The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สื่อการสอน 1 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanja_103, 2021-11-08 07:36:51

สื่อการสอน 1 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

สื่อการสอน 1 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

- เป็นศาสนาทีเ่ กา่ แก่ที่สดุ ในโลก
- กาเนดิ ที่ชมพูทวปี แตไ่ มป่ รากฏศาสดา
- เดิมมีช่ือว่า “ สนาตนธรรม” ซ่ึงหมายความวา่ ศาสนาอนั เป็นนิรันดร์
- มสี ญั ลกั ษณ์ของศาสนา อ่านวา่ “ โอม ” ซ่งึ เกดิ จากการเอย่ พระนามเทพเจา้ ท้งั
3 พระองค์ “ อะ + อุ + มะ ”

ประวัตขิ องศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

แบ่งวิวฒั นาการออกเป็น 4 ช่วง คือ
1. ยุคอารยัน

ชาวอารยันทอ่ี พยพจากตอนกลางของทวีปเอเชยี มาที่ลุม่ แม่น้าสินธุ เชือ่ ว่าธรรมชาตมิ อี านาจ
ลกึ ลบั และเชอ่ื วา่ กลมุ่ ตนสูงสง่ กวา่ ชนพนื้ เมอื งเดิม (ชาวดราวิเดยี น) จงึ ตงั้ กฎห้ามชาวอารยัน
แตง่ งานกบั ชนพ้ืนเมืองเพอื่ ไม่ให้ปะปนทางเช้อื ชาติ ชนชั้นของชาวอารยนั มี 3 ชั้น และใหถ้ อื ว่าชน
พน้ื เมืองเดิมเปน็ ชนชนั้ ตา่ ท่ีสดุ ต่อมาหลกั การนไ้ี ด้พัฒนากลายเปน็ “ ระบบวรรณะ ”

ระบบวรรณะ

วรรณะ หน้าที่
พราหมณ์ ประกอบพิธีทางศาสนา ,สอนศาสนา
กษัตริย์ ปกครองประเทศ
แพศย์ ประกอบอาชพี ตา่ งๆ เช่น พ่อค้า, นกั ธุรกจิ , ชา่ งฝมี อื ,ชาวนา
ผใู้ ชแ้ รงงาน มหี นา้ ท่รี บั ใช้ 3 วรรณะ
ศทู ร ไม่นับเปน็ วรรณะ (อวรรณะ) มหี น้าที่ทางานช้ันตา่
จัณฑาล

ประวตั ิของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

2. ยุคพระเวท : พหุเทวนิยม
ยคุ นี้ชาวอารยันนับถอื เทพเจ้า จึงแตง่ คัมภีร์สันสกฤต บันทกึ บทสวดออ้ นวอนเทพเจ้าจัดเปน็

หมวดหมเู่ รียกว่า “ เวท” เทพเจา้ ท่ไี ดร้ ับการยกย่องมากที่สดุ คือ
- พระอินทร์ (เทพเจา้ แห่งสงคราม)
- พระวรณุ (เทพเจ้าแห่งการเกษตร)
- พระพฤหสั บดี (เทพเจ้าแห่งวิชาความรู้

ประวัติของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

3. ยุคพราหมณ์ : เอกเทวนิยม
วรรณะพราหมณ์รุ่งเรือง ถูกยกย่องว่าเปน็ ผู้ศักด์ิสิทธิ์ และเปน็ สอ่ื กลางของมนษุ ย์กบั พระเจ้า

พราหมณ์ยกย่องเทพเจ้าองคเ์ ดียวคอื “ พระตรมี รู ติ ” ซ่ึงเปน็ รา่ งอวตารของเทพทง้ั 3 องคร์ วมกัน
คือ พระพรหม, พระนารายณ์ (หรอื พระวษิ ณุ) และพระศิวะ (หรือพระอิศวร)
4. ยคุ ฮนิ ดู : พหุเทวนิยม

ศาสนาพราหมณไ์ ดพ้ ัฒนาเป็นฮินดูมีความเชือ่ เรื่องการหลุดพน้ “ โมกษะ ”

นิกายของศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู

นกิ าย เทพเจ้าทน่ี บั ถือ พระแมล่ กั ษมี
พรหม พระแมอ่ มุ า
ไวษณพ นับถือ “ พระพรหม ”
ไศวะ
ศกั ดิ นบั ถอื “พระนารายณ์ ” (หรือพระวิษณุ)

นบั ถือ “พระศิวะ ” (หรอื พระอิศวร) มสี ัญลกั ษณ์ คือ “ ศวิ ลึงค์ ”

นบั ถือพระชายาของเทพเจ้า ได้แก่
- พระแมส่ ุรัสวดี (ชายาพระพรหม) : ตวั แทนแห่งปญั ญาความรู้
- พระแมล่ กั ษมี (ชายาพระวิษณุ) : ตวั แทนแหง่ ความร่ารวย
- พระแมอ่ มุ า (ชายาพระอิศวร) : ตัวแทนแห่งอานาจ

พระแม่สุรสั วดี

คมั ภรี ์ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

1. คัมภรี ์ศรุติ หรอื คัมภีร์พระเวท
ได้ยินไดฟ้ งั มาจากพระเจา้ โดยตรงจงึ ไมม่ ีผู้แต่งเปน็ คัมภรี ์สาคญั ทสี่ ดุ ของศาสนา ถือเปน็

สจั นิรนั ดรป์ ระกอบด้วย
1.1 ฤคเวท : ใชส้ วดสรรเสริญอ้อนวอนเทพเจ้าเป็นคัมภีร์เก่าแก่ที่สดุ
1.2 ยชรุ เวท : ใช้สวดบวงสรวง, บูชายญั , ประกอบพธิ ีกรรมตา่ งๆ
1.3 สามเวท : เปน็ บทสวดมนต์รอ้ ยกรอง 1,549 บท ใช้สวดในพิธีกรรมถวายนา้ โสมแด่

พระอนิ ทร์ และเปน็ บทสวดขบั กล่อมเทพเจ้า
1.4 อาถรรพเวท : ใชส้ วดเก่ยี วกบั เวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ

คัมภรี ์ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

2. คัมภีร์สมฤติ : มนุษย์แต่งข้นึ เอง ไดแ้ ก่
2.1 คัมภรี ป์ รุ าณะ : รวบรวมความรู้ของชาวฮินดูโบราณด้านตา่ ง ๆ ไวม้ ากมาย เช่น

ความร้ทู างด้านศาสนาประวตั ิศาสตร์, หลักปรชั ญา, จักรวาลวิทยา เปน็ ต้น
2.2 คัมภีร์อปุ นษิ ัท : หลกั ปรชั ญาวา่ ด้วยวิญญาณสากล และหลักปฏิบตั สิ าหรับมนษุ ย์
2.3 คมั ภีรต์ นั ตระ : มาจากการสนทนาระหวา่ งพระศิวะกับพระแม่ทุรคา ว่าดว้ ยการ

สรา้ งสรรพส่ิง, ความพินาศของโลก, การเข้าถึงพระเจา้ และการบรรลอุ ิทธฤิ ทธิ์ 6

คัมภีร์ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

2.4 คัมภีรอ์ ิติหาสะ : ประกอบด้วยมหากาพย์ 2 เรือ่ ง คือ
- รามายณะ หรือ รามเกียรติ์ : การต่อสู้ระหว่างพระรามกับทศกณั ฑ์ เนอ้ื หาแฝงคุณธรรม

และปรชั ญา
- มหาภารตะ (มหากาพยย์ าวท่ีสุดในโลก) : การต่อสู้ระหว่างตระกลู เการพและปานฑพ

มีความเชือ่ วา่ สิ่งใดมิได้กลา่ วไวใ้ นมหาภารตะ ส่งิ นนั้ ไมม่ ีในโลก ในมหากาพยม์ หาภารตะมีเนอ้ื หา
เกีย่ วกบั คัมภรี ์สาคัญคือ “ คมั ภรี ภ์ ควทั คีตา ” เป็นปรชั ญาฮนิ ดูเกย่ี วกบั การหลุดพน้

2.5 คมั ภรี ์ธรรมศาสตร์ : ตาราอธิบายลักษณะกฎหมาย มีจดุ มุ่งหมายเพอ่ื ความเจริญของ
สงั คมฮนิ ดู ผูใ้ หก้ าเนดิ กฎหมาย คือ มนู ยาชญวัลกยะ และปราศระ

พธิ กี รรมศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู

1. กฎเกยี่ วกบั วรรณะ (ปจั จุบันไมค่ ่อยเครง่ ครัดแล้ว) เชน่
- การแต่งงานนอกวรรณะจะกระทามไิ ด้ หากแตง่ งานกัน ลูกทเ่ี กิดขึ้นจะไม่ได้รบั วรรณะ

เรยี กวา่ “ จณั ฑาล”
- คนวรรณะตา่ จะปรงุ อาหารใหค้ นวรรณะสูงรับประทานมไิ ด้
- การประกอบอาชพี จะทานอกเหนือจากท่ีกาหนดในแต่ละวรรณะมิได้
- การหา้ มมถี ่นิ ฐานบ้านเรอื นนอกประเทศอินเดีย และหา้ มเดินเรอื ในทะเล

2. พิธีบชู าเทวดา : มวี ธิ ีการต่างกันไปตามวรรณะ โดยวรรณะสงู จะสวดมนตภ์ าวนาหรือบาเพญ็
กุศลในเทวาลยั

พธิ กี รรมศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู

3. พิธีสงั สการ : พิธีกรรมท่ีมีเฉพาะคนวรรณะกษัตริย,์ พราหมณ์ และแพศยเ์ ทา่ นั้น มี 12
ประการ แต่ปัจจบุ ัน ลดพธิ ีปฏบิ ัติเหลอื เพียง 4 ประการ คอื

- นามกรรม : พิธตี ้งั ชอ่ื เด็ก
- อปุ นยั น์ : พิธเี รม่ิ การศกึ ษา (ผูห้ ญงิ หา้ มทา)
- วิวาหะ : พธิ ีแตง่ งาน
- อันนปราศนี : พิธปี ้อนข้าวเดก็
4. พิธีศราทธ์ : การทาบญุ อทุ ศิ ใหบ้ รรพบุรุษโดยการถวายขา้ วบิณฑ์ ทาในเดอื น 10 ตงั้ แต่แรม
1 ค่า - แรม 15 คา่ 4

หลักคาสอนศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

1. หลักธรรม 10 ประการ
- ธฤติ ได้แก่ ความมนั่ คง ความกล้า ความสขุ คอื ความพากเพยี รจนสาเรจ็ และพอใจในสง่ิ ท่ตี นมี
- กษมา ได้แก่ ความอดกลน้ั ความอดทน
- ทมะ ได้แก่ การระงบั จติ ใจ การข่มใจ
- อัสเตยะ ได้แก่ การไม่ลกั ขโมย
- เศาจะ ได้แก่ การทาตนใหบ้ ริสทุ ธ์ิ ท้ังกายและใจ

หลักคาสอนศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

- อินทรียนคิ รหะ ไดแ้ ก่ การระงับอินทรยี ์ทง้ั 10 คอื ประสาทความรู้ 5 ประการ ได้แก่ หู ตา จมูก
ล้นิ และผิวหนัง ประสาทความรู้สกึ ทางการกระทา ได้แก่ มอื เทา้ ทวารหนัก ทวารเบา และลาคอ

- ธี ได้แก่ ปญั ญา สติ
- วิทยา ไดแ้ ก่ ความร้ทู างปรชั ญา
- สตั ยะ ได้แก่ ความจรงิ ความสจุ รติ ความซื่อสตั ย์
- อโกธะ ได้แก่ ความไมโ่ กรธ

หลกั ธรรม 10 ประการ มีจดุ ประสงค์ เพื่อใหผ้ ้ปู ฏิบัติ รู้จักควบคมุ
ตนเอง ไม่ให้หลงมวั เมาในส่งิ ผดิ

หลกั คาสอนศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

2. หลักอาศรม 4
ข้นั ตอนของชีวติ หรอื ทางปฏบิ ตั เิ พ่ือยกระดับชวี ิตใหส้ งู ข้นึ มี 4 ประการ คอื
2.1 พรหมจารี : ขั้นตอนศกึ ษาเลา่ เรียน ไมย่ ุ่งเกย่ี วกับเพศ เชอื่ ฟงั คาสอนของครอู าจารย์
2.2 คฤหัสถ์ : ข้นั การครองเรอื น แตง่ งาน มผี ูส้ บื ตระกูล และประกอบอาชีพสจุ ริตเพื่อจนุ เจอื

ครอบครวั
2.3 วานปรัสถ์ : ข้ันแยกตัวออกไปปฏบิ ตั ิธรรมบาเพญ็ เพยี รในทีส่ งบ หลังจากมคี รอบครัวมน่ั คงและ

มผี สู้ บื ตระกูลแล้ว
2.4 สันยาสี :ขั้นการออกบวช เพอื่ จุดม่งุ หมายสงู สดุ ของชวี ติ คือ “ โมกฆะ ”

หลักคาสอนศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

3. หลกั ปุรษุ ารถะ 4 : จดุ มงุ่ หมายของชวี ติ 4 ประการ
3.1 ธรรม : หลกั ศลี ธรรมในสงั คม เพื่อให้สงั คมอยอู่ ยา่ งสันติสุข
3.2 กาม : เป็นการหาความสุขทางโลก โดยใหด้ าเนิน ไปตามแนวของธรรม ซงึ่ มผี ลให้ตนเอง มี

ความสขุ ขณะทส่ี ังคมกม็ คี วามสขุ ดว้ ย
3.3 อรรถ : เปน็ การแสวงหาทรพั ย์ หรอื การสรา้ งฐานะ ทางเศรษฐกจิ โดยยดึ แนวทางธรรมเป็น

หลกั
3.4 โมกษะ : เปน็ อสิ รภาพแหง่ วญิ ญาณ หลดุ พ้น จากการเวยี นวา่ ยตายเกิด หรอื หลุดพ้น จาก

สงั สารวัฏ เป็นอุดมคติและคณุ คา่ สงู สุดของชีวิต ถอื เป็นความสุขอันเป็นนิรันดร์

หลกั คาสอนศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

4. หลกั ปรมาตมันและโมกษะ
4.1 ปรมาตมัน : เปน็ ดวงวญิ ญาณท่ียง่ิ ใหญ่ เป็นส่งิ ที่เกิดขนึ้ เอง เป็นต้นเหตขุ องสรรพส่ิง เกดิ จาก

ปรมาตมนั ปรมาตมันเปน็ อมตะ ไมม่ ีเบื้องตน้ และไมมี ที ่ีสิน้ สุด ไมท่ ีเพศ เป็นสนั ติสขุ ในตัวเอง เป็น
ปฐมวญิ ญาณ ของสงิ่ ทงั้ ปวง และเปน็ บ่อเกิดของอาตมัน

4.2 อาตมนั : เปน็ ดวงวญิ ญาณของปรมาตมนั คือ ท่เี กิดเป็นสตั ว์ตา่ งๆ เชน่ มนุษย์ เทพเจา้
เดรจั ฉาน ฯลฯ

หลกั คาสอนศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

4.3 โมกษะ : การทด่ี วงวิญญาณย่อยหรือาตมัน รวมเปน็ หนง่ึ เดยี วกบั ปรมาตมันได้นัน้ จะต้องเข้าถงึ
จุดหมายของชีวิตให้ได้ ซึ่งก็คอื โมกษะ หรอื การหลดุ พน้ จากสังสารวฏั ส่วนวธิ ีทจ่ี ะหลุดพน้ จากสังสารวัฏ
คอื “ มรรค 4 ” หรือ “ โยคะ 4 ” ไดแ้ ก่

- กรรมมรรค คือ การละกรรม ที่เป็นต้นเหตุ ให้เกิดการเวียนวา่ ยตายเกิด พงึ กระทากรรมทีเ่ ป็น
เหตุให้เข้าถึง การหลุดพน้

- ชญานมรรค คือ วิถีแห่งการหลดุ พ้น ด้วยการรู้แจง้ ในบรมสตั ย์
- ภักตมิ รรค คือ วิถแี หง่ การหลุดพ้น ดว้ ยการภกั ดีในองค์พระเปน็ เจ้า
- ราชมรรค คอื วถิ แี ห่งการหลุดพน้ ดว้ ยการฝึกฝนทางจิต


Click to View FlipBook Version