The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pwachiira, 2021-05-22 05:38:09

2-Measurement_Evaluation

2-Measurement_Evaluation

การประเมนิ ผลการเรียนรู้

รศ.ดร.วรรณด์ ี แสงประทปี ทอง สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ มสธ.

หวั ข้อการบรรยาย

แนวคิดการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
การสร้างเครื่องมอื วัดผลการเรยี นรู้
แนวคิดและวิธกี ารตดั เกรด

แนวคดิ การวัดและประเมิน
ผลการเรียนรู้

หลกั สูตร

- จุดมุ่งหมาย
- เนอ้ื หา

การเรียนการสอน การวัดและประเมนิ

หลกั สูตร การเรียน การวดั และ
การสอน ประเมนิ
- จดุ มุ่งหมาย
- เนอ้ื หา

ข้อมลู ยอ้ นกลบั

การสอน

การเรยี น

การสอบ

ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการสอน-การสอบ
แบบผสมผสานเป็นเกลยี ว

ความหมายของ การวัด : กระบวนการที่จะไดม้ า
การวดั และ ซึ่งตวั เลขหรอื สัญลกั ษณ์
การประเมินผล แทนคณุ ภาพหรือ
คุณลักษณะอยา่ งมี
กฎเกณฑ์

การประเมนิ : กระบวนการตัดสนิ
คณุ คา่ ของสิง่ ทไ่ี ด้
จากการวดั

จุดม่งุ หมายของ
การวัดและประเมนิ ผลการเรียน

การวัดและประเมนิ การวัดและประเมนิ
เพื่อปรบั ปรุง เพ่ือตัดสิน
ผลการเรียน
การเรียนการสอน

ประเภทของการวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลกอ่ นเรียน
การวัดและประเมินผลระหวา่ งเรยี น
การวัดและประเมนิ ผลหลังเรียน

ลกั ษณะของการวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น

เป็นการวดั ทางอ้อม
เปน็ การวดั ตวั แทนของความรู้
เปน็ การวดั ทีอ่ าจเกิดความคลาดเคล่อื น

อิงกลมุ่ - เทียบความสามารถของผู้สอบ
กับคนอน่ื ๆในกลุม่
แนวคดิ ของการวัด
และการประเมินผล - เหมาะกับการสอบคดั เลอื ก
การศกึ ษา
- ผู้เรยี นสามารถทาอะไรได้
องิ เกณฑ์ หลงั จากที่มกี ารเรียน
การสอนไปแลว้

- เหมาะกับการเรียนการสอน
การวนิ จิ ฉยั

การประเมนิ แบบองิ เกณฑ์

เกณฑ์ 90 A
80 B
ผา่ น 70 C
ไม่ผ่าน 60 D
F

การประเมนิ แบบองิ กลุ่ม

20% 40% 20%
C
10% 10%

FD BA

C

FD BA

การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั
ผลการเรยี นรู้

จดุ ประสงค์การศกึ ษา

K ทกั ษะพสิ ยั P

พทุ ธพิ สิ ัย K (Psychomotor Domain)

(Cognitive Domain)

เจตพสิ ยั

(Affective Domain)

พฤตกิ รรมการเรยี นรู้

ด้านพทุ ธพิ ิสัย (Cognitive Domain)
ความสามารถดา้ นสมอง หรอื สติปัญญา
ดา้ นเจตพิสยั (Affective Domain)
ความสามารถดา้ นอารมณ์ ความรู้สึก
เก่ียวกบั จติ ใจ

ดา้ นทกั ษะพิสัย (Psychomotor Domain)
ความสามารถในการปฏิบตั ิ

เคร่ืองมือท่ีใช้วัดพฤติกรรมดา้ นต่างๆ

พฤติกรรม เครอื่ งมือ
พุทธิพสิ ยั
เจตพสิ ัย แบบทดสอบ
มาตรประมาณคา่
ทกั ษะพสิ ัย แบบสารวจรายการ แบบวดั
เชงิ สถานการณ์ แบบสังเกต

แบบทดสอบ แบบสังเกต
มาตรประมาณค่า
แบบสารวจรายการ

การสรา้ งแบบทดสอบ

ความหมายของแบบทดสอบ

แบบทดสอบ (Test ) หมายถึงชดุ ของขอ้ สอบ
หรือขอ้ คาถาม (Item ) ทีเ่ ปน็ สิ่งเรา้ ใหผ้ ู้ตอบ
แสดงพฤตกิ รรมตอบสนองต่อสิ่งเรา้ นนั้ ออกมา

ประเภทของแบบทดสอบ

แบ่งตามลกั ษณะของขอ้ สอบ

แบบทดสอบแบบปรนัย

(Objective test)

แบบทดสอบแบบอตั นยั

(Subjective test)

ประเภทของแบบทดสอบ

แบง่ ตามลกั ษณะการตอบ

แบบทดสอบแบบเขียนตอบ

(Supply Type)

แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ

(Selection Type)

แบบเลอื ก แบบถูกผิด
คาตอบ แบบเลือกตอบ
แบบจับคู่

แบบทดสอบ

แบบเขยี นตอบ แบบเตมิ คา

แบบตอบสน้ั ๆ

แบบอตั นยั หรอื
ความเรยี ง

ขัน้ ตอนการสร้างแบบทดสอบ

1. ขัน้ วางแผนการสรา้ งแบบทดสอบ
2. ขนั้ สรา้ งแบบทดสอบ
3. ข้นั ตรวจสอบคณุ ภาพแบบทดสอบ

ข้นั ตอนการสร้างแบบทดสอบ

1.กาหนดจดุ ประสงค์ของการสร้างแบบทดสอบ
2.กาหนดสิ่งทตี่ อ้ งการวัด

3.จดั ทาแผนผังการสรา้ งแบบทดสอบ
4.จดั ทาแบบทดสอบฉบบั รา่ ง
4.ตรวจสอบคณุ ภาพแบบทดสอบ
5.จดั ทาแบบทดสอบฉบบั สมบรู ณ์

แผนผังการสรา้ งแบบทดสอบ

เน้อื หา ความจา ระดับผลการเรียนรู้
สาระ ความ การ การ การ การ รวม

เข้าใจ ประยกุ ต์ วิเคราะห์ ประเมิน สรา้ งสรรค์

1

2

.

.

.

รวม

รูปแบบการเขยี นข้อสอบ

แบบเลือกตอบ

แบบคาถามเด่ยี ว
แบบตัวเลือกคงที่
แบบสถานการณ์
แบบตวั เลือกซ้อน

ข้อสอบแบบคาถามเดี่ยว

วันทต่ี รงกบั วนั ที่พระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรัสรู้
และปรินพิ พาน เรยี กว่าวันอะไร

ก. วันวิสาขบูชา
ข. วนั อาสาฬหบูชา
ค. วนั เขา้ พรรษา
ง. วนั มาฆะบูชา

ขอ้ สอบแบบตวั เลือกคงท่ี

คาชี้แจง จงใช้ตวั เลือก ก ถึง ง น้ตี อบคาถามขอ้ 1-3

ก. วนั เพ็ญ เดือน 3
ข. วันเพ็ญ เดือน 6
ค. วนั เพญ็ เดือน 8
ง. วนั เพญ็ เดือน 11

1. วันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรงกบั วันใด
2. วันท่ีพระพุทธเจา้ ปลงอายสุ ังขาร ตรงกบั วันใด
3. วนั ท่ีพระพุทธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา ตรงกบั วนั ใด

ข้อสอบแบบสถานการณ์

คาชแ้ี จง จงใชข้ ้อความตอ่ ไปน้ตี อบคาถามขอ้ 1-2
“ จาจะพลิกพลิว้ ชิวหาเป็นอาวธุ ประหารบตุ ร
เจ้าลังกาใหอ้ าสัญ ” (จากพระอภยั มณี)

1. ใครเป็นผพู้ ูด 2. ผพู้ ดู มคี วามรู้สึกอยา่ งไร
ก. นางละเวง ก. โกรธ
ข. นางสวุ รรณมาลี ข. เคอื ง
ค. นางเงือก ค. แค้น
ง. นางวาลี ง. ชงิ ชัง

ขอ้ สอบแบบตวั เลอื กซอ้ น

จงพิจารณาขอ้ ความในขอ้ 1-5 ว่าข้อใด

เปน็ องค์ประกอบในกระบวนการสังเคราะหแ์ สง

1. แสงแดด 4. อุณหภมู ิที่เหมาะสม
2. คลอโรฟลิ ล์ 5. ก๊าซออกซิเจน
3. แรธ่ าตุ
ก. 1 2 3
ข. 1 2 4
ค. 1 2 5
ง. 2 4 5

จากเพลงท่ีเปิดใหฟ้ งั จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. จงบอกชือ่ เพลงทฟ่ี งั
2. เน้อื เพลงกล่าวถงึ อะไร
3. ผู้แตง่ เพลงตอ้ งการสอ่ื สารเรือ่ งใด

การเขียนคาถาม

1. ถามใหต้ รงจดุ ประสงค์
ทตี่ อ้ งการวดั

2. คาถามชัดเจน ไม่คลมุ เครอื
มีประเด็นคาถามเดน่ ชดั

การเขียนคาถาม

3. คาถามถกู ตอ้ งตามหลักวิชา
มเี งอ่ื นไขพอเพียง

4. ใช้ภาษารัดกุม ไมเ่ ย่นิ เย้อ
5. ถามสิง่ ท่ีควรถาม เป็นสาระ

สาคัญ มีคณุ ค่า

การเขียนคาถาม

6. ถามสิง่ ทีเ่ ป็นแบบอย่างทดี่ ี
7. หลกี เลยี่ งคาถามทีเ่ ปน็ ปฏเิ สธ

ซอ้ นปฏิเสธ
8. ใช้คาถามปลายปดิ

การเขียนตวั เลือก

1. สอดคล้องกบั ประเดน็ คาถาม
2. เป็นเอกพนั ธ์ (เร่อื งเดยี วกนั /

โครงสรา้ งเหมือนกนั )
3. มีตวั ถูกตวั เดยี ว

การเขยี นตวั เลอื ก

4. มีความเป็นไปได้

5. ภาษากระชบั ชดั เจน
6. เป็นอิสระจากกัน

จุดประสงค์

เมือ่ ศึกษาเร่ืองการสรา้ งแบบทดสอบ
แล้วผเู้ รยี นสามารถบอกข้อดแี ละ
ขอ้ จากดั ของขอ้ สอบแบบปรนยั ได้

ขอ้ สอบแบบปรนยั มขี ้อดกี ี่อยา่ ง
ก. 6 อยา่ ง
ข. 7 อย่าง
ค. 8 อยา่ ง
ง. 9 อยา่ ง

ขอ้ ใดเป็นขอ้ ดีของข้อสอบแบบปรนยั

ก. ใชส้ อบกับผู้สอบจานวนมากพรอ้ มๆ กนั
ข. ตรวจข้อสอบไดเ้ ร็ว ใชเ้ วลานอ้ ย
ค. การใหค้ ะแนนมีความยตุ ิธรรมสงู
ง. ถกู ทุกข้อ

นกบิน

ก. ไวไว
ข. มามา่
ค. ยายา
ง. ควิก

ขอ้ ใดถกู ตอ้ งที่สดุ

ก. กินลม
ข. กนิ แรง
ค. กนิ เสน้
ง. กนิ เมอื ง

กินอะไรสบายทสี่ ดุ

ก. กินลม
ข. กนิ แรง
ค. กินเส้น
ง. กินเมือง

ข้อใดไมใ่ ชข่ อ้ เสยี ของกิจการเจ้าของคนเดียว

ก. การเพิม่ ทนุ ทาได้ยาก
ข. ลูกจา้ งมีโอกาสจากัด
ค. มีความล่าช้าในการตดั สินใจ
ง. เจา้ ของรบั ผดิ ชอบในหนส้ี นิ

โดยไมจ่ ากัดจานวน

หลักการเขยี นข้อสอบอัตนยั

.1 ตอ้ งการวัดพฤติกรรมในระดบั สงู

เชน่ การวเิ คราะห์
2. คาถามตอ้ งชดั เจนวา่ ใหต้ อบ

ประเดน็ ใด
3. กาหนดน้าหนกั คะแนน และระบุ

ให้ชดั เจน

หลักการเขยี นขอ้ สอบอตั นัย

4. กาหนดเวลาในการตอบอย่าง
เพยี งพอ

5. ทดลองตอบคาถามก่อนนาไปใช้
6. หลีกเลย่ี งการให้ผ้ตู อบเลอื กตอบ

เพยี งบางข้อ

หลกั การเขียนขอ้ สอบอตั นยั

7. ใช้ข้อสอบจานวนมากขอ้ ดีกวา่
นอ้ ยข้อ

8. ใช้ข้อสอบอตั นัยในกรณที ี่ต้องการ
วัดผลการเรยี นรทู้ ซ่ี บั ซ้อน

รูปแบบคาถามแบบอตั นยั

คาถามใหร้ ะลกึ ประสบการณ์
คาถามใหเ้ ปรยี บเทยี บสองสิ่ง
ในแงใ่ ดแงห่ นง่ึ เท่ียง
คาถามให้วิเคราะห์
คาถามให้วิจารณ์

จดุ ประสงค์

เมือ่ ศึกษาการเขยี นเร่อื งราวสารคดี
แล้ว ผเู้ รยี นสามารถให้ขอ้ สังเกต
ลักษณะท่วงทานองการเขียนของ
นกั เขียนแตล่ ะคนได้

จดุ ประสงค์

เม่ือศึกษาแนวคิดสาคญั และวธิ ีการของเศรษฐกจิ
พอเพยี งแลว้ ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายแนวคิดหลกั และ
วิธกี ารทางเศรษฐกจิ พอเพียงได้

ข้อสอบ

จงอธิบายแนวคดิ หลกั และวธิ ีการทางเศรษฐกิจ
พอเพยี ง พรอ้ มทงั้ ยกตวั อย่างการประยุกต์ใช้ใน
ชวี ติ ประจาวัน (20 คะแนน)

คะแนน ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินแบบภาพรวม
สาหรบั ประเมนิ การเขยี นเรียงความ

เกณฑ์
เขียนบทนาและบทสรุปได้ดี ทาให้งานเขียนมีใจความสัมพันธ์กัน หัวข้อ
เรือ่ งมรี ายละเอียดสนับสนุนอย่างชัดเจน การผูกเร่ืองเป็นลาดับขั้นตอน รูป
ประโยคถูกต้อง มสี ะกดคาผิดบ้างเล็กน้อย สานวนภาษาสละสลวย

๔ .........................................................................

๓ มีบทนา บทสรุป เนื้อหาสอดคล้องกับหัวข้อเรื่อง รายละเอียดสนับสนุนน้อย เน้ือหา
บางสว่ นไม่ชัดเจน การผกู เรื่องเปน็ ลาดับ รปู ประโยคถกู ตอ้ ง มีสะกดคาผิดอยู่บ้าง สานวน
ภาษาสละสลวยบางแหง่

๒ .........................................................................

๑ ไม่มีบทนาและหรือบทสรุป เนื้อหาอ้อมค้อม ไม่ตรงประเด็นนัก มี
รายละเอียดสนับสนุนน้อย และไมส่ มเหตุสมผล เขยี นสะกดคาผิดมาก


Click to View FlipBook Version