็นพลเมืองดไี ดจ้ ากสงิ่ ใด 7. สถาบนั ใดทีม่ คี วามสาคัญท่ีสดุ และเปน็ สถาบันแรกใน
ก. มฐี านะการเงนิ ดี การปลูกฝงั คุณธรรม จริยธรรม และศลี ธรรมได้ดที ่ีสุด
ข. มอี ิทธพิ ลในท้องถน่ิ ก. สือ่ มวลชน
ค. เปน็ ผูท้ ีม่ คี ุณธรรม จริยธรรม ข. ครอบครวั
ง. ไดร้ ับการศกึ ษาในระดับสูง ค. สถาบนั นนั ทนาการ
2. สงิ่ ใดสามารถควบคมุ สงั คมให้เกดิ ความสงบสขุ ได้ดที ีส่ ดุ ง. สถาบนั การเมือง
ก. กฎหมาย ข. ประเพณี 8. ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ควรจะปลกู ฝงั
ค. การศกึ ษา ง. ความเข้มแข็งของผู้นา จากสถาบันใดเปน็ ครง้ั แรกและสาคญั ทส่ี ุด
3. ผู้ใดสามารถปลกู ฝังความมคี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรมได้ดี ก. สถาบนั การปกครอง ข. สถาบันทางศาสนา
ทส่ี ดุ ค. สถาบันการศกึ ษา ง. สถาบันครอบครัว
ก. ครู ข. เพอื่ น 9. สถาบนั ใด มหี นา้ ท่แี ละบทบาทสาคัญในการใหค้ วามรู้
ค. พระสงฆ์ ง. พ่อแม่ และขดั เกลาสมาชิกให้เปน็ คนดี
4. การปลกู ฝงั คุณธรรมในข้อใด ท่ที าใหป้ ระชาชนไม่กลา้ ก. สถาบนั การศึกษา ข. สถาบนั สือ่ มวลชน
กระทาความผิด ค. สถาบนั การบันเทงิ ง. สถาบันการปกครอง
ก. ขนั ต-ิ โสรจั จะ ข. สติ-สมั ปชญั ญะ 10. สง่ิ ใดสามารถควบคุมสงั คมใหอ้ ยใู่ นระเบียบวนิ ัยได้ดี
ค. ทมะ-จาคะ ง. จติ ตะ-วิมงั สา ท่สี ุด
5. ถ้าหากต้องการท่ีจะแก้ปัญหาสังคมท่เี ป็นอยใู่ นปจั จบุ นั ก. ประเพณี ข. วฒั นธรรม
ควรพัฒนาด้านใดเป็นอันดบั แรก ค. ขนบธรรมเนยี ม ง. กฎหมาย
ก. พัฒนาจติ ใจ ข. พฒั นาสง่ิ แวดล้อม 11. สทิ ธิ เสรภี าพของประชาชน จะถกู กาหนดไว้ใน
ค. พัฒนาบา้ นเมอื ง ง. พฒั นาเทคโนโลยี กฎหมายใด
6. เม่ือมีการพฒั นาด้านจริยธรรม คณุ ธรรม และศลี ธรรม ก. กฎหมายปกครอง ข. กฎหมายแพง่
สามารถช่วยแกป้ ญั หาในดา้ นใดดที ี่สดุ ค. รัฐธรรมนูญ ง. กฎหมายอาญา
ก. ปญั หาด้านเศรษฐกจิ ข. ปญั หาด้านการเมอื ง 12. การอนรุ ักษ์และสืบสานประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย
ค. ปญั หาด้านสังคม ง. ปัญหาด้านส่ิงแวดล้อม เปน็ หน้าที่ของผู้ใด
ก. รัฐบาล ข. กระทรวงวัฒนธรรม
ค. กรมศิลปากร ง. ประชาชนทุกคน
ตอนที่ 2 ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
1. ในฐานะทน่ี ักเรยี นเป็นสมาชกิ ท่ีดีของโรงเรยี น ควรปฏบิ ัตติ นอยา่ งไร
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
2. การปฏิบัตติ นเป็นพลเมืองของสงั คม ควรปฏิบัตอิ ย่างไร
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................... ...
3. ในฐานะที่นักเรยี นเป็นสมาชกิ ท่ีดีของครอบครวั จะตอ้ งปฏิบัตติ นอยา่ งไร
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2
ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรยี นทาเครอื่ งหมาย X ทบั ขอ้ ท่ถี ูกตอ้ งทีส่ ดุ
1. การปกครองระบอบใด ที่ประชาชนมอี านาจสูงสุด ง. ประชาชนมีอานาจเหนอื รฐั บาล
ก. ระบอบเผดจ็ การทหาร 7. ระบอบประชาธิปไตย เน้นความสัมพันธ์ในขอ้ ใด
ข. ระบอบสงั คมนิยม ก. รฐั สภา
ค. ระบอบประชาธปิ ไตย ข. รฐั ธรรมนญู
ง. ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนสิ ต์ ค. พรรคการเมือง
2. ข้อใดเปน็ ลักษณะเด่นทีส่ ดุ ของระบอบประชาธปิ ไตย ง. การมีส่วนรว่ มในการปกครอง
ก. การแขง่ ขันอย่างเสรี 8. ข้อใดท่ตี รงกบั หลกั การของระบอบประชาธปิ ไตย มาก
ข. การจากดั เสรภี าพของประชาชน ทส่ี ดุ
ค. อานาจสูงสดุ อย่ทู ่ีผนู้ ารฐั บาล ก. สิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชน
ง. หลักการและเหตุผลไม่ใช่เรื่องสาคญั ข. อานาจสูงสุดของรฐั เป็นของประชาชน
3. จากคากลา่ วทีว่ ่า “เปน็ การปกครองของประชาชนโดย ค. การปกครองของประเทศเปน็ ของประชาชน
ประชาชนและเพ่ือประชาชน” เป็นการปกครองแบบใด ง. ประชาชนทกุ คนตอ้ งอยใู่ ตร้ ัฐธรรมนูญ
ก. เผดจ็ การ ข. สังคมนยิ ม 9. ขอ้ ใดตรงกบั หลักการของประชาธิปไตยมากท่สี ดุ
ค. คอมมวิ นสิ ต์ ง. ประชาธิปไตย ก. ทาได้ตามใจคอื ไทยแท้
4. มนษุ ยท์ ุกคนมศี กั ดิศ์ รีเทา่ เทียมกัน ผ้ใู ดจะละเมดิ ไม่ได้ ข. ส่วนใหญ่ว่าอยา่ งไรก็ว่าตามกนั
เป็นลกั ษณะสาคัญของการปกครองในระบอบใด ค. เดนิ ตามผู้ใหญห่ มาไม่กดั
ก. ประชาธิปไตย ข. คณาธปิ ไตย ง. ทาตามเสยี งส่วนใหญ่แต่อยา่ ลืมเสียงสว่ นนอ้ ย
ค. เผด็จการ ง. สงั คมนิยม 10. การปลกู ฝงั ประชาธิปไตยใหเ้ กิดข้ึนในสงั คมไทย ตอ้ ง
5. ความเสมอภาคของประชาชน จะมีในระบอบการ เริม่ ที่ใด
ปกครองแบบใด ก. ครอบครวั ข. โรงเรยี น
ก. สังคมนิยม ข. ประชาธิปไตย ค. เพ่ือนบ้าน ง. หนว่ ยงานของรฐั
ค. คอมมวิ นสิ ต์ ง. เผด็จการอานาจนยิ ม 11. ระบอบเผดจ็ การ เชือ่ ว่าประชาชนมบี ทบาทอย่างไร
6. ข้อใดเป็นลักษณะสาคญั ทสี่ ุดของการปกครองแบบ ก. รับผิดชอบรว่ มกัน
ประชาธิปไตย ข. แสดงความคิดเหน็ ได้
ก. อานาจอธปิ ไตยมาจากพรรคการเมอื ง ค. เช่อื ฟังคาสง่ั สอนของรฐั เท่านัน้
ข. ยอมใหป้ ระชาชนมสี ทิ ธิเสรภี าพอย่างเต็มที่ ง. มสี ่วนร่วมในการปกครอง
ค. ประชาชนเป็นเจา้ ของอานาจอธปิ ไตย
12. ระบอบการเมืองใด ทใ่ี หป้ ระชาชนต้องยดึ ม่นั ในผู้นา 17. หัวใจของการปกครองระบอบประชาธิปไตย คอื ขอ้ ใด
มากทส่ี ุด ก. การลงมติ ข. การเลือกตัง้
ก. ระบอบเผดจ็ การ ข. ระบอบทุนนิยม ค. การยุบสภา ง. การต้งั กระทู้
ค. ระบอบเสรนี ิยม ง. ระบอบประชาธปิ ไตย 18. ในการปกครองในระบอบใด ท่ีประชาชนกบั รัฐจะมี
13. ลทั ธิเผดจ็ การยดึ มั่นส่งิ ใดเป็นสง่ิ สูงสุดท่ีประชาชนตอ้ ง ความผกู พนั กันอย่างใกล้ชดิ
เคารพบชู า ก. ประชาธิปไตย ข. เผดจ็ การ
ก. รฐั ข. ศาสนา ค. คอมมวิ นิสต์ ง. สังคมนิยม
ค. พรรคการเมอื ง ง. พระมหากษตั ริย์ 19. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ระบอบเผดจ็ การได้ถูกตอ้ ง
14. ส่ิงใดที่แสดงให้เห็นถงึ ความแตกต่างของการปกครองใน ก. เน้นการศึกษาประชาชนเป็นสาคญั
ระบอบประชาธิปไตยและเผด็จการ ข. การตดั สินใจลา่ ชา้ นยิ มใชค้ วามรุนแรง
ก. ศาล ข. รัฐบาล ค. รวบอานาจเข้าสสู่ ว่ นกลางคือผ้นู าเทา่ น้ัน
ค. เสรีภาพ ง. หน้าท่ขี องประชาชน ง. เนน้ ประโยชน์ทอ้ งถิ่นมากกว่าในเมือง
15. การปกครองในระบอบเผด็จการ มผี ลดใี นดา้ นใด มาก 20. ประชาชนของประเทศท่มี กี ารปกครองระบอบเผดจ็ การ
ทีส่ ดุ อยู่ในฐานะใด
ก. ขวญั และกาลังใจผู้ทางานดขี น้ึ ก. ผู้กาหนดนโยบายแหง่ รฐั
ข. สมาชิกทกุ คนสามารถแสดงความคิดเหน็ ได้อยา่ ง ข. เครือ่ งมอื ของรฐั
เสรี ค. ผู้ถา่ ยทอดวฒั นธรรมใหก้ ับรัฐ
ค. สมาชิกในกลุ่มมีความคิดดิ้นรนตอ่ สู้เพอ่ื ผนู้ าอย่าง ง. ประชาชนเป็นเจา้ ของอานาจอธิปไตย
แท้จริง
ง. การดาเนินงานบรรลตุ ามจุดประสงค์ได้อยา่ งรวดเรว็
16. ขอ้ แตกต่างท่สี าคญั ระหวา่ งระบอบประชาธิปไตยและ
ระบอบเผดจ็ การ คอื อะไร
ก. การม-ี ไม่มรี ัฐสภา
ข. การม-ี ไม่มีรัฐธรรมนูญ
ค. การม-ี ไม่มกี ารเลือกตงั้
ง. การม-ี ไมม่ ีการฟังเสียงประชาชน
ตอนท่ี 2 ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี
1. นักเรียนคิดวา่ หวั ใจของการเลอื กตง้ั คอื อะไร
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
2. นกั เรยี นคดิ วา่ สง่ิ ท่แี สดงออกถึงความเป็นประชาธปิ ไตยของประชาชน คืออะไร
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................. .........................
.........................................................................................................................................................................................................
3. นกั เรยี นคดิ ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยดกี วา่ การปกครองในระบอบอนื่ อยา่ งไร
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสียของการปกครองในระบอบเผดจ็ การ มีอะไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
ตอนท่ี 1 ให้นกั เรยี นทาเคร่อื งหมาย X ทับข้อท่ีถูกตอ้ งท่ีสดุ
1. กฎหมายมีความสาคญั ตามขอ้ ใดมากท่ีสดุ 6. ข้อใดมคี วามหมายตรงกับลกั ษณะของกฎหมาย ที่วา่
ก. การใช้ลงโทษผูค้ นในสังคม กฎหมายใชไ้ ด้เสมอไป
ข. ใช้รักษาความมน่ั คงของประเทศ ก. กฎหมายนอนหลบั แต่ไม่ตาย
ค. ใชบ้ ังคับใหท้ ุกคนตอ้ งปฏิบตั ติ าม ข. กฎหมายสามารถใชบ้ ังคบั ได้จนกวา่ จะมีกฎหมาย
ง. ใช้ในการควบคมุ พฤติกรรมของคนในสังคม ใหม่
2. แหลง่ ทีม่ าของกฎหมายทส่ี าคัญ สว่ นมากมีกาเนดิ มา ค. กฎหมายนามาใชไ้ ด้เมือ่ ไม่ขัดกบั กฎหมายเก่า
จากแหลง่ ใด ง. กฎหมายเมอ่ื ประกาศใชแ้ ลว้ สามารถบงั คบั ใช้กบั ทุก
ก. คาสอนทางศาสนา คนทกุ สถานที่
ข. เกิดจากหลักศีลธรรม 7. แหล่งที่มาของกฎหมายไทยในปัจจุบนั คือขอ้ ใด
ค. ผู้มีอานาจเหนือรัฐ ก. รฐั สภา ข. วุฒิสภา
ง. จารตี ประเพณขี องสังคม ค. ศาลยตุ ธิ รรม ง. ศาลรฐั ธรรมนูญ
3. ทกุ คนสามารถเท่าเทียมกันได้ ในดา้ นใดสาคญั ทีส่ ดุ 8. โทษทรี่ นุ แรงทส่ี ุดในกฎหมายอาญา คอื โทษใด
ก. เท่าเทียมกันทางกฎหมาย ก. กกั ขงั ข. จาคกุ
ข. ฐานะทางเศรษฐกิจ ค. ริบทรัพยส์ ิน ง. ประหารชวี ิต
ค. ฐานะเทา่ เทียมกันจากชาตกิ าเนดิ 9. โทษสถานใด เปน็ ความผดิ ทางแพง่
ง. เทา่ เทยี มกนั ทางการศึกษา ก. ปรบั ข. จาคกุ
4. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะเด่นของกฎหมาย ค. รบิ ทรพั ยส์ ิน ง. ชดใช้คา่ เสยี หาย
ก. การปอ้ งกัน ข. การบงั คบั 10. กฎหมายใด ท่ีมีลักษณะเป็น “กฎหมายช่ัวคราว” หรอื
ค. การลงโทษ ง. การกาหนดพฤติกรรม เปน็ กฎหมายทีใ่ ช้แล้วยกเลกิ ไปเลย
5. ในการออกกฎหมาย มจี ดุ มงุ่ หมายหลักเก่ียวข้องกับ ก. เทศบญั ญตั ิ ข. กฎกระทรวง
เร่ืองใด ค. พระราชกาหนด ง. พระราชกฤษฎกี า
ก. บุคคล สทิ ธิ หน้าท่ี 11. กฎหมายใด ทกี่ าหนดความสัมพนั ธ์ระหว่างพลเมอื ง
ข. ประชาชน การศึกษา หนา้ ท่ี ดว้ ยกัน
ค. รฐั บาล ประชาชน พฤตกิ รรม ก. กฎหมายมหาชน
ง. ประชาชน พฤติกรรม การลงโทษ ข. กฎหมายเอกชน
ค. กฎหมายพลเรอื น
ง. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมอื ง
12. กฎหมายใด ที่ไม่ได้ตราข้นึ โดยฝ่ายบริหาร 14. กฎหมายใด ท่ีควบคุมความสมั พันธร์ ะหว่างเอกชนกบั
ก. กฎกระทรวง ข. พระราชกาหนด หน่วยงานของรฐั ทเ่ี ป็นนติ ิบคุ คล
ค. พระราชกฤษฎกี า ง. พระราชบญั ญตั ิ ก. กฎหมายอาญา
13. กฎหมายใด ได้กาหนดสทิ ธิหน้าทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบ ข. กฎหมายปกครอง
ของบุคคล ค. กฎหมายรัฐธรรมนญู
ก. กฎหมายเอกชน ง. กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์
ข. กฎหมายมหาชน 15. ถา้ บา้ นเมืองอยู่ในภาวะฉุกเฉนิ และมคี วามจาเป็นอย่าง
ค. กฎหมายสารบญั ญัติ เร่งดว่ น รัฐบาลมอี านาจออกกฎหมายประเภทใด
ง. กฎหมายวิธีสบัญญตั ิ ก. กฎกระทรวง ข. พระราชกาหนด
ค. พระราชบญั ญตั ิ ง. พระราชกฤษฎกี า
ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้
1. กฎหมายมคี วามจาเปน็ ต่อบ้านเมืองอยา่ งไร
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
2. นกั เรียนคิดวา่ เหตใุ ดจงึ ต้องมโี ทษเมอ่ื มีการกระทาผดิ กฎหมาย
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
3. กฎหมายมีลกั ษณะอยา่ งไรบา้ ง
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4
ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรียนทาเครอื่ งหมาย X ทับขอ้ ทีถ่ ูกต้องทสี่ ดุ
1. ข้อใดเป็นนิตบิ คุ คลตามประมวลกฎหมายแพ่งและ 7. ตามกฎหมายกาหนดใหผ้ ู้มีสญั ชาตไิ ทยท่มี ีอายใุ นชว่ งใด
พาณชิ ย์ ตอ้ งมบี ัตรประจาประชาชน
ก. สานักสงฆ์ ข. สมาคม ก. 15-60 ปี ข. 7-70 ปี
ค. คอนโดมเี นียม ง. เรือเดินสมุทร ค. 18-70 ปี ง. 20-70 ปี
2. เม่อื ไปแจง้ เกิดตอ่ นายทะเบียนทอ้ งที่ หลกั ฐานท่ีนาย 8. บคุ คลประเภทใด ทต่ี อ้ งมบี ตั รประจาประชาชน
ทะเบียนมอบใหม้ าเรียกว่าอะไร ก. ขา้ ราชการชนั้ ผูน้ ้อย
ก. สตู บิ ัตร ข. มรณบัตร ข. ชายและหญงิ ที่ตาบอดทั้งสองข้าง
ค. ทะเบียนบา้ น ง. ทะเบยี นบุคคล ค. นักศกึ ษากาลังเรียนท่ีมหาวทิ ยาลัย
3. เม่ือมคี นเกดิ ในบา้ น เจ้าบา้ นจะตอ้ งแจ้งต่อนายทะเบียน ง. พระภิกษุทบี่ วชเรยี นในระดบั สงู
ภายในเวลาใด 9. บตั รประจาตวั ประชาชน เมื่อทาแลว้ จะใช้ไดน้ านกปี่ จี งึ
ก. 24 ชัว่ โมง ข. 7 วัน หมดอายุ
ค. 15 วนั ง. 30 วนั ก. 3 ปี ข. 4 ปี
4. เมื่อมคี นตายภายในบา้ น เจา้ บ้านจะต้องแจง้ ตอ่ ค. 5 ปี ง. 6 ปี
พนักงานเจา้ หน้าท่ีภายในเวลาใด 10. การถกู ถอนสัญชาตไิ ทย สามารถทาไดใ้ นกรณใี ดต่อไปน้ี
ก. 24 ชวั่ โมง ข. 48 ชว่ั โมง ก. อยู่ตา่ งประเทศเปน็ เวลานาน
ค. 7 วัน ง. 15 วนั ข. กระทาผดิ แลว้ หนไี ปอยู่ตา่ งประเทศ
5. ทะเบยี นบ้าน เป็นเอกสารทแ่ี สดงรายละเอียดเก่ียวกับ ค. ถกู ศาลพิพากษาใหถ้ อนสัญชาติ
เรื่องใดของบคุ คล ง. สมรสกบั ชาวต่างชาติ
ก. สถานทตี่ งั้ ของบา้ น 11. ตามกฎหมายทผ่ี ู้บรรลุนติ ภิ าวะ คอื ผใู้ ด
ข. จานวนสมาชกิ ท่อี าศัยในบ้าน ก. สมศรมี ีอายุครบ 20 ปบี รบิ รู ณ์
ค. สถานภาพของบคุ คลในครอบครัว ข. สมพรกาลงั เรยี นอยู่ช้ัน ม.6
ง. หลกั ฐานการเกิด การตาย การย้ายเขา้ และการยา้ ย ค. สมทรงไดท้ าบตั รประจาตัวประชาชนแล้ว
ออก ง. สมศกั ด์ไิ ปจดทะเบียนทหารกองเกนิ
6. เมอ่ื มกี ารย้ายเขา้ หรือยา้ ยออก เจา้ บา้ นจะต้องแจ้งต่อ 12. การหมน้ั มคี วามหมายตามขอ้ ใด
นายทะเบียนภายในเวลากีว่ ัน ก. การมอบของที่ระลึก
ก. 5 วัน ข. 7 วัน ข. การใหท้ รัพย์แก่หญิงทตี่ นชอบ
ค. 15 วนั ง. 30 วนั ค. การมอบทรพั ยแ์ ก่บดิ ามารดาฝา่ ยหญิง
ง. ฝ่ายชายส่งมอบทรัพย์สนิ เปน็ ของหมนั้ ให้ฝา่ ยหญิง
13. การที่ฝ่ายชายมอบสินสอดใหก้ ับบดิ ามารดาฝา่ ยหญงิ ใน 18. หญงิ ทีห่ ยา่ กับสามจี ะทาการสมรสใหม่ ตอ้ งให้การ
การหมน้ั นนั้ เพือ่ จุดประสงค์ใด
สมรสครง้ั ก่อนผา่ นไปแลว้ อยา่ งนอ้ ยก่วี ัน
ก. เพื่อให้รูถ้ ึงฐานะฝา่ ยชาย
ข. ตอบแทนท่หี ญิงยอมสมรสดว้ ย ก. 60 วัน ข. 90 วัน
ค. เป็นการประกนั การเล้ยี งดหู ญิงได้
ง. ตอบแทนทตี่ ้องเลีย้ งดคู หู่ ม้ันอกี ตอ่ ไป ค. 120 วนั ง. 310 วัน
14. การจดทะเบยี นสมรส ต้องกระทาทใี่ ด
ก. สถานตี ารวจ 19. ทรพั ยส์ นิ ใดตอ่ ไปน้ี ไมใ่ ช่ทรพั ย์สินส่วนตวั
ข. สานกั งานเทศบาล
ค. ที่ทาการนายทะเบยี นตาบล ก. การรบั มรดก ข. เคร่ืองใช้สว่ นตัว
ง. ท่ีว่าการอาเภอหรอื สานกั งานเขต
15. ของหม้นั เมื่อชายหญงิ สมรสกนั ของหม้นั จะตกเปน็ ของ ค. ของหมั้น ง. ดอกเบย้ี เงนิ ฝาก
ผใู้ ด
ก. ตกเป็นของฝ่ายหญิง 20. สาเหตใุ ดต่อไปนี้ ทส่ี ามีสามารถฟ้องหย่าได้
ข. คืนให้ฝ่ายชาย
ค. ตกเปน็ ของบดิ ามารดาฝา่ ยหญงิ ก. ภรรยาตกงาน
ง. ตกเปน็ สินสมรส
16. ตามหลกั กฎหมาย ชายและหญงิ จะทาการหมน้ั และ ข. ภรรยามีชู้
สมรสกนั ตอ้ งมีอายเุ ท่าใด
ก. ชาย 17 และหญงิ 15 ปบี ริบูรณ์ ค. ภรรยาทาอาหารไมอ่ ร่อย
ข. ชาย 15 และหญิง 17 ปีบรบิ รู ณ์
ค. ชายและหญิง 20 ปบี ริบูรณ์ ง. ภรรยาชอบบน่ ทีส่ ามีเมาเหลา้
ง. ชาย 20 และหญงิ 16 ปีบรบิ รู ณ์
17. หลกั เกณฑ์ในการสมรสมีหลายประการ ยกเว้นขอ้ ใดท่ี 21. ตอ่ ไปน้ีคอื เหตทุ ่ที าให้การสมรสส้ินสดุ ลง ยกเว้นขอ้ ใด
ไมส่ ามารถกระทาให้เกดิ การสมรสได้
ก. ชาย หญงิ อายุ 17 ปีบรบิ รู ณ์ ก. ฝา่ ยหนง่ึ ฝ่ายใดตาย
ข. ใช้อานาจศาลบงั คับให้ชายหญงิ สมรสได้
ค. ชาย หญงิ ต้องไมเ่ ป็นคนวกิ ลจรติ ข. ศาลพพิ ากษาให้หยา่
ง. ชายอายุ 20 ปี หญิงอายุ 30 ปี
ค. ฝา่ ยชายไปศึกษาต่อต่างประเทศ 2 ปี
ง. ทัง้ ฝ่ายหญิงและชายยนิ ยอมจะหยา่ กนั
22. ทรพั ยส์ นิ ทกุ ชนิดของผ้ตู าย รวมทั้งสทิ ธิหน้าที่ความ
รบั ผดิ ชอบของผ้ตู าย ตามกฎหมายเรียกวา่ อะไร
ก. มรดก ข. สญั ญา
ค. นิติกรรม ง. พินยั กรรม
23. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทายาทโดย
ธรรมอนั ดับแรกคอื ใคร
ก. บดิ ามารดา ข. ผูส้ ืบสนั ดาน
ค. ปู่ ย่า ตา ยาย ง. ลงุ ป้า นา้ อา
24. คสู่ มรสที่ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย มีฐานะเท่าเทียมกบั
ทายาทในขอ้ ใด
ก. ผู้สืบสันดาน ข. ปู่ ย่า ตา ยาย
ค. ลุง ป้า นา้ อา ง. พน่ี อ้ งรว่ มบดิ ามารดา
25. ถ้าหากผู้ตายไมม่ ีทายาทสบื มรดกในทกุ กรณี มรดก 31. บุคคลจะพน้ จากภาวการณเ์ ปน็ ผู้เยาว์ เม่ืออายกุ ี่ปี
จะต้องตกเปน็ ของผู้ใด บรบิ รู ณ์
ก. ผูใ้ กลช้ ิด ก. 15 ปี ข. 17 ปี
ข. ผ้มู ีนามสกุลเดียวกนั ค. 18 ปี ง. 20 ปี
ค. ตกเป็นของแผ่นดนิ และสาธารณกุศล 32. ผู้รับบุตรบญุ ธรรม และบุตรบุญธรรม จะตอ้ งมีอายหุ ่าง
ง. ใครก็ได้ทีไ่ ปขอจดทะเบียนทรพั ย์น้นั ก่อน กันอย่างน้อยกี่ปี
26. พนิ ยั กรรม มคี วามหมายตามขอ้ ใด ก. 10 ปี ข. 15 ปี
ก. เจตนาของผูต้ าย ค. 20 ปี ง. 25 ปี
ข. สัญญาการให้โดยเสนห่ า 33. การรับบตุ รบญุ ธรรม จะสมบรู ณ์ได้ในกรณีใด
ค. นติ กิ รรมในการมอบทรพั ยส์ ิน ก. ฝ่ายบิดามารดาของผเู้ ยาว์ยินยอม
ง. เจตนาของบุคคลทีม่ อบทรพั ย์สินให้เมอ่ื ตายแล้ว ข. ฝา่ ยผูเ้ ปน็ บตุ รบญุ ธรรมยินยอม
27. บคุ คลประเภทใด ที่กฎหมายห้ามมใิ หท้ าพนิ ยั กรรม ค. คสู่ มรสของผ้รู บั บุตรบุญธรรม
ก. บุคคลลม้ ละลาย ง. มกี ารจดทะเบยี นตอ่ นายทะเบยี นถกู ต้อง
ข. บุคคลไร้ความสามารถ 34. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลดขี องการจดทะเบียนสมรส
ค. ผูท้ ่ียงั ไม่ได้สมรส ก. เป็นทยี่ อมรับของสงั คม
ง. ผเู้ ยาว์ทีอ่ ายุไม่ครบ 17 ปี ข. เป็นหลักฐานในการรับสวัสดิการจากรัฐ
28. พินยั กรรม มผี ลบังคบั ใชต้ ามกฎหมายเมื่อใด ค. สามารถทาให้เศรษฐกจิ ดขี ึ้นมาก
ก. เจา้ ของพนิ ยั กรรมลงชื่อ ง. บตุ รทเ่ี กิดมาจะได้ความคุ้มครองตามกฎหมาย
ข. เมื่อมีผเู้ ปดิ พนิ ยั กรรม 35. พนิ ยั กรรมตามขอ้ ใด ที่ไม่ต้องมพี ยาน
ค. ผทู้ าพนิ ัยกรรมถงึ แก่ความตาย ก. พินัยกรรมเขียนเองทัง้ ฉบับ
ง. เมื่อศาลสง่ั ใหเ้ ปดิ พนิ ัยกรรม ข. พินยั กรรมทเ่ี ปน็ แบบพิมพ์
29. ในการทาพินยั กรรม จะตอ้ งมพี ยานอย่างน้อยกคี่ น ค. พินัยกรรมที่ทาทีอ่ าเภอ
ก. 2 คน ข. 3 คน ง. พนิ ัยกรรมแบบธรรมดา
ค. 4 คน ง. ไม่จากดั จานวน
30. ผู้ทีข่ อรบั บุตรบญุ ธรรม จะต้องมีอายุไมต่ า่ กวา่ กป่ี ี
ก. 20 ปบี รบิ รู ณ์ ข. 25 ปบี ริบูรณ์
ค. 30 ปบี รบิ ูรณ์ ง. 35 ปบี รบิ รู ณ์
ตอนที่ 2 ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้
1. ชายและหญิงเม่อื ทาการสมรสกนั แล้ว จาเป็นต้องจดทะเบยี นสมรสหรือไม่
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
2. เพราะเหตุใด กฎหมายไทยจึงตอ้ งกาหนดให้คนไทยตอ้ งมบี ัตรประจาตัวประชาชน
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
3. สินสอดกับของหม้นั มคี วามหมายแตกตา่ งกันอยา่ งไร
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................. ....
.........................................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5
ตอนท่ี 1 ใหน้ กั เรยี นทาเคร่ืองหมาย X ทับข้อท่ีถกู ต้องท่สี ดุ
1. ชายไทยเมอ่ื ไปลงบญั ชที หารเม่ืออายุย่างเขา้ ปีที่ 18 7. พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติฉบับทใี่ ชใ้ นปัจจบุ ัน
เรยี กวา่ อะไร เปน็ การประกาศใชใ้ นปี พ.ศ. ใด
ก. ทหารประจาการ ข. ทหารกองหนนุ ก. พ.ศ. 2540 ข. พ.ศ. 2541
ค. ทหารกองเกิน ง. ทหารสารอง ค. พ.ศ. 2542 ง. พ.ศ. 2548
2. การไปลงบญั ชีทหารกองเกนิ จะตอ้ งไปแสดงตนต่อผู้ใด 8. แผนการศึกษาชาติฉบบั ปัจจุบัน กาหนดให้มกี ารศกึ ษา
ก. สสั ดอี าเภอ ข. นายอาเภอ ภาคบังคับไว้ก่ีปี
ค. ปลัดอาเภอ ง. ผวู้ า่ ราชการจังหวดั ก. 6 ปี ข. 7 ปี
3. ใบสาคญั ท่ีเรียกวา่ “สด.9”เปน็ หลกั ฐานเก่ียวกบั เรอื่ งใด ค. 8 ปี ง. 9 ปี
ก. ใบนาปลดทหาร 9. การศกึ ษาทกี่ าหนดจุดมุ่งหมาย วธิ กี ารศึกษา หลกั สูตร
ข. การเข้าบญั ชีทหารกองเกนิ ระยะเวลาศึกษาไว้ชัดเจน เป็นการจดั การศึกษาแบบใด
ค. การเข้าเปน็ ทหารกองประจาการ ก. การศกึ ษาในระบบ
ง. ใบแสดงผ่านการเรียนนกั ศึกษาวิชาทหารปที ่ี 3 ข. การศกึ ษานอกระบบ
4. กฎหมายใด กาหนดให้ชายไทยทกุ คนมีหนา้ ท่ีรบั ค. การศึกษาตามอธั ยาศัย
ราชการทหาร ง. การศกึ ษาตลอดชวี ิต
ก. กฎหมายอาญา 10. ในการจดั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน คือการศกึ ษาในระ ดบั
ข. กฎหมายปกครอง กอ่ นอุดมศึกษา กาหนดใหร้ ัฐตอ้ งจดั ไมน่ อ้ ยกว่ากี่ปี
ค. กฎหมายความมั่นคงของประเทศ ก. 6 ปี ข. 7 ปี
ง. กฎหมายรัฐธรรมนูญ ค. 9 ปี ง. 12 ปี
5. เม่ือไดล้ งบญั ชีทหารกองเกินแลว้ จะตอ้ งไปแสดงตนเพอ่ื 11. พระราชบัญญตั ปิ ่าไม้ พ .ศ. 2484 กาหนดให้ไม้ชนิดใด
คัดเลอื กเปน็ ทหารประจาการ เม่อื อายเุ ท่าใด เป็นไมห้ วงหา้ ม
ก. อายุ 18 ปีบริบูรณ์ ข. อายุย่างเข้า 20 ปี ก. ไมส้ กั ไมม้ ะคา่ ข. ไม้สัก ไม้ยาง
ค. อายุย่างเข้าปีที่ 21 ง. อายุ 21 ปบี รบิ รู ณ์ ค. ไม้ชงิ ชนั ไมต้ ะเคยี น ง. ไมม้ ะค่า ไมช้ งิ ชัน
6. บุคคลใดต่อไปนี้ ได้รับการ ยกเวน้ ไมต่ ้องไปตรวจเลอื ก
ทหารประจาการ
ก. เรยี นจบปริญญาตรี
ข. รบั ราชการอยใู่ นกระทรวง
ค. บิดาเปน็ นายทหารสัญญาบตั ร
ง. ผ้ไู ด้สญั ชาตไิ ทยโดยการแปลงสัญชาติ
12. พระราชบัญญตั ิป่าไม้ พ .ศ. 2484 มีจุดมุง่ หมายใด 17. บริเวณทีห่ ้ามล่าสตั ว์ปา่ ที่คณะรฐั มนตรีเปน็ ผู้กาหนด
สาคัญที่สุด
บรเิ วณนีเ้ รียกวา่ อะไร
ก. ห้ามตดั ไม้ทาลายป่า
ข. ห้ามทาอันตรายสัตว์ป่า ก. เขตปา่ สงวน
ค. หา้ มบุกรกุ เขา้ ไปหาของป่า
ง. หา้ มทาอนั ตรายไมห้ วงหา้ ม ข. เขตป่าคุม้ ครอง
13. พระราชบัญญัตปิ า่ สงวนแห่งชาติ พงศ . 2507 มี
จุดมุ่งหมายสาคัญในเรื่องใด ค. เขตอุทยานแหง่ ชาติ
ก. ป้องกันไมห้ วงห้าม
ข. ป้องกันสัตวป์ า่ สงวน ง. เขตรกั ษาพนั ธ์ุสัตว์ป่า
ค. ป้องกันตน้ นา้ ลาธาร
ง. หา้ มตดั ไม้ทาลายป่าและสงวนคุ้มครองป่าไม้ 18. การลา่ สัตวป์ ่าสงวนจะทาได้ในกรณใี ด
14. ซอ้ื ท่อนไมส้ ักมาท่อนหนึ่ง แล้วนามาเลอื่ ยเป็นแผน่ เพื่อ
ทาฝาบา้ น มีความผิดเพราะเหตุใด ก. ลา่ เพอ่ื การศึกษาวิจยั โดยได้รับอนญุ าตจากอธิบดี
ก. เพราะไมไ่ ด้สง่ โรงเลื่อย
ข. เพราะครอบครองไม้หวงห้าม กรมป่าไม้
ค. เพราะไมไ่ ด้ใชไ้ ม้สกั ทป่ี ลกู เอง
ง. เพราะกฎหมายห้ามนาไม้สักมาทาฝาบา้ น ข. ลา่ โดยได้รบั อนุญาตจากเจ้าหนา้ ที่
15. สตั วป์ ่าสงวน เป็นสัตว์ที่มีลกั ษณะตามข้อใด
ก. สัตว์ป่าทห่ี ายาก ค. ล่าเพอ่ื เปน็ อาหาร
ข. สัตวท์ ี่มีขนาดใหญ่
ค. สตั ว์ทไ่ี ดร้ บั การคุ้มครอง ง. ลา่ เพอื่ การกีฬา
ง. สตั ว์ทใ่ี ชใ้ นการศึกษาวิจยั
16. สตั ว์ปา่ คมุ้ ครองประเภทท่ี 2 สว่ นใหญ่เป็นสตั วท์ ่ีมี 19. ถ้าหากบุคคลหนงึ่ บุคคลใดท่จี ะนาซากสตั ว์มาทาเป็น
ลักษณะตามขอ้ ใด
ก. สัตวป์ า่ ทาลายศตั รูพืช ผลติ ภณั ฑ์ ตอ้ งได้รับอนญุ าตจากใคร
ข. สตั ว์ป่าทีท่ าลายสงิ่ ปฏกิ ลู
ค. สตั วป์ ่าทีป่ ระดับความงามธรรมชาติ ก. รัฐมนตรี ข. อธบิ ดกี รมป่าไม้
ง. สตั ว์ปา่ ทล่ี า่ เพอ่ื การกีฬาหรือใช้เนอ้ื เป็นอาหาร
ค. นายกรฐั มนตรี ง. ผูว้ า่ ราชการจังหวัด
20. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายของสิ่งแวดล้อมได้ถกู ต้องทีส่ ุด
ก. ส่ิงทอี่ ย่รู อบตวั เรา
ข. สิง่ ท่ีมอี ยู่โดยทวั่ ไป
ค. สิ่งท่มี นุษย์สรา้ งขึ้น
ง. สง่ิ ท่ีอยู่รอบตวั เราซงึ่ เกดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาตแิ ละ
มนุษย์สรา้ งขึ้น
21. พระราชบัญญตั ิ สง่ เสริมและการรกั ษาคุณภาพ
สิง่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. 2535 มสี าระสาคัญเรื่องใด
ก. จดั ตั้งกองทนุ สงิ่ แวดล้อม
ข. บคุ คลมีสิทธิได้รบั ชดใช้ค่าเสยี หาย
ค. การกาหนดเขตคุ้มครองส่ิงแวดล้อมขน้ึ
ง. การจดั ใหม้ ีรายงานผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม
22. ใครเปน็ ผมู้ ีหน้าที่ในการกาหนดมาตรฐานคณุ ภาพ 24. การยืน การน่งั เลน่ บนราวสะพานใหญ่ เป็นความผิด
ตามกฎหมายเพราะอะไร
ส่งิ แวดล้อม
ก. เพราะกฎหมายบญั ญัตหิ า้ มไว้
ก. สานกั นายกรัฐมนตรี ข. เพราะเปน็ การไมร่ กั ษาวัฒนธรรม
ค. เพราะเปน็ การกดี ขวางทางสัญจร
ข. สานักงานอนามัยและสง่ิ แวดล้อม ง. เพราะเป็นทีพ่ ักผอ่ นของประชาชน
25. การใชส้ ีพน่ ขอ้ ความที่ผนงั กาแพง ผนงั อาคา รท่เี หน็ ได้
ค. คณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาติ จากทส่ี าธารณะ มคี วามผิดเพราะเหตใุ ด
ก. เป็นคาหยาบ
ง. กรมสง่ เสริมคุณภาพสิ่งแวดลอ้ ม ข. กฎหมายระบุห้าม
ค. เลอะเทอะ ดูแลว้ ไมส่ วยงาม
23. ผทู้ ่ีครอบครองแหลง่ กาเนดิ มลพษิ ต้องรบั ผิดชอบตาม ง. เกิดความเสยี หายในทรัพยส์ ิน
กฎหมายอย่างไร
ก. ชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน ข. ชดใช้ค่าเสียหาย
ค. ชดใช้ส่ิงท่ีเกดิ ขน้ึ ง. ชดใช้ความผิด
ตอนที่ 2 ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้
1. ป่าไมเ้ ปน็ ทรพั ยากรธรรมชาติทีม่ คี วามสาคญั ต่อมนุษยชาติอย่างไร
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
2. เพราะเหตุใด จงึ ต้องมกี ฎหมายเก่ียวกับสงิ่ แวดล้อม
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
3. กฎหมายวา่ ดว้ ยการรักษาความสะอาดและความเปน็ ระเบียบ มีเปา้ หมายตอ่ สังคมอยา่ งไร
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
4. เพราะเหตุใดจงึ ต้องมีกฎหมายเกี่ยวกบั การรบั ราชการทหารของชายไทยทกุ คน
........................................................................................................................................................ ................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
5. เพราะเหตใุ ด จึงตอ้ งมีการออกฎหมายสงวนและคุม้ ครองสัตวป์ ่า
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6
ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรยี นทาเคร่อื งหมาย X ทบั ขอ้ ท่ีถกู ตอ้ งทส่ี ุด
1. กฎหมายท่เี กีย่ วข้องกับสทิ ธหิ นา้ ทแ่ี ละทรัพย์สินของ 7. การเช่าอสงั หาริมทรัพย์ กฎหมายได้กาหนดใหท้ าสัญญา
บคุ คล คอื กฎหมายใด ว่าห้ามมิใหท้ าสญั ญาเชา่ เกินกปี่ ี
ก. กฎหมายรฐั ธรรมนูญ ข. กฎหมายปกครอง ก. 5 ปี ข. 10 ปี
ค. กฎหมายอาญา ง. กฎหมายแพ่ง ค. 20 ปี ง. 30 ปี
2. เพราะเหตุใด สัญญาซอ้ื ขายทรพั ย์สนิ จึงจดั เป็นกฎหมาย 8. สัญญาซอื้ ขายอสังหาริมทรัพย์ ถา้ ไม่ได้ ทาเป็นหนงั สือ
แพง่ จะมผี ลอย่างไร
ก. เก่ียวกับบคุ คล ก. โมฆะ
ข. เกีย่ วกับทรัพยส์ ิน ข. โมฆยี ะ
ค. เกีย่ วกับสิทธหิ น้าที่ ค. ผู้เช่ามสี ิทธบิ อกเลิกสัญญา
ง. เกย่ี วกับความรับผดิ ชอบ ง. ผู้ใหเ้ ชา่ มีสทิ ธบิ อกเลิกสญั ญา
3. การกู้ยมื เงินต้ั งแต่จานวนเงินเกนิ กวา่ จานวนเทา่ ไร จึง 9. ถ้านารถยนตไ์ ปขายฝาก สามารถไถค่ ืนรถยนต์ท่ีขาย
ตอ้ งมีหลกั ฐานเปน็ หนงั สอื และลายมอื ช่อื ผ้ยู มื ฝากไวภ้ ายในเวลากป่ี ี
ก. 50 บาท ข. 100 บาท ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 500 บาท ง. 1,000 บาท ค. 3 ปี ง. 5 ปี
4. กฎหมายกาหนดอตั ราดอกเบ้ยี การกู้ยืมเงินไว้ในอตั ราใด 10. ผ้ใู ห้เชา่ สามารถบอกเลิกสัญญาเชา่ ซือ้ ได้ ถ้าหากผ้เู ชา่
ก. รอ้ ยละ 7 ต่อปี ข. ร้อยละ 10 ต่อปี ซื้อผดิ นดั ไม่ชาระเงินจานวนก่คี ราวตดิ ตอ่ กนั
ค. ร้อยละ 15 ต่อปี ง. รอ้ ยละ 28 ต่อปี ก. 2 คราว ข. 3 คราว
5. สญั ญาซงึ่ บคุ คลหน่งึ โอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรัพย์สินให้แก่ ค. 4 คราว ง. 5 คราว
บุคคลหนง่ึ และผรู้ บั โอน ตกลงจะให้ราคาทรัพย์สนิ เรียกวา่ 11. ลกั ษณะสาคญั ของกฎหมายอาญา ไดบ้ ญั ญตั ิไว้เกีย่ วกบั
สัญญาอะไร เรือ่ งใด
ก. สญั ญาเชา่ ซือ้ ข. สัญญาซ้ือขาย ก. ลกั ษณะการรับผดิ
ค. สญั ญาขายฝาก ง. สญั ญาเช่าทรัพย์ ข. ลักษณะการกระทาผิด
6. สญั ญาซ้ือขาย ระบุเก่ียวกับเรื่องใด ค. ลกั ษณะความผดิ และโทษ
ก. การสง่ มอบทรพั ยส์ ิน ง. ลกั ษณะการกระทาผิดในด้านจติ ใจ
ข. การเสนอและการสนอง
ค. มกี ารเปลย่ี นแปลงสทิ ธิครอบครองทรพั ยส์ ิน
ง. มกี ารโอนกรรมสิทธิ์และใชร้ าคาทรัพย์สิน
12. จดุ มงุ่ หมายสาคญั ทสี่ ุดของกฎหมายอาญา คอื ข้อใด 18. กรณีใด เปน็ เหตุยกเวน้ โทษ
ก. ป้องกันการทารา้ ยกัน ก. วกิ ลจรติ ข. ทาโดยไม่เจตนา
ข. ปอ้ งกนั การกระทาผดิ ของรฐั ค. บนั ดาลโทสะ ง. การกระทาตามสง่ั
ค. ปอ้ งกันให้ผู้ทาผิดแกไ้ ขและเปน็ พลเมืองดี 19. บคุ คลใดกระทาผิดทางอาญา แต่ไม่ตอ้ งรบั โทษ
ง. ปอ้ งกนั ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สนิ ของ ก. เด็กที่มีอายุไมเ่ กนิ 7 ปี
ประชาชน ข. เดก็ ทม่ี ีอายุ 15 ปีบรบิ รู ณ์
13. โทษทางอาญาในข้อใด ถอื วา่ เป็นโทษท่ีเบาท่สี ดุ ค. เดก็ ท่มี ีอายุ 17 ปี แต่ไมเ่ กนิ 20 ปี
ก. ปรบั ข. กกั ขัง ง. เดก็ ทย่ี ังไมบ่ รรลนุ ติ ิภาวะ
ค. จาคุก ง. ริบทรพั ยส์ ิน 20. การปล้นทรพั ยผ์ อู้ น่ื คอื การกระทาทมี่ ีลักษณะตามข้อ
14. โทษทางอาญาในขอ้ ใด ทนี่ บั ว่าเปน็ โทษที่รุนแรงทส่ี ดุ ใด
ก. ปรับ ข. รบิ ทรพั ยส์ ิน ก. ข่มขูใ่ หผ้ ้อู ืน่ มอบทรพั ย์สนิ ใหแ้ ก่ตน
ค. ประหารชวี ิต ง. จาคกุ ตลอดชวี ติ ข. ถอื ปนื บุกเดี่ยวเข้าไปในธนาคาร
15. การยิงปืนเขา้ ไปในกลุ่มคน เกดิ มคี นถกู ลกู ปนื ตาย มี ค. ลกั ทรพั ย์ผู้อ่ืนโดยใช้กาลังประทษุ ร้าย
ความผิดฐานฆา่ คนตายในสถานใด ง. ร่วมกันต้งั แต่ 3 คนขน้ึ ไปเขา้ ชิงทรัพย์สินของผอู้ ืน่
ก. โดยเจตนา ข. โดยประมาท 21. การขเู่ อาทรัพย์ของผอู้ น่ื โดยจะเปดิ เผยความลับ เป็น
ค. โดยไมเ่ จตนา ง. โดยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความผดิ ฐานใด
16. นายมตี ้องการฆ่านายมา จึงไปดักยงิ นายมา แตก่ ระสุน ก. ฉอ้ โกงทรัพย์ ข. ยกั ยอกทรพั ย์
ไปถูกนายมง่ั ซงึ่ เดินคกู่ บั นายมาตาย ถือเป็นความผดิ ตาม ค. รีดเอาทรัพย์ ง. กรรโชกทรพั ย์
ลักษณะในข้อใด 22. นายดาขโมยวทิ ยุของนายแดงไปขายให้นายเขยี ว นาย
ก. ฆ่าคนตายโดยเจตนา เขยี วจะมีความผิดฐานใด
ข. ฆา่ คนตายโดยจาเป็น ก. ลกั ทรพั ย์ ข. ฐานรบั ของโจร
ค. ฆา่ คนตายโดยประมาท ค. ฐานฉ้อโกงทรัพย์ ง. ฐานรีดเอาทรพั ย์
ง. ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา 23. การลกั ทรพั ยโ์ ดยก ารใชก้ าลงั ทารา้ ยหรอื ขู่วา่ จะทารา้ ย
17. ตัวการในการกระทาความผิดทางอาญา หมายถงึ ข้อใด มคี วามผิดฐานใด
ก. ผ้วู างแผนการ ก. ชิงทรพั ย์ ข. ปลน้ ทรัพย์
ข. ผลู้ งมือกระทาความผิด ค. วิ่งราวทรพั ย์ ง. กรรโชกทรพั ย์
ค. ผู้ตน้ คิดในการกระทาความผิด 24. การฉกฉวยทรัพยข์ องผู้อ่ืนไปต่อหน้าตอ่ ตาเจา้ ของ
ง. ผชู้ ว่ ยเหลอื ผูอ้ ่ืนกระทาความผิด ทรัพยโ์ ดยเรว็ เรยี กวา่ ความผดิ ฐานใด
ก. ชงิ ทรัพย์ ข. ปลน้ ทรัพย์
ค. ว่งิ ราวทรัพย์ ง. กรรโชกทรัพย์
25. การนาเอาทรพั ยข์ องผู้อนื่ ไปเปน็ ของตนเอง เป็น 29. หน่วยงานใด มหี น้าที่ในการปราบปรามยาเสพติดให้
ความผดิ ฐานใด โทษ
ก. ชงิ ทรพั ย์ ข. ลกั ทรพั ย์ ก. ปปง. ข. สปก.
ค. วงิ่ ราวทรัพย์ ง. การปล้นทรพั ย์ ค. ปปช. ง. ปปส.
26. ยาเสพติดให้โทษชนดิ ใด จดั เปน็ ยาเสพตดิ ประเภทที่ 1 30. ผทู้ ี่ขายสารระเหยใหแ้ กผ่ ูท้ มี่ ีอายุไม่เกนิ 17 ปี ซงึ่ ซ่ึงมิได้
ก. มอร์ฟีน ข. ฝ่ินผง ขายโดยสถานศกึ ษาและเพื่อประโยชน์ในการเรยี นการสอน
ค. กัญชา ง. เฮโรอีน มีโทษตามขอ้ ใด
27. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนิดใด ที่มอี นั ตรายท่ีสดุ ก. ว่ากลา่ วตกั เตือน
ก. โคเคอีน ข. ใบกระทอ่ ม ข. จาคุกไมเ่ กิน 6 เดือน
ค. เฮโรอีน ง. ทนิ เนอร์ ค. จาคุกไมเ่ กนิ 2 ปี ปรับไมเ่ กิน 2 หม่นื บาท
28. ผูใ้ ดมอี านาจในการประกาศ วา่ ส่งิ ใดเปน็ วตั ถุออกฤทธิ์ ง. จาคุกตลอดชวี ติ
ต่อจิตและประสาท
ก. ผู้อานวยการโรงพยาบาลประสาท
ข. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสขุ
ค. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย
ง. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหม
ตอนท่ี 2 ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
1. ในการเชา่ ซอื้ มีหลักเกณฑ์ท่สี าคญั อะไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
2. การกระทาความผิดทางอาญา แบ่งเป็นกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
3. ถา้ สงั คมไทยไม่มกี ฎหมายอาญา สงั คมไทยจะเป็นอย่างไร
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
4. สญั ญาก้ยู มื เงนิ มลี กั ษณะสาคญั อะไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
5. ยาเสพติดให้โทษ มีอนั ตรายตอ่ ผเู้ สพอยา่ งไรบ้าง
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................... ..
แบบทดสอบ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7
ตอนที่ 1 ให้นักเรยี นทาเครอื่ งหมาย X ทับขอ้ ทถ่ี กู ต้องที่สดุ
1. ในการจัดการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ 6. ประธานศาลรฐั ธรรมนญู และตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญ
สมาชิกวุฒสิ ภา เป็นหนา้ ท่ขี ององคก์ รใด อยใู่ นตาแหน่งกป่ี ี
ก. กระทรวงมหาดไทย ก. 4 ปี ข. 5 ปี
ข. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ค. 6 ปี ง. 9 ปี
ค. คณะกรรมการตุลาการ 7. ใครเป็นผ้วู นิ ิจฉัยว่ากฎหมายใดขัดหรือแยง้ กบั กฎหมาย
ง. สานักนายกรัฐมนตรี รฐั ธรรมนูญหรอื ไม่
2. การประกาศผลการเลอื กต้งั ในระดบั ต่างๆ เป็นอานาจ ก. ศาลยตุ ธิ รรม ข. ศาลรัฐธรรมนูญ
หน้าท่ขี องฝา่ ยใด ค. ศาลปกครอง ง. นายกรัฐมนตรี
ก. ศาลรฐั ธรรมนูญ 8. ใครเปน็ ผพู้ จิ ารณาพพิ ากษาคดที ่เี ป็นข้อพพิ าทระหวา่ ง
ข. ศาลยตุ ธิ รรม หน่วยงานราชการหรอื เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐในการปฏิบตั หิ น้าที่
ค. ประธานรัฐสภา ก. ศาลรฐั ธรรมนูญ ข. ศาลแรงงานกลาง
ง. คณะกรรมการการเลือกตง้ั ค. ศาลปกครอง ง. ศาลทหาร
3. ในการพิจารณาอรรถคดตี า่ งๆ จะต้องดาเนนิ การตาม 9. ศาลใดมศี าลเดียว และตงั้ อย่ใู นเขตกรงุ เทพมหานคร
กฎหมายและในนามของผใู้ ด ก. ศาลแพง่ ข. ศาลอาญา
ก. ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตรยิ ์ ค. ศาลแขวง ง. ศาลฎีกา
ข. ในนามของประธานศาลรฐั ธรรมนญู 10. คาพิพากษาของศาลใด ทถี่ ือว่าส้นิ สุดและจะฟอ้ งร้อง
ค. ในนามของประธานศาลฎีกา อกี ไม่ได้
ง. ในนามของนายกรฐั มนตรี ก. ศาลชนั้ ต้น ข. ศาลอุทธรณ์
4. พระมหากษตั รยิ ์ทรงแต่งตั้งตุลาการศาลรฐั ธรรมนูญ ค. ศาลฎกี า ง. ศาลอาญา
โดยคาแนะนาของผ้ใู ด 11. ในการแต่งตง้ั โยกยา้ ยขา้ ราชการตุลาการ เป็นอานาจ
ก. นายกรัฐมนตรี ข. สภาผแู้ ทนราษฎร หนา้ ที่ของใคร
ค. วฒุ สิ ภา ง. องคมนตรี ก. คณะกรรมการตุลาการ
5. ผใู้ ดเปน็ ผ้ลู งนามรบั สนองพระบรมราชโองการแตง่ ตั้ง ข. ประธานศาลฎกี า
ประธานศาลรัฐธรรมนญู และตุลาการศาลรัฐธรรมนญู ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ก. นายกรัฐมนตรี ข. ประธานองคมนตรี ง. นายกรฐั มนตรี
ค. ประธานรัฐสภา ง. ประธานวุฒสิ ภา 12. ตาแหน่งใด เป็นตาแหนง่ สงู สดุ ของฝ่ายตลุ าการ
ก. ผพู้ พิ ากษาศาลฎีกา ข. อธิบดีผพู้ ิพากษา
ค. ประธานศาลฎกี า ง. อยั การสงู สดุ
13. สมาชิกสภาท้องถน่ิ อย่ใู นตาแหนง่ คราวละกป่ี ี 20. สมาชกิ สภาเทศบาล อยูใ่ นตาแหนง่ วาระคราวละกีป่ ี
ก. 4 ปี ข. 5 ปี ก. 4 ปี ข. 5 ปี
ค. 6 ปี ง. 9 ปี ค. 6 ปี ง. 8 ปี
14. ปัจจบุ ันนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ได้มาโดยวิธีใด 21. เทศบาลตาบล สามารถมสี มาชิกสภาเทศบาลได้จานวน
ก. ผ้วู า่ ราชการจังหวดั แตง่ ตั้ง ก่คี น
ข. ประชาชนเลือกตั้งโดยตรง ก. 6 คน ข. 12 คน
ค. สมาชิกสภาจงั หวดั เลอื กตั้งกันเอง ค. 18 คน ง. 24 คน
ง. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งต้ัง 22. เทศบาลนคร สามารถมีสมาชิกสภาเทศบาลได้จานวนก่ี
15. จงั หวดั ใดต่อไปน้ี ไมม่ อี งค์การบริหารสว่ นจังหวดั คน
ก. ชลบรุ ี ข. ภเู กต็ ก. 12 คน ข. 18 คน
ค. เชียงใหม่ ง. กรุงเทพมหานคร ค. 24 คน ง. 30 คน
16. ถา้ หากจังหวัดใดมีประชากรเกิน 2 ลา้ นคนขึ้นไป 23. เทศบาลเมือง สามารถมเี ทศมนตรีไดก้ ี่คน
สามารถมีสมาชกิ สภาจังหวดั ไดก้ ่ีคน ก. 1 คน ข. 2 คน
ก. 24 คน ข. 30 คน ค. 3 คน ง. 4 คน
ค. 42 คน ง. 48 คน 24. ระเบยี บการบริหา รราชการกรุงเทพมหานคร ที่
17. การยกฐานะสภาตาบลเปน็ องค์การบรหิ ารส่วนตาบล กาหนดให้ผวู้ ่าราชการจังหวดั กรงุ เทพมหานครมาจากการ
จะต้องมรี ายไดย้ ้อนหลงั 3 ปี โดยเฉล่ยี แล้วตอ้ งไม่ตา่ กว่าปี เลือกตงั้ มคี รงั้ แรกเมอ่ื ปี พ.ศ.ใด
ละเท่าไร ก. พ.ศ. 2516 ข. พ.ศ. 2518
ก. 50,000 คน ข. 100,000 คน ค. พ.ศ. 2528 ง. พ.ศ. 2538
ค. 150,000 คน ง. 1,000,000 คน 25. สมาชิกสภากรุงเทพมหานครท่ไี ดม้ าจากการเลอื กต้ัง
18. สมาชิกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล อยูใ่ นตาแหน่งวาระ ของประชาชน อยใู่ นวาระคราวละกี่ปี
คราวละก่ีปี ก. 2 ปี ข. 4 ปี
ก. 2 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี
ค. 5 ปี ง. 6 ปี 26. ในการเลอื กต้งั สมาชกิ สภากรงุ เทพมหานคร (สก.) 1
19. นายกองค์การบริหารส่วนตาบล มีอานาจแต่งตงั้ ไดใ้ น คนตอ่ จานวนประชากรกีค่ น
ตาแหน่งใด ก. 50,000 คน ข. 80,000 คน
ก. ประธานสภา ค. 100,000 คน ง. 150,000 คน
ข. รองประธานสภา
ค. รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล
ง. ปลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล
27. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไดม้ าจากการเลอื กตง้ั ของ 31. จังหวัดใด ไม่มี การปกครองทอ้ งถ่ินในรปู แบบของ
ประชาชน อยใู่ นตาแหนง่ วาระละก่ีปี เทศบาล
ก. 4 ปี ข. 5 ปี ก. ชลบุรี ข. เชียงใหม่
ค. 6 ปี ง. 8 ปี ค. ภูเกต็ ง. กรงุ เทพมหานคร
28. ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร มีอานาจในการแต่งตง้ั 32. สภาเมืองพทั ยา ประกอบด้วยสมาชกิ จานวนก่ีคน
และถอดถอนผ้ใู ด ก. 12 คน ข. 18 คน
ก. สมาชกิ สภากรงุ เทพมหานคร ค. 24 คน ง. 32 คน
ข. ประธานสภากรุงเทพมหานคร 33. นายกเมืองพทั ยาและสภาเมอื งพัทยา วาระดารง
ค. รองประธานสภากรุงเทพมหานคร ตาแหน่งคราวละกี่ปี
ง. รองผู้วา่ ราชการกรุงเทพมหานคร ก. 2 ปี ข. 4 ปี
29. ปจั จุบนั กรุงเทพมหานคร แบ่งเขตการปกครองออกเปน็ ค. 5 ปี ง. 6 ปี
ก่เี ขต 34. นายกเมอื งพัทยา มอี านาจในการแตง่ ต้งั ตาแหน่งใด
ก. 50 เขต ข. 51 เขต ก. ประธานสภาเมอื งพทั ยา
ค. 55 เขต ง. 61 เขต ข. รองประธานสภาเมอื งพัทยา
30. ข้อใดไมใ่ ช่อานาจหน้าทข่ี องกรุงเทพมหานคร ค. ปลัดเมืองพทั ยา
ก. การรกั ษาความสะอาด ง. รองนายกเมืองพัทยา
ข. การป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั 35. ผใู้ ดมอี านาจหน้าที่ควบคมุ และรับผดิ ชอบการบริหาร
ค. การจดั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ของเมอื งพทั ยา
ง. การจัดสร้างทางดว่ นพเิ ศษ ก. ประธานสภาเมอื งพัทยา
ข. นายกเมอื งพัทยา
ค. ผวู้ ่าราชการจงั หวัด
ง. ปลัดเมอื งพัทยา
ตอนท่ี 2 ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. คณะกรรมการเลอื กต้ังมอี านาจหนา้ ที่ใดบา้ ง ตอบเปน็ ขอ้ ๆ
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
2. ศาลรฐั ธรรมนญู มอี งค์ประกอบอะไรบ้าง
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
3. ปจั จบุ นั เทศบาลแบง่ ออกเป็นกป่ี ระเภท มีอะไรบ้าง
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................... ...
4. เทศบาลมีอานาจหน้าทอี่ ะไรบ้าง
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8
ตอนท่ี 1 ให้นกั เรียนทาเคร่ืองหมาย X ทบั ขอ้ ทถ่ี ูกต้องทีส่ ดุ
1. ภูมปิ ญั ญาใด จัดเปน็ ภูมิปญั ญาทเ่ี ปน็ วตั ถุ 8. อาหารประเภทลาบ นา้ ตก และปลาร้า เปน็ อาหาร
ก. ภาษา ข. ความเชื่อ ประจาภาคใด
ค. มีด ดาบ ง. ประเพณี ก. ภาคใต้
2. ภมู ิปญั ญาท่ีเป็นนามธรรม คอื ข้อใด ข. ภาคเหนือ
ก. พธิ กี รรมของทอ้ งถน่ิ ข. เครื่องจกั สานต่างๆ ค. ภาคกลาง
ค. เคร่ืองมือต่างๆ ง. เครอ่ื งประดบั ง. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
3. ประเพณใี ด ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การประกอบอาชพี การทานา 9. ถ้าหากเราจะไปดพู ธิ ีไหลเรือไฟ จะต้องไปที่จงั หวัดใด
มากที่สุด ก. สโุ ขทัย ข. เชียงใหม่
ก. วนั สารทไทย ข. พธิ ีแรกนาขวัญ ค. นครพนม ง. สุราษฎร์ธานี
ค. พิธีวันฉัตรมงคล ง. การเซงิ้ สวงิ 10. งานประเพณีแหเ่ ทยี นพรรษาท่มี ชี อื่ เสียง เปน็
4. ประเพณใี ด ท่ีไม่ได้เกยี่ วข้องกบั พระมหากษตั ริย์ เอกลกั ษณข์ องจงั หวดั ใด
ก. วนั ฉตั รมงคล ข. วนั ปยิ มหาราช ก. หนองคาย
ค. วนั เฉลิมพระชนมพรรษา ง. วนั ลอยพระประทีป ข. อบุ ลราชธานี
5. บริเวณคาบสมทุ รอนิ โดจีน รวมทั้งประเทศไทย ไดร้ บั ค. นครศรีธรรมราช
วฒั นธรรมของชาติใดมากท่สี ดุ ง. เชยี งใหม่
ก. จีน-อนิ เดยี ข. อังกฤษ-ฝรัง่ เศส 11. บรเิ วณ 4 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ของไทย ได้รบั
ค. โปรตุเกส-อเมริกา ง. แถบตะวันตกทั้งหมด อทิ ธพิ ลจากศาสนาใดมากที่สุด
6. “คาเมือง” เป็นภาษาพน้ื เมอื งของภูมิภาคใดของไทย ก. อสิ ลาม ข. คริสต์
ก. ภาคใต้ ค. พราหมณ์ ง. ซกิ ข์
ข. ภาคเหนอื 12. แกงเหลอื งและแกงไตปลา เปน็ อาหารประจาภาคใด
ค. ภาคกลาง ก. ภาคใต้
ง. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ข. ภาคเหนือ
7. “ประเพณเี ลีย้ งข้าวแลงขันโตก ” เป็นเอกลักษณ์ของชน ค. ภาคกลาง
กลุ่มใด ง. ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื
ก. ไทยอีสาน ข. ไทยปกั ษ์ใต้ 13. มโนราห์และหนงั ตะลุง เป็นประเพณีการละเล่นของ
ค. ไทยลา้ นนา ง. ไทยภาคตะวันออก ภมู ภิ าคใด
ก. ภาคใต้ ข. ภาคเหนอื
ค. ภาคกลาง ง. ภาคตะวนั ออก
14. ถา้ กลา่ วถึงขนมหม้อแกง จดั เป็นเอกลกั ษณข์ องจงั หวดั 15. ประเพณีวิ่งควาย เปน็ เอกลกั ษณข์ องจังหวดั ใด
ใด ก. นครสวรรค์ ข. นครปฐม
ก. ชลบุรี ข. นครปฐม ค. เพชรบรุ ี ง. ชลบุรี
ค. เพชรบรุ ี ง. นนทบรุ ี
ตอนที่ 2 ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี
1. คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาตไิ ด้แบง่ ประเภทของวัฒนธรรมออกเป็นกปี่ ระเภท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
2. ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น สามารถแบ่งได้ 2 ลกั ษณะ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................ ...........................
.........................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
3. ทมี่ าของภมู ปิ ญั ญา ประเพณี และวัฒนธรรมไทย มาจากปัจจัยใดบ้าง
.........................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................
เฉลยแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1
ตอนท่ี 1
1. ค 2. ก 3. ง 4. ข 5. ก 6. ค 7. ข
8. ง 9. ก 10. ง 11. ค 12. ง
ตอนท่ี 2
1. ควรปฏิบัติตนดงั น้ี
1. การปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บข้อบังคับของโรงเรียน
2. การรับผดิ ชอบต่อหนา้ ทข่ี องตนเอง
3. ควรเสยี สละความสุขส่วนตนเพื่อประโยชนข์ องสว่ นรวม
4. การเขา้ ร่วมทากิจกรรมของโรงเรยี นดว้ ยความเต็มใจ
2. คือ การปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บขอ้ บังคบั ตลอดทง้ั ขนบธรรมเนยี มท่ีดงี ามของสังคม และรว่ มกับชุมชนในการพฒั นาชมุ ชนให้
มคี วามเจรญิ ร่งุ เรอื ง เพือ่ ให้ทุกคนอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสขุ
3. ดว้ ยการปฏบิ ัติตนดังตอ่ ไปนี้
1. รับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 2. การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู ่ืน
3. การช่วยเหลอื ซึ่งกนั และกัน 4. การนาหลกั ธรรมมาใชใ้ นการดาเนินชีวติ
5. การใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ัญหา
เฉลยแบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2
ตอนที่ 1
1. ค 2. ก 3. ง 4. ก 5. ข 6. ค 7. ง
8. ข 9. ง 10. ก 11. ค 12. ก 13. ก 14. ค
15. ง 16. ง 17. ข 18. ก 19. ค 20. ข
ตอนที่ 2
1. คอื การท่ปี ระชาขนมีบทบาททางการเมอื ง สงิ่ ที่สาคญั ท่สี ดุ ได้แก่ อานาจอธปิ ไตยเป็นของประชากร
2. คือ การท่ปี ระชาชนมีส่วนรว่ มในการปกครองประเทศ และสิ่งสาคัญการทีป่ ระชาชนปกครองตนเองดว้ ยการเลือกตง้ั ตวั แทน
ของตนเองเขา้ เปน็ รัฐบาลบริหารประเทศ ประชาชนมคี วามสนใจในทางด้านการเมอื ง และการบรหิ ารราชการของรัฐบาล
3. การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยเปน็ การปกครองที่เคารพในคณุ คา่ ของบุคคล โด ยเห็นว่าทุกคนมสี ิทธเิ สรภี าพเท่าเทียม
กัน และทสี่ าคัญคอื การเคารพในศกั ด์ิศรีของความเปน็ คน โดยยึดหลักทวี่ ่า “อานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ” ส่วนในการ
ปกครองในระบอบอนื่ ไม่มีลักษณะดังกลา่ วขา้ งต้น
4. ได้แก่
1. เกดิ ความผดิ พลาดได้ง่ายเพราะการตัดสนิ ใจดาเนนิ งานดว้ ยคนๆเดียว หรอื กลุ่มเดียว
2. ไม่เปิดโอกาสใหค้ นดี คนดีทม่ี คี วามซื่อสัตยแ์ ละมคี วามสามารถจะไมไ่ ด้เขา้ รว่ มการตดั สินใจและแก้ปญั หาของการ
ปกครองประเทศ
3. การบริหารประเทศชาติดว้ ยบคุ คลเพยี งคนเดียวหรือกลมุ่ เดยี ว จะทาเพื่อผลประโยชนข์ องพรรคพวกและตนเองไม่
เปน็ ท่ยี อมรับของตา่ งชาติ จะทาให้ประเทศชาติล่มจมได้
เฉลยแบบทดสอบ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
ตอนที่ 1
1. ง 2. ค 3. ก 4. ข 5. ก 6. ข 7. ก
8. ง 9. ง 10. ง 11. ข 12. ง 13. ค 14. ข
15. ข
ตอนท่ี 2
1. กฎหมายเป็นข้อบงั คบั ท่ีกาหนดใหท้ กุ คนตอ้ งปฏบิ ัติตามเพื่อความสงบเรียบรอ้ ย เปน็ ตัวกาหนดกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง และ
เป็นหลกั ในปกครอง ช่วยให้การปกครองดาเนนิ ไปอย่างมีระเบยี บแบบแผน นอกจากนีก้ ฎหมายยงั ชว่ ยคุ้มครองสทิ ธิและ
เสรภี าพของบคุ คล เพ่อื มใิ หผ้ ู้อื่นมาเบียดเบียนหรือขม่ เหงรงั แก ซึง่ นบั ไดว้ า่ เป็นมาตรการสาคัญทีจ่ ะชว่ ยให้สงั คมอยู่กันอยา่ งสงบ
สุข
2. โทษ หมายถึง บทบังคับ คือ ถา้ หากในบทบัญญัติของกฎหมายใหก้ ระทาหรอื ห้ามมใิ หก้ ระทา ถ้าหากผใู้ ดฝ่าฝืนหรือไมป่ ฏิบตั ิ
ตามก็ไมเ่ กดิ ผลกระทบต่อตนเองกไ็ ม่มผี ใู้ ดเกรงกลัว กฎหมายนัน้ กไ็ ร้ผล อย่างเชน่ ผใู้ ดกระทาผิดกฎหมายอาญากจ็ ะได้รับโทษที่
กาหนดไว้ คือ ริบทรพั ยส์ ิน ปรบั กักขงั จาคุก และประหารชีวิต สว่ นความผิดในทางกฎหมายแพ่งก็จะชดใช้คา่ สินไหมทดแทน
ทั้งน้ีเพอ่ื ใหเ้ กิดความเกรงกลัวและหลาบจาจะได้ไมป่ ระพฤติหรอื กระทาความผิดอกี
3. คือ 1. ตอ้ งเปน็ กฎ คาสงั่ หรือข้อบังคับ
2. กฎหมายนั้นตอ้ งตราข้ึนโดยผมู้ ีอานาจสูงสดุ ภายในรัฐ
3. กฎหมายตอ้ งมีการบังคบั ใชต้ ลอดไป
4. กฎหมายต้องมีสภาพบงั คบั
เฉลยแบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4
ตอนท่ี 1
1. ข 2. ก 3. ค 4. ก 5. ง 6. ค 7. ข
8. ค 9. ง 10. ค 11. ก 12. ง 13. ข 14. ง
15. ก 16. ค 17. ข 18. ง 19. ง 20. ข 21. ค
22. ก 23. ข 24. ก 25. ค 26. ง 27. ข 28. ค
29. ก 30. ค 31. ง 32. ข 33. ง 34. ค 35. ก
ตอนที่ 2
1. การสมรสท่ถี ูกตอ้ งตามกฎหมายคือการจดทะเบยี นสมรส ดังนั้นจงึ มีความจาเป็นอย่างย่ิงทจ่ี ะต้องจดทะเบียนสมรส เพราะ
จะเกดิ สทิ ธติ ามมาอีกหลายประการ เชน่ เป็นหลักฐานท่มี น่ั คงว่าสามหี รือภรรยาจะจดทะเบียนสมรสอกี ไม่ได้ นอกจากนั้นบุตร
ท่เี กดิ มาจะเป็นบุตรที่ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย
2. เพราะบตั รประจาตัวประชาชนเป็นเอกสารทางราชการอยา่ งหนึ่ง ทแี่ สดงความเป็นคนไทยและผ้มู ีสญั ชาตไิ ทยเทา่ นน้ั ท่มี ีบตั ร
ประจาประชาชนได้ นอกจากน้ันบตั รประจาประชาชนยังเปน็ สงิ่ บ่งช้ีตัวบคุ คล บง่ สถานะกบั บคุ คลในการค้นคว้าหาตวั บุคคล
3. สนิ สอด คอื ทรพั ยส์ ินซง่ึ ฝ่ายชา ยใหแ้ กฝ่ า่ ยหญงิ เพ่อื เปน็ การตอบแทนทฝี่ า่ ยหญงิ ยอมสมรสดว้ ย ถ้าไม่มีการสมรสด้วยเหตุ
ความผดิ ของฝา่ ยหญงิ ฝา่ ยชายเรยี กสนิ สอดคนื จากฝา่ ยหญิงได้ ของหม้ัน คือ ทรพั ย์สนิ ที่ฝ่ายชายมอบใหฝ้ า่ ยหญิง เพ่อื เป็น
หลกั ฐานในการหมั้นและประกันวา่ จะสมรสกับฝา่ ยหญิง ถ้าฝ่ายหญงิ ไมย่ อมส มรสด้วยตอ้ งคืนของหม้ันแก่ฝา่ ยชาย แตถ่ ้าฝา่ ย
ชายผดิ สญั ญาหมนั้ ของหมนั้ จะตกเปน็ ของฝา่ ยหญิง
เฉลยแบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5
ตอนท่ี 1
1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ค 6. ง 7. ค
8. ง 9. ก 10. ง 11. ข 12. ก 13. ง 14. ข
15. ก 16. ง 17. ง 18. ก 19. ข 20. ง 21. ข
22. ค 23. ก 24. ก 25. ข
ตอนที่ 2
1. ป่าไมเ้ ปน็ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีสาคญั ต่อมนษุ ยชาตคิ ือ เป็นปัจจัยพ้นื ฐานสาคัญอยา่ งหนึ่งของการดาเนนิ ชีวิตและ
เจรญิ เติบโตของสง่ิ มีชวี ิต หรือเปน็ ที่มาของปัจจยั 4 ท่มี คี วามจาเป็นพ้นื ฐานของมนุษย์และเป็นแหล่งท่อี ยอู่ าศัยของสง่ิ มชี ีวติ
ตา่ งๆ ตลอดทงั้ เป็นแหลง่ เกดิ ต้นนา้ ปอ้ งกนั ภยั ธรรมชาติ และการพังทลายของดนิ และเป็นแหล่งสะสมปยุ๋ ธรรมชาติ ซ่งึ จะทาให้
พ้นื ทอ่ี ุดมสมบรู ณเ์ หมาะแก่การเพาะปลูก เปน็ ต้น
2. เพราะส่ิงแวดล้อมมีความจา เป็นตอ่ ชวี ิต ความเป็นอยขู่ องมนษุ ย์ สัตว์ และพืช จงึ จาเปน็ ตอ้ งรักษาคณุ ภาพของสิ่งแวดลอ้ ม
ดงั นน้ั การป้องกนั และแก้ไขปญั หาส่งิ แวดล้อมตา่ งๆ จึงจาเป็นที่จะต้องมกี ฎหมายเก่ียวกับการปอ้ งกันและรักษาคณุ ภาพของ
สง่ิ แวดลอ้ ม ผใู้ ดฝา่ ฝนื หรือไมป่ ฏบิ ตั ติ ามก็จะได้รบั โทษตามท่ีกฎหมายกาหนด
3. เพราะต้องการให้สังคมน่าอยู่ คือ ถา้ หากบ้านเมืองสะอาดและมคี วามเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย จะทาให้ประชาชนมีสุขภาพ
สมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไขเ้ จ็บ สามารถดารงชวี ติ อยู่ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ
4. เพราะตอ้ งการให้ชายไทยทุกคนท่มี สี ญั ชาติไทยมหี น้าทใ่ี นการปอ้ งกันและรักษาเอกราชของชาติ และท่ีสาคญั คือ การปอ้ งกนั
มิให้ต่างชาติเข้ามารุกรานและและแทรกแซง จึงจาเปน็ ต้องมีกฎหมายมารองรับเกยี่ วกบั การรบั ราชการทหารของชายไทย
5. เพราะสัตว์ป่าเปน็ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ีส่ าคญั อยา่ งหนึง่ ทม่ี นษุ ย์นามาใชป้ ระโยชน์ทางตรงและทรงออ้ ม ประกอบกบั สตั วเ์ ปน็
ทรัพยากรทหี่ มดส้นิ ถา้ หากไมม่ ีกฎหมายคุม้ ครองและจะทาใหส้ ัตว์ป่าถกู ทาลายจนหมดสิ้น
เฉลยแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 6
ตอนที่ 1
1. ง 2. ข 3. ก 4. ค 5. ข 6. ง 7. ง
8. ก 9. ค 10. ก 11. ค 12. ง 13. ง 14. ค
15. ก 16. ง 17. ข 18. ก 19. ก 20. ง 21. ค
22. ข 23. ก 24. ค 25. ข 26. ง 27. ค 28. ข
29. ง 30. ค
ตอนท่ี 2
1. คอื ในการเช่าซอ้ื ทัง้ สังหารมิ ทรัพย์และอสงั หาริมทรพั ย์ต้องทาเป็นหนงั สือและลงลายมอื ชอื่ ค่สู ัญญาทั้งสองฝ่าย มิฉะน้ันจะ
ตกเป็นโมฆะ
2. 1. การกระทาผิดโดยเจตนา
2. การกระทาผดิ โดยไม่เจตนา
3. การกระทาผิดโดยประมาท
3. ถา้ หากสงั คมไทยไม่มีกฎหมายอาญา สงั คมกไ็ มส่ งบเรียบร้อย ปญั หาอาชญากรรมจะมมี ากขึ้น ความปลอดภยั ในชีวติ รา่ งกาย
และทรัพย์สินของบุคคลกไ็ ม่สามารถจะทาได้ เม่ือมีผู้กระทาผิดไมส่ ามารถลงโทษใหห้ ลาบจา จึงเกิดแกแ้ คน้ กนั เอง ทาใหส้ ังคม
ขาดความสงบสุข
4. 1. การกูย้ มื เงนิ เป็นการยมื ทรพั ย์ท่เี ปน็ เงินตรา
2. การกยู้ มื เงินเกินกว่า 50 บาท ตอ้ งมีหลกั ฐานเปน็ หนงั สือลงลายมอื ช่อื ผู้ยมื
3. การกู้ยืมเงินจะเรียกดอกเบี้ยเกนิ กว่าร้อยละ 15 ตอ่ ปีไม่ได้
5. คือ จะทาลายสขุ ภาพและระบบการทางานของร่างกายทาให้รา่ งกายเส่อื มโทรมลง รา่ งกายจะไม่แขง็ แรงทาใหต้ ิดเช้ือโรคได้
ง่าย บางคร้งั ทาใหข้ าดสติ ซึ่งจะทาร้ายตนเองและผู้อ่ืน การทางานของสมองจะชา้ และอาจทาให้เกิดอุบัติเหตไุ ดง้ ่าย
เฉลยแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7
ตอนท่ี 1
1. ข 2. ง 3. ก 4. ค 5. ง 6. ง 7. ข
8. ค 9. ง 10. ค 11. ก 12. ค 13. ก 14. ข
15. ง 16. ง 17. ค 18. ข 19. ค 20. ก 21. ข
22. ค 23. ค 24. ข 25. ข 26. ค 27. ก 28. ง
29. ก 30. ง 31. ง 32. ค 33. ข 34. ง 35. ข
ตอนท่ี 2
1. มหี น้าทีด่ งั นี้
1. ควบคมุ และดาเนนิ การจัดหรอื จดั ใหม้ ีการเลือกตงั้
2. จดั ทารายช่อื ผู้มีสิทธเิ ลอื กตง้ั ตามทะเบยี นราษฎร
3. แต่งตัง้ คณะกรรมการเลอื กต้ังประจาจังหวัด ผ้อู านวยการเลือกตัง้ ประจาจงั หวดั
4. ประกาศผลเลอื กตงั้ หรอื การออกเสียงลงประชามติ
5. กาหนดใหม้ ีการเลือกตงั้ ใหม่ในหนว่ ยเลือกตง้ั ใดหนว่ ยเลือกตง้ั หน่ึงหรอื ทุกหนว่ ยเลือกตัง้ เมื่อมหี ลักฐานอันควรเช่ือได้
วา่ การเลือกตั้งนั้นไมส่ จุ รติ และเท่ยี งธรรม
2. คอื ตามรัฐธรรมนญู ปี พ.ศ.2550 ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วย ประธานศาลรฐั ธรรมนูญ 1 คน และตุลาการศาลรัฐธรรมนญู
อกี 8 คน ซง่ึ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั ตามคาแนะนาของวฒุ ิสภา และมคี ุณสมบัติตามทรี่ ฐั ธรรมนญู กาหนด มวี าระการดารง
ตาแหนง่ เกา้ ปี นบั ต้ังแต่วนั ที่พระมหากษตั ริยท์ รงแต่งตั้ง และใหด้ ารงตาแหน่งได้เพยี งวาระเดยี ว
3. เทศบาลแบ่งเป็น 3 ประเภท ดงั นี้
1. เทศบาลตาบล 2. เทศบาลเมือง 3. เทศบาลนคร
4. 1. รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชน
2. รักษาความสะอาดของถนนและทางเดนิ
3. มหี น้าทใี่ นการป้องกันและรกั ษาโรคตดิ ต่อ
4. การจดั ให้ประชาชนไดเ้ ข้ารับการศกึ ษาอบรม
5. การจัดใหม้ ีเครือ่ งดบั เพลิง
เฉลยแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 8
ตอนท่ี 1
1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ก 6. ข 7. ค
8. ง 9. ค 10. ข 11. ก 12. ก 13. ก 14. ค
15. ง
ตอนท่ี 2
1. คือ 1. คติธรรม ไดแ้ ก่ หลกั ธรรมคาสอนของศาสนาซ่งึ มผี ลตอ่ จิตใจ
2. เนตธิ รรม ได้แก่ เปน็ วฒั นธรรมทางกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ต่างๆและจารตี ประเพณี
3. สหธรรม ได้แก่ เปน็ วัฒนธรรมที่เกย่ี วกับการดาเนนิ ชีวิต
4. วัตถธุ รรม ได้แก่ เปน็ วฒั นธรรมทางวตั ถุต่างๆ
2. 1. ภมู ปิ ัญญาทเี่ ป็นวตั ถุ เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้ตา่ งๆ คอื กระด้ง กระบุง มีด จาน ถ้วย เปน็ ตน้
2. ภมู ิปญั ญาท่ีไม่ใชว่ ตั ถุ เช่น ประเพณี ความเชื่อ ภาษา พธิ กี รรมของทอ้ งถน่ิ เปน็ ตน้
3. 1. สภาพทางภูมศิ าสตร์
2. ความเป็นมาทางประวตั ศิ าสตร์
3. ความเชอื่ และหลักคาสอนทางศาสนา
4. การถา่ ยทอดทางวัฒนธรรม