คานา
ในวงการการศึกษาของไทย ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ มักจะถูกพูดถึงและมองหาแนวทางการ
แกไ้ ขกนั อยู่เสมอ แต่กระนัน้ กย็ งั ไมส่ ามารถทาใหป้ ัญหานห้ี มดไปได้ ยิ่งไปกว่านัน้ ปญั หาการอา่ นไมอ่ อกเขยี นไม่ได้ยัง
ถอื เป็นอุปสรรคสาคัญในการพัฒนาการเรยี นรู้สาหรับผูเ้ รยี น โดยเฉพาะผู้เรียนช้ันประถมศึกษา เพราะการอ่านออก
เขียนได้น้นั ถือว่าเป็นพ้นื ฐานสาคญั ในการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน (วิชาชีวิต) หากอ่านไม่
ออกเขยี นไม่ได้กจ็ ะกอ่ ให้เกดิ ปญั หาในการเรียนรู้ ตลอดจนการพฒั นาตนเองในดา้ นอนื่ ๆ ตามมา
พรพิไล เลิศวิชา (2559) นักวิชาการอิสระ – ผู้เชียวชาญด้าน Brain Based Learning (BBL) ได้กล่าวถึง
การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning : BBL) ว่า “เป็นทฤษฎีเก่ียวกับการทางานของ
สมอง เพ่ือศึกษาค้นคว้าว่า เม่ือจะให้มนุษย์ทาสิ่งใด อย่างไร ที่มนุษย์จะพัฒนา มีกระบวนการอะไรท่ีจะพัฒนาได้”
จากคากลา่ วนี้ การจดั การเรยี นรู้โดยใช้สมองเปน็ ฐานจงึ เปน็ การใช้ความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั สมองเป็น “เคร่ืองมือ”
ในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ เพ่ือให้เด็กมีศักยภาพในการเรียนรู้สูงสุด โครงงานนี้จึงนาศาสตร์หรือแนวคิด
ดังกล่าว มาเป็นแนวทางในการออกแบบหนังสือ “นิทานเสริมประสบการณ์อ่านเขียน (เรียนรู้ตามแนวคิด BBL)”
เนื่องด้วยนิทานเป็นเรื่องราวที่สนุกสนาน มีเหตุการณ์ ฉาก ภาพ และตัวละครท่ีน่าสนใจ อันจะเป็นการปูพื้นฐาน
ส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ รักในการอ่าน ดังท่ีพรพิไล เลิศวิชา (2552, 17) กลา่ ววา่
การสอนภาษา โดยสอนใหเ้ ป็นคา เป็นประโยค และสอนให้สะกดคาน้ันเป็นส่ิงจาเป็น แต่ที่ต้อง
วางรากฐานเปน็ สิ่งแรกคือการเรยี นร้ผู า่ นโลกของนิทานและเรือ่ งเล่าต่าง ๆ เพราะเรื่องเล่าสามารถกระตุ้น
ให้สมองเรียนรู้คาและเชื่อมโยงคาข้ึนเป็นภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่เด็กฟังนิทาน ภาพต่าง ๆ
จะหลง่ั เขา้ มาในสมองตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสดุ ท้าย หากเปน็ หนังสือภาพ ภาพประกอบทุกหน้าก็กระตุ้น
ให้สมองเรยี นรภู้ าษา ดังน้นั โลกนิทานในวัยเดก็ จงึ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นิทานสนุก ๆ เล่าให้ฟังพอเพลิน ๆ แต่
นิทานนาเสนอภาษาและไวยากรณ์แบบต่าง ๆ ป้อนเข้าสู่สมอง เพื่อเตรียมก้าวสู่การเรียนรู้อย่างเป็น
ทางการในวยั ต่อ ๆ ไป
สิ่งทสี่ าคญั ไม่แพ้การอ่านออกคือการเขียนได้ โครงงานน้ีได้ออกแบบแบบฝึกเพ่ิมเติมเข้าไปในเน้ือหาของ
หนังสือ “นิทานเสริมประสบการณ์อ่านเขียน (เรียนรู้ตามแนวคิด BBL)” โดยนาแนวคิด Brain Based Learning
หรือ BBL มาเป็นแนวทางด้วยเช่นกัน กล่าวคือ เน้ือหาจะมีทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง มีจังหวะในการอ่าน พร้อม
ภาพประกอบที่สวยงาม ส่วนแบบฝึกและการอธิบายความหมายคาศัพท์จะมุ่งเน้นให้มีความง่าย ใช้สีและ
ภาพประกอบท่สี วยงาม เป็นต้น
นทิ านเสรมิ ประสบการณ์อา่ นเขยี น (เรียนรู้ตามแนวคิด BBL) เล่มนี้ จะมุ่งเน้นเนื้อหาประสบการณ์ “อ่าน
เขียน” เกีย่ วกับคาทมี่ ีพยัญชนะควบกลาในภาษาไทย เพราะการพูดหรืออ่านออกเสียงคาควบกล้าไม่ชัด การเขียน
สะกดคาควบกลา้ ไม่ได้ กระท่งั ไม่รู้จักคาศพั ท์ท่เี ป็นคาควบกลา้ นบั เป็นอีกปัจจัยที่ควรได้รับการแก้ไขและส่งเสริมไป
พรอ้ มกบั ปญั หาการอา่ นไม่ออกเขียนไม่ได้ ดงั นนั้ โครงงาน “นทิ านเสริมประสบการณ์อ่านเขียน (เรียนรู้ตามแนวคิด
BBL)” จึงเป็นโครงงานผลิตสื่อการเรียนการสอนท่ีให้ความสาคัญกับผู้เรียนเป็นสาคัญ มีเนื้อหาท่ีสอดคล้องกับ
ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 รวมทั้งช่วยส่งเสริมการแกไ้ ขปัญหาการอา่ นไม่ออกเขยี นไมไ่ ด้ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ
อาทิตย์ เกษหอม และ ภาสพงศ์ ผวิ พอใช้
24 กรกฎาคม 2563
1
ค้าควบกล้า
คืออะไร ?
ค้าควบกล้า หรือ อักษรควบ หรือ อักษรกล้า คือ พยัญชนะ
2 ตวั อา่ นออกเสยี งควบหรือกลา้ อยใู่ นสระเดียวกัน จา้ แนกออกเป็น
2 ชนิด ได้แก่
1. อักษรควบแท้ คือ พยัญชนะอื่นท่ีควบหรือกล้ากับ
พยัญชนะ ร, ล, หรอื ว แล้วอา่ นออกเสียงพยัญชนะทังสองตัวนัน
เป็นเสียงเดยี วกนั เชน่ กรน กลอก กวาง
2. อักษรควบไม่แท้ คือ พยัญชนะอ่ืนที่ควบหรือกล้ากับตัว ร
แล้วออกเสียงเฉพาะพยัญชนะต้นตัวหน้าเพียงตัวเดียว ไม่ออกเสียง
ร เชน่ จริง [จงิ ] ศรัทธา [สัดทา] สรา้ ง [ส้าง]
หมายเหตุ : เมื่อ ทร ควบกันจะออกเสียงเป็น ซ เช่น ทรง
[ซง] ทรพั ย์ [ซบั ]
2
3
กระโดดโลดเตน(กร)
ตะวันนง่ักนิขาวตมกลิน่หอมกรนุในตอนเชา
ดาวเหนือน่งักนิขนมปงกรอบเสยีงดังกรอบแกรบในตอนเชา
สองพีน่องกระโดดโลดเตนดีใจเพราะคณุพอกบัคณุแม
จะพาไปเที่ยวสวนสตัว
ดาวเหนือใสชุดกระโปรงยาวนารกัสะพายกระเปาตดิกระดงิ่
สงเสียงดงักรงุกริ๊งสดใส
สวนตะวนัพ่ชีายใสเสื้อยืดลวดลายกระยกึกระยอื
กบักางเกงขายาว
4
เม่ือถงึสวนสตัวทุกคนชชี้วนกนัดูสารพดัสตัวนานาชนิด
คุณพอช้ใีหดูนกกระจบิตัวกระจิรดิในกรงสีทอง
คณุแมชี้ใหดูลูกเตาขนาดกระจว๋ิหลวิเดินกระตวมกระเตี้ยม
อยรูิมขอบบอ
ตะวันชใี้หดาวเหนอืดหูมคีวายตวัใหญมีกรงเล็บนาเกรงกลวั
มนันอนกรนอยูขางๆร้วักระตอบของมัน
ดาวเหนอืกระซิบใหตะวนัดกูระรอกตวักระจอย
มนันั่งแทะเปลือกถ่ัวเสยีงดังกรวมกรวมบนหลังคากระโจม
โกรนเกรง
สองพีน่องกระโดดโลดเตนดใีจเพราะครง้ัหนาคุณพอ
กบัคณุแมจะพามาเท่ียวสวนสตัวอกี
5
6
มือเจาขรัวเขรอะ(ขร)
ตะวนักับดาวเหนืออยากฟงนทิานจึงวานคณุแมชวยเลาใหฟง
เรือ่ง“มอืเจาขรัวเขรอะ”
กาลคร้ังหนึ่งนานมาแลวมเีจาขรวัอยคูนหนึ่งเจาขรวัคนนี้
มใีบหนาเครงขรมึอยตูลอดเวลา
สาเหตทุใี่บหนาเครงขรมึเปนเพราะวาเจาขรวัไมกลาขริบ
เล็บมอืเอง
อยมูาวันหน่งึมือของเจาขรวัเขรอะไปดวยโคลน
ทำความสะอาดลำบากมากเพราะเลบ็มือเรมิ่ยาวและสกปรก
เจาขรัวมใีบหนาเครงขรมึทกุขใจแตกไ็มกลาขรบิเลบ็มอืเอง
ขรึมไดไมนานจึงบอกแมบานชวยขรบิเล็บมือให
แมบานใชตะไบเล็บทม่ีีผวิขรขุระขดัถูเล็บมือใหเจาขรวั
ในทส่ีดุเจาขรวักพ็ึงพอใจหายเครงขรึมเพราะเล็บมือส้ัน
และไมสกปรกเมื่อคณุแมเลานทิานจบตะวนักับดาวเหนือ
กป็รบมอืชอบใจ
7
ขนมครกแสนอรอย(คร)
ตะวันกบัดาวเหนอืไดยนิเสียงฟารองครน้ืคร่นัจงึพากัน
ไปยนืดูทห่ีนาตางมองเหน็ทองฟามดืครม้ึและฝนทก่ีำลังตก
ปรอยๆ
ครน้ัสองพนี่องเดินเขาไปในครวัก็เหน็คุณแมกำลังทำอาหาร
อยางคร่ำเครงสวนคุณพอกำลงัขัดถอูะไรบางอยางทีค่รำ่เครอะ
เสียงดังครืดคราดนาสงสยั
8
ดาวเหนอืถามคุณพอวา“กำลังทำอะไรคะ”
คณุพอตอบวา“ทำความสะอาดเบาขนมครกจะวนันีค้ณุแม
จะทำขนมครกโบราณ”
ตะวนักบัดาวเหนอืชวยคณุแมทำขนมครกสงเสยีงครึกคร้ืน
เฮฮาอยูในครวั
พอฝนหยุดตกทุกคนออกไปกินขนมครกทแ่ีครในสวน
สงเสยีงหัวเราะกนัคร้ืนเครงสนกุสนาน
9
10
ตนื่นอนตอนเชาตรู(ตร)
ดาวเหนอืตนื่นอนตอนเชาตรู เดนิเตร็ดเตรดูรอบรอบบาน
มองเห็นตนมะมวงสงูตระหงาน มีผลสุกนาทานมากมาย
ตนมะมวงอยตูรงหลงับาน มผีลสุกนาทานหลากหลาย
ดาวเหนอืตรึกตรองไมคลาย คดิแลวก็นำ้ลายสอ
ตรวจตราดอูยางถถ่ีวน จงึชวนตะวนัและคณุพอ
ทง้ัสองไมรัง้รรีอ เอาตะกรอมาสอยมะมวง
ดาวเหนอืตระเตรียมตะกรา ตะวันเอาผามารอง
เสรจ็สรรพมะมวงเปนกอง ทงั้สองจงึรองไชโย
11
ปริศนาวนัฝนตก(ปร)
ฝนตกเปราะแประโปรยปราย ตะวนัพี่ชายตน่ืนอน
ปลกุดาวเหนอืทีก่ำลังพักผอน ตืน่นอนมาดฝูนตกโปรยปราย
ดาวเหนอืปรือตาปริบปริบ รบีหยบิถงุเทามาใส
จากน้ันว่งิปรอเดินไป เดนิไปดูฝนตกโปรยปราย
วันนอ้ีากาศปรวนแปร คณุแมเอานมอุนมาให
บอกวาไมควรออกไป ออกไปดฝูนตกโปรยปราย
12
สองพน่ีองเลนปรศินา อะไรทำใหผาเปรอะเปอน
อีกฝายนั้นไมแชเชือน เปรอะเปอนเพราะฝนตกโปรยปราย
ดาวเหนือสุดแสนฉลาด ตะวันเปรอื่งปราดนกัหนา
ทัง้คปูลมื้เปรมปรดีา ธรรมดาธรรมดาท่ฝีนตกโปรยปราย
13
14
ดาวนายพราน(พร)
ค่ำคนืทองฟาพรางพราว ตะวันดดูาวพร่งัพรอม
พระจันทรพร้มิพรายไมตรอม กล่ินหอมคำ่คนืโชยมา
กลางคืนทองฟาสวยมาก ไมอยากจะกะพริบตา
ดาวพรืดอยเูตม็ทองฟา โรยราหายไปกลางวนั
ดาวเหนือตามมาพรองเพรียกรองเรยีกพชี่ายอยูน่นั
ทงั้สองจึงยืนดวยกนั ฝนเฟองถงึเร่อืงดวงดาว
ดาวน้นัเรียกวาอยางไร ดาวเหนอืสงสยัพรอมหาว
ตะวนับอกเลาเรอ่ืงราว ดวงดาวนั้นเรียกนายพราน
15
ซื่อสัตยไมกลบักลอก(กล)
ตะวนัซื่อสัตยไมพูดจากลบักลอก
ดาวเหนอืซือ่สัตยไมพดูจากลอกกล้ิง
สองพ่นีองชวยกนัเก็บของเลนไมใหเกล่อืนกลาด
ดาวเหนือเก็บลูกบอลทรงกลมทกี่ล้ิงไปมาใสกลอง
ตะวันหยบิกลองสองทางไกลใสกลอง
16
สองพ่ีนองชวยกันเกบ็ของเลนจนเกลีย้งเกลาไมเกลอ่ืนกลน
คณุแมถามทง้ัสองคนวา“ใครเก็บของเลนทก่ีลาดเกลื่อนจะ”
ท้งัสองคนกลาวตอบพรอมกันวา“เราทง้ัสองเก็บชวยกันครบั/คะ”
คุณแมปรบมือชืน่ชมทำใหท้งัสองคนกอดกันกลมเกลียว
17
18
นอนเขลง(ขล)
ตะวันนอนเขลงคดิอยากเปาขลยุ
ดาวเหนือนอนขลุกขลยุคดิอยากกนิขลม
สองพน่ีองนอนขลงึเขละขละขลกุขลัก
สองพ่ีนองขลกุอยูกบัการนอน
19
นิสยัคลายๆกนั(คล)
ตะวันกับดาวเหนอืสองพนี่องหนาตาคลายคลึงกันมีนสิยัคลายๆกนั
ตะวันไมชอบกล่นิถุงเทาเหมน็คละคลุง
ดาวเหนือกไ็มชอบกล่นิถุงเทาเหมน็คละคลุงเหมือนกนั
ดาวเหนอืชอบเลนคลานบนเสอ่ื
ตะวันก็ชอบเลนคลานบนเส่อืเหมอืนกัน
ตะวันไมชอบน่ังเรือเพราะมนัโคลงเคลง
ดาวเหนอืกไ็มชอบนั่งเรือเพราะมันโคลงเคลงเหมอืนกัน
20
ดาวเหนอืชอบมาเพราะมนัเคล่ือนท่คีลองแคลว
ตะวนักช็อบมาเพราะมันเคลอื่นที่คลองแคลว
เหมือนกนั
ตะวันชอบน่ังดูคลื่นทะเลเพราะผอนคลายเคลบิเคลม้ิ
ดาวเหนือก็ชอบนง่ัดูคลืน่ทะเลเพราะผอนคลาย
เคลิบเคล้มิเหมอืนกัน
21
ปลกูผกัปลอดภยั(ปล)
ตะวนัปลกูผกัปลอดภัย ไมใชสารเคมี
ดาวเหนือปลูกกะหลำ่ปลีปลกูอยทูแ่ีปลงผกั
ปลกูผักเอาใจใส ไมปลอยปละละเลย
ทัง้คูไมเพกิเฉย ปลอยปละละเลยแปลงผกั
22
ตง้ันาิกาปลกุ ตนื่ลกุรดนำ้ทุกวนั
พรวนดินสดุขยัน ปองกนัแมลงแปลกปลอม
ตะวันปลาบปลื้มดีใจ พืชผกัเตบิใหญเปลี่ยนไปไมชา
ดาวเหนอืเปลงเสยีงรองเรงิราฮาฮาฮาปล้ืมใจปลมื้ใจ
23
กะโผลกกะเผลก(ผล)
ฤดใูบไมผลิตะวนัผลบุๆโผลๆอยูในสวน
ตะวนัผลผีลามโผลเขาไปทักทาย
ตะวันเผลอไผลผลบุผลบัตกใจสะดุดกอนหินลมผลึ่ง
โชคดเีทาของตะวนัไมมีแผล
ทำใหแคเดนิกะโผลกกะเผลกเทานน้ั
24
ดาวเหนือผลุนผลันชวยพยุงพช่ีายพรอมกบัขอโทษ
ตะวันไมถือโกรธดาวเหนอืเพราะเผลอแปบเดียว
กห็ายโผลกเผลก
25
ดอกพลบัพลงึ(พล)
เวลาพลบคำ่โพลเพล ตะวันนอนเปลเพลิดเพลิน
ดาวเหนอืโผลมาบงัเอญิ เยื้องเดินรองเพลงลนัลา
ดาวเหนือไพลหลงัดดูอกพลบัพลึงตกตะลงึเหน็เพลีย้สฟีา
มันเดนิไปเดนิมา ไมบอกลาบินไปเรว็พลนั
พลับพลงึสีขาวโพลน พัดพลิ้วปลอบโยนสุขสันต
ดาวเหนอืรองเรยีกตะวนั มาดูดวยกนัดูดอกพลับพลึง
พลางตะวนัเดนิมา ในไมชาก็เดนิมาถงึ
ดาวเหนือตะวนัดูดอกพลบัพลงึสุดซาบซึ้งเพลนิใจ
26
27
กวาดบานนอนเปล(กว)
ทองฟากวางใหญ สดใสกวาทกุวัน
สองพี่นองสดุขยัน ชวยกนักวาดบาน
ตะวนัใชไมกวาด กวาดกวดัแกวงชำนาญ
ดาวเหนือไมเกยีจคราน กวาดบานแกวงกวัด
28
ไมกวาดอันใหญ ดาวเหนอืใชไมถนัด
เปลย่ีนใชอันเลก็กะทดัรดั กวดัไกวไปมา
กวาดบานเสรจ็เรยีบรอยไมรีรอคอยทา
ไปนอนเปลกันเถดิหนา แกวงไกวไปมาสนกุ
29
ของขวญัสำหรับคนขวนขวาย(ขว)
ตะวนัขวนขวายอานหนังสอื
ดาวเหนอืขวายขวนอานหนังสือ
สองพนี่องไดของขวญัเพราะขยนัขวนขวายอานหนังสือ
30 สองพี่นองดีใจขวัดแควงขวักไขวไปมา
สองพน่ีองแกะของขวัญขวบั
ตะวนัไดกรอบรูปสำหรบัแขวนผนัง
ดาวเหนือใชมอืขวาหยิบของขวญัออกมา
ไดพวงกญุแจหมอนขวานนารกั
31
วาดภาพไมเควงควาง(คว)
ตะวนักบัดาวเหนอืว่งิเลนกนัควั่ก
เร่มิรูสกึเควงควางไมสนกุ
ตะวันควกักระดาษกับดินสอในกระเปาออกมาวาดภาพ
ตะวนัวาดหมีควาย
32
ดาวเหนือวาดกะลาคว่ำแตไมสวยจึงควายางลบมาลบ
ดาวเหนือวาดใบไมกำลงัลอยควางทามกลางควนัโขมง
สองพีน่องนอนควำ่วาดภาพกนัสนุกไมควางเควง
33
สนกุจรงิๆ(ควบไมแท)
ดาวเหนือใสสรอยเลนกอกองทรายสนุกจริงๆ
ตะวันเลนสมมตเิปนเศรษฐีมทีรัพยสมบัติสนกุจริงๆ
ตะวันกบัดาวเหนอืเลนซอนแอบใตตนไทร
ใกลๆกระทอมเกาทรุดโทรมสนุกจริงๆ
34
สองพ่ีนองชอบเลนอะไรทสี่รางสรรคไมโศกเศรา
เพราะมันสนกุจริงๆ
ทกุคร้งัท่ีเลนเสรจ็จะอาบนำ้สระผมและดม่ืนม
เสริมพลังกอนเขานอนเพอ่ืเตรยีมพรอมสนกุจรงิๆ 35
36
37
ศพั ท์ชวนคดิ พนิ จิ กร
กรง หมายถงึ ส่งิ ท่ที าเปน็ ซ่ี ๆ ลอ้ มรอบ
สาหรับขงั นกเป็นตน้
กระดิ่ง หมายถงึ เครอ่ื งทาเสยี งสัญญาณ ทา
ดว้ ยโลหะ มรี ูปคลา้ ยระฆัง แตข่ นาดเลก็ กว่า
สนกุ เขียน เรียน กร
คดั คาควบกลา้ กร ทกี่ าหนดให้และฝึกอ่านออกเสยี ง
กระรอก กระโปรง กรุ่น
กระเปา๋ กระตอ๊ บ กรน
38
ศพั ท์ชวนคดิ พนิ ิจ ขร
เจา้ ขรัว หมายถึง คนทมี่ งั่ มี (มกั หมายถงึ
เศรษฐจี นี ), เจส๊ ัว หรือ เจา้ สวั กเ็ รียก
ขรุขระ หมายถงึ เปน็ ป่มุ เปน็ แง่, ไมเ่ รยี บราบ
สนุกเขียน เรยี น ขร
คดั คาควบกลา้ ขร ท่กี าหนดให้และเช่ือมโยงภาพให้ถกู ต้อง
ขร+ิ บ = ขรบิ
เ+ขร+อ+ะ = เขรอะ
ขร+ึ ม = ขรึม
39
ศพั ทช์ วนคดิ พนิ ิจ คร
ครู หมายถึง ผูส้ ่งั สอนศษิ ย์, ผ้ถู ่ายทอดความรู้
ให้แก่ศษิ ย์
คราด หมายถึง เคร่ืองมอื ส้าหรับชกั หรอื ลาก
ข้หี ญ้าหรือหยากเยอื่ เปน็ ต้น ทา้ เป็นซี่ ๆ มี
ดา้ มสา้ หรบั จับชกั หรอื ลากไป
สนุกเขยี น เรยี น คร
เขียนคา้ ควบกล้า คร ในประโยคให้ถกู ตอ้ งและฝกึ อา่ นออกเสียง
ดาวเหนือมองเหน็ ทอ้ งฟ้ามืดครึ้ม
ดาวเหนอื มองเหน็ ทอ้ งฟา้ มืดครึ้ม
ตะวนั ไดย้ นิ เสยี งฟา้ ร้องครื้นครน่ั
ตะวันไดย้ นิ เสยี งฟ้าร้องครน้ื ครน่ั
คุณแม่ท้ากับขา้ วอยใู่ นครัว
คณุ แม่ท้ากับขา้ วอยู่ในครัว
40
ศัพทช์ วนคดิ พินจิ ตร
เชา้ ตรู หมายถงึ เวลาสาง ๆ ตอนเช้า, เวลาที่
แสงเงินแสงทองขน้ึ
ตรง หมายถงึ ไม่คดโคง้ , เท่ียงตามกาหนด,
ถูกตอ้ ง, ไมอ่ ้อมค้อม
สนุกเขียน เรียน ตร
คดั คาควบกลา้ ตร ที่กาหนด แล้วค้นหาคาน้นั ด้านล่างพร้อมวงกลมรอบคา
ตระเตรียม เตรด็ เตร่
ตรึกตรอง ตรวจตรา
เ ต ร็ ด เ ต ร่ ไ ป ม า ชั ก ช้ า
ด า ว เ ห นื อ ต ร ะ เ ต รี ย ม
ต ะ ก ร้ า ส า ม ต ร ว จ ต ร า
ต ะ วั น ต รึ ก ต ร อ ง ส บ า ย ห ล า ย
41
ศัพทช์ วนคดิ พนิ จิ ปร
โปรย หมายถึง ตกลงมาเปน็ เม็ด ๆ กระจาย
ทั่วไป
ปรอื ตา หมายถึง พยายามลืมตาแตล่ มื ขน้ึ
ไม่ไดม้ าก
สนกุ เขยี น เรยี น ปร
คดั คาควบกล้า ปร ท่ีกาหนด แลว้ ระบายสีคาน้นั ในเกลด็ ปลาให้สวยงาม
ปราย เปร่ือง
ปรวนแปร ปราย
เปรม ปรดี า ปรบิ ๆ
เปราะ โปรย เปราะ
เปรอะ ปริศนา
ปรบิ ๆ
42
ศพั ท์ชวนคดิ พนิ จิ พร
พรา่ งพราว หมายถงึ มแี สงประกายแวววาว
000า ระยบิ ระยับ
พรม้ิ พราย หมายถึง ยมิ แย้มดูงาม
สนุกเขยี น เรยี น พร
เขียนค้าควบกล้า พร ใหถ้ ูกต้องและฝึกอา่ นออกเสียง
+ + า + น = พราน
+ อ้ + อ + ม = พอรอ้ ม
เ + + อี + ย + ก = เพอรยี ก
แ + + + ว = แพรว
43
ศพั ท์ชวนคดิ พนิ จิ กล
กลมเกลียว หมายถงึ ที่เขา้ กนั ได้เปน็ อันหน่งึ
อนั เดยี วกัน
กลบั กลอก หมายถงึ เปล่ยี นไปมาเชอ่ื ถือ
ไมไ่ ด้ หรอื พดู จาไม่อย่กู ับรอ่ งกับรอย
สนุกเขียน เรยี น กล
คัดค้าควบกล้า กล ทก่ี า้ หนดใหแ้ ละเชอ่ื มโยงภาพให้ถกู ต้อง
กลอ้ ง กลอง
กล้อง กลอง
กลม กล้อง
กลม กลอ้ ง
กลอง กลม
กลอง กลม
44
ศพั ทช์ วนคดิ พนิ จิ ขล
เขลง หมายถึง ทอดอารมณ์อย่างสบาย (ใชแ้ ก่
กริยานอน)
สนกุ เขียน เรยี น ขล
คัดคา้ ควบกล้า ขล ทก่ี ้าหนดให้และฝกึ อ่านออกเสียง
ขลยุ่ ขลุ่ย ขลุ่ย ขลยุ่
ขลยุ่ ขลยุ่ ขลยุ่ ขลุ่ย
เขละขละ เขละขละ เขละขละ
เขละขละ เขละขละ เขละขละ
ขลม ขลม ขลม ขลม
ขลม ขลม ขลม ขลม
45
ศพั ท์ชวนคดิ พนิ ิจ คล
คลอง หมายถงึ ทางนา้ หรอื ล้านา้ ทเ่ี กิดขนึ เอง
หรือขุดเช่ือมกบั แมน่ ้าหรือทะเล
คลื่น หมายถึง น้าในทะเลหรือแม่นา้
เคลอ่ื นไหวนูนสูงกว่าระดบั โดยปรกติแล้ว
ลดลง หรอื ส่งิ อื่นทมี่ ลี กั ษณะเหมอื นกนั
สนุกเขยี น เรียน คล
คัดค้าควบกลา้ คล ทกี่ ้าหนดใหถ้ กู ตอ้ งและฝกึ อ่านออกเสียง
คลาน คล้าย เคล่ือน คละ คลา
คลาน คลา้ ย เคลื่อน คละ คลา
คลาน คลา้ ย เคลอื่ น คละ คลา
คลาน คล้าย เคลือ่ น คละ คลา
46