The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Siriwan Riyapan, 2021-04-06 03:18:25

การจำแนกสัตว์

การจำแนกสัตว์

การจาแนกสัตว์ 1

ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ

การจดั จาแนกสัตว์

สัตว์มกี ระดกู สันหลัง
สัตว์ไมม่ ีกระดกู สนั หลัง

ตัวชว้ี ดั

ว 1.3 ป.4/3 จำแนกสัตวอ์ อกเป็นสัตว์มกี ระดูกสันหลงั และสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลัง
โดยใช้กำรมปี ระดกู สันหลงั เปน็ เกณฑ์

ว 1.3 ป. 4/4 บรรยำยลักษณะเฉพำะท่สี งั เกตไดข้ องสตั วม์ กี ระดูกสันหลงั ในกลุ่มปลำ
กลมุ่ สตั วส์ ะเทนิ นำสะเทนิ บก กล่มุ สัตวเ์ ลอื ยคลำน กล่มุ นก และกล่มุ
สัตว์เลียงลูกด้วยนำนม และยกตัวอยำ่ งกลุ่มส่งิ มีชวี ติ ในแตล่ ะกลมุ่

การจาแนกสตั ว์ 2

คาแนะนาในการใชช้ ดุ กจิ กรรม
สาหรบั นักเรยี น

ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ เร่ือง ควำมหลำกหลำยของส่งิ มชี ีวิต เป็นชุดกิจกรรมที่
นักเรยี นสำมำรถศึกษำและทำควำมเข้ำใจ โดยให้นักเรียนอ่ำนคำแนะนำและปฏิบัติกิจกรรมตำม
ขนั ตอนของกจิ กรรมรวมทงั สำมำรถสอบถำมประเดน็ ขอ้ สงสัยจำกครผู ้สู อนโดยตรง ซง่ึ นกั เรียนจะ
ได้รับควำมรูอ้ ยำ่ งครบถว้ น โดยปฏิบัตติ ำมขนั ตอนดังต่อไปนี

1. ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ เร่อื ง ควำมหลำกหลำยของส่ิงมชี วี ติ ชุดท่ี 5
การจาแนกสัตว์ ใช้เวลำ 2 ชวั่ โมง

2. นกั เรยี นแบ่งออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน
3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ ำงกำรเรียนกอ่ นเรียนด้วยชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้
วทิ ยำศำสตร์ เร่อื ง ควำมหลำกหลำยของส่ิงมชี วี ติ จำนวน 30 ข้อ
4. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ เร่ือง ควำม
หลำกหลำยของส่ิงมีชวี ิต ชดุ ที่ 5 การจาแนกสัตว์ จำนวน 10 ข้อ
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษำจุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้
6. นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมตำมขันตอนในชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ เร่ือง
ควำมหลำกหลำยของส่ิงมีชีวติ ชุดที่ 5 การจาแนกสัตว์
7. เม่ือนักเรียนทำกิจกรรมครบแล้ว นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนชุดกิจกรรมกำร
เรยี นรู้วิทยำศำสตร์ เร่ือง ควำมหลำกหลำยของส่งิ มีชีวติ ชดุ ท่ี 5 การจาแนกสตั ว์ จำนวน 10 ข้อ
วัดควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจอีกครังเพ่อื เปรียบเทยี บควำมกำ้ วหน้ำทำงกำรเรยี น
8. นักเรียนควรปฏิบัติกิจกรรมอย่ำงตังใจเพ่ือให้เกิดกำรเรียนรู้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ใน
กรณีมีข้อสงสยั ใหน้ ักเรยี นสอบถำมหรือขอคำแนะนำจำกคุณครผู ูส้ อนทนั ที

การจาแนกสตั ว์ 3

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

หลังจำกศึกษำชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์ เรอ่ื ง ควำมหลำกหลำยของส่งิ มีชวี ติ
ชดุ ที่ 5 การจาแนกสตั ว์ ผ้เู รียนมคี วำมร้คู วำมสำมำรถดงั นี

1. อธิบำยและจำแนกสัตวเป็นกลุมตำมเกณฑที่กำหนดขนึ (K)
2. ทดลองและสงั เกตลักษณะภำยนอกและลักษณะภำยในของสัตวไ์ ด้ (P)
3. สงั เกตลักษณะภำยในของสตั วและจำแนกสัตวออกเป็นกลมุ โดยใชกำรมี

กระดูกสันหลงั เปน็ เกณฑ (P)
4. อธบิ ำยลักษณะเฉพำะของสตั วและจำแนกสัตวมกี ระดกู สันหลังออกเปน็ กลมุ (P)
5. เป็นผู้มีควำมม่งุ ม่นั และตงั ใจ ใฝเ่ รียนรู้ (A)

เวลำที่ใช้ 2 ช่ัวโมง

การจาแนกสตั ว์ 4

แบบทดสอบก่อนเรียน
ชดุ ที่ 5 การจาแนกสตั ว์

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นทำเครือ่ งหมำย  ทับตัวอกั ษร ก, ข, ค หรอื ง
หนำ้ คำตอบท่ีถกู ท่สี ดุ เพยี งคำตอบเดยี ว (10 คะแนน)

1. ขอ้ ใดคือเกณฑท์ ใ่ี ช้ในกำรจำแนกสตั ว์

ก. สัตว์มกี ระดูกสนั หลังและสตั วไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลงั

ข. สตั ว์เลอื ดอุน่ และสตั ว์เลอื ดเยน็

ค. สัตว์ออกลูกเปน็ ไขแ่ ละเปน็ ตัว

ง. สัตวท์ อี่ ำศยั อย่ใู นนำและบนบก

2. ข้อใดต่อไปนกี ลำ่ วถูกตอ้ ง

ก. สตั วม์ กี ระดกู สนั หลังภำยในลำตัวจะออ่ นนิม่

ข. สตั ว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลังจะมีโครงรำ่ งแขง็ ภำยในลำตวั

ค. สัตว์มีกระดกู สันหลงั และสัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลังภำยในลำตวั จะอ่อนน่ิม

ง. สัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั จะไมม่ ีโครงร่ำงแข็งภำยในลำตัว

3. สัตวช์ นดิ ใดอยู่ในกล่มุ ของสัตวม์ ีกระดกู สันหลัง

ก. หอย ข. ตัก๊ แตน

ค. กุง้ ง. ปลำ

4. สตั ว์ชนดิ ใดอย่ใู นกล่มุ ของสัตวไ์ ม่มีกระดูกสนั หลัง

ก. นก ข. วัว

ค. คำงคก ง. ปู

5. เปน็ สตั ว์เลอื ดเย็น ผวิ หนังไม่มีเกลด็ ออกลูกเปน็ ไข่ เมอ่ื ยังเล็กหำยใจดว้ ยเหงือก โตขึน

หำยใจด้วยปอด

ก. จระเข้ เต่ำ

ข. ปลำช่อน ปลำโลมำ

ค. ปำด อึง่ อ่ำง

ง. กงุ้ ปู

การจาแนกสตั ว์ 5

6. เดก็ ชำยวันชัยแบง่ สัตว์ออกเป็น 2 กลมุ่ ดังนี
กลมุ่ ท่ี 1 ดำวทะเล ฟองนำ ปะกำรัง พยำธติ ัวตดื
กลมุ่ ท่ี 2 ปลำหำงนกยูง สุนัข คำ้ งคำว ช้ำง

เกณฑท์ ่ีเด็กชำยวันชยั ใชใ้ นกำรจำแนกสัตว์ดังกลำ่ วคอื ข้อใด
ก. กำรมกี ระดูกสนั หลัง
ข. กำรสืบพันธ์ุ
ค. กำรออกลูกเปน็ ตัว
ง. แหล่งทอี่ ยู่อำศัย
7. ดอกไม้ทะเล พลบั พลึงทะเล จัดอยใู่ นประเภทใด
ก. พืชดอก
ข. พืชไม่มีดอก
ค. สัตวม์ ีกระดกู สนั หลัง
ง. สัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลงั
8. ซำลำมำนเดอร์เปน็ สตั ว์ประเภทใด
ก. สตั วเ์ ลือยคลำน
ข. สตั ว์ปีก
ค. สตั วเ์ ลยี งลกู ด้วยนม
ง. สัตว์สะเทินนำสะเทนิ บก
9. สัตว์ในข้อใดมีอณุ หภมู ขิ องร่ำงกำยสำมำรถเปล่ยี นตำมสภำพแวดล้อมได้
ก. จระเข้
ข. เป็ด
ค. ช้ำง
ง. คำ้ งคำว
10. สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั ในขอ้ ใดจดั อยูใ่ นประเภทเดยี วกนั
ก. เปด็ กุ้ง
ข. สุนขั ม้ำ
ค. ปลิง อแี ปะทะเล
ง. ดำวขนนก หมกึ กระดอง

การจาแนกสัตว์ 6

กจิ กรรมที่ 5.1
การจดั กลมุ่ สตั ว์

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนอ่ำน ทำควำมเข้ำใจปฏิบัตติ ำมขันตอนในวิธกี ำรทำกิจกรรม
นำเสนอผล ร่วมกนั อภิปรำย แลว้ สรปุ ผลกำรทำกิจกรรม

จุดประสงค์ของกจิ กรรม

1. สังเกต สบื ค้น และอธบิ ำยลกั ษณะภำยนอกและลกั ษณะภำยในของสัตว์ชนิดต่ำง ๆ
2. สืบค้นและจัดกลมุ่ สัตว์โดยใช้เกณฑก์ ำรมีกระดูกสันหลงั และเกณฑท์ ีก่ ำหนดเอง

วสั ดุ/อุปกรณ์

1. ถำด 1 ใบ

2. มดี หรอื กรรไกร 1 เล่ม

3. ถุงมอื ยำง 1 คู่

4. สัตว์ทีน่ ่งึ สกุ แล้ว ไดแ้ ก่ ปลำทู กุ้ง หอย

วธิ ีการทากิจกรรม

1. แบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 4-5 คน จำกนันใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เตรยี มสตั วท์ ี่นึง่ สกุ แลว้ ใช้ทำกจิ กรรม
อย่ำงละ 1 ตวั ได้แก่ ปลำทู ก้งุ และหอย

2. วำงสัตว์ลงในถำด จำกนันสังเกตลักษณะภำยนอกของสัตว์ วำดภำพและบันทึกผล
3. ผ่ำสตั วแ์ ตล่ ะตวั ตำมยำว จำกนนั สงั เกตลักษณะภำยใน วำดภำพ และบนั ทกึ ผล
4. นำขอ้ มูลจำกกำรสังเกตลักษณะภำยนอกและลักษณะภำยในของสัตว์ทัง 3 ชนิด

มำเปรยี บเทยี บและบนั ทกึ ผล
5. อภิปรำยผลกำรทำกิจกรรมและร่วมกนั สรุปผล

การจาแนกสตั ว์ 7

ใบบันทกึ ผลการทากิจกรรม

ช่ือกลุ่ม................................................................ ชนั ป.4/.........................
สมาชกิ ในกลมุ่ 1...........................................................เลขท่ี.............ประธำน

2...........................................................เลขท.่ี ............รองประธำน
3...........................................................เลขที่…………..สมำชิก
4...........................................................เลขท.ี่ .............สมำชกิ
5............................................................เลขท.ี่ .............เลขำนุกำร

คาถามกอ่ นทากิจกรรม

คำถำมสำคญั ในกำรทำกิจกรรมนคี ืออะไร
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................

สมมติฐานการทากิจกรรม

............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................

.....................................................................................................................................

การจาแนกสัตว์ 8

ตำรำง ภำพวำดลกั ษณะภำยนอกและภำยในของสัตว์

ชนดิ ของสัตว์ ลักษณะภายนอก ลักษณะภายใน

.......................

…………………………………………………... ………………………………………………...
…………………………………………………... …………………………………………………..

.......................

………………………………………………... ………………………………………………...
…………………………………………………... …………………………………………………..

.......................

………………………………………………... ………………………………………………...
…………………………………………………... …………………………………………………..

การจาแนกสตั ว์ 9

คาถามหลังทากิจกรรม

1. ลกั ษณะสำคัญของสัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั และสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลังคืออะไร

............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................
.................................................................................. ......................................................................................

2. กระดูกสนั หลัง มีลักษณะเป็นอยำ่ งไร

............................................................................................................................. ...........................................
....................................................................................... .................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
.................................................................................................................................. ......................................
............................................................................................ ............................................................................

3. นักเรยี นจะสรปุ ผลกำรทำกจิ กรรมนวี ำ่ อย่ำงไร

............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................

การจาแนกสัตว์ 10

กิจกรรมท่ี 5.2
การจดั จาแนกสัตว์

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นอำ่ น ทำควำมเข้ำใจปฏบิ ัตติ ำมขนั ตอนในวธิ กี ำรทำกจิ กรรม นำเสนอผล
ร่วมกันอภปิ รำย แล้วสรปุ ผลกำรทำกจิ กรรม

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
จัดจำแนกสัตว์โดยใชก้ ำรมีกระดกู สันหลังและเกณฑท์ ก่ี ำหนดเองได้

วัสด/ุ อุปกรณ์

รูปภำพสตั ว์ 12 ภำพ

วิธกี ารทากิจกรรม

1. แบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สบื ค้นข้อมลู เกย่ี วกับสัตว์มี
กระดกู สันหลังและสัตว์ไม่มกี ระดูกสนั หลงั แล้วนำข้อมลู ท่ีไดม้ ำอภปิ รำยรว่ มกนั

2. แต่ละกลุม่ รบั บัตรภำพสัตว์จำกครูกลุ่มละ 1 ชุด (12 ใบ) แลว้ ช่วยกันสงั เกตลักษณะ
โครงสร้ำงของสัตว์ในภำพ

3. จดั กลมุ่ สตั วใ์ นบัตรภำพโดยใช้เกณฑ์กำรมกี ระดกู สันหลัง และเกณฑท์ ีก่ ำหนดเอง แลว้
บนั ทกึ ผล

4. จัดทำแผนผังหรือแผนภำพกำรจัดกลุ่มสตั ว์ลงในกระดำษแข็ง แลว้ ตกแต่งให้สวยงำม
5. สง่ ตวั แทนนำเสนอผลกำรจดั กลมุ่ สัตว์ และร่วมกนั อภปิ รำยผล

การจาแนกสตั ว์ 11

ภาพสตั ว์ 12 ภาพ

กุ้ง ปลิง เป็ด

ฉลำม จิงโจ้ พยำธิเส้นด้ำย

หอยแครง กบ ดำวทะเล

ปะกำรัง ฟองนำ เต่ำ

การจาแนกสัตว์ 12

ใบบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม

ชือ่ กล่มุ .ช..ือ่..ก...ล..มุ่..........................................................ช...ัน....ป. .4ช/.ัน....ป....4../..............
สมาชิกใสนมกำลชุ่มิก 11............................................................เเลลขขทที่.่.ี ............ปปรระะธธำำนน

22............................................................เเลลขขทท.ี่ .่ี ...........รองประธำน
33............................................................เเลลขขทท่ี…ี่…………………...สสมมำำชชกิ ิก
44............................................................เเลลขขทท.ี่ .่ี .............สสมมำำชชิกกิ
55.......................................................................................................................เเลลขขทท่ี.ี่...........................เสลมขำำชนิกกุ ำร
6............................................................เลขท.่ี .............เลขำนกุ ำร

คาถามกอ่ นทากจิ กรรม

1. คำถำมสำคัญในกำรทำกิจกรรมนีคืออะไร

............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................ ................................
.................................................................................................. ......................................................................

2 นกั เรยี นคดิ วำ่ จะใช้เกณฑใ์ ดในกำรจดั จำแนกสัตว์และสำมำรถจดั จำแนกสัตว์ไดก้ ี่
ประเภท อะไรบ้ำง

................................................................................................................................................................ ........
.......................................................................................................................... ..............................................
............................................................................................................................. ...........................................
..................................................................................................................................................................... ...
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................

การจาแนกสตั ว์ 13

สัตว์ชนิดต่าง ๆ

การจาแนกสตั ว์ 14

คาถามหลงั ทากิจกรรม

เขียนเครอื่ งหมาย  ใน หนา้ คาตอบทถ่ี กู ต้อง และตอบคาถาม

1. สัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์ไมม่ กี ระดกู สันหลงั

กุง้ ปลิง เปด็ ฉลำม

พยำธเิ สน้ ด้ำย หอยแครง ปะกำรงั จงิ โจ้

กบ ฟองนำ ดำวทะเล เต่ำ

2. เมือ่ ใช้กำรมกี ระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ สำมำรถจดั จำแนกสัตว์ไดเ้ ปน็ ก่ีประเภท อะไรบำ้ ง

..........................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................

3. กำรจัดกลุ่มสตั ว์ นอกจำกกำรใช้กระดกู สันหลังเปน็ เกณฑ์แล้ว นักเรียนคดิ วำ่ สำมำรถเลอื กใช้

เกณฑใ์ ดในกำรจัดกล่มุ สัตว์ไดอ้ ีก ระหวำ่ งเกณฑแ์ หลง่ ทีอ่ ยอู่ ำศยั กับเกณฑก์ ำรกนิ อำหำร เพรำะ

อะไร

แหล่งทอี่ ยอู่ ำศยั เพรำะ..........................................................................................................

..........................................................................................................................................................

กำรกนิ อำหำร เพรำะ ...........................................................................................................

..........................................................................................................................................................

4. นักเรยี นมวี ิธีปอ้ งกันกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยของสงิ่ มชี ีวิตและอนรุ ักษส์ ตั ว์ในท้องถิ่นได้

อยำ่ งไร

..........................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................

5. กำรทนี่ ักเรยี นร่วมกันรณรงค์ใหค้ นในท้องถ่ินชว่ ยกันปอ้ งกันกำรสญู เสียควำมหลำกหลำยของ

สงิ่ มชี ีวิตและอนรุ กั ษส์ ตั ว์ในทอ้ งถิ่น แสดงว่ำนักเรียนมีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ในข้อใด

มีวินัย ซอ่ื สัตย์สจุ ริต มจี ิตสำธำรณะ

การจาแนกสัตว์ 15

กิจกรรมลองคดิ ลองทาดู

สัตวท์ ี่ฉนั ชอบ

ให้นักเรียนแต่ละคนรวบรวมภำพจำกหนังสือหรือนิตยสำรที่ไม่ใช้แล้ว หรือนำตุ๊กตำสัตว์
ชนิดต่ำง ๆ หรือประดิษฐ์ตุ๊กตำรูปสัตวข์ ึนเองจำกวัสดุเหลือใช้ แล้วนำมำจัดทำเป็นโมบำยแขวน
หน้ำต่ำง พร้อมตกแต่งให้สวยงำม จำกนันนำแสดงใหเ้ พ่ือนๆ ในห้องได้ดูกัน พร้อมกับช่วยกันจัด
จำแนกกลุม่ สัตว์ตำมเกณฑ์ทก่ี ำหนดเอง

โมบำยรูปสัตว์

การจาแนกสัตว์ 16

เร่อื ง การจาแนกสตั ว์
ตอนท่ี 1 ใหน้ กั เรียนสบื คน้ ข้อมลู เกยี่ วกับสัตว์ตำ่ ง ๆ แลว้ จัดกลุ่มสตั ว์โดยใช้กระดูกสันหลงั

เปน็ เกณฑ์ (10 คะแนน)

ปลำฉลำม ปูเสฉวน ฟองนำแกว้ ตะพำบ เมน่ เม่นทะเล
พะยูน อ่ึงอำ่ ง จิงโจ้ โลมำ ต๊ักแตน กงิ ก่ำ
ม้ำนำ กงิ กอื ทำก กลั ปังหำ ปลงิ ทะเล ดำวทะเล
จงิ เหลน คำ้ งคำว หอยแครง จระเข้ ปะกำรงั งู
นกเพนกวิน พยำธิตัวตืด ไฮดรำ ซำลำมำนเดอร์ ปลำชอ่ น กุง้

สัตวม์ กี ระดกู สนั หลัง ได้แก่ .................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
สัตวไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลัง ได้แก่ ..............................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

ตอนท่ี 2 ให้นักเรียนเปรยี บเทยี บควำมแตกต่ำงระหว่ำงลักษณะของสัตว์มีกระดูกสนั หลังกับ
สัตวไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลัง แลว้ ยกตวั อย่ำงมำประเภทละ 5 ชนิด (10 คะแนน)

สัตว์มีกระดูกสนั หลัง สัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลงั

ชอื่ – สกุล ........................................................... ช้ัน .................... เลขที่ .................

การจาแนกสัตว์ 17

เรื่อง การจาแนกสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั
คาช้ีแจง ดูภำพแล้วบอกชื่อสัตว์ จำกนนั จำแนกว่ำเปน็ สตั วม์ ีกระดูกสนั หลังประเภทใด

(10 คะแนน)

สัตวช์ นดิ นีคือ................................................ สัตวช์ นดิ นีคือ................................................
เปน็ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลัง ประเภท
เปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั ประเภท
..................................................................... .....................................................................

สตั วช์ นดิ นีคือ................................................ สัตว์ชนดิ นคี อื ................................................

เปน็ สัตวม์ กี ระดกู สันหลัง ประเภท เปน็ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั ประเภท

..................................................................... .....................................................................

สตั วช์ นิดนคี อื ................................................ สัตว์ชนิดนีคือ................................................

เป็นสตั วม์ กี ระดูกสนั หลัง ประเภท เปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลัง ประเภท

..................................................................... .....................................................................

การจาแนกสัตว์ 18

สัตวช์ นดิ นีคือ................................................ สัตว์ชนิดนคี อื ................................................

เปน็ สัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั ประเภท เปน็ สัตวม์ ีกระดูกสันหลงั ประเภท

..................................................................... .....................................................................

สัตวช์ นิดนคี อื ................................................ สัตว์ชนิดนคี ือ................................................

เปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลัง ประเภท เปน็ สตั ว์มกี ระดูกสันหลัง ประเภท

..................................................................... .....................................................................

ช่ือ – สกุล ........................................................... ช้ัน .................... เลขที่ .................

การจาแนกสัตว์ 19

เร่ือง การแบง่ กลมุ่ สัตวม์ ีกระดูกสนั หลงั

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนพิจำรณำขอ้ มลู ที่กำหนดในตำรำง แล้วตอบคำถำมใหถ้ กู ต้องสมบรู ณ์

(10 คะแนน)

กลุ่ม ลกั ษณะลาตวั เลอื ดเย็น/ อวยั วะทใี่ ช้ บรเิ วณท่ี
ของสตั ว์
เลอื ดอนุ่ หายใจ อาศัย

A มขี นเป็นเส้น ไมม่ ีเกลด็ เลอื ดอ่นุ ปอด บนบก

B มปี ีก มขี นเปน็ แผง เลือดอ่นุ ปอด บนบก

C ผวิ หนงั เปียกชืน ไมม่ ีเกล็ด เลอื ดเยน็ เหงอื ก/ปอด ในนำ/บนบก

D มีครีบ มีเกล็ด เลอื ดเย็น เหงอื ก ในนำ

E ผวิ หนงั แห้ง มีเกลด็ ปกคลมุ เลอื ดเย็น ปอด บนบก

1. สตั ว์กลมุ่ A เป็นสัตวม์ กี ระดูกสันหลัง ประเภท.............................................................
2. สัตว์กลุ่ม B เป็นสตั ว์มีกระดูกสันหลัง ประเภท.............................................................
3. สตั ว์กลุ่ม C เปน็ สัตวม์ กี ระดูกสันหลัง ประเภท.............................................................
4. สตั วก์ ลุ่ม D เปน็ สัตวม์ ีกระดกู สันหลัง ประเภท............................................................
5. สัตวก์ ลมุ่ E เปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลัง ประเภท.............................................................
6. หำกนกั เรียนพบสัตวช์ นิดหนึ่งเป็นสตั ว์เลือดอนุ่ มี 4 ขำ เพศเมยี มตี อ่ มสรำ้ งนำนม
หำยใจด้วยปอด นกั เรียนคดิ ว่ำสตั ว์ชนิดนีควรจดั เป็นสัตว์มกี ระดกู สันหลงั ประเภทใด
………………………………………………………………………………………………………………………………
7. สัตวช์ นดิ หน่ึงมีขำชว่ ยในกำรเคลอ่ื นท่ี วำงไข่บนบก ผิวหนงั แหง้ มีเกล็ดปกคลุม หำยใจ
ด้วยปอด นกั เรยี นคิดว่ำสตั ว์ชนดิ นีควรจัดเป็นสัตวม์ ีกระดูกสันหลังประเภทใด ...................
..............................................................................................................................................
8. สตั ว์ทอี่ อกลูกเปน็ ไข่ วำงไข่ในนำ ตัวอ่อนหำยใจดว้ ยเหงือก เมื่อโตเต็มวยั หำยใจดว้ ย
ปอด ควรจดั เปน็ สตั ว์มกี ระดูกสนั หลังประเภทใด..................................................................
..............................................................................................................................................
9. หำยใจดว้ ยเหงอื ก มคี รีบใช้เคลอื่ นไหว และทรงตวั มีเสน้ ข้ำงตัวเปน็ สว่ นรับควำมรู้สึก
สน่ั สะเทอื น ควรจดั เปน็ สตั วม์ ีกระดูกสันหลังประเภทใด.......................................................
..............................................................................................................................................
10. สตั ว์เลือดเยน็ กับสตั ว์เลือดอุ่น มีลกั ษณะเป็นอยำ่ งไร....................................................
..............................................................................................................................................

ชอื่ – สกุล ...................................................... ช้ัน .................... เลขท่ี .................

การจาแนกสัตว์ 20

เรอื่ ง สัตวไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลัง

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นติดภำพสัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั ตำมประเภทท่ีกำหนด แล้วเขยี น
อธบิ ำยลักษณะสำคัญ ( 8 คะแนน)

1. กลมุ่ ฟองนำ

ลักษณะสำคัญ คือ
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

2. สตั ว์ท่ีมีลำตัวกลวงหรือลำตัวเป็นโพรง

ลกั ษณะสำคญั คือ
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

3. หนอนตวั แบน ลักษณะสำคัญ คือ
4. หนอนตวั กลม …………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

ลักษณะสำคัญ คือ
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

การจาแนกสตั ว์ 21

5. สัตวท์ ่มี ีลำตวั เปน็ ปลอ้ ง ลักษณะสำคัญ คือ
6. สตั วท์ ะเลผิวขรุขระ …………………………………………………
7. หอยและหมกึ ทะเล …………………………………………………
8. สัตว์ท่มี ขี ำเปน็ ข้อ …………………………………………………
………………………………………...………

ลักษณะสำคญั คือ
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

ลักษณะสำคัญ คือ
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

ลกั ษณะสำคญั คือ
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………...………

ช่อื – สกุล ........................................................... ชั้น .................... เลขท่ี .................

การจาแนกสตั ว์ 22

กจิ กรรม

สนกุ คิด...นกั วทิ ยน์ ้อย

......................................

คาชี้แจง ตวั กนิ มดหนำม (อิคดิ นำ) และตุ่นปำกเปด็ เป็นสัตวท์ ่อี ยู่ในกลุ่มสตั วเ์ ลยี งลกู ด้วย
นำนม เพรำะเหตุใด และสัตวท์ งั 2 ชนิดนมี ลี ักษณะทีแ่ ตกตำ่ งจำกสัตว์เลียงลูกดว้ ยนำนมชนิดอ่นื
อยำ่ งไร

บนั ทึกผลการทากิจกรรม

ตวั กนิ มดหนำม ตุ่นปำกเปด็

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ชือ่ – สกลุ ........................................................... ช้ัน .................... เลขท่ี .................

การจาแนกสตั ว์ 23

ใบความรู้
การจาแนกสตั ว์

สัตวเ์ ปน็ สงิ่ มีชวี ติ เพรำะเคลอ่ื นท่ีได้ กนิ อำหำรได้ หำยใจได้ ขับถ่ำยได้ และสำมำรถ
ขยำยพันธุอ์ อกลูกออกหลำนได้ ทำใหส้ ัตว์มีจำนวนเพม่ิ มำกขึน ในโลกของเรำมีสัตวจ์ ำนวน
มำกมำยหลำยชนดิ สัตวแ์ ต่ละชนิดมีธรรมชำติและมีกำรดำรงชีวติ แตกต่ำงกนั ไป ขนึ อยกู่ บั ลกั ษณะ
โครงสร้ำงภำยนอกและลักษณะโครงสร้ำงภำยในของสตั ว์นนั ดังนันเพอ่ื ใหส้ ำมำรถศกึ ษำลักษณะ
ของสตั ว์ได้อย่ำงเป็นระบบมำกยง่ิ ขนี นักวิทยำศำสตรไ์ ดจ้ ัดกล่มุ สตั วอ์ อกเป็นกลุ่ม โดยใชล้ กั ษณะ
กำรมกี ระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ ทำให้สำมำรถจำแนกประเภทของสตั วอ์ อกเปน็ 2 พวกใหญ่ ๆ คือ

1. สตั ว์ที่มีกระดกู สนั หลงั
2. สตั วท์ ไี่ มม่ กี ระดกู สันหลงั

สัตวม์ กี ระดูกสนั หลัง สัตว์ไมม่ กี ระดกู สันหลัง
จาแนกออกเปน็ 5 ประเภท จาแนกออกเปน็ 8 ประเภท

1. กลุ่มปลำ 1. ฟองนำ
2. กลุ่มสัตวส์ ะเทินนำ สะเทนิ บก 2. สตั ว์ท่ีมลี ำตวั กลวงหรือลำตวั เปน็ โพรง
3. กลุ่มสัตวเ์ ลือยคลำน 3. หนอนตัวแบน
4. กลุ่มสตั ว์ปีก 4. หนอนตัวกลม
5. กลุม่ สัตวเ์ ลยี งลกู ด้วยนำนม 5. สตั วท์ ่มี ีลำตวั เปน็ ปลอ้ ง
6. สตั ว์ทะเลผวิ ขรุขระ
7. หอยและหมึกทะเล
8. สตั ว์ทมี่ ีขำเป็นขอ้

กำรจัดจำแนกสตั ว์จะช่วยใหแ้ ยกแยะและสำมำรถ
ศึกษำเก่ยี วกบั สัตว์ต่ำง ๆ ได้ง่ำยขนึ นะครับ

การจาแนกสตั ว์ 24

สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั

คอื สัตว์ทมี่ ีกระดูกเปน็ ข้อ ๆ อยู่ภำยในรำ่ งกำย เป็นแกนกลำงลำตัว ช่วยทำใหร้ ่ำงกำยคง
รปู อยูไ่ ด้ ดงั ภำพ

ภำพแสดงโครงสร้ำงภำยในของสตั วม์ กี ระดูกสันหลัง
ทีม่ ำของภำพ

https:// www.scimath.org/image-science/item/7843-1-3-7843
สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 30 มนี ำคม 2561

แบง่ เปน็ 5 ประเภท ดงั น้ี
1. กลุ่มปลา มีรูปร่ำงเรียวยำว ลำตัวค่อนข้ำงแบน เพื่อให้มีลักษณะที่เหมำะสมกับกำร
เคล่ือนทีใ่ นนำ อุณหภูมใิ นรำ่ งกำยของปลำสำมำรถปรบั เปลย่ี นไปตำมอณุ หภมู ขิ องนำท่ีอำศัยอยูไ่ ด้
ปลำจึงจัดเป็นสัตว์เลือดเย็น หำยใจด้วยเหงือก มีครีบใช้เคลื่อนไหวและทรงตัว มีเส้นข้ำงตัวเป็น
สว่ นรับควำมรู้สกึ สนั่ สะเทอื น แบ่งเป็น 2 ชนดิ คือ
ปลากระดูกอ่อน คือมีเกล็ดขนำดเล็กมำก ลักษณะคล้ำยฟัน ตรงปลำยของเกล็ดเป็น
หนำมย่ืนไปทำงทำ้ ยของลำตัว มกี ระดกู เป็นกระดูกอ่อนตลอดชวี ติ เช่น ฉลำม กระเบน

ฉลำม กระเบน

ทม่ี ำของภำพ ทม่ี ำของภำพ

https://pantip.com/topic/36780350/desktop https://th.wikipedia.org/wiki/ปลำกระเบนหำงริบบิน

สบื ค้นเม่อื วันที่ 30 มนี ำคม 2561 สบื ค้นเมือ่ วนั ที่ 30 มีนำคม 2561

การจาแนกสตั ว์ 25

ปลากระดูกแข็ง คือ ปลำส่วนใหญ่ท่ีมีเกล็ดลักษณะแบนเรียงซ้อนกันคล้ำยกับกำรวำง
กระเบืองมุงหลงั คำ มีกระดกู เปน็ กระดกู แขง็ มีทังครบี เดียวและครีบคู่ เชน่ ปลำชอ่ น ปลำนลิ
ปลำตะเพยี น

ปลำชอ่ น ปลำตะเพยี น
ท่มี ำของภำพ
ท่ีมำของภำพ
https://www.taladboonluang.com/product/132974
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/510341/
สบื ค้นเมอ่ื วันท่ี 5 พฤษภำคม 2561
สบื คน้ เมอ่ื วันท่ี 5 พฤษภำคม 2561

2. กลุ่มสัตว์สะเทนิ น้าสะเทินบก เป็นสัตว์พวกวำงไข่ในนำ ตัวออ่ นหำยใจด้วยเหงือก เมื่อโตเต็ม
วยั หำยใจด้วยปอดและผิวหนัง เพรำะอยู่บนบก ผวิ หนังเปยี กชืน ไม่มเี กลด็ เป็นสัตว์เลือดเย็น เช่น
กบ คำงคก เขยี ด ปำด องึ่ อำ่ ง

กบนำ อึ่งอำ่ ง
ทมี่ ำของภำพ ทมี่ ำของภำพ

https://th.wikipedia.org/wiki/กบนำ https://pasusat.com/องึ่ อ่ำง

สืบคน้ เมอื่ วันที่ 5 พฤษภำคม 2561 สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 6 พฤษภำคม 2561

การจาแนกสัตว์ 26

3. กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน เป็นสัตว์ที่ส่วนมำกดำรงชีวิตอยู่บนพืนดิน วำงไข่บนบก ผิวหนัง
แหง้ ลำตัวมเี กลด็ ปกคลมุ หำยใจด้วยปอดตลอดชีวิต เป็นสัตว์ลือดเยน็ อำศัยอยู่บนบก เช่น กิงก่ำ
จงิ เหลน จงิ จก แย้ อำศยั อยู่ได้ทังในนำและบนบก เช่น เต่ำ จระเข้

เตำ่ ทะเล แย้

ทม่ี ำของภำพ ที่มำของภำพ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sinx
https://pixabay.com/th/photos/ sarasat&month=13-07-2012&group=1&gblog=7

เต่ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน-เต่ำ-1693859/ สบื คน้ เมื่อวันท่ี 1 พฤษภำคม 2561
สืบค้นเม่ือวนั ท่ี 1 พฤษภำคม 2561

4. กลุ่มนก (สัตว์ปีก) เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีขนเป็นแผงปกคลุมตัว ขำคู่หน้ำพัฒนำเป็นปีก
ปำกเป็นจะงอย หำยใจด้วยปอด มถี ุงลมช่วยหำยใจ และระบำยควำมร้อน ไมม่ ีกระเพำะปัสสำวะ
ออกลูกเป็นไข่ เช่น ไก่ เป็ด สัตว์ปีกท่ีสำมำรถบินได้ คือ นกชนิดต่ำง ๆ เช่น นกเขำ นกอินทรี
ส่วนสตั ว์ปีกทบี่ ินไมไ่ ด้ เช่น นกกระจอกเทศ เพนกวนิ

นกเขำ นกกระจอกเทศ
ทม่ี ำของภำพ ที่มำของภำพ
https://www.northbirding.com/javad http://popieng.blogspot.com/2014/01/
ove.html blog-post_8792.html
สบื คน้ เมื่อวันที่ 2 พฤษภำคม 2561 สบื ค้นเมอ่ื วันที่ 2 พฤษภำคม 2561

การจาแนกสตั ว์ 27

5. กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนา้ นม เป็นสัตว์เลือดอ่นุ เพศเมยี มีต่อมสร้ำงนำนม สำหรับเลียง
ลกู อ่อน หำยใจด้วยปอด มีแขนและขำไม่เกิน 2 คู่ มีต่อมเหง่ือใต้ผิวหนัง มีขนเป็นเส้นปกคลุมตัว
ส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตวั เช่น มนุษย์ ช้ำง มำ้ ววั หมี ลิง โลมำ คำ้ งคำว

วำฬ วัว
ที่มำของภำพ ที่มำของภำพ

https://www.scimath.org/article- https://kasettumkin.com/cattle/arti

biology/item/2206-whale616 cle_5726

สบื ค้นเมอ่ื วนั ท่ี 1 พฤษภำคม 2561 สืบคน้ เมอ่ื วันท่ี 1 พฤษภำคม 2561

สตั ว์เลือดเย็น หมำยถึง สัตวท์ ีม่ ี สื่อเสรมิ ..เพิม่ ความรู้
อุณหภูมขิ องรำ่ งกำยไม่คงทจี่ ะ
เปลยี่ นแปลงไปตำมอณุ หภมู ขิ อง สัตวม์ กี ระดูกสันหลัง
สภำพแวดลอ้ ม ได้แก่ ปลำ สัตว์
สะเทนิ นำสะเทนิ บก สัตวเ์ ลือยคลำน
สตั ว์เลอื ดอนุ่ หมำยถงึ สตั ว์ทมี่ กี ลไก
ในกำรรักษำอุณหภูมิของรำ่ งกำยให้
คงท่ี ไดแ้ ก่ สัตว์ปกี และสัตวเ์ ลียงลูก
ดว้ ยนม

การจาแนกสัตว์ 28

สตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลงั

คือ สัตว์ท่ีไม่มีกระดูกเป็นแกนภำยในร่ำงกำย บำงชนิดอำจมีโครงร่ำงแข็งท่ีไม่ใช่
กระดูกอยู่ภำยในลำตวั ช่วยคำจนุ ร่ำงกำย และบำงชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มอย่ภู ำยนอก เพ่ือป้องกัน
อนั ตรำยและใชย้ ึดกล้ำมเนือ ดังภำพ

ภำพแสดงโครงสร้ำงภำยในของสตั วไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั

ทีม่ ำของภำพ

https:// www.scimath.org/image-science/item/7843-1-3-7843

แบ่งได้ 8 ประเภท ดังนี้ สืบค้นเมือ่ วนั ที่ 25 เมษำยน 2561

1. กล่มุ ฟองนา้ มลี กั ษณะลำตัวเปน็ โพรง มีรพู รุน ทำใหน้ ำและอำหำรสำมำรถไหลผ่ำนเข้ำ

ไปในโพรงลำตัว เพ่อื ดูดซึมก๊ำซออกซเิ จนและอำหำร แลว้ ปลอ่ ยนำและกำกอำหำรออกทำงชอ่ งนำ

ออก ฟองนำทุกชนิดอำศยั อยู่ในนำส่วนใหญจ่ ะอยู่ในทะเลมำกกว่ำนำจดื โดยจะเกำะติดกับหนิ ใต้

ท้องทะเล ไม่เคลื่อนท่ี ดูมีลักษณะคล้ำยพืช ไม่มีหัว ไม่มีปำก และไม่มีทำงเดินอำหำร ฟองนำแต่

ละชนดิ มีสแี ละขนำดแตกตำ่ งกนั

ฟองนำ
ทม่ี ำของภำพ
https:// kitiyakratin.wordpress.com/category/สัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หล/ั
สืบค้นเมอ่ื วันท่ี 14 เมษำยน 2561

การจาแนกสตั ว์ 29

2. สตั ว์ทมี่ ลี าตัวกลวงหรอื ลาตัวมีโพรง ได้แก่ แมงกะพรนุ ปะกำรัง ไฮดรำ
ดอกไม้ทะเล ลักษณะสำคัญลำตวั ใสคล้ำยวุ้นมีรปู ร่ำงคลำ้ ยทรงกระบอก ตรงกลำงลำตัวเป็นโพรง
มีช่องเปดิ ออกจำกลำตวั เพียงชอ่ งเดยี วเปน็ ทำงนำอำหำรเขำ้ และบีบเศษอำหำรออก มีเข็มพิษไว้
ป้องกันตวั และใชแ้ ทงเหย่ือ สืบพนั ธุ์แบบอำศัยเพศ และแบบไม่อำศยั เพศ (แตกหนอ่ ) ส่วนใหญ่
อำศยั อยใู่ นนำเค็มยกเว้นไฮดรำที่อำศัยอยู่ในนำจดื

ไฮดรำ แมงกระพรนุ

ท่มี ำของภำพ ทม่ี ำของภำพ

http://homeroom.kruchamp.com/wp- http://wikanda1999.blogspot.com/2017/09/5-

content/uploads/2017/06/hydra1.jpg 94-98-physalia-physalis-malo-kingi.htmlสืบคน้

สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 14 เมษำยน 2561 เม่อื วนั ที่ 14 เมษำยน 2561

3. หนอนตวั แบน เช่น พยำธใิ บไม้ ลักษณะสำคญั คือลำตัวนิ่มแบนยำวไมม่ ีขำ มีปำกแต่ไม่
มีทวำรหนัก ดำรงชีวิตเป็นปรสิต ดูดเลือดจำกร่ำงกำยของคนและสัตว์เป็นอำหำร สืบพันธ์ุแบบ
อำศัยเพศและแบบไม่อำศยั เพศ มี 2 เพศในตวั เดยี วกัน

พยำธใิ บไม้

ท่มี ำของภำพ
https://www thaihealth.or.th/Content/4019-กรมควบคมุ โรคชีคนอีสำน%204จว.เสย่ี งติดเชือพยำธิใบไมต้ บั สูง.html

สบื ค้นเมื่อวันที่ 15 เมษำยน 2561

การจาแนกสตั ว์ 30

4. หนอนตัวกลม ได้แก่ พยำธไิ สเ้ ดือน พยำธิตวั จี๊ด ลกั ษณะสำคญั คือลำตวั นมิ่ กลมยำว
ไม่มีขำ ผิวเรียบไมเ่ ป็นปลอ้ ง มปี ำกและทวำรหนกั ดำรงชวี ิตเปน็ ปรสติ สืบพันธ์ุแบบอำศัยเพศ ซึ่ง
เพศผ้แู ละเพศเมียแยกคนละตวั

พยำธิไส้เดอื น พยำธติ ัวจ๊ีด

ทมี่ ำของภำพ ท่ีมำของภำพ
http://nichanan- https://www.kroobannok.com/3222
eye.blogspot.com/2012/04/blog-post.html
สืบค้นเมือ่ วนั ที่ 20 เมษำยน 2561 สืบค้นเมอ่ื วนั ที่ 25 เมษำยน 2561

5. สตั วท์ ่มี ีลาตัวเปน็ ปล้อง ได้แก่ ไส้เดือนดิน ปลิงนำจดื ทำกดูดเลือด ลักษณะสำคัญ คือ
ลำตัวกลมยำวเป็นปลอ้ งคลำ้ ยวงแหวนต่อกัน ผิวหนงั เปียกชืน มีระบบประสำทและระบบทำงเดิน
อำหำร สบื พนั ธุแ์ บบอำศัยเพศและแบบไม่อำศยั เพศ มี 2 เพศในตวั เดียวกนั

ไสเ้ ดือนดิน ทำกดดู เลือด

ทม่ี ำของภำพ ทมี่ ำของภำพ
www.m-group.in.th/article/บทควำม/กำรดแู ล https://tripderntang.com/วธิ ีป้องกนั ทำก/

ไสเ้ ดือนดิน.html สบื ค้นเม่อื วนั ที่ 30 เมษำยน 2561
สืบคน้ เมือ่ วนั ที่ 30 เมษำยน 2561

การจาแนกสัตว์ 31

6. สัตว์ทะเลผิวขรุขระ ได้แก่ ดำวทะเล ปลิงทะเล เม่นทะเล ลักษณะสำคัญคือมีผิวลำตัว
เป็นหนำมไม่มีส่วนหัวมีรูปร่ำงต่ำง ๆ ใต้ลำตัวมีเท้ำเป็นหลอดเล็ก ๆ จำนวนมำก อำศัยอยู่ใน
ทะเล สืบพนั ธ์แุ บบอำศยั เพศและไมอ่ ำศัยเพศ สว่ นใหญ่เพศผแู้ ละเพศเมยี แยกคนละตวั

ดำวทะเล ปลิงทะเล

ทมี่ ำของภำพ ทมี่ ำของภำพ

https://www.ladytips.com/news-2061 https://www.thairath.co.th/content/238111

สืบคน้ เมือ่ วันท่ี 30 เมษำยน 2561 สบื คน้ เมื่อวันท่ี 30 เมษำยน 2561

7. หอยและหมกึ ทะเล หอย เชน่ หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยทำก หอยขม ลักษณะสำคัญ

คือลำตัวน่ิม ส่วนใหญ่มีกำบแข็งเป็นสำรพวกหินปูนหุ้มภำยนอก เคลื่อนท่ีโดยใช้กล้ำมเนือท่ียื่น

ออกจำกเปลอื กหอยอำศัยอยู่ทังบนบกในนำจืดและนำเค็ม สบื พนั ธ์ุแบบอำศัยเพศ หมึกทะเล เช่น

หมึกกระดอง หมึกกล้วย หมึกยักษ์ ลักษณะสำคัญคือมีโครงแข็งอยู่ภำยในลำตัว เคลื่อนท่ีโดยใช้

หนวดและกำรพน่ นำออกจำกลำตัวหำยใจดว้ ยปอดและผิวหนงั สบื พันธุ์แบบอำศัยเพศออกลูกเป็น

ไข่

หอยแครง หมกึ กล้วย

ท่มี ำของภำพ ทมี่ ำของภำพ
https://food.mthai.com/food-recipe/102894.html https://th.wikipedia. .org/wiki/หมึกกลว้ ย

สบื ค้นเม่อื วันที่ 30 เมษำยน 2561 สบื ค้นเม่อื วันท่ี 30 เมษำยน 2561

การจาแนกสตั ว์ 32

8. สัตว์ทมี่ ีขาเปน็ ข้อ สัตว์ทม่ี ีขาเป็นข้อ
- มี 6 ขำ ไดแ้ ก่ แมลง เชน่ ยุง มด ผเี สือ แมลงวัน
- มี 8 ขำ ไดแ้ ก่ แมง เชน่ แมงมมุ แมงปอ่ ง เห็บ
- มี 10 ขำ เชน่ ปู กุ้ง แมงดำทะเล
ลกั ษณะสำคญั คือ มีขำตอ่ กนั เปน็ ขอ้ ๆ ลำตัวแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สว่ นหวั สว่ นอก

สว่ นทอ้ ง มเี ปลือกแข็งหุม้ รำ่ งกำย สว่ นใหญเ่ จริญเตบิ โตโดยกำรลอกครำบ สบื พนั ธแุ์ บบอำศยั เพศ

ปู กงุ้
ทมี่ ำของภำพ
ทม่ี ำของภำพ
https://guru.sanook.com/8881/ https://www.ior.co.th/th/products/raw-materials
สบื ค้นเมือ่ วันที่ 30 เมษำยน 2561 สืบค้นเมอื่ วนั ที่ 30 เมษำยน 2561

นกั วทิ ยำศำสตรพ์ บว่ำ พวกแมลงเปน็ สัตวไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั
กลุ่มใหญ่ทสี่ ดุ และอำศยั อยบู่ นบกมำกกวำ่ อำศยั อยใู่ นนำ

สื่อเสรมิ ..เพ่มิ ความรู้

กำรจำแนกสตั ว์

การจาแนกสตั ว์ 33

แบบทดสอบหลงั เรยี น
ชุดที่ 5 การจาแนกสตั ว์

คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นทำเคร่ืองหมำย  ทบั ตวั อกั ษร ก, ข, ค หรือ ง

หน้ำคำตอบที่ถกู ท่สี ุดเพียงคำตอบเดยี ว (10 คะแนน)

**********************************

1. ข้อใดคอื เกณฑท์ ี่ใช้ในกำรจำแนกสัตว์

ก. กำรกนิ อำหำร

ข. กำรออกลกู เป็นตวั และเป็นไข่

ค. กำรใช้แหล่งที่อยู่อำศยั

ง. กำรมีกระดกู สันหลัง

2. ขอ้ ใดกลำ่ วถกู ตอ้ ง

ก. สัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลังจะมีโครงร่ำงแข็งภำยในลำตวั

ข. สตั ว์มีกระดูกสนั หลังภำยในลำตวั จะออ่ นนม่ิ

ค. สตั ว์มีกระดูกสันหลงั และสัตว์ไม่มีกระดกู สนั หลงั ภำยในลำตวั จะออ่ นนิม่

ง. สัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลังจะไม่มีโครงร่ำงแข็งภำยในลำตัว

3. สัตวช์ นดิ ใดอยู่ในกลุ่มของสตั วไ์ มม่ กี ระดูกสันหลงั

ก. ปลำ ข. นก

ค. จระเข้ ง. ฟองนำ

4. สัตว์ชนดิ ใดอยู่ในกลมุ่ ของสตั วม์ กี ระดกู สันหลงั

ก. หอย ข. ตนุ่ ปำกเปด็

ค. กุ้งก้ำมกรำม ง. ไสเ้ ดือนดิน

5. เปน็ สตั ว์เลือดเย็น ผวิ หนังไม่มีเกล็ด ออกลกู เปน็ ไข่ เมื่อยงั เล็กหำยใจด้วยเหงือก โตขึน

หำยใจด้วยปอด

ก. เตำ่

ข. อ่ึงอำ่ ง

ค. งู

ง. ปลำ

การจาแนกสัตว์ 34

6. เดก็ หญิงแอนนำแบ่งสตั วอ์ อกเปน็ 2 กลมุ่ ดงั นี
กลุม่ ท่ี 1 ปลำ กบ อง่ึ อ่ำง ค้ำงคำว
กลมุ่ ท่ี 2 พยำธิ แมลง ไสเ้ ดือน หอย

เกณฑท์ ่ีเด็กหญิงแอนนำใชใ้ นกำรจำแนกสัตวด์ งั กล่ำวคือขอ้ ใด
ก. กำรสืบพนั ธุ์
ข. กำรออกลกู
ค. กำรมีกระดกู สันหลัง
ง. แหล่งที่อยอู่ ำศัย

7. ดอกไมท้ ะเล จัดอยใู่ นประเภทใด
ก. พืชดอก
ข. พืชไมม่ ดี อก
ค. สัตว์มกี ระดกู สันหลงั
ง. สัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั

8. โลมำจดั เปน็ สัตวป์ ระเภทใด
ก. ปลำ
ข. สัตวป์ ีก
ค. สตั วเ์ ลียงลูกดว้ ยนม
ง. สัตวส์ ะเทินนำสะเทินบก

9. สตั ว์ในขอ้ ใดมีอณุ หภูมิของร่ำงกำยสำมำรถเปลยี่ นตำมสภำพแวดลอ้ มได้
ก. กบ
ข. เป็ด
ค. ชำ้ ง
ง. คำ้ งคำว

10. สัตวม์ กี ระดูกสันหลงั ในข้อใดจัดอยูใ่ นประเภทเดยี วกนั
ก. ปลำหำงนกยงุ หอย
ข. แมว สนุ ัข
ค. ปลงิ กงุ้
ง. ดำวขนนก หมึกกระดอง

การจาแนกสตั ว์ 35

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนหลงั เรยี น

รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว 14101 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ จานวน 30 ขอ้ คะแนน 30 คะแนน

*******************************

คาช้ีแจง ให้นกั เรียนทำเครอื่ งหมำย  ทับตวั อักษร ก, ข, ค หรือ ง
หน้ำคำตอบท่ถี กู ท่สี ุดเพียงคำตอบเดยี ว

1. ตำรำงกำรสำรวจส่วนประกอบภำยนอกของพชื 4 ชนิด

ชนิดของพชื ส่วนประกอบภายนอกของพืช ผล
ราก ลาต้น ใบ ดอก

ชนดิ ท่ี 1   

ชนิดท่ี 2     

ชนดิ ที่ 3    

ชนิดท่ี 4   

จำกข้อมลู ในตำรำง พืชชนดิ ใดเป็นพืชดอก
ก. ชนิดท่ี 2 เทำ่ นัน
ข. ชนิดท่ี 2 และ 3
ค. ชนดิ ที่ 1 และ 4
ง. ชนิดท่ี 2 และ 4

2. พชื ในขอ้ ใดเปน็ พชื ดอกทงั หมด
ก. หวำยทะนอย มะม่วง
ข. ดำวเรือง มะละกอ
ค. เฟิร์น ชอ้ งนำงคลี่
ง. เฟอื่ งฟำ้ ผักกดู

3. พืชในข้อใดเปน็ พชื ไม่มีดอกทงั หมด
ก. ชมพู่ เฟริ ์น
ข. มะละกอ ขนนุ
ค. มะนำว ฟกั ทอง
ง. เฟริ ์น ชำยผ้ำสีดำ

การจาแนกสัตว์ 36

4. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะสำคญั ของพชื ใบเลียงเด่ยี ว
ก. มีรำกแกว้
ข. มีเสน้ ใบขนำน
ค. ลำตน้ เปน็ เนือเย่อื เรียงกันเป็นชนั ๆ
ง. มีใบเลียงงอกออกจำกเมลด็ 2 ใบ

5. รำกฝอย พบไดใ้ นพชื ขอ้ ใด
ก. มะละกอ ถัว่
ข. อ้อย ข้ำว
ค. มะเขอื สม้ โอ
ง. พรกิ มะเขอื เทศ

6. สัตวใ์ นข้อใดจดั อยใู่ นประเภทปลำทงั หมด
ก. ปลำทู มำ้ นำ ปลำฉลำม
ข. ปลำกะพง วำฬ ปลำไหล
ค. ปลำกำร์ตนู โลมำ ปลำผีเสือ
ง. ปลำกระเบน พะยูน ปลำแรด

7. สัตวช์ นิดใดเปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ ผิวหนงั หนำ มีเกลด็ แขง็ แห้งปกคลมุ ลำตวั และหำยใจโดยใช้
ปอด
ก. จิงเหลน
ข. ปลำ
ค. กบ
ง. นก
8. เมอื่ อุณหภูมขิ องสิง่ แวดลอ้ มภำยนอกสูงขนึ อุณหภมู ิในร่ำงกำยของมนุษย์จะเปน็ อย่ำงไร
ก. อุณหภูมเิ ท่ำกนั กับภำยนอก
ข. อณุ หภมู ิมำกกว่ำภำยนอก
ค. อุณหภมู ิน้อยกวำ่ ภำยนอกเล็กน้อย
ง. อณุ หภมู คิ งท่ไี ม่เปลีย่ นแปลง

การจาแนกสตั ว์ 37

9. สัตว์ในข้อใดจัดเป็นสัตว์มกี ระดูกสันหลงั ทงั หมด

ก. นก จระเข้ วัว

ข. ช้ำง หมึก ปะกำรัง

ค. หอย ปู ดำวทะเล

ง. ไสเ้ ดือนดนิ หอย กุ้ง

10. สตั ว์ในข้อใดตำ่ งจำกข้ออ่นื

ก. จงิ จก

ข. คำงคก

ค. ไสเ้ ดอื น

ง. นกพริ ำบ

11. ข้อใดกลำ่ วถูกต้องเกย่ี วกับกำรลำเลยี งอำหำรของพืช

ก. พชื ทุกชนิดมีกำรลำเลียงอำหำรท่สี ร้ำงขนึ ผ่ำนทำงทอ่ ลำเลียงนำ

ข. พชื ลำเลียงอำหำรทส่ี รำ้ งขึนจำกรำกไปสสู่ ว่ นตำ่ ง ๆ

ค. พชื สำมำรถใชท้ ่อลำเลยี งอำหำรแทนท่อลำเลยี งนำได้

ง. พชื ลำเลยี งอำหำรทส่ี ร้ำงขนึ จำกใบไปสสู่ ่วนต่ำง ๆ

12. ขันตอนกำรสกดั แยกคลอโรฟีลลอ์ อกจำกใบพชื ในกำรตรวจหำสำรอำหำรท่พี ืชสรำ้ งขนึ

และสะสมไวน้ ัน ทำเพ่อื จุดประสงคใ์ ด

ก. เพ่ือทำลำยโครงสร้ำงของใบใหเ้ สียสภำพ

ข. เพ่ือใหป้ ริมำณสำรอำหำรในใบพืชมีมำกขนึ

ค. เพอื่ ใหใ้ บพชื สำมำรถปลดปลอ่ ยสำรอำหำรออกมำได้

ง. เพ่อื ใหเ้ หน็ กำรเปลีย่ นสีของสำรละลำยไอโอดีนชัดเจน

13. ศึกษำกระบวนกำรสรำ้ งอำหำรของพืชดังนี แสงแดด

นำ + แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์ คลอโรฟลิ ล์ สำร A + สำร B + นำ

จำกกระบวนกำรสร้ำงอำหำรของพืช สำร A และ สำร B คอื ขอ้ ใด

ก. คำรโ์ บไฮเดรตและแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์

ข. แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์และแก๊สออกซิเจน

ค. โปรตีนและแกส๊ คำร์บอนไดออกไซด์

ง. นำตำลกลูโคสและแกส๊ ออกซเิ จน

การจาแนกสตั ว์ 38

14. สว่ นประกอบของพืชที่ทำหนำ้ ท่ีสืบพันธ์คุ ือข้อใด
ก. รำก
ข. ลำตน้
ค. ใบ
ง. ดอก

15. “ ผึงดูดนำหวำนจำกดอกของต้นลำไย ตอ่ มำผึงตำยและตกลงบนพนื ดนิ ไม่นำนมีรำ
เกิดขึนบนซำกของผงึ ” จำกข้อควำมนี กล่ำวถึงส่ิงมีชวี ิตกก่ี ลุ่ม
ก. 1 กลุม่
ข. 2 กล่มุ
ค. 3 กล่มุ
ง. 4 กลุม่

16. จัดจำแนกสตั วอ์ อกเป็น 2 กลมุ่ ดังนี

กลุ่มที่ 1 ชำ้ ง จระเข้ จิงเหลน เพนกวิน

กลุม่ ท่ี 2 ปลงิ หอยมือเสือ ไส้เดอื นดิน พยำธิ
เส้นด้ำย
3.

จำกขอ้ มลู ใช้เกณฑ์ข้อใดในกำรจัดจำแนกสตั ว์

ก. กำรกนิ อำหำร

ข. ลกั ษณะท่ีอยอู่ ำศัย

ค. ลกั ษณะกำรออกลูก

ง. กำรมกี ระดกู สนั หลัง

พิจารณาตาราง แลว้ ตอบคาถามข้อ 17-18
ตาราง หน้ำท่ีและส่วนประกอบของพชื

ส่วนประกอบของพืช หน้าที่
ดูดนำและธำตอุ ำหำรทลี่ ะลำยอยูใ่ นดนิ
รำก ชกู งิ่ ก้ำน ใบ และดอกให้ได้รับแสง
A B
ใบ
ข. ลำต้น
17. A ได้แก่สว่ นใดของพชื ง. รงั ไข่
ก. ออวุล
ค. ดอก

การจาแนกสตั ว์ 39

18. ขอ้ ใดเปน็ หน้ำท่ขี อง B
ก. สร้ำงอำหำร
ข. ยึดลำต้นใหต้ ังตรง
ค. ขยำยพันธ์ุ
ง. ลำเลยี งนำ

19. สว่ นประกอบใดของพืชมีหน้ำที่เปรยี บได้กบั หลอดกำแฟ
ก. รำก
ข. ลำต้น
ค. ใบ
ง. ดอก

20. เดก็ หญิงไข่มกุ จดั กลมุ่ พืชดังตอ่ ไปนี
กลุ่มท่ี 1 มะม่วง ลำไย ชบำ ข้ำว มะละกอ
กลมุ่ ท่ี 2 มอส เฟิรน์ ปรง ผักแวน่

นกั เรยี นคิดว่ำ เดก็ หญิงไข่มุกใช้เกณฑใ์ นข้อใดจัดกลุม่ พชื
ก. พืชบก - พชื นำ
ข. พืชดอก - พืชไม่มีดอก
ค. พชื ใบเลยี งเดยี่ ว – พชื ใบเลยี งคู่
ง. พืชกินได้ – พชื กินไมไ่ ด้

21. ถ้ำต้องจัดจำแนกสิง่ มชี ีวิต Q ท่มี ีลกั ษณะเป็นเสน้ ใยสีดำ ซึ่งเจรญิ เติบโตบนแผน่ ขนม
ปังที่วำงทงิ ไวเ้ ปน็ เวลำ 5 วัน สิ่งมีชวี ติ Q จะจดั อยูใ่ นกลมุ่ เดียวกบั ส่งิ มชี ีวิตในข้อใด
ก. ทำนตะวัน
ข. ปลงิ
ค. หนอน
ง. รำบนเมล็ดถวั่ ลิสง

22. สิง่ มีชีวิตในขอ้ ใด สรำ้ งอำหำรและเคล่อื นทไี่ ม่ได้
ก. ปลวก หนอน รำ
ข. รำ แบคทีเรยี เห็ด
ค. แร้ง เหยย่ี ว กำ
ง. เหด็ กงิ กอื ไส้เดือน

การจาแนกสตั ว์ 40

23. พืชในขอ้ ใด จัดอยใู่ นประเภทเดยี วกนั กบั ชายผา้ สดี า เพรำะเหตใุ ด
ก. มะพรำ้ ว เพรำะเป็นพืชดอก
ข. มะเขือ เพรำะเป็นพชื ดอก
ค. เฟริ น์ เพรำะเป็นพืชไมม่ ีดอก
ง. กลว้ ย เพรำะเปน็ พืชไม่มดี อก

24. “ ไมส่ ำมำรถสร้ำงอำหำรเองได้ ต้องกินพชื และส่ิงมีชีวิตอืน่ เป็นอำหำร ” จำกข้อควำม
ขำ้ งต้น สอดคล้องกบั สิง่ มีชีวิตในขอ้ ใด

ก. ดอกเขม็
ข. นกเอียง
ค. กะหล่ำปลี
ง. กลว้ ย
25. “ มะนำว มะพร้ำว ข้ำวโพด พริก” หญ้า มีลกั ษณะของรำก คล้ำยพืชชนดิ ใด
ก. มะนำว มะพรำ้ ว
ข. มะนำว พรกิ
ค. มะพร้ำว ขำ้ วโพด
ง. ขำ้ วโพด พริก

26.จำกขอ้ มูลที่กำหนดให้ ข้อใดกลำ่ วไม่ถูกต้อง

เมอื่ แช่ต้นเทยี นในนำผสมสีแดงทิงไว้ 2 วัน แลว้ นำมำตดั ตำมขวำงตรงบริเวณ X
ก. ทอ่ ลำเลยี งเปน็ โครงสร้ำงภำยในของลำต้น
ข. ภำพทเี่ หน็ ตำมขวำงจะมีสีแดงอย่ภู ำยในท่อลำเลยี ง
ค. ทอ่ ลำเลยี งทำหน้ำทลี่ ำเลยี งอำกำศจำกรำกไปสู่ใบ
ง. ทอ่ ลำเลียงทำหน้ำทล่ี ำเลียงนำ แรธ่ ำตแุ ละอำหำรจำกรำกไปสูใ่ บ

การจาแนกสัตว์ 41

27. ใหเ้ รยี งลำดบั วิธกี ำรทดสอบแป้งในใบไม้
1. ต้มใบไมใ้ นนำเดือด 1 – 2 นำที
2. หยดสำรละลำยไอโอดีน
3. ลำ้ งด้วยนำเยน็
4. ตม้ ใบไม้ในเอธลิ แอลกอฮอล์จนใบเป็นสขี ำวซีด

จำกขอ้ มลู เรยี งลำดับได้ตำมข้อใด
ก. 2 – 3 – 4 – 1
ข. 4 – 1 – 3 – 2
ค. 1 – 2 – 3 – 4
ง. 1 – 4 – 3 – 2

28. สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั มลี ักษณะสำคญั อย่ำงไร
ก. เปน็ สัตวท์ ่ีมีลำตัวออ่ นนิม่
ข. เปน็ สัตว์ทมี่ ลี ำตวั กลวงหรอื ลำตวั เปน็ โพรง
ค. เป็นสตั วท์ ม่ี กี ระดูกเป็นแกนกลำงของลำตัว
ง. เปน็ สตั ว์ทยี่ ่อยสลำยซำกสิง่ มีชวี ิตอน่ื เป็นอำหำร

29. ขอ้ ใดไม่ใช่ลกั ษณะของสตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลัง
ก. สัตวท์ มี่ ขี ำเป็นขอ้ ปล้อง มีเปลือกแขง็ หุ้มลำตวั
ข. สัตว์ทีม่ ลี ำตัวเป็นปล้อง ผิวหนังเปียกชืน
ค. สตั ว์ที่อำศยั อยใู่ นนำ หำยใจดว้ ยเหงือก
ง. สตั วท์ ะเลผิวขรุขระ ลำตัวแยกเป็นแฉก

30. สัตว์ไม่มีกระดกู สนั หลงั ชนดิ ใด มปี รมิ ำณมำกทส่ี ุดในโลก
ก. หอย
ข. แมลง
ค. พยำธิ
ง. หมึกทะเล

การจาแนกสัตว์ 42

กระดาษคาตอบ กอ่ นเรียน - หลงั เรยี น

ชื่อ.....................................................ชนั ป 4/....................เลขที.่ ...............
โรงเรียนประชำภิบำล สำนกั งำนเขตบำงเขน กรุงเทพมหำนคร

ก่อนเรยี น ง หลงั เรยี น ง

ข้อที่ ก ข ค ข้อท่ี ก ข ค
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10 10

รวมคะแนนก่อนเรยี น รวมคะแนนหลังเรียน

การจาแนกสัตว์ 43

แบบประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เร่ือง กำรจำแนกสตั ว์

เกณฑ์ประเมิน

เลข ี่ท ร
นักเรียนสำมำรถ ัตงคำถำมเกี่ยวกับ รวม
เ ่รือง ่ีทเรียนไ ้ด 3 12
นักเรียนสำมำรถทดลองและสังเกต
ผลกำรทดลองไ ้ด
นักเรียนเลือกใ ้ชอุปกร ์ณในกำร
ทดลองไ ้ด
นักเรียนสำมำรถ ับน ึทก นำเสนอ
และสรุปผลกำรทดลองไ ้ด

3 33

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12
13

14

15

ลงช่อื .................................................ผู้ประเมิน
(นำงสำวศริ ิวรรณ รยิ ำพันธ์)

ตำแหนง่ ครู วิทยฐำนะครูชำนำญกำร

การจาแนกสตั ว์ 44

แบบประเมินดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
เรอื่ ง กำรจำแนกสัตว์

เกณฑ์ประเมนิ

เลข ี่ท
ซ่ือสัต ์ย
ีม ิวนัย
ใฝ่เรียนรู้
ุ่มงมั่นในกำรทำงำน
รวม

3 3 3 3 12
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15

ลงชื่อ.................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นำงสำวศริ วิ รรณ รยิ ำพนั ธ์)

ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐำนะครชู ำนำญกำร

คะแนนเตม็ คะแนน
คะแนนทไี่ ด้

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

ลงชื่อ.................................................ผ้ปู ระเมนิ 10    20 10 10 8 10 12 12 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น การจาแนกสัตว์
(นำงสำวศริ วิ รรณ ริยำพันธ)์ กิจกรรมท่ี 5.1
กจิ กรรมที่ 5.2 แบบสรุปคะแนน
ตำแหน่ง ครู วิทยฐำนะครชู ำนำญกำร กิจกรรมสนุกคดิ ..นักวทิ ยน์ ้อย กิจกรรม
แบบฝกึ หดั ทบทวนควำมรู้ท่ี 1
82 แบบฝกึ หดั ทบทวนควำมรู้ที 2
แบบฝกึ หัดทบทวนควำมรู้ท่ี 3
แบบฝกึ หดั ทบทวนควำมรู้ที่ 4
แบบทดสอบหลงั เรยี น
ดำ้ นทักษะกระบวนกำร
ด้ำนคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

รวมคะแนนระหว่ำงเรยี น

45

การจาแนกสตั ว์ 46

เกณฑ์การประเมินผล

ด้านความรู้

กจิ กรรม ผา่ น √ ไม่ผ่าน

กิจกรรมท่ี 5.1 กำรจัดกลุม่ สัตว์
กิจกรรมที่ 5.2 กำรจำแนกสัตว์
กิจกรรมสนกุ คิด...นกั วิทยน์ ้อย

√ หมำยถงึ ผ่ำน X หมำยถงึ ไมผ่ ่ำน

แบบฝึกหดั ทบทวนความรู้ที่ 1 20 คะแนน

ตอนที่ 1 ขอ้ ละ 5 คะแนน จำนวน 2 ข้อ
ตอบถกู หมดทุกชนดิ ได้ 5 คะแนน ตอบผิด 1-ชนดิ ได้ 4 คะแนน
ตอบผิด 2 ชนดิ ได้ 3 คะแนน ตอบผดิ 3 ชนดิ ได้ 2 คะแนน
ตอบผิดตงั แต่ 4 ชนิดขนึ ไปได้ 1 คะแนน

ตอนท่ี 2 จำนวน 10 คะแนน
เปรยี บเทยี บและยกตัวอย่ำงไดค้ รบและถกู ต้อง 10 คะแนน
เปรยี บเทยี บได้ถกู ตอ้ งแตย่ กตวั อยำ่ งไมค่ รบหรือยกตัวอยำ่ งถกู ต้องบำงส่วนได้ 9 คะแนน
เปรียบเทียบไดถ้ กู บำงสว่ นและยกตัวอย่ำงไดค้ รบถว้ นถกู ต้องได้ 9 คะแนน
เปรียบเทียบได้ถกู บำงส่วนและยกตัวอยำ่ งถูกบำงส่วน ได้ 7- 8 คะแนน
เปรยี บเทียบไดถ้ ูกต้องแตไ่ มย่ กตัวอยำ่ ง ได้ 6 คะแนน
เปรยี บเทียบได้ไมถ่ กู ต้องแตย่ กตวั อย่ำงได้ครบและถกู ต้องได้ 6 คะแนน
เปรียบเทียบได้ไม่ถกู ต้องแตย่ กตัวอย่ำงถูกบำงส่วนได้ 5 คะแนน
เปรียบเทยี บไดถ้ ูกบำงส่วนและไม่ยกตวั อย่ำงหรอื ยกตวั อย่ำงไม่ถูกต้องทังหมดหรอื
บำงสว่ นได้ 4 คะแนน
ไม่ตอบอะไรเลย ได้ 0 คะแนน

แบบฝึกหดั ทบทวนความรู้ท่ี 2 10 คะแนน

บอกชนดิ และประเภทได้ถกู ต้อง 1 คะแนน
บอกชนดิ หรอื ประเภทได้อย่ำงใดอยำ่ งหนง่ึ 0.5 คะแนน ไม่ตอบอะไรเลย ได้ 0 คะแนน

การจาแนกสัตว์ 47

แบบฝกึ หัดทบทวนความรู้ที่ 3 10 คะแนน

ข้อ 1-5 บอกประเภทของสัตวม์ กี ระดกู สันหลงั ไดถ้ กู ตอ้ ง 1 คะแนน ตอบผิด 0 คะแนน
ข้อ 6-10 บอกประเภทและยกตวั อย่ำงไดถ้ ูกตอ้ ง 1 คะแนน ตอบผดิ 0 คะแนน
ไมต่ อบเลย 0 คะแนน

แบบฝึกหดั ทบทวนความรู้ท่ี 4 8 คะแนน

ขอ้ 1-8 ติดภำพและบอกลกั ษณะได้ถกู ต้อง 1 คะแนน
ติดภำพหรอื บอกรำยละเอยี ดถูกเพยี งอย่ำงใดอย่ำงหนงึ่ 0.5 คะแนน
ไมต่ อบเลย 0 คะแนน

แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรียน 10 คะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน จำนวน 10 ข้อ ตอบถูกได้ 1 คะแนน
ตอบผิดได้ 0 คะแนน

การจาแนกสตั ว์ 48

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

รายการประเมิน คะแนน/ระดับคุณภาพ

3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)

1. นักเรยี นสำมำรถตงั แสดงพฤติกรรม แสดงพฤติกรรมเป็น ไมแ่ สดงพฤตกิ รรม
คำถำมเกยี่ วกับเรอ่ื งท่ี บ่อยครงั บำงครงั

เรียนได้

2. นกั เรยี นสำมำรถ ทดลองและสังเกตผล ทดลองและสงั เกตผล ไม่สำมำรถทดลอง

ทดลองและสงั เกตผลกำร กำรทดลองได้ถูกต้อง กำรทดลองได้ถกู ตอ้ ง และสังเกตผลกำร

ทดลองได้ ครบทุกส่วน บำงส่วน ทดลองได้

3. นกั เรียนเลอื กใช้ เลอื กใชอ้ ุปกรณใ์ น เลอื กใช้อปุ กรณใ์ น ไม่สำมำรถเลอื กใช้

อุปกรณใ์ นกำรทดลองได้ กำรทดลองไดถ้ กู ต้อง กำรทดลองได้ถูกต้อง อุปกรณ์ในกำร

ครบทุกอยำ่ ง เปน็ บำงอยำ่ ง ทดลองได้

4. นกั เรยี นสำมำรถ บนั ทึก สรปุ และ บนั ทกึ สรุป และ ไม่สำมำรถบนั ทึก

บันทึก สรปุ และนำเสนอ นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมลู สรปุ และนำเสนอ

ผลกำรทดลองได้ ประกอบตำมลำดบั ประกอบตำมลำดบั ขอ้ มูลได้

ขันตอนชดั เจน ขนั ตอนไมช่ ดั เจน
สมบรู ณ์ สมบูรณ์

การจาแนกสตั ว์ 49

ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

รายการ คะแนน/ระดับคุณภาพ

ประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)

1. ซ่ือสตั ย์ - ทำงำนดว้ ยควำมซอ่ื สัตย์ - ทำงำนด้วยควำม ซ่ือสัตย์ - ทำงำนด้วยควำม
- ส่งงำนกอ่ นกำหนดหรอื - สง่ งำนช้ำกว่ำกำหนด ซื่อสัตย์
ตรงเวลำนัดหมำย มเี หตุผลทร่ี ับฟังได้ - ส่งงำนชำ้ กว่ำกำหนด
- รับผิดชอบงำนทไ่ี ดร้ ับ - รบั ผิดชอบงำนทีไ่ ด้รบั - ปฏิบัตเิ องโดยต้อง
มอบหมำยและปฏบิ ัติเองจน มอบหมำยและปฏบิ ัติเอง อำศยั กำรชีแนะ
เป็นนสิ ัย ได้เปน็ บำงครัง แนะนำ ตกั เตอื น หรอื
ใหก้ ำลงั ใจ

2. มีวนิ ัย - กิจกรรมชนิ งำนสะอำด - กจิ กรรมชินงำนส่วนใหญ่ - กิจกรรมชนิ งำนไม่

เรียบร้อย สะอำดเรียบร้อย คอ่ ยเรยี บร้อย

- ปฏิบัตติ นอยู่ในข้อตกลงที่ - ปฏิบัติตนอยูใ่ นขอ้ ตกลง - ปฏิบัตติ นอย่ใู น
กำหนดให้ร่วมกันทกุ ครัง ทีก่ ำหนดใหร้ ว่ มกนั เป็น ข้อตกลงท่ีกำหนดให้
สว่ นใหญ่ รว่ มกนั เป็นบำงครังต้อง
อำศัยกำรแนะนำ

3. ใฝ่เรยี นรู้ - วำงแผนกำรทำงำนครบ - วำงแผนกำรทำงำนไม่ - วำงแผนกำรทำงำนไม่

ทกุ ขันตอนตดั ขันตอนทไี่ ม่ ครบทกุ ขันตอนและผิด มขี นั ตอนมขี อ้ ผิดพลำด

สำคญั ออก บำ้ ง ต้องแกไ้ ข

- ศกึ ษำหำควำมรู้ตำมลำดบั - ศึกษำหำควำมรู้ - ศึกษำหำควำมรู้ไม่

ควำมสำคญั ก่อน-หลัง ตำมลำดบั ควำมสำคญั ลำดบั ควำมสำคญั
ถกู ต้องครบถ้วน
กอ่ น-หลงั ได้เป็นส่วนใหญ่

4. มุง่ ม่นั ใน - มีกำรวำงแผน กำร - มกี ำรวำงแผนกำร - ไมม่ ีกำรวำงแผน

กำรทำงำน ดำเนนิ งำนเปน็ ระบบ ดำเนินงำน กำรดำเนินงำน

- จัดเรียงลำดับควำมสำคญั - จัดเรียงลำดบั - ไม่จดั เรยี งลำดบั

กอ่ น-หลงั ถกู ตอ้ งครบถว้ น ควำมสำคัญก่อน-หลังได้ ควำมสำคญั
เปน็ สว่ นใหญ่


Click to View FlipBook Version