การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ผลของการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อทักษะทาง วิทยาศาสตร์และความพึงพอใจในรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ปภาดา อักษร1 พรนภา สีผึ้ง2 ดารารัตน์ชัยพิลา3 1 นักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ E-mail: [email protected] 2 ครูพี่เลี้ยง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม E-mail: [email protected] 3 อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่อง ปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม 2) เพื่อ เปรียบเทียบทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม และ 3) เพื่อศึกษาความพึง พอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคมที่มีต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียน ท่าตะโกพิทยาคม 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยประกอบด้วย 1) ชุด กิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชุด พร้อมคู่มือการใช้ชุดกิจกรรม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน จำนวน 12 แผน 3) แบบวัดทักษะทาง วิทยาศาสตร์เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E₁) ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E₂) การเปรียบเทียบทักษะทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนก่อนและหลังทดลองโดยเปรียบเทียบ คะแนนการทำแบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะ ทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโก พิทยาคมมีค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E₁) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์(E₂) เท่ากับ 75.20/76.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ กำหนดไว้เมื่อเปรียบเทียบทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ พบว่ามีทักษะทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าเรียน และมีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด คำสำคัญ: ชุดกิจกรรมพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์, ทักษะทางวิทยาศาสตร์, ความพึงพอใจ
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” The effects of using Science activity packages on Science Skills and Satisfaction in science courses of mathayomsuksa 1 students Papada Akson1 Pornnapa Siphueng2 Dararat Chaipila3 1 General Science students Faculty of Education Nakhon Sawan Rajabhat Unuversity E-mail: [email protected] 2 Mentor teacher, science and technology learning group thatakophitayakom school E-mail: [email protected] 3 Lecturer in General Science Faculty of Education Nakhon Sawan Rajabhat Unuversity E-mail: [email protected] ABSTRACT The objectives of this research were 1 ) To determine the efficiency of the science skill development learning activity package about weather phenomena in everyday life for Mathayomsuksa 1 students, Thatakophitayakom School 2) To compare science skills before and after using the science skills learning activity package. about weather phenomena in everyday life of mathayomsuksa 1 students, Thatakophitayakom School and 3) To study the satisfaction of Mathayomsuksa 1 students at Thatako phitayakom School towards science learning through learning activity packages. about weather phenomena in everyday life the samples used in this research were 30 students in Mathayomsuksa 1, Thatakophitayakom School 1, a classroom, which were drawn by simple random sampling. The tools used in the research consisted of 1) a set of learning activities to develop science skills. about weather phenomena in everyday life for Mathayomsuksa 1 students, 1 set, together with a manual for using the activity set 2) a learning management plan for using the activity set to develop science skills about weather phenomena in everyday life, amounting to 12 plans 3) Scientific Skills Test It was a multiple choice test with 4 options, 30 items and 4) a satisfaction questionnaire with learning management, 15 items. The statistics used to analyze the data were percentage, mean, process efficiency (E₁), result efficiency (E₂), comparison of students' science skills before and after the experiment by comparing scores on the science skills test. The results showed that the effectiveness of the activity pack for developing science skills about weather phenomena in everyday life For Mathayomsuksa 1 students at Thatakophitayakom School, the efficiency of the process (E₁) and the efficiency of the result (E₂) was 75.20/76.33, which was higher than the specified criteria. When comparing science skills before and after using the science skills development learning activity package, it was found that post-learning science skills were higher than that of learning. and their satisfaction with learning science subjects with the learning activity package was at the highest level. Keywords: Science activity packages on Science Skills, Science Skills, Satisfaction
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” บทนำ การศึกษาในปัจจุบันพบปัญหาหลายแบบ ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีหรืออาจมาจากการ เปลี่ยนแปลงด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วเกิดข้อมูลข่าวสารขึ้นมากมาย การเรียนรู้ในปัจจุบันจึง เกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสารทำให้มีการติดต่อกันอย่าง รวดเร็ว จึงเกิดการเรียนรู้ได้ตลอดเวลาทั้งที่เป็นประโยชน์และเป็นโทษ การเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์จะทำให้ผู้เรียนได้รับการเรียน มุ่งสู่การพัฒนาได้แต่การเรียนรู้ที่เป็นโทษจะส่งผลให้เป็นภัยต่อสังคม การฝึกทักษะที่ส่งเสริมการคิดจึงเป็นกลไกสำคัญที่ใช้ใน การเรียนรู้และแยกแยะสิ่งที่ดีและไม่ดีได้อย่างมีเหตุผล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในปัจจุบันและอนาคต เป็น คุณลักษณะสำคัญที่ต้องส่งเสริมให้เกิดขึ้นในผู้เรียน เพื่อให้มีทักษะกระบวนการคิดและนำการคิดไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านดี จากการสอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์พบผู้เรียนที่มีปัญหาการขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์อาทิผู้เรียนไม่สามารถ แยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ให้สังเกตระหว่างเรียนได้หรือผู้เรียนไม่เข้าใจในบางเนื้อหาที่ต้องใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้พบปัญหาผู้เรียนไม่ค่อยสนใจและใส่ใจกับการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เนื่องด้วยผู้เรียนรู้สึกว่าเนื้อหา วิทยาศาสตร์มีความน่าเบื่อ เรียนแล้วไม่สนุก ยิ่งเรียนยิ่งไม่เข้าใจ ทำให้ผู้เรียนไม่สนใจ ละเลยหรือทิ้งเนื้อหา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ได้มีการปฏิรูปการจัดการเรียนรู้ในหลายระดับ โดยเปลี่ยนจากการ เน้นผู้สอนเป็นศูนย์กลาง ให้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การจัดการเรียนมีผู้สอนเป็นผู้แนะนำเพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุ เป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายที่พึงประสงค์หากขาดผู้สอนอาจส่งผลให้ผู้เรียนไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเรียน เปรียบเสมือนผู้ที่ เดินทางโดยไม่มีเข็มทิศ ขาดเป้าหมายในการเดินและนำไปสู่การหลงทางและไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ทั้งนี้ผู้สอนยังต้องจัด สภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการเรียนให้ส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนวการจัด การศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ในหมวด 4 มาตรา 22 กล่าวว่าการจัดการเรียนรู้ต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้โดยผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาตามศักยภาพของตนเอง ในมาตรา 23 กล่าวว่าการพัฒนาความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการ จัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และมาตรา 24 ผู้สอนต้อง คำนึงถึงการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมที่สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน คำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคล มีการฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ สถานการณ์การประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ต้องมี การจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้มีการจัดกิจกรรมที่ผสมผสานความรู้ต่าง ๆ ปลูกฝัง คุณธรรม ค่านิยมที่ดีและคุณลักษณะอันพึงประสงค์(สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, 2562, หน้า 6) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดีมีปัญญา มี ความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ มีจุดมุ่งหมาย 5 ประการ โดยในประการที่ 2 กล่าวว่า ผู้เรียนควรมี ความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต ซึ่งสอดคล้อง กับสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้พัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการ เรียนรู้ที่กำหนด มี5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีจุดมุ่งหมายเหล่านี้เป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญของการ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน นอกจากนี้มาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, หน้า 5) ซึ่งกำหนดให้สาระการเรียนรู้กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญสาระหนึ่ง เพื่อมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นกระบวนการเพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน โดยผู้เรียนนั้นมี ส่วนร่วมในการเรียนการสอนทุกขั้นตอน เนื่องจากวิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันและการ
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ประกอบอาชีพต่าง ๆ วิทยาศาสตร์สามารถพัฒนาวิธีคิด ให้เป็นเหตุเป็นผล คิดอย่างสร้างสรรค์วิเคราะห์วิจารณ์มีทักษะ สำคัญในการค้นคว้าหาความรู้มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และ ตรวจสอบได้วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการ พัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อที่จะได้มีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำ ความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผลสร้างสรรค์และมีคุณธรรม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, หน้า 94) ซึ่งสอดคล้องกับสถาบันส่งเสริม การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(2552, หน้า 7) โดยกล่าวว่า วิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการทางความคิดที่ยิ่งใหญ่ของ มนุษยชาติที่จะสืบเสาะเพื่อรู้ให้จงได้ถึงความลึกลับดำมืดที่แอบซ่อนอยู่กับธรรมชาติหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งมวล ช่วยให้ คนเรารู้จักความสัมพันธ์ของสิ่งใกล้ตัว สิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนั้นผู้สอนจึงควรจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนได้ ฝึกปฏิบัติลงมือด้วยตนเอง เผชิญกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้การวางรากฐานของหลักสูตรที่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและการเรียนการ สอนตามแนวคิดดังกล่าว เปรียบเสมือนสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ผู้สอนเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ อำนวย ความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ดังนั้นการจัดการเรียนสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติฝึกฝนทักษะกระบวนการ ส่งเสริม ทักษะการคิดของผู้เรียนนั้น จะต้องสอดคล้องกับความชอบและความสามารถเพื่อที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ จากเหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มี ต่อทักษะทางวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจในรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใช้ในจัดการเรียนการ สอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมกระตุ้นและพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนช่วยให้ผู้เรียนสามารถ เข้าใจ มีทักษะทางวิทยาศาสตร์และสนุกสนานกับเนื้อหาที่เรียนได้ซึ่งสอดคล้องกับ วษุนีวรรณลือชา (2558, หน้า 109) ซึ่ง ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้จากชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้น พื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 83.84/82.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีระดับความพึงพอใจโดยรวม อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด มี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.79 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.43 ภาณุวัฒน์เปรมปรี(2565, หน้า 43-46) ผลการวิจัยพบว่า ชุดกิจกรมมการเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศน้ำจืด มีประสอทธิ ภาพ 82.98/80.53 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05 เจตคติต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อชุดการเรียนอยู่ในระดับดีมาก นาเดีย คาเร็ง (2556, หน้า 44-45) ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสงที่สร้าง ขึ้นมีประสิทธิภาพ 82.29/82.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์มีคะแนนหลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์มาก ที่สุด จากสภาพปัญหาในการจัดการศึกษาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในสังคมโลกปัจจุบัน และ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ที่ปฏิรูปการจัดการเรียนรู้ในหลายระดับ เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีผู้สอนเป็นผู้ คอยให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เป็นไปตามแนวการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ที่ผู้สอนต้องพัฒนาความรู้ทักษะทางวิทยาศาสตร์คำนึงถึงการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมที่ สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล มีการฝึกทักษะ กระบวนการคิด การ จัดการ สถานการณ์การประยุกต์ความรู้และต้องมีการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผู้วิจัยจึงตระหนักถึงปัญหา การเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ที่ต้องได้รับการพัฒนา จึงมีความสนใจในการดำเนินการวิจัยเรื่องผลของการใช้ชุดกิจกรรมการ
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” เรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อทักษะทางวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจในรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะทางวิทยาศาสตร์และมีความพึงพอใจ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศใน ชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม 2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่มีต่อการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สมมติฐานการวิจัย 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ 75/75 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทาง วิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีทักษะทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทาง วิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีระดับค่าเฉลี่ยของระดับความพึงพอใจสูงกว่า 3.50 ขึ้นไป วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง หรือกลุ่มเป้าหมาย ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์เขต 42 ตำบลดอนคา อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์จำนวน 9 ห้องเรียน รวม ทั้งสิ้น 318 คน กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ตำบล ดอนคา อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์จำนวน 1 ห้อง จำนวนนักเรียน 30 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 1. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 1 เรื่องบรรยากาศ เวลา 2 ชั่วโมง 1.2 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 2 เรื่องสมบัติของอากาศ เวลา 1 ชั่วโมง 1.3 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 3 เรื่องสมบัติของอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง 1.4 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 4 เรื่องสมบัติของอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง 1.5 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 5 เรื่องสมบัติของอากาศ เวลา 2 ชั่วโมง 1.6 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 6 เรื่องเมฆ หมอก และน้ำค้าง เวลา 2 ชั่วโมง
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” 1.7 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 7 เรื่องเมฆ หมอก และน้ำค้าง เวลา 2 ชั่วโมง 1.8 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 8 เรื่องฝน เวลา 2 ชั่วโมง 1.9 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 9 เรื่องลมและพายุ เวลา 2 ชั่วโมง 1.10 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 10 เรื่องลมและพายุ เวลา 2 ชั่วโมง 1.11 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 11 เรื่องการพยากรณ์อากาศ เวลา 2 ชั่วโมง 1.12 แผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 12 เรื่องปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม และการป้องกันเวลา 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 23 ชั่วโมง 1. แผนการจัดการเรียนรู้ 1) ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตัวชี้วัดและสาระการ เรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน รายละเอียดของ เนื้อหาวิชา กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล และการแบ่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับเวลาในดำเนินการสอน 2) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดย ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์สืบค้นข้อมูลจากตำรา เอกสาร วารสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3) เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ให้ครอบคลุมเนื้อหา เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน โดยแผนการ สอนแต่ละแผนจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ ชื่อของแผนการจัดการเรียนรู้แนวคิดสำคัญ มาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้คุณลักษณะอันพึงประสงค์สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ทักษะทางวิทยาศาสตร์สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้สื่อและแหล่งการเรียนรู้การวัดและการประเมินผล โดยกำหนดหัวข้อเรื่อง เนื้อหา และเวลาที่ใช้ในการ ดำเนินการที่ใช้ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้นตอน (The 5Es of Inquiry-Based Learning) โดยแทรกการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ในบางขั้นตอน โดยขั้นสร้างความสนใจพัฒนาทักษะ การสังเกต, ขั้นสำรวจและค้นหาพัฒนาทักษะการสังเกตกับทักษะการพยากรณ์, ขั้นอธิบายและลงข้อสรุปพัฒนาทักษะการ คำนวณกับทักษะการจำแนกประเภท, ขั้นขยายความรู้พัฒนาทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลกับทักษะการลง ความเห็นจากข้อมูล และขั้นประเมินผลทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล 4) นำแผนการจัดการเรียนรู้เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านความเหมาะสม ของจุดประสงค์เนื้อหา กิจกรรมและความเหมาะสมของภาษา ตรวจสอบความถูกต้อง ชี้แนะข้อบกพร่อง โดยพิจารณาจาก คุณภาพแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยใช้เกณฑ์แบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) ตามวิธี ของลิเคอร์ท (likert scale) ซึ่งมี5 ระดับ ได้แก่ 5 คะแนน หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 4 คะแนน หมายถึง เหมาะสมมาก 3 คะแนน หมายถึง เหมาะสมปานกลาง 2 คะแนน หมายถึง เหมาะสมน้อย 1 คะแนน หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด 5) ผลจากการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญมีเฉลี่ยค่าเท่ากับ 3.87 อยู่ในระดับเหมาะสมมาก 6) นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ปรับปรุงแก้ไข ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ไปใช้ในการวิจัยกับกลุ่มทดลอง 2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ในรายวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศใน ชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 จำนวน 1 ชุด พร้อมคู่มือการใช้ชุดกิจกรรม
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” การสร้างชุดกิจกรรม 1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดย ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์จากตำรา เอกสาร วารสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2) ศึกษาเขียนข้อมูลจากตำรา เอกสาร และวารสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) ดำเนินการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศใน ชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใน 1 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้จะประกอบด้วย บรรยากาศ, สมบัติของอากาศ, เมฆ หมอก และน้ำค้าง, ฝน, ลมและพายุ, การพยากรณ์อากาศ, ปัจจัยทางธรรมชาติและ กิจกรรมของมนุษย์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม และการป้องกัน 4) นำชุดกิจกรรมการเรียนรู้เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านความเหมาะสม ของจุดประสงค์เนื้อหา กิจกรรมและความเหมาะสมของภาษา ตรวจสอบความถูกต้อง ชี้แนะข้อบกพร่อง โดยพิจารณาจาก คุณภาพแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยใช้เกณฑ์แบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) ตามวิธี ของลิเคอร์ท (likert scale) ซึ่งมี5 ระดับ ได้แก่ 5 คะแนน หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 4 คะแนน หมายถึง เหมาะสมมาก 3 คะแนน หมายถึง เหมาะสมปานกลาง 2 คะแนน หมายถึง เหมาะสมน้อย 1 คะแนน หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด 6) ผลจากการตรวจชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญมีเฉลี่ยค่าเท่ากับ 3.80 อยู่ในระดับเหมาะสมมาก 7) นำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้จากการประเมินมาปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ 8) ผู้วิจัยได้นำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปทดลองใช้กับผู้เรียน 9) ผู้วิจัยจัดทำชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศใน ชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ฉบับสมบูรณ์ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ ทดสอบเครื่องมือ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน 3. แบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ ในรายวิชา วิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใช้แบบทดสอบชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยจะออกแบบให้สอดคล้องทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้วิจัยออกแบบไว้ การสร้างแบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ 1) ศึกษาเขียนข้อมูลจากตำรา เอกสาร และวารสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและกำหนดรูปแบบ แบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์6 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการคำนวณ ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะ การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล และทักษะการพยากรณ์ 2) ดำเนินการสร้างแบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชา วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้สอดคล้องกับเนื้อหาจุดประสงค์การเรียนรู้และทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 3) นำแบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ จำนวน 3 ท่าน ได้พิจารณาตรวจสอบความสอดคล้องกับเนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ความถูกต้องและความเหมาะสมของ
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ภาษา ตรวจสอบความถูกต้อง ชี้แนะข้อบกพร่อง โดยตรวจให้คะแนนแบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ตามเกณฑ์การ ประเมินที่กำหนดไว้ดังนี้ +1 คือ แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดได้ตรงตามจุดประสงค์ 0 คือ ไม่แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดได้ตรงตามจุดประสงค์ -1 คือ แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดได้ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 5) ผลจากการตรวจแบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญมีค่าเฉลี่ยความสอดคล้องเท่ากับ 0.80 6) นำแบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชา วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุงแก้ไข 7) นำแบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชา วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ฉบับสมบูรณ์นำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบเครื่องมือ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์เขต 42 ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน 4. แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทาง วิทยาศาสตร์ในรายวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบสอบถาม จำนวน 15 ข้อ การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ 1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ เพื่อนำไปสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนา ทักษะทางวิทยาศาสตร์จากตำรา เอกสาร วารสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามความพึง พอใจ 2) กำหนดโครงสร้างของแบบสอบถามความพึงพอใจ ประกอบด้วย เนื้อหาสาระกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบของสื่อ ความรู้สึกต่อคุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับ 3) ดำเนินการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ ที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่อง ปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 15 ข้อ 4) นำแบบสอบถามความพึงพอใจ มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ จำนวน 3 ท่าน ได้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้อง ชี้แนะ ข้อบกพร่อง โดยพิจารณาจากค่า IOC > 0.5 แล้วนำข้อเสนอมาปรับปรุงแก้ไข โดยตรวจให้คะแนนแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน ตามเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้ดังนี้ +1 คือ แน่ใจว่ารายการประเมินนั้นวัดได้ตรงตามจุดประสงค์ 0 คือ ไม่แน่ใจว่ารายการประเมินนั้นวัดได้ตรงตามจุดประสงค์ -1 คือ แน่ใจว่ารายการประเมินนั้นวัดได้ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 5) นำแบบสอบถามความพึงพอใจ มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการแนะนำจาก ผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุงแก้ไข 6) พิจารณาความเหมาะสมของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จากค่าเฉลี่ยความเห็น ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป จึง ถือว่าแบบสอบถามนั้นมีความเที่ยงตรง
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” 7) นำแบบสอบถามความพึงพอใจ มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ฉบับสมบูรณ์นำไปใช้กับกลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบเครื่องมือ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษานครสวรรค์เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 1) ชี้แจงให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ได้รับทราบขั้นตอนการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และการปฏิบัติกิจกรรมอย่างถูกต้อง 2) ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนเรียน (pre-test) จำนวน 30 ข้อ เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น บันทึกผลการ สอบไว้เป็นคะแนนทดสอบก่อนเรียน 3) ดำเนินการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบการใช้แผนการจัดการ เรียนรู้โดยดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 23 ชั่วโมง ระหว่างเดือน ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์2565 4) ทำการทดสอบหลังเรียน (post-test) โดยใช้แบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์จำนวน 30 ข้อ เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้วบันทึกผลการทดสอบเป็น คะแนนหลังเรียน 5) นักเรียนตอบแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทาง วิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 15 ข้อ และวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยร้อยละความพึงพอใจ 6) นำคะแนนที่ได้จากการทดสอบหลังเรียน ไปวิเคราะห์โดยใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และความก้าวหน้า เพื่อทดสอบ สมมติฐานต่อไป 4. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ 1. ค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 2. สถิติที่ใช้ในการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีดังนี้หาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E₁) หา ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E₂) 3. วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้และแบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์โดยหาค่าดัชนีของ ความสอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญ ผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อทักษะทางวิทยาศาสตร์ และความพึงพอใจในรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม มีรายละเอียดดังนี้
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ตารางที่ 1 ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศ ในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม คะแนนเต็ม ของชุด กิจกรรม คะแนนเฉลี่ย ของชุด กิจกรรม คะแนนเต็ม ของ แบบทดสอบ หลังเรียน คะแนนเฉลี่ย ของ แบบทดสอบ หลังเรียน จำนวนผู้เรียน (คน) ประสิทธิภาพ ของ กระบวนการ E₁ ประสิทธิภาพ ของผลลัพธ์ E₂ 100 75.20 30 22.90 30 75.20 76.33 E₁/ E₂ = 75.20/76.33 จากตารางที่ 1 พบว่า การหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม มีประสิทธิภาพของ กระบวนการซึ่งเป็นคะแนนรวมของผู้เรียนทุกคนจากการปฏิบัติกิจกรรมในชุดกิจกรรมโดยคิดเป็นร้อยละ 75.20 และมี ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ซึ่งเป็นคะแนนรวมของผู้เรียนทุกคนจากการสอบหลังเรียนโดยคิดเป็นร้อยละ 76.33 แสดงว่าชุด กิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 นี้มีประสิทธิภาพเท่ากับ 75.20/76.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ตารางที่ 2 ผลการเปรียบเทียบทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทาง วิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (กลุ่มตัวอย่าง) ที่ คะแนนก่อนเรียน (30 คะแนน) คะแนนหลังเรียน (30 คะแนน) คะแนน ความก้าวหน้า 1 8 23 +15 2 10 23 +13 3 8 24 +16 4 7 24 +17 5 10 23 +13 6 7 19 +12 7 10 21 +11 8 10 22 +12 9 7 22 +15 10 7 22 +15 11 8 22 +14 12 11 23 +12 13 7 23 +16
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ที่ คะแนนก่อนเรียน (30 คะแนน) คะแนนหลังเรียน (30 คะแนน) คะแนน ความก้าวหน้า 14 12 24 +12 15 10 25 +15 16 7 22 +15 17 9 23 +14 18 10 22 +12 19 8 24 +16 20 9 22 +13 21 9 21 +12 22 7 23 +16 23 15 27 +12 24 9 24 +15 25 4 19 +15 26 11 21 +10 27 10 24 +14 28 10 26 +16 29 12 24 +14 30 10 25 +15 ผลรวม 272 687 415 ค่าเฉลี่ย 9.07 22.90 13.83 ค่าเฉลี่ยร้อยละ 30.23 76.33 46.10 จากตารางที่ 2 พบว่า นักเรียนมีผลการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนา ทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนร้อยละ 76.33 สูงกว่า ก่อนเรียน ที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนร้อยละ 30.23 และมีความก้าวหน้าร้อยละ 46.10
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ตารางที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่มีต่อการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน รายการประเมิน คะแนนเฉลี่ย แปลผล 1. ด้านครูผู้สอน 1.1 ครูผู้สอนมีการเตรียมการสอนล่วงหน้า 4.63 มากที่สุด 1.2 ครูผู้สอนมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ใน เนื้อหาวิชา 4.73 มากที่สุด 1.3 ครูผู้สอนมีความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอนเป็นอย่างดี 4.76 มากที่สุด 1.4 ครูผู้สอนมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับความเป็นครู 4.83 มากที่สุด 1.5 ครูผู้สอนมีความเป็นกันเอง ให้คำแนะนำและรับฟังความคิดเห็น 4.83 มากที่สุด 1.6 ครูผู้สอนมีความตั้งใจและเข้าสอนอย่างสม่ำเสมอ 4.93 มากที่สุด 1.7 ครูผู้สอนให้ความช่วยเหลือนักเรียนทั้งในและนอกเวลาเรียน 4.67 มากที่สุด คะแนนรวมเฉลี่ย 4.77 มากที่สุด 2. ด้านกระบวนการสอน 2.1 การแบ่งเวลาในส่วนของการบรรยายและการทำกิจกรรมที่มีความเหมาะสม 4.63 มากที่สุด 2.2 จำนวนเนื้อหาที่เรียนมีความเหมาะสมกับเวลาเรียน 4.56 มากที่สุด 2.3 ใช้สื่อการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาที่สอน 4.80 มากที่สุด 2.4 อธิบาย ชี้แจง ในรายละเอียดเนื้อหาที่สอนได้อย่างชัดเจน 4.83 มากที่สุด 2.5 มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม 4.70 มากที่สุด 2.6 มีกิจกรรมการเรียนการสอนส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาการคิดได้อภิปราย ซักถาม และแสดงความคิดเห็น 4.80 มากที่สุด คะแนนรวมเฉลี่ย 4.71 มากที่สุด 3. ด้านสถานที่และการใช้สื่อต่าง ๆ 3.1 ห้องเรียน สื่อและสิ่งอำนวยความสะดวก ในห้องเรียนอย่างเหมาะสมและ เพียงพอ 4.63 มากที่สุด 3.2 สื่อการสอนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอนมีความเหมาะสม 4.67 มากที่สุด คะแนนรวมเฉลี่ย 4.65 มากที่สุด รวมเฉลี่ยทุกด้าน 4.71 มากที่สุด จากตารางที่ 3 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่มีต่อการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุด กิจกรรมในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 เมื่อพิจารณาทีละด้านพบว่า ด้านครูผู้สอนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.77 อยู่ในระดับ มากที่สุด ด้านกระบวนการสอนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านสถานที่และการใช้สื่อต่าง ๆ มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.65 อยู่ในระดับมากที่สุด
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” สรุปผลและอภิปรายผล สรุปผลการวิจัย 1. ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศ ในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม มีประสิทธิภาพ 75.20/76.33 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. ผลการประเมินพัฒนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีทักษะทางวิทยาศาสตร์หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนร้อยละ 76.33 สูงกว่าก่อนเรียน ที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนร้อยละ 30.23 และมีค่า ร้อยละความก้าวหน้าร้อยละ 46.10 3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่เรียนโดยใช้ชุด กิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีระดับค่าเฉลี่ยของระดับ ความพึงพอใจเท่ากับ 4.71 ซึ่งอยู่ในระดับความพึงพอในมากที่สุด อภิปรายผลการวิจัย ผลจากการวิจัย พบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 1. จากการสร้างและการหาคุณภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์ เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่ามีความสนใจในกิจกรรมและการมีส่วนร่วมเพื่อ พัฒนาทักษะทางทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้นักเรียนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ซึ่งชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนา ทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวันถูกสร้างขึ้นโดยผู้วิจัยโดยมีเนื้อหาที่อิงมาจากหนังสือ เรียนวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(ศรีลักษณ์ผลวัฒนะ, 2562) ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับ อากาศในชีวิตประจำวัน ได้ประเมินจากคะแนนรวมของผู้เรียนทุกคนจากการปฏิบัติกิจกรรมในชุดกิจกรรม คะแนนเต็มของชุด กิจกรรม คะแนนรวมของผู้เรียนที่สอบหลังเรียนในชุดกิจกรรม คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน และจำนวนผู้เรียน ซึ่งมี ประสิทธิภาพเท่ากับ 75.20/76.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. จากการเปรียบเทียบทักษะทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโก พิทยาคม ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีทักษะทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนร้อยละ 76.33 สูงกว่าก่อนเรียน ที่มีค่าเฉลี่ย คะแนนร้อยละ 30.23 และมีค่าร้อยละความก้าวหน้าร้อยละ 46.10 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้เนื่องจากในการฝึกทักษะ มีการฝึกให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์หาคำตอบด้วยตนเอง มีการพัฒนาผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติเพื่อเป็นการฝึกให้ผู้เรียน เกิดการใช้ทักษะจนเกิดความชำนาญ ซึ่งสอดคล้องกับวษุนีวรรณลือชา (2558) พบว่า นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้จากชุด กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มี ประสิทธิภาพ 83.84/82.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ 0.05 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีระดับความพึงพอใจโดยรวม อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.79 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.43
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” 3. จากการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่เรียนโดยใช้ชุด กิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน มีระดับค่าเฉลี่ยของระดับ ความพึงพอใจเท่ากับ 4.71 ซึ่งอยู่ในระดับความพึงพอในมากที่สุด ที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องมาจากการเรียนการสอนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศในชีวิตประจำวัน สร้างความเข้าใจ ความ สนุกสนานให้กับผู้เรียน นอกจากนี้ชุดกิจกรรมช่วยลดบทบาทของครูผู้สอน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ทำให้มี ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับภาณุวัฒน์เปรมปรี(2565) พบว่าชุดกิจกรมมการเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศน้ำจืด มีประสอทธิภาพ 82.98/80.53 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของ นักเรียนกลุ่มตัวอย่างสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เจตคติต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนักเรียนกลุ่ม ตัวอย่างสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อชุดการเรียนอยู่ใน ระดับดีมาก และสอดคล้องกับนาเดีย คาเร็ง (2556) พบว่าชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสงที่สร้างขึ้นมี ประสิทธิภาพ 82.29/82.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์มีคะแนนหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์มากที่สุด ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้หรือข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 1. การจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์เรื่องปรากฏการณ์เกี่ยวกับอากาศใน ชีวิตประจำวัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นการเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์โดยถูกกำหนดให้ ฝึกทักษะเพียง 6 ทักษะจากทั้งหมด 14 ทักษะ ดังนั้น ควรให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะอื่นนอกเหนือจาก 6 ทักษะตามความถนัดและ ความสามารถของผู้เรียนด้วย 2. ครูผู้สอนควรลดระยะเวลาในการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้น้อยลง เพื่อความกระชับของเนื้อหาและให้มีความเหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน ข้อเสนอแนะในการวิจัยต่อไป 1. ควรศึกษาการนำทักษะทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 14 ทักษะมาปรับใช้ในการสอนรูปแบบอื่น หรือเนื้อหาอื่นเพิ่มเติมที่ หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นการฝึกทักษะของผู้เรียนในด้านอื่น ๆ 2. ควรจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนในรูปแบบของการจัดการเรียนรู้ที่แปลกใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น กิตติกรรมประกาศ ผลของการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อทักษะทางวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจใน รายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ยิ่งจากอาจารย์ดารารัตย์ชัยพิลา อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ได้กรุณาให้คำปรึกษา ชี้แนะข้อบกพร่อง แนะแนวทาง และตรวจแก้ไข ข้อบกพร่องต่าง ๆ ของงานวิจัยมาโดยตลอด ทำให้งานวิจัยฉบับนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ผู้วิจัยขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย อาจารย์ดารารัตน์ชัยพิลา อาจารย์ประจำสาขาวิชา วิทยาศาสตร์ทั่วไป นางสาวขนิษฐา สกุลวา ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม และนางสาวพรนภา สีผึ้ง ตำแหน่งครูประจำวิชาวิทยาศาสตร์วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียน ท่าตะโกพิทยาคม ที่ได้กรุณาให้ความอนุเคราะห์ในการให้ความรู้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ตรวจสอบความถูกต้อง ชี้แนะ
การประชุมวิชาการระดับชาติ “การนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษา สาขาการศึกษา ระดับปริญญาตรี ครั้งที่ 5” ข้อบกพร่อง ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือสำหรับใช้ใช้การจัดการเรียนรู้ผ่านการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะทาง วิทยาศาสตร์ที่มีต่อทักษะทางวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจในรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในครั้งนี้ ขอกราบขอบพระคุณ นายสังวร ยมรัตน์ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม คณะครูและขอบใจนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าตะโกพิทยาคม ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานวิจัยในครั้งนี้เป็นอย่างดี ขอบพระคุณครอบครัวที่คอยดูแล สนับสนุน ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ และกระตุ้นสร้างแรงผลักดันให้เสมอ รวมทั้งรุ่นพี่ เพื่อนในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่ได้ให้คำแนะนำเมื่อเจอปัญหา ช่วยเหลือและสนับสนุนมาโดยตลอด ผู้วิจัยหวังว่า งานวิจัยฉบับนี้จะสร้างคุณประโยชน์อยู่ไม่น้อย ผู้วิจัยจึงขอน้อมเป็นเครื่องบูชาพระคุณของบิดา มารดา ครูอาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่านที่ให้การอบรมสั่งสอน และให้การสนับสนุนด้านการศึกษาด้วยความเคารพอย่างสูง เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. ศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 5, 7-19. ฐาปนี ฤทธิ์เกิด. (2564). ทักษะทางวิทยาศาสตร์ 14 ทักษะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิชาวิทยาศาสตร์. StartDee. https://blog.startdee.com/ทักษะทางวิทยาศาสตร์-14-ทักษะ-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่-1-วิชาวิทยาศาสตร์ นาเดีย คาเร็ง. (2556). ผลของการใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสงที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทร์นครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช. พัฒนา พรหมณี, ยุพิน พิทยาวัฒนชัย และจีระศักดิ์ ทัพผา. (2563). แนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจ และการสร้าง แบบสอบถามความพึงพอใจในงาน. วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.), ปีที่ 26 (ฉบับที่ 1), หน้า 60. ภาณุวัฒน์ เปรมปรี. (2556). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศน้ำจืด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประเทียบวิทยาทาน จังหวัดสระบุรี. สระบุรี: โรงเรียนประเทียบวิทยาทาน. วษุนี วรรณลือชา. (2558). ผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน เรื่อง ดินและการใช้ประโยชน์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่2. กาญจนบุรี : โรงเรียนบ้านเจ้าเณร. วิรุฬ พรรณเทวี.(2542).ความหมายของความพึงพอใจ(ออนไลน์). สืบค้นจากhttp://maitree3.blogspot.com/2011/03/ blog-post.html. วันที่สืบค้น 10 ตุลาคม 2565. ศรีลักษณ์ ผลงัฒนะ. (2562). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1.กรุงเทพฯ: แม็ค เอ็ดดูเคชั่น. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552). การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มวิทยาศาสตร์หลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐาน. กรุงเทพฯ: สถาบันฯ. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542.กรุงเทพฯ: สำนักนายกรัฐมนตรี.