The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by บ้านช่องไม้งาม, 2022-12-27 11:09:24

ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 2564

ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 2564

สรปุ ความรู้ การศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเอง

นางสาวศริ าพร ช่วยชะนะ
ตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบ้านช่องไมง้ าม

โรงเรียนบา้ นชอ่ งไม้งาม
สังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสุราษฎรธ์ านี เขต 2

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ

6. กฎหมายสาหรับผู้บริหารสถานศกึ ษา
ดร.สฤษด์ิ ธัญกิจจานุกิจ ผู้อานวยการกองกฎหมาย

สิ่งท่ีควรศึกษาเกี่ยวกับกฎหมาย ได้แก่ กระบวนการสอบสวนเม่ือมีความผิดทางวินัย สิทธิของผู้
อุทธรณ์ การร้องทุกข์ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และการดาเนินคดีทาง
ปกครอง

ผู้บริหารต้องรู้กฎหมายเพ่ือนาไปปรับใช้ได้อย่างถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะ และครบถ้วน
ตระหนักไม่เสี่ยงต่อการทาผดิ จรรยาบรรณและการกระทาผิดทางวนิ ัย ป้องกันตนเอง ช่วยเหลือผ้อู ื่นท่ีไม่ไดร้ บั
ความเป็นธรรม บอกต่อ และเริม่ ตน้ ใช้ท่ตี ัวเอง
1. กฎหมายดา้ นวนิ ยั ครู

วินัยและจรรยาบรรณ คือ เกราะคุ้มกันความเป็นครู เพราะวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ต้องมีใบ
ประกอบวชิ าชพี และต้องมวี ินยั จรรยาบรรณติดตวั เสมอ

พระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ได้ให้กับครูไว้ตอนหนึ่งคือ “เป็นครูใช่
ไหม ฝากเดก็ ๆ ด้วยนะ ชว่ ยสอนใหเ้ ขาเปน็ คนดี” แสดงใหเ้ ห็นถึงความสาคญั ของครูได้เปน็ อย่างดี

ครูจึงต้องพิจารณาหน้าท่ีความรับผิดชอบของตนเองว่าประพฤติปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่ มีความเป็น
ครูแลว้ หรอื ไม่ จิตใจทม่ี ีตอ่ วชิ าชีพครูเปน็ อยา่ งไร

กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับวินัยครู คือ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.
2547 แกไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2551 แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 และแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ 4)
พ.ศ. 2562 เนื้อหาท่ีควรรู้ เช่น มาตราท่ีเกี่ยวข้องกับการรักษาวินัย การปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความสุจรติ การเป็น
แบบอยา่ งท่ีดี เป็นตน้
2. จรรยาบรรณวชิ าชีพครู

ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 ระบุว่าครู หมายความว่า บุคคลซ่ึง
ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ใน
สถานศึกษาปฐมวยั ขั้นพน้ื ฐาน และอุดมศกึ ษาท่ตี า่ กว่าปรญิ ญาทงั้ ของรฐั และเอกชน

จรรยาบรรณของวิชาชีพ หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัตินที่กาหนดข้ึนเป็นแบบแผน ในการ
ประพฤติตน ซ่งึ ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบตั ิตาม เพอ่ื รักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ช่ือเสียง และ
ฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาใหเ้ ปน็ ที่เชื่อถือศรทั ธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อนั จะนามาซง่ึ เกียรติ
และศักดิ์ศรแี หง่ วิชาชพี “วชิ าชีพครู” จะอยู่ได้ ครูตอ้ งมี “ความเป็นครู”

จรรยาบรรณของวิชาชีพ 5 ด้าน ได้แก่ จรรยาบรรณต่อตนเอง ต่อวิชาชีพ ต่อผู้รับบริการ ต่อผู้ร่วม
ประกอบวชิ าชีพ และต่อสงั คม

ประมวลจริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกาศราชกิจจานุเบกษา ณ วันที่
9 กันยายน 2564 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตนเพื่อรักษาจริยธรรม ที่
กาหนดไวอ้ ยา่ งเครง่ ครดั อย่เู สมอ
3. กฎหมายที่เกยี่ วข้อง ทีส่ ง่ ผลกระทบต่อความผดิ ทางวินัย

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
พระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ.2534 แก้ไขเพม่ิ เตมิ ถึง ฉบับที่ 8 พ.ศ.2553

การดาเนินการเม่ือถูกแต่งต้ังกรรมการสอบทางวินัย บุคคลท่ีถูกกล่าวหามีสิทธิในการโต้แย้ง สิทธิใน
การรับขอ้ กล่าวหา สิทธกิ ารอุทธรณ์
4. ถอดบทเรียนจากคาพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ

คดที ี่เกย่ี วกับครู เช่น คดมี อบหมายงาน ผอ.นาทรพั ย์สนิ ของโรงเรียนไปใชส้ ว่ นตัว คดีประมาทเลนิ เล่อ

7. นวัตกรรมเพื่อการเรยี นรู้สาหรบั ผบู้ ริหาร
ผศ.ดร.วรัตต์ อินทสระ อาจารยป์ ระจาคณะวิทยาการจดั การ

จากการวิจัยพบว่าการเรียนหลังยุคโควิด-19 ผู้เรียนจะสนใจเนื้อหาไมเ่ กินวันละครั้ง ไม่เกินคร้ังละ 30 นาที
เทา่ นนั้ ผู้สอนจงึ ต้องจดั การเรยี นรใู้ ห้ผูเ้ รียนสนใจ เช่น การเรยี นการสอนแบบ Microlearning แบ่งเน้ือหาเป็นส่วน ๆ

นวัตกรรม (Innovation) เป็นเครื่องมือ รูปแบบ วิธีการท่ีสร้างสรรค์ข้ึนมาใหม่หรือปรับปรุงต่อยอดจาก
ของเดมิ เพ่อื แก้ปญั หา และพัฒนาองคก์ รให้บรรลุเปา้ หมาย

จากขอ้ มูลพบว่าครูใช้เทคโนโลยีเพื่อสรา้ งความสนใจของผู้เรยี น เด็กใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั มากขน้ึ ครใู ช้อปุ กรณ์
ดิจิทัลอย่างน้อย 1 เครื่องต่อวัน ดังนั้นนวัตกรรมในการเรียนจึงเข้ามามีบทบาทสาคัญในโลกยุคใหม่ เช่น การใช้
แอปพลิเคชน่ั ตา่ ง ๆ ในหอ้ งเรยี น เช่น plickers, ClassDojo, Nearpod ฯลฯ

การศึกษากาลงั ถกู คกุ คามมากขน้ึ เทคโนโลยีเข้ามามบี ทบาทในชวี ิตของมนษุ ยม์ ากขึน้ กระทบต่อการดาเนิน
ชีวติ การตัดสินใจ การเปล่ยี นแปลงเหลา่ นที้ าให้ครูมคี วามสาคัญนอ้ ยลง เพราะการเรยี นร้จู ะไมเ่ หมือนเดิมอกี ต่อไป จึง
ต้องเลือกวธิ กี ารเรียนการสอนใหม่ ๆ ให้เหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รยี น

เด็กในศตวรรษที่ 21 ถูกสอนโดยผู้ใหญใ่ นศตวรรษท่ี 20 ใช้หลักสูตรจากศตวรรษที่ 19 ด้วยเทคนิคการสอน
จากศตวรรษที่ 18 ปญั หาจงึ เกิดขน้ึ เพราะโลกเปลย่ี นแปลงไป จึงต้องหานวตั กรรมการเรียนรเู้ ข้าไปใช้ในการเรียนการ
สอน

จากวิจัยชั้นเรียน พบว่า ผู้เรียนต้องการครูที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู (Soul) ใช้เทคโนโลยี
(Technology) มีประสบการณ์และความรู้กว้าง (Universe) ยกตัวอย่างหรือสาธิตให้เห็นอย่างชัดเจน
(Demonstration) สอดแทรกรอยยม้ิ (Entertainer) เชื่อมโยง (Network) มเี ทคนคิ ใหม่ ๆ (Techniques)

โลกการเรยี นรูศ้ ตวรรษท่ี 21 ผู้รูจ้ ริงจะเป็นผสู้ อน ผเู้ รยี นมเี ครือ่ งมอื และเทคโนโลยอี ยใู่ นมอื เข้าถงึ การเรียนรู้
ได้งา่ ยขึน้ เช่น การเรียนแบบ Khan Academy

ในอดีตครูกับนักเรียนมีความใกล้ชิดกัน แต่ปัจจุบันสถานะของครูกับนักเรียนห่างกันมากขึ้น ด้วยช่วงวัยท่ี
แตกต่างกัน ครูปรับเปล่ียนจาก Teacher เป็น Lecturer นักเรียนปรับเปล่ียนจาก Students เป็น Learners ครูจึง
ตอ้ งแลกเปลยี่ นประสบการณท์ ี่มีกบั ผู้เรียนเพือ่ ให้ผเู้ รียนเขา้ ใจมากข้ึน ลดความห่างของชว่ งวัย

ผู้บริหารต้องปรับเปลีย่ น Mind shift เก่ียวกับการบริหารจัดการเทคโนโลยี ออกแบบนโยบายนวัตกรรมการ
เรยี นรู้ ปรบั เปลีย่ นครูเป็นโคช้ และตงั้ คาถามใหก้ ับผเู้ รยี นวา่ จะเรียนรู้อย่างไรภายใต้โลกท่ีมีเทคโนโลยจี านวนมาก

ควรปรับเปลี่ยนปิรามิดการเรียนรู้เป็นแบบ Transformative Learning คือ การเรียนรู้ส่ิงใหม่ เลิกเชื่อของ
เก่าเพ่ือเรียนรู้สิ่งใหม่ นาวิธีการเรียนรู้แบบ Active Learning มาใช้มากข้ึน เดิมการเรียนรู้เป็นแบบการเรียนรู้จาก
เนื้อหา (Passive& Active) จึงต้องออกแบบวิธีการเรียนรู้ เพิ่มการเรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่าง
ผจู้ ดั การเรยี นรูแ้ ละผู้เรียน

ผู้เรียนมีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถวัดปลาด้วยการปีนต้นไม้ หรือวัดลิงด้วยการว่ายน้า ดังน้ันจึงเป็น
หนา้ ที่ของครูในการทาความเขา้ ใจและออกแบบการเรยี นรใู้ หเ้ หมาะสมกับผู้เรยี น ผบู้ รหิ ารควรสนบั สนุนและออกแบบ
นโยบายที่เกย่ี วกบั นวตั กรรมไปใช้ในสถานศึกษาอย่างเหมาะสม

9. การพฒั นาผบู้ รหิ ารในยุคดจิ ิทลั
ดร.เอ้ืออารี จันทร หวั หนา้ ฝ่ายพัฒนาระบบการเรียนรู้

โลกยุคดิจิทัลเป็นสิง่ ท่ที ้าทายของผู้บริหารเป็นอย่างมาก ปจั จุบันกระแสทกี่ าลงั ดิสรัปและสรา้ งแรงกระเพ่ือม
อย่างรุนแรง คอื โลก Metaverse เกิดจากการที่มาร์ค ซกั เคอร์เบริ ก์ เปลยี่ นชอื่ บริษัทจาก Facebook เปน็ Meta เพอื่
รองรบั การเปลยี่ นแปลงในด้านตา่ ง ๆ Metaverse คอื พน้ื ที่เสมือนที่มนุษย์ (ในโลกความจริง) สามารถเข้าไปอย่ใู นนน้ั
ได้โดยใชต้ วั ตนแบบดจิ ิทลั มตี วั ตนอยู่ทง้ั ในโลกของความจรงิ และโลกเสมือนในเวลาเดยี วกนั

7 ส่ิงท่ผี ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาในยคุ ดิจิทลั ควร “ร”ู้ “รับ” และ “ปรบั ใช้”
1) Disruptive Change เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของการศึกษา จึงต้องปรับตัว สร้างนวัตกรรม
ใหม่ เช่น Metaverse Career Academy, Blockchain Digital Currency, Starlink’ เน็ตดาวเทียม, สิงคโปร์ จัด
โปรแกรมการเรียนแบบผสม, ญ่ีปุ่นเน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม, ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ทาโมเดล Forest
School, จีน ใชห้ นุ่ ยนตต์ รวจสขุ ภาพของนกั เรียน เป็นต้น
2) Digital Leadership Persona คุณลักษณะของผู้บริหารในยุคดิจิทัล คือ เป็นนักผจญภัยในโลกใหม่ ๆ
เป็นนักการศึกษา นักสารวจ ชี้แจงประเด็นสาคัญต่าง ๆ เป็นผู้นาท่ีมีความเชี่ยวชาญและมีความยืดหยุ่น (Flexipert)
ใช้ดิจทิ ัลอยา่ งเป็นระบบ รเู้ ทา่ ทัน เข้าใจ ใช้พัฒนา วางแผนบริหารองค์กร และขบั เคล่อื นการเปลีย่ นแปลง
3) Digital Mindset ผู้บริหารตอ้ งปรับความคิด ทัศนคติ ความเชื่อ ไม่ยึดติดกับส่ิงเก่า เรียนรู้ส่ิงใหม่ มีใจท่ี
เป็นดิจิทัล เม่ือปรับ Digital Mindset แล้วจะเกิด Growth Mindset ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ก็จะทาให้เกิดทักษะดิจิทัล
(Digital Skills) เคล็ดลับในการสร้าง Digital Mindset 1) ก่อนใช้เทคโนโลยีต้องรู้ว่าใช้เพอื่ อะไร 2) ใช้ข้อมูล เพ่ือการ
ตัดสินใจ 3) ติดตาม นวัตกรรมใหม่ ๆ ท่ีตรงกับความซอบและความต้องการของเรา 4) ฝึกทางานกับทีมงาน หรือ
ผูเ้ กี่ยวขอ้ งท่ใี ชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัล
4) Digital Skills ทักษะดิจิทัลสามารถเรียนรู้ได้โดยเทคนิคการเรียนรู้ภายใน 20 ชั่วโมง 1) แบ่งเป็นทักษะ
ย่อย ๆ (Deconstruct the skill) 2) เรียนรู้แค่ให้พอท่ีจะปรับปรุงแก้ไขตนเอง (Learn enough to self-correct) 3)
ขจัดอุปสรรคและส่ิงเร้า (Remove practice barriers) 4) ฝึกอย่างน้อย 20 ช่ัวโมง (Practice at least 20 hours)
เทคโนโลยีเพ่อื พัฒนาผบู้ ริหารในยุคดิจิทลั เชน่ Microsoft Learning , Google for Education, Mooc ฯลฯ
5) Digital Organization การเปล่ียนองค์กรให้เป็นองค์กรดิจิทัล เร่ิมจากปรับ Digital Mindset
Digitalization ทางานแบบดิจิทัลร่วมกัน ใช้ข้อมูลขับเคล่ือนการตัดสินใจ Digitalize Workforce มีคนทางานท่ีมี
ทักษะดิจทิ ลั
6) Digital Visualization ผู้บรหิ ารตอ้ งใช้ขอ้ มูลมาช่วยในการตัดสนิ ใจ (Data-Driven Decision) ผบู้ ริหาร
จึงต้องใช้ Data Visualization เป็นข้อมูลที่เป็นภาพ ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่าย เช่น ภาพอินโฟกราฟิก กราฟต่าง ๆ
Google Data Studio เป็นเครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการประมวลผลทาใหส้ ามารถพจิ ารณาขอ้ มูลไดง้ า่ ยขนึ้
7) Digital Soft Power เป็นการใช้จุดเด่นชักจูง ดึงดูดความสนใจจนสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้คน
ได้ Soft Power ของไทยมีหลากหลายโดยอุตสาหกรรมวฒั นธรรมของไทย (5F) ได้แก่ Food อาหาร Film ภาพยนตร์
และวีดิทัศน์ Fashion ผ้าไทยและการออกแบบแฟช่ัน Fighting มวยไทย Festival การอนุรักษ์และขับเคล่ือน
เทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก Digital Experience Economy (DEE) เป็นส่วนหน่ึงของการสร้าง Soft Power ผ่าน
ชอ่ งทางดจิ ิทัลผสมผสานกับสง่ิ ทป่ี ระเทศไทยเรามีอยูแ่ ล้ว เชน่ การนาเสนอวัฒนธรรมผ่าน google doodle การผลติ
สต๊ิกเกอรไ์ ลน์ ฯลฯ
โลกมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริหารจึงต้องเรียนรู้ส่ิงใหม่ ๆ อยู่เสมอ พัฒนาตนเอง องค์กร และ
พฒั นางาน มเี ครอื ขา่ ยในการทางานไปด้วยกนั ให้ใจบันดาลแรง เพอื่ ส่งต่อแรงบนั ดาลใจ

10. ภาวะผ้นู าในยคุ การเปล่ียนแปลง
รศ.ดร.ชลวิทย์ เจียรจติ ต์ รองอธกิ ารบดฝี ่ายแผนและยทุ ธศาสตร์เพ่ือสังคม มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ

ผู้นำยุคใหม่มี 4 ทักษะท่ีต้องพัฒนำ ได้แก่ ฟังเป็น พูดเป็น คิดเป็น และทำเป็น ซึ่งเป็นทักษะที่
จำเป็นต้องพัฒนำจะทำให้ผูบ้ รหิ ำรเข้ำสู่ตำแหน่ง 5 ข้ัน ได้แก่ ตำแหน่ง ควำมสัมพันธ์ สร้ำงงำน สร้ำงคน และ
สร้ำงตำนำน

มนุษย์ต้องปรับตัวได้ (Adaptability) จึงจะทำให้อยู่รอด คนชอบเปลี่ยนแปลงผู้อ่ืน แต่ไม่ยอม
เปลย่ี นแปลงตัวเอง ผ้บู รหิ ำรตอ้ งมีควำมสมดุลในตัวเอง 4 ดำ้ น ไดแ้ ก่ ครอบครัว สุขภำพ สังคม และกำรงำน

ผู้นำกับกำรบริหำรกำรเปลีย่ นแปลง คือ กำรรู้เท่ำทันในทุก ๆ ด้ำนกับสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ที่อยู่รอบตัว
เตรียมกำรเพ่ือรับเง่ือนไขที่จะเกิด รู้เท่ำทันกับส่ิงท่ีจะกระทบในบริบทของชีวิตตนเองและสังคมทุกระดับเพื่อ
พฒั นำตนเองให้มีคุณค่ำอย่ำงยงั่ ยนื

ผู้นำต้องมีกำรเปล่ียนแปลง 7 ประกำร 1) พูดจำดี พูดจำเป็น ไตร่ตรองก่อนพูด 2) มีเป้ำหมำยท่ี
ชัดเจน 3) มเี ครือข่ำยและมิตรภำพ 4) ฝึกกำรคิดบวก 5) เช่อื ม่ันวำ่ ทำได้ ไม่มอี ะไรทีเ่ ปน็ ไปไม่ได้ 6) บคุ ลกิ ภำพ
ดี ให้เกียรติคน นอบน้อม นุ่มนวล แน่นอนด้วยควำมรู้ ผู้บริหำรต้องไม่ตกหลุมพรำง 3 ข้อ คือ ควำมเย่อหยิ่ง
ไมฟ่ งั คน ไมพ่ รอ้ มรับกำรเปลีย่ นแปลง 7) มคี วำมนำ่ เช่อื ถือ รกั ษำคำพูด

ลักษณะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เพ่ือกำรเปล่ียนแปลง (LEADERSHIP) L= LOVE มีควำมรัก ควำมเมตตำ
E = EDUCATION AND EXPERIENCE มีกำรศึกษำและมีประสบกำรณ์ A = ADAPTABILITY กำรปรับตัว
เปล่ียนแปลง D = DECISIVENESS กำรตัดสินใจ E = ENTHUSIASTIC ทำอะไรเร็ว กระตือรือร้น
R = RESPONSIBILITY ค ว ำ ม รั บ ผิ ด ช อ บ S = SACRIFICE AND SINCERE อุ ทิ ศ ต น อ ย่ ำ ง จ ริ ง ใ จ
H =HARMONIOUS ควำมรักและสำมัคคี I = INTELLECTUAL CAPACITY ควำมสำมำรถในกำรสร้ำง
สติปญั ญำ เรียนรู้ตลอดชีวติ P = PERSUASIVENESS สร้ำงแรงบนั ดำลใจ

ประเด็นน่ำคิด : โลกมีกำรเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีข้อมูลเข้ำมำมีบทบำทในชีวิตมนุษย์ มีเทคโนโลยี
ใหม่ ๆ เช่น Bitcoin, Blockchain, Quantum tech, Metaverse ฯลฯ อนำคตจะสำมำรถประมวลผล
ปฏิกิริยำเคมีในตัวเรำ ข้อมูลจะเป็นสิ่งสำคัญของโลก ผู้บริหำรจึงต้องไม่หยุดกำรเรียนรู้ ดังเช่นบุคคลสำคัญ
หลำย ๆ ท่ำน เชน่ โทมสั อัลวำ เอดสิ นั , ลิลล์ เกตส์, สตีฟ จ๊อบ, อลี อน มัสก์ ฯลฯ

ในโลกยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ Generation Z แตกต่ำงกับคนรุ่นก่อน มีควำมสนใจระยะส้ัน ๆ โลก
เทคโนโลยีพัฒนำแบบทวีคูณ แต่ควำมสำมำรถของคนเติบโตแบบเส้นตรง ข้อมูลมีจำนวนมำกข้ึน ผู้บริหำรจึง
ตอ้ งปรบั ตัวเพ่ือกำรเปลยี่ นแปลง

กำรเปล่ียนแปลงท่ีดีมีหลัก 5 ข้อ ได้แก่ ซ่ือสัตย์สุจริต จิตมุ่งบริกำร งำนสัมฤทธิผล พัฒนำตน ทุกคน
ตรวจสอบได้ ผู้นำทีด่ ีตอ้ งมี 5 ช. ได้แก่ ใช่ ชอบ เชือ่ โชว์ และชม

กำรแบ่งเวลำในชีวิตเป็นส่ิงสำคัญ เหมือนกับกำรจัดเรียงหิน กรวด และทรำยลงในโถแก้ว โดยหิน
หมำยถงึ สง่ิ สำคัญท่ีสดุ กรวดคือสิง่ สำคญั รองลงมำ และทรำยคอื สงิ่ ไม่สำคัญ

ผู้นำท่ีดีต้องคิดบวก ทุกปัญหำมีทำงออก อย่ำเครียดกับปัญหำ ปล่อยใจให้สบำย เพรำะผู้บริหำรมี
หน้ำท่ีบรหิ ำรจดั กำรปญั หำตำ่ ง ๆ

“กล้วยไม้ออกดอกช้ำ ฉันใด กำรศึกษำเป็นไป ฉันน้ัน แต่ออกดอกครำใด งำมเด่น กำรศึกษำปลูกป้ัน
เสร็จแลว้ แสนงำม (หมอ่ มหลวงปน่ิ มำลำกลุ )”

“ไม่ต้องบินให้สูงอย่ำงใครเขำ จงบนิ เอำเท่ำทีเ่ รำจะบินไหว ท่ำท่ีบนิ ไมจ่ ำเป็นต้องเหมอื นใคร แค่บนิ ไป
ให้ถงึ ฝนั เทำ่ น้นั พอ”

11. ผูบ้ ริหารในยุค Hybrid
ดร.สินชัย จนั ทร์เสม อาจารย์ประจาคณะครุศาสตร์

คำว่ำไฮบริด (Hybrid) ส่วนใหญ่มักจะได้ยินมำจำก รถไฮบริด ซ่ึงหมำยถึง รถท่ีสำมำรถใช้พลังงำนใน
กำรขบั เคลื่อนโดยใช้ทง้ั ระบบน้ำมนั และระบบไฟฟ้ำ สำมำรถเปลย่ี นกลบั ไปกลับมำไดต้ ำมสถำนกำรณข์ องกำร
ขับข่ี

ตำมพจนำนุกรมคำว่ำ “ไฮบริด” หมำยถึง ลูกผสมหรือพันธุ์ผสม หรือสิ่งท่ีประกอบข้ึนจำกหลำยส่วน
ก็ได้ ยุคไฮบริดจึงหมำยถึง ยุคที่ส่ิงต่ำง ๆ รวมถึงผู้คนมีควำมสำมำรถทำ (หรือใช้) กิจกรรมต่ำง ๆ ในหลำย ๆ
รปู แบบ เช่น hybrid car, mobile phone, smart refrigerator

ผู้บริหำรต้องทำงำนแบบ Hybrid เพรำะต้องบริหำรจัดกำรงำนหลำย ๆ อย่ำงพร้อม ๆ กันให้มี
ประสิทธภิ ำพ

ผ้บู รหิ ำรต้องปรับตวั และทำงำนแบบ Hybrid ใน 2 รูปแบบ คือ
1) Hybrid ด้ำนกำรเรียน (Hybrid Learning) ผู้บริหำรต้องจัดกำรเรียนกำรสอนให้เป็นแบบ Hybrid
Teaching พร้อมทั้งรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ ทำให้ห้องเรียนท้ัง 2 แบบเหมือนอยู่ในที่เดียวกัน ต้องใช้
เทคโนโลยี เคร่ืองมอื และสอื่ มำช่วยในกำรเรียนกำรสอน สร้ำงปฏิสมั พนั ธ์ระหวำ่ งนกั เรียนทั้งออนไลน์และออน
ไซต์ ทงั้ ผเู้ รยี นออนไลนแ์ ละออนไซตร์ ับรู้ทกุ ส่งิ ทุกอยำ่ งร่วมกันพร้อมกันเหมือนอย่ใู นสถำนท่ีเดยี วกัน
2) Hybrid ด้ำนกำรใช้ภำษำ (Hybrid Languages) ผู้บริหำรต้องสำมำรถใช้ภำษำได้ดีทั้งไทยและ
ภำษำองั กฤษ เพรำะจะทำให้คน้ ควำ้ หำควำมรใู้ หม่ ๆ และนำไปถ่ำยทอดได้ กำรเก่งภำษำอังกฤษจะช่วยในกำร
ตดิ ต่อส่ือสำร กำรศึกษำค้นควำ้ สืบค้นข้อมูล กำรเขำ้ ถงึ แหล่งข้อมลู กำรเดินทำงทอ่ งเท่ียว พฒั นำตนเอง และมี
ควำมม่ันใจในตนเองมำกข้นึ
ข้อคิดสำหรับผู้บริหำรยุค Hybrid ถ้ำผู้บริหำรเก่งภำษำอังกฤษจะช่วยสืบค้นข้อมูลที่ทันสมัยสำมำรถ
ทำได้รวดเร็ว กว้ำงขวำง ไร้ขีดจำกัด เลือกใช้และเข้ำถึงเทคโนโลยีเพ่ือมำพัฒนำศักยภำพของตนเองและกำร
ทำงำนไดง้ ่ำยข้ึน นำครูไทยสูส่ ำกล
แนวทำงกำรพัฒนำภำษำอังกฤษของผู้บริหำร ได้แก่ กำรหม่ันเข้ำหำแหล่งข้อมูลทำงวิชำกำรท่ีเป็น
ภำษำอังกฤษ สอดแทรกภำษำอังกฤษในวิชำที่รับผิดชอบ ใช้ภำษำอังกฤษในชีวิตประจำวัน จัดตำรำงและมี
วินัยฝึกฝนอย่ำงต่อเน่ือง สร้ำงแรงจูงใจพัฒนำภำษำอังกฤษให้ตนเอง และรวมกลุ่มกันเพ่ือพัฒนำทักษะ
ภำษำองั กฤษ ผู้บริหำรควรมีสว่ นร่วม
สรุป ผู้บริหำรในยุค Hybrid ควรเก่งภำษำ เพื่อเป็นเครื่องมือในกำรเข้ำถึงข้อมูล นำส่ิงท่ีค้นพบจำก
แหล่งต่ำง ๆ มำปรับปรุง พัฒนำตนเอง ให้เป็นผู้นำท่ีมีควำมทันสมัย และมีควำมสำมำรถในกำรนำองค์กรไปสู่
ควำมสำเร็จ บทบำทผู้บริหำรที่มีเป้ำหมำยในกำรพัฒนำผู้เรียนให้มีทักษะควำมสำมำรถเข้ำกับยุคสมัย จึงต้อง
ทำหน้ำท่ีให้ดี เหมำะสมกบั ยุคสมัย ปรบั ตัวและมงุ่ พัฒนำตนเองใหม้ ีควำมสำมำรถหลำย ๆ ด้ำน เพื่อจะได้เป็น
ผนู้ ำในยุค Hybrid ได้อยำ่ งภำคภมู ิ

12. การประเมินผลสถานศึกษา
ผศ.ดร.จิตตว์ มิ ล คลา้ ยสบุ รรณ ผู้อานวยการสานกั ส่งเสรมิ วชิ าการงานทะเบยี น

1. แนวคดิ การประเมินผลสถานศึกษา
การวัดและการประเมินเป็นสิ่งคู่กัน การวัด (Measurement) การใช้เคร่ืองมือไปวัดส่ิงที่เราจะวัด เป็นการกาหนด

ตัวเลขแสดงคุณสมบัติสิ่งใดสิ่งหน่ึง การประเมิน (Evaluation) เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหน่ึงตามเกณฑ์ท่ี
กาหนดไว้อยา่ งเหมาะสม โดยการประเมินผลสถานศึกษา หมายถึง กระบวนการในการรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศต่าง ๆ ท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั การปฏบิ ัตงิ านตามมาตรฐานการศึกษาทสี่ ถานศกึ ษากาหนด เพ่อื ตรวจสอบว่าผลของการดาเนนิ งานเปน็ อย่างไร

ประโยชน์ของการประเมินผลสถานศึกษา 1) ทาให้ทราบว่าการดาเนินงานที่ผ่านมาบรรลุเปา้ หมายหรือไม่ อย่างไร
2) ทาใหไ้ ด้ข้อมลู ในการวางแผนพัฒนาสถานศึกษาตอ่ ไป 3) ผู้เก่ยี วขอ้ งไดร้ บั ทราบผลการดาเนินงาน

การประเมินผลสถานศึกษามี 2 ประเภท คือ 1) การประเมินภายใน (Internal Assessment) เป็นการประเมินผล
การดาเนินงานของหน่วยงานโดยบุคลากรในหน่วยงาน (Self-evaluation) 2) การประเมินภายนอก (External Assessment)
เป็นการประเมนิ โดยนักประเมนิ มืออาชีพจากภายนอก

แนวคิดการประเมินสถานศึกษา 3 รปู แบบ 1) เน้นรปู แบบการประเมินตามสภาพจริง 2) ผ้ปู ระเมินเปน็ กลั ยาณมิตร
มีเป้าหมายเพ่ือการพัฒนา 3) ผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับทุกฝ่ายต้องรับรู้และรับผิดชอบร่วมกัน ผู้เกี่ยวข้องกับการประเมิน ผล
สถานศกึ ษา ไดแ้ ก่ ผู้ปฏิบัติงาน ทมี สนบั สนุน และหนว่ ยงาน

Development Evaluation (DE) คือ การประเมินที่ให้ความสาคัญกับการทาความเข้าใจวิธีการทางานเพ่ือตอบ
โจทย์กับบริบทและสถานการณท์ ี่เปล่ยี นแปลงอยู่เสมอ มุง่ เนน้ ไปท่จี ุดท่ีควรปรบั ปรงุ และพฒั นานวัตกรรมในการทางานภายใน
และภายนอกองคก์ รอย่างตอ่ เน่อื ง
2. เกณฑก์ ารประเมนิ ตามมาตรฐานการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน

มาตรฐานการศึกษา หมายถึง ข้อกาหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ คุณภาพท่ีพึงประสงค์ และมาตรฐานที่ต้องการให้
เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพ่ือใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสาหรับการส่งเสริมและกากับดูแล การตรวจสอบ
การประเมินผล และการประกนั คุณภาพทางการศกึ ษา

มาตรฐานคุณภาพการศึกษาข้ันพื้นฐาน 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านคุณภาพผู้เรียน (ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการและ
คุณลักษณะท่พี ึงประสงค)์ ดา้ นกระบวนการบริหารและการจดั การ (มเี ปา้ หมาย บรหิ ารจัดการ พัฒนาคนและกายภาพ ใช้ IT)
ดา้ นกระบวนการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ น้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั (จัดการเรยี นการสอนแบบ Active Learning ฝึกคิด ฝึกทา)

คุณภาพของมาตรฐานมี 5 ระดับ คือ กาลังพัฒนา ปานกลาง ดี ดีเลศิ และยอดเยย่ี ม
3. จากมาตรฐานการศกึ ษา...สูก่ ารปฏิบัติ

การกาหนดกรอบมาตรฐานการศึกษา 1) เตรียมความพร้อมการกาหนดมาตรฐานการศึกษา 2) วิเคราะห์
ความสัมพันธ์ของมาตรฐานการศึกษา 3) กาหนดมาตรฐานการศึกษา 4) พิจารณาให้ความเห็นชอบ 5) ประกาศใช้มาตรฐาน
การศกึ ษา

สถานศึกษาจะต้องมีกระบวนการจัดทามาตรฐานการศึกษาแบบ PDCA ได้แก่ จัดทาแผนการจัดการศึกษา
ดาเนนิ งานตามแผน ประเมินผลและตรวจสอบแผน และติดตามผลเพ่อื พัฒนางานตามแผน

สถานศึกษาต้องกาหนดจุดเน้นของตนเองให้ชัดเจน สอดคล้องกับบริบทและความพร้อมของโรงเรยี น เม่ือมีจุดเน้น
แล้วต้องกาหนดตัวชี้วัดที่มีความชัดเจน (Specific) วัดได้ (Measurable) บรรลุได้ (Achievable) เป็นจริงได้ (Realistic) และ
ทาไดต้ ามเวลา (Time Bound)

การกาหนดกรอบการประเมิน 1) ชว่ ยให้เห็นแนวทางการประเมินที่ชัดเจน 2) ชว่ ยกาหนดวตั ถปุ ระสงค์การประเมิน
ได้ชัดเจนตามสง่ิ ที่จะประเมนิ 3) ทาให้การกาหนดประเด็นการประเมนิ ชดั เจน 4) ทาให้ผลการประเมินมีความเป็นระบบ
4. บทสรปุ

แนวทางการประเมินผลสถานศึกษาสู่ความสาเร็จ 1) กาหนดมาตรฐานสถานศึกษาให้ครบถ้วนและชัดเจน
2) สามารถอธิบายได้ 3) ขับเคลื่อนมาตรฐานส่กู ารปฏิบตั ิ มีโครงการ กิจกรรมรองรับ และ 4) พร้อมในการประเมินคุณภาพ
ภายนอก (สมศ.)

การประเมินสถานศึกษาแนวใหม่ ต้องตอบคาถาม 3 ข้อ คือ ประเมินตนเองอยู่ในระดับใด มีหลักฐานการยืนยัน
อย่างไร และจะพัฒนาให้ก้าวหน้าข้ึนไปอีกระดับได้อย่างไร โดยควรคานึงถึงการดาเนินงานตามวงจร PDCA การมีส่วนร่วม
ของทกุ ภาคส่วน SAR ตอบตามจุดเนน้ และนาผลการประเมินมาพฒั นางานอยา่ งเป็นรูปธรรม

15. การบรหิ ารจดั การผเู้ รยี นยุคใหม่
ผศ.พัศรนิ ทร์ ก่อเลิศวรพงศ์ อาจารยป์ ระจาหลักสตู รจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองคก์ าร

ผู้เรียนยุคใหม่ (Generation Z) มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา มีความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual
Differences) มีความสนใจ ความถนัดท่ีแตกต่างกันจึงส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอน ผู้สอนต้องสังเกตความ
แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผู้เรยี น ส่งเสริมอย่างเหมาะสม และไมท่ าใหค้ วามแตกต่างยง่ิ แตกตา่ งกันกวา่ เดมิ

Albert Einstein กล่าวว่า “ทุก ๆ คนต่างลว้ นมีความเปน็ อจั ฉริยะ แต่ถ้าเรามาตัดสินความสามารถของปลา
จากการปีนต้นไมม้ นั ก็จะใชช้ ีวติ ที่เหลือโดยเช่ือว่ามนั ช่างโง่เขลา” ดังนัน้ ผู้เรยี นจึงมีความแตกต่างกัน ส่วน Arthur W.
Combs นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า “สิ่งสาคัญที่สุดของความสาเร็จหรือความล้มเหลวทางการศึกษา คือ การตอบว่าเขา
มองเห็นตนเองเป็นอย่างไร” ดังน้นั ผสู้ อนจึงมีหน้าทท่ี าใหผ้ ู้เรยี นรูว้ า่ ตนเองชอบหรอื ถนัดอะไร

สิ่งท่ีบ่งบอกถึงคุณภาพของผู้เรียน เช่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทักษะสาคัญของผู้เรียน สมรรถนะสาคัญของ
ผเู้ รียน

คุณลักษณะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 ได้ให้ความสาคัญกับสมรรถนะของผู้เรียนมากข้ึน David C. McClelland
กล่าวว่า “สมรรถนะเป็นตัวช้ีวัดความสาเร็จของการทางานที่ดีกว่าเชาว์ปัญญา (Intelligence)" โดย สมรรถนะ
(Competency) ประกอบด้วย ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ท่ีผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ท้ัง 3 ส่วนไปปฏิบัติและ
แก้ปญั หาในชีวิตได้

กระทรวงศึกษาธิการไดม้ ีการกาหนดใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ 6 ด้าน คอื 1) การจดั การตนเองอย่างมีสุขภาวะ
2) การคิดข้ันสูงและการเรียนรู้ 3) การสื่อสารด้านภาษา 4) การจัดการและการทางานเป็นทีม 5) การเป็นพลเมืองท่ี
เขม้ แข็ง และ 6) การอยกู่ ันกบั ธรรมชาตแิ ละวทิ ยาการอยา่ งย่ังยืน เพอื่ ให้ผ้เู รยี นคดิ ได้ ทาเป็น และเห็นคุณค่า

สมรรถนะหลักของผู้เรียน (Student Core Competencies) 10 ด้าน ได้แก่ 1) ภาษาไทยเพ่ือการสื่อสาร
2) คณิตศาสตร์ในชวี ิตประจาวัน 3) การสืบสอบทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ 4) ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
5) ทกั ษะชีวติ และความเจริญแหง่ ตน 6) ทักษะอาชีพและการเปน็ ผปู้ ระกอบการ 7) ทักษะการคดิ ข้นั สูงและนวัตกรรม
8) การรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศและดิจิทัล 9) การทางานแบบรวมพลังเป็นทีมและภาวะผู้นา และ 10) การเป็นพลเมืองตื่นรู้
และสานกึ สากล

หลักสตู รฐานสรรถนะ จะลดการท่องจา เน้นการลงมือทามากข้นึ รูปแบบการเรยี นการสอนเปล่ยี นไปเพ่ือให้
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ เกดิ ความคิดสร้างสรรค์และนวตั กรรม

การบริหารจัดการผู้เรียนให้เกิดคุณภาพ ผู้บริหารควรต้ังคาถามว่าผู้เรียนที่มีคุณภาพ/สรรถนะเป็นแบบใด
อะไรคือลักษณะเด่นของผูเ้ รียน อะไรที่ต้องสร้างให้เกิดในตัวผู้เรียน เพ่ือสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพ และจะทาอย่างไร
ใหส้ ามารถจัดการเรยี นรู้เพ่อื ตอบคาถามเหลา่ นี้ได้

ข้อเสนอแนะสาหรับผู้บริหารด้านการบรหิ ารจดั การ ไดแ้ ก่ 1) บริหารอยา่ งเป็นระบบ 2) จัดแหล่งการเรียนรู้
ที่มีคุณภาพ 3) เตรียมทรัพยากร แพล็ตฟอร์มการเรียนรู้ 4) ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง 5) จัดการทดสอบ
ระดับชาตทิ เ่ี น้นทดสอบสมรรถนะ

เคร่ืองมือเพ่ือการบริหารจัดการสถานศึกษาในศตวรรษท่ี 21 เพื่อให้เกิดการบริหารผู้เรียนยุคใหม่ ได้แก่ 1) การ
จัดการความรู้ในองค์กร 2) การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง 3) การทางานอย่างเป็นเครือข่าย 4)
ทางานรว่ มกับสถานประกอบการ เพือ่ การเรียนร้ขู องผ้เู รียน

การจดั การเรยี นการสอนเพื่อพัฒนาผเู้ รยี นในปจั จุบนั มีการจดั การเรียนการสอนแบบ Active Learning มาก
ขึ้น พัฒนาผูเ้ รยี นดว้ ยการทาวิจยั ในช้ันเรียน (PAOR) สร้างเป็นชมุ ชนแห่งการเรียนร้ทู างวิชาชีพ (PLC)

การบริหารจัดการผู้เรียน ควรทาความเข้าใจความแตกต่างระหว่างผู้เรียน บริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ใช้
ความคิดสร้างสรรค์ เพอ่ื ใหไ้ ดน้ วตั กรรม และสง่ ผลต่อคุณภาพและสมรรถนะผเู้ รยี น

16. เทคโนโลยเี พ่อื การบริหาร
ผศ.ทพิ สดุ า คิดเลศิ รองผู้อานวยการสานกั วิทยบริการและเทคโนโลยสี ารสนเทศ

ปัจจุบันเข้าสู่ยุค Digital Transformation เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสาคัญในชีวิตประจาวัน การ
ติดต่อสอื่ สาร การทางาน และการบรหิ ารจัดการสถานศกึ ษา เทรนดเ์ ทคโนโลยีการศกึ ษา ได้แก่ E-Learning, Video-Assisted
Learning, Blockchain Technology, Growing Big Data ฯลฯ EdTech เป็น Start-up ทางเทคโนโลยีด้านการศึกษา เช่น
Kahoot, Inskru ฯลฯ

สถานศึกษาในยุค Disruptive Technology มีลักษณะ ดังน้ี 1) Customized Learning Experiences การเรียนรู้
แบบเฉพาะด้าน 2) Online Learning การเรียนรู้ที่ไม่ได้ถูกจากัดอยู่ในโรงเรียน 3) Digital School การใช้เทคโนโลยีใน
โรงเรียนเพ่ือเป็นสื่อการเรยี นรู้ การสอน และการบริหารโรงเรยี น 4) Holistic Evaluation การศึกษาไม่ไดถ้ ูกกาหนดเพียงแค่
คะแนน

Learning Ecosystem การสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ ประกอบด้วย การสร้างการเรยี นร้แู บบเดมิ มีระบบรองรบั ให้
ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง การสร้างเรียนรู้แบบ Live มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน การสร้างการเรียนรู้แบบโลกโซเชียล และแหล่ง
เรียนรอู้ อนไลน์ผา่ นเว็บไซต์

เป้าหมายการใช้ IT ในการบรหิ ารสถานศกึ ษา คือ 1) ยกระดบั การบรหิ ารจดั การ มีวสิ ยั ทัศน์ 2) สง่ เสริมพฒั นาครูให้
เห็นความสาคัญและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยี 3) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 4) ส่งเสริมผู้เรียนให้ได้เรียนรู้ด้วย
วธิ กี ารทใ่ี ช้เทคโนโลยี 5) สรา้ งโอกาสทางสงั คม สร้างความเทา่ เทียมกัน สรา้ งความเชื่อม่นั ใหท้ กุ ฝ่าย

แนวทางการบริหารเทคโนโลยีในสถานศึกษา 1) บริหารการเปล่ียนแปลงทางการศึกษา กาหนดนโยบายที่ชัดเจน
2) บรหิ ารเทคโนโลยี 3) การนเิ ทศ ติดตาม สง่ เสรมิ การใช้เทคโนโลยี

องค์ประกอบในการจัดการ IT ในสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องดาเนินการ 1) วางโครงสร้างพื้นฐานของ
ฮารด์ แวร์ 2) ซอฟต์แวร/์ แพลตฟอรม์ 3) ใบอนุญาตซอฟต์แวร์ 4) อุปกรณ์ IT ของสถานศกึ ษา 5) ขอ้ มลู ดจิ ิทลั ของสถานศึกษา

ผู้บริหารสามารถนาเทคโนโลยีมาใชเ้ พือ่ การบรหิ ารสถานศกึ ษาในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการบรหิ ารงานวชิ าการ ด้าน
การจดั การเรยี นการสอน ด้านการบรหิ ารงานบคุ คล และด้านการบรหิ ารทัว่ ไป

ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา เช่น ระบบงบประมาณ การบริหารงานบุคคล สนับสนุนวิชาการ
สนับสนนุ นักเรียน ระบบทะเบยี น ระบบห้องสมุด เปน็ ตน้

การพฒั นา Big data เพือ่ การพัฒนาการศึกษา สามารถมองข้อมูลได้ 2 ดา้ น คือ ดา้ นการบรหิ ารการศกึ ษาและด้าน
กระบวนการเรยี นรู้ การทา Big data มีประโยชน์ในการช่วยศกึ ษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมการเรียนรู้ ช่วยพัฒนาผลลัพธ์
ทางการศึกษา วางแผนอาชพี พฒั นาหลกั สูตรและการกาหนดนโยบาย และพฒั นาการศกึ ษา

การใช้ Data Analytics สาหรับผู้บริหาร เปน็ การวเิ คราะหข์ ้อมูลเพ่ือให้ได้ข้อมูลเชิงลกึ สาหรบั ช่วยในการตัดสินใจท่ี
แม่นยามากขึ้น เร่ิมจากการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ใช้เครื่องมือทา Data Visualization เช่น Google data studio,
Excel, Power BI และใช้ Critical Thinking ช่วยในการวิเคราะหข์ ้อมูล

การนา IT มาใช้ในการส่ือสารและการสร้างภาพลักษณ์สาหรับผู้บริหารสถานศึกษา 1) การส่ือสาร
(communication) การดาเนินงานผ่านทางช่องทางต่าง ๆ 2) การสร้างภาพลักษณ์ (branding) สาหรับสถานศึกษา สร้าง
ความเช่ือมน่ั ให้กบั ผ้ทู ่เี กย่ี วข้อง

วิธีการทาให้ Google รู้จัก 1) ทา SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการสืบค้นจาก google ใส่คาค้น (Keyword) ใส่
Tags หรือคาที่เกี่ยวข้องกับ Content ในวิดีโอ และใส่คาอธบิ าย (Description) ตามด้วยใส่ Tags ที่ต้องใส่เปน็ คา ๆ เพ่ือเพ่มิ
โอกาสในการคน้ หาใหเ้ จองา่ ยขึน้ 2) Update ข้อมลู ใหเ้ ป็นปจั จุบนั 3) ใช้ Google Analytics เป็นเครอื่ งมือสาหรับเกบ็ ข้อมูล
สถติ ติ ่าง ๆ 4) ใช้ Google Webmaster tool ชว่ ยดูแลและพฒั นาเวบ็ ไซต์

แพลตฟอรม์ และเครื่องมอื ท่ีช่วยเผยแพร่องค์ความร้สู าหรับผู้บรหิ าร เช่น Medium, Google sites, Social Media,
Blockdit

สรปุ จากสถานการณป์ ัจจุบนั ทาให้ IT มีบทบาทสาคญั ต่อการบริหารจดั การศกึ ษา ผู้บรหิ ารสถานศึกษาควรพิจารณา
นา IT มาใชเ้ ปน็ เครื่องมอื ช่วยเพิ่มประสทิ ธภิ าพการบริหารจัดการศึกษาในทกุ ๆ ด้าน เพือ่ เตรยี มพรอ้ มกบั การเปล่ียนแปลงใน
อนาคต

17. การส างเครอื ายทางวิชาการ
ผศ.ดร.ศุภศิริ บญุ ประเวศ ประธานหลักสูตรศลิ ปศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าภาษาและการส่อื สาร

1. ความส คญั ของเครือ าย
เครือ ายทางวิชาการจะ วยส างนวัตกรรมท่ีเกิดจากการแลกเปล่ียนความ ระห างกัน เสริมส าง

ความเ มแข็งของสถานศึกษา วยเหลอื สนบั สนนุ กันและกนั จะ วยใ เครือ ายมีความยัง่ ยนื
เครอื ายทางวชิ าการ ก มคนหรืออง กรทมี่ คี วามสนใจในส่ิงใดส่ิงหนง่ึ วมกนั ท งานเชอื่ มโยง และ

แลกเปล่ียนกัน เครือ ายทางวิชาการไ ไ หมายถึงโรงเรียนเ านั้น แ ยังหมายรวมถึงสถานประกอบการ
ห วยงานภายนอก าง ๆ ในพนื้ ทใี่ ก เคยี งอีก วย

การบริหารเครือ ายทดี่ ี องมีการด เนนิ การ วมกนั เช่อื มโยงและแลกเปล่ียนกนั โดยน การบรหิ าร
จัดการ 4 M มาใ ไ ประกอบ วย คน (Man) งบประมาณ (Money) สิง่ สนบั สนนุ าง ๆ (Materials) และ
การบรหิ ารจัดการ (Management)

2. เครอื ายภายในและเครอื ายภายนอก
เครอื ายภายใน คอื บคุ ลากรภายในสถานศึกษา เครือ ายภายในเ นเครือ ายทีส่ คญั เพราะจะน

ไป การเชือ่ มโยงเครือ ายภายนอกไ
การ จักเครอื ายภายใน จะท ใ บรหิ ารสามารถเ าใจเครอื ายของตนเอง จดั ก ม เช่ือมโยง ดูแล

เครือ ายอ าง อเน่อื ง จะ วยใ สามารถรักษาเครือ ายภายในไ ไ

3. การส างและรักษาเครอื าย
Open บรหิ าร องเ ดใจ ยนิ ดเี ดรับ ท ความ จกั อน่ื จักคนให ๆ ใ มากข้นึ
Share&Do การเ นเครอื าย องแ ง นสง่ิ าง ๆ วมกนั เ าหมาย อมูล ความ แห งทรัพยากร

และ องลงมือท กจิ กรรม โครงการ าง ๆ
Communication การส่ือสารเ นสงิ่ ส คญั ของการเ นเครือ าย การประชาสมั พัน และสอื่ สารใ

อื่นรับ จะ วยใ เครือ ายประสบความส เร็จไ มากข้ึน การส่ือสารสามารถท ไ ท้ังแบบออนไล และออฟ
ไล แบบทางเดยี ว-สองทาง และสะ อนความคดิ เห็นใ กัน (Re ection)

เทคนคิ การส่ือสารส างเครือ าย เริม่ จากการท ความ จัก จดจ ไ (โดยเฉพาะรายละเอยี ดเลก็ ๆ
อย ๆ) เชอื่ มโยงกัน

หลกั ส คญั ในการส างเครือ ายทางวิชาการ ควรค นึงถงึ ประเดน็ าง ๆ ไ แ โครงส างอง กร
วัฒนธรรมอง กร ภาวะ น มี วนไ วนเสีย การแลกเปลี่ยน และการส่ือสาร



่ส้ด่สู้ผำู้ผ์ค์ค้ร่ก้ด่ตำ่ข้รำ
้น้ดำู้รำ่ข้ร
lf้ห้ท์น์น้ดำ้ดำ่ข้ห่ชู้รู้ผ้ห์ธ่ข็ปำ็ป
่ตำ้ต่ลู้ร้ข้ป่ร่ตัป่บ้ต่ข็ป
้ห่มู้รู้ผู้รำิปิป้ตู้ผ
่ข้ร

้ด้ว่ข้ห่ช่ต่ย่ขุ่ล่ข้ขู้ผ้หำ่ขู้ร
้ด่ขู่สำำ่ข็ป่ข่ข
่ข่ข
่ต้ด้ด้ชำ่รำ้ต่ข
้ด้ล่ต่น่ต่ท้ด่ม่ขำ่ร์คุ่ล่ข
่ข้ห่ช่ช้ข้ร่วู้ร้ร่ช่ข
่ขำ

่ข้ร


Click to View FlipBook Version