The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เด็กกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเด็กที่ถูกเบียดขับออกจากสังคม และถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีโอกาสทางสังคมที่น้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้โอกาสในชีวิตย่อมน้อยลงตามไปด้วย มีทางเลือกในการเรียนต่อที่ไม่มาก และมีทางเลือกในการทำงานที่ค่อนข้างจำกัด โดยคู่มือเล่มนี้ได้รวบรวมกระบวนการในการปฏิบัติงานคุ้มครองและวิธีการปฏิบัติกับเด็กไร้สัญชาติที่มีความถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อนำไปสู่การคุ้มครองเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Napat Songnuy, 2023-04-10 14:16:36

คู่มือการปฏิบัติงานกับเด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ

เด็กกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเด็กที่ถูกเบียดขับออกจากสังคม และถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีโอกาสทางสังคมที่น้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้โอกาสในชีวิตย่อมน้อยลงตามไปด้วย มีทางเลือกในการเรียนต่อที่ไม่มาก และมีทางเลือกในการทำงานที่ค่อนข้างจำกัด โดยคู่มือเล่มนี้ได้รวบรวมกระบวนการในการปฏิบัติงานคุ้มครองและวิธีการปฏิบัติกับเด็กไร้สัญชาติที่มีความถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อนำไปสู่การคุ้มครองเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

46 การแจ้งเกิดกรณีของเด็กเร่ร่อน / เด็กไม่มีพ่อแม่ หรือพ่อแม่ทอดทิ้ง ซึ่งอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ (หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนที่จดทะเบียนตามกฎหมาย) เด็กที่จะแจ้งการเกิด ต้องมีอายุไม่เกิน 18 ปี ผู้แจ้ง หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนที่สงเคราะห์ช่วยเหลือเด็ก ตามรายชื่อหน่วยงานที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ระยะเวลา เมื่อเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์ได้รับตัวเด็กมาแล้ว หัวหน้าหน่วยงานที่ ทำการสงเคราะห์ควรแจ้งการเกิดให้แก่เด็กภายใน 15 วันนับแต่วันที่รับตัวเด็กมา ณ สำนักทะเบียนอำเภอหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น (กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้) สำนักทะเบียนที่แจ้งการเกิด สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่หน่วยงาน ที่อุปการะ หรือสงเคราะห์เด็กตั้งอยู่ คุณสมบัติ 1) เป็นเด็กเร่ร่อน หรือเด็กที่ไม่ปรากฏพ่อแม่ หรือเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง 2) เด็กดังกล่าวจะต้องอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ ขั้นตอนการแจ้ง ผู้แจ้งแสดงหลักฐานต่อนายทะเบียน ได้แก่ 1) บัตรประจำตัวผู้แจ้ง 2) สำเนาทะเบียนบ้านของหน่วยงานที่ให้การอุปการะ หรือสงเคราะห์เด็ก 3) หลักฐานการรับตัวเด็กของหน่วยงานที่ดูแล หรืออุปการะเด็ก


47 4) รูปถ่ายของเด็กขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป 5) หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) 6) หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก ทั้งพยานเอกสารและวัตถุพยาน (ถ้ามี) การดำเนินการของนายทะเบียน 1) ตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานที่ผู้แจ้งแสดง 2) ตรวจรายการบุคคลในฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎรว่ามีการแจ้งการเกิด และมีรายการบุคคลของเด็กที่ขอแจ้งการเกิดในทะเบียนบ้านแห่งอื่นหรือไม่ 3) สอบสวนผู้แจ้งและพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ประวัติของเด็กและบิดา มารดา 4) ในระหว่างพิสูจน์สถานะบุคคลของเด็ก นายทะเบียนจะออกใบรับแจ้งการ เกิด (ท.ร.100) ให้กับผู้แจ้งการเกิด 5) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของประเด็นการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวม หลักฐาน พร้อมเสนอความเห็นไปยังนายอำเภอท้องที่ภายใน 60 วันนับแต่ วันที่ได้รับแจ้งการเกิด โดยให้สรุปความเห็นพร้อมระบุเหตผุลประกอบว่าเด็ก ที่ขอแจ้งการเกิดเป็นผู้เกิดในราชอาณาจักรหรือไม่ เป็นผู้มีสัญชาติไทย หรือ ไม่ได้สัญชาติไทย หรือไม่สามารถยืนยันสถานะการเกิดและสัญชาติของเด็ก 6) นายอำเภอต้องพิจารณาและแจ้งผลให้นายทะเบียนทราบภายใน 30 วัน 7) กรณีผลการพิจารณาระบุว่าเด็กที่แจ้งเกิดเป็นผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรและ เป็นผู้มีสัญชาติไทย ให้นายทะเบียนออกสูติบัตร ท.ร.1 หรือท.ร.2 แล้วแต่กรณีให้แก่ผู้แจ้ง โดยลงรายการเกี่ยวกับเด็ก บิดา และมารดา เท่าที่ทราบ


48 8) ถ้าผลการพิจารณาระบุว่าเด็กที่แจ้งการเกิดเป็นผู้ที่เกิดในราชอาณาจักร แต่ไม่ได้รับสัญชาติไทย ให้ออกสูติบัตร ท.ร.3 ให้แก่ผู้แจ้ง โดยลงรายการ เกี่ยวกับเด็ก บิดา และมารดา เท่าที่ทราบ 9) เพิ่มชื่อเด็กเข้าในทะเบียนบ้าน ท.ร.14 หรือท.ร.13 ของสถานสงเคราะห์ แล้วแต่กรณี 10) กรณีนายอำเภอแจ้งผลการพิจารณาว่าเด็กที่แจ้งการเกิดไม่ได้เกิดใน ราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย หรือไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและ สัญชาติของเด็กได้ให้นายทะเบียนจัดทำทะเบียนประวัติ (ท.ร.38 ก) ให้เด็ก เป็นบุคคลประเภท 0 โดยใช้เลขที่บ้านของหน่วยงานที่สงเคราะห์ 11) กรณีเด็กที่อยู่ในสงเคราะห์หรืออุปการะของบุคคลหรือหน่วยงานเอกชนที่ไม่ ปรากฏชื่อตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ให้นายทะเบียนอำเภอ หรือ นายทะเบียนท้องถิ่นยกคำร้องขอแจ้งการเกิดและแนะนำผู้ร้องให้ยื่นคำร้อง ขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน กรณีเด็กอนาถาตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2535 ข้อ 98 ระยะเวลาในการดำเนินการ ในกระบวนการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักทะเบียนจะต้อง ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน


49 กระบวนการจดทะเบียนการเกิดของประเทศไทย (เด็กเร่ร่อน เด็กไม่มีพ่อแม่ หรือถูกทอดทิ้ง และอยู่ภายใต้การอุปการะของสถานสงเคราะห์) มาตรา 19/1 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 พิสูจน์ 2 ประเด็นหลัก คือ 1.สถานที่เกิด 2. ความมีสัญชาติ อายุต้องไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ อยู่ในความอุปการะของสถาน สงเคราะห์ของรัฐ / เอกชนที่ ขึ้นทะเบียนกับ กระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานที่ทำการสงเคราะห์ แจ้งการเกิดภายใน 15 วัน นับจากวันที่รับตัวเด็ก แจ้งเกิดต่อสำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น เด็กเร่ร่อน เด็กไม่มีพ่อแม่ หรือถูกทอดทิ้ง เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสถานะบุคคล (ระยะเวลา ดำเนินการ 90 วัน) นายทะเบียนออกคำสั่ง เชื่อว่าเกิดในประเทศไทย และมีสัญชาติไทย เชื่อว่าเกิดในประเทศไทย แต่ไม่มีสัญชาติไทย ได้รับใบรับการแจ้งการเกิด ท.ร.100 ระหว่างการพิสูจน์ สูติบัตร ประเภท ท.ร.1 หรือท.ร.2 แล้วแต่กรณี สูติบัตร ประเภท ท.ร.3 จัดทำทะเบียน ประวัติท.ร.38 ก. ไม่รับจดทะเบียนการเกิด ไม่เชื่อว่าเกิดในประเทศไทย และพิสูจน์สถานะ ด้านสัญชาติไม่ได้


50 การขอออกหนังสือรับรองการเกิด 20/1 คุณสมบัติ 1) เป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทย 2) มีหมายเลขประจำตัวในระบบทะเบียนราษฎรแล้ว 3) เคยแจ้งการเกิดแล้วแต่ไม่มีสูติบัตร หรือสูติบัตรสูญหาย และสำนักทะเบียน ที่เกี่ยวข้องไม่สามารถสืบค้น หรือคัดสำเนาสูติบัตรได้ 4) มีความจำเป็นและประสงค์จะได้รับการจดทะเบียนการเกิด ผู้ยื่นคำขอ 1) ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์สามารถยื่นคำขอด้วยตนเองได้ 2) ถ้าผู้ขอหนังสือรับรองการเกิดอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ให้บิดา มารดา หรือ ผู้ปกครองของเด็ก เป็นผู้ยื่นคำขอแทนสำนักทะเบียนที่ยื่นเรื่อง สำนักทะเบียนที่ยื่นเรื่อง สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นแห่งท้องที่ผู้นั้นเกิด หรือที่ ผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน ระยะเวลาในการดำเนินการ เมื่อมีการยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองการเกิดต่อนายทะเบียนแล้ว จะต้อง ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 112 วัน ขั้นตอนการยื่นคำขอ ผู้แจ้งแสดงหลักฐานต่อนายทะเบียน ได้แก่ 1) บัตรประจำตัวผู้แจ้ง (ถ้ามี) และบัตรประตัวของบิดา มารดา (ถ้ามี) 2) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร.14 หรือท.ร.13) หรือสำเนาทะเบียนประวัติ (ท.ร.38, ท.ร.38/1, ท.ร.38 ก หรือท.ร.38 ข) อย่างใดอย่างหนึ่งที่มีชื่อและ รายการบุคคลของผู้ขอหนังสือรับรองการเกิด


51 3) หลักฐานเอกสารที่แสดงว่าเป็นผู้ที่เกิดในประเทศไทย (ถ้ามี) เช่น หนังสือ รับรองการเกิด (ท.ร.1/1) หลักฐานการขึ้นทะเบียนทหาร (ส.ด.9) หลักฐาน ทางการศึกษา ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว เป็นต้น 4) รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป 5) หลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว เป็นต้น การดำเนินการของนายทะเบียน 1) ตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานของผู้ขอ 2) เมื่อนายทะเบียนได้รับคำร้องขอหนังสือรับรองการเกิดแล้วจะต้องออก “ใบรับคำร้อง” ให้แก่ผู้ร้องไว้เป็นหลักฐาน หรืออาจคัดสำเนาคำขอดังกล่าว แล้วรับรองสำเนาเอกสารเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการรับเรื่องไว้แล้ว (หากนายทะเบียนหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับคำร้องไม่ออกให้ผู้ยื่นคำร้องจะต้อง สอบถามและแจ้งให้มีการออกเอกสารดังกล่าวให้) 3) จากนั้นจะตรวจสอบรายการบุคคลของผู้ขอหนังสือรับรองการเกิดกับ ฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎรว่ามีรายการถูกต้องตามหลักฐานที่ยื่นไว้ หรือไม่ 4) นายทะเบียนจะดำเนินกาสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อรับรอง ข้อเท็จจริง ได้แก่ (4.1) สอบปากคำผู้ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองการเกิด (โดยจะสอบ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบิดามารดา สัญชาติของบิดามารดา สถานที่เกิด จำนวนพี่น้อง ร่วมบิดามารดา และที่อยู่ปัจจุบัน) (4.2) สอบปากคำบิดา มารดา ผู้ให้กำเนิด หรือผู้ปกครอง ผู้อุปการะ เลี้ยงดูผู้ทำคลอด (ถ้ามี)


52 (4.3) สอบปากคำพยานบุคคลอื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งสามารถรับรอง สถานที่เกิดและประวัติความเป็นมาของผู้ขอหนังสือรับรองฯ อย่างน้อย 2 คน (4.4) พยานเอกสารหรือหลักฐานอื่น ๆ 5) ถ้าผู้ขอหนังสือรับรองฯ เป็นผู้ที่เกิดในสำนักทะเบียนอื่นที่ไม่ใช่สำนักทะเบียน ที่ยื่นคำขอ และผู้ขอไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือพยานบุคคลมาให้ทำการ สอบสวน นายทะเบียนจะทำเรื่องขอความร่วมมือให้สำนักทะเบียนที่ เกี่ยวข้องตรวจสอบและสอบสวนแทน 6) นายทะเบียนจะพิจารณาและมีคำสั่ง กรณีที่ 1 เห็นว่าพยานหลักฐานของผู้ยื่นคำร้องขอน่าเชื่อได้ว่าเป็นผู้เกิด ในประเทศไทย ก็จะออกหนังสือรับรองการเกิด 20/1 ให้แก่ผู้ยื่นคำร้องขอ หนังสือรับรองการเกิด กรณีที่ 2 เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าเป็นผู้ที่เกิดใน ประเทศไทย นายทะเบียนจะมีคำสั่งไม่อนุญาตและจะแจ้งคำสั่งดังกล่าวไปยังผู้ ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองการเกิดเป็นหนังสือภายใน 3 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่ง พร้อมเหตุผลประกอบ เพื่อให้ผู้ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองการเกิดใช้สิทธิในการ อุทธรณ์ตามกฎหมายต่อไป 7) ไม่เก็บค่าธรรมเนียม


53 กระบวนการจดทะเบียนการเกิดของประเทศไทย (การออกหนังสือรับรองการเกิด 20/1) พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 บุคคลที่เกิดในประเทศไทย 1. มีหมายเลขประจำตัวในระบบทะเบียนราษฎร แล้ว ยื่นคำขอหนังสือรับรองการ เกิดต่อสำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น เข้าสู่กระบวนการสอบสวน (ระยะเวลาดำเนินการ 112 วัน) นายทะเบียนมีคำสั่งอนุมัติตามคำขอ กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง 1. ตรวจสอบรายการบุคคลทางทะเบียนฯ 2. สอบพยานบุคคลรับรองข้อเท็จจริง - บิดา มารดา พี่น้องบิดา มารดา - ผู้ทำคลอด - พยานบุคคลอื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือ (อย่างน้อย 2 คน) 3. ตรวจสอบพยานเอกสารและหลักฐานอื่น หนังสือรับรองการเกิด ท.ร.20/1 หมายเหตุ : วิธีปฏิบัติเป็นไปตามประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการขอหนังสือรับรองการ เกิดตามมาตรา 20/1 แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการทะเบียน ราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 2. ไม่มีสูติบัตร / สูติบัตรสูญหาย / สืบค้นไม่ได้ แล้ว 3. มีความจำเป็นและประสงค์จะได้รับการจด ทะเบียนการเกิด แล้ว


54 1. กรณีคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวและเคยมีชื่อ ในทะเบียนบ้าน (4.2) การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน การเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้านของคนซึ่งไม่มีสัญชาติมีหลาย กรณีได้แก่ สถานที่ยื่นคำร้อง สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ ผู้ยื่นคำร้อง เจ้าบ้าน หรือผู้ที่ขอเพิ่มชื่อ หลักฐานประกอบการแจ้ง 1) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ของบ้านที่จะขอเพิ่มชื่อ 2) บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้อง (ถ้ามี) 3) ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของผู้ขอเพิ่มชื่อ หรือ หนังสือรับรองที่หน่วยงานของรัฐออกให้เพื่อรับรองการได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ 4) สำเนาทะเบียนบ้านที่คนต่างด้าวผู้นั้นเคยมีชื่อปรากฏอยู่ (ถ้ามี) 5) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร.13) หรือสำเนาทะเบียนประวัติ(ถ้ามี) 6) พยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ


55 ขั้นตอนดำเนินการ ผู้ยื่นคำร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียน ขั้นตอนดำเนินการขั้นตอน นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาแสดง ดำเนินการ นายทะเบียนตรวจฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเพื่อตรวจสอบว่าผู้ร้องมีชื่อในทะเบียนบ้านแห่งอื่นหรือไม่ สอบสวนผู้ร้องและเจ้าบ้าน ให้ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและรายการบุคคลของ ผู้ขอเพิ่มชื่อและความยินยอมให้เพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (กรณีสอบสวนเจ้าบ้าน) รวบรวมหลักฐานและความเห็นเสนอนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตพิจารณา นายอำเภออนุญาตตามคำร้อง นายทะเบียนเพิ่มชื่อบุคคลดังกล่าวในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ตามรายการที่ปรากฏใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว กำหนดให้เลขประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลประเภท 8 โดยหมายเหตุในทะเบียนบ้านตรงช่องย้าย เข้ามาจากว่า “คำ ร้องที่... ลงวันที่...” แล้วให้นายทะเบียนลงลายมือชื่อและวันเดือนปีกำกับไว้ มอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านพร้อมหลักฐานประกอบการแจ้งคืนให้แก่ผู้ร้องพร้อมแนะนำ ให้ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย กรณีผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีบริบูรณ์


56 2. กรณีคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเป็น การถาวรขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (ทร.14) สถานที่ยื่นคำร้อง สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ ผู้ยื่นคำร้อง เจ้าบ้าน บิดา มารดา หรือผู้ที่ขอเพิ่มชื่อ หลักฐานประกอบการยื่นคำร้อง 1) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ของบ้านที่จะเพิ่มชื่อ 2) บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน (ถ้ามี) 3) ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของผู้ขอเพิ่มชื่อ หรือ หนังสือรับรองที่หน่วยงานของรัฐออกให้เพื่อรับรองการได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ 4) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร.13) หรือสำเนาทะเบียนประวัติ หรือบัตร ประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ถ้ามี) 5) พยานบุคคล ได้แก่ เจ้าบ้าน


57 ขั้นตอนดำเนินการ ผู้ยื่นคำร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียน ขั้นตอนดำเนินการขั้นตอน นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาแสดง ดำเนินการ สอบสวนผู้ร้องและเจ้าบ้าน ให้ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและรายการบุคคลของ ผู้ขอเพิ่มชื่อและความยินยอมให้เพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (กรณีสอบสวนเจ้าบ้าน) นายอำเภออนุญาตตามคำร้อง นายทะเบียนเพิ่มชื่อบุคคลดังกล่าวในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ตามรายการที่ปรากฏใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว กำหนดให้เลขประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลประเภท 8 โดยหมายเหตุในทะเบียนบ้านตรงช่องย้าย เข้ามาจากว่า “คำ ร้องที่... ลงวันที่...” แล้วให้นายทะเบียนลงลายมือชื่อและวันเดือนปีกำกับไว้ มอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านพร้อมหลักฐานประกอบการแจ้งคืนให้แก่ผู้ร้องพร้อมแนะนำ ให้ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย กรณีผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีบริบูรณ์


58 3. กรณีบุคคลอ้างว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน โดยไม่มีหลักฐานเอกสารมาแสดง สถานที่ยื่นคำร้อง สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ ผู้ยื่นคำร้อง เจ้าบ้าน หรือผู้ที่ขอเพิ่มชื่อ หลักฐานประกอบการแจ้ง 1) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ของบ้านที่จะขอเพิ่มชื่อ 2) บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้องขอ (ถ้ามี) 3) เอกสารที่ราชการออกให้(ถ้ามี) เช่น หลักฐานการศึกษา หลักฐานทาง ทหาร เป็นต้น 4) พยานบุคคลที่น่าเชื่อถือซึ่งสามารถรับรองและยืนยันตัวบุคคลได้


59 ขั้นตอนการดำเนินการ ผู้ยื่นคำร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียน ขั้นตอนดำเนินการขั้นตอน นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาแสดง ดำเนินการ สอบสวนผู้ร้องและเจ้าบ้าน ให้ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและรายการบุคคลของ ผู้ขอเพิ่มชื่อและความยินยอมให้เพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (กรณีสอบสวนเจ้าบ้าน) รวบรวมหลักฐานพร้อมความเห็นเสนอนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตพิจารณา (กรณีผู้ขอเพิ่มชื่อมีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป) กรณีนายอำเภอหรือนายทะเบียนอำเภอหรือ นายทะเบียนท้องถิ่นอนุญาตตามคำร้อง ขั้นตอนดำเนินการขั้นตอน ดำเนินการ กรณีนายอำเภอหรือนายทะเบียนอำเภอหรือ นายทะเบียนท้องถิ่นไม่อนุญาตตามคำร้อง ขั้นตอนดำเนินการขั้นตอน นายทะเบียนเพิ่มชื่อบุคคลดังกล่าวใน ดำเนินการ ทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) กำหนดให้เลข ประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลประเภท 5 สอบถามผู้ร้องว่าประสงค์จะให้นายทะเบียน จัดทำทะเบียนประวัติให้เป็นหลักฐานก่อนหรือไม่ ประสงค์ ไม่ประสงค์ นายทะเบียนจัดทำ ทะเบียนประวัติ (ท.ร.38 ก) กำหนด เลขประจำตัว ประชาชนเป็น บุคคลประเภท 0 นายทะเบียนแจ้งคำสั่ง ดังกล่าวเป็นหนังสือให้ผู้ ร้องทราบ ภายใน 3 วันนับ แต่วันที่มีคำสั่งเพื่อให้ โต้แย้งหรืออุทธรณ์คำสั่ง ภายใน 15 วัน มอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน พร้อมหลักฐานประกอบการแจ้งคืน ให้แก่ผู้ร้อง พร้อมแนะนำให้ยื่นคำขอมี บัตรประจำตัวประชาชน กรณีผู้ขอเพิ่ม ชื่อมีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์


60 การกำหนดเลขทะเบียนให้นักเรียนที่ไม่มีหลักฐาน 4.3 เด็กนักเรียนรหัส G นักเรียนกลุ่ม G คือหนึ่งในกลุ่มคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ เป็นบุคคลที่ไม่สถานะทาง ทะเบียน : ไม่อาจพิสูจน์สถานการณ์เกิด / สัญชาติของตน ตามพระราชบัญญัติ การทะเบียนราษฎร มาตรา 38 วรรคสอง คนกลุ่มนี้จะได้รับการทำทะเบียนประวัติ และจะได้รับเลขประจำตัว 13 หลัก นำหน้าด้วยเลข 0-XXXX-00XXX-XX-X (บุคคล ประเภทศูนย์ทั่วไป) ให้เป็นคนไม่ไร้รัฐ แต่ยังไร้สัญชาติอยู่ ขั้นตอนที่ 1 1. สอบถามว่าเด็กมีหลักฐาน อะไรบ้าง เพื่อประกอบการลงทะเบียน หากไม่มี โรงเรียนจะต้องบันทึก ประวัติที่มีเบื้องต้นคร่าว ๆ 2. โรงเรียนเข้าระบบขอเลข ประจำตัว 13 หลัก โดยเข้าระบบ G - Code แล้ว จึงนำไปบัน ทึ ก ประวัติลงในฐานข้อมูลกลาง DMC ให้กับศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารกระทรวงศึกษาธิการ


61 การกำหนดเลขทะเบียนให้นักเรียนที่ไม่มีหลักฐาน (ต่อ) 3. ในวันที่ 10 มิถุนายนของทุกปีการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจะประมวลผล เพื่อเตรียมส่งให้กรมการปกครองแยกทะเบียน 4. ศูนย์บริหารการทะเบียนภาคสาขาจังหวัดของสถานศึกษาให้จัดพิมพ์รายชื่อ G ของ แต่ละอำเภอ / เขต บัญชีที่1 (พบรายการที่เคยลงประวัติ ไว้ในทะเบียนราษฎร) บัญชีที่2 (ไม่พบรายการ) G


62 การกำหนดเลขทะเบียนให้นักเรียนที่ไม่มีหลักฐาน (ต่อ) ขั้นตอนที่ 2 5. สำนักทะเบียนอำเภอ 6. โรงเรียนให้นักเรียน 7. ส่งต่อให้สำนัก แจกจ่ายบัญชีรายชื่อ เตรียมเอกสาร เช่น สูติบัตร ทะเบียนอำเภอ ให้กับโรงเรียน ที่อยู่ปัจจุบัน + ท.ร. 31 เพื่อจัดทำ (แบบยื่นคำร้องขอจัดทำ ทะเบียนประวัติ ทะเบียนประวัติ) บุคคลประเภท 0 กลุ่ม 00 ขั้นตอนที่ 3 0 00 CODE G หลัก 8. ให้นักเรียนที่ได้รับ เลข 13 หลักแล้ว กรอกแบบ 89 10. สำนักทะเบียนอำเภอ ตรวจสอบข้อมูลก่อนจัดทำ บัตรประจำตัว โดยจะต้อง ไม่มีคุณสมบัติ ดังนี้ - อยู่นอกเขตอำเภอที่ รับผิดชอบ - มีเลข 13 หลักอยู่ก่อนแล้ว - มีทะเบียนราษฎรของ ประเทศอื่น 9. แจ้งกลับให้โรงเรียน ทราบ เพื่อแก้ไข รายชื่อนักเรียนที่มีเลข ในระบบ DMC เป็น เลข G ในระบบ DMC เป็นเลข 13 หลักแทน


63 เอกสารการทะเบียนราษฎรที่สามารถขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ ได้ 4.4 การแก้ไขรายการทางทะเบียน เอกสารทะเบียนราษฎรทุกประเภท ถ้ามีการบันทึกหรือลงรายการใด ๆ ไว้ ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามความเป็นจริง โดยความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดจากการกระทำ ทุจริต แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ โดยเจตนาปกปิดหรือปิดบังข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ อย่างไม่ถูกต้อง นายทะเบียนสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงในเอกสารดังกล่าวให้ถูกต้อง ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้ไขเอกสารการทะเบียนราษฎรบางประเภทมีข้อจำกัด ว่าไม่อาจนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเดิมภายหลังการ จัดทำเอกสารดังกล่าวมาเป็นหลักฐานในการแก้ไขได้ เช่น การแก้ไขรายการชื่อบิดา มารดา หรือชื่อเด็กในสูติบัตร อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนชื่อ หรือแก้ไขรายการ สัญชาติของมารดาในสูติบัตรของบุตร เนื่องจากได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทย ภายหลังบุตรเกิด เป็นต้น เอกสารทางทะเบียน ประกอบไปด้วย ทะเบียนบ้าน, ทะเบียนบ้านกลาง, สูติบัตร, มรณบัตร, ทะเบียนคนเกิด, ทะเบียนคนตาย, ทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มี สัญชาติไทยและเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่น 1) ทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนบ้านกลาง ทะเบียนประวัติ 2) สูติบัตร และทะเบียนคนเกิด 3) มรณบัตร และทะเบียนคนตาย 4) ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ 5) อื่น ๆ เช่น รายการบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่สัญชาติไทย


64 ผู้ยื่นคำร้อง 1) กรณีขอแก้ไขรายการในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติ และขอแก้ไข รายการในสูติบัตร หรือทะเบียนคนเกิด ผู้ยื่นคำร้อง ได้แก่ เจ้าบ้านหรือเจ้าของรายการที่ขอแก้ไข หรือบิดามารดา (กรณีเจ้าของรายการที่ขอแก้ไขยังไม่บรรลุนิติภาวะ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย จากบุคคลดังกล่าว 2) กรณีขอแก้ไขรายการในมรณบัตร หรือทะเบียนคนตาย ผู้ยื่นคำร้อง ได้แก่ บิดา มารดา ญาติพี่น้อง หรือผู้ที่มีนิติสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิต สถานที่ยื่นคำร้อง 1) กรณีขอแก้ไขรายการในสูติบัตร มรณบัตร ทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนบ้านกลาง และทะเบียนประวัติ สถานที่ยื่นคำร้อง ได้แก่ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น แห่งท้องที่ที่ผู้ร้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนและทะเบียนประวัติ 2) กรณีขอแก้ไขรายการในทะเบียนคนเกิด ทะเบียนคนตาย และใบแจ้งการย้าย ที่อยู่ สถานที่ยื่นคำร้อง ได้แก่ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น แห่งท้องที่ที่จัดทำทะเบียนคนเกิด ทะเบียนคนตาย หรือใบแจ้งการย้ายที่อยู่ หลักฐานประกอบการพิจารณา 1) บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวอื่นที่ราชการออกให้ซึ่งมีรูปถ่าย และเลขประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำร้อง 2) เอกสารการทะเบียนราษฎรที่ประสงค์จะให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ 3) เอกสารราชการที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายการที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง ไม่ว่า เอกสารดังกล่าวจะจัดทำก่อนหรือหลังเอกสารการทะเบียนราษฎรที่ขอแก้ไข


65 เปลี่ยนแปลงก็ได้ เช่น ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ ใบสำคัญการจดทะเบียน ชื่อสกุล ทะเบียนบ้านฉบับก่อนการให้เลขประจำตัวประชาชน หนังสือสำคัญ การแปลงสัญชาติ ผลการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ เป็นต้น 4) หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัว อื่นที่ราชการออกให้ ซึ่งมีรูปถ่ายและเลขประจำตัวประชาชนที่ลงชื่อรับรอง สำเนาถูกต้องของผู้มอบอำนาจ ในกรณีเจ้าของรายการมอบอำนาจให้ผู้อื่น ดำเนินการแทน 5) หลักฐานการเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ในกรณี เจ้าของรายการที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นผู้เยาว์และผู้ยื่นคำร้องไม่ใช่บิดา หรือมารดาของผู้นั้น 6) คำสั่งศาลแต่งตั้งผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาล ในกรณีเจ้าของรายการที่ขอแก้ไข เปลี่ยนแปลงเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ แล้วแต่กรณี กรณีผู้ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการไม่มีเอกสารราชการ ให้นายทะเบียนเรียกสอบพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เรื่องที่ขอให้นายทะเบียนดำเนินการตามความเหมาะสม


66 ขั้นตอนการดำเนินการ ➢ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในเอกสารการทะเบียนราษฎรให้ใช้วิธีขีดฆ่า คำหรือข้อความเดิม แล้วเขียนคำหรือข้อความที่ถูกต้องแทนด้วยหมึกสีแดง และให้นายทะเบียนลงลายมือชื่อและวันเดือนปีกำกับไว้โดยห้ามมิให้ใช้วิธี ลบ ขูด หรือทำ ด้วยประการใดให้ข้อความลบเลือนไป ➢ กรณีแก้ไขรายการในสูติบัตรและมรณบัตร หากสูติบัตรหรือมรณบัตรที่ขอ แก้ไขออกให้โดยสำนักทะเบียนอื่น ให้ทำหนังสือแจ้งสำนักทะเบียนนั้น เพื่อ แก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนคนเกิด หรือทะเบียนคนตายให้ถูกต้องตรงกันด้วย นายทะเบียนเรียกและ ตรวจหลักฐานของผู้แจ้ง กรณีไม่มีหลักฐานเอกสารที่ทางราชการ ออกให้แสดง ให้สอบสวนเจ้าบ้าน และพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ นายทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการที่ไม่ถูกต้องในเอกสารการทะเบียนราษฎร และฐานข้อมูลตามความประสงค์ของผู้แจ้ง โดยใช้ท.ร.97 ก นายทะเบียนมอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องคืนให้ผู้แจ้ง และไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียน


67 ➢ กรณีแก้ไขรายการในใบแจ้งย้ายที่อยู่ ถ้าเป็นรายการวันเดือนปีเกิดหรือ สัญชาติห้ามแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในเอกสารดังกล่าว แต่ให้ใช้วิธียกเลิก เอกสารเดิมแล้วออกเอกสารให้ใหม่ ➢ กรณีนายทะเบียนพบว่ามีบุคคลในทะเบียนบ้านที่มีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ให้แก้ไขรายการคำนำหน้าชื่อบุคคลนั้นในทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน จาก เด็กชายหรือเด็กหญิง เป็นนายหรือนางสาว แล้วแต่กรณีโดยไม่ต้องให้ ผู้เกี่ยวข้องยื่นคำร้อง ผู้มีอำนาจอนุมัติกรณีแก้ไขรายการสัญชาติ 1. นายอำเภอ: กรณีแก้ไขรายการของเจ้าของประวัติจากสัญชาติ อื่น หรือไม่มีสัญชาติเป็นสัญชาติไทย 2. นายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น: กรณีแก้ไขรายการของบิดา มารดาของเจ้าของประวัติจาก สัญชาติอื่นหรือไม่มีสัญชาติเป็นสัญชาติไทย เนื่องจากคัดลอกรายการ ผิดพลาด หรือบิดา มารดาได้สัญชาติไทยหรือได้แปลงสัญชาติเป็นไทย กรณีแก้ไขรายการสัญชาติจากสัญชาติไทย หรือจากไม่มี สัญชาติหรือจากสัญชาติอื่นเป็นสัญชาติอื่น เนื่องจากการคัดลอก รายการผิดพลาด หรือลงรายการผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือการเสีย สัญชาติไทย


68 เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติเข้าสู่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 1. เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ 2. ศาลสั่งควบคุมตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 3. รับตัวเด็กและเยาวชน 4. สืบเสาะและพินิจ (หากสืบเสาะแล้วพบว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ให้ส่งกระทรวง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) 5. จัดทำแผนแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู 6. ศาลพิพากษา เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ เข้าเมืองถูกกฎหมาย เข้าเมืองผิดกฎหมาย กระทำผิดคดีอาญา กระทำผิด พ.ร.บ. คนเข้าเมือง สถานพินิจและคุ้มครอง เด็กและเยาวชน สำนักงานตรวจ คนเข้าเมือง กระทำผิดคดีอาญา สถานพินิจและคุ้มครอง เด็กและเยาวชน 5 การพัฒนาสถานะทางทะเบียนของ เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ


69 7. ปล่อยตัว/ฝึกอบรม 1. กระบวนการรับตัว จัดหาล่ามที่ขึ้นทะเบียน, อธิบายขั้นตอนรับตัวให้เด็ก และเยาวชนเข้าใจ, ตรวจมวลกระดูกเด็กและเยาวชนทุกรายที่ไม่มีหลักฐานทาง ทะเบียนอายุ 2. กระบวนการสืบเสาะและพินิจและรายงานจัดทำรายงานข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ให้ประสานไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ และรายงานศาลตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551, แจ้งสถานกงสุลหรือผู้ปกครองเพื่อทราบ เว้นแต่เด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ให้แจ้งกับองค์กรเครือข่ายที่สามารถดูแลเด็กกลุ่มนี้ได้ 3. กระบวนการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู ให้เป็นไปตามแนวทางที่กรมกำหนด โดย คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เพศ สภาพจิตใจ ร่างกาย วัย ความถนัด และ ความสนใจ 4. การปฏิบัติหลังคำพิพากษา / ศาลสั่ง 5. กรณีปล่อยตัวแบบไม่มีเงื่อนไข แจ้งกงสุล / ผู้ปกครอง กรณีไม่มีผู้ปกครอง / ที่อยู่อาศัยที่แน่นอน ให้ประสานเครือข่ายที่รองรับเพื่อดำเนินการลบประวัติ 6. กรณีปล่อยตัวเพื่อผลักดันออกนอกประเทศแจ้งสถานกงสุล / ผู้ปกครอง ติดต่อตำรวจเจ้าของคดี เพื่อดำเนินตามแนวทางที่กำหนดโดยสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ เพื่อประสานส่งต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ดำเนินการลบประวัติ อาชญากร 5.1 แนวทางการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ ตามกระบวนการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อยู่ใน ระหว่างการควบคุมตัว


70 5.1 แนวทางการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ ตามกระบวนการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อยู่ใน ระหว่างการควบคุมตัว 7. กรณีให้เข้ารับการฝึกอบรมในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน ให้แจ้งสถาน กงสุล / ผู้ปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีข้อบัญญัติถึงการใช้ อำนาจขององค์กร ภาครัฐที่ต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของบุคคล โดยไม่มีการ เลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งให้รัฐพึงช่วยเหลือเด็กให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ คุ้มครองป้องกันมิให้เด็กถูกกระทำด้วยความรุนแรงหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งให้มีการจัดสรรงบประมาณบนพื้นฐานของความจำเป็นและความต้องการที่ แตกต่างกันของเพศ วัย และสภาพของเด็กเพื่อความเป็นธรรม การปฏิบัติต่อเด็กไร้สัญชาติมีความแตกต่างกันทางประชากรศาสตร์ของกรม พินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องคำนึงถึงประเด็น ความเหมาะสมด้านมนุษยธรรมเป็นสำคัญ โดยสามารถจำแนกการปฏิบัติเพื่ออำนวย ประโยชน์สูงสุดแก่เด็กไร้สัญชาติที่มีความแตกต่างกันในมิติต่าง ๆ ดังนี้ วิธีปฏิบัติต่อเด็กไร้สัญชาติที่มีความแตกต่างกันทาง ประชากรศาสตร์


71 1) ความแตกต่างทางเพศ ความแตกต่างทางเพศเป็นประเด็นสำคัญที่หน่วยงานด้านการคุ้มครองเด็กพึง คำนึงถึงเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีความอ่อนไหวและมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ระหว่างเพศหญิงและเพศชาย เริ่มตั้งแต่ลักษณะทางกายภาพ บุคลิกภาพ ภาวะทาง อารมณ์ และการแสดงออกทางพฤติกรรม เป็นต้น กระบวนการปฏิบัติจึงต้องเริ่ม ตั้งแต่การคัดกรองและจัดทำประวัติ การสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ ของใช้ส่วนตัว การแยกเรือนนอน การให้ความรู้ด้านการดูแลความสะอาดด้าน สุขภาวะ การสนับสนุนของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เป็นต้น 2) ความแตกต่างของช่วงวัย เด็กที่กำลังเจริญเติบโตตามพัฒนาการของช่วงวัยย่อมมีรายละเอียดและ ความซับซ้อนของการให้การดูแล เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย ฮอร์โมน สภาวะทางอารมณ์ และการปรับตัว เข้ากับสถานที่หรือกลุ่มเพื่อน การคุ้มครองดูแลจึงต้องพิจารณาความเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอื่น ๆ ที่อาจ ตามมา เช่น การทะเลาะวิวาท การกลั่นแกล้ง การมีพฤติกรรมในเชิงชู้สาว เป็นต้น 3) ความแตกต่างกันด้านความเชื่อและศาสนา ความเชื่อและศาสนาเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่แต่ละหน่วยงานต้องมี แผนการบริหารจัดการอย่างรัดกุม เพื่อให้สามารถให้การดูแลที่เหมาะสมและไม่เกิด ประเด็นความขัดแย้งขึ้นในระหว่างการควบคุมตัว โดยเฉพาะในเรื่องของการ รับประทานอาหาร การทำกิจวัตรประจำวัน หรือแม้กระทั่งการมีสถานที่สำหรับการ ทำกิจกรรมทางศาสนา ซึ่งกระบวนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมี การให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องของการจัดการเรื่องเมนูอาหาร โดยแนวปฏิบัติ ของหลายหน่วยงานต้องเลือกเมนูอาหารที่สามารถรับประทานได้ทุกศาสนา แต่ยังให้ ความสำคัญกับหลักโภชนาการที่ต้องได้รับอย่างครบถ้วนด้วยเสมอ เช่น การไม่ปรุง


72 อาหารที่ใช้วัตถุดิบเป็นเนื้อหมูแต่ใช้เนื้อปลาหรือเนื้อไก่ทดแทน การไม่ใช้เครื่องปรุง รสที่มีส่วนผสมของเนื้อหมูแต่ใช้เครื่องปรุงรสที่มีส่วนประกอบของวัตถุดิบจาก ธรรมชาติ เป็นต้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถดำเนินชีวิตได้โดยปกติและไม่ขัดกับ หลักคำสอนทางศาสนา ประเด็นเรื่องการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่อาจ มองข้ามได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ต้องปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจต้องมีการผ่อนปรนมาตรการในภาพรวมของควบคุมดูแลของสถานพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชนให้เกิดความเหมาะสม เช่น กรณีตัวอย่างเกี่ยวกับกับถือศีล อดในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นกิจกรรมศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่เป็นที่คุ้นเคยของ คนต่างศาสนาเป็นอย่างดี โดยจะต้องไม่รับประทานอาหารและเครื่องดื่มใด ๆ ตั้งแต่ พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อเป็นการฝึกความอดทนและให้เห็นใจผู้ที่ ยากจนและขาดโอกาสในสังคม ในขณะที่หลักปฏิบัติร่วมกันของเด็กและเยาวชนที่อยู่ ในการดูแลของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนโดยทั่วไปจะมีการ กำหนดเวลาการรับประทานอาหารที่ชัดเจน ดังนั้น ในช่วงเทศกาลทางศาสนา ดังกล่าว สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนควรมีการกำหนดมาตรการ ดำเนินการในกรณีพิเศษตรงนี้ไว้ด้วย


73 วิธีปฏิบัติต่อเด็กไร้สัญชาติที่มีความ แตกต่างกัน ความแตกต่างทางเพศ หญิง ชาย LGBTQ+ - ลักษณะกายภาพ - บุคลิกภาพ -ภาวะทางอารมณ์ - พฤติกรรม คัดกรองและจัดทำประวัติ สิ่งอำนวยความสะดวก และของใช้ส่วนตัว การส่งตัวเข้าสู่สถาน รองรับหรือสถานคุ้มครอง ความแตกต่าง ของช่วงวัย พัฒนาการด้านร่างกาย ฮอร์โมน สภาวะทางอารมณ์ การปรับตัวเข้ากับ สถานที่หรือกลุ่มเพื่อน ความแตกต่างด้าน ความเชื่อและ ศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม อื่น ๆ การจัดเมนูอาหาร กิจกรรมทางศาสนา


74 การจัดทำทะเบียนประวัติตามมาตรา 38 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการ ทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 ซึ่งกำหนดให้นาย ทะเบียนจัดทำทะเบียนสำหรับคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือคนต่างด้าวที่ไม่อาจมีชื่อใน ทะเบียนบ้าน (ท.ร.13 และ ท.ร.1) โดยบุคคลกลุ่มนี้ ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาอาศัย อยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองซึ่งเป็นคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ(Stateless person) ไม่มีหลักฐานของประเทศใด ๆ ที่รับรองว่าเป็นคนใน ปกครองของประเทศนั้น แต่มีภูมิลำเนาหรือมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งอยู่ในประเทศ ไทย ซึ่งรวมถึงชนกลุ่มน้อยที่ตกหล่นจากการสำรวจจัดทำทะเบียนตามยุทธศาสตร์ การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีด้วย โดยการปฏิบัติ เรื่องนี้กำหนดให้นายทะเบียนเรียกตรวจเอกสารราชการ (ถ้ามี) เช่น สูติบัตรของบุตร ที่เกิดในประเทศไทย หลักฐานการเรียน เป็นต้น และสอบพยานบุคคลเพื่อรับรอง คุณสมบัติดังกล่าว เช่น บุคคลในครอบครัวหรือในชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้านหรือผู้นำ ชุมชน เป็นต้น ถ้าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติก็ให้นายทะเบียนจัดทำทะเบียนประวัติตามแบบ ท.ร.38 ก เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนหรือบุคคลประเภท 0 – 00 ให้ โดยฐานะของบุคคลกลุ่มนี้จะเป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยโดย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจัดทำทะเบียนประวัติจึงมิใช่เป็นการรับรองเรื่องสิทธิอาศัย ในประเทศไทยแต่อย่างใด เว้นแต่จะมีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เป็น อย่างอื่น การขอจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มี สถานะทางทะเบียน


75 การขอจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน มาตรา 38 วรรค 2 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม ฉ.2 พ.ศ.2551 คนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ (ไม่มีเอกสารพิสูจน์ตน) ยื่นคำขอจัดทำทะเบียนประวัติฯ ตาม ม.38 ว.2 สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่จริง นายทะเบียนอำเภอ/ท้องถิ่น ตรวจสอบคุณสมบัติ (ระยะเวลาดำเนินการ 60-90 วัน) คุณสมบัติ 1. เป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 2. มีพื้นที่อยู่จริงในพื้นที่ของสำนักทะเบียนฯ 3. ไม่มีเอกสารทะเบียนราษฎรและ เลขประจำตัว 13 หลัก 4. ไม่มีเอกสารราชการแสดงว่ามีสัญชาติของ รัฐอื่น นายทะเบียนตรวจสอบ 1. เรียกตรวจพยานหลักฐานทางเอกสาร 2. ตรวจสอบรายการบุคคลทางทะเบียนราษฎร 3. สอบปากคำพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ 4. ตรวจสอบการมีภูมิลำเนาในประเทศไทย เข่น การตั้งบ้านเรือน หรือการประกอบ อาชีพ เป็นต้น ออกคำสั่ง อนุมัติ ไม่อนุมัติ จัดทำทะเบียนประวัติตามแบบ ท.ร.38 ก และออกบัตร ประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนกลุ่ม 0-00 แจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ร้องเพื่อให้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อไป


76 ส่วนงานสังคมสงเคราะห์จะมีการทำแผนเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ร่วมกับเด็ก ภายใน 30 วัน หลังจากรับตัวเด็กและเยาวชนเข้ามาอยู่ในสถานพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยจะมีการมอบหมายใบงานกิจกรรมเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อย 60 วัน ซึ่งเด็กและเยาวชนที่ได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย จะต้องผ่านโปรแกรมการอบรมหลายขั้นตอน ทั้งเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ และการปรับตัวเข้าหาชุมชน / สังคม เริ่มตั้งแต่การอบรมจริยธรรม การฝึกทักษะชีวิต การแนะแนวการศึกษาต่อ หรือการแนะแนวอาชีพ ภายใต้การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ที่กำหนดไว้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้การปรับตัว และปรับทัศนคติในการอยู่ร่วมกับ สังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ กิจกรรมการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยกำหนดให้ จัดขึ้นพร้อมกับการจัดทำรายงานของเจ้าหน้าที่เพื่อส่งให้ศาลพิจารณา สำหรับเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด จะมีการแยกกลุ่มตามการประเมิน ระดับความเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงน้อย กลุ่มเสี่ยงปานกลาง และกลุ่มเสี่ยงมาก สำหรับ เด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงมากที่จะกระทำความผิดซ้ำ จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม ประเมินผล และให้คำปรึกษา นอกจากนี้ แนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ยังมีการวางแผนร่วมกับเด็กและเยาวชน ประกอบกับผลการประเมินความเสี่ยง ทางด้านกาย จิต สังคม สภาพสิ่งแวดล้อมของชุมชน ครอบครัว ซึ่งหากเด็กและ เยาวชนมีสภาพปัญหาที่มีความซับซ้อน เจ้าหน้าที่จะมีการประสานทีมสหวิชาชีพที่ เกี่ยวข้องในการประชุมร่วมกันเพื่อปรึกษาหารือและร่วมจัดทำแผน (อาจมีการส่งต่อ ทีมสหวิชาชีพแล้วแต่กรณี) ซึ่งขั้นตอนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยในกรณีของ 5.2 แนวทางการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติ ตามกระบวนการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อยู่ในช่วง เตรียมความพร้อมก่อนปล่อย


77 เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติควรมีการทบทวนแผนอนาคตกับเด็กและเยาวชนซ้ำอีก ครั้ง ประกอบกับการติดตามผลการดำเนินการด้านคดีพร้อมกับแนวทางการดำเนิน ชีวิตของเด็กหลังปล่อย โดยอาจแบ่งออกเป็น 2 กรณีใหญ่ ๆ ได้แก่ กรณีที่ 1 เด็กและเยาวชนที่จะต้องส่งกลับประเทศต้นทางตามกฎหมาย การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของเด็กและเยาวชนในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ใน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะต้องตรวจสอบการดำเนินการส่งกลับ ประเทศต้นทางของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบภาระงานในส่วนนี้ว่าเป็นไปโดยชอบด้วย กฎหมายหรือไม่ เด็กและเยาวชนเดินทางกลับประเทศต้นทางด้วยวิธีการใด เพื่อที่จะ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัด (พมจ.) เป็นต้น ในการติดต่อประสานงานในการให้ความช่วยเหลือต่อไป เนื่องจากเด็กและเยาวชนทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองตามอนุสัญญาว่าด้วย สิทธิเด็ก กรณีที่ 2 เด็กและเยาวชนที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยแต่ไม่มีสัญชาติไทย การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของเด็กและเยาวชนในกรณีนี้ ควรมีการ ประชุมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อร่วมกันวางแผนและหาแนวทางในการช่วยเหลือให้ เด็กและเยาวชนสามารถพัฒนาสถานะบุคคลภายใต้กฎหมายของประเทศไทยได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ผ่านการประสานหน่วยงานด้านการคุ้มครองคนไร้ สัญชาติในการส่งต่อ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตรงภายหลังจากได้รับการปล่อยตัวแล้ว หรืออาจจัดกิจกรรมและชั่วโมงการให้ ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและการได้รับสัญชาติแก่เด็กและเยาวชนที่ไร้สัญชาติก่อนได้รับ การปล่อยตัว เพื่อให้เด็กตระหนักรู้ถึงสิทธิของตนเอง อันจะนำไปสู่การได้รับ สวัสดิการสังคมที่เสมอภาคเท่าเทียมกับผู้อื่น


78 1. มูลนิธิศูนย์ชีวิตใหม่ (New Life Center Foundation) ร่วมสนับสนุนงานด้านสถานะบุคคลกับมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคลในพื้นที่ ภาคเหนือตอนบน บริการด้านที่พักพิง การศึกษา การฝึกอาชีพ ทักษะชีวิต และ กิจกรรมบำบัดต่าง ๆ ช่วยเหลือสตรีที่เป็นผู้เสียหายจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว และการค้ามนุษย์ไปมากกว่า 600 คน และช่วยเหลือสตรี อื่น ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของ รัฐบาลไทย โดยช่วยเหลือนักสังคมสงเคราะห์ในการคัดแยกผู้เสียหาย เป็นล่าม แปลภาษา และช่วยในการติดตามหาครอบครัว ช่องทางการติดต่อ มูลนิธิศูนย์ชีวิตใหม่ ตู้ ปณ.29 เชียงใหม่ 50000 ประเทศไทย เว็ปไซต์www.newlifecenterfoundation.org เบอร์โทร 053-351-312 แฟกซ์053-380-871 FB Page New Life Center Foundation - Thailand 6 หน่วยงานด้านการคุ้มครองคนไร้สัญชาติ (ภาคเหนือ)


79 2. องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จังหวัดเชียงราย เน้นการทำงานในโครงการด้านการปกป้องคุ้มครอง ซึ่งรวมถึงโครงการการ จดทะเบียนการเกิดและสถานะบุคคล รวมถึงการให้ความสำคัญกับเด็กเยาวชนใน ด้านต่าง ๆ เช่น การให้ความรู้ความเข้าใจ ทักษะการเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดภัย พิบัติในพื้นที่ภาคเหนือ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการทำงานกับเด็กนักเรียนไร้รัฐไร้สัญชาติ ในสถานศึกษา และกลุ่มชาติพันธุ์หรือชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย 3. มูลนิธิพัฒนานานาเผ่าไร้พรมแดน รงณรงค์เรื่องการแจ้งเกิด การให้ความรู้ในชุมชนในเรื่องสถานะบุคคล ส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิของตนเอง และการสนับสนุนการตรวจ DNA เพื่อ พิสูจน์หลักฐานในการประกอบการแจ้งเกิดในทะเบียน ช่องทางการติดต่อ 40/4 ม.4 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย 57100 เว็ปไซต์ww.planinternational.org FB Page Plan International Thailand องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เบอร์โทร 080 - 127 - 4270 ช่องทางการติดต่อ 165/1 ม. 5 ต.เวียง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 50110 เว็ปไซต์https://epdf.or.th/about/ Email [email protected] หรือ [email protected] เบอร์โทร 091 - 058 - 3992 หรือ 080 - 130 - 6313 FB Page มูลนิธิพัฒนานานาเผ่าไร้พรมแดน


80 4. เครือข่ายอาสาชุมชนเพื่อคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ในแต่ละอำเภอ เป็นเครือข่ายที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบที่มี ปัญหาสถานะบุคคล มีการเก็บข้อมูล และเป็นตัวกลางประสานงานกับอำเภอ และ งานให้ความรู้กับชาวบ้านในประเด็นสถานะบุคคล ช่องทางการติดต่อ 1. อำเภอปางมะผ้า: ศูนย์อำนวยกลางหมู่บ้าน บ.ไร่ ม.3 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 58150 เบอร์โทร 083 - 088 – 7434 2. อำเภอปาย: 334 ม.8 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน 58130 เบอร์โทร 098 - 141 - 0284 Email: [email protected] 3. อำเภอแม่แตง: 131/2 ม.3 ต.สันมหาพล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50150 เบอร์โทร 091 - 856 – 1115 4. อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน: 46 ม.3 ต.หมอกจาแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 58000 เบอร์โทร 086 - 919 - 0211 Email: [email protected]


81 นายแสงชัย ปันนากุล หรือตี๋เกิดในจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยโดยไม่ได้แจ้งเกิด ตี๋จำได้ว่าพอ ตัวเองจำความได้ รู้ว่าตัวเองอยู่วัดท่าซิกิ จังหวัดเพชรบุรีโดยเกิดมาไม่ปรากฏบิดา และมารดา ไม่ทราบว่าบิดา มารดาเป็นใคร มีเพียงหลวงตาที่ชรามากแล้วเก็บมาเลี้ยง ไม่นานท่านก็จากไป เรามักเรียกคนที่ไม่รู้หรือไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าตนเกิดที่ไหน หรือบิดามารดาเป็นใครว่าเป็น "คนไร้ รากเหง้า" ตี๋ก็เป็นคนไร้รากเหง้า เพราะไม่ทราบว่าตนเองเกิดที่ไหนเกิดเมื่อไหร่ บิดามารดาเป็นใคร เป็นที่น่า สังเกตว่าบุคคลในสถานการณ์เช่นตี๋นั้น มักมีอดีตเป็น "เด็กวัด" เด็กซึ่งบิดามารดานำมาฝากวัดเลี้ยง และหายไป ปล่อยให้เด็กเติบโตในวัด เด็กวัดจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีเอกสารรับรองตัวบุคคลโดยรัฐ จึงถูกกฎหมายว่าด้วยคนเข้า เมืองถือเป็น "คนผิดกฎหมาย" และอาจถูกส่งกลับออกไปจากประเทศไทย ในกรณีของ "คนไร้รากเหง้า" ย่อมไม่อาจทราบได้แน่นอนว่า ตนเกิดที่ไหนและมีใครเป็นบิดามารดา ดังนั้น โดยหลักกฎหมายสัญชาติ คนไร้รากเหง้าย่อมเป็นคนไร้สัญชาติทั้งโดยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย การแก้ไข ปัญหาความไร้สัญชาติจึงต้องทำโดยการให้สัญชาติเท่านั้น หรือหากยังไม่เห็นควรที่จะให้สัญชาติ การให้เอกสาร รับรองสถานะบุคคลและการให้สิทธิอาศัยชั่วคราว ก็น่าจะเป็นมาตรการที่เยียวยาผลกระทบด้านลบในขณะที่ยัง ไร้สัญชาติตี๋ซึ่งเป็นคนไร้รากเหง้า ได้รับการรับรองโดยยุทธศาสตร์เพื่อการจัดสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งเรียกกคนไร้รากเหง้าว่า "บุคคลที่ไม่อาจทราบแหล่งที่มา" กระบวนการแก้ไขปัญหาย่อมจะเริ่มต้นจากการแก้ไขปัญหาความเป็นบุคคลซึ่งไร้เอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ ออกโดยรัฐ ทั้งนี้ โดยกลไกของระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการสำรวจและจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่ มีสถานะทางทะเบียน พ.ศ. 2548 โดยผลของระเบียบนี้ตี๋ก็จะมีชื่อในทะเบียนราษฎรของรัฐไท ย ประเภท ท.ร.38 ก. ตี๋ก็จะมีเลขประจำตัวประชาชนของรัฐไทย และตี๋ก็จะถือบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะ ทางทะเบียนที่ออกโดยรัฐไทย กรณีศึกษา นายแสงชัย ปันนากุล: คนไร้รัฐไร้สัญชาติที่หนีภัยความตายเข้ามาอาศัยใน ประเทศไทย แต่ยังมิได้กลมกลืนกับรัฐไทยในภาคเหนือของประเทศไทย


82 เด็กหญิงสิริมา เกิดในประเทศไทยโดยไม่ได้แจ้งเกิด โดยมีมารดาเป็นชาว ไทยใหญ่ ไม่ปรากฏบิดา ต่อมามารดาเสียชีวิต เด็กหญิงสิริมาจึงได้ไปอาศัยอยู่กับ น้าสาว และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้เลขประจำตัว 13 หลักเป็นบุคคลประเภทเลข 00 มีหลักฐาน ท.ร.38/1 ต่อมาเมื่อมีการสำรวจบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนกลุ่มเด็กนักเรียน โดยครู ผู้สำรวจแจ้งว่าบุคคลที่ได้รับการสำรวจนี้ถ้าเรียนจบปริญญาตรีจะได้สัญชาติไทย เด็กหญิงสิริมาต้องการได้รับการสำรวจเพื่อจะมีโอกาสได้สัญชาติไทย ซึ่งจะดำเนินการ ได้หรือไม่ อย่างไร • ไปขึ้นทะเบียนเป็นเลข 00 แรงงาน แต่ไม่ใช่แรงงาน จะต้องทำอย่างไร • เด็กเกิดไทย แจ้งเกิดได้ไหม กรณีศึกษา เรื่อง: การจัดทำประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย


83 จากกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่าเด็กหญิงสิริมาไม่ใช่กลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา เนื่องจากมารดาเป็นไทยใหญ่ การจัดทำทะเบียนประวัติเป็นบุคคลประเภท 00 ของเด็กหญิงสิริมาจึงเป็น การดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแสดงพยานหลักฐานให้ นายทะเบียนเชื่อได้ว่าเด็กหญิงสิริมาไม่ใช่กลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าตามที่ได้รับการจัดทำทะเบียน ประวัติไว้ นายทะเบียนย่อมสามารถยกเลิกรายการและเพิกถอนทะเบียนประวัติของเด็กหญิงสิริมาได้ สำหรับการจัดทำทะเบียนราษฎรให้กับเด็กหญิงสิริมานั้น มีวิธีการดังนี้ 1. เด็กหญิงสิริมา สามารถขอรับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทาง ทะเบียนกลุ่มชนกลุ่มน้อยตกสำรวจ ถ้าเป็นผู้ที่เกิดก่อนการสำรวจชุมชน หรือบุคคลบนพื้นที่สูง ตามโครงการมิยาซาว่า เมื่อปี พ.ศ. 2542 หรือกลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังศึกษาเล่าเรียนใน สถานศึกษา 2. เด็กหญิงสิริมา เกิดในประเทศไทย จึงสามารถแจ้งการเกิดได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่า เด็กหญิงสิริมาทราบและสามารถนำสืบสถานที่เกิดได้หรือไม่ ว่าตนเกิดในสถานพยาบาลหรือ เกิดนอกสถานพยาบาล และที่ใด เพื่อจะได้หาตัวผู้มีอำนาจหน้าที่จะทำการแจ้งการเกิด ซึ่งได้แก่ เจ้าบ้านของบ้านหลังที่นางสาวสิริมาเกิด เนื่องจากมารดาเสียชีวิต ส่วนบิดาไม่ปรากฎ ว่าเป็นใคร ส่วนเด็กหญิงสิริมาจะได้สูติบัตรประเภทใด ได้เลขประจำตัว 13 หลักกลุ่มใด ย่อมขึ้นอยู่กับสถานะของมารดาว่าเป็นไทยใหญ่ที่เกิดในประเทศไทยหรือเกิดนอกประเทศ มีหลักฐานการทะเบียนราษฎรหรือไม่ ซึ่งหากปรากฏว่าไม่สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ สถานะของมารดาได้ การแจ้งเกิดของเด็กหญิงสิริมาจะได้สูติบัตร ท.ร.031 ได้เลขประจำตัว เป็นบุคคลประเภท 0 และได้รับการเพิ่มชื่อในทะเบียนประวัติ ท.ร.38 ก แนวการวินิจฉัย กรณีศึกษาเรื่อง: การจัดทำประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย


84 บรรณานุกรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และ UNHCR. (สิงหาคม 2560). หลักการ สำคัญ ว่าด้วยการมีสัญ ชาติและความไร้สัญ ช าติ. เข้าถึงได้จาก https://www.unhcr.or.th/sites/default/files/u11/%5BTH%5DUNH CR-DOPA%20Handbook.pdf กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. (2564). กระดานถาม - ตอบ. เข้าถึงได้จาก เว็ปไซต์ dopa.go.th: https://shorturl.asia/jhEJq กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน. (2559). สารพินิจ. วารสารกรมพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อเผยแพร่ข่าวสารในกระบวนการยุติธรรมเด็ก และเยาวชน. สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ.2566 กระทรวงมหาดไทย. (2560). การแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติ. เข้าถึงได้ จ า ก เว็ ป ไซ ต์ bora.dopa.go.th:https://www.bora.dopa.go.th/wpcontent/uploads/2022/01/mt03091_v5594.pdf กระทรวงมหาดไทย. (29 กันยายน 2560). การแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและ สั ญ ช า ติ . เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก https://www.bora.dopa.go.th/wpcontent/uploads/2022/01/mt03091_v5594.pdf กลุ่มงานหลักประกันสุขภาพ กลุ่มประกันสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข. (2555). คู่มือแนวทางปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรี วันที่ 23 มีนาคม 2553 การให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐาน ด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่ มีปัญหาสถานะและสิทธิ. เข้าถึงได้จาก เว็ปไซต์ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสกลนคร: https://shorturl.asia/snIqj


85 กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศการทะเบียน ส่วนบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีการ ทะเบียน. (ม.ป.ป.). การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในเอกสารการทะเบียน รา ษ ฎ ร. เข้ าถึ งได้ จ าก เว็ ป ไซ ต์ ส ำนั ก บ ริ ห าร ก าร ท ะ เบี ย น : https://shorturl.asia/qvj3W กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศการทะเบียน ส่วนบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีการ ทะเบียน. (ม.ป.ป.). การเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน. เ ข้ าถึ ง ไ ด้ จ า ก เ ว็ ป ไ ซ ต์ ส ำ นั ก บ ริ ห า ร ก า ร ท ะ เ บี ย น : https://www.bora.dopa.go.th/CallCenter1548/ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง. (ม.ป.ป.). ความหมายของเลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลัก. เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก เ ว็ ป ไ ซ ต์ science.police.go.th: http://www.science.police.go.th/scddWeb/main/menu-c01.php คณะนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 1. (2551). สถานการณ์คน ไร้รัฐคนไร้สัญชาติในภาคเหนือของประเทศไทย: คืออะไร? ควรจัดการ อย่างไร?. สืบค้นเมื่อ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF). (ม ก รา ค ม 2564). คู่ มื อ ก าร จ ด ท ะ เบี ย น ก าร เกิ ด แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร พั ฒ น าสิ ท ธิ ใน สั ญ ช า ติ ไ ท ย . เข้ า ถึ ง ได้ จ าก https://www.unicef.org/thailand/media/5941/file/Manual%20on %20Birth%20Registration%20and%20Procedures%20on%20Facili tating%20the%20Right%20to%20a%20Thai%20Nationality.pdf บริษัท นำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ จ๊อบส์ เวิร์คเกอร์ เซอร์วิส จำกัด. (2561). 10 สิ่งนายจ้างควรรู้ก่อนจ้างแรงงานต่างด้าว. เข้าถึงได้จาก เว็ปไซต์ jobsworkerservice.com: https://shorturl.asia/ToipK


86 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และองค์การยูนิเซฟแห่งประเทศไทย. (2564). รายชื่อ หน่วยงานด้านการคุ้มครองเด็กไร้สัญชาติ. เข้าถึงได้จาก เว็ปไซต์ Unicef Thailand for every child: https://shorturl.asia/Q7CO1 มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล(คสบ.). (ม.ป.ป.). ทำอย่างไรหนูจะได้มีสัญชาติ. ม.ป.ท. มูลนิธิพัฒนานานาเผ่าไร้พรมแดน. (ม.ป.ป.). เกี่ยวกับเรา. เข้าถึงได้จาก เว็ปไซต์ Ethnic Peoples Development Foundation (EPDF): https://epdf.or.th/about/ มูลนิธิศูนย์ชีวิตใหม่ (New Life Center Foundation). (ม.ป.ป.). เกี่ยวกับเรา. เข้าถึง ได้จาก เว็ปไซต์ https://newlifecenterfoundation.org/TH/about-us/ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์. (2565). การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม. เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก เ ว็ ป ไ ซ ต์ Royal Thai Embassy, Athens: https://shorturl.asia/lowbh สำนักงานเขตคลองสาน. (2558). การขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน. เข้าถึงได้จาก เว็ปไซต์ Khlong San District Office: https://shorturl.asia/c3JNX สิทธิพร ประวัติรุ่งเรือง. (ม.ป.ป.). สิทธิมนุษยชนทางด้านการศึกษาของเด็กไร้สัญชาติ. เข้าถึงได้จากhttps://shorturl.asia/05HZC อีจัน. (2565). อาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทย. เข้าถึงได้จาก https://www.ejan.co/general-news/3d5ixm6go9 UNICEF Thailand. (2020). สิทธิและแนวทางการพัฒนาสถานะบุคคลของเด็ก อพยพโยกย้ายถิ่นฐานในประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ.2566. UNICEF Thailand. (n.d.) สถานะบุคคลคลของนักเรียนที่มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย อักษร G. สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566


Click to View FlipBook Version