The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 4 การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chimsunkh, 2022-06-09 04:07:07

หน่วยที่ 4 การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล

หน่วยที่ 4 การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล

เอกสารประกอบการเรยี นรู้ การสร้างเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล 0

เอกสารประกอบการเรียนรู้ การสรา้ งเคร่อื งมือวดั และประเมินผล 1

หนว่ ยที่ 4 การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมินผล

วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้
1. เพ่ือเข้าใจหลักการวัดและประเมินผล
2. เพอื่ เข้าใจวิธีการวัดและประเมินผลการจดั การเรียนการสอนแบบลูกผสม
3. สามารถสร้างเคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรยี นร้แู บบลูกผสม

เน้อื หา
4.1 หลักการวัดและประเมนิ ผล 1
การสอบ (testing) เป็นกระบวนการใช้เคร่ืองมือหรือแบบทดสอบในการสอบหรือการวัดการ

ดำเนินการสอบ การควบคุมการสอบ หรือการจัดทำข้อสอบและเครื่องมือท่ีใช้ในการวัด ถือเป็นกิจกรรมหน่ึง
ของกระบวนการใช้เครือ่ งมือ

การวัดผล (measurement) เป็นกระบวนการกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์ให้กับสิ่งหน่ึงสิ่งใด
(object or even ) ภายใต้ข้อกำหนด โดยค่าการวัด ( criteria measured) หรือผลการวัดที่ได้จากการใช้
เครื่องมือจะอยู่ในรูปจำนวน ตัวเลขท่ีเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ ( quantitative data ) การประเมินผล
(evaluation ) เป็นการตัดสินคุณค่า (value judgement) หรือการลงสรุปสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างมีหลักเกณฑ์
กระบวนการตัดสินคุณค่า จะต้องการวินิจฉัยหรือดุลยพินิจในการสรุปประเด็นสาระภายใต้ข้อมูล หรือ
สารสนเทศ ตามมาตรฐานหรือเกณฑ์ท่ีกำหนดการวัดและประเมิน (assessment ) เป็นกระบวนการ ท่ีมุ่งเน้น
การค้นหา แสวงหา ข้อมูลหรือสารสนเทศ ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดยอาศัยเทคนิควิธีการสังเกต
สัมภาษณ์ การศึกษา วิเคราะห์ เอกสาร หรือการใช้เครื่องมือในการวัด เพื,อตรวจสอบการพัฒนาการ
ความก้าวหน้า ความงอกงาม โดยการเปรียบเทียบกับข้อกำหนดจากความหมาย ข้อสรุประหว่างการเรียนการ
สอน กับการวัดและประเมิน ตลอดจนหลักการหรือวิธีการของกระบวนการวัด สามารถสรุปเป็นองค์ประกอบ
ของการวัดและประเมินผลการศึกษา ได้สามส่วน คือ ลักษณะและสิ่งท่ีต้องการวัด วิธีการวัด (เครื่องมือและ
วิธีการ) และผลการวดั

องค์ประกอบโครงสร้างของการวัดและประเมินดังกล่าว สามารถสรุปเป็นกิจกรรมในการวัดและ
ประเมินผลการศึกษาไดเ้ ปน็ 3 กิจกรรม คอื

1) การกำหนดลักษณะและส่งิ ท่ีต้องการวัด หมายถงึ การระบหุ วั ข้อเนื้อหา จดุ ประสงค์หรือพฤติกรรม
ในการวัด โดยมีวิธีดำเนินการหลายรูปแบบตามสิ่งท่ีต้องการเน้น โดยอาจมุ่งเน้นด้านเนื้อหาเนื้อเรื่อง
เน้นพฤติกรรมการวัด เน้นจุดประสงค์การเรียนรู้ หรือผสมผสานจุดเน้นดังกล่าวร่วมกัน ในทางการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ โดยเฉพาะการวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน นิยมใช้วิธีการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา

1 คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ “แนวคิด หลกั การในการวดั และประเมินผลการศึกษา”

เอกสารประกอบการเรียนรู้ การสร้างเครอื่ งมอื วดั และประเมินผล 2

(Table of specification) หรือตารางกำหนดจำนวนข้อสอบในการสอบหรือการวัดที่ยึดตามเนื้อหาหรือ
จดุ ประสงค์การเรียนรูค้ ุณลกั ษณะทต่ี ้องการวัด เมอื่ พจิ ารณาตามความมงุ่ หมายการศึกษา ตามแนวคิดของบลูม
และคณะ (Bloom 1967) ได้จัดลักษณะพฤติกรรมออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

- พฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย (Cognitive domain) เปน็ พฤตกิ รรมทางสตปิ ญั ญา ทบี่ ่งบอกความสามารถ
ทางสมองหรือความคิด (thinking) ที่จำแนกเป็นระดับพฤติกรรมย่อย 6 ด้าน คือ ด้านความรู้ความจำ
(knowledge) ความเข้าใจ (comprehension) การนำไปใช้ (application) การวิเคราะห์ (analysis) การ
สังเคราะห์ (synthesis) และการประเมินค่า (evaluation) ซึ่งลักษณะพฤติกรรมทางด้านพุทธิพิสัย มี
ความสำคัญยิง, ต่อการจดั กระบวนการเรียนการสอน ในการกำหนดสมรรถภาพการเรยี นรหู้ รือจุดประสงค์การ
เรยี นรู้ ทมี่ ุ่งหวังให้เกดิ ขนึ้ กับผเู้ รียน

- พฤติกรรมด้านเจตพิสัย (affective domain) เป็นคุณลักษณะด้านจิตใจหรือความรูส้ ึก(feeling) ท่ี
บง่ บอกพฤตกิ รรมความสนใจ เจตคติ คา่ นิยม และลักษณะนสิ ัยของบุคคลจำแนกเป็นพฤติกรรมได้ 6 ระดับ คือ
การรับรู้ (receiving) การตอบสนอง (responding) การสร้างคุณค่า (valuing) การจัดระบบคุณค่า
(organization of values) และการสร้างลักษณะพิสัย (characterization by a value) ซึ่งคุณลักษณะ
พฤติกรรมด้านเจตพิสัย ในทางปฏิบัตินิยมวัดในด้านความสำเร็จ เจตคติ ค่านิยม คุณธรรมและจริยธรรม (
moral and ethics) ตลอดจนคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์

- พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย ( psychomotor domain ) เป็นพฤติกรรมด้านทักษะกลไกและ
ประสานงานของกล้ามเนื้อ ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการปฏิบัติงาน และทักษะในการทำงานของบุคคล
จำแนกเปน็ พฤตกิ รรมไดห้ ลายลกั ษณะ ทง้ั นี้ขึ้นอยู่กบั เกณฑ์ทก่ี ำหนด

ถ้าพจิ ารณาทางด้านความสามารถในการปฏิบัติและระดบั ของการฝึกปฏิบัตจิ ำแนกเป็น 5 ลักษณะ คือ
การเลียนแบบ ( imitation ) การทำตามแบบ ( manipulation ) การทำอย่างถูกต้อง ( precision ) การทำ
อย่างสร้างสรรค์ ( articulation ) และการทำอย่างเปน็ ธรรมชาติ ( naturalization )

ถ้าพจิ ารณาตามทกั ษะกลไกการปฏิบัติงานจำแนกได้เป็น 7 ลกั ษณะ คือ การรับรู้ ( perception) การ
เตรยี ม (set) การตอบสนองตามแบบ (guide response) การใช้กลไก (mechanism) การตอบสนองท่ีซับซ้อน
(complex overt response) การดัดแปลงแก้ไข (adaptation) และการริเริ่ม (origination )

ถ้าพิจารณาทักษะการเคล่ือนไหวและการสื,อภาษา จำแนกได้ 4 ลักษณะ คือ การเคลื่อนไหวส่วน
ต่างๆ ของร่างกาย (gross bodily movement) การเคลื่อนไหวที่ใช้อวัยวะหลายส่วนร่วมกัน (finely
coordinated movement) พฤติกรรมการสื,อสารแบบไม่ใช้ภาษา ( nonverbal communication
behavior) และพฤติกรรมการพดู (speech behavior)

เอกสารประกอบการเรยี นรู้ การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมินผล 3

2 ) การกำหนดเคร่ืองมือและวิธีการวดั หมายถึง การเลือกใช้เคร่ืองมอื หรือแบบทดสอบท่ีมีหลายชนดิ
ประเภท และหลายรูปแบบ ตามเกณฑ์ที่กำหนดในการอธิบาย ถ้าพิจารณาตามรูปแบบการสอบ อาจแยกเป็น
การสอบภาคปฏิบัติ (performance test ) การสอบปากเปล่า ( oral test ) และการสอบข้อเขียน ( paper -
pencil test ) ตลอดการประเมินและการตรวจผลงาน หรือการใช้แฟ้มสะสมผลงาน ( portfolio ) ซึ่งในแต่ละ
รูปแบบมลี ักษณะของเครอ่ื งมือเป็นส่วนเฉพาะของแตล่ ะประเภท

ถ้าพิจารณาตามเทคนิควิธี อาจแยกเป็น วิธีการสอบสัมภาษณ์ วิธีการสังเกต วิธีการศึกษาวิเคราะห์
เอกสารและวธิ กี ารใช้เคร่อื งมือวัด

ถ้าพิจารณาถึงลักษณะหรือชนิดของเครื่องมือ อาจจำแนกเป็น แบบทดสอบ แบบทดสอบถาม แบบ
สังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก แบบมาตรวัด แบบตรวจผลงาน แบบประเมินตามสภาพจริง และแบบวัด
เฉพาะลักษณะ

3) การกำหนดการใช้ผลการวัด หมายถึง การพิจารณาใช้ผลการสอบ หรือการวัด หรือผลการเรียนรู้
ตามจุดมุ่งหมายของการสอบ โดยเฉพาะอย่างยิง, ในการวัดและประเมินผลการศึกษา ผลการเรียนรู้ หรือ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มุ่งที่จะบ่งบอกระดับความสามารถ และค้นหาจุดเด่นจุดด้อยในเนื้อหาหรือลักษณะ
พฤติกรรมของผู้เรียน เพ,ือการพัฒนา ปรับปรุงการเรียนรู้ ตลอดจนการการตัดสินผลการเรยี นส่วนในการแปล
ความหมายคะแนนและการนำคะแนนมาใช้ก็มีอยู่ หลายรูปแบบ หลายลีกษณะ ตัวอย่าง เช่น การทำเป็น
คะแนนมาตรฐาน การทำเป็นร้อยละของคะแนนเต็ม หรือไม่กเ็ ป็นการจัดอันดับตามความมากน้อยของคะแนน
สำหรับการประเมินตดั สิน
ผลนั"น นิยมนำคะแนนมาตีค่าและสรุปเป็นระดับผลการเรียนหรือเกรด ตามเกณฑ์ท่ีกำหนด เพื่อใช้ในการ
ตัดสนิ ผลการเรียนรูห้ รือผลสำเรจ็ ของงาน ตลอดจนการพิจารณาตัดสนิ การเลื่อนช้ันหรืออนุมัติการจบหลักสูตร
ของผ้เู รียน

4.2 แนวคดิ วธิ กี ารวัดและประเมินผลแบบออนไลน์ 2
การเรยี นออนไลนน์ ้นั ค่อนข้างมีความแตกตา่ งจากการเรยี นในชัน้ เรียนตามปกติอยพู่ อสมควร เพราะใน
การเรยี นออนไลน์นั้น ครผู สู้ อนกับนักเรียนน้ันไม่พบกันโดยตรงในห้องเรยี น แตพ่ บกันผา่ นเคร่ืองมือสื่อสารต่าง
ๆ ซึ่งรูปของการเรียนออนไลน์นั้น มีทั้งแบบที่เป็นการทำคลิปวีดีโอการสอนรวบรวมไว้แล้วให้นักเรียนชมทีละ
ตอน หรอื อาจจะเป็นการสร้างบทเรียนออนไลน์สำเร็จรูปให้นักเรียนใช้ และรวมไปถึงการสอนแบบถ่ายทอดสด
พร้อมกับนักเรียน ดังนั้นการประเมินผลจึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการเรียน
ออนไลน์ในแต่ละรปู แบบ ซึ่งแนวคิดการใช้รูปแบบของการประเมินผลสำหรับการเรียนออนไลน์ที่น่าสนใจและ
สามารถนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้ มีดงั น้ี

2 https://www.trueplookpanya.com/blog/content/87604/-blog-teaartedu-teaart-teamet-

เอกสารประกอบการเรียนรู้ การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมินผล 4

แบบทดสอบออนไลน์
รปู แบบการประเมนิ ดั้งเดิมท่ียังคงใช้กนั อยู่ในทุกวันน้ี เพียงแต่เปลี่ยนจากการเขียนคำตอบในกระดาษ

หรอื ฝนคำตอบในกระดาษคำตอบ เปน็ การคลกิ เมาส์ หรอื ทัช เพ่ือเลอื กคำตอบในหน้าจอแทน ซงึ่ ขอ้ ดีของการ
ใช้แบบทดสอบนั้น คือความที่ง่ายต่อการประเมินผล เพราะมีรูปแบบการให้คะแนนที่ชัดเจน แล้วด้วย
ความสามารถของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้มีการออกแบบแอปพลิเคชันหรือเครื่องมือที่ช่วยในการสร้าง
แบบทดสอบออนไลน์ มีการพัฒนาระบบสุ่มเลือกคำถาม สลับคำตอบ ซึ่งทำให้นักเรียนได้แบบทดสอบที่ไม่
เหมือนกัน อันเป็นผลดีกับการประเมินที่มีผู้เข้าประเมินเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ผลให้
ผู้ทำการทดสอบได้โดยทันที ซึ่งรวดเร็วกว่าการทำแบบทดสอบทั่วไปที่ต้องรอตรวจสอบจากครูผู้สอนให้
เรยี บร้อยเสียกอ่ นจึงจะประกาศผล

คำถามปลายเปดิ / เรียงความ
คำถามปลายเปิดหรือการเขยี นเรยี งความ เป็นวธิ กี ารประเมินเชิงคณุ ภาพทไี่ ด้รับความนิยมมากทีส่ ดุ วธิ ี

หนงึ่ โดยครผู ูส้ อนอาจโยนคำถามที่มลี กั ษณะปลายเปิดลงไปในชอ่ งทางสื่อสาร แลว้ ให้นักเรียนอธิบายคำตอบ
ลงบทช่องทางส่ือสารน้นั หรอื การทำเปน็ เอกสารและอัพโหลดลงในระบบก็ได้ ซึ่งส่ิงนีช้ ่วยกระตุน้ ให้นักเรียนไดม้ ี
โอกาสสำรวจความรู้ ความเข้าใจ การคิดวิเคราะห์ และความรู้สกึ ของตัวเอง แลว้ แสดงออกเปน็ ความคิดเหน็ ใน
การตอบคำถาม ซึ่งเหมาะสมอย่างมากการประเมินการเรียนรู้ในระดับสูง

เกม Interactive
จุดเดน่ อยา่ งหนึ่งของการเรียนออนไลนค์ ือ ครผู ู้สอนสามารถสอดแทรกกจิ กรรมทเ่ี ปน็ interactive ใน

บทเรยี นนน้ั ๆ ไดโ้ ดยการใช้ประโยชน์จากแอปพลเิ คชนั หรือเคร่ืองมือต่าง ๆ ซงึ่ จะช่วยใหค้ รูผสู้ อนสามารถ
สรา้ งเกมถามตอบ จบั คู่ จบั กล่มุ หรอื จำแนก ได้ในรูปแบบทีเ่ ปิดโอกาสให้นักเรียนได้ตอบโตใ้ นเกม ซ่ึงจะช่วย
ใหน้ ักเรยี นสนุกกับการเรยี นรู้ และสนใจการเรียนออนไลน์มากขึน้ นอกจากน้ผี ลลัพธจ์ ากการเลน่ เกมยังเปน็
ขอ้ มูลในการประเมินผลใหก้ บั ครผู สู้ อนได้อกี ดว้ ย

ถามตอบหรอื แสดงความคิดเห็นแบบออนไลน์
วธิ ีการนี้ เหมาะมากกบั การเรียนออนไลนท์ เี่ ปน็ การถา่ ยทอดสด ซ่ึงครผู ้สู อนและนกั เรียนจะต้อง

ออนไลน์พร้อมกัน โดยปัจจบุ นั มี แอปพลิเคชันและเคร่ืองมือ ทีช่ ่วยให้ครผู ้สู อนสามารถสอื่ สารกบั นักเรยี นทั้ง
ชัน้ เรยี นไดโ้ ดยการพบหน้าพร้อมกันหมด ซง่ึ ครผู ู้สอนสามารถเลือกถามคำถามกบั นักเรียนคนใดก็ได้ ซึ่งการ
ตอบหรือแสดงความคดิ เหน็ ของนกั เรียนคนน้นั นกั เรยี นคนอน่ื ก็จะไดร้ ับทราบด้วย ซง่ึ เป็นวิธีการทด่ี ีในการ
ประเมินความรคู้ วามเขา้ ใจ รวมถึงความคิดเหน็ ในเร่ืองนน้ั ๆ ของนักเรียน นอกจากนี้ครผู สู้ อนยงั สามารถเปิด
โอกาสใหม้ ีการวิพากษว์ จิ ารณ์ถกเถยี งกันได้ในหัวข้อทเี่ รยี น เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเกิดการเรียนรู้รว่ มกันได้อกี ด้วย

เอกสารประกอบการเรยี นรู้ การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล 5

แบบสำรวจออนไลน์
แบบสำรวจเปน็ เครอ่ื งมอื อยา่ งหนงึ่ ในการวดั ความพงึ พอใจ ซ่งึ ครูผู้สอนสามารถสร้างแบบสำรวจ

ออนไลนข์ ้ึน เพื่อให้นักเรยี นทำหลังจากทเ่ี รยี นในแตล่ ะบทเรยี น เพ่ือดูว่านกั เรียนคดิ เห็นอยา่ งไร กับเนื้อหาวชิ า
นี้ หรอื ถึงรปู แบบการเรียนการสอน ซึง่ ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากนักเรียนตรงนนี้ ับเปน็ ข้อมูลชัน้ ดที ี่ครูผู้สอนสามารถ
นำมาใช้ในการปรบั ปรุงการเรียนการสอนใหม้ ีประสิทธภิ าพมากข้นึ ได้

ถ่ายภาพผลงาน
เป็นเรื่องยากที่ครูผู้สอนจะประเมินผลงานที่เป็นชิ้นงานอย่างพวกงานศิลปะหรืองานประดิษฐ์ โดยได้

สมั ผัสช้นิ งานจรงิ ในช่วงนี้ ดังน้นั ครผู ู้สอนอาจใช้ประโยชน์จากเครื่องมือรบั สง่ ข้อความ โดยใหน้ กั เรยี นถ่ายภาพ
ผลงานที่สำเร็จแล้ว และอาจรวมถึงภาพระหว่างการทำชิ้นงาน หรือคลิปวีดีโอ ซึ่งจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถ
ประเมินผลงานของนักเรียนได้จากภาพถ่าย และรวมถึงประเมินได้ว่านักเรียนทำผลงานนั้นด้วยตัวเองหรือไม่
และมากน้อยแค่ไหน

อภิปรายออนไลน์
ให้ลองนึกภาพการอภิปรายหนา้ ชั้นเรียน แต่เปลี่ยนจากหน้าชั้นเรียนเป็นการดำเนินการแบบออนไลน์

หรอื ครูผ้สู อนอาจใหห้ ัวขอ้ ไปให้นกั เรียนหาข้อมูลและนำมาอภปิ รายในครั้งถัดไป ซึ่งอาจจะใหเ้ ป็นงานเด่ียวหรือ
งานกลุ่มกไ็ ด้ ขนึ้ อยกู่ บั ความพรอ้ มของนกั เรยี นและทรัพยากรในการติดต่อสื่อสารกัน

ถา่ ยคลิปวีดโี อ
สำหรับการประเมินผลการแสดงออกของนักเรียน เช่น การอ่านทำนองเสนาะ หรือ การอ่านจับ

ใจความ การให้นกั เรยี นถา่ ยคลปิ วีดโี อการปฏบิ ตั ิของตัวเองแล้วแชร์ลงในช่องทางการสื่อสารออนไลน์น่าจะเป็น
วิธีการที่ดีที่สุด ที่ครูผู้สอนจะสามารถประเมินผลนักเรียนในการปฏิบัติว่าทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน และยังเป็น
การเช็คได้วา่ นกั เรียนให้ความร่วมมือในกจิ กรรมมากแค่ไหนอีกดว้ ย

จะเหน็ ได้ว่า ในการประเมินผลการเรียนออนไลน์นน้ั เรามันใชป้ ระโยชนจ์ ะเทคโนโลยีในการสร้างแบบ
ประเมินออนไลน์หรือใช้เป็นช่องทางที่ช่วยให้ครูผู้สอนสามารถประเมินผลนักเรียนได้ ซึ่งในอนาคตเราอาจ
จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากการประเมินผลในรูปแบบออนไลน์นี้ สำหรับการเรียนตามปกติและการเรียน
ออนไลน์ ซ่ึงจะช่วยเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในระบบการศกึ ษาของเราไดเ้ ปน็ อยา่ งมาก

รายการอา้ งอิง
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษณิ “แนวคิด หลักการในการวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา”
https://www.trueplookpanya.com/blog/content/87604/-blog-teaartedu-teaart-teamet-


Click to View FlipBook Version