The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

05-ชุดฝึก-5-การใช้คำและกลุ่มคำสร้างประโยค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Suchada Jinnie, 2022-06-16 22:40:49

ชุดที่ 5 เรื่อง การใช้คำและกลุ่มคำสร้างประโยค

05-ชุดฝึก-5-การใช้คำและกลุ่มคำสร้างประโยค



สาระการเรียนร/ู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด

สาระท่ี ๔ หลกั ภาษา
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา

และพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็น
สมบตั ขิ องชาติ
ตัวชี้วัด
ท ๔.๑ ม. ๔-๖/๒ ใช้คําและกลมุ่ คําสร้างประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์



สาระสาคญั

คา คือ เสียงที่เปลง่ ออกมาแล้วมคี วามหมาย ซึง่ คา
แตล่ ะคาประกอบดว้ ย พยญั ชนะตน้ สระ วรรณยุกต์
ตวั สะกด ตัวการนั ต์ คาในภาษาไทยมีหลายชนิดมาประกอบ
เป็นประโยค มภี าคประธานและภาคแสดง การลาดบั คาใน
ประโยคแสดงความสัมพันธข์ องคาในประโยคนนั้
บางประโยคเมื่อลาดบั คาเปลี่ยนไปจะทาใหค้ วามหมายของ
ประโยคเปลี่ยนไปด้วย จึงควรศกึ ษาให้เกิดความรู้

ความเข้าใจ และสามารถนาไปใช้ได้ถกู ตอ้ งเหมาะสม
เพื่อชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ



จุดประสงค์การเรียนรู้

๑. อธบิ ายความหมายของคําและกลุ่มคาํ ในภาษาไทยได้ (K)
๒. ใช้คําและกลมุ่ คาํ สร้างประโยคตามวตั ถุประสงคไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง (P)
๓. ตระหนักถึงคณุ ค่าและความสําคัญของการใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้ถกู ตอ้ ง (A)

เพอื่ น ๆ ควรศึกษา
จดุ ประสงค์การเรียนรใู้ หเ้ ขา้ ใจ

จะไดท้ ราบแนวทางและ
เปน็ ประโยชนใ์ นการเรียนรู้



แบบทดสอบก่อนเรียน
ชดุ ที่ ๕ เรื่อง การใช้คาแบแบลทดะสกอลุม่ คาสรา้ งประโยค

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเลอื กคําตอบทถ่ี กู ตอ้ งที่สดุ เพยี งคาํ ตอบเดียว

๑. ประโยคมีความหมายตรงตามขอ้ ใดมากทส่ี ุด
ก. คาํ หรือกลุ่มคํา
ข. มีภาคประธานและภาคแสดง
ค. การนํากลมุ่ คํามาเรียบเรียงกนั
ง. คาํ หรือกลุ่มคําท่นี ํามาเรียงกันแล้วมีความหมายสมบรู ณ์ ประกอบดว้ ยภาคประธาน
และภาคแสดง

๒. กลุ่มคาํ ในข้อใดมีความหมายมากกว่า ๑ ความหมาย ทกุ คํา
ก. หน้าไม้ หน้าบนั
ข. ตามน้าํ สับหลกี
ค. ข้นึ หม้อ ทอดเสียง
ง. เจา้ บ้าน ลายคราม

๓. ขอ้ ใดใช้คําผิดความหมาย
ก. ความคิดของเด็กคนน้ีหลักแหลมทีเดยี ว
ข. บางคนบอกวา่ กนิ ขา้ วเหนียวแล้วอยู่ทอ้ งดี
ค. คนขายของพดู จนอ่อนใจ แม่บ้านกย็ งั ไม่ยอมซือ้
ง. เขานัดกับฉนั หลายครั้งแล้ว แตม่ นั มีอนั ต้องแคล้วคลาดกันทกุ ที



๔. ขอ้ ใดใช้คําผิดความหมาย
ก. ช่างไฟฟ้ามาติดตงั้ เคร่อื งซกั ผ้าให้ฉันเรียบรอ้ ย
ข. เวลาไปเยี่ยมเพือ่ ท่ีบา้ นเขามกั จะมีขนมตดิ ตัวไปดว้ ย
ค. คนขับรถไม่ตดิ ใจเอาความกบั คนบ้าทีข่ ว้างปาของเขา
ง. กองทหารกาํ ลงั บกุ เข้าโจมตแี ละรบตดิ พันกนั กว่า ๓ วนั แลว้

๕. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยค
ก. ดอกไม้ในแจกนั สวยงามมาก
ข. ถ้อยคาํ ท่ดี อี ันแสนออ่ นหวาน
ค. สัตวโ์ ลกย่อมเปน็ ไปตามกรรม
ง. ใครฟังแล้วไม่เขา้ ใจยกมือข้นึ ถามได้

๖. ประโยคในขอ้ ใด เป็นประโยคถามให้ตอบ
ก. ช่วงน้ีเป็นยงั ไงบ้างเหน็ บอกว่างานยุ่งมากเลยนะ
ข. มีหลายทีท่ ีเ่ ราจะไปกันตกลงว่าจะไปทไ่ี หนกนั ดี
ค. ทานผักมากมีประโยชนห์ รือโทษมากกว่ากัน
ง. เดินมาทางนี้เถอะดูทางโนน้ คนแน่นมากเลย

๗. ประโยคในขอ้ ใดใช้คาํ ฟุ่มเฟือย
ก. เขาคงจะหูแว่วไดย้ ินไปเองว่าฉนั เรียก
ข. สาววัยรุ่นบางคนชอบสวมสร้อยเล็กๆท่ขี อ้ เท้า
ค. ครีมน้ีมีสรรพคุณในการทจ่ี ะทําการลบเลือนรอยแผลเป็น
ง. นกั ข่าวรมุ ล้อมนายกรัฐมนตรี เพือ่ สัมภาษณ์เร่ืองเคร่อื งบินตก



๘. ประโยคในขอ้ ใด เป็นประโยคความเดยี ว
ก. เธอจะเลน่ อินเทอร์เน็ตหรอื อา่ นหนังสือกันแน่
ข. ฤดหู นาวลมค่อนข้างแรงตอ้ งระมดั วงั การก่อไฟ
ค. เราควรคาดเข็มขัดขณะขับรถเพ่อื ความปลอดภัย
ง. เราควรออกกําลงั กายอย่างน้อยอาทติ ย์ละ ๓ ครง้ั

๙. ประโยคในข้อใด เป็นประโยคความรวม
ก. ขอทานสองผวั เมียโชคดีถูกลอ็ ตเตอรร์ ี่รางวลั ที่ ๑ โจรเจา้ กรรมกลับแย่งไปจากมือ
ข. อาชีพต่างๆในกรงุ เทพมิใช่วา่ จะเหมาะสมกบั ผู้ทอ่ี พยพมาหางานทาํ เสมอไป
ค. ปีนมี้ ลู นิธิเพอ่ื เดก็ พิการจดั ค่ายพักแรมท่เี ขาใหญ่
ง. เขายื่นคําร้องต่อศาลจงั หวดั ศรีสะเกษ

๑๐. ประโยคในขอ้ ใด เป็นประโยคความซ้อน
ก. ทกุ คนตา่ งมีหน้าท่ีท่ตี อ้ งปฏิบัติและรับผิดชอบ
ข. เดก็ ไทยอ่านหนงั สือน้อยลงแต่เลน่ เกมกันมากข้นึ
ค. การจัดงานแสดงสนิ ค้าปีนเี้ ป็นไปอย่างเรียบรอ้ ย
ง. หนึ่งสมองสองมือของเราทกุ คนชว่ ยชาติพน้ วกิ ฤตไิ ด้

นักเรยี นทากนั ไดไ้ หมคะ
คะแนนน้อยไม่เปน็ ไรคะ่

มาเรียนรกู้ นั คะ่

ตั้งใจนะคะ



การใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยค

การใชค้ าและกลุ่มคาให้ถูกต้อง

ความหมายของคา , กลุม่ คา
คาํ คอื เสยี งท่เี ปลง่ ออกมาแลว้ จะมีกี่พยางคก์ ไ็ ด้ แต่ต้องมีความหมาย เชน่ เลข มี

๑ พยางค์ หมายถึง วิชาคาํ นวณ พ่อ แม่ พ่ี นอ้ ง
กลุ่มคํา คอื การนําคาํ ตง้ั แต่ ๒ คําข้นึ ไปมาเรียงกัน มีความหมายแต่ยงั ไม่เปน็ ประโยค

แต่เปน็ เพยี งสว่ นหนึง่ ของประโยคเทา่ นั้น เพราะยงั มีความหมายไม่สมบูรณ์ เช่น พูดเก่งมาก ,
ในสระนํ้า , หนงั สือเล่มใหม่ , พวกเราทง้ั หลาย , ผ้าพืน้ เมือง เปน็ ต้น

๑. การใชค้ าและกลุม่ คาใหถ้ ูกต้องเหมาะสมตามความหมาย
การใช้คําให้เกิดประสิทธิผลดังกล่าวมีขอ้ ควรคํานึงถึง ดังนี้
๑.๑ หากใช้คาท่มี ีความหมายนยั ตรง ต้องระวังให้ผูฟ้ ังหรือผ้รู ับสารคิดไปในทาง

ทม่ี ีความหมายโดยนยั ประหวัด ควรใช้คาท่มี คี วามหมายกระชับ หรือใชบ้ ริบทช่วยให้
ชดั เจนย่งิ ขึน้
ตวั อย่าง “เราต้องทํางานเหล่าน้ีอย่างมีแผนนะ”

แผน ที่มีความหมายโดยนัยตรง คอื การเตรียมอย่างรอบคอบ แต่อาจมีผู้ฟงั บางคน
เข้าใจว่า แผน คือ การใช้อบุ ายหรือเลห่ ์เหลย่ี มทแ่ี ยบยล ซึง่ มีความหมายนัยประหวดั
ท่ไี ม่พงึ ประสงค์



๑.๒ ไม่ใชค้ าท่ที าให้คนเข้าใจความหมายมากกวา่ ๑ อยา่ ง หรือทเ่ี รียกว่า
ความหมายกากวม
ตวั อย่าง “นอ้ งชายผมนี่แปลก ขาส้ันแต่ชอบกระโดดข้ามรั้ว”

คําว่า “กระโดดข้ามรั้ว” มีความหมายกํากวมอาจจะหมายถึง กรีฑาชนิดหนึ่งหรือมี
ความหมายถึง ร้ัวทีท่ ําไวล้ อ้ มรอบกไ็ ด้ วิธีแก้ไขไม่ให้มีความกาํ กวม คือ ตอ้ งเติมคําว่า “กรีฑา”
ขา้ งหนา้ หรอื เตมิ ว่า เป็นรั้วที่ล้อมรอบอะไรให้ชัดเจนลงไป เช่น รั้วบ้าน ร้ัวสนาม

๑.๓ ต้องรจู้ กั ความหมายเฉพาะของคา มิฉะนัน้ อาจจะใช้คาผิดความหมายหรือ
ความหมายคลาดเคลือ่ นไปจากวตั ถุประสงค์ อาจทาใหเ้ ขา้ ใจผิดหรอื เขา้ ใจสับกนั
ตัวอย่าง “กล้วยปิง้ ” กับ “กล้วยเผา”

ถ้าตอ้ งการกลว้ ยที่ปลอกเปลือก แล้วทําให้สุกโดยวางเรยี งไว้บนเตา ต้องใช้คาํ ว่า
“กล้วยปิ้ง”แต่ถา้ เป็นกล้วยที่ทาํ ให้สุกทง้ั เปลือกด้วยวิธีเดยี วกันต้องใช้คาํ ใช้คําว่า “กล้วยเผา”

๑.๔ เลือกใชค้ าท่มี ีความหมายเกี่ยวเนือ่ งกบั คาอ่นื ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ตัวอย่าง “ปราณีค่ะ มีธุระอะไรไม่ทราบคะ”

ให้สงั เกตว่า คะ่ หรอื คะ ขา้ งต้นถา้ ใช้ผิดแทนทจ่ี ะใช้ คะ่ กลับใช้ คะ หรือใช้ คะ
แทนทีจ่ ะใช้ คะ่ อาจทําให้ผู้ฟังเกิดความฉงนได้

๒. การใช้คาและกลุ่มคาใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมตามความนิยม
คําทม่ี ีความหมายเหมือนกนั บางครง้ั อาจจะใช้แทนกันได้ แต่บางคร้ังก็อาจจะใชแ้ ทน

กนั ไม่ได้ เนือ่ งจากความนยิ มของสังคมหรอื ผู้ใช้ภาษานั้น ๆ ว่าใช้คําควบคู่กับคาํ ใด หรือคํานั้น
ตอ้ งใช้กับบรบิ ทใด หากใช้ผิดหรือสับกัน อาจมีผลให้การส่อื สารไม่เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์
ดังนน้ั จงึ ต้องมีความระมดั ระวงั

ตัวอย่างคําทม่ี ีความหมายว่า มาก ในภาษาไทยเรานั้นมีอยู่มากมายหลายคํา ซึง่ แต่ละ
คาํ จะมีทใ่ี ช้ต่างกนั ตามความนยิ ม คาํ บางคําอาจแฝงความหมายทีต่ ่างกันบา้ งเล็กน้อย เช่น



- ท่นี ย่ี งุ ชุม - ทน่ี ท่ี เุ รียนดก
- เมือ่ คนื นีฝ้ นตกหนัก - ปีนฝี้ นตกชกุ กว่าปีกลาย
- โจรผู้ร้ายในบ้านเมืองเราชกุ ชุม - ผู้คนชมงานกันแนน่ ขนัด

๓. การใช้คาและกลุ่มคาใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั กาลเทศะและบุคคล
การใช้คําให้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล เพราะว่าจะทําให้การสื่อสารเกดิ

ประสทิ ธผิ ลได้เชน่ กัน
ตวั อย่าง การพูดเรื่องการกลับบ้านผิดเวลา

พ่อพูดกับลูกชาย “อดู๊ แกไปไหนของแกมานะ กลบั ค่าํ ทุกวนั บอกมาซิ”
ลกู สาวพดู กบั แม่ “คณุ แม่คะ หมู่น้คี ณุ แม่กลับบา้ นคํา่ ๆทกุ วันล่ะค่ะ
เพ่อื นพูดกับเพ่อื น “ เฮย้ วิทย์ มีคนบอกวา่ หมู่น้ีมีคนกลบั บ้านดกึ ด่นื จริงไหม”

๔. การใชค้ าและกลุ่มคาไม่ซ้าซาก
การใช้คําเดมิ ๆ อาจจะทําให้ข้อความไม่นา่ สนใจ ดังนน้ั จงึ ต้องรู้จักวิธีหลากคาํ คือ

การเลอื กใช้คําให้ต่างกันออกไป แตค่ าํ เหล่านั้นมีความหมายคล้ายคลึงกนั หรอื ใกลเ้ คียงกนั
สามารถใช้แทนกันได้
ตวั อย่าง

๑. เขามีความสขุ อยู่กับการเล้ียงสัตวแ์ ละปลกู ต้นไม้ พอใจกับการทาํ อาหาร
รับประทานเอง เพลดิ เพลนิ กับรายการโทรทัศน์ นอกจากนยี้ งั ชอบไปท่องเที่ยวตา่ งจงั หวดั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนบท

๒. เขาชอบเล้ียงสตั ว์และปลกู ต้นไม้ ชอบทําอาหารรับประทานเอง ชอบดูรายการ
โทรทัศน์ ชอบไปท่องเท่ยี วตา่ งจังหวัดและชอบชนบท

จะเห็นไดว้ ่าการหลากคําในตัวอย่างท่ี ๑ กบั ตวั อย่างท่ี ๒ ในตวั อย่างท่ี ๑ จะเห็นว่า
มีใจความชดั เจน สละสลวย ส่วนตัวอย่างท่ี ๒ ไม่ไดใ้ ช้วิธีหลากคาํ แต่จะใช้คาํ ว่าชอบ
คาํ เดียวกนั ซ้าํ ๆ โดยมิไดเ้ จตนาจะเนน้ หรอื ย้าํ แตป่ ระการใด

๑๐

การใช้คาท่มี ีความหมายคล้ายกัน

คาํ ท่มี ีความหมายคลา้ ยกันมีอยู่มากในภาษาไทย ท้ังทเ่ี ปน็ คํามลู คาํ ซ้อน คําประสม
คาํ ศพั ท์ท่รี บั มาจากภาษาอื่น และคําที่ผกู ข้ึนโดยวิธีสมาส คาํ เหล่าน้ถี งึ แม้จะมีความหมาย
ร่วมกนั แตก่ ย็ ังมีส่วนท่ตี า่ งกัน จาํ ตอ้ งพิจารณาเลอื กใช้ให้ตรงกบั ความหมายแท้จรงิ

บีบ คน้ั มีความหมายร่วมกัน คอื กดอย่างแรง
บีบ เปน็ อาการกดให้ทง้ั สองดา้ นของสิง่ ของเข้าหากัน
๏ แม่บีบมะนาวใสใ่ นยาํ วนุ้ เสน้
ค้ัน เปน็ อาการกดให้ของเหลวหรือส่งิ ทีแ่ ฝงอยู่ออกมา
๏ แม่คน้ั นํา้ ส้มไว้ให้ลกู

เพ่ง จ้อง มอง ดู มีความหมายร่วมกนั คอื เหน็ ดว้ ยสายตา
เพง่ เปน็ อาการดูอย่างเจาะจง อย่างพิจารณา
๏ เขาเพ่งตัวหนงั สือจนปวดตา
จ้อง เปน็ อาการดอู ย่างเจาะจง
๏ เธอรู้สึกเขินท่ถี ูกจ้อง
มอง เป็นอาการทอดสายตาตรงไปยังส่งิ หนง่ึ สิ่งใด อาจเห็นหรอื ไม่เห็นก็ได้
๏ เขามองไปขา้ งหนา้
ดู เปน็ อาการทอดสายตาตรงไปยงั สง่ิ หน่งึ สิ่งใด และเห็นส่งิ นั้น
๏ เขาชอบดลู ะคร

๑๑

ชุดฝึกทักษะที่ ๕.๑

คาชี้แจง ให้นกั เรียนหาความหมายของคาํ ต่อไปนี้ พร้อมทั้งแตง่ ประโยค
ให้ถูกตอ้ งตรงตามความหมาย (คําท่ีมีความหมายคลา้ ยกนั

๑. ตดั ฟนั ฝาน เฉือน มีความหมายร่วมกนั คอื ทาํ ให้ขาดจากกัน
ตดั เป็นอาการทไ่ี ม่ต้องยกแขนขึ้น
๏ เขาตดั กระดาษเปน็ ชิ้นเล็กๆ
ฟนั ....................................................................................................................
....................................................................................................................
ฝาน ....................................................................................................................
....................................................................................................................
เฉอื น ....................................................................................................................
....................................................................................................................

๒. ปริ ผลิ
ปริ ....................................................................................................................
....................................................................................................................
ผลิ ....................................................................................................................
....................................................................................................................

๓. ฉีก ขาด
ฉีก ....................................................................................................................
....................................................................................................................
ขาด ....................................................................................................................
....................................................................................................................

๑๒

๔. ดึง ทึ้ง
ดึง ....................................................................................................................
....................................................................................................................
ท้งึ ....................................................................................................................
....................................................................................................................

๕. แกะ แทะ แงะ แคะ
แกะ ....................................................................................................................
....................................................................................................................
แทะ ....................................................................................................................
....................................................................................................................
แงะ ....................................................................................................................
....................................................................................................................
แคะ .....................................................................................................................
....................................................................................................................

๖. มอง ดู
มอง ....................................................................................................................
....................................................................................................................
ดู ....................................................................................................................
....................................................................................................................

๗. หอ่ หมุ้ คลมุ ครอบ
ห่อ ....................................................................................................................
....................................................................................................................
หมุ้ ....................................................................................................................
.....................................................................................................................

๑๓

คลุม ....................................................................................................................
....................................................................................................................

ครอบ ....................................................................................................................
....................................................................................................................

๙. กีดกนั กดี กน้ั กีดขวาง
กีดกนั ................................................................................................
................................................................................................
กีดกน้ั ................................................................................................
................................................................................................
กีดขวาง ................................................................................................
................................................................................................

๑๐. กระฉบั กระเฉง กระปรี้กระเปรา่ กระชมุ่ กระชวย

กระฉบั กระเฉง ................................................................................................
กระปรี้กระเปรา่ ................................................................................................
กระชุ่มกระชวย ................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................

๑๔

ชดุ ฝึกทักษะที่ ๕.๒

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนพจิ ารณาการใช้คาํ และกลุ่มคาํ ประกอบรูปประโยคต่อไปนี้
ว่าถกู ตอ้ งหรือไม่ และแก้ไขให้ถูกตอ้ ง

ตวั อย่าง แม่ชอบเลยี้ งแมวสสี วาทมาก แก้เปน็ สสี วาด

_______๑. รฐั บาลศรีลังกาปราบปรามพวกกบฏทมฬิ ไม่สาํ เรจ็ แกไ้ ขเปน็ _____________

_______๒. นกั เรียนขึน้ ไปนงั่ บนอัฒจรรย์ แก้ไขเปน็ _____________

_______๓. ลูกของเขาไม่สบายเขาจึงพาลูกไปหาหมอที่คลนิ กิ แกไ้ ขเปน็ _____________

_______๔. สม้ ตาํ จะอร่อยต้องรบั ประทานกับแค็ปหมู แก้ไขเป็น_____________

_______๕. เย็นนีฉ้ ันมีนัดเดินทางไปประชุมท่จี งั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ แกไ้ ขเป็น_____________

_______๖. คฤหาสน์หลงั น้ีสีขาวมีเจ้าหญงิ และเจ้าชายอาศัยอยู่ แกไ้ ขเปน็ _____________

_______๗. โรงเรียนใชเ้ งินทดรองจ่ายให้ไปก่อน แก้ไขเป็น_____________

_______๘. เขาใช้ฆอ้ นทุบเสาก่อนค่อยตอกเสาลงไป แก้ไขเปน็ _____________

_______๙. เขายอมรบั ความพ่ายแพ้โดยดุษณีภาพ แก้ไขเปน็ _____________

_______๑๐. การฆาตรกรรมเกิดข้นึ ได้โดยง่ายดาย แกไ้ ขเป็น_____________

_______๑๑. หน้าโรงเรยี นของเรามีจราจลเกิดข้นึ แก้ไขเปน็ _____________

_______๑๒. เพชรทีด่ ีต้องผ่านการเจียรไนอย่างประณีต แกไ้ ขเปน็ _____________

_______๑๓. งานฌาปณกิจของญาติพรพรรณอยู่ที่วดั ทา้ ยหมู่บ้าน แก้ไขเป็น____________

_______๑๔. ทศกัณฑ์คือยกั ษ์ที่มีใจรกั นางสีดาเพียงผู้เดียว แกไ้ ขเป็น_____________

_______๑๕. คณะฑตู เดินทางมาถึงประเทศไทยในเวลา๐๗.๐๐น. แก้ไขเป็น_____________

๑๕

การใชค้ าและกลุม่ คาในการประกอบรูปประโยค

การใชค้ าและกลุ่มคาในการประกอบรปู ประโยค จะต้องใช้คําให้ถกู ต้องและ
เหมาะสม กล่าวคอื ใช้คําที่มีตวั สะกดถกู ตอ้ ง ตรงความหมาย ตรงหนา้ ที่เหมาะสม
ตามระดบั บุคคล ดังนี้

๑. การใช้คาทม่ี ีตัวสะกดถูกตอ้ ง เชน่

- พวกเราผกู พนั กบั โรงเรยี นมาก (ไม่ใช่ผูกพนั ธุ์

- โปรดแจ้งความจานงได้ที่อาจารย์สมบตั ิ พัฒนาการ (ไม่ใช่จํานงค์

- ฝีมือเยบ็ ผ้าของคุณประณีตมาก (ไม่ใช่ปราณีต

๒. การใช้คาใหถ้ ูกตอ้ งตรงความหมาย เชน่ (ไม่ใช่ไถเ่ ดียว
- เขาเปน็ คนเอาแตไ่ ด้ถ่ายเดียว (ไม่ใช่ลอยชาย
- โจรปลน้ ธนาคารยงั คงลอยนวลอยู่ (ไม่ใช่โทรม, โซรม
- เขาว่งิ มาโรงเรียนจนเหงือ่ โซมกาย

๓. การใชค้ าใหต้ รงหนา้ ท่ี เชน่
 วกิ ฤตการณ์ครง้ั นผี้ ่านพ้นไปอย่างง่ายดาย
 วกิ ฤตคิ รง้ั นผี้ ่านพ้นไปอย่างง่ายดาย
เพราะคําวา่ “วิกฤตการณ์” เป็นนามทําหน้าที่เปน็ ประธาน ไม่ใช้คาํ วา่ “วิกฤต”ิ ซึง่
เปน็ วเิ ศษณ์

๔. การใชค้ าให้ถกู กับระดบั บคุ คล เชน่
 สมเดจ็ พระญาณสังวรสมเด็จพระสงั ฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เสดจ็ ไปทรง
เปิดโรงเรยี นพระพุทธศาสนาวนั อาทิตย์ที่วัดธมั มาราม นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
 แพทย์นิมนต์พระภิกษุท่อี าพาธไปรักษาท่โี รงพยาบาลสงฆ์
 บิดามารดาเปน็ พรหมของบุตร
 พ่อเปน็ คนเงียบๆ แต่มารดาเป็นคนชอบบน่

๑๖

การใช้ประโยคถูกต้องตามแบบแผนของภาษา

การใชป้ ระโยคถกู ต้องตามแบบแผนของภาษา คอื ใช้ประโยคตามแบบแผน
ภาษาไทยไม่ใช้รปู ประโยคทเ่ี ลียนแบบภาษาตา่ งประเทศ ไม่ใช้คํากํากวม ไม่ใช้คําฟมุ่ เฟือย
เกนิ ความจาํ เป็นต้องใช้ถ้อยคาํ ให้กะทดั รดั ชัดเจน ดังน้ี

๑. การใชส้ านวนต่างประเทศ เชน่
 มันเปน็ การยากทจ่ี ะยอมรบั พรรคการเมืองนี้
 (ผม ยอมรบั พรรคการเมืองน้ไี ดย้ าก
 ภายใต้การนาของบิ๊กหอยพาทมี ฟุตบอลไทยผ่านสู่รอบสอง

๒. การใชค้ าให้กะทัดรดั ไมฟ่ มุ เฟือย เชน่
 ครูไม่ชอบเสยี งดังอกึ ทึกครึกโครม
 ครไู ม่ชอบเสยี งดัง
 หล่อนคอยปรนนิบตั ิรบั ใช้เจา้ นายอย่างใกลช้ ิด

๓. การใช้คากากวม คอื การใช้ถ้อยคาํ ท่ที าํ ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคล่ือน ผู้ฟังหรอื
ผู้อ่านอาจตีความไดห้ ลายทาง ประโยคกํากวม เกดิ ขนึ้ ได้เพราะสาเหตดุ ังนี้

๓.๑ การใช้คาขยายผิดที่ เชน่
 เขาไปเยี่ยมเพ่อื นท่พี ึง่ แต่งงานกบั นอ้ งของเขา

(ประโยคนกี้ ํากวมเพราะ “กับน้องของเขา” อาจขยาย “ไป” หรือ “แต่งงาน”
แก้ไขได้ดงั นี้ - เขากับน้องไปเยีย่ มเพือ่ นที่เพิง่ แต่งงานกนั
หรือ - เขาไปเยีย่ มเพอ่ื นและน้องทีเ่ พิ่งแต่งงานกัน

๓.๒ การใชก้ ลุ่มคาหรือคาประสมท่อี าจเป็นประโยคได้ เช่น
 รถขนขยะไปต้ังแตเ่ ชา้

(ประโยคนีก้ ํากวมที่ “รถขนขยะ” อาจเปน็ คําประสม หรอื ประโยค คือ ถ้า “รถขน
ขยะ+ไป+ตงั้ แตเ่ ชา้ ” จะเป็นคําประสม แตถ่ ้า “รถ+ขน+ขยะ+ไป+ตง้ั แตเ่ ชา้ ” จะเปน็ ประโยค

๑๗

๓.๓ การใชก้ ลุม่ คาทม่ี ีหลายความหมาย หรือตีความได้หลายอยา่ ง เชน่
 บทความน้เี ป็นเรื่องของชาวบา้ น

(ประโยคนกี้ าํ กวมที่ “เรื่องของชาวบา้ น” อาจหมายความว่า “เรือ่ งทีช่ าวบา้ นเป็นผู้เขยี น หรือ
เป็นเร่ืองที่เกี่ยวกับชาวบ้าน”

๓.๔ การเว้นวรรคไม่ถกู ต้อง เชน่
 เขาให้เงินคนจนหมดตวั (ประโยคนกี้ ํากวม อาจเว้นวรรคดังนี้ “เขาให้เงนิ

คน จนหมดตวั ” หรือ “เขาให้เงิน คนจนหมดตัว”

๑๘

ชดุ ฝึกทักษะที่ ๕.๓

คาชี้แจง ให้นักเรียนพจิ ารณาการใช้ประโยคถูกตอ้ งตามแบบแผนของภาษา
ตอ่ ไปนวี้ ่าประโยคใดเปน็ ประโยคการใช้สานวนตา่ งประเทศ และ
การใช้คาไมก่ ะทัดรัด ฟุมเฟือย พร้อมท้ังแก้ไขประโยคให้ถกู ตอ้ ง

ตวั อยา่ ง เขาให้ความช่วยเหลือเพ่ือนในการทําการบ้าน
เป็นประโยคท่มี ีการใช้สํานวนตา่ งประเทศ
แก้ไข เขาช่วยเพอ่ื นทําการบา้ น

การใชป้ ระโยคถกู ต้องตามแบบแผนของภาษา
๑. มันเปน็ การยากทีจ่ ะยอมรบั พรรคการเมืองน้ี

..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๒. ภายใต้การนําของบิ๊กหอยพาทีมฟุตบอลไทยผ่านสรู่ อบสอง
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๓. หนังสอื เลม่ นีแ้ ต่งโดยพระยาอปุ กิตศลิ ปสาร
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๔. เขาใช้ชวี ิตอยู่ในประเทศองั กฤษเมื่อ ๑๐ ปีก่อน
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๕. ผืนนาหลายแห่งถูกกว้านซ้ือโดยนกั ลงทนุ ตา่ งชาติ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๑๙

๖. หล่อนคอยปรนนิบตั ิรบั ใช้เจ้านายอย่างใกลช้ ิด
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๗. สหประชาชาตใิ ห้การสนบั สนุนการยับย้ังโรคเอดสใ์ นไทย
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๘. เธอเดนิ มาพร้อมกบั กระเป๋าใบใหญ่
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๙. หน่วยงานต่างๆเหลา่ น้ีอยู่ภายใตก้ ารนําของจงั หวัด
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๑๐. พรุ่งนอี้ งั กฤษจะเปิดเผยรายชือ่ ผู้เล่นในส่วนของทมี ชาติ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๒๐

ชดุ ฝึกทกั ษะที่ ๕.๔

คาชี้แจง ให้นักเรียนอธบิ ายการใช้ภาษากาํ กวมต่อไปนีใ้ ห้ชดั เจน
ตัวอยา่ ง ในทีส่ ุดเขากต็ กลงไปดว้ ยอีกคน ประโยคนีก้ าํ กวม อาจเวน้ วรรคดงั น้ี
“ในที่สุดเขากต็ กลง ไปดว้ ยอีกคนหนึ่ง” หรือ“ในที่สุดเขาก็ตก ลงไปด้วยอกี คน”

๑. นํา้ เยน็ หมดแล้ว
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๒. นอ้ งชายของผมไปเรียนญี่ปุ่น
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๓. คนใช้เธอมาแล้ว
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๔. เขาเก่งแต่พดู มาก
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๕. เขาไปเยีย่ มเพ่อื นท่เี พิ่มแต่งงานกบั น้องของเขา
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๖.แพทย์มาประชุมเรอ่ื งโรคอว้ นมาก
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๒๑

๗.รถขนขยะไปตั้งแตเ่ ช้า
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๘.เขาขับรถชนสนุ ัขตาย

..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๙.ฉนั ไม่ชอบกนิ มันเลย
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๑๐.เจา้ หน้าทีเ่ ขน็ รถคนไข้ออกไปแลว้
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

ประโยคใช้ภาษากากวม
ในทสี่ ุดเขาก็ตกลงไปดว้ ยอกี คน

๒๒

การใชป้ ระโยคแสดงเจตนาในการส่อื สาร

การใช้ประโยคแสดงเจตนาในการส่อื สาร แบ่งออกไดด้ งั น้ี
๑. ประโยคแจ้งใหท้ ราบหรือประโยคบอกเลา่ ไดแ้ ก่ ประโยคทีผ่ ู้สง่ สารบอก
กล่าว ชีแ้ จง เสนอแนะ แจ้งให้ทราบและแจ้งให้ทราบเนือ้ ความปฏิเสธ ซึ่งจะมีคําแสดง
การปฏิเสธอยู่ดว้ ย เชน่ ไม่ มิได้ หามิได้

ประโยคแจง้ ให้ทราบ หรือประโยคบอกเลา่

เนื้อความแจ้งให้ทราบ แจง้ ใหท้ ราบเนื้อความปฏิเสธ

กรเอกขับเสภาไดไ้ พเราะมาก ฉนั ขับเสภาไม่ไพเราะ

เมือ่ วานน้ีฝนตกหนกั เมือ่ เชา้ นีไ้ ม่มีฝนตก

พวกเรารู้สึกยินดที ่ไี ด้พบกัน เขามิได้รู้สึกยินดใี นเร่อื งน้ี

เสือ้ ตัวน้ีสสี วย เสือ้ ตวั น้ีราคาไม่แพง

๒. ประโยคถามให้ตอบ ได้แก่ประโยคทีผ่ ู้สง่ สารต้องการให้ผู้รับสารตอบในส่งิ ทีผ่ ู้สง่
สารตอ้ งการทราบ ประโยคลกั ษณะนจี้ ะมีคาํ ท่ีเป็นคาํ ถามอยู่ด้วย เชน่ ใคร อะไร หรอื ท่ไี หน
เมือ่ ไหร่ อย่างไร เทา่ ไร ประโยคถามให้ตอบมีเนื้อความถามและถามปฏิเสธอยู่ด้วย

ประโยคถามให้ตอบ

เนอื้ ความถามให้ตอบ ถามให้ตอบที่มีเน้อื ความปฏิเสธ

ใครชอบอา่ นหนังสือ ใครไม่ชอบอา่ นหนงั สือ

มีสิง่ ใดอยู่ในตู้ ไม่มีส่งิ ใดอยู่ในตู้

๒๓

๓. ประโยคบอกให้ทา ได้แก่ ประโยคที่ผู้สง่ สารต้องการให้ผู้รบั สาร กระทาํ อาการ
บางอย่างทีผ่ ู้สง่ สารต้องการ ประโยคบอกให้ทํานมี้ ีทั้งเนือ้ ความบอกให้ทาํ และเน้ือความ
ปฏิเสธ ประโยคแบบนเี้ รียกอกี อย่างหนึง่ วา่ ประโยคคําสงั่ หรอื ขอรอ้ ง

ประโยค บอกใหท้ า

เนือ้ ความบอกให้ทํา บอกให้ทําที่มีเน้ือความปฏิเสธ

เปิดไฟหนอ่ ย อย่าเปิดไฟนะ

คุณควรเหน็ แก่สว่ นรวม คณุ ไม่เห็นแก่สว่ นรวมเลย

๔. ประโยคชกั ชวน คอื ประโยคที่มีเจตนาให้ผู้ฟงั ทําตามความคิดของตน อาจมีคํา
วิเศษณ์ กับ คําลงท้าย นะ เถอะ เถอะนะ ปรากฏอยู่ดว้ ยกนั เช่น

- เราไปดูละครกนั ดกี ว่า
- เรามาพับนกส่งภาคใตก้ นั เถอะ
- วนั สิน้ ปีมากินข้าวบา้ นเรากันนะ
ประโยคชกั ชวนอาจเปน็ ประโยคคําถามกไ็ ด้ เชน่ ไปห้องสมุดกนั ไหม

๕. ประโยคขู่ คอื ประโยคที่ผู้พูดมีเจตนาชกั จงู ให้ผู้ฟงั ทาํ ตามด้วยการบอกผลของการ
ไม่ทาํ ตามไว้ ประโยคขู่อาจมีคําเช่อื ม ถ้า หาก ปรากฏอยู่ดว้ ย เชน่

- ถา้ เธอไม่เปิดประตู ฉนั จะเปิดเข้าไปเด๋ียวน้ี
- หากเธอไม่ร่วมมอื พวกเราจะจะไม่ให้เธออยู่ในกลมุ่ พวกเราแล้ว
- ถา้ คุณมายุ่งเร่อื งของผมมาก ผมจะย้ายไปอยู่ที่อืน่

๒๔

๖. ประโยคขอร้อง คอื ผู้พดู มีเจตนาให้ผู้ฟงั ช่วยสงเคราะห์ทําสิ่งใดสง่ิ หนง่ึ อาจมี
คาํ กริยานาํ ชว่ ย กรุณา วาน โปรด หรืออาจมีคาํ วิเศษณ์ ดว้ ย ที่ หนอ่ ย หรือคําลงท้าย เถอะ
นะ นะ่ เชน่

- ช่วยไปยืมหนังสอื ในห้องสมดุ มาให้ทีนะ
- กรุณาถอดรองเท้าด้วยค่ะ
- โปรดอย่าเปิดโทรศพั ทม์ ือถือในห้องประชุม

๗. ประโยคคาดคะเน คอื ประโยคที่ผู้พูดมีเจตนาแสดงความคาดหมายว่าสง่ิ ใด จะ
เกดิ ขนึ้ หรอื เกดิ ขึน้ แลว้ ในประโยคอาจมีคํากรยิ าช่วย คง อาจ ทา่ จะ เหน็ จะ น่ากลัว คําลง
ทา้ ย กระมัง ละซิ เช่น

- ไพรชั คงไปโรงเรยี นแล้ว
- ณัฐอาจไม่ไปซ้ือของกับแม่
- แดงน่ากลัวจะไปฮ่องกงแลว้
- ชมพู่คิดว่าถ้าชมพู่ไม่แนะ ปกุ๊ ลกุ คงนกึ ไม่ออกละซิ

ระบบประโยคในภาษาไทย

ประโยค คอื การนาํ ถอ้ ยคํามาเรยี งกันอย่างเป็นระเบยี บ และมีเน้ือความครบถว้ น
สมบูรณ์

โครงสรา้ งของประโยค

ภาคประธาน ภาคแสดง

ประธาน+ ขยายประธาน กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกริยา
เชน่
นกน้อยสองตวั กาํ ลังบินอยู่บนทอ้ งฟ้า
ตํารวจรา่ งใหญ่ จบั คนร้ายคนนนั้

๒๕

ชนิดของประโยค

๑. ประโยคความเดียว

คอื ประโยคที่มีใจความเพยี งหนึง่ มีภาคประธาน และภาคแสดงอย่างละ ๑ สว่ น
ขอ้ สังเกต ประโยคความเดียวจะมีกรยิ าสาํ คญั เพียงตวั เดียว

เชน่ ปา้ ตัดผม
คณุ พ่อของเธอเป็นตํารวจใจดี

๒. ประโยคความรวม
คอื การนําประโยคความเดียวตงั้ แตส่ องประโยคขึน้ ไปมารวมกัน มกั ใชค้ ําสนั ธานเปน็

ตัวเชื่อม แบ่งเปน็ ๔ ชนดิ ดังน้ี
๒.๑ ประโยคความรวมแบบคล้อยตามกนั
เชน่ ปรชี าทํางานเสร็จแลว้ เขากร็ ีบกลบั บ้าน
พอโรงเรยี นเลิก เธอก็รบี กลบั บ้าน
๒.๒ ประโยคความรวมแบบขดั แย้งกัน
เชน่ กว่าเธอจะมาถึงเขาก็หลับพอดี
นอ้ งชอบดูหนัง แต่พ่ชี อบฟงั เพลง
๒.๓ ประโยคความรวมแบบเป็นเหตเุ ป็นผล
เชน่ เพราะฝนตกหนกั จงึ เกดิ นาํ้ ท่วม
นติ ยาเป็นคนจจู้ ีล้ ูก ๆ เลยไม่ค่อยรัก
อารีหิวมากเธอก็เลยทานข้าวสองจาน

๒๖

๒.๔ ประโยคความรวมแบบให้เลอื กอย่างใดอย่างหน่งึ
เชน่ เธอควรเลอื กระหว่างฉันหรือไม่กเ็ ขา
ไม่ลุงก็ป้าตอ้ งให้ของขวัญแก่ฉนั แน่ ๆ
จะดหู นังสือหรือฟังเพลงกเ็ ลือกเอาสกั อย่างสิ

๓. ประโยคความซ้อน

คอื ประโยคที่มีประโยคย่อยทาํ หนา้ ทีข่ ยายประโยคหลกั แบ่งเปน็ ๒ ชนดิ คอื
๓.๑ ประโยคย่อยทําหน้าท่หี น่วยนาม (หน่วยนาม = นาม นามวลี สรรพนาม สรรพ
นามวลี = ประธาน กรรม สว่ นเตมิ เตม็ ของประโยค จะมีประพนั ธสรรพนาม ผู้ ,ที่, ซึ่ง, อนั
เชอ่ื ม เชน่ คุณป้าใส่นาฬกิ าที่คุณลุงซือ้ ให้

แมวตัวที่ขโมยปลาถกู จบั ไดแ้ ล้ว
รถเมล์ซง่ึ เธอรอเกือบสองชวั่ โมงมาถึงแล้ว

๓.๒ ประโยคย่อยทําหน้าท่ขี ยายหน่วยกริยา (กรยิ า กริยาวลี จะมี “ท,ี ว่า” เช่อื ม
ซึ่งทําหนา้ ทีข่ ยายกริยาหรอื วเิ ศษณ์ เชน่ ผมยินดีด้วยที่คุณไดร้ ับรางวัล ,แม่บอกว่าพ่อจะมา
รบั ไปเที่ยวภเู ก็ต

ข้อควรจา

ระวงั ประโยคทไ่ี ม่จบความ ไม่ถอื วา่ ไม่เปน็ ประโยค เชน่
รถยนตค์ นั ทช่ี นเด็กนกั เรียน (ขาดภาคแสดง)
ขณะทีเ่ ธอเดินอยู่บนถนนอย่างเหม่อลอย (ประโยคไม่จบความ)
พ่อขนุ รามคําแหงมหาราชกษตั รยิ ์แห่งกรงุ สโุ ขทยั องค์ที่ ๓ (ขาดภาคแสดง)

๒๗

ชดุ ฝึกทักษะที่ ๕.๕

คาชีแ้ จง ให้นักเรียนแต่งประโยคที่ใช้แสดงเจตนาในการสอ่ื สาร
ประเภทละ ๕ ประโยค

๑. ประโยคแจ้งให้ทราบหรือประโยคบอกเล่า
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๒. ประโยคถามให้ตอบ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๓. ประโยคบอกให้ทา
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๒๘

๔. ประโยคชกั ชวน
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
๕. ประโยคขอร้อง
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๒๙

ชุดฝึกทักษะที่ ๕.๖

คาชี้แจง จงบอกว่าประโยคต่อไปน้ีประโยคใดเป็นประโยคความเดียว ประโยคความรวม
ประโยคความซอ้ น
๑. การอ่านหนงั สอื มิได้ให้ประโยชนเ์ ฉพาะด้านความรู้เทา่ นั้น แต่ยังเปน็ เครอ่ื งมือสําหรับ

แสวงหาความรู้ตลอดชีวติ อีกดว้ ย ............................................................................

๒. สุนัขทีเ่ ห่ามาก ๆ มกั ไม่กดั คน ............................................................................

๓. ผมมาถึงเขาก็ไปพอดี ............................................................................

๔. เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองหวั หน้ากลุ่มคนงานไทยตามหลกั ฐานในบัญชี

ของกระทรวงการต่างประเทศไดห้ ายตัวไปแล้ว..................................................................

๕. เขาเปน็ นกั เรียนที่เก่งทง้ั ด้านการเรียนและการกีฬาหากแต่วา่ เพือ่ น ๆ ในห้องจํานวนมาก

ไม่ชอบเขา เพราะเขาไม่มีความเอื้ออาทรต่อคนอ่นื ...........................................................

๖. ทุกคนมีความพยายามอย่างยิง่ ยวดในการตอ่ สวู้ ิกฤตเศรษฐกิจในครงั้ น้ี

........................................................................................................................................

๗. ครนั้ รถไฟออกจากสถานี เขาจงึ เดนิ ทางมาถงึ .....................................................................

๘. พ่อกับแม่ไปตลาดนัด ............................................................................

๙. นกั ศึกษาไปห้องสมุดทุกวัน ............................................................................

๑๐. ฉันมีวิชา แต่เขามีทรัพย์ ............................................................................

๓๐

๑๑. กว่าเธอจะมาถึงเขากลับไปเสยี แลว้ ............................................................................
๑๒. อาหารทม่ี ีสีสวย ๆ อาจเป็นอนั ตรายได้...........................................................................
๑๓. ถึงหล่อนจะเปน็ คนปากร้ายฉันกช็ อบหล่อน......................................................................
๑๔. เครอ่ื งบินจโู่ จมเข้าไปท้งิ ระเบิดตดิ ขีปนาวุธยังจดุ ยุทธศาสตร์ทางด้านทหาร
.............................................................................................................................................
๑๕. นักบริหารท่ีขาดความมั่นใจในตวั เองย่อมประสบความสําเรจ็ ไดย้ าก เพราะการ ตดั สินใจ
ซึ่งมีพืน้ ฐานจากความไม่มัน่ ใจมักผิดพลาดไดง้ ่าย....................................................................
๑๖. คณุ ตอ้ งมาสอบปลายภาคไม่เชน่ น้ันจะหมดสทิ ธ์ไิ ด้รับทุนการศึกษา..................................
๑๗. ครูสอนวิชาภาษาไทยเป็นคนเล่นดนตรีเกง่ ......................................................................
๑๘. เขาไม่ขยันอ่านหนงั สอื จึงสอบตก ............................................................................
๑๙. เขาตั้งใจทํางาน ฉะนน้ั เขาจงึ ประสบความก้าวหน้า............................................................
๒๐. ความเมตตาของพระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานุวงศ์ตอ่ พสกนกิ ร
ชาวไทย เป็นคณุ ูปการอันหาที่สดุ มิได้ ............................................................................

๓๑

ชุดฝึกทกั ษะที่ ๕.๗

คาชี้แจง ให้นักเรียนแต่งบทสนทนาสั้น ๆ โดยใช้คําให้สัมพันธ์กบั สถานการณ์ หรือคาํ อืน่
เชน่ จะ กาํ ลงั เคย แล้ว เลย ควร ต้อง โดยแต่งให้มีความยาวไม่น้อยกว่า ๕
ประโยค ใช้คําตามประเภทท่กี ําหนดไม่น้อยกว่า ๕ คาํ (การใชค้ ําสร้างประโยค
และเน้ือหาในการสนทนาเกี่ยวกับเรอ่ื งใดเรื่องหน่ึงต่อไปนี้
 การชว่ ยเหลือเก้อื กูลกัน
 การอยู่อย่างพอเพียง
 การออกกําลงั กาย
 ความกตญั ญูกตเวที
 ความรับผิดชอบต่อสว่ นรวม

.............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

๓๒

แบบทดสอบหลงั เรียน
ชุดที่ ๕ เรื่อง การใชค้ าและกลุ่มคาสรา้ งประโยค

คาไทยสะกดคา

คาชีแ้ จง นักเรยี นเลือกคําตอบทถ่ี ูกตอ้ งทีส่ ุดเพียงข้อเดียว โดยทาํ เคร่ืองหมาย X

ทบั ตวั อกั ษรหน้าข้อความที่เป็นคาํ ตอบทถ่ี ูกตอ้ งทีส่ ุด

๑. ประโยคในขอ้ ใด เปน็ ประโยคถามให้ตอบ
ก. ชว่ งนเี้ ปน็ ยงั ไงบา้ งเหน็ บอกว่างานยุ่งมากเลยนะ
ข. มีหลายที่ทีเ่ ราจะไปกันตกลงว่าจะไปทไ่ี หนกนั ดี
ค. ทานผกั มากมีประโยชนห์ รือโทษมากกว่ากนั
ง. เดินมาทางนี้เถอะดูทางโนน้ คนแน่นมากเลย

๒. ขอ้ ใดใช้คาํ ผิดความหมาย
ก. ความคิดของเด็กคนน้ีหลักแหลมทีเดยี ว
ข. บางคนบอกว่ากนิ ขา้ วเหนียวแล้วอยู่ทอ้ งดี
ค. คนขายของพูดจนอ่อนใจ แม่บ้านก็ยงั ไม่ยอมซือ้
ง. เขานัดกบั ฉันหลายคร้ังแล้ว แตม่ นั มีอันต้องแคล้วคลาดกนั ทกุ ที

๓. ประโยคในข้อใดใช้คําฟุ่มเฟือย
ก. เขาคงจะหแู ว่วไดย้ ินไปเองว่าฉนั เรียก
ข. สาววัยรุ่นบางคนชอบสวมสร้อยเล็กๆทข่ี อ้ เท้า
ค. ครมี นีม้ ีสรรพคณุ ในการทจ่ี ะทําการลบเลือนรอยแผลเปน็
ง. นกั ข่าวรุมล้อมนายกรัฐมนตรี เพือ่ สมั ภาษณ์เร่ืองเคร่อื งบินตก

๓๓

๔. ขอ้ ใดใช้คาํ ผิดความหมาย
ก. ช่างไฟฟ้ามาติดตง้ั เคร่อื งซกั ผ้าให้ฉนั เรียบรอ้ ย
ข. เวลาไปเยีย่ มเพื่อทบ่ี ้านเขามกั จะมีขนมตดิ ตัวไปดว้ ย
ค. คนขับรถไม่ตดิ ใจเอาความกับคนบ้าที่ขว้างปาของเขา
ง. กองทหารกาํ ลงั บกุ เข้าโจมตแี ละรบตดิ พันกันกว่า ๓ วนั แลว้

๕. ประโยคในขอ้ ใด เปน็ ประโยคความซ้อน
ก. ทกุ คนตา่ งมีหน้าท่ีท่ตี อ้ งปฏิบัติและรบั ผิดชอบ
ข. เดก็ ไทยอ่านหนงั สือน้อยลงแต่เลน่ เกมกันมากข้นึ
ค. การจดั งานแสดงสนิ คา้ ปีนี้เป็นไปอย่างเรียบรอ้ ย
ง. หนึง่ สมองสองมือของเราทุกคนช่วยชาตพิ ้นวิกฤตไิ ด้

๖. ประโยคมีความหมายตรงตามขอ้ ใดมากท่สี ุด
ก. คําหรือกลุ่มคํา
ข. มีภาคประธานและภาคแสดง
ค. การนํากลมุ่ คํามาเรียบเรียงกนั
ง. คาํ หรือกลุ่มคาํ ท่ีนาํ มาเรยี งกันแลว้ มีความหมายสมบรู ณ์ ประกอบด้วยภาคประธานและ
ภาคแสดง

๗. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยค
ก. ดอกไม้ในแจกนั สวยงามมาก
ข. ถ้อยคําท่ดี อี ันแสนออ่ นหวาน
ค. สัตวโ์ ลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ง. ใครฟงั แล้วไม่เข้าใจยกมือขนึ้ ถามได้

๓๔

๘. ประโยคในขอ้ ใด เปน็ ประโยคความรวม
ก. ขอทานสองผัวเมียโชคดถี ูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่ ๑ โจรเจา้ กรรมกลบั แย่งไปจากมือ
ข. อาชีพต่างๆในกรุงเทพมิใช่วา่ จะเหมาะสมกบั ผู้ท่อี พยพมาหางานทําเสมอไป
ค. ปีนมี้ ลู นิธิเพอ่ื เดก็ พิการจัดค่ายพกั แรมท่เี ขาใหญ่
ง. เขายื่นคําร้องต่อศาลจงั หวัดศรีสะเกษ

๙. กลุ่มคาํ ในข้อใดมีความหมายมากกว่า ๑ ความหมาย ทกุ คํา
ก. หน้าไม้ หน้าบนั
ข. ตามน้าํ สับหลกี
ค. ข้นึ หม้อ ทอดเสียง
ง. เจา้ บ้าน ลายคราม

๑๐. ประโยคในขอ้ ใด เป็นประโยคความเดยี ว
ก. เธอจะเลน่ อินเทอร์เน็ตหรอื อา่ นหนังสือกันแน่
ข. ฤดหู นาวลมค่อนข้างแรงต้องระมัดวงั การกอ่ ไฟ
ค. เราควรคาดเขม็ ขัดขณะขบั รถเพ่อื ความปลอดภยั
ง. เราควรออกกําลังกายอย่างน้อยอาทติ ย์ละ ๓ ครง้ั

๓๕

บรรณานุกรม

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย หลักภาษา
ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖. กรงุ เทพฯ : สกสค, ๒๕๕๕.

กรมวิชาการ. กระทรวงศึกษาธกิ าร.หลักภาษาไทย. พิมพ์ครั้งท่ี ๔.กรงุ เทพฯ :
องค์การคา้ ของคุรุสภา,๒๕๓๘.

กาํ ชัย ทองหลอ่ . หลกั ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : รวมสาสน์ ,๒๕๔๐.
พรทพิ ย์ ศริ ิสมบรู ณ์เวช และคณะ.สรุปเข้มภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท

พฒั นาคุณภาพวชิ าการ(พว จาํ กดั , ๒๕๔๘.
ราชบณั ฑิตยสถาน.พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒.

กรงุ เทพฯ : นานมีบุ๊คสพ์ บั ลเิ คช่ัน จาํ กัด,๒๕๔๖.
สถาบันพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว. หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖.

กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวชิ าการ(พว จํากดั , ๒๕๕๙.
สรุ ะ ดามาพงษ์ และคณะ. ชดุ ฝึกทกั ษะ รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ม.๖ เล่ม ๒.

กรุงเทพมหานคร : วฒั นาพานิชสําราญราษฎร์, ๒๕๕๑.
เอกรตั น์ อุดมพร.หลกั ภาษาและการใช้ภาษาเพือ่ การสือ่ สารม.6.กรุงเทพ:พฒั นาจํากดั ,

๒๕๕๕.

๓๖

ภภาาคคผนผวกนวก

๓๗

เฉลยชุดฝึกทักษะที่ ๕.๑

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนหาความหมายของคําต่อไปน้ี พรอ้ มท้ังแตง่ ประโยคให้
ถูกตอ้ งตรงตามความหมาย (คําท่มี ีความหมายคลา้ ยกัน

๑. ตัด ฟนั ฝาน เฉือน มคี วามหมายร่วมกัน คอื ทาํ ให้ขาดจากกนั
ตัด เป็นอาการท่ไี ม่ต้องยกแขนขึ้น
๏ เขาตดั กระดาษเปน็ ชิ้นเล็กๆ
ฟนั ตอ้ งยกแขนขึน้ ฟาด
๏ เขาฟนั หยวกกล้วยเต็มแรง
ฝาน ตัดออกเป็นแผ่นๆ
๏ แม่ฝานมะม่วงไว้ให้ลกู
เฉอื น ตัดเพยี งบางส่วน
๏ แม่เฉอื นหมแู บง่ แช่ไวใ้ นตู้เย็น

๒. ปริ ผลิ มีความหมายร่วมกัน คอื เผยออก
ปริ เปน็ อาการแยกตัวออกจากกนั
๏ ตะเข็บเส้ือของเขาปริ
ผลิ เปน็ อาการงอกออกมา
๏ ดอกไม้ผลดิ อกออกมาให้เขาชื่นใจ

๓. ฉีก ขาด มีความหมายร่วมกนั คอื แยกจากกนั
ฉีก เป็นอาการแยกจากกนั โดยไม่เด็ดขาด ยังเหลอื ร่องรอยเดมิ
๏ กางเกงฉีกเพราะถกู ตะปูเกีย่ ว
ขาด เปน็ อาการแยกจากกันเด็ดขาด
๏ เชือกขาดเป็นสองท่อนเพราะถกู ตัด

๓๘

๔. ดึง ทึ้ง มีความหมายร่วมกัน คอื ฉุดรง้ั หรอื เหนีย่ วเข้ามา
ดึง เปน็ อาการฉุด รงั้ หรอื เหนี่ยวครง้ั เดยี วหรอื ต่อเน่อื งกนั
๏ เขาช่วยดึงแขนเพื่อนข้นึ มา
ท้งึ เป็นอาการฉดุ รง้ั หรอื เหนี่ยวครงั้ แลว้ ครง้ั เลา่
๏ เธอถกู ทง้ึ ผมอย่างแรง

๕. แกะ แทะ แงะ แคะ มีความหมายร่วมกัน คอื ทาํ ให้หลุดจากกัน
แกะ เปน็ อาการคอ่ ยๆ ทําให้หลดุ จากกันดว้ ยเล็บมือ หรอื สง่ิ ที่มีลักษณะคลา้ ยเลบ็ มือ
๏ เขาแกะปกู ินอย่างเอร็ดอร่อย
แทะ เปน็ อาการทําให้หลดุ ออกมาทีละน้อยด้วยฟันหน้า
๏ หนแู ทะข้าวโพด
แงะ เป็นอาการงัดให้หลุดจากกนั
๏ โจรงัดแงะประตูเข้าไปขนของในบา้ นอย่างง่ายดาย
แคะ เป็นอาการใช้เล็บมือหรอื สง่ิ มีปลายแหลม ทําให้ของทีต่ ิดอยู่ข้างในหลุดออกมา
๏ แม่ค้าแคะขนมครก

๖. มอง เป็นอาการทอดสายตาตรงไปยังสง่ิ หนง่ึ สิ่งใด อาจเหน็ หรือไม่เหน็ ก็ได้
๏ เขามองไปขา้ งหนา้

ดู เป็นอาการทอดสายตาตรงไปยงั สง่ิ หนง่ึ สิง่ ใด และเห็นสง่ิ นั้น
๏ เขาชอบดูละคร

๗. หอ่ ห้มุ คลมุ ครอบ มีความหมายร่วมกนั คือ กนั หรอื กั้นไม่ให้เห็นหรือเผยออก
หอ่ เป็นอาการพนั ด้วยของเปน็ แผ่นผูกหรือรัดให้มิดชดิ รอบดา้ น
๏ แม่หอ่ ขนมข้าวตม้ มดั
หุม้ เป็นอาการพันด้วยของเป็นแผ่น โดยไม่คํานึงถึงความมิดชิดรอบด้าน
๏ เขานํากระดาษมาหมุ้ กล่องไว้

๓๙

คลมุ เปน็ อาการทเ่ี อาของที่เป็นแผ่นกนั ไว้ข้างบนและด้านขา้ งโดยรอบให้มิดชิด
๏ เขาหาผ้ามาคลมุ รถ

ครอบ เป็นอาการท่เี อาของที่มีลักษณะคลมุ่ ๆ (ลกั ษณะของปากภาชนะทีง่ ุ้มหรือโค้งเข้า
อย่างปากตะลมุ่ กนั ไวข้ า้ งบนและด้านข้างโดยรอบให้มิดชดิ
๏ แม่นาํ ฝาชีมาครอบกบั ข้าว

๙.กีดกนั กีดกั้น กดี ขวาง มีความหมายร่วมกนั คือ ทาํ ให้เกดิ ความไม่สะดวก
กีดกนั กันไม่ให้ทาํ ได้โดยสะดวก
๏ เขาและเธอถกู ผู้ใหญ่กีดกนั ไม่ให้พบหน้ากนั
กีดกน้ั ขดั ขวางไว้
๏ ความสจุ ริตนน้ั ย่อมกีดกั้นบุคคลออกจากความชว่ั และความเสือ่ มท้ังหมดได้
กีดขวาง ขวางกั้นไว้ ขวางเกะกะ
๏ กลอ่ งทีต่ กบนถนนกีดขวางการจราจร

๑๐. กระฉบั กระเฉง กระปรีก้ ระเปร่า กระชุ่มกระชวย
กระฉบั กระเฉง คล่องแคล่ว, กระปรกี้ ระเปร่า
๏ วยั รุ่นสมยั น้ีทํางานด้วยความกระฉบั กระเฉงกนั เปน็ สว่ นใหญ่
กระปรี้กระเปรา่ แคลว่ คล่องว่องไว เพราะมีกําลังวังชา, กระฉับกระเฉง
๏ พ่อออกกําลังกายเป็นสมา่ํ เสมอจึงทาํ ให้มีทา่ ทกี ระปรกี้ ระเปร่าอยู่เสมอ
กระช่มุ กระชวย มีอาการกระปรกี้ ระเปร่า , สดช่นื , มีผิวพรรณสดใส
๏ พอป้าตน่ื มาตอนเชา้ หมอกท่เี กาะหญา้ อากาศท่เี ยน็ สบาย ทําให้ปา้ รู้สกึ
กระชมุ่ กระชวย

๔๐

เฉลยชดุ ฝึกทกั ษะที่ ๕.๒

คาชี้แจง ให้นักเรียนพจิ ารณาการใชค้ าํ และกลุ่มคาํ ประกอบรูปประโยคต่อไปนีว้ ่าถูกต้อง
หรือไม่ และแก้ไขให้ถกู ตอ้ ง
___/___ ๑. รัฐบาลศรีลังกาปราบปรามพวกกบฏทมิฬไม่สาํ เรจ็

___x___ ๒. นักเรียนขึน้ ไปน่งั บนอฒั จรรย์ (อัฒจันทร์)

___x___ ๓. ลูกของเขาไม่สบายเขาจึงพาลูกไปหาหมอทค่ี ลนี กิ (คลินิก)

___x____ ๔. สม้ ตาํ จะอรอ่ ยต้องรับประทานกับแค็ปหมู (แคบหม)ู

___/____ ๕. เยน็ นฉี้ นั มีนัดเดินทางไปประชมุ ท่จี งั หวัดกาฬสินธ์ุ

___x___ ๖. คฤหาสน์หลงั น้ีสีขาวมีเจา้ หญงิ และเจา้ ชายอาศยั อยู่ (คฤหาสน์)

___/___ ๗. โรงเรยี นใช้เงนิ ทดรองจ่ายให้ไปก่อน

___x___ ๘. เขาใช้ฆอ้ นทุบเสากอ่ นค่อยตอกเสาลงไป (คอ้ น)

___/___ ๙. เขายอมรบั ความพ่ายแพ้โดยดุษณีภาพ

___x__ ๑๐. การฆาตรกรรมเกดิ ข้นึ ได้โดยง่ายดาย (ฆาตกรรม)

___x____ ๑๑. หน้าโรงเรยี นของเรามีจราจลเกิดขึ้น (จลาจล)

___x____ ๑๒. เพชรที่ดีต้องผ่านการเจยี รไนอย่างประณีต (เจียระไน)

___x____ ๑๓. งานฌาปณกิจของญาตพิ รพรรณอยู่ทว่ี ัดท้ายหมู่บ้าน (ฌาปนกิจ)

___x___ ๑๔. ทศกณั ฑ์คอื ยักษ์ท่ีมีใจรกั นางสีดาเพียงผู้เดียว (ทศกัณฐ์)

___x____ ๑๕. คณะฑตู เดินทางมาถึงประเทศไทยในเวลา ๐๗.๐๐ (ทูต)

๔๑

เฉลยชุดฝึกทักษะที่ ๕.๓

ชี้แจง ให้นกั เรียนพจิ ารณาการใช้ประโยคถูกตอ้ งตามแบบแผนของภาษา

ตอ่ ไปนวี้ ่าประโยคใดเปน็ ประโยคการใช้สานวนตา่ งประเทศ และ

การใช้คาไมก่ ะทดั รัด ฟมุ เฟือย พร้อมท้ังแก้ไขประโยคให้ถูกตอ้ ง

ตัวอยา่ ง เขาให้ความช่วยเหลือเพ่ือนในการทําการบ้าน

เปน็ ประโยคท่ีมีการใช้สํานวนตา่ งประเทศ

แก้ไข เขาช่วยเพ่อื นทาํ การบา้ น

การใช้ประโยคถกู ตอ้ งตามแบบแผนของภาษา

๑. มันเป็นการยากทีจ่ ะยอมรับพรรคการเมืองน้ี

เปน็ ประโยคท่มี ีการใช้สํานวนตา่ งประเทศ

แก้ไข (ผม ยอมรบั พรรคการเมืองน้ีไดย้ าก

๒. ภายใต้การนําของบิก๊ หอยพาทีมฟุตบอลไทยผ่านสู่รอบสอง
เป็นประโยคท่มี ีการใช้สํานวนตา่ งประเทศ
แก้ไข บิก๊ หอยนาํ ทีมฟตุ บอลไทยผ่านสรู่ อบสอง

๓. หนงั สอื เลม่ นีแ้ ต่งโดยพระยาอุปกิตศลิ ปสาร
เปน็ ประโยคท่มี ีการใช้สาํ นวนตา่ งประเทศ
แก้ไข พระยาอปุ กิตศลิ ปะสารแตง่ หนังสอื เล่มน้ี

๔. เขาใช้ชวี ิตอยู่ในประเทศอังกฤษเมื่อ ๑๐ ปีก่อน
เปน็ ประโยคท่มี ีการใช้สาํ นวนตา่ งประเทศ
แก้ไข เขาอยู่ในประเทศองั กฤษเมื่อ ๑๐ ปีกอ่ น

๔๒

๕. ผืนนาหลายแห่งถกู กว้านซ้ือโดยนักลงทนุ ตา่ งชาติ
เปน็ ประโยคท่มี ีการใช้สํานวนตา่ งประเทศ
แก้ไข นักลงทุนต่างชาติกวา้ นซือ้ ผืนนาหลายแห่ง

๖. หล่อนคอยปรนนิบัตริ ับใช้เจ้านายอย่างใกล้ชิด
เปน็ ประโยคท่มี ีการใช้คาํ ให้กะทดั รัด ฟมุ่ เฟือย
แก้ไข หลอ่ นคอยรบั ใช้เจ้านายอย่างใกลช้ ิด

๗. สหประชาชาตใิ ห้การสนบั สนุนการยบั ยั้งโรคเอดสใ์ นไทย
เปน็ ประโยคท่มี ีการการใช้คําให้กะทดั รัด ฟมุ่ เฟือย
แก้ไข สหประชาชาติสนับสนุนการยบั ยั้งโรคเอดสใ์ นไทย

๘. เธอเดนิ มาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่
เป็นประโยคท่มี ีการการใช้คําให้กะทัดรัด ฟมุ่ เฟือย
แก้ไข เธอเดินถอื กระเป๋าใบใหญ่

๙. หน่วยงานต่างๆเหลา่ น้อี ยู่ภายใตก้ ารนําของจงั หวดั
เปน็ ประโยคท่มี ีการการใช้คําให้กะทดั รดั ฟมุ่ เฟือย
แก้ไข หน่วยงานต่างๆเหล่าน้ีขึน้ ตรงกบั จงั หวดั

๑๐. พรุ่งนอี้ ังกฤษจะเปิดเผยรายชื่อผู้เล่นในส่วนของทมี ชาติ
เปน็ ประโยคทม่ี ีการการใช้คาํ ให้กะทัดรดั ฟมุ่ เฟือย
แก้ไข พรุ่งนอี้ ังกฤษจะเปิดเผยรายชื่อผู้เล่นทมี ชาติ

๔๓

เฉลยชดุ ฝึกทักษะที่ ๕.๔

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนอธบิ ายการใช้ภาษากาํ กวมต่อไปนใี้ ห้ชดั เจน
ตัวอยา่ ง ในที่สุดเขาก็ตกลงไปดว้ ยอีกคน
ประโยคนกี้ ํากวม อาจเว้นวรรคดังนี้ “ในทีส่ ดุ เขาก็ตกลง ไปดว้ ยอีกคนหนึ่ง”
หรือ “ในทีส่ ุดเขากต็ ก ลงไปดว้ ยอีกคน”

๑. นํา้ เย็นหมดแล้ว
นํา้ ทีต่ ้มไว้เยน็ หมดแล้ว
นาํ้ ทีแ่ ช่ไวใ้ นตู้เย็นหมดแล้ว
นํา้ ทีน่ ําออกมาจากตู้เยน็ เยน็ หมดแลว้

๒. นอ้ งชายของผมไปเรียนญีป่ ุ่น
นอ้ งชายของผมไปเรียนทีป่ ระเทศญ่ปี นุ่
นอ้ งชายของผมไปเรียนภาษาญี่ปุ่น

๓. คนใช้เธอมาแล้ว
คนรับใช้ของเธอมาแล้ว
คนท่ชี อบใช้เธอมาแลว้

๔. เขาเก่งแต่พดู มาก
เขาเป็นคนเกง่ แตพ่ ูดมาก
เขาเป็นคนพดู มาก

๔๔

๕. เขาไปเยีย่ มเพ่อื นท่ีเพ่ิมแตง่ งานกบั น้องของเขา
เขากบั นอ้ งไปเยี่ยมเพอ่ื นทพ่ี ึง่ แต่งงานกนั
เขาไปเยี่ยมเพ่อื นและน้องทีพ่ ่งึ แตง่ งานกนั

๖. แพทย์มาประชมุ เรอ่ื งโรคอว้ นมาก
แพทย์จํานวนมากมาประชมุ เร่อื งโรคอว้ น
แพทย์มาประชมุ เร่อื งโรคอว้ นที่มีน้าํ หนักมากเกินไป

๗. รถขนขยะไปตั้งแตเ่ ช้า
รถขนขยะ ไปต้ังแตเ่ ชา้
รถ ขนขยะไปตงั้ แตเ่ ชา้

(ประโยคนีก้ าํ กวมที่ “รถขนขยะ” อาจเป็นคําประสม หรอื ประโยค คอื ถ้า “รถขน
ขยะ+ไป+ตง้ั แตเ่ ชา้ ” จะเป็นคําประสม แต่ถ้า “รถ+ขน+ขยะ+ไป+ตง้ั แตเ่ ชา้ ” จะเป็นประโยค

๘. เขาขับรถชนสนุ ัขตาย
เขาขับรถชนสนุ ขั ตาย
เขาขบั รถชนสนุ ขั ตาย
(ประโยคนกี้ าํ กวมที่ “สนุ ัขตาย” อาจเป็นกลมุ่ คํา หมายถึง สนุ ัขทต่ี ายแล้ว หรอื เปน็

ประโยค หมายถึง “เขาขับรถชนสุนัขเป็นๆ จนตายไป”

๙. ฉนั ไม่ชอบกินมนั เลย
(ประโยคนกี้ ํากวมที่ “มนั ” อาจหมายถึง พืช หรอื เปน็ สรรพนามแทนอาหารชนดิ ใด

ชนดิ หนง่ึ

๑๐.เจา้ หน้าที่เข็นรถคนไข้ออกไปแลว้
เจ้าหนา้ ทเ่ี ขน็ รถคนไข้ ออกไปแลว้
เจ้าหน้าท่ี เขน็ รถคนไขอ้ อกไปแลว้

๔๕

เฉลยชุดฝึกทักษะที่ ๕.๕

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนแต่งประโยคที่ใช้แสดงเจตนาในการสอ่ื สาร
ประเภทละ ๕ ประโยค

๑. ประโยคแจ้งใหท้ ราบหรือประโยคบอกเล่า
ประโยคแจง้ ให้ทราบหรือประโยคบอกเล่า คอื ประโยคทีผ่ ู้สง่ สารบอก

กล่าว ชีแ้ จง เสนอแนะ ประโยคแจ้งให้ทราบมีทงั้ ทีเ่ ปน็ ประโยคสน้ั และประโยคยาวท่มี ี
เนือ้ ความซบั ซ้อนมีลกั ษณะ เนือ้ ความ ๒ อย่างคอื แจ้งให้ทราบและแจ้งให้ทราบเน้ือความ
ปฏิเสธ ซึ่งจะมีคําแสดงการปฏิเสธอยู่ดว้ ยเช่น ไม่ มิได้ หามิได้

ตัวอยา่ งเชน่ กรเอกขับเสภาไดไ้ พเราะมาก
เมื่อวานน้ฝี นตกหนัก
พวกเรารู้สึกยินดที ไ่ี ด้พบกัน
เสือ้ ตวั น้ีสสี วย
หลายคนมีความเชอ่ื ในเรื่องลลี้ บั

๒. ประโยคถามใหต้ อบ
ประโยคถามให้ตอบ คือ ได้แก่ประโยคทผ่ี ู้ส่งสารตอ้ งการให้ผู้รบั สารตอบ

ในสิ่งท่ี ผู้ส่งสารตอ้ งการทราบ ประโยคลกั ษณะน้ีจะมีคําท่เี ป็นคําถามอยู่ดว้ ย เชน่ ใคร อะไร
หรือ ทไ่ี หน เมือ่ ไหร่ อย่างไร เทา่ ไร ประโยคถามให้ตอบมีเนอื้ ความถามและถามปฏิเสธอยู่ด้วย

ตวั อย่างเช่น ใครชอบอา่ นหนงั สือ
มีสิ่งใดอยู่ในตู้

๔๖

๓. ประโยคบอกให้ทา
ประโยคบอกใหท้ า คอื ประโยคที่ผู้สง่ สารต้องการให้ผู้รับสารกระทําอาการ

บางอย่างที่ผู้สง่ สารต้องการ ประโยคบอกให้ทาํ นีม้ ีท้ังเนอื้ ความบอกให้ทําและเนื้อความ
ปฏิเสธ ประโยคแบบนีเ้ รียกอกี อย่างหนึง่ วา่ ประโยคคาํ ส่งั หรอื ขอรอ้ ง

ตัวอยา่ งเชน่ เปิดไฟหนอ่ ย
คุณควรเห็นแก่สว่ นรวม

๔. ประโยคชักชวน
ประโยคชักชวน คอื ประโยคทม่ี ีเจตนาให้ผู้ฟังทําตามความคิดของตน อาจมี

คาํ วิเศษณ์ กบั คําลงท้าย นะ เถอะ เถอะนะ ปรากฏอยู่ดว้ ยกนั เช่น
ตวั อยา่ งเชน่ เราไปดลู ะครกนั ดกี ว่า
คุณเชอื่ ผมเถอะแลว้ จะปลอดภยั
เรามาพบั นกส่งภาคใตก้ ันเถอะ

๕. ประโยคขอร้อง
ประโยคขอรอ้ ง คอื ผู้พดู มีเจตนาให้ผู้ฟงั ช่วยสงเคราะห์ทําส่งิ ใดสิง่ หนง่ึ อาจมี

คํากริยานํา ชว่ ย กรณุ า วาน โปรด หรืออาจมีคําวิเศษณ์ ดว้ ย ที่ หนอ่ ย หรือคําลงท้าย เถอะ
นะ นะ่

ตัวอย่างเช่น ช่วยไปยืมหนงั สอื ในห้องสมุดมาให้ทีนะ
กรณุ าถอดรองเทา้ ด้วยค่ะ
โปรดอย่าเปิดโทรศัพทม์ ือถอื ในห้องประชุม
วานไปซือ้ ของร้านปากซอยให้ที่นะ

๔๗

เฉลยชุดฝึกทกั ษะที่ ๕.๖

คาชี้แจง จงบอกว่าประโยคต่อไปน้ีประโยคใดเป็นประโยคความเดียว ประโยคความรวม
ประโยคความซอ้ น

๑. การอ่านหนังสือมิไดใ้ ห้ประโยชนเ์ ฉพาะด้านความรู้เทา่ นั้น แต่ยังเปน็ เคร่อื งมือสาํ หรบั

แสวงหาความรู้ตลอดชีวติ อีกดว้ ย ประโยคความรวม

๒. สุนัขที่เห่ามาก ๆ มกั ไม่กัดคน ประโยคความซ้อน

๓. ผมมาถึงเขาก็ไปพอดี ประโยคความรวม

๔. เมื่อถึงสนามบนิ ดอนเมืองหัวหนา้ กลุ่มคนงานไทยตามหลกั ฐานในบัญชี

ของกระทรวงการต่างประเทศไดห้ ายตัวไปแล้ว ประโยคความเดียว

๕. เขาเปน็ นกั เรียนที่เก่งทงั้ ด้านการเรียนและการกีฬาหากแต่วา่ เพือ่ น ๆ ในห้องจํานวนมาก

ไม่ชอบเขา เพราะเขาไม่มีความเอื้ออาทรต่อคนอื่น ประโยคความรวม

๖. ทุกคนมีความพยายามอย่างยิ่งยวดในการตอ่ สวู้ ิกฤตเศรษฐกิจในครงั้ น้ี ประโยคความเดยี ว

๗. ครน้ั รถไฟออกจากสถานี เขาจงึ เดนิ ทางมาถงึ ประโยคความรวม

๘. พ่อกับแม่ไปตลาดนัด ประโยคความรวม

๙. นักศึกษาไปห้องสมุดทุกวนั ประโยคความเดียว

๑๐. ฉนั มีวิชา แต่เขามีทรัพย์ ประโยคความรวม

๔๘

๑๑. กว่าเธอจะมาถึงเขากลบั ไปเสยี แลว้ ประโยคความรวม

๑๒. อาหารท่มี ีสีสวย ๆ อาจเป็นอันตรายได้ ประโยคความซ้อน

๑๓. ถึงหล่อนจะเป็นคนปากร้ายฉันกช็ อบหล่อน ประโยคความรวม

๑๔. เคร่อื งบินจโู่ จมเข้าไปท้งิ ระเบิดตดิ ขีปนาวธุ ยังจุดยทุ ธศาสตร์ทางด้านทหาร

ประโยคความเดียว

๑๕. นกั บริหารท่ขี าดความม่นั ใจในตวั เองย่อมประสบความสําเร็จไดย้ าก เพราะการ ตดั สนิ ใจ

ซึ่งมีพ้ืนฐานจากความไม่ม่ันใจมักผิดพลาดไดง้ ่าย ประโยคความซ้อน

๑๖. คุณตอ้ งมาสอบปลายภาคไม่เชน่ นั้นจะหมดสทิ ธไ์ิ ด้รบั ทุนการศึกษา ประโยคความรวม

๑๗. ครูสอนวิชาภาษาไทยเป็นคนเล่นดนตรีเก่ง ประโยคความซ้อน

๑๘. เขาไม่ขยันอ่านหนังสอื จึงสอบตก ประโยคความรวม

๑๙. เขาต้ังใจทํางาน ฉะนนั้ เขาจงึ ประสบความก้าวหน้า ประโยคความรวม

๒๐. ความเมตตาของพระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานวุ งศ์ตอ่ พสกนกิ ร

ชาวไทย เปน็ คุณปู การอันหาท่สี ุดมิได้ ประโยคความเดียว

๔๙

เฉลยชุดฝึกทักษะที่ ๕.๗

คาชี้แจง ให้นกั เรียนแต่งบทสนทนาสั้น ๆ โดยใช้คําให้สัมพนั ธ์กับสถานการณ์ หรือคาํ อืน่
เชน่ จะ กําลงั เคย แล้ว เลย ควร ต้อง โดยแต่งให้มีความยาวไม่น้อยกว่า ๕
ประโยค ใช้คาํ ตามประเภทท่กี ําหนดไม่น้อยกว่า ๕ คาํ (การใชค้ าํ สร้างประโยค
และเน้อื หาในการสนทนาเกี่ยวกับเรอ่ื งใดเรือ่ งหน่ึงต่อไปนี้

 การชว่ ยเหลือเก้ือกูลกนั
 การอยู่อย่างพอเพียง
 การออกกาํ ลังกาย
 ความกตัญญูกตเวที
 ความรบั ผิดชอบต่อสว่ นรวม

(ตัวอยา่ งคาตอบ) เรือ่ ง การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ไอยลดา : พรุ่งนี้ฉันจะขดุ ดินหลงั บา้ นทาเป็นแปลงผกั พวกนายจะไปชว่ ยไดไ้ หม
ชานนท์ : พวกเราต้องไปชว่ ยอยแู่ ลว้ เจอกันกีโ่ มงดีหล่ะ
พนากร : ถ้าพวกนายสะดวกจะมากันตงั้ แต่ ๘.๐๐ น. เลยก็ได้
ปิยะมงคล : ไม่มีปญั หา พวกเรากาลงั อยากออกแรงพอดีเลย
ชูใจ : ฉันจะเตรียมอาหารไวเ้ ลีย้ งนะ แล้วเจอกันเพือ่ น ขอบใจมาก

๕๐

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน

๑. ข ๖. ง
๒. ง ๗. ข
๓. ค ๘. ก
๔. ข ๙. ข
๕. ก ๑๐. ง


Click to View FlipBook Version