The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทความวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบความมีวินัยใจตนเองของเด็กปฐมวัย โดยการจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จำลอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Aoy Barbecue, 2024-03-18 14:03:21

บทความวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบความมีวินัยใจตนเองของเด็กปฐมวัย โดยการจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จำลอง

บทความวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบความมีวินัยใจตนเองของเด็กปฐมวัย โดยการจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จำลอง

การเปรียบเทียบความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย โดยการจัดกิจกรรม การเล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง COMPARISON OF SELF – DISCIPLINE IN EARLY CHILDHOOD CHILDREN. USING ORGANIZING ACTIVITIES TO TELL MORAL STORIES USING SIMULATION SITUATIONS. นภาพร ตันสีนนท์ Napapon Tanseenon สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี Department of Early Childhood Education, Faculty of Education, Udon Thani Rajabhat University. บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย โดยกิจกรรมการเล่านิทาน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง และเพื่อเปรียบเทียบความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ เด็กปฐมวัย ชาย - หญิง อายุ 4 - 5 ปี ที่ก าลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ของโรงเรียนบ้านอ้อมกอ “ประชาสามัคคี” อ าเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานีจ านวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือก แบบเจาะจง รูปแบบการวิจัย คือ แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมการการเล่านิทาน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง และแบบทดสอบความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการสอบทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้ สถานการณ์จ าลองมีความมีวินัยในตนเองหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างมี นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค าส าคัญ : เด็กปฐมวัย,การจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรม ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง,ความมีวินัยในตนเอง


2 ความเป็นมาและความส าคัญ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นกลไกที่ ส าคัญยิ่งในการน าประเทศเข้าสู่สังคมโลกใน ศตวรรษที่ 21 และเป็นประเด็นหลักที่ก าหนด ไว้ในยุทธศาสตรชาติและยุทธศาสตร์ประเทศ ไทย 4.0 การเตรียมความพร้อมก าลังคนทั้ง ด้านความรู้ ทักษะ สมรรถนะที่จ าเป็น ให้ สามารถปรับตัวและรู้เท่าทันต่อกระแสความ เปลี่ยนแปลงของโลกที่มีพลวัตและการแข่งขัน อย่างเสรีและไร้พรมแดน จึงเป็นความส าคัญ จ าเป็นเร่งด่วนที่ประเทศต้องเร่งด าเนินการ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ การศึกษาเป็นเครื่องมือส าคัญในการ สร้างคน สร้างสังคม และสร้างชาติ เป็นกลไก หลักในการพัฒน าก าลังคนให้มีคุณภาพ สามารถด ารงชีวิตอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม ได้อย่างเป็นสุขในกระแสการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 เนื่องจาก การศึกษามีบทบาทส าคัญในการสร้างความ ได้เปรียบของประเทศเพื่อการแข่งขันและยืน หยัดในเวทีโลก ภายใต้ระบบเศรษฐกิจและ สังคมที่เป็นพลวัต ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจึงให้ ความส าคัญและทุ่มเทกับการพัฒนาการศึกษา เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของตนให้สามารถ ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ภูมิภาค และของโลก ควบคู่กับการธ ารงรักษาอัตลักษณ์ของประเทศ ในส่วนของประเทศไทยได้ให้ความส าคัญกับ การจัดการศึกษา การพัฒนาศักยภาพและขีด ความสามารถของคนไทยให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะที่สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดงานและการพัฒนา ประเทศ ภายใต้แรงกดดันภายนอกจาก ก ร ะ แ ส โ ล ก า ภิ วั ต น์ แ ล ะ แ รง ก ด ดั น ภายในประเทศที่เป็นปัญหาวิกฤติที่ประเทศ ต้องเผชิญ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมไทยเป็นสังคมคุณธรรมจริยธรรม และ ประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักประเทศที่มี รายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เ ด็ ก เ ป็ น ท รั พ ย า ก ร ที่ มี ค่ า ยิ่ง เ ป็ น ความหวังของครอบครัว เป็นผู้สืบทอดมรดก ทางวัฒนธรรมและเป็นมนุษยชาติ เป็นพลัง ส าคัญในการพัฒนาประเทศ อนาคตของ ประเทศชาติจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของเด็กเด็กที่ มีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ มี พัฒนาการในทุกๆด้าน ที่เหมาะสมกับวัย ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางต้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคมและจริยธรรม จะเป็นผู้ที่สามารถด ารงชีวิตอยู่ในสังคมได้ อย่างมีความสุขและเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ เด็กในวัยเริ่มแรกของชีวิต หรือที่เรียกว่า"เด็กปฐมวัย" คือ วัยตั้งแต่แรก เกิดจนถึง 8 ปี จัดได้ว่าเป็นระยะที่ส าคัญที่สุด ของชีวิต ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม บุคลิกภาพ โดยเฉพาะด้านสติปัญญา จะเจริญ มากที่สุดในช่วงนี้ และพัฒนาการใด ๆ ในวัยนี้ จะเป็นพื้นฐานที่มีความส าคัญต่อพัฒนาการ ในช่วงอื่นๆของชีวิตเป็นอย่างมาก ช่วงปฐมวัย เป็นช่วงที่ส าคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ เพราะ เป็นช่วงที่พัฒนาการทุกด้านเจริญขึ้นอย่าง


3 รวดเร็ว ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา การพัฒนาเด็กในช่วงวัยนี้จะเป็น การวางพื้นฐานทางด้านจิตใจ อุปนิสัยและ ความสามารถ ซึ่งจะมีผลต่อไปในอนาคตของ เด็ก ในยุคปัจจุบันค ว ามเจ ริญงอกง าม ทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ มีการพัฒนาไปอย่าง รวดเร็ว ทัศนคติของผู้คนในสังคมจะมีแนวโน้ม ที่จะก้าวเข้าสู่ลักษณะของผู้คนที่มองแคบ คิด ใกล้และขาดวินัยกันมากขึ้นมีค่านิยมทางวัตถุ สูงมากขึ้น เกิดการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและ กัน ขาดการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมอย่าง จริงจังและต่อเนื่อง ท าให้เกิดภาวะขาดความ สมดุลทั้งทางจิตใจและวัตถุซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้สังคมไทยมีปัญหาสลับซับซ้อนมากขึ้น อันส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชากร เป็น อย่ าง ม า กป ร ะ ช า ก ร ข า ดคุณ ธ ร ร ม จริยธรรม สังคมขาดระเบียบวินัย ขาดความ รับผิดชอบ คนในสังคมขาดการยั้งคิด ขาดการ คิดวิเคราะห์ว่าสิ่งใดควรทาหรือไม่ควรทาซึ่ง สาเหตุหลักของปัญหามาจากการขาดความมี วินัยในตนเองทั้งนั้น วินัยในตนเองนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทักษะ ชีวิตที่มีความส าคัญอย่างยิ่งต่อการด าเนิน ชีวิตประจ าวันและการอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข การปลูกฝังและสร้างเสริมให้ บุคคลมีวินัยในตนเอง ควรเริ่มตั้งแต่วัยอนุบาล เนื่องจากเป็นวัยที่เป็นพื้นฐานทางบุคลิกภาพ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การศึกษาแนวคิดและ ทฤษฎี ที่เกี่ยวข้องกับวินัยในตนเองจะช่วยให้ ครูปฐมวัยซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทส าคัญในการ พัฒนาวินัยในตนเองให้แก่ เด็กอนุบาลต่อจาก พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถก าหนดหลักการและ แนวทางในการพัฒนาวินัยในตนเองให้แก่ เด็ก ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับวัยด้วยการ เป็นตัวแบบที่ดีให้เด็กได้เลียนแบบ จัด ประสบการณ์ให้เด็ก ได้ฝึกปฏิบัติจริงจาก กิจวัตรประจ าวันอย่างต่อเนื่องจนเกิดความ เคยชินซึมซับเป็นส่วนหนึ่งของลักษณะนิสัย และให้การอบรมดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดด้วย ความรักความอบอุ่น ความเข้าใจในความ แตกต่างระหว่างบุคคล ของเด็ก โดยยึดหลัก ของการยอมรับนับถือและเสรีภาพในการให้ เด็กควบคุมและก ากับตนเอง รวมถึงการ จัด สภ าพแวดล้อมที่สะอาด ส วยง าม และ ปลอดภัย จัดเก็บสื่อและอุปกรณ์ของใช้ให้เป็น หมวดหมู่ที่จะเอื้อให้เด็กสามารถท าสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ศึกษาผลการจัดประสบการณ์ ด้วยกิจกรรมการเล่านิทานที่มีต่อพฤติกรรม ค ว า ม มี วินั ยใ น ตน เ อง ข อง เ ด็ กป ฐ ม วั ย ผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด ประสบการณ์ด้วยกิจกรรมการเล่านิทานมี พฤติกรรมความมีวินัยในตนเองโดยรวมและ เป็นรายด้านอยู่ในระดับสูง การจัดประสบการณ์โดยใช้นิทานเป็นอีก วิธีหนึ่งที่นิยมน ามาเป็นสื่อในการพัฒนา คุณธรรมจริยธรรมเพราะนิทานเป็นเรื่องที่ เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย เด็กมีความต้องการที่ จะฟังและอ่านนอกจากนิทานจะให้ความ สนุกสนานเพลิดเพลินแล้วนิทานแต่ละเรื่องยัง แฝงคติสอนใจด้านคุณธรรม จริยธรรม ความมี วินัย และการเล่านิทานยังเป็นการเล่าเรื่อง


4 ต่างๆ ที่ช่วยให้เด็กเข้าใจดีขึ้น เป็นวิธีหนึ่งที่ท า ให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนรู้กล้า แสดงออกและมีแรงจูงใจให้เปิดรับพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ ตอบสนองความต้องการของเด็ก ที่ แป ล กใหม่ ไ ด้ ข้ อคิ ด แ ล ะ คติ เตื อนใ จ ตอบสนองความต้องการของเด็กไม่ว่าจะเป็น ความอยากรู้ อยากเห็น การยอมรับ ส่งเสริม ความคิดความเข้าใจ และการรับรู้ให้กับเด็ก เด็กที่ฟังนิทานประเภทใดแล้ว เด็กสามารถ เลียนแบบตัวอย่างในนิทานตามที่ผู้เขียนนิทาน จะชักจูงหรือกระตุ้นให้เป็นไปตามแนวคิดใน ลักษณะเดียวกันกับนิทานที่ได้ การเลียนแบบ มีบทบาทส าคัญมากในวัยเด็กการเลียนแบบ เป็นการวางรากฐานของบุคลิกภาพและแบบ แผนแห่งพฤติกรรมซึ่งจะมีการพัฒนาต่อไป การเลียนแบบนั้นเกิดขึ้นทุกๆ ระยะของ พัฒนาการ และจะเป็นไปตามโครงสร้างของ ประสบการณ์ที่มีอยู่ซึ่งจะเป็นการวางแนวทาง แห่งการกระท าและตัดสินว่าพฤติกรรมใดของ บุคคลใดที่ควรเลียนแบบ จากที่กล่าวมาทั้งหมดผู้วิจัยได้เห็นถึง ความส าคัญของความมีวินัยในตนเองของเด็ก ปฐมวัย หากเด็กขาดความมีวินัยในตนเอง จะ ส่งผลในการท ากิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน เช่น การไม่ปฏิบัติตาม กฎระเบียบของโรงเรียนและห้องเรียน การ ขาดความรับผิดชอบในการท างานที่ได้รับ มอบหมายจนส าเร็จ การใช้สิ่งของและไม่ จัดเก็บสิ่งของเข้าที่ให้เป็นระเบียบ ขาดการรอ คอยตามล าดับก่อน - หลัง การแย่งของเล่น ในขณะเล่นและท ากิจกรรมร่วมกับเพื่อน จึง ท าให้ผู้วิจัยมีความสนใจจะส่งเสริมความมีวินัย ในตนเองโดยใช้กิจกร รมก า รเล่ านิท าน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง ให้กับเด็กปฐมวัยเพื่อเป็นแนวทางในการ พัฒนาความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย ต่อไป วัตถุประสงค์ของการวิจัย ก า ร วิ จั ยค รั้งนี้ ผู้ วิ จั ยไ ด้ ก าห น ด วัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาความมีวินัยในตนเอง ของเด็กปฐมวัย โดยการจัดกิจกรรมการเล่า นิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์ จ าลอง 2 . เพื่ อเป รี ยบ เที ยบ ผ ล ก า ร จั ด กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถานการณ์จ าลอง ที่มีผลต่อการศึกษา ความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย กรอบแนวคิดในการวิจัย ตัวแปรต้น การจัดกิจกรรมการเล่านิทาน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง ตัวแป รต าม ค ว ามมี วินัยในตนเองของ เด็กปฐมวัย 1. ด้านความรับผิดชอบ 2. ด้านความซื่อสัตย์ 3. ด้านความสามัคคี 4. ด้านความอดทน อดกลั้น สมมติฐานของการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม กา รเล่ านิท านคุณธ ร รมป ระกอบก า รใช้ สถานการณ์จ าลองหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่า ก่อนการจัดกิจกรรม


5 วิธีด าเนินการวิจัย การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยที่มีแบบ แผนการวิจัยเชิงกึ่งทดลองแบบ One Group Pretest - Posttest Design ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็น นักเรียนชาย - หญิงที่ก าลังศึกษาในชั้นอนุบาล 2 - 3 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2566 ของ โรงเรียนบ้านอ้อมกอ “ประช าสามัคคี” จ านวน 40 คน กลุ่มตัวอย่ างที่ใช้ในก ารวิจัยคือ นักเรียนชาย - หญิงที่ก าลังศึกษาในชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2566 โรงเรียน บ้านอ้อมกอ “ประชาสามัคคี” ส านักงานเขต พื้นที่การศึกษาปฐมศึกษา เขต 3 จ านวน 20 คน ที่ได มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดประสบการณ์โดยใช้ กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถานการณ์จ าลองของเด็กปฐมวัย จ านวน 8 แผน แผนละ 40 นาที 2. แบบทดสอบความมีวินัยในตนเอง ของเด็กปฐมวัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้สถิติในการ วิเคราะห์ข้อมูล ดัชนีความสอดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) ค่าเฉลี่ย ( X) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) เปรียบเทียบคะแนนแบทดสอบความมีวินัยใน ตนเองของเด็กปฐมวัยก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) ของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ t-test แบบกลุ่มไม่อิส ระ (Dependent Samplest - test) การวิเคราะห์ข้อมูล 1.น าคะแนนที่ได้จากการทดสอบ ครั้งแรก (Pretest) และครั้งหลัง (Posttest) ของเด็กกลุ่มทดลองมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2.เปรียบเทียบความแตกต่างของ คะแนนเฉลี่ยทักษะความมีวินัยในตนเองก่อน การทดลองและหลังการทดลอง ของกลุ่ม ทดลองวิเคราะห์โดยใช้สถิติ t-test แบบ Dependent Sample สรุปผลการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม กา รเล่ านิท านคุณธ ร รมป ระกอบก า รใช้ สถานการณ์จ าลองมีคะแนนความมีวินัยใน ตนเองหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัด กิจกรรม ก่อนการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 31.70 และหลังการจัดกิจกรรมมี คะแนน เท่ากับ 39.25คะแนนส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานก่อนเรียน เท่ากับ 1.81 และหลัง การจัดกิจกรรม เท่ากับ 1.07 อย่างมีนัยส าคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 การอภิปรายผล จากการศึกษาความมีวินัยในตนเอง ของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้าน อ้อมกอ “ประชาสามัคคี” โดยใช้กิจกรรมการ เล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์


6 จ าลอง ผู้วิจัยขออภิปรายผลตามวัตถุประสงค์ การวิจัย ดังนี้ 1. ผลการวิเคราะห์การศึกษาความมี วินัยในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านอ้อมกอ “ประชาสามัคคี” โดยใช้ กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถานการณ์จ าลอง พบว่านักเรียนชั้น อนุบาล 2 โรงเรียนบ้านอ้อมกอ “ประชา สามัคคี” ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทาน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง อยู่ในระดับดี ทั้งนี้เนื่องจาก การจัดกิจกรรม กา รเล่ านิท านคุณธ ร รมป ระกอบก า รใช้ สถานการณ์จ าลอง มีกระบวนการสร้างตาม ขั้นตอนอย่างเป็นระบบคือ ได้ศึกษาหลักสูตร ปฐมวัย 2560 มีการวิเคราะห์หลักสูตรและ เนื้อหา ศึกษาแนวทางการเขียนแผนการจัด กิจกรรมตามที่ได้ศึกษาแล้วน าแผนการจัด กิจกรรมที่สร้างขึ้น เสนออาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวช าญเพื่อพิจารณาแล้ วน าม า ปรับปรุงแก้ไข ทั้งในด้านแผนการจัดการเรียน โดยรวม เนื้อหา ผลการเรียนรู้ กิจกรรม สื่อ และการประเมินผล ซึ่งผลจากการประเมิน แผนการจัดกิจกรรมได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ใน ระดับมาก แสดงว่า แผนการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสมมาก ก่อนน าไป ทดลองจริงกับกลุ่มตัวอย่าง และการจัด กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถานการณ์จ าลอง เพื่อส่งเสริมความมีวินัย ในตนเองส าหรับเด็กปฐมวัยนั้น เนื้อหาของ นิทานจะส่งเสริมพฤติกรรมความมีวินัยใน ตนเองส าหรับเด็กปฐมวัย ในด้านความ รับผิดชอบ มีความสามัคคี มีความซื่อสัตย์ มีความอดทน อดกลั้น โดยใช้วิธีการเล่านิทาน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง โดยครูแบ่งกลุ่มวางแผนตามบทบาทของแต่ละ คน เพื่อเล่นเป็นตัวละคร กลุ่มผู้ชม และ ร่วมกันสรุปประเด็นส าคัญของสถานการณ์ นั้นๆ โดยผลัดเปลี่ยนกันแสดงบทบาทใน 1 สัปดาห์ ในการจัดกิจกรรมเล่านิทานจะจัด สถานการณ์จ าลองตามเนื้อเรื่องในนิทาน โดยให้เด็กได้อยู่ในสถานการณ์ที่มีสภาพ เหมือนจริงตามเนื้อเรื่องของนิทาน ซึ่งมีการจัด สภาพแวดล้อมในห้องเรียนเสมือนจริง โดยครู ได้ก าหนดกติกา และแบ่งกลุ่มให้เด็กตาม บทบาทของแต่ละคน เพื่อเล่นเป็นตัวละคร ตามนิทาน โดยฝึกปฏิบัติและแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับสอดคล้องกับ แนวคิดของ กุลยา ตันติผลาชีวะ (2541: 10-19) ได้กล่าวถึงการเล่านิทานที่มีขั้นตอน การด าเนินการเป็นล าดับ ในแต่ละขั้นตอนของ การเล่า ต้องมีการจัดเตรียมให้เหมาะสม จึงจะ ท าให้การเล่านิทานมีความหมายประทับใจแก่ ผู้ฟัง แม้ว่านิทานจะเป็นสิ่งที่เด็กชอบ และ พร้อมที่จะฟังอยู่เสมอก็ตาม นิทานทุกเรื่องกับ การเล่าทุกครั้ง ไม่สามารถตรึงใจให้เด็กอยู่กับ ที่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบเว้นแต่กระบวนการเล่านั้น จะมีขั้นตอนการเตรียมการณ์ที่ดี นอกจากจะ ท าให้นิทานด าเนินไปสู่จุดประสงค์ของผู้เล่าที่ ต้องการแล้ว ต้องท าให้เด็กเพลิดเพลินกับ นิทานที่เล่าด้วยในการเตรียมการเพื่อการเล่า ครูเป็นผู้เล่า ครูต้องจัดเตรียมเนื้อหานิทาน ก่อน ถ้าเป็นนิทานที่มาจากหนังสือนิทาน


7 ครูควรต้องอ่านให้เข้าใจจ าเนื้อเรื่องให้ได้ เมื่อน าไปเล่าประกอบภาพในหนังสือจะได้พูด ความต่อเนื่องเป็นเรื่องราว มีการหยุดพัก ถาม ตอบจะท าให้เข้าใจง่ายไม่ลืม สอดคล้องกับ แนวคิดของแบนดูรา (Bandura) ที่ว่าการ เรียนรู้ทางสังคมเกิดจากการได้เห็น การ กระท าอันเป็นตัวอย่างจากบุคคลรอบข้างที่ เกี่ยวข้องกับเด็ก สิริมา ภิโญอนันตพงษ์(2550: 65) ซึ่งพฤติกรรมของมนุษย์เรา ส่วนมากเป็น การเรียนรู้จากการสังเกต การเลียนแบบจาก ตั ว แ บ บ ส อ ด ค ล้ อง กั บง า น วิ จั ย ข อง อริสา โสค าภา (2551: 65) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง พฤติกรรมทางสังคมของเด็กปฐมวัยที่ได้รับ การจัดกิจกรรมเล่านิทานอีสปประกอบการใช้ สถานการณ์จ าลอง พบว่า เด็กปฐมวัยก่อนจัด กิจกรรมและระหว่างการจัดกิจกรรมเล่านิทาน อีสปประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง ใน แต่ละช่วงสัปดาห์มีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรม ทางสังคมโดยรวมแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญที่ ระดับ .05 สอดคล้องกับง านวิจัยของ สุดา เจ๊ะอุมา (2556: 263-275) ได้ศึกษาวิจัย เรื่องผลของการใช้สถานการณ์จ าลองที่มีต่อ ความสามารถในการคิดย้อนกลับตามทฤษฎี ของเพียเจท์ของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พบว่า 1) ความสามารถในการคิดย้อนกลับ ตามทฤษฏีของเพียเจท์โดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านการ คิดย้อนเชิงอนุรักษ์ เชิง เปรียบเทียบ เชิงพื้นฐานคณิตศาสตร์และเชิง จริยธรรมของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 ก่อนและ หลังกา รท ากิจกรรมสถ านกา รณ์จ าลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของปิมปภา ร่วมสุข (2557) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การสร้าง สื่อนิทานเพื่อพัฒนาพฤติกรรมคุณธรรมด้าน ความมีน้ าใจในเด็กปฐมวัย พบว่า สื่อนิทานที่ ผู้วิจัยสร้างขึ้นนี้มีผลต่อการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมคุณธรรมความมีน้ าใจของกลุ่ม ตั ว อ ย่ าง โ ด ย ค่ า ค ะ แ น น เ ฉ ลี่ย ก า ร ท า แบบทดสอบพฤติกรรมคุณธรรมด้านความมี น้ าใจ หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง เล่านิทานอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความ มีวินัยในตนเอง ของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านอ้อมกอ “ประช าสามัคคี” ก่อนและหลังใช้กิจกร รมก า รเล่ านิท าน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง พบว่า นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้าน อ้อมกอ “ประชาสามัคคี” มีความมีวินัยใน ตนเองสูงกว่าก่อนการทดลอง โดยก่อนการจัด กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถานการณ์จ าลองของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ทั้ง 20 คน มีมีวินัยในตนเองอยู่ในระดับ ปรับปรุง-ปานกลาง นักเรียนยังมีปัญหาการ อดทนในการท ากิจกรรมได้ไม่นาน ท าผิดแล้ว ไม่ยอมรับผิด ไม่ช่วยเหลือเพื่อนในเรื่องต่างๆ ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ที่ตนเองได้รับ แต่เมื่อ ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรม ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลองพบว่า นักเรียนทั้ง 20 คน มีวินัยในตนเองสูงกว่าก่อน กา รจัดกิจกร รมก า รเล่านิท านคุณธ ร รม


8 ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง ซึ่งการที่ เด็กมีวินัยในตนเองสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะจาก กา รจัดกิจกร รมก า รเล่านิท านคุณธ ร รม ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลองเป็นการที่ ส่งเสริมให้เด็กเกิดความรับผิดชอบในการเล่น ร่วมกัน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จัก ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเล่น รู้จักอดทนและ รอคอย รู้จักตรงต่อเวลาในการเล่น ซึ่งจะช่วย พัฒนา ต่อไปเป็นความมีวินัยในตนเอง โดยมี กา รจัดกิจกร รมก า รเล่านิท านคุณธ ร รม ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลองหมุนเวียน กันไปและเด็กจะเกิดการเรียนรู้พฤติกรรม ความมีวินัยในตนเองได้เต็มตามศักยภาพของ ตนเอง มีความสนุกสนานในการเล่นและไม่ เครียด จึงท าให้เด็กแสดงพฤติกรรมความมี วินัยในตนเองออกมาโดยที่ไม่ต้องมีการบังคับ ให้เด็กท า เพราะเมื่อเด็กอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เด็กจะเป็นตัว ของตั วเองม า กที่สุ ด แล ะเด็ กจ ะแส ดง ความสามารถที่แท้จริงของตนเองออกมา สอดคล้องกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2527: 482-483) มีความเห็นว่า การฝึก ระเบียบวินัยต้องฝึกอย่างสม่ าเสมอ มีความ อดทน มีความพยาม ไม่ใจร้อน และต้อง ค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก ให้เด็กมีความเข้าใจระเบียบวินัยแต่ละเรื่องที่ ให้ปฏิบัติ โดยอธิบายให้เข้าใจเหตุผล ชี้ให้เห็น ผลดีของการปฏิบัติ และผลเสียที่เกิดขึ้นหาก ไม่ปฏิบัติ เมื่อเด็กเข้าใจเด็กจะปฏิบัติด้วย ความเต็มใจ ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีวินัยในตนเอง ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังผู้ใหญ่ก็จะ ป ร ะ พ ฤ ติ ป ฏิบั ติ อ ยู่ ใ น ร ะ เ บี ย บ อั น ดี ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของ วัชรินทร์ เทพมณี(2545:77) ที่กล่าวว่า วินัยในตนเอง ย่อมเกิดจากการที่เด็กยอมรับข้อตกลงและ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เด็กมีส่วนร่วมในการ สร้างขึ้น ช่วยให้เด็กเรียนรู้และเข้าถึงการอยู่ ร่วมกันภายใต้ข้อตกลง โดยไม่มีการฝืนใจหรือ บังคับให้ท าตาม นอกจากนี้ การแสดงความ ชื่นชมของครู เมื่อเด็กท าสิ่งที่ดีงามและกล่าว ย้ าให้เกิดความมั่นใจในการกระท า ช่วยท าให้ เด็กมีความรู้สึกที่ดี มีก าลังใจที่จะท าสิ่งที่ดีงาม ต่อไป ผลการวิจัยในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า กา รจัดกิจกร รมก า รเล่านิท านคุณธ ร รม ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง สามารถ ช่วยพัฒนาความมีวินัยในตนเองของเด็ก ปฐมวัย ทั้งนี้ถ้ าเด็กได้ รับก ารสนับสนุน ส่งเสริมและ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้ จากผลการวิจัยตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ เด็กที่ได้รับการจัดประสบการณ์กิจกรรมการ เล่านิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์ จ าลองอย่างต่อเนื่อง ท าให้เด็กเกิดการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมความมีวินัยในตนเอง ในด้านความรับผิดชอบ ด้านความซื่อสัตย์ ด้านความสามัคคี และด้านความอดทน อดกลั้น ทั้งนี้ครูยังมีบทบาทส าคัญที่ต้อง สอดแทรกพฤติกรรมความมีวินัยในตนเอง ในทุกขั้นตอนของการจัดกิจกรรมการเล่า นิทานคุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์ จ าลอง คือในขั้นน า ขั้นสอน และขั้นสรุป โดยเฉพาะในขั้นสรุป ครูจะต้องชี้แนะและ


9 กระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงความส าคัญของ พฤติกรรม ความ มีวินัยในตนเองในการอยู่ ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นผู้ที่ เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจในการศึกษา เพื่อ พัฒนาพฤติกรรมความมีวินัยในตนเองเด็ก ปฐมวัย สามารถศึกษาและใช้เป็นแนวทางใน การจัดประสบการณ์การเรียนการสอน ให้ สอดคล้อง กับพัฒนาการความสนใจตามวัย และวุฒิภาวะ ตลอดจนระยะเวลาที่เหมาะสม ในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยต่อไป ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาความมีวินัยในตนเอง ข องนั ก เ รี ย น ชั้น อ นุบ า ล 2 โ รง เ รี ย น บ้านอ้อมกอ “ประชาสามัคคี” โดยใช้กิจกรรม กา รเล่ านิท านคุณธ ร รมป ระกอบก ารใช้ สถานการณ์จ าลอง ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ 1.1 ครูผู้สอนที่สนใจน ากิจกรรม กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถานการณ์จ าลองไปใช้ ควรมีการประยุกต์ หรือปรับปรุงให้เหมาะกับบริบทของนักเรียน หรือหลักสูตรของสถานศึกษาเพื่อให้นวัตกรรม ส่งผลต่อการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของ นักเรียนมากยิ่งขึ้น 1.2. ครูผู้สอนที่สนใจควรศึกษ า ค้นคว้าและเปรียบเทียบความมีวินัยในตนเอง ของเด็กปฐมวัยกับการจัดประสบการณ์ใน รูปแบบอื่น ๆ 1.3. ครูผู้สอนควรค านึงถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล ให้เวลาในการปฏิบัติ กิจกร รมและคว ามส าคัญของเด็กอย่ าง เท่าเทียมกัน 1.4. ครูควรเตรียมอุปกรณ์และวัสดุ ในการท ากิจกรรมให้พร้อม และมีจ านวน เพียงพอส าหรับเด็กทุกคน 2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป 2 . 1 ค รูผู้สอนที่สนใจคว รศึกษ า ค้นคว้า และเปรียบเทียบความมีวินัยในตนเอง ของเด็กระดับปฐมวัยกับการจัดประสบการณ์ ในรูปแบบอื่นๆ 2.2 การจัดกิจกรรมการเล่านิทาน คุณธรรมประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง ครูควรจัดบรรยากาศในขณะจัดกิจกรรม กิจกรรมการเล่านิทานคุณธรรมประกอบการ ใช้สถ านก า รณ์ จ าล องให้เด็กเกิดค ว าม สนุกสนาน โดยอาจจะน าเอานิทานอื่นๆ เข้า มาป ระกอบเพิ่มเติม หรือน าเกมเข้าม า ประกอบเพิ่มเติม 2.3 ขณะที่เด็กท ากิจกรรมครูผู้สอนมี หน้าที่อ านวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม ให้พร้อมตลอดเวลาที่เด็กลงมือปฏิบัติกิจกรรม ควรส่งเสริมและกระตุ้นให้เด็กได้แสดงความ คิดเห็นในการท ากิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง ควรสังเกตพฤติกรรมการขณะท ากิจกรรม การ สนทนาพูดคุย และควรจดบันทึกพฤติกรรม ในระหว่างที่เด็กท ากิจกรรม เพื่อติดตามผล การพัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไข


10 เอกสารอ้างอิง กรมวิชาการ. (2537). คู่มือและสื่อสารพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง. โครงการวิจัยและพัฒนา ระบบงานแนะแนวในและนอกสถานศึกษา ศูนย์แนะแนวการอาชีพ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การ ศาสนา. ______. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: ส านักวิชาการและ มาตรฐานการศึกษาส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. กิ่งแก้ว อัตถากร. (2513). วรรณคดีวิจารณ์. กรุงเทพฯ: หน่วยศึกษานิเทศ กรมการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยรามค าแหง. กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2541). การเล่านิทาน. วารสารการศึกษาปฐมวัย. 2(2): 10-19. ______. (2542). การเลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียน: 3-5 ขวบ. กรุงเทพฯ: โชติสุขการพิมพ์์. เกริก ยุ้นพันธ์. (2539). การเล่านิทาน. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. จินดา น้าเจริญ. (2540). การศึกษาความมีวินัยในตนเองด้านสิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัยที่ได้รับ การจัดกิจกรรมเสริมลักษณะนิสัยแบบวางแผนปฏิบัติทบทวน. ปริญญานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ฉวีวรรณ กินาวงศ์. (2530). การศึกษาเด็ก. กรุงเทพฯ: พิฆเนศ. ฉันทนา ภาคบงกช. (2546). สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกับการเลี้ยงดูพระโอรสและ พระธิดา : ทรงพากเพียรและใฝ่เรียนใฝ่รู้. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง. ชนิพรรณ จาติเสถียร. (2557). การสังเกตพฤติกรรมส าหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ, ส านักพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2521). นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษากับการสอนระดับอนุบาล. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพาณิชย์. ดวงเดือน แจ้งสว่าง. (2542). นิทายส าหรับเด็กปฐมวัย. สงขลา: มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2523). จิตวิทยาการปลูกฝังวินัยแห่งตน. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยพฤติกรรม ศาสตร์. มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ. ต้องจิตต์ จิตดี. (2547). การพัฒนาความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด ประสบการณ์กิจกรรมดนตรีตามแนวคาร์ลออร์ฟ. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษา ปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.


11 _______. (2560). ทฤษฎีของแบนดูรา (Bandura) และทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม. เข้าถึงได้จาก https://kruneung2020.blogspot.com/2017/10/bandura.html ปิมปภา ร่วมสุข. (2557). การสร้างสื่อนิทานเพื่อพัฒนาพฤติกรรมคุณธรรมด้านความมีน้ าใจในเด็ก ปฐมวัย. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล. สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. (2550). การจัดการศึกษาปฐมวัยในมลรัฐไอโอวาและมลรัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ:กรุงเทพฯ. สุดา เจ๊ะอุมา. (2556). ผลของการใช้สถานการณ์จ าลองที่มีต่อความสามารถในการคิดย้อนกลับ ตามทฤษฎีของเพียเจท์ ของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal, 6(3), 263-275. อริสา โสค าภา. (2551). พฤติกรรมทางสังคมของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานอีสป ประกอบการใช้สถานการณ์จ าลอง. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.คณะกรรมการควบคุม : รองศาสตราจารย์ ดร.สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์.รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์.


Click to View FlipBook Version