การพฒั นาทักษะในการใช้ส่ือออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และปลอดภยั
ของนกั เรียนโรงเรียนวชิ ัยวทิ ยาโดยใช้ส่ือเกมส์การศึกษาออนไลน์
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
ช่ือผ้วู จิ ยั
นายอษั ฎายธุ ยศเวยี ง
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่
2565
ก
บทคัดย่อ
การวจิ ัยคร้ังนี้มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อ.1)สรา้ งและตรวจสอบคณุ ภาพของการเรยี นรเู้ รื่องการ
รู้เทา่ ทนั สื่อจากเรื่องราวปัญหาในชีวิตประจำวันของนักเรียน และ 2) เพ่ือเปรียบเทยี บทักษะการ
วิเคราะหแ์ ก้ปัญหาการรู้เทา่ ทันส่ือของนกั เรยี นชน้ั ม 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนวิชัยวิทยา ทเี่ รียนโดย
ใช้เน้อื หาในบทเรยี น กับแหล่งเรียนร้อู อนไลน์ในการเล่นเกมส์การศึกษา
https://beinternetawesome.withgoogle.com ประชากรทใี่ ชใ้ นการวิจยั คือนักเรยี น ช้นั ม 1
โรงเรียนวชิ ยั วทิ ยา ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 จำนวน 30 คน มวี ิธดี ำเนินการวจิ ัย แบบหน่ึง
กล่มุ วัดหลงั เรียนครั้งเดียว ขั้นตอน คือจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ ลว้ วัดผลสัมฤทธิ์ เคร่อื งมือทเ่ี ป็น
นวัตกรรม ได้แก่แหลง่ เรียนรู้ออนไลนก์ ารเลน่ เกมส์ผ่านเว็ปไซต์
https://beinternetawesome.withgoogle.com เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ไดแ้ ก่
แบบทดสอบทกั ษะการแก้ปัญหาในการร้เู ท่าทนั สอื่ จำนวน 8 ขอ้ ผลการวิจัยพบวา่
1.ตามวัตถปุ ระสงค์ นกั เรยี นสามารถเข้าใจและปฏบิ ตั ิกิจกรรมได้สำเร็จ เปน็ ผลให้กระบวนการคิด
แก้ปญั หาของนักเรยี นมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
2. การเปรยี บเทยี บคะแนนหลังเรียนกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือร้อยละ 80 พบว่านักเรียนผา่ นเกณฑ์
จำนวน 30 คน และ ไมผ่ ่านเกณฑ์จำนวน 0 คน ส่วน คะแนนผลสัมฤทธ์หิ ลงั เรียนมีคา่ เฉล่ยี รวมรอ้ ย
ละ 90
นายอษั ฎายธุ ยศเวียง
2565
ข
กิตติกรรมประกาศ
การวิจัยในครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากคณะผู้บริหารโรงเรียนวิชัยวิทยา และอาจารย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สายฝน แสนใจพรหม ที่สนับสนุนให้เกิดการวิจัยในคร้ังนี้ จึ งขอกราบ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสงู
งานวิจัยคร้ังนี้ จะสำเร็จลงมิไดห้ ากขาดความร่วมมอื ในการทดลองใช้ สื่อนวัตกรรมการเรียนรู้
ผ่านการเล่นเกมส์การศึกษา ผ่านเว็ปไซต์ https://beinternetawesome.withgoogle.com จาก
นักเรียน ช้ัน ม.1 ปีการศึกษา2565 ทุกคน ที่สนับสนุนในการเก็บรวบรวมข้อมูล จนงานวิจัยเสร็จสิ้น
สมบรูณ์ ผู้วิจัยขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ไว้ ณ ที่น้ี ขอขอบคุณทีมผู้เช่ียวชาญ คณาจารย์ นักเรียน ครูพี่
เลี้ยง และผู้บริหารทุก ๆ ทา่ นที่ไดร้ ่วมแลกเปลย่ี นเรยี นร้ใู นการทำวิจัยในชั้นเรียนในครั้งนี้
นายอัษฎายุธ ยศเวียง
2565
ค หน้า
สารบัญ ก
ข
บทคัดย่อภาษาไทย ค
กิตติกรรมประกาศ ง
สารบัญ 11
สารบัญตาราง 1
บทที่ 1 บทนา 1
1
ความเป็ นมาและความสาคญั ของปัญหา 2
วตั ถุประสงค์ของการวิจยั 2
ขอบเขตของการศึกษา 3
นิยามศพั ท์เฉพาะ 3
ประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการศึกษา 3
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง 4
เอกสารเกี่ยวกบั การรู้เท่าทนั สื่อ 7
ความหมายของการรู้เท่าทนั สื่อ 11
ทกั ษะการรู้เท่าทนั สื่อ 11
งานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง 12
บทท่ี 3 วิธีดาเนินการวิจัย 12
แผนแบบการวิจยั 12
กลุ่มเป้าหมาย 12
ตวั แปรในการวิจยั 13
เคร่ื องมือที่ใช้ในการวิจยั 14
การสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั
การเก็บรวบรวมขอ้ มูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลและสถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ง
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 15
ตอนท่ี 1 ผลการตรวจสอบคุณภาพของนวตั กรรม/แผนการจดั การ 15
เรียนรู้
ตอนที่ 2 ผลสัมฤทธ์ิของการจดั การเรียนการสอนวชิ าวทิ ยาการ 18
คานวณ ในสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
20
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 20
สรุปผลการวิจยั 20
อภิปรายผล 21
ขอ้ เสนอแนะ 22
44
ภาคผนวก
ประวัติผู้วิจัย
จ
สารบัญตาราง
ตาราง หน้า
3.1 แสดงแผนแบบการวิจยั เร่ืองการพฒั นาทกั ษะในการใช้ส่ือออนไลน์อย่าง 11
สร้างสรรคแ์ ละปลอดภยั สาหรับนกั เรียนช้นั ม.1 โรงเรียนวชิ ยั วิทยา 15
16
4.1 ผลการประเมินคุณภาพของนวตั กรรมเร่ืองเรียนรู้การรู้เท่าทนั ส่ือออนไลน์ 18
ในการเล่นเกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com
4.2 ผลการประเมินคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้เร่ืองการรู้เทา่ ทนั สื่อ
ออนไลนใ์ นการเล่นเกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com
4.3 แสดงผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาการคานวณ ในสาระวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยโี ดยการเปรียบเทียบคะแนนหลงั เรียนกบั เกณฑร์ ้อยละ 80
1
บทที่ 1
บทนำ
ควำมเป็ นมำและควำมสำคัญของปัญหำ
ความสามารถในการรู้เท่าทนั สื่อเป็นทกั ษะพ้ืนฐานที่มีความสาคญั และจาเป็นในการใชช้ ีวิต
ในยุคที่ทุกคนสามารถเขา้ ถึงส่ือต่างๆ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย ซ่ึงเป็ นองค์ประกอบของการเรียน
วิชาเทคโนโลยี วิทยาการคานวณ เป็ นทกั ษะที่จาเป็ นสาหรับนกั เรียนในการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ท่ี
จะช่วยให้นักเรียนสามารถสร้างองคค์ วามรู้ไดท้ ุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน
และมีการเรียนรู้ไดต้ ลอดชีวิต
การที่นกั เรียนมีความรู้ทกั ษะในการรู้เท่าทนั สื่อ จะช่วยใหน้ กั เรียนสามารถวเิ คราะห์ส่ือต่างๆ
เป็ นคนท่ีสามารถแกป้ ัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง สามารถปกป้องขอ้ มูลส่วนตวั ได้ รู้จกั แบ่งปันสิ่งดีๆในโลก
ออนไลน์ และสามารถเลือกว่าจะแบ่งปันขอ้ มูลส่วนตวั กบั ผูค้ นรอบตวั อย่างไรไดบ้ า้ ง ซ่ึงหากนักเรียน
ไม่ไดร้ ับการเรียนรู้ฝึ กฝนอยา่ งถกู ตอ้ ง จะส่งผลใหเ้ กิดทกั ษะในการรู้เทา่ ทนั สื่อในปริมาณที่นอ้ ยหรือไม่
มีเลย เม่ือตวั ผูเ้ รียนไม่มีทักษะ ก็จะเป็ นเร่ืองยากท่ีจะต่อยอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ในกเรียน
เรียนรู้จนครบกระบวนการ ท้งั น้ีผูว้ ิจยั จะไดน้ าปัญหาใกลต้ วั ที่นักเรียนไดพ้ บเจอในชีวิตประจาวนั มา
ช่วยให้นักเรียนฝี กทกั ษะในการใช้ตรรกะแก้ปัญหา คิดอย่างเป็ นเหตุเป็ นผล และเรียนรู้ฝึ กฝนในการ
สร้างทกั ษะการรู้เทา่ ทนั สื่อไปพร้อมกนั
ดงั น้นั จึงมีความจาเป็นตอ้ งพฒั นาทกั ษะในการรู้เท่าทนั สื่อ สาหรับนกั เรียนช้นั ม.1 โดยใช้
แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ในการเล่นเกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์ beinternetawesome.withgoogle.com
วัตถปุ ระสงค์ของกำรวิจัย
1. เพ่ือสร้างและตรวจสอบคุณภาพของการเรียนรู้เรื่องการรู้เทา่ ทนั ส่ือจากเร่ืองราวปัญหา
ในชีวติ ประจาวนั ของนกั เรียน
2. เพื่อเปรียบเทียบทกั ษะการวิเคราะห์แกป้ ัญหาการใชส้ ื่อสังคมออนไลน์ของนกั เรียนช้นั
ม 1 ภาคเรียนท่ี 1โรงเรียนวิชยั วิทยา ท่ีเรียนโดยใชเ้ น้ือหาในบทเรียนกบั แหลง่ เรียนรู้
ออนไลนใ์ นเกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์ beinternetawesome.withgoogle.com
ขอบเขตของกำรศึกษำ
1. กลุ่มเป้ำหมำย/ประชำกร คือ นกั เรียน ช้นั ม 1โรงเรียนวิชยั วทิ ยา ภาคเรียนท่ี 1 ปี
การศึกษา 2564 จานวน 30 คน
2
2. เนื้อหำท่ีใช้ในกำรศึกษำ เป็ นเน้ือหาเกี่ยวกับการเข้าใจส่ือสังคมออนไลน์และวิธี
ปฏบิ ตั เิ ม่อื เกดิ ปัญหาและเพอ่ื ป้องกนั ปัญหาทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ กบั ตวั เรา
3. ขอบเขตระยะเวลำ ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2565
นิยำมศัพท์เฉพำะ
1. การรู้เท่าทนั สื่อหมายถึง ความสามารถป้องกนั ตนเองจากการถูกจูงใจจากเน้ือหาของสื่อ
การสามารถวเิ คราะหเ์ น้ือหาของส่ืออยา่ งมีวิจารณญาณ เพ่ือให้สามารถควบคุมการตีความ
เน้ือหาของส่ือท่ีมีปฏิสัมพนั ธ์ดว้ ย นั่นคือ การท่ีเราไม่หลงเช่ือเน้ือหาที่ไดอ้ ่าน ไดย้ ิน ได้
ฟัง แตส่ ามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และรู้จกั ต้งั คาถาม
2. การวิเคราะห์ส่ื อ หมายถึง การแยกแยะองค์ประกอบในการนาเสนอของส่ือว่ามี
วตั ถปุ ระสงคอ์ ะไร
3.การเขา้ ใจสื่อ หมายถึง การตีความส่ือหลงั จากเปิ ดรับสื่อไปแลว้ เพ่ือทาความขา้ ใจในส่ิงท่ี
ส่ือนาเสนอซ่ึงผูร้ ับสารแต่ละคนก็จะมีความเขา้ ใจส่ือไดไ้ ม่เหมือนกัน ตีความไปคนละ
แบบข้นึ อยกู่ บั ประสบการณ์ พ้ืนฐานการศึกษา ตลอดจนการรับรู้ขอ้ มูลของแต่ละบุคคลท่ี
มีไมเ่ ทา่ กนั มาก่อน
4.การเปิ ดรับส่ือ หมายถึง การเปิ ดรับสื่อของประสาทสมั ผสั หู ตา จมูก ลิ้น สัมผสั ของเรา ซ่ึง
เมื่อเปิ ดรับแลว้ สมองจะสั่งการให้คิดและปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ตามมา การรู้เท่า
ทนั ส่ือในข้นั ของการรับรู้อารมณ์ตนเองจึงเป็ นสิ่งสาคญั ที่ตอ้ งแยกความคิดและอารมณ์
ออกจากกนั และความคิดจะทาใหเ้ รารับรู้ความจริงวา่ อะไรเป็นเป้าหมายที่สื่อสร้างข้ึน
ประโยชน์ทไี่ ด้รับ
1.ครูไดน้ วตั กรรมการจดั การเรียนรู้เร่ืองการรู้เท่าทนั สื่อ
2.นกั เรียนมีผลสมั ฤทธ์ิ/ผลการเรียนรู้เรื่องการรู้เทา่ ทนั สื่อสูงข้ึน
3.สถานศึกษาได้แนวทางในการส่งเสริม/แก้ไขปัญหาการรู้เท่าทันส่ือ และใช้ส่ือสังคม
ออนไลน์ใหเ้ กิดประโยชนข์ องนกั เรียน
3
บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กย่ี วข้อง
การวจิ ยั คร้ังน้ี ไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ดงั ไดน้ าเสนอตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี
1. เอกสารที่เกี่ยวขอ้ งกบั การรู้เท่าทนั ส่ือ
2. เอกสารท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เกมส์การศึกษาเรื่องการรู้เทา่ ทนั ส่ือ
beinternetawesome.withgoogle.com
3. งานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง
เอกสารทีเ่ กย่ี วข้องกบั การรู้เท่าทันสื่อ
จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวขอ้ งกับแบบฝึ กได้ศึกษาความหมายของการรู้เท่าทันสื่อ
ทกั ษะการรู้เท่าทนั ส่ือ รายละเอียดดงั น้ี
ความหมายของการรู้เท่าทนั ส่ือ
พรทิพย์ เย็นจะบก (2552) กล่าวว่า การรู้เท่าทนั ส่ือ คือ ความสามารถในการวิเคราะห์
วิจารณ์และประเมินค่าส่ือ ความสามารถในการเขา้ ถึงส่ือ นาเสนอสื่อในแบบฉบบั ของตนเอง และ
ผลิตส่ือเพ่ือสื่อสารไดห้ ลายรูปแบบนอกจากน้ีการรู้เท่าทนั สื่อยงั หมายรวมถึงกิจกรรมทางการศึกษา
เพ่อื พฒั นาทกั ษะการวเิ คราะหว์ ิจารณ์และสร้างโอกาสในการเขา้ ถึงส่ือ
แพรวพรรณ อคั คะประสา (2557) กลา่ ววา่ การรู้เท่าทนั สื่อ คอื การมีทกั ษะการรู้เท่าทนั สื่อ
อยา่ งรู้ตวั การท่ีบุคคลจะรับส่ืออย่างตื่นตวั น้นั ตอ้ งมีความสามารถตีความ วิเคราะห์แยกแยะเน้ือหา
สาระของสื่อ และสามารถตอบโตก้ บั สื่อไดอ้ ยา่ งมีสติและรู้ตวั ตลอดจนสามารถต้งั คาถามว่าสื่อถูก
สร้างข้ึนอยา่ งไร
บุพผา เมฆศรีทองคา (2552) ใหค้ วามหมายของการรู้เท่าทนั สื่อว่าหมายถึงความสามารถ
ของแต่ละบุคคลในการเขา้ ถึง เขา้ ใจ ตีความ ประเมินและสร้างเน้ือหาสื่อในรูปแบบท่ีหลากหลาย
ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบของส่ือโดยไม่ถูกครอบงาจากสื่อ และสามารถเสริมสร้างพลงั
อานาจของตนเพอ่ื ใหส้ ามารถใชส้ ่ือเป็นประโยชน์
ตอ่ การเรียนรู้และการดารงชีวติ ของท้งั ต่อตนเองครอบครัว ชุมชนและสงั คม
4
Potter (2005 อา้ งในบุพผา เมฆศรีทองคา, 2552) กล่าววา่ การรู้เท่าทนั สื่อเป็นมมุ มองจาก
การท่ีบุคคลเปิ ดรับสื่อและตีความหมายของเน้ือหาสื่อตามที่ได้เปิ ดรับด้วยความตระหนักถึง
ผลกระทบของสื่อและมีสติในการเปิ ดรับโดยวตั ถุประสงค์ของการรู้เท่าทนั ส่ือคือ การเสริมสร้าง
พลงั อานาจของบุคคลเพื่อใหบ้ ุคคลควบคมุ สื่อไม่ตกอยภู่ ายใตก้ ารครอบงาของส่ือ
จากความหมายของการรู้เท่าทนั ส่ือที่มีผูใ้ หค้ วามหมายไวข้ า้ งตน้ สามารถสรุปไดว้ ่า การ
รู้เทา่ ทนั สื่อ หมายถึง การท่ีบุคคลมีความสามารถในการอา่ นสื่ออยา่ งเขา้ ใจสามารถวเิ คราะห์ประเมิน
ค่าตีความนยั ยะแฝงในสื่อโดยไมถ่ กู หลอกหรือถูกครอบงา
ทกั ษะการรู้เท่าทนั สื่อ
ภายใต้กรอบแนวคิด เร่ื อง การส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออกและการสร้างเสริม
สมรรถภาพในการเขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารและความรู้อย่างทวั่ ถึงและเท่าเทียมขององคก์ ร UNESCO
การที่บุคคลจะนาทักษะการเรียนรู้ของตนเองเพื่อให้รู้เท่าทันสื่อได้น้ัน ต้องมีทักษะที่เป็ น
องคป์ ระกอบที่สาคญั 4 องคป์ ระกอบเรียงตามลาดบั คือ การเขา้ ถึง (access) การวิเคราะห์ (analyze)
การประเมินคา่ (evaluate) และการสร้างสรรค(์ create) (พรทิพยเ์ ยน็ จะบก, 2552)ดงั น้ี
1. การเข้าถึง (access)หมายถึงการไดร้ ับส่ือประเภทต่างๆไดอ้ ย่างเตม็ ท่ีและรวดเร็ว
สามารถรับรู้และเข้าใจเน้ือหาของสื่อประเภทต่าง ๆ ได้อย่างเต็มความสามารถมีการ
แสวงหาข่าวสารไดจ้ ากสื่อหลายประเภทและไม่ถูกจากดั อยกู่ บั ส่ือประเภทใดประเภทหน่ึง
มากเกินไป ความสามารถในการเก็บขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งและเป็นประโยชน์พร้อมท้งั ทาความ
เขา้ ใจความหมายอยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั น้ี
1.1 อ่านเน้ือหาจากสื่อน้นั ๆและทาความเขา้ ใจอยา่ งถอ่ งแท้
1.2 จดจาและเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทส์ ญั ลกั ษณ์และเทคนิค
ท่ีใชใ้ นการสื่อสาร
1.3 พฒั นากลยทุ ธ์ เพือ่ หาตาแหน่งที่มาของขอ้ มลู จากแหล่งตา่ ง ๆ
ที่หลากหลาย
1.4 เลือกกรองขอ้ มูลประเภทต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งใหส้ อดคลอ้ งกบั
วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีตอ้ งการ
2. การวิเคราะห์(analyze) หมายถึง การตีความเน้ือหาสื่อตามองค์ประกอบและ
รูปแบบที่สื่อแตล่ ะประเภทนาเสนอ วา่ สิ่งที่สื่อนาเสนอน้นั ส่งผลกระทบอะไรบา้ งต่อสังคม
การเมืองหรือเศรษฐกิจโดยใชพ้ ้ืนความรู้เดิมและประสบการณ์ในการคาดการณ์ ถึงผลที่จะ
5
เกิดข้ึน ที่อาจมาจากการวิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์ของการสื่ อสารการวิเคราะห์
กลุ่มเป้าหมายของสื่อ (กลุ่มผเู้ ปิ ดรับส่ือ) จุดยืนของสื่อ บริบทต่าง ๆของส่ือที่ส่งผลกระทบ
ต่อการนาเสนอของสื่ อ โดยอาจใช้วิธีการของการวิเคราะห์ เปรี ยบเทียบ การแตก
องค์ประกอบย่อยต่าง ๆ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเหตุและผลความสามารถในการ
วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยการตรวจสอบรูปแบบการใชส้ ื่อ โครงสร้างและลาดบั การเรียงเน้ือหา
สื่อ ซ่ึงสามารถใช้แนวคิดจากศาสตร์ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ศิลปะวรรณกรรมสังคมการเมืองและ
เศรษฐกิจเพอ่ื ทาความเขา้ ใจเน้ือหาบริบทที่ตอ้ งการสื่อตวั อยา่ งเช่น
2.1 ใชค้ วามรู้และประสบการณ์เดิมเพื่อทานายผลท่ีจะเกิด
2.2 ตีความเน้ือหาโดยใชห้ ลกั การวิเคราะห์พ้นื ฐาน เช่น วิเคราะห์
“วตั ถปุ ระสงค”์
2.3 “ผรู้ ับสาร” “ความคิดเห็น” “รูปแบบที่กาหนด” “ประเภทรายการ”
“บคุ ลิก” “พลอ็ ต” “แนวคิดรวม” “อารมณ์” “ภาพท่ีเห็น” และ “เน้ือหา”
2.4 ใชย้ ทุ ธวธิ ีซ่ึงรวมถึงการเปรียบเทียบ/หาความแตกตา่ งขอ้ เทจ็ จริง/
ความเห็นเหตุ/ผลการลาดบั ความสาคญั /การเรียง
2.5 ใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั บริบททางประวตั ิศาสตร์การเมือง เศรษฐกิจ
ซ่ึงเป็นท่ีมาของการสร้างสรรคแ์ ละตีความหมาย
3. การประเมินคา่ (evaluate) เป็นผลมาจากการวิเคราะห์ส่ือท่ีผา่ นมาทาใหส้ ามารถที่
จะประเมินค่าคุณภาพของเน้ือหาสารท่ีถูกส่งออกมาไดว้ า่ มีคุณค่าต่อผรู้ ับมากนอ้ ยเพียงใด
สามารถนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผูร้ ับในด้านใดไดบ้ า้ งคุณค่าท่ีเกิดข้ึนเป็ นคุณค่าท่ี
เกิดข้ึนทางใจ อารมณ์ความรู้สึกหรือมีคุณค่าทางศีลธรรมจรรยาบรรณ สังคมวฒั นธรรม
หรือประเพณีอย่างไรบา้ งส่ิงที่สื่อนาเสนอมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในศาสตร์ใดศาสตร์
หน่ึงหรือไม่ อยา่ งไร ในขณะเดียวกนั การประเมินค่าท่ีเกิดข้ึนอาจเป็นการประเมินคุณภาพ
ของสื่อว่า การนาเสนอของสื่อน้นั มีกระบวนการผลิตท่ีมีคุณภาพหรือไม่เม่ือเปรียบกบั สื่อ
ประเภทเดียวกนั ความสามารถในการประเมินเน้ือหาโดยสร้างความเกี่ยวขอ้ งของเน้ือหา
กบั ประสบการณ์พร้อมเสนอความเห็นในแง่มุมของความหลากหลายคุณภาพ และความ
เกี่ยวขอ้ งกบั เน้ือหาโดยใชว้ ธิ ีดงั น้ี
3.1 ช่ืนชอบและเกิดความพึงพอใจในการตีความหมายสื่อ จากประเภท
รายการและรูปแบบท่ีหลากหลาย
6
3.2 สนองตอบโดยการพมิ พห์ รือพดู ถึงความซบั ซอ้ นที่หลากหลาย
และเน้ือหาสื่อ
3.3 ประเมินคณุ ภาพของเน้ือหา จากเน้ือหาส่ือและรูปแบบ
3.4 ตดั สินใหค้ ุณค่าของเน้ือหา โดยพจิ ารณาจากหลกั จริยธรรม ศาสนา
และหลกั ประชาธิปไตย
4. การสร้างสรรค์(create) การพฒั นาทกั ษะการสร้างสื่อในแบบฉบับของตนเอง
ข้ึนมาเมื่อผูเ้ รียนมีความรู้ความเขา้ ใจสามารถวเิ คราะห์วจิ ารณ์ประเมินคา่ ส่ือไดอ้ ยา่ งถอ่ งแท้
แลว้ ทุกคนจะตอ้ งเปลี่ยนบทบาทเป็นผผู้ ลิตท่ีจะตอ้ งวางแผน เขียนบทคน้ ควา้ ขอ้ มูลเน้ือหา
ม าป ระ ก อบ ตาม เท ค โน โล ยีของส่ื อห รื อรู ป แบ บ องค์ป ระก อบ ข องสื่ อ แต่ล ะป ระเภ ท
เพ่ือที่จะสามารถสื่อใหไ้ ดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารสื่อสารท่ีตนไดว้ างไวก้ ารพฒั นาทกั ษะน้ีจึง
เป็ นบทสรุปที่ทาให้ครบกระบวนการรู้เท่าทันส่ือได้สมบูรณ์ท่ีสุดความสามารถในการ
สร้างสรรค(์ หรือสื่อสาร) เน้ือหา โดยการเขียนบรรยายความคิดใช้คาศพั ท์เสียงและ/หรือ
สร้างภาพใหม้ ีประสิทธิภาพตามวตั ถุประสงคท์ ี่หลากหลายและตอ้ งสามารถใชป้ ระโยชน์
จากเทคโนโลยีท่ีหลากหลายของการสื่อสารเพื่อสร้างสรรค์ตดั ต่อ และเผยแพร่เน้ือหา
ดงั กล่าว
4.1 ใชป้ ระโยชน์จากข้นั ตอนการระดมสมองวางแผนเรียบเรียงและแกไ้ ข
4.2 ใชภ้ าษาเขียนและภาษาพูดอยา่ งมีประสิทธิภาพท่ีสุดตามหลกั ของ
ภาษาศาสตร์
4.3 สร้างสรรคแ์ ละเลือกภาพอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพอื่ บรรลเุ ป้าหมายตา่ งๆ
ท่ีกาหนดไว้
4.4 ใชเ้ ทคโนโลยกี ารส่ือสารในการวางโครงสร้างของเน้ือหา
นอกจากแนวคิดเร่ืองทักษะการรู้เท่าทันส่ือข้างต้น Center for Media Literacy
(2008 อา้ งในฐานะวฒั นา สุขวงศแ์ ละคณะ, 2557) ไดร้ ะบุในรายงาน Learning for the 21st
Century ว่าทักษะท่ีจาเป็ นในการรู้เท่าทันสื่อ ได้แก่ ทักษะในการเข้าถึง (Access skill)
ทกั ษะการวิเคราะห์(Analyze skill)ทกั ษะการประเมินเน้ือหาสาร(Evaluate skill)ทกั ษะการ
สร้างสรรค์(Create skill)และมีองคป์ ระกอบที่เพิ่มเติมคือทกั ษะการมีส่วนร่วม(Participate
skill)ซ่ึงเป็นอีกทกั ษะหน่ึงที่ช่วยให้บุคคลสามารถใชใ้ นการแกป้ ัญหาและการมีปฏิสัมพนั ธ์
7
ในการทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นส่งผลใหม้ ีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ที่หลากหลายเป็นอีกทกั ษะหน่ึง
ท่ีช่วยเสริมใหบ้ คุ คลสามารถพฒั นาทกั ษะการรู้เท่าทนั สื่อ
งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วข้อง
งานวจิ ัยในประเทศ
กาญจนา เชี่ยววิทย์การ และทศพล คุ้มสุพรรณ (2557)41 ไดศ้ ึกษาเรื่อง “ความตอ้ งการ
ทางการสื่อสารของผูร้ ับสารกลุ่ม ดิจิตอล เนทีฟ” ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากการ
สัมภาษณ์แบบกลุ่ม กลุ่มตวั อย่างคือเยาวชนในภาคเหนือตอนล่าง 4 จงั หวดั ไดแ้ ก่ ตาก สุโขทยั
พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ผลการศึกษาพบว่า เยาวชนตอ้ งการส่ือท่ีสามารถเขา้ ถึงไดส้ ะดวกรวดเร็ว
โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต เน่ืองจากสามารถเลือกดูในสิ่งท่ีตอ้ งการได้ทันที โดยส่วนใหญ่บริโภค
เน้ือหาตามความสนใจจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Line และ Skype เป็ นตน้ การ
บริโภคเน้ือหามีวตั ถุประสงค์ดา้ นความบนั เทิงเป็ นหลกั ข่าวสารส่วนใหญ่ท่ีบริโภคเป็ นข่าวสาร
เก่ียวกบั วงการบนั เทิง และข่าวสารทว่ั ไป ส่วนข่าวสารประเภทการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษาเป็ น
ข่าวสารที่นิยมบริโภคนอ้ ยที่สุด ซ่ึงจะตอ้ งผา่ นกระบวนการแปรรูปใหส้ ามารถ ดู ฟัง อ่านไดเ้ ขา้ ใจ
ง่ายและรวดเร็วตามพฤติกรรมการบริโภค ท้งั น้ีเยาวชนให้ความเช่ือถือขอ้ มูลข่าวสารท่ีไดร้ ับผ่าน
ทางวทิ ยโุ ทรทศั นแ์ ละหนงั สือพิมพส์ ูงกวา่ ส่ือสงั คมออนไลน์ หรือทางเวบ็ ไซต์
ณัฐนันท์ศิริเจริญ (2555)42 ได้ศึกษาเรื่อง “การใช้สื่อบูรณาการเพ่ือสร้างความเป็ น
พลเมืองกับอนาคตประชาธิปไตยไทย” ผลการศึกษาได้ระบุว่า “ความเป็ นพลเมืองดีในวิถีชีวิต
ประชาธิปไตย” คือพลเมืองท่ีมีคุณลกั ษณะส าคญั ต่างๆ หลายประการ ไดแ้ ก่ การเป็นผทู้ ่ีมีหลกั การ
ทางประชาธิปไตยในการด ารงชีวิต มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองไดก้ ระทาข้ึนท้งั ถูกและผิด
การปฏิบตั ิตนตามกฎหมายที่กาหนดขอ้ ห้าม ขอ้ ยกเวน้ และขอ้ ที่ตอ้ งปฏิบตั ิไว้ การดารงตนให้เป็ น
ประโยชน์ต่อชุมชนและทอ้ งถ่ิน โดยมีความเอ้ืออาทร มีการช่วยเหลือเก้ือกูลซ่ึงกนั และกันอนั จะ
ก่อให้เกิดการพฒั นาสังคมและประเทศชาติให้เป็ นสังคมและประเทศท่ีเป็ นประชาธิปไตยอย่าง
แท้จริงต่อไปในอนาคต รวมท้ังการเป็ นผูท้ ่ียึดมั่นในหลกั คุณธรรม จริยธรรม ของศาสนาและ
จรรยาบรรณในวชิ าชีพของแตล่ ะบคุ คล
สาริศา จนัทรอาพร และมฤษฎ์ แก้วจนิ ดา (2559)43 ไดศ้ ึกษาเรื่อง “ภาวการณ์ปัจจุบนั กบั
8
การเสริมสร้างการรู้เท่าทันส่ือสังคมออนไลน์ในวัยรุ่น” กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนโรงเรียน
มธั ยมศึกษาตอนปลายในสังกดั คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เขตกรุงเทพมหานคร
จานวน 1,146 คนผลการวิจยั พบว่า 1) ร้อยละ 92.8 ของกลุ่มตวั อย่าง 1,146 คน มีการใช้งานสื่อ
สังคมออนไลน์ ได้แก่Line, Facebook และ Youtube ผ่านโทรศัพท์มือถือเป็ นส่วนใหญ่ เพ่ือ
จุดประสงคใ์ นการพูดคุยแลกเปล่ียนข่าวสารซ่ึงกนั และกนั 2) การให้คาปรึกษาแบบกลุ่มโดยเน้น
ความจริง สามารถพฒั นาการรู้เท่าทนั สื่อสังคมออนไลน์ดีข้ึนได้ 3) นักเรียนที่เขา้ ร่วมการปรึกษา
แบบกลุม่ โดยเนน้ ความจริง มีแนวโนม้ ที่จะพฒั นาการรู้เทา่ ทนั สื่อสงั คมออนไลน์ดีกวา่ นกั เรียนกลุ่ม
ควบคุม
ขนิษฐา จิตแสง (2557)44 ไดศ้ ึกษาเรื่อง “ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั ดา้ นบุคคลและกลุ่ม
บุคคลกบั ทกั ษะการรู้เท่าทนั สื่ออินเทอร์เน็ตของเยาวชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น” กลุม่ ตวั อยา่ ง
คือเยาวชนที่สุ่มแบบเฉพาะเจาะจงจากโรงเรียนมธั ยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษและการสุ่มตวั อย่าง
แบบง่ายจากกลุ่มเยาวชนระดบั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1-6 ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จ านวน 379 ราย
ใช้แบบสอบถามเป็ นเคร่ืองมือในการเก็บขอ้ มูล ผลการศึกษาเกี่ยวกบั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั
ดา้ นบุคคลและกลมุ่ บุคคลกบั ทกั ษะการรู้เท่าทนั สื่ออินเทอร์เน็ตน้นั พบวา่ การใหค้ าแนะนาในการใช้
ส่ืออินเทอร์เน็ตของเพ่ือนและโรงเรียนมีความสัมพนั ธ์เชิงบวกกบั ความสามารถในการเขา้ ถึงส่ือ
อินเทอร์เน็ต อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และการให้ค าแนะน าในการใช้สื่ อ
อินเทอร์เน็ตของครอบครัวและโรงเรียนมีความสัมพนั ธ์เชิงบวกกบั ความสามารถในการท าความ
เขา้ ใจเน้ือหาบนส่ืออินเทอร์เน็ตอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05
พนม คลฉ่ี ายา (2559)45 ไดศ้ ึกษาเรื่อง “การใชง้ าน ความเสี่ยง การรู้เทา่ ทนั ส่ือดิจิทลั และ
แนวทางการสอนเพ่ือการรู้เท่าทนั ส่ือดิจิทลั สาหรับนกั เรียนมธั ยมในประเทศไทย” เก็บขอ้ มูลโดย
ใชแ้ บบสอบถาม กลุ่มตวั อย่างคือนักเรียนมธั ยมศึกษาช้นั ปี ท่ี 1-6 จ านวน 772 คน จากโรงเรียนใน
จงั หวดั เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี ภูเก็ต กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผลการศึกษาพบว่า ใน
ภาพรวมเด็กส่วนใหญ่จะเลือกท่ีจะไม่เขา้ ไปดูหรืออ่านเน้ือหาท่ีเป็ นความเสี่ยง แต่พบว่า มีกลุ่ม
ตวั อยา่ งจานวนร้อยละ4-10 ท่ีระบุว่าตนเองมีประสบการณ์เขา้ ถึงเน้ือหาดา้ นเพศ เกมส์รุนแรง การ
พนนั และการแสดงออกดว้ ยความรุนแรงอยู่ในระดบั บ่อยๆ จนถึงทาเป็ นประจา มีจานวนร้อยละ
23.0 ระบุว่าคุยกบั คนแปลกหนา้ บ่อยๆ มีจานวนร้อยละ 3.0 ระบุว่าคลิกดูภาพหรือคลิปโป๊ ท่ีเพ่ือน
ส่งมาใหห้ รือแนะนาใหด้ ู และร้อยละ 1.8ระบุวา่ ดูเป็นประจา ผลการวดั ระดบั การรู้เท่าทนั ส่ือดิจิทลั
9
ในเน้ือหาโฆษณาเกินจริง และเพศอยใู่ นระดบั สูงโดยสามารถทาความเขา้ ใจ วิเคราะห์และประเมิน
เน้ือหา และการมีปฏิสมั พนั ธ์อยา่ งปลอดภยั ตอ่ เน้ือหาอยใู่ นระดบั ท่ีสูง
พีระ จิรโสภณและคณะ (2559)46 ไดศ้ ึกษาเร่ือง “ความรู้เท่าทนั การส่ือสารยุคดิจิทลั กับ
บทบาทในการกาหนดแนวทางการปฏิรูปการสื่อสารในสังคมไทย” โดยศึกษาประชากร จานวน
400 คนท่ีมีอายุ18 ปี ข้ึนไป ในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร ระหว่าง พ.ศ. 2558-2559 ด้วยตวั ช้ีวดั ใน
รูปแบบบูรณาการท่ีเฉพาะและแบบสอบถาม 25 ขอ้ ผลการศึกษาพบวา่ กลุ่มตวั อย่างที่ทาการศึกษา
ยงั มีระดบั การรู้เท่าทนั สื่อไมส่ ูงมาก โดยจากการทาแบบสอบถาม 25 ขอ้ ค่าเฉลี่ยที่ตอบตรงอย่ทู ี่ 12
ขอ้ จาก 25 ขอ้ และพบว่ากลุ่มตวั อย่างร้อยละ 50 มีระดบั ความรู้เท่าทนั ส่ือปานกลาง ขณะท่ีร้อยละ
30 อยใู่ นเกณฑต์ ่า และร้อยละ15 ท่ีมีระดบั การรู้เท่าทนั สื่อในเกณฑส์ ูง ท้งั น้ีตวั อยา่ งประชากรอาจมี
ความแตกต่างกนั ในเร่ืองการรู้เท่าทนั ส่ือที่เป็นไปตามวยั ระดบั การศึกษา สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
และสังคม ตลอดจนพฤติกรรมการเปิ ดรับและการใช้ส่ือนอกจากน้ีในส่วนของระดบั การรู้เท่าทนั
จากการทาแบบสอบถามพบว่าคาถามที่กลุ่มตวั อย่างตอบตรงมากท่ีสุดคือขอ้ ความท่ีถามว่า “การ
รับรู้ขอ้ มูลข่าวสารท่านมกั พิจารณาขอ้ มูลจากข่าวสารน้ันอย่างไร” ร้อยละ 62.53 ส่วนที่ตอบถูก
รองลงมาคือ การซ้ือขายสินคา้ ทางอินเทอร์เน็ต ซ่ึงร้อยละ 61.73ตอบว่ามีโอกาสถูกหลอกได้ ใน
ดา้ นที่เก่ียวกบั ทศั นะและพฤติกรรมการสื่อสารท่ีสะทอ้ นความเป็ นพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย
พบวา่ ร้อยละ 46 ไม่เคยแสดงความเห็นหรือวิพากษว์ ิจารณ์บทบาทส่ือเลย ขณะท่ีร้อยละ 46 มองว่า
สื่อควรเนน้ หน้าท่ีทางสังคมโดยไม่มุ่งแสวงหากาไร ร้อยละ 46.75 เห็นดว้ ยกบั บทบาทสื่อเก่ียวกบั
การนาเสนอข่าวสารของกลุ่มผูด้ อ้ ยโอกาสในสงั คมและกล่มุ ชาติพนั ธ์ ร้อยละ42.25 เสนอแนะวา่ ส่ือ
ยุคดิจิทลั ควรเสริมสร้างสติปัญญาในการตดั สินใจให้กบั ผูร้ ับและมีส่วนร่วมในการปฏิรูประบบ
การเมืองการปกครองขณะท่ีการส่งเสริมการรู้เท่าทนั ส่ือเพ่ือปฏิรูปสังคมไทยดา้ นการสื่อสารส่วน
ใหญ่ใหน้ ้าหนกั ไปท่ีการส่งเสริมใหม้ ีการเรียนการสอนการรู้เท่าทนั ส่ือโดยกาหนดเป็นหลกั สูตรใน
ระดบั อุดมศึกษาอาชีวศึกษา และมธั ยมศึกษา อย่างไรก็ตามมีกลุ่มตวั อย่างที่ให้น้าหนกั ระดบั ปาน
กลางว่าควรส่งเสริมทกั ษะดา้ นการรู้เท่าทนั ส่ือต้งั แต่ระดบั อนุบาลและประถมศึกษา กลุ่มตวั อย่าง
เห็นดว้ ยในระดบั มากข้ึนไปในการสร้างคู่มือการรู้เท่าทนั การสื่อสาร การส่งเสริมกิจกรรมนกั เรียน
นกั ศึกษา โดยต้งั เป็ นชมรมและการเสนอให้มีการจดั สรรงบประมาณเฉพาะกิจจากรายไดภ้ าษีดา้ น
โฆษณาและธุกิจการสื่อสารหรือรายไดจ้ าก กสทช. เพอื่ เป็นกองทุนการส่งเสริมการรู้เท่าทนั ส่ือ
ณัฐนันท์ ศิริเจริญ (2557)47 ไดศ้ ึกษาเร่ือง “การสื่อสารเพ่ือสร้างความรู้และเสริมทกั ษะ
ดา้ นการรู้เท่าทนั สื่ออินเทอร์เน็ตในระดบั เชิงลึกของเยาวชนไทยจากสามองคป์ ระกอบหลกั ” กลุ่ม
10
ตวั อย่างคือเยาวชนไทยชายหญิงซ่ึงกาลงั ศึกษาในระดบั ปริญญาตรีช้นั ปี ท่ี 1 ในปี การศึกษา 2556
มหาวิทยาลยั หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จ านวน 400 คน เพ่ือเก็บขอ้ มูลเชิงปริมาณด้วยการตอบ
แบบสอบถามและทาแบบทดสอบระดบั ข้นั ตน้ และกลุ่มตวั อย่าง จานวน 52 คน แบ่ง 4 กลุ่มๆ ละ
13 คน เพื่อทาแบบทดสอบระดบั เชิงลึกดว้ ยวิธีการเก็บขอ้ มูลเชิงคุณภาพ คือ การสนทนากลุ่มยอ่ ย
การสัมภาษณ์อย่างไม่เป็ นทางการรายบุคคล และการสังเกตการณ์ ผลการวิจยั พบว่า ความรู้และ
ทกั ษะพ้ืนฐานระดบั ข้นั ตน้ อยู่ในช่วงคะแนน 60 – 69 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และเมื่อทาการ
ทดสอบระดบั ความรู้และทกั ษะดา้ นการรู้เท่าทนั ส่ือและสารสนเทศจากส่ืออินเทอร์เนต็ ในระดบั เชิง
ลึกหรือระดบั สูงตามตวั ช้ีวดั ต่างๆ จาก 3องค์ประกอบหลกั ผลการทดสอบปรากฏวา่ กลุ่มเยาวชน
ทาไดเ้ พียงในเกณฑ์ “ปานกลาง” เท่าน้ัน ท้งั น้ีเพราะยงั ไม่สามารถแสดงความรู้ดว้ ยการใช้เหตุผล
และทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ขอ้ มูลขา่ วสารจากส่ืออินเทอร์เน็ตท่ีบ่งบอกไดถ้ ึงระดบั ความรู้และทกั ษะ
ที่มีอยอู่ ยา่ งชดั เจนและครอบคลุมในระดบั เชิงลึก
มนต์ ขอเจริญ และณทั ธสิฐษ์ สิริปัญญาธนกจิ (2559)48 ไดศ้ ึกษาเรื่อง “การรู้เทา่ ทนั การ
สื่อสารยคุ ดิจิทลั ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร” เป็นการวจิ ยั เชิงสารวจ กลุ่มเป้าหมายคอื
ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีอายตุ ้งั แต่ 18 ปี ข้นึ ไป จ านวน 400 คน เก็บขอ้ มูลช่วงปี พ.ศ.
2558-2559 โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั จ านวน 25 ขอ้ (แต่ละขอ้ มีค าตอบท่ีสะทอ้ นการรู้เทา่ ทนั
ส่ือเพียงขอ้ เดียว) ผลการศึกษาพบวา่ ระดบั การรู้เทา่ ทนั การสื่อสาร คะแนนเฉล่ียที่กลุ่มตวั อยา่ งตอบ
ถูกอยู่ที่ 12 ขอ้ ร้อยละ 54.50 จดั อยู่ในกลุ่มระดับปานกลาง (ตอบถูก 9-17 ขอ้ ) รองลงมา ร้อยละ
30.75 เป็ นกลุ่มระดบั ต่า (ตอบถูก 0-8 ขอ้ ) และเพียงร้อยละ 14.75 จดั อยู่ในกลุ่มระดบั สูง (ตอบถูก
18-25 ขอ้ ) หากพิจารณาลกั ษณะทางประชากรท่ีมีความสมั พนั ธ์กบั ระดบั การรู้เทา่ ทนั ส่ือพบวา่ อายุ
เทา่ น้นั ที่มีความเก่ียวขอ้ งคอื กลุ่มอายุ 51-60 ปี มีระดบั การรู้เท่าทนั สื่อสูงกวา่ กล่มุ อายุ 18-30 ปี และ
41-50 ปี ซ่ึงงานวิจยั น้ีไม่พบว่า เพศ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายได้ มีความเกี่ยวขอ้ งกบั ระดบั การ
รู้เทา่ ทนั ส่ือ
11
บทท่ี 3
วธี ีดำเนินกำรวจิ ยั
การวจิ ยั คร้ังน้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ สร้างและตรวจสอบคุณภาพของการเรียนรู้เรื่องการรู้เท่า
ทนั สื่อจากเร่ืองราวปัญหาในชีวติ ประจาวนั ของนกั เรียนมีวธิ ีดาเนินการวิจยั ดงั น้ี
แบบกำรวจิ ยั
การศึกษาคร้ังน้ีเป็นการศึกษาแบบหน่ึงกลุม่ วดั หลงั เรียนคร้ังเดียว (The One Shot Case
Study Design) ดงั รายละเอียด ดงั น้ี
ตำรำง 3.1 แสดงแผนแบบการวิจยั เร่ืองการพฒั นาทกั ษะในการใชส้ ่ือออนไลน์อยา่ งสร้างสรรค์
และปลอดภยั สาหรับนกั เรียนช้นั ม.1 โรงเรียนวิชยั วทิ ยา
กลุ่ม วิธีสอน สอบหลงั
E XO
เม่ือ E แทน กลุม่ เป้าหมาย
X แทน การจดั กิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาวิทยาการคานวณโดยใชแ้ หล่ง
เรียนรู้ออนไลนใ์ นการเลน่ เกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com
O แทน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาวทิ ยาการคานวณ
12
กลุ่มเป้ำหมำย
กล่มุ เป้ำหมำย คือ นกั เรียนช้นั ม1 ที่เรียนวชิ าวิทยาการคานวณ โรงเรียนวชิ ยั วิทยา ภาค
เรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565 จานวน 30 คน
ตวั แปรในกำรวจิ ยั
ตวั แปรอิสระ คือ บทเรียนเรียนรู้ออนไลน์ในการเล่นเกมส์สาหรับนกั เรียน ช้นั ม1
ตวั แปรตาม คือ ผลสัมฤทธ์ิในการเรียน/ทกั ษะ รายวชิ าวิทยาการคานวณ
เคร่ืองมือท่ีใช้ในกำรวจิ ัย
เครื่องมือทีใ่ ช้ในกำรวิจัยคร้ังนปี้ ระกอบด้วย
1. เครื่องมือทเี่ ป็ นนวัตกรรมไดแ้ ก่
1.1.แหล่งเรียนรู้ออนไลน์แหล่งเรียนรู้ออนไลนใ์ นการเล่นเกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com จานวน 4 บทเรียน ไดแ้ ก่
1.1.1 หน่วยท่ี 1 มีจานวน 1 เรื่องดงั น้ี
1.1.1.1 การเขียนโปรแกรม ด่าน Mindfull Mountain
1.1.2 หน่วยที่ 2 มีจานวน 1 เรื่องดงั น้ี
1.1.2.1 การเขียนโปรแกรม ด่าน Kind Kingdom
1.1.3 หน่วยท่ี 3 มีจานวน 1 เร่ืองดงั น้ี
1.1.3.1 การเขียนโปรแกรม ด่าน Reality River
1.1.4 หน่วยท่ี 4 มีจานวน 1 เร่ืองดงั น้ี
1.1.4.1 การเขียนโปรแกรม ด่าน Tower of Treasure
1.2.แผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบการใช้สื่อออนไลนอ์ ยา่ งรู้เท่าทนั
2. เครื่องมือทใี่ ช้ในกำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล ไดแ้ ก่
2.1 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน จานวน 1 ชุด
รายละเอียดของแบบทดสอบมีลกั ษณะดงั น้ี
2.1.1.แบบทดสอบทกั ษะเร่ืองการรู้เท่าทนั สื่อจานวน 10 ขอ้
กำรสร้ำงและหำคณุ ภำพของเคร่ืองมือที่ใช้ในกำรวิจยั
ผวู้ ิจยั ไดพ้ ฒั นาเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ดงั น้ี
13
1. การสร้างและหาคุณภาพของเรียนรู้ออนไลน์ในการเลน่ เกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com ไดด้ าเนินการดงั น้ี
1.1 ออกแบบแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในรายวชิ าวิทยาการคานวณ
ไดย้ ดึ หลกั การสอนที่เรียงลาดบั จากงา่ ยไปหายาก และมีการทวนซา้ เน้ือหาเดิมก่อนเร่ิมเร่ือง
ใหม่
1.2 จดั พมิ พเ์ น้ือหาและจดั ทาส่ือประกอบ แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์
ในการเล่นเกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์ beinternetawesome.withgoogle.comในรายวชิ า
วิทยาการคานวณ ตรวจทานความถกู ตอ้ งและแกไ้ ข
1.3 การหาคณุ ภาพของแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในรายวชิ าวิทยาการคานวณ
ผวู้ จิ ยั ไดใ้ หผ้ เู้ ชี่ยวชาญ จานวน 3 ท่าน ไดแ้ ก่ 1.นายจิรพฒั น์ โพทะจนั ทร์ 2.นายธิติ เผา่ มณี
3. นางสาวภานุชนาถ แสงบุญ พจิ ารณาความเหมาะสมโดยลงความเห็นในแบบประเมิน
คณุ ภาพของนวตั กรรม
1.4 ปรับปรุงแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในรายวชิ าวทิ ยาการคานวณใหถ้ กู ตอ้ ง
เหมาะสม ตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ช่ียวชาญ
2. การสร้างและหาคณุ ภาพเคร่ืองมือเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ไดแ้ ก่ แบบทดสอบ แบบสัมภาษณ์
ความคดิ เห็นของนกั เรียน และแบบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ดงั น้ี
2.1 สร้างแบบสมั ภาษณ์ความคดิ เห็นตอ่ การเรียนรู้ในวิชาวิทยาการคานวณ
แลว้ นาไปตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหาโดยผเู้ ชี่ยวชาญ ผวู้ ิจยั นามาปรับปรุงแกไ้ ขใหส้ มบูรณ์
2.2 ข้นั ตอนการจดั ทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน มีดงั น้ี
2.2.1 ออกแบบทดสอบที่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้และเน้ือหา
รายวชิ าวิทยาการคานวณ
2.2.2 นาแบบทดสอบที่สร้างแลว้ เสนอตอ่ ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นการวดั
ประเมินผล เพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ งตามหลกั การวดั และประเมินผลและความ
ตรงตามเน้ือหาและโครงสร้าง(construct validity) ระหวา่ งขอ้ สอบแต่ละขอ้ กบั
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ความเหมาะสมของจานวนขอ้ กบั ระยะเวลา และความเป็น
ปรนยั ของขอ้ คาถามการตรวจใหค้ ะแนน
2.2.3 จดั พมิ พแ์ บบทดสอบเพื่อใชก้ บั นกั เรียนช้นั ม1
กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ไดด้ าเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดงั น้ี
14
1. ดาเนินการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ ในช่วงเวลา 15.00 16.00 ของวนั พุธ จานวน 4
สัปดาห์ เป็นเวลา 4 ชวั่ โมง ในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
2. ดาเนินการสอบหลงั เรียน
กำรวิเครำะห์ข้อมูลและสถิติทใ่ี ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล
สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล
1. หาคุณภาพของนวตั กรรม/แผนการจดั การเรียนรู้ โดยใชค้ า่ เฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน
2.เปรียบเทียบคะแนนหลงั เรียนกบั เกณฑท์ ี่กาหนด ร้อยละ 80 โดยการหาค่าร้อยละ
15
บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
การวิจยั ในคร้ังน้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อพฒั นาทกั ษะในการใชส้ ่ือออนไลน์อยา่ งสร้างสรรคแ์ ละ
ปลอดภยั ผวู้ ิจยั ไดน้ าเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดงั น้ี
ตอนที่ 1 ผลการตรวจสอบคุณภาพของนวตั กรรม/แผนการจดั การเรียนรู้
ตอนท่ี 2 ผลสัมฤทธ์ิของการจดั การเรียนการสอนวิชาวิทยาการคานวณในสาระวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ตอนที่ 1 ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของนวตั กรรม/แผนการจดั การเรียนรู้
นาเสนอในตาราง 4.1 ดงั น้ี
ตารางท่ี 4.1 ผลการประเมินคณุ ภาพของนวตั กรรมเร่ืองเรียนรู้การรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ในการเล่น
เกมส์การศึกษาผ่านเว็ปไซต์ beinternetawesome.withgoogle.com
รายการ ค่าเฉลยี่ ส่วนเบยี่ งเบน ความหมาย
มาตรฐาน
1. ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 4.67 0.58 ดีมาก
2. สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 5.00 0.00 ดีมาก
3. เหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รียน 5.00 0.00 ดีมาก
4. สอดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 5.00 0.00 ดีมาก
5. ส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียน 5.00 0.00 ดีมาก
เฉลยี่ รายด้าน 4.93 0.15 ดีมาก
จากตารางพบวา่ ผลการประเมินจากผเู้ ช่ียวชาญในภาพรวม นวตั กรรมมีคุณภาพอยใู่ น
ระดบั ดีมาก เมื่อพจิ ารณาเป็นรายดา้ น พบวา่ ดา้ นความถูกตอ้ งของเน้ือหาอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ น
สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้มีคณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นเหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รียนมี
คุณภาพอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นสอดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรียนรู้มีคุณภาพอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ น
ส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียนมีคุณภาพอยู่ในระดบั ดีมาก
16
ตารางที่ 4.2 ผลการประเมินคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้เรื่องการรู้เท่าทนั ส่ือออนไลน์ในการ
เลน่ เกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์ beinternetawesome.withgoogle.com
รายการ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบน ความหมาย
มาตรฐาน
1.ความถูกตอ้ งของเน้ือหา 4.67 0.58 ดีมาก
2.การกาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ถกู ตอ้ ง 5.00 0.00 ดีมาก
3.กิจกรรมการเรียนรู้สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 5.00 0.00 ดีมาก
การเรียนรู้
4.กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมทกั ษะดา้ นตา่ งๆ 4.67 0.58 ดีมาก
ของผเู้ รียน
5.กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รียน 5.00 0.00 ดีมาก
6.กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการสร้างองค์ 5.00 0.00 ดีมาก
ความรู้ดว้ ยตนเองของนกั เรียน
7.มีการเชื่อมโยงกบั สื่อการสอนท่ีกล่าวไว้ 5.00 0.00 ดีมาก
ขา้ งตน้
8.กาหนดวธิ ีการและเครื่องมือวดั และ 4.67 0.58 ดีมาก
ประเมินผลสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
9.กาหนดวิธีการและเคร่ืองมือวดั และ 4.67 0.58 ดีมาก
ประเมินผลไดค้ รบถว้ น
10.คุณภาพโดยรวมของแผนการจดั การเรียนรู้ 5.00 0.00 ดีมาก
เฉลยี่ รวม 4.87 0.17 ดมี าก
จากตารางพบวา่ ผลการประเมินจากผเู้ ช่ียวชาญในภาพรวม แผนการจดั การเรียนรู้มีคุณภาพ
อยใู่ นระดบั ดีมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายดา้ น พบวา่ ดา้ นความถกู ตอ้ งของเน้ือหาอยใู่ นระดบั ดีมาก
17
ดา้ นการกาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ถูกตอ้ งอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้สอดคลอ้ ง
กบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้อยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมทกั ษะดา้ นต่างๆ ของ
ผเู้ รียนอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รียนอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ น
กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการสร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองของนกั เรียนอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นมีการ
เชื่อมโยงกบั ส่ือการสอนที่กล่าวไวข้ า้ งตน้ อยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นกาหนดวิธีการและเคร่ืองมือวดั และ
ประเมินผลสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้อยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นกาหนดวธิ ีการและเคร่ืองมือ
วดั และประเมินผลไดค้ รบถว้ นอยใู่ นระดบั ดีมาก ดา้ นคณุ ภาพโดยรวมของแผนการจดั การเรียนรู้อยู่
ในระดบั ดีมาก
เกณฑก์ ารแปลความหมายค่าเฉล่ีย
1.00-1.50=ควรปรับปรุง
1.51-2.50=พอใช้
2.51-3.50=ปานกลาง
3.51-4.50=ดี
4.51-5.00=ดีมาก
18
ตอนท่ี 2 ผลสัมฤทธ์ิของการจดั การเรียนการสอนวิชาวิทยาการคานวณ ในสาระวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี
ตาราง 4.3 แสดงผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาการคานวณ ในสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โดยการเปรียบเทียบคะแนนหลงั เรียนกบั เกณฑร์ ้อยละ 80
นท่ี คะแนนการวดั ผลสัมฤทธ์ิ ร้อยละ สรุปผลการประเมิน
หลงั เรียน
1 Supaksatinee 85 ผา่ น
2 Achiraya 90 ผา่ น
3 Hendrik Arun 95 ผา่ น
4 Tyler 95 ผา่ น
5 Cali 80 ผา่ น
6 Kenneth weifi\eng 85 ผา่ น
7 Shan 80 ผา่ น
8 Bowornlak 95 ผา่ น
9 Punnapha 100 ผา่ น
10 Noppawan 85 ผา่ น
11 Kuntee 80 ผา่ น
12 Aisha 100 ผา่ น
13 Kevin Le 100 ผา่ น
14 Cheng Ting 95 ผา่ น
15 Tanakit 80 ผา่ น
16 Warachaya 85 ผา่ น
17 Thanawat 80 ผา่ น
18 Phattharin 90 ผา่ น
19 Arifah 95 ผา่ น
20 Anas 100 ผา่ น
21 Namo 80 ผา่ น
22 Nattawat 95 ผา่ น
23 Chanchamon 80 ผา่ น
24 Tanongsit 100 ผา่ น
19
25 Helena 85 ผา่ น
26 Teeraphat 90 ผา่ น
27 Thanawat 90 ผา่ น
28 Phattharin 100 ผา่ น
29 Arifah 85 ผา่ น
30 Anas 100 ผา่ น
จากตาราง 4.3 แสดงคะแนนผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาการคานวณ ในสาระ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการเปรียบเทียบคะแนนหลงั เรียนกบั เกณฑท์ ี่กาหนดไว้ คือร้อยละ
80 พบวา่ นกั เรียนผา่ นเกณฑจ์ านวน 30 คน และ ไมผ่ า่ นเกณฑจ์ านวน 0 คน ส่วน คะแนน
ผลสัมฤทธ์ิหลงั เรียนมีค่าเฉลี่ยรวมร้อยละ 90
20
บทท่ี 5
สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ
การวิจยั คร้ังน้ี ผูว้ ิจยั มีวตั ถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธ์ิของ การจดั การเรียนการสอนใน
รายวชิ าวิทยาการคานวณในสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลการวิจยั สรุปไดด้ งั น้ี
สรุปผลการวิจยั
ผลการดาเนินการวจิ ยั สรุปไดด้ งั น้ี
1.ผลการประเมินคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้เรื่องการพฒั นาทกั ษะในการรู้เท่าทนั
สื่อสาหรับนักเรียนช้ัน ม.1 โดยใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ในการเล่นเกมส์การศึกษาผ่านเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com มีคุณภาพอยใู่ นระดบั ดีมาก
2.ผลการดาเนินการใชน้ วตั กรรม/การจดั การเรียนรู้ตามแผนการจดั กิจกรรม การเรียนรู้ใน
รายวชิ าวทิ ยาการคานวณในสาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีพบวา่ ประสบผลสาเร็จดีมาก
อภิปรายผล
การวิจยั คร้ังน้ีอภิปรายผล ไดด้ งั น้ี
1.แผนการจดั การเรียนรู้เร่ืองการพฒั นาทกั ษะในการรู้เท่าทนั ส่ือสาหรับนกั เรียนช้นั ม.1
โดยใชแ้ หลง่ เรียนรู้ออนไลน์ในการเลน่ เกมส์การศึกษาผา่ นเวป็ ไซต์
beinternetawesome.withgoogle.com มีคุณภาพอยใู่ นระดบั ดีมากเนื่องจากนกั เรียน
สามารถเขา้ ใจและปฏิบตั ิกิจกรรมไดส้ าเร็จ เป็นผลใหก้ ระบวนการคดิ วิเคราะห์ของนกั เรียนมีความ
เป็นนามธรรมมากยง่ิ ข้ึน สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ พรทิพย์ เยน็ จะบก (2552) ที่พบวา่ การรู้เท่าทนั
สื่อ คอื ความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินคา่ ส่ือ ความสามารถในการเขา้ ถึงส่ือ
นาเสนอสื่อในแบบฉบบั ของตนเอง และผลิตสื่อเพ่ือส่ือสารไดห้ ลายรูปแบบนอกจากน้ีการรู้เทา่ ทนั
ส่ือยงั หมายรวมถึงกิจกรรมทางการศึกษาเพอื่ พฒั นาทกั ษะการวเิ คราะห์วจิ ารณ์และสร้างโอกาสใน
การเขา้ ถึงส่ือ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของแพรวพรรณ อคั คะประสา (2557) ท่ีพบวา่ กลา่ ววา่ การรู้เทา่
ทนั สื่อ คือ การมีทกั ษะการรู้เทา่ ทนั ส่ืออยา่ งรู้ตวั การท่ีบุคคลจะรับสื่ออยา่ งต่ืนตวั น้นั ตอ้ งมี
ความสามารถตีความ วเิ คราะห์แยกแยะเน้ือหาสาระของสื่อ และสามารถตอบโตก้ บั สื่อไดอ้ ยา่ งมีสติ
และรู้ตวั ตลอดจนสามารถต้งั คาถามวา่ ส่ือถกู สร้างข้นึ อยา่ งไร สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของบุพผา เมฆ
ศรีทองคา (2552) ท่ีพบวา่ ใหค้ วามหมายของการรู้เท่าทนั ส่ือวา่ หมายถึงความสามารถของแต่ละ
21
บุคคลในการเขา้ ถึง เขา้ ใจ ตีความ ประเมินและสร้างเน้ือหาส่ือในรูปแบบท่ีหลากหลายดว้ ยความ
ตระหนกั ถึงผลกระทบของสื่อโดยไม่ถูกครอบงาจากสื่อ และสามารถเสริมสร้างพลงั อานาจของตน
เพ่อื ใหส้ ามารถใชส้ ่ือเป็นประโยชน์
2. จากผลการวิจยั ท่ีพบวา่ นกั เรียนมีผลสมั ฤทธ์ิร้อยละ 90 เนื่องจากการจดั ประสบการณ์
การเรียนรู้สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ พนม คลี่ฉายา (2559) ท่ีพบวา่ ในภาพรวมเดก็ ส่วนใหญ่จะ
เลือกท่ีจะไมเ่ ขา้ ไปดูหรืออ่านเน้ือหาท่ีเป็นความเสี่ยง แต่พบวา่ มีกลมุ่ ตวั อยา่ งจานวนร้อยละ4-10 ที่
ระบุวา่ ตนเองมีประสบการณ์เขา้ ถึงเน้ือหาดา้ นเพศ เกมส์รุนแรง การพนนั และการแสดงออกดว้ ย
ความรุนแรงอยใู่ นระดบั บ่อยๆ จนถึงทาเป็นประจา มีจานวนร้อยละ 23.0 ระบวุ า่ คยุ กบั คนแปลก
หนา้ บ่อยๆ มีจานวนร้อยละ 3.0 ระบวุ า่ คลิกดูภาพหรือคลิปโป๊ ท่ีเพือ่ นส่งมาใหห้ รือแนะนาใหด้ ู
และร้อยละ 1.8ระบุวา่ ดูเป็นประจา ผลการวดั ระดบั การรู้เท่าทนั ส่ือดิจิทลั ในเน้ือหาโฆษณาเกินจริง
และเพศอยใู่ นระดบั สูงโดยสามารถทาความเขา้ ใจ วิเคราะห์และประเมินเน้ือหา และการมี
ปฏิสัมพนั ธอ์ ยา่ งปลอดภยั ตอ่ เน้ือหาอยใู่ นระดบั ท่ีสูง
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการทาวิจยั คร้ังนี้
1. นกั เรียนบางคนอาจจะยงั ไมเ่ ขา้ ใจวตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม จึงร่วมกิจกรรมไดอ้ ยา่ งไม่
เตม็ ท่ี และตรงต่อเวลา ทาใหผ้ ลการทดสอบอาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้
ข้อเสนอแนะในการทาวจิ ยั คร้ังต่อไป
1. ควรมีการศึกษาวเิ คราะห์แบบสะทอ้ นคิดจากสถานการณ์ในปัจจุบนั ข่าวสารบา้ นเมืองที่
ทนั ตอ่ เหตุการณ์ ที่มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ภยั สังคมในโลกออนไลน์ท่ีก่อใหเ้ กิด
ปัญหามากมายในปัจจุบนั เพ่ือกระตนุ้ การต่อยอดความรู้ความเขา้ ใจเดิมออกไป
22
ภาคผนวก
23
ภาคผนวก ก
รายนามผู้เชี่ยวชาญ
24
รายนามผ้เู ชี่ยวชาญ
ผ้เู ชี่ยวชาญด้านการวดั และประเมินผล
1. นายจิรพฒั น์ โพทะจนั ทร์ ครูผูส้ อนวิชาวิทยาการคานวณ และเทคโนโลยีการ
ออกแบบ ครูสารสนเทศ โรงเรียนวดั แม่ริมวทิ ยาเชียงใหม่
2. 2. นายธิติ เผ่ามณี เชียงใหม่ ครูผูส้ อนวิชาดนตรี ครูปกครอง โรงเรียนแม่แจ่ม
วิทยาคม จงั หวดั เชียงใหม่
3. 3. นางสาวภานุชนาถ แสงบุญ ครูผูส้ อนวิชาคณิตศาสตร์ ครูวิชาการ โรงเรียน
พรหมจกั รสงั วร วดั พระพทุ ธบาทตากผา้ จงั หวดั ลาพนู
25
26
27
28
29
30
31
ภาคผนวก ข
ตวั อย่างแบบทดสอบหลงั เรียน
32
แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วย ความเข้าใจในการรู้เท่าทนั สื่อ
ช่ือ............................................... .............. .............. .............. ................ช้นั ...............
1) . When you are talking to others on the Internet, you should always be:
a) Funny
b) Serious
c) Mean
d) Polite
2) If you disagree with someone online, you should:
a) fight with them
b) report them
c) tell a friend
d) still show them respect
3) Be sure to communicate properly and use correct spelling, ….., and language
a) Pronunciation
b) Grammar
c) Commas
d) Typing
4) Don't illegally download:
a) All of these answers
b) Music
c) Games
d) E-Books
5) When you copy someone else’s words, it is called:
a) Jaywalking
b) Plagiarism
c) Theft
d) Shoplifting
6) You should a bully's cell phone number.
a) Delete
b) call
c) block
d) prank
33
7) You should change your social media settings to:
a) Auto
b) Private
c) Visible
d) Public
8) .When a person bullies someone using technology, it's called:
a) Pranking
b) Cyberbullying
c) Bullying
d) Taunting
9) The following can be used for cyberbullying:
a) Social Media Sites
b) Text Messages
c) All of these answers
d) Online Chats
10) If you are cyberbullied, who should you tell?
a) An adult
b) Your dog
c) Nobody
d) A friend
34
ภาคผนวก ค
ตวั อย่างการจดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้
35
แผนการจัดการเรียนรู้การรู้เท่าทันส่ือ
ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนวิชัวทิ ยา สานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
_____________________________________________________________________
เร่ิมใช้แผนวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565 สิ้นสุดแผนวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2565
ตัวอย่างแผนการสอนรายช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ หน่วย การรู้เท่าทนั สื่อ
แผนการสอน
Lesson: วิทยาการ Class: M1 Week: 1-4 Period: 1-4
คานวณ
Date: Unit: 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี : 1
Topic การรเู้ ท่าทนั สอ่ื ผ่านการเล่นเกมส์ https://beinternetawesome.withgoogle.com
Concept:
นกั เรยี นแตล่ ะคนมปี ระสบการณ์ มคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ปัญหาต่าง ๆ แตกต่างกนั
ความสามารถในการวเิ คราะหป์ ัญหายอ่ มต่างกนั ความรแู้ ละการฝึกฝนในเร่อื งทใ่ี กลต้ วั นกั เรียนย่อม
สง่ ผลใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจรายละเอยี ดของปัญหาไดด้ ี ยอ่ มจะสง่ ผลใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหส์ ถานการณ์ต่าง
ๆ ไดว้ า่ สงิ่ ใดนกั เรยี นจาเป็นตอ้ งมี เพอ่ื ใหส้ ามารถแก้ปัญหาไดอ้ ย่างรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพ
Learning:
- การแกป้ ัญหาดา้ น Cyberbullying ดา่ น Kindness Kingdom
- การแกป้ ัญหาดา้ น การเกบ็ รกั ษาขอ้ มลู ดา่ น Tower of Treasure
- การแกป้ ํญหาดา้ น การถูกจารกรรมขอ้ มลู ทส่ี าํ คญั ดา่ น Reality River
- การแกป้ ัญหาดา้ น การแบ่งปันขอ้ มลู ในโลกออนไลน์ ด่าน Mindful Mountain
Objective:
- นกั เรยี นสามารถใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอรส์ าหรับสร้างการเรยี นรู้ด้วยตนเอง
- นักเรยี นมที ักษะในการคิด วิเคราะห์อยา่ งเปน็ ข้นั เปน็ ตอน เปน็ เหตุเป็นผล
- นักเรยี นสามารถประยุกต์ทักษะการคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปสูก่ ารอยู่รว่ มกับผ้อู ่ืนในสังคมได้
36
Teaching Procedure:
ขน้ั จัดเตรยี ม:
1. แจง้ ให้นักเรียนทุกคนเตรยี มคอมพวิ เตอรส์ ว่ นบุคคล PC หรอื MAC เช่ือมต่ออนิ เทอรเ์ น็ต เพ่ือเขา้ รว่ ม
กิจกรรม
ช่วั โมงท่ี 1
ขั้นนำ:
2. ผสู้ อนและผ้เู รียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบุลลี่เยาะเย้ยกันในสงั คมออนไลน์ การป้องกนั
ตนเอง และการช่วยกันแบ่งปันสิ่งดีๆใหก้ นั ในสื่อสงั คมออนไลน์และคนรอบข้างในชีวิตจริง
3. ผูส้ อนยกตัวอย่างโปรแกรม ทใี่ ชแ้ บบออนไลน์ในเวป็ ไซต์
https://beinternetawesome.withgoogle.com/
ขัน้ สอน:
4. ผสู้ อนให้ผู้เรียนเปิดโปรแกรม google chrome แล้วเข้าเว็ปไซต์ทดลองคลิกเมนแู ละส่วนประกอบต่าง
ๆ จากนนั้ ใหผ้ ้เู รยี น เร่ิมดำเนินการเขยี นโปรแกรมทีม่ ีอยูใ่ นด่าน Kindness Kingdom
https://beinternetawesome.withgoogle.com/en_us/interland/landing/kind-kingdom
4. ครูสงั เกตุการณ์ระหว่างท่ีนกั เรียนทากิจกรรมและจะไดเ้ ฉลยสาหรับนกั เรียนท่ียงั ไมส่ ามารถคดิ หาวธิ ีทาท่ีถกู ตอ้ งได้
37
ชว่ั โมงที่ 2
ขน้ั นำ:
5. ผสู้ อนและผูเ้ รียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การข้อมลู ทีส่ ำคญั สว่ นตัว ข้อมูลเกีย่ วกับรหสั ผา่ น
วิธกี ารต้ังรหัสผ่าน และการปกป้องรักษารหัสผ่านให้ปลอดภยั
ขัน้ สอน:
6. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นเปิดโปรแกรม google chrome แล้วเข้าเวป็ ไซต์ทดลองคลิกเมนูและสว่ นประกอบต่าง
ๆ จากน้ันให้ผู้เรยี น เริม่ ดำเนินการเขียนโปรแกรมทม่ี ีอยใู่ นด่าน Tower of Treasure
https://beinternetawesome.withgoogle.com/en_us/interland/landing/tower-of-
treasure
7. ครูสังเกตุการณ์ระหว่างท่ีนกั เรียนทากิจกรรมและจะไดเ้ ฉลยสาหรับนกั เรียนท่ียงั ไมส่ ามารถคดิ หาวธิ ีทาท่ีถูกตอ้ งได้
ชวั่ โมงที่ 3
ขน้ั นำ:
8. ผู้สอนและผเู้ รียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับการหลอกลวงดว้ ยขา่ วทเ่ี ปน็ เท็จ การลอ่ ลวงเอา
ข้อมลู สว่ นตัวของเรา และวิธรี ับมอื กับสถานการณ์ต่างๆ ท่ีมีความเสย่ี งในการถูกล่อลวง
ขั้นสอน:
9. ผ้สู อนใหผ้ ู้เรียนเปิดโปรแกรม google chrome แลว้ เขา้ เวป็ ไซต์ทดลองคลกิ เมนแู ละสว่ นประกอบตา่ ง
38
ๆ จากนั้นใหผ้ ู้เรยี น เร่มิ ดำเนินการเขยี นโปรแกรมที่มีอยใู่ นด่าน Reality River
https://beinternetawesome.withgoogle.com/en_us/interland/landing/reality-river
10. ครูสังเกตุการณ์ระหว่างท่ีนกั เรียนทากิจกรรมและจะไดเ้ ฉลยสาหรับนกั เรียนท่ียงั ไมส่ ามารถคดิ หาวธิ ีทาที่ถูกตอ้ ง
ได้
ช่ัวโมงที่ 4
ขน้ั นำ:
11. ผูส้ อนและผ้เู รยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับการหลอกลวงด้วยขา่ วทีเ่ ปน็ เท็จ การล่อลวงเอา
ขอ้ มูลสว่ นตวั ของเรา และวิธีรับมอื กับสถานการณต์ ่างๆ ท่ีมีความเสย่ี งในการถูกล่อลวง
ขนั้ สอน:
12. ผู้สอนใหผ้ ้เู รยี นเปิดโปรแกรม google chrome แล้วเข้าเว็ปไซต์ทดลองคลิกเมนูและสว่ นประกอบต่าง
ๆ จากน้ันใหผ้ เู้ รียน เรม่ิ ดำเนินการเขยี นโปรแกรมที่มีอยู่ในดา่ น Mindful Mountain
https://beinternetawesome.withgoogle.com/en_us/interland/landing/mindful-
mountain
39
13. ครูสังเกตกุ ารณ์ระหว่างท่ีนกั เรียนทากิจกรรมและจะไดเ้ ฉลยสาหรับนกั เรียนที่ยงั ไมส่ ามารถคิดหาวธิ ีทาท่ีถกู ตอ้ ง
ได้
ข้นั สรปุ :
14. ผู้สอนให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบและอภิปรายร่วมกันวา่ เราไดเ้ รียนรู้อะไรบ้างจากการเรยี นรู้
Resources: □ Textbook □ Workbook p….... □ Handouts □ Multimedia Materials □
Hands-On Materials □ Reference Materials □ Technology Other ……………………
- นกั เรียนใช้เคร่อื งคอมพิวเตอรส์ ่วนบคุ คล พร้อมติดต้ังโปรแกรม Google Chrome สาหรับใช้สื่อ
ออนไลน์
- การเช่ือมต่ออนิ เทอร์เนต็ สาหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
Assessment: □ Check homework Test/Quiz □ Project □ Participation □ Class work
□ Review □ Presentation □ Oral Responses □ Teacher Observations □ Other
40
เคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผล
1. วิธกี ารและเครื่องมือประเมินผล
วธิ กี าร ฝึกปฎิบตั ิจริง การทาแบบทดสอบ
เคร่ืองมือ แบบบนั ทึกคะแนน
2. เกณฑ์การประเมิน
2.1 นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมท่ีกาหนดใหไ้ ดถ้ ูกตอ้ งผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 80
ความคิดเห็นของครูวชิ าการ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ลงชื่อ...............................................................
(..............................................................)
หวั หนา้ ฝ่ายวชิ าการ
ความคดิ เหน็ ของผ้บู ริหาร
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ลงช่ือ..................................................................
(นางรานีนาถ ไชยวงค)์
ผอู้ านวยการโรงเรียนวิชยั วทิ ยา
41
การบนั ทึกผลหลงั การสอน
1. ผลท่ีเกดิ จากการสอน
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
2. ปัญหาอุปสรรค
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
3. ข้อเสนอแนะ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ลงชื่อ...............................................................
( นายอษั ฎายธุ ยศเวยี ง)
ครูผสู้ อน
วนั ที่...........เดือน........................พ.ศ...............
42
แบบบันทึกการทากจิ กรรมระหว่างเรียนหน่วยการรู้เท่าทันสื่อ
เกณฑ์ประเมิน
0 หมายถึง ไม่ปฏิบตั ิ
1 หมายถึง นกั เรียนร่วมกิจกรรมแตไ่ ม่เสร็จสมบรู ณ์ 2 หมายถึง นกั เรียนร่วมกิจกรรมเสร็จ
สมบรู ณ์
คะแนนรวม
6-8 หมายถึง ผา่ น
3-5 หมายถึง ควรปรับปรุง
0-2 หมายถึง ไม่ผา่ น
ลงชื่อ........................................
(นางอษั ฎายธุ ยศเวยี ง)
ครูผสู้ อน
วนั ท่ี...........เดือน........................พ.ศ...............
43
แบบบนั ทึกผลการทดสอบการเรียนรู้หน่วยการรู้เท่าทันส่ือ
สรุปผลการเรียนรู้
นกั เรียนทาแบบฝึกไดถ้ กู ตอ้ งร้อยละ .............
ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ลงชื่อ .............................................
(นายอษั ฎายธุ ยศเวียง)
ผปู้ ระเมิน
44
ประวตั ผิ ู้วจิ ยั
ช่ือ นาย อษั ฎายธุ ยศเวียง
ตาแหน่ง ครูผสู้ อน หมวดวิทยาศาสตร์ วชิ า(เทคโนโลย)ี วิทยาการคานวณ
ประวัตกิ ารศึกษา ระดบั มธั ยมโรงเรียนวิชยั วทิ ยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (2547)
ระดบั อุดมศึกษา ปริญญาตรี คณะวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สาขาวศิ วกรรม
ซอฟตแ์ วร์ (2552)
สถานทท่ี างาน โรงเรียนวิชยั วทิ ยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์ 053 -274468
อีเมล์ (E-Mail) [email protected]