The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงาน ฉันคือเมฆ 65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2023-03-31 04:37:35

โครงงาน ฉันคือเมฆ 65

โครงงาน ฉันคือเมฆ 65

บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนปากคลองสอง ที่ /2566 วันที่ 1 มกราคม 2565 เรื่อง รายงานการดำเนินงานโครงงาน ฉันคือเมฆ (โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย) เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนปากคลองสอง ตามที่ข้าพเจ้านายชัยวัฒน์ วันทอง ครูโรงเรียนปากคลองสอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 ได้ดำเนินงานจัดกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ฉันคือเมฆ กับนักเรียน ระดับปฐมวัยในโรงเรียนปากคลองสอง ประจำปีการศึกษา 2565 ไปแล้วนั้น บัดนี้ ข้าพเจ้าได้ดำเนินงานจัดกิจกรรมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการจัดกิจกรรม ดังรายละเอียดตามที่แนบมาพร้อมนี้ เห็นควร รวบรวมไว้เป็นหลักฐานการดำเนินงานจัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อเสนอขอรับตราพระราชทานฯ ปีการศึกษา 2565 โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย และเป็นข้อมูลพื้นฐานในการดำเนินงาน อย่างต่อเนื่อง จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป (ลงชื่อ)............................................... ผู้รับผิดชอบโครงงาน ( นายชัยวัฒน์ วันทอง ) ครูโรงเรียนปากคลองสอง (ลงชื่อ) ............................................... ( นางสาวจิตติภา ศัพทเสน) ผู้อำนวยการโรงเรียนปากคลองสอง


คำนำ รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบวัฏจักรการสืบเสาะ ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 เรื่อง “ฉันคือเมฆ” ฉบับนี้ เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ซึ่งเกิดจากความ สนใจและข้อสงสัยของเด็ก ๆ เมื่อสังเกตเห็นก้อนเมฆบนท้องฟ้า ซึ่งผลจากการทำโครงงานดังกล่าวทำให้เด็ก ได้รับประสบการณ์ตรงจากการได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง อีกทั้งได้รับการพัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ซึ่งได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการวัด ทักษะการคำนวณ ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการ พยากรณ์หรือการคาดคะเนคำตอบ ทักษะการจัดกระทำและการสื่อสารความหมายข้อมูล ทักษะการ ลงความเห็นจากข้อมูล พร้อมทั้งพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน คือ การเรียนรู้ ภาษา สังคม การ เคลื่อนไหว และส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสังคมและสติปัญญา ได้เหมาะสมกับวัย ขอขอบคุณ คณะศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 และ คณะวิทยากร ผู้ให้การอบรมตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ขอขอบคุณผู้อำนวยการ โรงเรียนปากคลองสอง นางสาวจิตติภา ศัพทเสน และคณะครูทุกท่าน ขอขอบคุณผู้ปกครอง ชุมชน และ หน่วยงานอื่น ๆ ที่ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ และขอขอบใจเพื่อนนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ให้ ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทั้งนี้คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสาร ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้ศึกษาค้นคว้าและผู้ที่สนใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ต่อไป คณะผู้จัดทำ


สารบัญ เรื่อง หน้า ชื่อโครงงาน 1 ผู้จัดทำโครงงาน 1 ครูที่ปรึกษา 1 ระยะเวลาในการทำโครงงาน 1 ที่มาของโครงงาน 1 คำถามที่ 1 เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นอย่างไร 2 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ 2 จุดประสงค์ 2 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 2 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 3 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 5 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 9 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล 11 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 12 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 12 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 13 คำถามที่ 2 ทำอย่างไรถึงจะทดลองการเกิดเมฆให้สำเร็จ 14 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ 14 จุดประสงค์ 14 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 14 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 15 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 16 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 19 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล 21 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 23 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 23 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 24


1 แบบรายงานการจัดทำโครงงาน ชื่อโครงงาน ฉันคือเมฆ ผู้จัดทำโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนปากคลองสอง สพป.ปท.1 ครูที่ปรึกษา นายชัยวัฒน์ วันทอง นางผดุงภรณ์ โข้บุรี ระยะเวลาในการจัดทำ ระหว่างวันที่ 23 มกราคม ถึง 21 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2566 ที่มาของโครงงาน (23 เดือน มกราคม พ.ศ. 2566) หลังจากที่เด็กๆ ทำกิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติ ครูให้เด็กๆ มาเข้าแถวหน้าอาคารอบจ. เพื่อเดินเป็น แถวเข้าห้องเรียน มีเด็กบางคนได้ยินเสียงเครื่องบินจึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และได้พูดกับเพื่อนๆ ว่า “ทุกคนๆ ได้ยินเสียงเครื่องบินไหม” และมีเด็กบางคนพูดขึ้นว่า “ทุกคน ดูนั้นๆ ก้อนเมฆเยอะเลย ว้าวสวยจัง” พร้อมกับ ถามครู“คุณครูครับ เมฆมาจากไหนครับ” คุณครูเลยให้เด็ก ๆ ลองคาดคะเนว่า เมฆที่เด็กมองเห็บนท้องฟ้ามา จากไหน และถามเด็ก ๆ ด้วยคำถามดังต่อไปนี้ คุณครู : เด็ก ๆ ลองมองไปที่ท้องฟ้าสิ สังเกตเห็นอะไรบ้าง เด็ก ๆ : เห็นก้อนเมฆครับ , เห็นเมฆค่ะครู สวยด้วย คุณครู : เด็ก ๆ เห็นเมฆมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้างครับ โฟล์ค : เป็นเหมือนรูปหัวใจครับ โอลิน : มันลอยได้ด้วยค่ะครู แล้วก็มีสีฟ้ากับสีขาวด้วยค่ะ คุณครู : เด็ก ๆ อยากรู้ไหม หรือสงสัยอะไรเกี่ยวกับเมฆบ้างไหมครับ ไบร์ท : เมฆลอยมาจากไหนคะ เจมส์ : เมฆมันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ จะเหมือนที่ร้องในเพลงหรือเปล่าครับ จากบทสนทนา เด็กๆ ต่างพากันสงสัยว่าเมฆมาจากไหน พร้อมกับขอให้คุณครูวันพรุ่งนี้พาออกไปดู ก้อนเมฆนอกห้องอีกได้ไหม จึงเกิดการรวบรวมคำถามของเด็กๆ ที่สนใจและอยากรู้เกี่ยวกับเมฆ ภาพเด็กๆ ทำกิจกรรมและสนทนาเกี่ยวกับเรื่องที่ สงสัยเกี่ยวกับ “ก้อนเมฆ”


2 คำถามที่ 1 เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นอย่างไร ขั้นที่ 1 ตั้งคาถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ(24 เดือน มกราคม พ.ศ. 2566) จากความสนใจของเด็ก ๆ เกี่ยวกับเมฆบนท้องฟ้า คุณครูจึงสนทนาและถามเด็ก ๆ ต่อไปว่า คุณครู : เด็ก ๆ เห็นก้อนเมฆข้างนอกแล้ว เด็ก ๆ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับก้อนเมฆบ้างไหม โอลิน : ก้อนเมฆหายไปได้อย่างไรคะ เจมส์ : เมฆมาจากไหนครับ แล้วมันเกิดขึ้นอย่างไรครับ โฟล์ค : ก้อนเมฆกลับมาได้อย่างไรครับ ฮาซานะ: ก้อนเมฆเป็นรูปอะไรได้บ้างคะ เป็นรูปวงกลมได้ไหม เด็กๆ และครูร่วมกันสนทนาเพื่อเลือกคำถามที่เด็กอยากรู้มากที่สุด โดยการให้เหตุผลประกอบ ซึ่งเด็ก ๆ ส่วนมากอยากรู้ว่า เมฆมาจากไหน ก้อนเมฆเกิดขึ้นได้อย่างไร ในขณะที่เด็กๆ และครูสนทนากัน คุณครูได้ บันทึกคำถามที่เด็ก ๆ อยากรู้ได้ดังนี้ 1. ก้อนเมฆหายไปได้อย่างไร 2. เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นอย่างไร 3. ก้อนเมฆกลับมาได้อย่างไร 4. ก้อนเมฆเป็นรูปอะไรได้บ้าง เมื่อได้คำถามที่เด็กอยากรู้แล้ว ครูจึงให้เด็ก ๆ ช่วยกันเลือกคำถามที่เด็กอยากรู้มากที่สุด และเรื่องที่ เด็กอยากรู้มากที่สุด คือ 1.เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นอย่างไร 2.ก้อนเมฆกลับมาได้ 3.ก้อนเมฆหายไปได้อย่างไร, ก้อนเมฆเป็นรูปอะไรได้บ้าง ตามลำดับ จุดประสงค์ เพื่อศึกษาและทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นอย่างไร ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน(24 เดือน มกราคม พ.ศ. 2566) จากที่เด็ก ๆ ได้เลือกเรื่องที่สนใจที่สุดเรียบร้อยแล้ว เด็ก ๆ และคุณครูสนทนาร่วมกันโดยครูใช้คำถาม กระตุ้นให้เด็กเล่าประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับเมฆ คุณครู : เด็ก ๆ เคยเห็นเมฆลักษณะแบบไหนบ้างครับ โอลิน : เป็นก้อน ๆ ค่ะ โยเกิร์ต : มีสีฟ้า กับสีขาวค่ะครู คำถามที่เด็กๆ สนใจมากที่สุด คือ เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นอย่างไร


3 มีนา : เหมือนควันสีขาวๆ ลอยไปมาค่ะคุณครู โฟล์ค : เวลาฝนตก ก้อนเมฆเป็นสีดำๆครับครู แล้วเด็ก ๆ ก็พากันออกไปสังเกตเมฆบนท้องฟ้านอกห้องเรียน พร้อมกับวาดภาพบันทึกข้อมูล สรุปการคาดคะเน เด็ก ๆ นำผลงานที่เป็นภาพวาดของตนเอง มานำเสนอการเกิดเมฆ จากประสบการณ์เดิม หน้าชั้นเรียน โอลิน : หลังฝนตกหนูเห็นไอน้ำสีขาวๆ ลอยขึ้นมาจากถนนค่ะครู เจมส์ : ผมก็เห็นครับที่หน้าบ้าน สวยมากเลย โฟล์ค : แล้วมันก็ลอยไปสูงถึงบนท้องฟ้าเลยครับ จามมี่ : ที่บ้านหนู หนูเห็นหมอกลอยขึ้นตรงภูเขาค่ะครู จากการคาดคะเนการเกิดเมฆของเด็ก ๆ สรุปได้ว่า เมฆเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมี“ฝนตก” พอ ฝนหยุดตก จะมีไอน้ำหรือหมอกสีขาว ลอยขึ้นมาจากถนน (เนื่องจากชุมชนที่เด็กอาศัยบางคนอยู่ใน เมือง เด็กบางคนมาจากต่างจังหวัด เด็กจึงมีการคาดคะเนที่ไม่เหมือนกัน) ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (25 เดือน มกราคม พ.ศ. 2566) เด็กๆ และครูสนทนาร่วมกัน โดยครูใช้คำถาม “เด็ก ๆ คิดว่าจะหาคำตอบโดยวิธีใด ถึงจะทราบว่า เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร” คุณครู : เด็ก ๆ คิดว่าจะหาคำตอบด้วยวิธีใด ถึงจะทราบว่าเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้ อย่างไร


4 ไบร์ท : เราต้องรอให้ฝนตกค่ะ โอลิน : ไปถามคุณครูในโรงเรียนค่ะ มีคุณครูสอนวิทยาศาสตร์ไหมคะ คุณครู : มีครับ โอลิน : หรือว่าเราทดลองได้ไหมคะ แบบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ โฟล์ค : ใช่ครับ ผมอยากทดลอง ฮาซานะ: เราไปถามคุณครูกลอยด้วยได้ไหม แล้วมาทดลองกันดีกว่า เด็ก ๆ : ดีครับ , ดีค่ะ เด็กๆ และครูร่วมกันสรุปวิธีการตรวจสอบหาคำตอบ ได้ว่า 1. สอบถามครูในโรงเรียนหรือคุณครูวิทยาศาสตร์ 2. ทดลองหาคำตอบ วิธีการบันทึกและนาเสนอข้อมูล เด็ก ๆ และคุณครูสนทนาร่วมกันต่อไปว่า “แล้วเราจะมีวิธีบันทึกและนาเสนองานอย่างไร ครับ เมื่อได้รับความรู้จากการค้นหาคาตอบแล้ว” คุณครู : เด็ก ๆ รู้วิธีการหาคาตอบแล้ว และเวลาสอบถามข้อมูลจากคุณครูแล้ว เราจะบันทึกข้อมูลอย่างไรดีครับ จามมี่ : ให้ครูเขียนบันทึกในกระดาษให้ดูค่ะ คุณครู : นอกจากให้ครูเขียนบันทึกให้ดูแล้ว มีวิธีอื่นอีกไหมครับ โอลิน : วาดภาพระบายสีค่ะ โยเกิร์ต : ออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียนได้ค่ะ เด็กๆ และครูร่วมกันสรุปวิธีการวิธีบันทึกผลและนาเสนองาน โดยคุณครูให้เด็กๆ ออกแบบ และครูเขียนบันทึกลงกระดาน ดังนี้ ภาพเด็ก ๆ ทำกิจกรรมและสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบ เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร


5 ดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบหาคำตอบตามวิธีที่เลือก 2 วิธี คือ 1. สอบถามครูในโรงเรียนหรือคุณครูวิทยาศาสตร์ 2. ทดลองหาคำตอบ ขั้นที่ 4 สังเกตและการบรรยาย วิธีที่ 1 สอบถามครูในโรงเรียน เด็ก ๆ สนทนาและตกลงร่วมกันว่า จะไปสอบถามคุณครูในโรงเรียน จำนวน 2 ท่าน คือ 1. คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน ครูวิทยาศาสตร์โรงเรียนปากคลองสอง 2. คุณครู วิภา ศรีทาทุม ครูภาษาไทยโรงเรียนปากคลองสอง (หัวหน้าฝ่ายวิชาการ) 1. คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน ครูวิทยาศาสตร์โรงเรียนปากคลองสอง (25 เดือน มกราคม พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ ได้ไปขอสอบถามคุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำ ตัน เรื่องเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน ได้อธิบายให้เด็กๆ ฟังพร้อมกับวาดภาพประกอบให้เด็กดู สรุปได้ว่า เมฆเกิดจาก - น้ำในแม่น้ำลำคลองได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ทำให้น้ำร้อนแล้วระเหย กลายเป็นไอน้ำลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า บนชั้นบรรยากาศมีอุณหภูมิเย็น ทำให้ไอน้ำรวมตัวกัน เกิดเป็นก้อนเมฆ 2.คุณครู วิภา ศรีทาทุม ครูภาษาไทย โรงเรียนปากคลองสอง (หัวหน้าฝ่ายวิชาการ) (26 เดือน มกราคม พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ ได้ไปขอสอบถามคุณครู วิภา ศรีทาทุม เรื่องเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณครูได้อธิบายให้เด็กฟังพร้อมกับวาดภาพประกอบให้เด็กดู - สรุปได้ว่า เมฆเกิดจาก น้ำได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดการระเหยเป็น ไอน้ำ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เกิดการรวมตัวกันของไอน้ำ กลายเป็นกลุ่มก้อนเมฆ


6 สรุป วิธีที่ 1 สอบถามครูในโรงเรียน จากที่เด็ก ๆ ได้ไปสอบถามคุณครูในโรงเรียนทั้ง 2 ท่าน คือ คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน และ คุณครู วิภา ศรีทาทุม เด็กๆและครูร่วมกัน สรุปผลได้ ดังนี้ 1. น้ำได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ 2. เกิดความร้อนแล้วระเหยกลายเป็นไอน้ำ 3. ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า 4. ไอน้ำรวมตัวกัน เกิดเป็นก้อนเมฆ วิธีที่ 2 ทดลองหาคำตอบ (เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร) หลังจากที่เด็ก ๆ ได้ไปสอบถามข้อมูลกับคุณครูในโรงเรียนแล้ว เด็กๆ และครูนำข้อมูลที่ได้มา ร่วมกันหาวิธีการทดลอง คุณครู : เราจะใช้วิธีไหน ทดลองการเกิดเมฆจะได้มองเห็นเมฆใกล้ๆ ครับ ต้นกล้า : เอาน้ำไปตากแดดครับ เพราะคุณครูเวฟ(คุณครูทิพย์ธารา ยอดคำตัน) บอกว่าน้ำโดนแสงแดดทำให้เกิดไอน้ำ ทำให้เกิดเมฆ เด็กๆ : เห็นด้วยครับ เห็นด้วยค่ะ เด็กๆ ร่วมกันทำการทดลองตามทีละขั้นตอน โดยมีการทดลอง ดังนี้ 1. เด็กๆ ทดลอง นำน้ำไปตากแดดและนั่งสังเกตการณ์ทดลอง (1 กุมภาพันธ์ 2566) ภาพเด็ก ๆ ทำการบันทึกผลการสำรวจสืบค้นข้อมูล จากคุณครูในโรงเรียน เด็ก ๆ ร่วมกันคาดคะเนคำตอบ


7 จากการทดลอง สรุปได้ว่า การทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ประสบ ความสำเร็จ โดยเด็กๆ นำน้ำไปตากแดดทิ้งไว้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง สังเกตเห็นมีไอน้ำระเหยติด ที่พลาสติกเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ปรากฏก้อนเมฆ และใช้เวลานานเกินไป แต่การทดลอง สามารถพิสูจน์ได้ว่าแสงจากดวงอาทิตย์สามารถทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอได้ เด็กๆ และครูจึงสนทนาร่วมกันอีกครั้งเพื่อหาแนวทางแก้ไข คุณครู : เราจะใช้วิธีไหนมาทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไรดี ครับ เพราะการทดลองเราไม่เห็นเมฆเลย เจมส์ : เอาน้ำไปต้มไหมครับครู 1. เด็ก ๆ ร่วมกันทดลอง เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน เด็กๆ จึงหาวิธีการทดลองโดยที่ไม่ต้องนั่งตาแดด โดยนำถึงพลาสติกมาคลุมน้ำไว้ 2. เด็ก ๆ ร่วมกันบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง


8 คุณครู : ทำไมถึงเอาน้ำไปต้มครับ เจมส์ : เพราะน้ำจะได้ร้อนเร็ว อาจจะเห็นก้อนเมฆได้ครับ เด็กๆ : เห็นด้วยค่ะ เห้นด้วยครับ จากการสนทนาหาแนวทางแก้ไข สรุปได้ว่า เด็กมีความคิดเห็นเหมือนกันว่า จะนำ น้ำไปต้ม เพื่อให้น้ำมันร้อนเร็ว แทนการรอความร้อนจากแสงอาทิตย์ เพราะใช้เวลานาน เกินไป แล้วใช้พลาสติกคลุมเหมือนเดิม 2. นำข้อมูลจากการสนทนากัน มาทดลองทีละขั้นตอน ตามที่ได้ข้อมูลจากการสนทนาหา แนวทางแก้ไข (2 กุมภาพันธ์ 2566) เด็กๆ เตรียมอุปกรณ์ในการทดลอง เทน้ำใส่ในหม้อ 1 ถ้วย แล้วเปิดเตา กางถุงพลาสติกไว้ข้างบน และเด็ก ๆ ร่วมกันสังเกตการทดลอง เด็ก ๆ ร่วมกันบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง เด็ก ๆ ร่วมกันคาดคะเนคำตอบ


9 จากการทดลอง สรุปได้ว่า การทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ประสบ ความสำเร็จ โดยเด็กๆ นำน้ำไปต้มด้วยความร้อน 1000 องศา เป็นเวลา 10 นาทีเด็กๆ สังเกตเห็นมีไอน้ำระเหยลอยและติดที่พลาสติกมากกว่าการทดลองนำน้ำไปตากแดด ซึ่งไม่ ปรากฏก้อนเมฆ แต่การทดลองสามารถพิสูจน์ได้ว่าการนำน้ำไปต้มสามารถทำให้น้ำร้อนได้ เร็วกว่านำน้ำไปตากแดด และน้ำระเหยกลายเป็นไอได้มากกว่า ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (3 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ ร่วมกันหาคำตอบว่า เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยมีวิธีหาข้อมูล ดังนี้ 1. สอบถามครูในโรงเรียนหรือคุณครูวิทยาศาสตร์ 2. ทดลองหาคำตอบ จากที่เด็ก ๆ ได้ค้นหาข้อมูลโดยวิธีการหาคำตอบดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว เด็ก ๆบันทึกผลตามวิธีการที่ ออกแบบไว้ คือ วาดภาพระบายสี และนำเสนอข้อมูลจากการทดลองหน้าชั้นเรียน ดังนี้ การบันทึกผลงานเด็กๆ 1. สอบถามคุณครู ในโรงเรียน เด็ก ๆ ไปสอบถามข้อมูลจากคุณครูในโรงเรียน จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ 1.1 คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน ครูวิทยาศาสตร์โรงเรียนปากคลองสอง 1.2 คุณครู วิภา ศรีทาทุม ครูภาษาไทย โรงเรียนปากคลองสอง (หัวหน้าฝ่ายวิชาการ) สรุป การสอบถามครูในโรงเรียน จากที่เด็ก ๆ ได้ไปสอบถามคุณครูในโรงเรียนทั้ง 2 ท่าน คือ คุณครู ทิพย์ธารา ยอด คำตัน และ คุณครู วิภา ศรีทาทุม สรุปผลได้ ดังนี้ 1. น้ำได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน บันทึกข้อมูล คุณครู วิภา ศรีทาทุม บันทึกข้อมูล


10 2. เกิดความร้อนแล้วระเหยกลายเป็นไอน้ำ 3. ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า 4. ไอน้ำรวมตัวกัน เกิดเป็นก้อนเมฆ 2. ทดลองหาคำตอบ (เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร) 1. เด็กๆ ทดลอง นำน้ำไปตากแดด และนั่งสังเกตการณ์ทดลอง เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน เด็กๆ จึงหาวิธีการทดลองโดยที่ไม่ต้องนั่งตากแดด โดยนำถึงพลาสติกมาคลุมน้ำไว้ จากการทดลอง สรุปได้ว่า การทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ประสบ ความสำเร็จ โดยเด็กๆ นำน้ำไปตากแดดทิ้งไว้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง สังเกตเห็นมีไอน้ำระเหยติดที่ พลาสติกเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ปรากฏก้อนเมฆ และใช้เวลานานเกินไป แต่การทดลองสามารถพิสูจน์ได้ ว่าแสงจากดวงอาทิตย์สามารถทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอได้ 2. นำข้อมูลจากการสนทนากัน ในการหาแนวทางแก้ไขในการทดลองที่ 1 มาทดลองทีละ ขั้นตอน จากการทดลอง สรุปได้ว่า การทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ประสบ ความสำเร็จ โดยเด็กๆ นำน้ำไปต้มด้วยความร้อน 1000 องศา เป็นเวลา 10 นาทีเด็กๆ สังเกตเห็นมี ไอน้ำระเหยลอยและติดที่พลาสติกมากกว่าการทดลองนำน้ำไปตากแดด ซึ่งไม่ปรากฏก้อนเมฆ แต่การ ทดลองสามารถพิสูจน์ได้ว่าการนำน้ำไปต้มสามารถทำให้น้ำร้อนได้เร็วกว่านำน้ำไปตากแดด และน้ำ ระเหยกลายเป็นไอได้มากกว่า


11 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (6 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) จากการหาคำตอบ โดยวิธีการต่าง ๆ ของเด็ก ๆ เด็กๆ และครูร่วมสนทนาถึงคําถามที่เด็กอยากรู้ “เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร” ครูให้เด็กๆทบทวนโดยการ ให้เด็กๆ ออกมาเล่าว่า “เด็กๆหาคําตอบได้ โดยวิธีการอย่างไร” และได้ผลการศึกษาหาข้อมูลอย่างไร โดยครูใช้กระดาษชาร์ท ประกอบการสนทนากับ เด็กๆ จึงสรุปได้ว่า วิธีที่จะทำให้เกิดเมฆนั้น เกิดจากความร้อนของแสงอาทิตย์ ที่ส่องมายังผิวน้ำ ทำให้น้ำเกิด ความร้อนแล้วระเหยเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเจอกับอากาศที่เย็นบนชั้นบรรยากาศ ไอน้ำจึงเกิด การรวมตัวกัน กลายเป็นก้อนเมฆ เด็กๆ และครูร่วมสนทนาถึงการทดลอง “เราได้ทดลองการเกิดเมฆด้วยวิธีใดบ้าง” ครูให้เด็กๆทบทวน โดยการให้เด็กๆ ออกมาเล่า และผลการทดลอง ได้ข้อมูลอย่างไรบ้าง ซึ่งเด็กๆ สรุปว่า เด็กๆ ได้หาวิธีการ ทดลองการเกิดเมฆ “เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร” เด็กๆ ได้วิธีทดลองทั้งหมด 2 วิธี ผลการทดลองที่ได้ คือ วิธีที่ 1. ผลการทดลองไม่ประสบความสำเร็จ คือ การนำน้ำไปตากแดดทิ้งไว้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง สังเกตเห็นมีไอน้ำระเหยติดที่พลาสติกเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ปรากฏก้อนเมฆ และใช้เวลานาน เกินไป แต่การทดลองสามารถพิสูจน์ได้ว่าแสงจากดวงอาทิตย์สามารถทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอน้ำ ได้ วิธีที่ 2. ผลการทดลองไม่ประสบความสำเร็จ คือ เด็กๆ นำน้ำไปต้มด้วยความร้อน 1000 องศา เป็นเวลา 10 นาที เด็กๆ สังเกตเห็นมีไอน้ำระเหยลอยและติดที่พลาสติกมากกว่าการทดลองนำ น้ำไปตากแดด ซึ่งไม่ปรากฏก้อนเมฆ แต่การทดลองสามารถพิสูจน์ได้ว่าการนำน้ำไปต้มสามารถทำให้ น้ำร้อนได้เร็วกว่านำน้ำไปตากแดด และน้ำระเหยกลายเป็นไอได้มากกว่า เด็กๆ และครูจึงสนทนาร่วมกันอีกครั้งในการหาแนวทางแก้ไขผลการทดลองที่ไม่ประสบ ความสำเร็จ คุณครู : เรารู้แล้วใช่ไหมครับว่า เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร เด็กๆ : รู้แล้วครับ รู้แล้วค่ะ คุณครู : ตรงกับที่เราคาดคะเนไว้ไหม เด็กๆ : ไม่ตรงครับ ไม่ตรงค่ะ


12 คุณครู : ตรงบ้างไม่ตรงบ้างไม่เป็นไรครับ สำหรับคนที่คาดคะเนไม่ถูก เพราะสิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่ถูกจะนำเราไปสู่ความสำเร็จ แค่นี้ทุกคนก็ เก่งมาก ๆ แล้วครับ คุณครู : จากที่เราได้ทดลองนำน้ำไปตากแดด และนำน้ำไปต้มแล้ว ผล การทดลองไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เห็นเมฆ เด็กๆ ยังอยากรู้หรือ อยากทดลองอยู่ไหมว่าเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร เด็กๆ : อยากรู้ค่ะ อยากรู้ครับ ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 1.ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐานทั้ง 4 ด้าน ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย 1.1 ด้านการเรียนรู้ - ได้เรียนรู้ว่า เมฆเกิดจากความร้อนของแสงอาทิตย์ ที่ส่องมายังผิวน้ำ ทำให้น้ำเกิด ความร้อนแล้วระเหยเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเจอกับอากาศที่เย็นบนชั้นบรรยากาศ ไอน้ำ จึงเกิดการรวมตัวกัน กลายเป็นก้อนเมฆ - เด็กรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย ได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง อย่าง เป็นขั้นตอน สามารถอธิบายวิธีการเรียนรู้ของตนเองว่า ทำอย่างไรให้ได้คำตอบที่อยากรู้เช่น ถามผู้รู้ ทดลอง และเด็กสามารถสรุปและนำเสนอข้อสรุปให้แก่ผู้อื่นได้ 1.2 ด้านภาษา - เด็กได้เล่า สนทนาโต้ตอบแสดงความคิดเห็น หรือการเขียนหนังสือตามแบบ และ การนำเสนองานหน้าชั้นเรียน เกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลที่ได้จากการไปสอบถามข้อมูลจาก ผู้รู้/คุณครูในโรงเรียน - เด็กมีทักษะด้านภาษาโดยการพูด บรรยาย บอก เล่า ถึงสิ่งที่ได้เห็นจากการสังเกต สอบถาม สำรวจจากการค้นคว้า 1.3 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น - เด็กเคารพกฎ กติกาและปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน 1.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็กสามารถเคลื่อนไหว หยิบ จับและใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กใช้ประสาทสัมผัสโดยการสังเกตที่หลากหลาย


13 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต - เด็กรู้จักสังเกตได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ด้วยประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การสังเกตเห็นไอน้ำที่ลอยติดพลาสติก สัมผัสน้ำที่ตากแดดเป็นเวลานานๆ รู้สึกร้อน 2.2 ทักษะการวัด - เด็กรู้จักใช้เครื่องมือในการวัด/ตวง เช่น ใช้ถ้วยตวงปริมาณน้ำ 2.3 ทักษะการจำแนกประเภท - เด็กสามารถจำแนกสีของเมฆ ลักษณะของเมฆ 2.4 ทักษะการคำนวณ - เด็กสามารถคำนวณปริมาณของสิ่งที่จะนำมาทดลองได้ เช่น ปริมาณน้ำ 2.5 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคำตอบ - เด็กสามารถใช้ความคิดเห็นส่วนตัว และประสบการณ์เดิมแสดงความคิดเห็นต่างๆ ได้ 2.6 ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา - เรียนรู้การเกิดเมฆ สามารถอธิบายได้ว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เมฆจะมีขนาดใหญ่ ขึ้นเพระการสะสมไอน้ำในอากาศ 2.7 ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล - เด็กสามารถทำการทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ได้ด้วยตนเอง และ สามารถอธิบายขั้นตอนการทดลองทีละขั้นตอน 2.8 ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล - เด็กสามารถยกมือแสดงความคิดเห็นตามประสบการณ์ที่ได้พบเจอ และสามารถ สรุปผลการลงความเห็นร่วมกันได้


14 คำถามที่ 2 ทำอย่างไรถึงจะทดลองการเกิดเมฆให้สำเร็จ ขั้นที่ 1 ตั้งคาถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ(8 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) จากที่เด็กๆ ได้ทดลองเกี่ยวกับเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเด็กๆนำน้ำไปตากแดด และการ น้ำไปต้ม ผลการทดลองไม่ประสบความสำเร็จทั้ง 2 การทดลอง เด็กๆ และครูจึงสนทนาร่วมกันในการหา แนวทางเพื่อหาวิธีทดลองให้ประสบความสำเร็จ (ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล ข้างต้น) ดังนี้ คุณครู : เรารู้แล้วใช่ไหมครับว่า เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร เด็กๆ : รู้แล้วครับ รู้แล้วค่ะ คุณครู : จากที่เราได้ทดลองนำน้ำไปตากแดด และนำน้ำไปต้มแล้ว ผลการทดลองไม่ ประสบความสำเร็จ ไม่เห็นเมฆ เด็กๆ ยังอยากรู้หรืออยากทดลองอยู่ไหมว่าเมฆมา จากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร เด็กๆ : อยากรู้ค่ะ อยากรู้ครับ จากการที่เด็กๆ ยังมีข้อสงสัยและอยากรู้ อยากทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ว่าจะมีวิธีการ ใดที่จะสามารถทำให้การทดลองประสบความสำเร็จได้หรือไม่ เด็กๆ จึงตกลงกันว่าจะทำการสำรวจ สืบค้น ข้อมูลเพิ่มเติม ในข้อสงสัยที่ ว่า ทำอย่างไรถึงจะทดลองการเกิดเมฆให้สำเร็จ จุดประสงค์ เพื่อศึกษาหาวิธีการทดลองการเกิดเมฆ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (8 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) จากที่เด็กๆ ได้ทำการทดลอง โดยการนำน้ำไปตากแดด และนำน้ำไปต้ม ผลการทดลองทำให้น้ำ ระเหยกลายเป็นไอน้ำได้ แต่ไม่เห็นการเกิดเมฆ ครูจึงใช้คำถาม “เด็ก ๆ คิดว่าจะหาคำตอบหรือใช้วิธีการ ทดลองแบบใดถึงจะเห็นการเกิดเมฆได้” เด็กๆ ร่วมกันคาดคะเนผลการทดลอง


15 เด็กๆ และครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับผลาการคาดคะเนผลการทดลอง โดยให้ออกมานำเสนอหน้าชั้น เรียน ดังนี้ คุณครู : เด็กๆ ได้คาดคะเนผลการทดลองการเกิดเมฆเป็นอย่างไรบ้าง โอลิน : เอาน้ำร้อนไปตากแดดค่ะ น้ำจะได้ร้อนเร็วๆ อาจจะเห็นเมฆคะ คุณครู : มีใครจะอธิบายเพิ่มไหมครับ ไบร์ท : เอาถุงพลาสติกคลุมไว้ด้วยคะ จะได้มองเห็นชัดๆ สรุปผลการคาดคะเนของเด็กๆ เด็กๆ บอกว่านำน้ำร้อนไปตากแดด นำถุงพลาสติกคลุม เพื่อสังเกตการเกิดเมฆ อาจจะ มองเห็นก้อนเมฆได้ ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (9 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ และคุณครูสนทนาร่วมกัน เพื่อหาวิธีการหาคำตอบ โดยใช้คำถาม “เด็ก ๆ มีวิธีการหาคำตอบ โดยวิธีใดบ้าง ถึงจะทราบวิธีการทดลองการเกิดเมฆ” สรุปได้ว่า คุณครู : แล้วเราจะใช้วิธีการใดหาข้อมูลเพิ่มเติมดีครับ ไบร์ท : ถามคุณครู กับทดลองเหมือนเดิมได้ไหมคะ โอลิน : ไปหาคุณครูวิทยาศาสตร์อีกรอบดีไหม ต้นกล้า : วันนี้เรามีเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ เราให้คุณครูเปิด Youtube ให้เราดูดีไหม เจมส์ : ให้คุณครูหาวิธีให้เราดีไหมครับ เด็กๆ : ดีค่ะ ดีครับ สรุป วิธีหาข้อมูลเพิ่มเติม 1. ไปถามคุณครูในโรงเรียน คุณครูวิทยาศาสตร์กับคุณครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ 2. ทดลอง


16 วิธีการบันทึกและนำเสนอข้อมูล เด็ก ๆ และคุณครูสนทนาร่วมกันต่อไปว่า “แล้วเราจะมีวิธีบันทึกและนำเสนองานอย่างไรครับ เมื่อ ได้รับความรู้จากการค้นหาคำตอบแล้ว” คุณครู : เด็ก ๆ รู้วิธีการหาคำตอบแล้ว และเวลาสอบถามข้อมูลจากคุณครูแล้วเราจะ บันทึกข้อมูลอย่างไรดีครับ ฮาซานะ: วาดภาพระบายสีค่ะ โยเกิร์ต : ออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียนค่ะ สรุป วิธีการบันทึกและนำเสนอข้อมูล 1. วาดภาพระบายสี 2. นำเสนอหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 1. สอบถามครูในโรงเรียน เด็ก ๆ สนทนาและตกลงร่วมกันว่า จะไปสอบถามคุณครูในโรงเรียน จำนวน 2 ท่าน คือ 1. คุณครู สุวิมล แสงสันเทียะ ครูวิชาคอมพิวเตอร์โรงเรียนปากคลองสอง (14-15 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ ได้ไปขอสอบถามคุณครู สุวิมล แสงสันเทียะ เรื่องการทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณครู ได้เปิด Youtube ให้เด็กๆ ดู โดยมีวิธีการทดลอง ดังนี้ วิธีที่ 1 1. นำขวดขนาด 1.5 ลิตร มาตัด 1/3 ของขวด 2. นำน้ำอุ่น/ร้อน เทลงไปในส่วนก้นขวด ประมาณ 1/2 ของขวด 3. นำส่วนฝาขวดกลับด้าน แล้วเสียบปิดส่วนขวด ที่เทน้ำอุ่นใส่ 4. นำน้ำแข็งใส่ส่วนฝาขวด 5. ให้เด็กๆสังเกตการทดลอง วิธีที่ 2 1. นำขวดขนาด 1.5 ลิตร มาตัด 1/3 ของขวด 2. นำน้ำอุ่น/ร้อน เทลงไปในส่วนก้นขวดประมาณ 1/2 ของขวด 3. นำส่วนฝาขวดกลับด้าน แล้วเสียบปิดส่วนขวดที่เท น้ำอุ่นใส่ 4. นำน้ำแข็งใส่ส่วนฝาขวด 5. จุดธูป 5 ดอก เสียบเข้าไปในขวด เพื่อแทนฝุ่นควันใน อากาศ 6. ให้เด็กๆสังเกตการทดลอง


17 2. คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน ครูวิทยาศาสตร์โรงเรียนปากคลองสอง (15 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ ได้ไปขอสอบถามคุณครู ทิพย์ ธารา ยอดคำตัน เรื่องการทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณครู ได้อธิบายให้เด็กๆ ฟังดังนี้ 1. นำขวดขนาด 1.5 ลิตร มาตัดครึ่ง 2. นำน้ำอุ่นเทลงไปในส่วนก้นขวดประมาณ 250 มิลลิลิตร 3. นำส่วนฝาขวดกลับด้าน แล้วเสียบปิดส่วนขวดที่เทน้ำอุ่นใส่ 4. นำน้ำแข็งใส่ส่วนฝาขวด 5. ให้เด็กๆสังเกตการทดลอง 2. ทดลอง 2.1 ทดลอง (15 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) โดยนำวิธีการทดลองจากที่เด็กๆได้คาดคะเน ไว้มาทดลองทีละขั้นตอน ดังนี้ เด็ก ๆ ร่วมกันบันทึกข้อมูลที่ได้จากการไปสอบถามจากคุณครูในโรงเรียน และนำเสนอผลการสืบค้นข้อมูล เด็ก ๆ ทดลองตามขั้นตอน วิธีการที่ได้จากการคาดคะเนผลการทดลองที่ได้สนทนากัน สังเกตบันทึกข้อมูลการ ทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง


18 2.2 ทดลอง ตามข้อมูลที่ได้จากการสอบถามคุณครูในโรงเรียน เด็กๆ ได้ข้อมูลแล้ว เด็กๆ ร่วมกันทดลองทีละขั้นตอน ตามที่ได้ข้อมูลจากการไปสอบถามคุณครูวิทยาศาสตร์(คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน) และคุณครูที่สอน (คุณครู สุวิมล แสงสันเทียะ) พาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Youtube ในการทดลองเมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร (15-16 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) 5. เด็ก ๆ ร่วมกันบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง 1. เด็ก ๆ ร่วมกันจัดเตรียมอุปกรณ์ และแนะนำอุปกรณ์การทดลอง 2. ต้มน้ำให้อุ่นแล้วนำมาเทใส่ในขวดที่เตรียมไว้ทั้ง 2 ขวด ปริมาณ 300 ml. จากนั้นนำส่วนฝาขวดกลับด้าน สวมใส่ในขวด แล้วตักน้ำแข็งใส่ตรงฝาขวด 3. ขวดใบที่ 1 ไม่ใส่ควันธูป และใช้ไฟแช็กจุดธูป จำนวน 5 ดอก เสียบปลายธูปส่วนที่มีควันใส่เข้าไปในขวดใบที่ 2 เพื่อแทนฝุ่นควันในอากาศ 4. เด็กๆ สังเกตการณ์ทดลอง โดยใช้แว่นขยายส่อง


19 จากผลการทดลอง สรุปได้ว่า สามารถมองเห็นหมอกสีขาวๆ คล้ายๆ ก้อนเมฆภายในขวด โดยขวดใบที่ 1 สีของเมฆจะมีสีขาวอ่อนๆ และขวดใบที่ 2 ที่ใส่ควันธูปแทนฝุ่นควันในอากาศ สีเมฆจะมีสีขาว เข้ม ซึ่งมองเห็นเมฆได้ชัดกว่าขวดใบที่ 1 และสรุปได้ว่า เมฆเกิดจากน้ำได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ น้ำเกิดการระเหยเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เจอกับอากาศที่เย็นบนชั้นบรรยากาศ จึงเกิดการรวมตัวกันของไอ น้ำ กลายเป็นกลุ่มก้อนเมฆ ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (17 เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ. 2566) เด็ก ๆ ร่วมกันหาคำตอบจากปัญหาที่สงสัย คือ ทำอย่างไรถึงจะทดลองการเกิดเมฆให้สำเร็จ โดยมีวิธี หาข้อมูล ดังนี้ 1. ไปถามคุณครูในโรงเรียน คุณครูวิทยาศาสตร์กับคุณครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ 2. ทดลอง จากที่เด็กๆได้ ปฏิบัติตามวิธีการหาคำตอบที่เด็กๆได้วางแผนไว้ เด็กๆสามารถบันทึกผลตามวิธีการที่ ออกแบบไว้ คือ 1. วาดภาพระบายสี 2. นำเสนอข้อมูลจากการทดลองหน้าชั้นเรียน บันทึกผลงานเด็ก 1. สอบถามคุณครู ในโรงเรียน สรุป จากการสำรวจสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ของเด็ก ๆ โดยการไปสอบถามคุณครูในโรงเรียน จำนวน 2 ท่าน ผลการสอบถาม คือ ข้อมูลจากคุณครูทิพย์ธารา ยอดคำตัน กับข้อมูลวิธีทดลองที่ 1 ของครู สุวิมล แสงสันเทียะ มีความคล้ายกัน ส่วนวิธีที่ 2 ของครู สุวิมล แสงสันเทียะ มีการเพิ่มควัน ธูปเข้าไป เพื่อแทนฝุ่นควันในอากาศ ดังนี้ 1. คุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน ครูวิทยาศาสตร์โรงเรียนปากคลองสอง


20 เด็ก ๆ ได้ไปขอสอบถามคุณครู ทิพย์ธารา ยอดคำตัน เรื่องการทดลองเมฆ มาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณครู ได้อธิบายให้เด็กๆ ฟังดังนี้ 1. นำขวดขนาด 1.5 ลิตร มาตัดครึ่ง 2. นำน้ำอุ่นเทลงไปในส่วนก้นขวดประมาณ 250 มิลลิลิตร 3. นำส่วนฝาขวดกลับด้าน แล้วเสียบปิดส่วนขวดที่เทน้ำอุ่นใส่ 4. นำน้ำแข็งใส่ส่วนฝาขวด 5. ให้เด็กๆสังเกตการทดลอง 2. คุณครู สุวิมล แสงสันเทียะ ครูวิชาคอมพิวเตอร์โรงเรียนปากคลองสอง เด็ก ๆ ได้ไปขอสอบถามคุณครู สุวิมล แสงสันเทียะ เรื่องการทดลองเมฆมา จากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณครู ได้เปิด Youtube ให้เด็กๆ ดู โดยมีวิธีการทดลอง ดังนี้ วิธีที่ 1 1. นำขวดขนาด 1.5 ลิตร มาตัด 1/3 ของขวด 2. นำน้ำอุ่น/ร้อน เทลงไปในส่วนก้นขวดประมาณ 1/2 ของขวด 3. นำส่วนฝาขวดกลับด้าน แล้วเสียบปิดส่วนขวดที่เทน้ำอุ่นใส่ 4. นำน้ำแข็งใส่ส่วนฝาขวด 5. ให้เด็กๆสังเกตการทดลอง วิธีที่ 2 1. นำขวดขนาด 1.5 ลิตร มาตัด 1/3 ของขวด 2. นำน้ำอุ่น/ร้อน เทลงไปในส่วนก้นขวดประมาณ 1/2 ของขวด 3. นำส่วนฝาขวดกลับด้าน แล้วเสียบปิดส่วนขวดที่เทน้ำอุ่นใส่ 4. นำน้ำแข็งใส่ส่วนฝาขวด 5. จุดธูป 5 ดอก เสียบเข้าไปในขวด เพื่อแทนฝุ่นควันในอากาศ 6. ให้เด็กๆสังเกตการทดลอง เด็ก ๆ ร่วมกันบันทึกข้อมูลที่ได้จากการไปสอบถามจากคุณครูในโรงเรียน และนำเสนอผลการสืบค้นข้อมูล


21 2. ทดลอง 2.1 สรุปการทดลอง โดยนำวิธีการทดลองจากที่เด็กๆได้คาดคะเนไว้มาทดลองทีละขั้นตอน ดังนี้ จากการทดลอง สรุปได้ว่า น้ำระเหยเป็นไอน้ำค่อนข้างเยอะเกาะที่ถุงพลาสติก โดย ใช้เวลาไม่นาน และไอน้ำเกาะรวมตัวกันเป็นหมอกสีขาวๆ มีลักษณะคล้ายก้อนเมฆ 2.2 สรุปการทดลอง ตามข้อมูลที่ได้จากการสอบถามคุณครูในโรงเรียน จากผลการทดลอง สรุปได้ว่า สามารถมองเห็นหมอกสีขาวๆ คล้ายๆ ก้อนเมฆ ภายในขวด โดยขวดใบที่ 1 สีของเมฆจะมีสีขาวอ่อนๆ และขวดใบที่ 2 ที่ใส่ควันธูปแทนฝุ่น ควันในอากาศ สีเมฆจะมีสีขาวเข้ม ซึ่งมองเห็นเมฆได้ชัดกว่าขวดใบที่ 1 และสรุปได้ว่า เมฆ เกิดจากน้ำได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้น้ำเกิดการระเหยเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เจอกับอากาศที่เย็นบนชั้นบรรยากาศ จึงเกิดการรวมตัวกันของไอน้ำ กลายเป็นกลุ่มก้อนเมฆ ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (20-21 เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ. 2566) จากการหาคำตอบ โดยวิธีการต่าง ๆ ของเด็ก ๆ และเด็กๆกับครูร่วมกันสรุป โดยการสนทนาร่วมกัน ถึงคําถามที่เด็กอยากรู้ “ทำอย่างไรถึงจะทดลองการเกิดเมฆให้สำเร็จ” ครูให้เด็กๆทบทวนโดยการ ให้เด็กๆ ออกมาเล่าว่า “เด็กๆหาคําตอบได้โดยวิธีการอย่างไร” และได้ผลการศึกษาหาข้อมูลอย่างไร โดยครูใช้กระดาษ ชาร์ท ประกอบการสนทนากับเด็กๆ ดังนี้ คุณครู : จากที่เด็กๆ นำขั้นตอนทดลองจากการคาดคะเนไปทดลอง มีวิธีการอย่างไร และ ผลเป็นอย่างไรบ้างครับ โอลิน : นำน้ำร้อนใส่ในหม้อแล้วนำไปตากแดด เอาถุงพลาสติดคลุมด้วยค่ะ


22 ไบร์ท : พอเอาถุงพลาสติกคลุมหนูเห็นไอน้ำเกาะที่ถุงเยอะมากเลยค่ะ เป็นสีขาวเหมือน เมฆบนท้องฟ้าเลยค่ะ เด็กๆ : ใช่ครับ ใช่ค่ะ หนูก็เห็นเหมือนกัน คุณครู : จากที่เด็กๆไปถามคุณครูในโรงเรียนเด็กๆ ได้วิธีทดลองการเกิดเมฆไหมครับ มี วิธีการทดลองอย่างไรบ้าง มีนา : ได้ค่ะ คุณครูเวฟ(ครูทิพย์ธารา ยอดคำตัน) บอกว่าเอาขวดมาตัดแล้วเอาน้ำอุ่นใส่ ปิดฝาแล้วเอาน้ำแข็งใสตรงฝา ก็เกิดเมฆค่ะ ไบร์ท : คุณครูสุ (ครูสุวิมล แสงสันเทียะ) ก็บอกค่ะ คล้ายๆกับครูเวฟ แต่อีกอันนึงใส่ควันธูป ด้วยค่ะ ต้นกล้า : ครูสุ เปิด Youtube ให้ดูด้วยครับ คุณครู : เด็กๆ ทดลองแล้วเป็นอย่างไรบ้าง โฟล์ค : เห็นมีไอน้ำในขวดสีขาวๆ คล้ายเมฆเลยครับ แต่ที่ใส่ควันเห็นชัดกว่า คุณครู : จากการหาข้อมูล จนถึงการทดลอง ตรงกับที่เราคาดคะเนไหมครับ โอลิน : ไม่ค่อยตรงค่ะครู เพราะเราทดลองในหม้อ แต่ครูเวฟกับครูสุทดลองในขวด คุณครู : ตรงบ้างไม่ตรงบ้างไม่เป็นไรครับ สำหรับคนที่คาดคะเนไม่ตรง เพราะสิ่งที่เราไม่รู้ หรือไม่ถูกจะนำเราไปสู่ความสำเร็จ แค่นี้ทุกคนก็เก่งมาก ๆ แล้วครับ เด็กๆ และครูร่วมกันสรุปผลการทดลองลงในกระดาษชาร์ท และร่วมกันตั้งชื่อโครงงาน ได้ชื่อโครงงาน ว่า “ฉันคือเมฆ” และนำเสนอหน้าชั้นเรียน เด็กๆ ร่วมกันประเมินความพึงพอใจในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง “ฉันคือเมฆ” มีทั้งหมด 9 คน ผลการประเมิน ได้แก่ เด็กๆ ที่ให้คะแนน ระดับ พอใช้ จำนวน 0 คน คะแนน ระดับ ดี จำนวน 2 คน คะแนน ระดับ ดีมาก จำนวน 7 คน


23 (21 เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ. 2566)หลังจากที่เด็กๆ ได้ทบทวนและอภิปรายผลการทดลองหน้าชั้นเรียน แล้ว เด็กๆ อยากจะนำความรู้ที่ได้ศึกษา สืบค้นข้อมูล และทดลองไปเล่าประสบการณ์หรือไปอภิปรายผลให้ ระดับชั้นอื่นๆ ฟังด้วย โดยเด็กๆ เลือกที่จะไปนำเสนอหน้าเสาธงในชั่วโมงเข้าแถวเคารพธงชาติคุณครูจึงพา เด็กๆ ไปขออนุญาตคุณครูเวรหน้าเสาธงดังกล่าว พร้อมกับให้เด็กๆ อภิปรายผลการทดลอง ดังนี้ เด็กๆ ให้หัวหน้าห้องและรองหัวหน้าห้องแต่ละระดับชั้น ร่วมกันประเมินความพึงพอใจในการทำ โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง “ฉันคือเมฆ” มีทั้งหมด 18 คน ผลการประเมิน ได้แก่ เด็กๆ ที่ให้คะแนน ระดับ พอใช้ จำนวน 0 คน คะแนน ระดับ ดี จำนวน 0 คน คะแนน ระดับ ดีมาก จำนวน 18 คน ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 1.ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐานทั้ง 4 ด้าน ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย 1.1 ด้านการเรียนรู้ - ได้เรียนรู้เรื่อง เมฆมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร และได้ทดลองการเกิดเมฆ - เด็กรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย - เด็กได้ลงมือทำและทอลองด้วยตนเอง อย่างเป็นขั้นตอน - เด็กสามารถอธิบายวิธีการเรียนรู้ของตนเองว่าเรียนรู้อย่างไรทำให้ได้คำตอบที่ อยากรู้ - เด็กสามารถสรุปและนำเสนอข้อสรุปให้แก่ผู้อื่นได้ 1.2 ด้านภาษา - เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาจากการสนทนาโต้ตอบและแสดงความคิดเห็น - เด็กบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลองโดยใช้คำพูดของตนเอง


24 - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอข้อมูลที่ค้นพบด้วยตนเอง - เด็กมีทักษะทางด้านภาษาจากการพูดบรรยายเล่าสิ่งที่สังเกต 1.3 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ คือ คุณครูในโรงเรียน และได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆในห้อง - เด็กแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เช่น การสรุปวิธีการหาคำตอบจากคำถามที่สงสัยและอยากรู้ เป็นต้น 1.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็กสามารถเคลื่อนไหว หยิบ จับและใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กใช้ประสาทสัมผัสโดยการสังเกตที่หลากหลาย 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต - เด็กสามารถการบอกลักษณะสิ่งที่สังเกตได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ด้วย ประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การสังเกตการเกิดเมฆ สังเกตไอน้ำลอยออกมาจากขวด 2.2 ทักษะการวัด - เด็กรู้จักใช้อุปกรณ์ต่างๆในการวัด/ตวง เช่น ใช้ ถ้วยตวงในการคำนวณปริมาณน้ำ หรือปริมาณน้ำแข็ง 2.3 ทักษะการจำแนกประเภท - เด็กสามารถจำแนกสีของเมฆ ความเข้มความจางของไอน้ำ 2.4 ทักษะการคำนวณ - เด็กได้คำนวณปริมาณของน้ำ น้ำแข็ง จำนวนของธูปในการนำมาทดลอง 2.5 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคำตอบ - เด็กสามารถใช้ความคิดเห็นส่วนตัว หรือประสบการณ์เดิมแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในการคาดคะเนผลการทดลอง และสามารถคาดคะเนคำตอบจากคำถามที่อยากรู้ โดย คาดคะเนสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้จากการทดลอง 2.6 ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา - เรียนรู้การเกิดเมฆ สามารถอธิบายได้ว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เมฆจะมีขนาดใหญ่ ขึ้นเพระการสะสมไอน้ำในอากาศ - เด็กได้รู้จากใช้เวลา สภาพแวดล้อมในการกำหนดการทดลอง


25 2.7 ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล - เด็กสามารถทำการทดลองการเกิดเมฆได้ด้วยตนเอง และสามารถอธิบายขั้นตอน การทดลองทีละขั้นตอน 2.8 ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล - เด็กสามารถยกมือแสดงความคิดเห็นตามประสบการณ์ที่ได้พบเจอ และสามารถ สรุปผลการลงความเห็นร่วมกันได้


26


Click to View FlipBook Version