The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ร่าง 1 หนังสืออนุสรณ์รับปริญญา พระเทพคุณาภรณ์ (2565)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by raphind, 2022-11-02 21:21:44

ร่าง 1 หนังสืออนุสรณ์รับปริญญา พระเทพคุณาภรณ์ (2565)

ร่าง 1 หนังสืออนุสรณ์รับปริญญา พระเทพคุณาภรณ์ (2565)

51

กอบัวในแจกนั ขนาดใหญ่การวาดภาพเครอื่ งต้ังของจีนเป็น รูปแบบท่ีนยิ ม
และสบื ทอดจากงานศิลปกรรมในสมยั รัชกาลที่ 3 สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์
เธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพทรงพระนพิ นธเ์ ก่ียวกับที่มาของจิตรกรรม
ท่ีวาดเครื่องตั้งจีนไว้ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพ, 247) ดังนี้

“ แ ต่ ต า ม เร่ื อ ง ต ำ น า น ป ร า ก ฏ ว่ า เมื่ อ ใน รั ช ช ก า ล ท่ี 2
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัยทรงสร้างสวนขวาที่ใน
พระบรมมหาราชวัง (ตรงบริเวณสวนศิวาลัยบัดน้ี) คร้ังน้ัน ประจวบเวลา
ราชทูตไทยออกไปเมืองปักก่ิง ไปได้เครอื่ งต้ังแต่ง เรือนอยา่ งจีนเข้ามาจัด
แตง่ พระตำหนักทใ่ี นสวนขวา เปน็ เหตใุ ห้ เกิดนยิ มกันขึ้นเปน็ ทีแรกว่าเป็น
ของงามน่าดู ถึงเอาไปผูก เป็น ลายเขียนผนังโบสถ์ แต่คิดดัดแปลงไปให้
เป็นเคร่อื งพุทธบูชา...”

ภาพเทพชมุ นุม
อยู่เหนือช่องประตูและหน้าต่าง เป็นภาพเทวดาทรงเครื่องอย่าง

กษัตรยิ ์ เหาะเป็นหมู่ ท่ามกลางก้อนเมฆ มอี ากัปกริ ิยาท่ตี า่ งกัน เช่น พนม
มอื ไหว้ ถอื ชอ่ ดอกไม้ ถือดอกบัว ถอื เคร่อื ง ดนตรี แตล่ ะองคม์ ที า่ เหาะแบบ
นาฏลักษณ์ และลักษณะของท้องฟ้านั้นมีลักษณะสีคราม มีก้อนเมฆน้อย
ใหญ่ท่ีทำให้เกิดมิติในระยะใกล้ ไกล ลักษณะเช่นนี้เป็นพระราชนิยม ใน
รชั กาลท่ี 4 ท่ีต่างจากภาพเทพชมุ นมุ ในสมัยก่อนหน้าทม่ี ักจะทำเปน็ เทวดา
พนมมือเรียงแถว อย่างเป็นระเบียบ (พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์, 2554) ภาพ
เทพชมุ นุมแสดงเหตกุ ารณ์ทบ่ี รรดา เทวดามารว่ มสกั การะพระพุทธองค์ ใน

52

ที่นี้คือพระประธานปางมารวิชัยในพระอุโบสถ สอดคล้องกับเน้ือความใน
คัมภีร์พระปฐมสมโพธิกถาท่ีกล่าวว่าเมื่อพระโพธิสัตว์ทรงชนะมาร ก็มี
เทวดา “...หมู่เทพบุตรแลพรหมทงั้ หลายกอ็ อกจากพมิ านแห่งตน ๆ เกลอ่ื น
กล่นกันมา มีหัตถ์ถือประทีปสุคนธบุปผาธวัชปฎากต่าง ๆ มาแวดล้อม
พร้อมกันอุโฆษถวายชัยแก่พระมหา บุรุษว่า ชัยชำนะมีแก่พระสัมมาสัม
พทุ ธเจา้ ผู้ทรงสริ ิสวัสดี ปราชัยมแี ก่มารผู้ปรารถนาบาปธรรม

...” และเม่ือทรงตรสั รู้อนุตรสมั มาสมั โพธิญาณเทพเจา้ ทัง้ หลายก็
มาเฝา้ อีกครั้งหนงึ่ โดย

“...เทพยเจา้ ท้ังหลายนิมติ สขุ ุมกายเทา่ อณูปรมาณลู งประชมุ กันอยู่
ในที่มปี ระมาณเท่านนั้ ถึง 10 องคบ์ ้าง 20 องคบ์ า้ ง 30 องคบ์ ้างตราบเท่า
ถึง 1000 องค์ 10000 องค์ 100000 องค์จนถึง แสนโกฎิองค์ก็มีเปนอัน
มากหมเู่ ทพยดาท้งั หลายอนั มาแต่หมนื่ จักรวาฬ ประดิษถานเตม จักรวาล
อนั นีเ้ พอื่ จะทัศนาบูชาภิวันทนชลุ ี พระผทู้ รงภาคย์มากเหลอื ลน้ ...” (สมเด็จ
พระมหา สมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส, 2537)
เอกสารอา้ งองิ
กรมสมเดจ็ พระปรมานุชติ ชโิ นรส. (2505). พระปฐมสมโพธกิ ถา.

กรงุ เทพมหานคร: กรมการ ศาสนา.
ปฏิสังขรณ์วดั เทวราชกญุ ชร. (2458). ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 32 หนา้

1433 (26 กันยายน พ.ศ. 2458).
ประยูร อุลุชาฏะ. (2530). พจนานุกรมศิลปะ. (พมิ พค์ รัง้ ที่ 3 โดย น.ณ

ปากนำ้ (นามแฝง)). กรงุ เทพมหานคร: ศูนย์การพิมพพ์ ลชัย.
ประเสริฐ ศลี รตั นา. (2526). จติ รกรรม. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร.์

53

พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิรวิ ัฒน์. (2543). สวุ รรณสามชาดก.
(พมิ พค์ รง้ั ท่ี 3). กรงุ เทพมหานคร: อักษรเจรญิ ทัศน์.

พระธรรมกิตตวิ งศ์ (ทองดี สุรเตโช). (2548). ราชบณั ฑิต พจนานกุ รมเพอื่
การศึกษาพทุ ธศาสน์ ชดุ คำวัด. กรงุ เทพมหานคร: วดั ราชโอรสา
ราม.

พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยุตโฺ ต). (2543). พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ ฉบับ
ประมวลศัพท์. (พิมพค์ รัง้ ที่ 9). กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพม์ หา
จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั .
. (2551). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ

เพ่ิมเติม ช่วงท่ี 1). (พมิ พ์ คร้งั ที่ 12). กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลัย.

พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . (2547). ประชมุ พระราชนพิ นธ์
ภาษาไทย ใน พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั .
กรุงเทพมหานคร: มหาเถรสมาคม.

พระพทุ ธโฆสเถระ. (2562). พระวสิ ุทธมิ รรค เล่มเดยี วจบ, แปลโดยวงศ์
ชาญบาล.ี กรงุ เทพมหานคร: เล่ียงเซยี งจงเจรญิ .

พระมหานิยม อุตตฺ โม. (2523). หลักสูตรยอ่ บาลีไวยากรณ์.
กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์ เลยี่ ง เชียง.

พระมหาสมใจ ปญฺญาทโี ป. (2526). พระพุทธัปปิยะ, ปทรปู สิทฺธ.ิ
กรุงเทพมหานคร: เฉลิมชาญ การพมิ พ์.

พระมหาสมปอง มุทโิ ต. (2545). มูลนิรตุ ติ กัจจายนสูตร ธาตวานกุ รม.
(พิมพค์ ร้งั ท่ี 3). กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์ ธรรมสภา.

54

พระโสภณ มหาอำมาตยต์ รี พระยาโชฎกึ ราชเศรษฐี (ผอ่ ง โชติพุกกณะ)
เจา้ กรมท่าซ้าย กระทรวงมหาดไทย. (247). อักษรกจิ พมิ พช์ ่วยใน
งานยืนชิงช้า. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงมหาดไทย.

พสั วสี ิริ เปรมกุลนนั ท์. (2552). จิตรกรรมฝาผนงั : พระราชประสงค์รชั กาล
ที่ 4 เร่ืองจรยิ วตั ร สงฆ์. ใน วิทยานพิ นธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ. มหาวทิ ยาลัยศิลปากร.

พสั วสี ิริ เปรมกุลนันท.์ (2554). ภาพเทวดาในรชั กาลท่ี 4: ความสืบเนอื่ ง
ทางงานช่าง. ใน ประมวลผลงานด้านประวัติศาสตร์ศิลปะของ

ศาสตราจารย์ ดร. สนั ติ เล็กสขุ มุ ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะ คณะ
โบราณคด.ี มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร.

มหามกุฏราชวิทยาลัย. (2530). พระสตู รและอรรถกถาแปล ทีฆนกิ าย
มหาวรรค เลม่ ท่ี 2 ภาค ที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์แหง่
มหามกุฏราชวิทยาลยั .

วกิ ิพเี ดยี สารานุกรมเสร.ี (2563). อสภุ . เรยี กใช้เม่ือ 18 มกราคม 2563
จาก https://th.wikipedia.org/wiki/

วิไลเลขา ถาวรธนสาร. (2545). ชนชั้นนำไทยกบั การรบั วฒั นธรรม
ตะวันตก. กรงุ เทพมหานคร: เมืองโบราณ.

สนุกกูร.ู (2556). จิตรกรรมไทย. เรียกใชเ้ มื่อ 18 มกราคม 2563 จาก
https://guru.sanook.com/2313/

สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดำรงราชานภุ าพ. (247). อธิบาย
เคร่ืองบชู า. พระนครศรอี ยุธยา: โสภณพิพรรฒธนากร.

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรส. (2537). ปฐมสมโพธิ

55

(ภาษาบาล)ี ฉบบั คัดลอกจากคัมภีร์ใบลานอักษรขอม.
กรงุ เทพมหานคร: คณะสงฆว์ ัดพระเชตุพนวิมลมัง คลาราม
วรมหาวหิ าร.
สุปราณี พณชิ ยพงศ.์ (2556). ร่องรอยธรรมกายในคัมภีร์จตุรารักขา. ใน
รายงานการวิจยั . สถาบนั วิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI).
สุภีร์ ทุมทอง. (2555). มรณสตใิ นพระไตรปิฎก. กรุงเทพมหานคร: หา้ ง
หนุ้ ส่วนจำกัดภาพพิมพ์.

56

พระอนิ ทร์ทรงช้างเอราวณั ๑*

INDRA HOLDS THE ERAWAN ELEPHANT

พระเทพคณุ าภรณ์ (โสภณ โสภณจิตโฺ ต พ่มุ พวง)
Phra Thepkhunaporn (Sophon Sophanachitto Phumphuang)

มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Mahachulalongkornrajavidyalaya University

E-Mail [email protected]

บทคัดยอ่

ตำนานพระอนิ ทรงช้างเอราวัณ มีการกล่าวถึงในพระไตรปิฎกมากท่ีสุด
เพราะเป็ นเทพ ผู้พิ ทักษ์ รักษาพ ระพุ ทธศ าส นาเป็ นบุ คคลาธิษ ฐานในตำนานที่มี
อิทธิพลอย่างมากต่อผู้เคารพ เชื่อถือทั้งในศาสนาต้นกำเนิด คือ ศาสนาพราหมณ์
และพระพุทธศาสนา ผู้นํำท่ีผู้ตามเป่ียมด้วยศรัทธาเพราะด้วยความเป่ียมเมตตา
เปน็ พุทธสาวกผอู้ ุปัฎฐาก สามีผู้ยึดม่นั บรรพบุรษุ ผู้ต้งั มน่ั ทานบดี กัลป์ญาณมิตรต่อ
ผู้ประพฤติธรรม บุคลธิษฐาน เปรียบองค์ด้วยกฎแห่งกรรม พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ
บารมี บิดาผู้เที่ยงธรรม นักสังคมสงเคราะห์บำเพ็ญประโยชน์ บุตรกตัญญู ญาติผู้
ออ่ นนอ้ มต่อผู้ใหญ่ แม้พระอินทรจ์ ะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเทวโลกกย็ ังมีวาระท่ี เปลย่ี นไป
เรื่อยๆบทบาทสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคมีทั้งรุ่งเรืองและตกต่ำถูกลด
บทบาทลงเทพชั้นรองจากพระศวิ ะ พระวิษณุ และพระพรหม ทางพระพุทธศาสนา
พระอินทร์ต้องถือศีล 5 บริสุทธ์ิ และ บํำเพ็ญวัตตบท 7 ประกำร จึงไม่มีกำร

๑*เคยตพี ิมพ์เผยแผใ่ น วารสาร มจร การพฒั นาสงั คม ปีท่ี 6 ฉบบั ที่ 2 พฤษภาคม-
สิงหาคม 2564 หนา้ 186-197.

57

เปล่ียนแปลงเพรำะคุณงาม ความดี เปรยี บเหมือนผปู้ กครองใน ปัจจบุ ันจะไม่มีความ
เสื่อมหำกยึดม่ัน ปฏิบัติม่ันในหลักธรรม ดังน้ันพระอินทร์ทรงช้ำงเอรำวัณ จึงเป็น
เทพทีป่ ก ปกั รักษำพุทธศำสนกิ ชนท่ยี ึดม่ันในศีลธรรมอันดีงาม กำรมสี ร้ำงพระอินทร์
ทรงช้ำงเอรำวัณ เคร่ืองเตือนใจเป็น รูปหล่อ รูปเหมือน และอ่ืนๆ เพ่ือเป็นเคร่ือง
เตือนใจใหร้ ะลึกว่า คนดเี ทพรักษา พระคุ้มครอง และเป็นเคร่อื ง ปอ้ งกันภัยจากสง่ิ ท่ี
ไมส่ ามารถสัมผัสได้ท่ีจะมาทำร้าย เพราะพระอนิ ทร์ทรงช้างเอราวัณ เป็นเทพเทวรา
ชาคอยปราบปรามส่ิงชวั่ ร้ายท้ัง 3 โลก คอื สวรรค์ มนษุ ย์ และนรก

คาํ สาํ คัญ: ความเช่ือ, พระอินทร์, ช้างเอราวณั

Abstract
Legend of Indra holds the Erawan elephant. It is most

mentioned in the Holy Scriptures. Because he is the guardian
deity of Buddhism, it is the personification in the legend that
has a great influence on the respectful. Trust in both religion,
the origin is Brahmanism and Buddhism, a leader whose
followers are full of faith because of compassion, is a follower
of a follower, a loyal husband, a firm ancestor, and a friend to
the practitioner. , Personification with the Law of Karma,
Baphen Charismatic Bodhisattva, the upright father, the
ministering social worker, the grateful child, the meek relative
to the adult, even though Indra is a great person in the world,
it still has its own ever changing agenda. The changing

58

significance of each era, both prosperous and depressed, was
reduced to the secondary deities of Shiva, Vishnu and Brahma
in Buddhism. Indra has to hold the five holy precepts and
practice seven chapters, so there is no change because virtue
is like a ruler in the present. Act adhering to the principles
Therefore Indra holds the Erawan elephant It is a god that
protects Buddhists who adhere to good morals Indra has built
an Erawan elephant. Reminders are statues, figures, and so on
as a reminder to remember that good people, gods, heal gods
and protect them from the unseenable things that will harm.
Because Indra holds the Erawan elephant Is a deity,
suppressing evil in all 3 worlds namely Heaven, human
landscape and hell landscape.

Keywords: The belief, Indra, the Erawan elephant.
บทนาํ

ความเช่ือของมนุษย์เกิดจากความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ความกลัว
จากอำนาจเหนือธรรมชาติ เมอ่ื เกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติท่ีทำอนั ตราย
ตอ่ ชวี ิต ความกังวล ความกลัว ทํำให้ความเชื่อเป็นส่วนหน่ึงของความเป็น
มนษุ ย์ ความเชื่อในสิง่ เหนอื ธรรมชำตยิ ่อมมอี ทิ ธิพลต่อชวี ติ มนุษย์ หมายถึง
เช่ือในพลังอํำนาจท่ีจะบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงส่ิงใดสิ่งหน่ึงใน
จักรวาล ความเชื่อของคนไทย ก็ไม่ได้แตกตา่ งจากชนชาติอ่ืน ๆ คอื มีความ

59

เช่อื ถือในเร่ืองไสยศาสตร์ ผสี างเทวดา เชอ่ื ในสิ่งทีม่ องไม่เห็นและมีฤทธอ์ิ ํำ
นาจที่จะบันดาลรา้ ย-ดี ให้แก่มนษุ ย์ ได้การท่ีคนไทยมคี วามสมั พันธ์ใกลช้ ิด
กับธรรมชาตแิ ละส่ิงท่ีเหนือธรรมชาติ ความเช่อื ของคนไทยแตเ่ ดมิ คอื “ผี”
อันได้แก่ ผีบรรพบุรุษ ผีฟา้ (แถน-เทวดา) ผีนา (แม่ขวัญขา้ ว-แม่โพสพ) ผี
ดิน (แม่ธรณี) ผีน้ำ (แม่คงคา) และผอี ่นื ๆ อีกมากมาย ความกลวั และความ
ไมร่ ้จู ึงเปน็ เหตุทํำใหเ้ กดิ ความเชอื่ ความเช่อื เป็นเหตใุ หเ้ กิดศาสนา ในสังคม
มนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าไปมากแต่
มนุษย์ก็ยังมีพฤติกรรมการ แสดงออกทางความเช่ือ ความเช่อื เร่ือง ผีสาง
เทวดาและสงิ่ ศกั ดิ์สิทธิท์ ้ังหลาย เป็นปรากฏการณท์ างศาสนาในสงั คมไทย
ยงั มีความเชื่อเช่นนี้อย่างมั่นคง ในเรื่องต่าง ๆ เช่น ประเพณีการเกิด การ
ตาย การปลูกบา้ นเรอื น การเปลีย่ นวัย การทำศกึ สงคราม ยอ่ มมีเรอื่ งของผี
สางเทวดา และส่งิ ศักดิ์สิทธท์ิ ้งั หลายซ่ึงเชื่อกนั ว่าทรงอำนาจ ปรนนิบัติบูชา
ใหถ้ กู ต้อง เพื่อเป็นหลักประกนั หรอื การประกนั ภัยทางด้านจติ ใจอย่างหน่ึง
ในสังคม ความเช่อื ของมนุษยท์ กุ ชนชาติ มกั จะเชื่อในสงิ่ ศกั ดส์ิ ิทธหิ์ รอื ส่ิงที่
มีอิทธิพลเหนือมนุษย์ดลบันดาลให้เป็นไป บังเกิดเป็น คุณและโทษได้
มนุษย์จึงมีความกลัวและความเชื่อว่าไม่สามารถควบคุมได้สิ่งที่มนุษย์
กระทํำ คือการเอาอกเอาใจส่ิงศักดิ์สิทธิ์ท่ีมีอิทธิพลเหนือมนุษย์เหล่านั้น
ด้วยการเซ่นไหว้ บวงสรวง บนบานศาลกล่าว อธิษฐาน หรืออ่ืน ๆ และ
มนษุ ยต์ อ้ งการส่ิงใด เพอ่ื ให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ เพ่อื เกดิ ความเจรญิ ก้าวหน้า
ในการดำํ รงชีวิตจึงบนบาน ขอให้สิ่งนั้นๆ พระอนิ ทร์ทรงช้างเอราวัณ เป็น
หน่ึงในความเช่ือของของคนไทยที่มีมาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจาก

60

พระอินทร์ทรงชา้ งเอราวัณแล้วก็ยังมีความเช่ือของเทพเจ้าในแตล่ ะยุค มี
ดังน้ี

ความเชื่อชาวกรีก มีเทพต่าง ๆ เช่น
1. ซุส (Zeus) เทพผู้เป็นราชาแห่งเทพทั้งมวล ไม่เว้นแม้แต่เหล่า
มนุษย์ ซ่ึงมี สายฟ้า หรอื อัศนีบาต เป็นอาวุธ และมีพ่ีน้อง 5 องค์ คือ โพ
ไซดอน ดีมเิ ทอร์ เฮรา่ ฮาเดส และ เฮสเทยี
2. โพไซดอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ผู้เป็นน้องชาย
ของซุส มี ตรีศูล หรือ สามง่าม เป็น อำวุธ
3. ดีมิเทอร์ (Demeter) เทพีแห่งความสมบูรณ์ ผู้ควบคุมด้าน
เกษตรกรรม
4. เฮร่า (Hera) ราชินีแห่ง สวรรค์ ผู้ซ่ึงเป็นท้ังพ่ีสาวและภรรยา
ของซุส เธอเป็นเทพแี ห่งการให้กำํ เนดิ และสตรี ผ้มู ีนกยูงเป็นสัตว์ ประจํำ
ตวั
5. แอเรส (Ares) บุตรของ ซุส กับ เฮร่า เป็นเทพแห่งสงคราม มี
สัตว์ประจํำตัวคอื เหยี่ยว และสุนัข มังกรไฟ มีน้องสาวชื่อ อีริส เทพีแห่ง
การววิ าท ซ่ึงเปน็ ภรรยาของเขาด้วย
6. อพอลโล่ (Apollo) บุตรของซสุ กับ เทพีเลโต และมนี ้องสาวฝา
แฝด คอื อาร์เทมสิ (Artemis) เทพเจา้ แห่งการทำนาย กฬี า และการรกั ษา
โรค ท้ังยงั เป็นเทพแหง่ พระอาทิตย์ มีพณิ เป็นเครื่องดนตรีประจำํ ตัว
7. อาร์เทมิส (Artemis) เทพีแห่งดวงจันทร์ และการล่าสัตว์ ฝา
แฝดของ อพอลโล่ และเป็น 1 ใน 3 เทพีพรหมจรรย์ ท่ีมีอาวุธเป็นคันธนู
โดยมสี ุนัขเปน็ ผตู้ ดิ ตาม

61

8. เฮอร์มีส (Hermes) บุตรของซุส กับนางไม้มีอา เป็นเทพแห่ง
การคา้ การโจรกรรม ทงั้ ยงั เปน็ ผสู้ ง่ สารของเหล่าทวยเทพ มีคฑาคะดูเซยี ส
(สัญลกั ษณ์แห่งการแพทย์) ประจํำกาย ชอบสวมหมวกปีกกว้าง

9. อาร์เธน่า (Arthena) เทพแี ห่งความเฉลยี วฉลาด ผ้ซู ึ่งเชียวชาญ
ศิลปศาสตร์กรีกทุกแขนง และเป็นท่ีมาของช่ือเมืองเอเธนส์ (Athens) มี
สัตวป์ ระจำํ ตัวเป็น นกฮูก

10. อโฟร์ไดร์ (Aphrodite) เทพีแห่งความรักและความ งดงาม
บุตรีของซุส และเทพีไดโอน่ี ซ่ึงนางมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ แอเรส (Ares) จน
เกิดเปน็ ทายาทคือ คิวปิด (Cupid) น่ันเอง

11. ฮีเฟสตุส (Hephaestus) เทพแห่งไฟ และการช่าง บุตรของ
ซสุ กับ เฮร่า เปน็ เทพท่ีพิการ และรูปรา่ งอปั ลกั ษณ์

12. ไดโอเนซัส (Dionysus) เทพแห่งไวน์ และเทพแห่งละคร ผซู้ ่ึง
เป็นความหวงั ในการเกบ็ เกย่ี วผลไม้

ความเชื่อชาวโรมัน กม็ ีเทพต่าง ๆ เช่น อีเนียสของโรมนั ก็ถูกดึงไป
เป็นสามีของลาวเิ นียพระราชธิดาของกษัตริย์ลาตินัสผู้เป็นบรรพบุรษุ ของ
ชนละติน ฉะนั้นจึงเป็นบรรพบุรุษของรอมิวลุส และรีมุส ฉะน้ันตํำนาน
เก่ียวกับโทรจนั จงึ กลายเปน็ ตำํ นานลึกลับเกี่ยวกบั บรรพบุรุษของชาวโรมัน
ซึ่งเป็นสำเหตุใหท้ หารมา้ โรมันแตง่ เคร่ืองแบบทม่ี าจากภาพวาดของโทรจนั
กวีนิพนธ์ “เอนิอิด” (Aeneid) และ หนังสือสองสามเล่มแรกโดยนัก
ประวตั ศิ าสตร์โรมันลิว”ี

ความเช่ือชาวนอร์ส ชนชาวเจอร์แมนิกเหนือ, ชนชาวไวกิ้ง,หรือ
ยโุ รปเหนือ มศี าสนาเก่าแก่เป็นความเช่ือ

62

พหเุ ทวนยิ ม และยงั คงเล่าสืบเน่ืองกันมา แม้ภายหลงั จากชาวสแกนดิเนเวีย
หันมานับถือศาสนาคริสต์ จนกลายมาเป็นคติชาวบ้านสแกนดิเนเวียแห่ง
สมัยใหม่ เทพเจ้าชาวนอร์ส, ชนชาวเจอร์แมนิกเหนอื , ชนชาวไวกิ้ง, หรือ
ยโุ รปเหนอื เปน็ ชอื่ เรยี กรวมของเทพเจ้าท่ีรูจ้ ักกันดีในนามเทพเจ้าของชาว
นอร์ส เทพสูงสุดคือโอดิน มหาเทพ ได้แก่ ธอร์ เทพสายฟ้าผู้มีค้อนใหญ่
เปน็ อาวธุ โดยเป็นเทพนักรบผพู้ ิทักษ์มนุษยชาติ โอดินน์เทพเจ้าพระเนตร
เดียว ผ้ทู รงขวนขวายหาความร้ใู นโลกธาตุทัง้ หลาย และพระราชทานอกั ษร
รูนใหแ้ กม่ นษุ ย์;

เฟร็วยำ (Freyja) เทพสตรีผู้ทรงสิริโฉม ผู้ใช้เวทมนตร์ (seiðr)
และทรงฉลองพระองค์คลมุ ขนนก ผูท้ รงม้าเข้าสู่สมรภูมิ เพือ่ เลือกเอาดวง
วญิ ญาณในหมผู่ ตู้ าย; สคาดดี (Skaði) ยักขินีและเทวีแหง่ การสกี ผู้อาศยั อยู่
ท่ามกลางฝงู หมาปา่ บนภเู ขาในฤดูหนาว; นยิ อรเ์ ดอร์ (Njörðr) เทพเจ้าทรง
ฤทธ์ิผู้อาจปราบได้ทั้งทะเลและไฟและยังประทาน ความม่ังคั่งและท่ีดิน;
เฟรอือร์ (Freyr) ผู้นำํ สนั ติภาพและความเพลิดเพลินสู่มนุษยชาติ ผ่านทาง
ฤดกู าลและ การกสกิ รรม; อดิ ุนน์ (Iðunn) เทพเจ้าผทู้ รงรกั ษาแอปเปลิ ท่ีให้
ความเยาว์วัยช่ัวนิรันดร์; เฮย์มดัลเลอร์ (Heimdallr) เทพเจ้าลึกลับผู้
ประสูติแต่มารดาเก้าตน ทรงสามารถฟังเสียงหญ้าโต มีพระทนต์เป็น
ทองคํำ และ มีเขาสัตว์ท่ีเป่าได้ดังกึกก้อง; และยอตุนน์โลกี ผู้นํำโศกนำฏ
กรรมมาสทู่ วยเทพโดยวางแผนใหบ้ ลั เดอร์ (Baldr) พระโอรสแห่งเทพเจ้าฟ
รกิ ก์ ต้องตาย เป็นตน้

ความเชื่อศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู มีการนับถือเทพหลายองค์
เหตุผลที่สํำคัญก็คือเทพเจ้าท้ังหมดมี ฤทธานุภาพสามารถบันดาลทุกข์สุข

63

ให้กับมนุษย์บนพื้นโลกน่ันเอง เช่น พระศิวะหรือพระอิศวร เทพผู้ทํำลาย
และสร้างโลก พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพผู้รักษาคุ้มครองโลก พระ
พรหม เทพเจ้าผ้สู ร้างจกั รวาลและโลก พระอินทร์ เทพผรู้ ักษาทางด้านทิศ
ตะวันออกและผู้พิทักษ์พุทธศาสนา พระนางอุมาเทวี ผู้ซ่ึงเป็นเทวีแห่ง
ความเมตตา พระสุรสั วดี ผซู้ ่งึ เป็นเทวีแห่งภาษาและความรู้ พระนางลกั ษมี
เทวีแหง่ ความม่ังคง่ั และเทวีแห่งความดีงาม พระพิฆเนศวร เทพแห่งศิลปะ
วทิ ยาการและเทพแห่งความสํำเร็จ พระอาทิตย์ เทพแหง่ ไฟหรอื ดวงตะวัน
พระจันทร์ เทพเจ้าแหง่ เสน่ห์ พระราหู เทพนพเคราะห์ พระยม เทพแห่ง
ความเที่ยงธรรมและความตาย พระกามเทพ เทพแหง่ ความรัก พระอนิ ทร์
เทพผู้พิทักษ์รักษาพุทธศาสนา ในคติความเช่ือทางพุทธศาสนา มักเรียก
พระอินทร์ ในชื่อ ท้าวสักกะ หรือ ท้าวศักระ เป็นผู้ปกครองสวรรค์ช้ัน
ดาวดึงส์ ท้าวสักกะน้ัน ในบางครง้ั มกั ถูกเรยี กด้วยชื่อ “อนิ ทระ”หรอื ในชื่อ
ท่ีเรียกขานทั่วไปอีกชื่อว่า “เทวานัม อินทระ” อันหมายถึง “จอมเทพ”
หรือ “หวั หน้าแหง่ เทพทัง้ หลาย”(สนั สกฤต: อนิ ทฺ รฺ , บาล:ี อนิ ฺท) เปน็ เทพท่ี
ปรากฏในพระไตรปิฎก มากท่สี ดุ ศาสนาพทุ ธพระอินทร์อยใู่ นฐานะเทวดา
ทีเ่ ปน็ สาวกของพระพุทธเจ้า เปน็ เทพผพู้ ิทกั ษ์รกั ษาพทุ ธ ศาสนาคอยรับใช้
ใหค้ วามช่วยเหลือ ในคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในสมัยนั้น
พระอินทร์เป็น เทพเจ้าสูงสดุ เม่ือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจะกลับมารุง่ เรอื ง
อกี ครั้งก็ลดลํำดับพระอินทร์ลงมาเป็นเทพช้ันรอง และยกพระตรีมูรติขึ้น
เป็นใหญ่ ประเทศไทยกล่าวถึงพระอินทร์บ่อยคร้ัง ดังท่ีปรากฏอยู่ในงาน
จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปกรรม สัญลักษณ์ หรือการต้ังช่ือต่าง ๆ

64

มากมาย จึงเป็นที่น่าสนใจใครก่ ารศกึ ษาถึงประวัติ ความเปน็ มา หนา้ ท่ี คณุ
งามความดตี ่างๆ

1. กาํ เนิดพระอินทร์ เทพผ้พู ิทักษ์รักษาพุทธศาสนา
2.1 กาํ เนดิ พระอนิ ทร์ ตามแนวทางของพระพุทธศาสนาผู้ทจ่ี ะเป็น

พระอนิ ทรไ์ ด้ตอ้ งถือศีล 5 บรสิ ุทธิ์ และ บำํ เพญ็ วัตตบท 7 ประการ จะต้อง
ประกอบคณุ งามความดี ดว้ ยการปฏบิ ตั ติ นตามหลักวตั ตบท 7 ประการ คือ

1. มาตาเปติภโร การเลยี้ งดมู ารดาบดิ าตลอดชวี ิต
2. กุเลเชฏฺฐาปจายี การประพฤติอ่อนน้อม ต่อผู้ใหญ่ในตระกูล
ตลอดชวี ติ
3. สณฺหวาโจ การพดู จาแต่คำํ ออ่ นหวาน ตลอดชวี ติ
4. อปิสุณวาโจ หรือ เป สเุ ณยฺยปฺปหายี การไมพ่ ูดคำํ ส่อเสียด พูด
สมานสามัคคตี ลอดชีวติ
5. ทานสวิภาครโต หรือ มจฺเฉรวินโย ยินดี ในการแจกทาน
ปราศจากความตระหน่ี
6. สจฺจวาโจ พดู แตค่ ํำสตั ยต์ ลอดชวี ิต
7. อโกธโน หรือ โกธาภิภู ไมโ่ กรธตลอดชีวิต ถ้าความโกรธเกิดขึ้น
ก็จะรบี กำํ จัดโดยฉับพลนั ทันที
2.2 กําเนิดเร่ิมในสมัยฤคเวท ก่อนการปรากฏของยุคตรีมูรติ ใน
หนังสือเทวกํำเนิดได้ กล่าวถึงพระอินทร์ในเชิงประวัติศาสตร์ว่า เป็น 1 ใน
8 เทพ ท่ีปรากฏบทบาทสํำคัญในหมู่ชาวอริยกะ (ประมาณปี 1700 B.C)
พระอินทรเ์ ป็นเทพแหง่ พายุ-บรรยากาศ-เทพแห่งสงคราม ทรงใชว้ ชิระหรอื

65

สายฟ้าเป็นอาวุธ เป็นเทวดำที่ โดดเด่นใน คัมภีร์ฤคเวท มีหน้ำท่ีปกป้อง
เทพเจ้าและมนุษย์จากภูตร้ายท่ีเป็นตัวแทนความโหดเหี้ยมทางธรรมชาติ
โดยเฉพาะความแห้งแล้งและความมืด ประจํำทิศตะวันออกและเป็น
เทพารักษท์ ่ีย่ิงใหญ่ของชาวอริยกะท่ที ํำใหร้ บชนะพวกทัสยุหรือชาวเงาะป่า
พน้ื เมอื ง สมยั ต่อมาพระอินทร์ถกู ยกบทบาทเข้าแทนทพ่ี ระวรณุ อยา่ งค่อย
เปน็ คอ่ ยไปจนโค่นอํำนาจในฐานะเทพผเู้ ป็นใหญเ่ หนอื เทพ แตบ่ างตํำราว่า
เป็นเทพองค์เดียวกันมาตั้งแต่ในยคุ ต้น มชี ายาในชว่ งแรกองค์เดียวนามว่า
อินทรานี-เปาโลมี-เอนทรี-ศจี มีพาหนะประจํำองค์คือช้าง ไอราพต-
เอราวัณ และม้าสีขาวช่ืออุจไฉศรวะ-อุจไฉศรพ (เทพพาหนะท่ีเกิดคร้ัง
เกษียรสมุทร) ดํำรงค์อยู่โดยการดื่มน้ำอมฤตเป็นนิตย์เพื่อให้แกล้วกล้าใน
การศึกสงคราม ความสำํ คัญของพระอินทร์ในยุคแรกนี้ปรากฏ ชัดเจนจาก
ความยาวของบทสวดท่ีแตง่ ขึน้ เพ่ือสรรเสริญและพบว่าในพระอินทร์มีบท
สวดมากถึงหน่ึงในส่ีของ บทสวดท้ังหมด ซึ่งท่ีมาของพระอินทร์ภายใต้
อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ถูกปรับเปล่ียนไปตามยุคสมัยอยู่ ตลอดเวลา
เพือ่ ใหส้ อดรบั กับบริบทของสังคมอนิ เดยี

2.3 กําเนิดพระอินทร์ในคัมภีร์อถรรพเวท กล่าวไว้วา่ พระอินทร์
น่าจะเป็นพ่ีน้องร่วมมารดา กับพระอัคนี มีมารดานามว่าเอกาษฐกา (เอ
กาษฺฐกา), เทวีปริถิวี, เทวีนิษฏิกริ หรือสถวี ผู้เป็นพระธิดำของพระ
ประชาบดี แต่ไม่ระบุว่าใครเป็นบิดา และในคัมภรี ์กล่าวว่า พระอนิ ทร์อาจ
มีกํำเนิดด้วยอำํ นาจบํำเพญ็ ตบะของนางเอกาษฐฺ กา แต่บางคัมภรี ์ก็กลา่ วว่า
พระประชาบดี เปน็ ผู้สร้าง พระอินทร์

66

2.4 กําเนิดพระอินทร์ในคัมภีร์ฤคเวท กล่าวว่า เทยาส-เทยาสฺ-
ทยาอุส เป็นบดิ าของพระองค์ แต่ในบางตำรากล่าววา่ เป็นโอรสของ เทยาส
และ ปฤถิวี เป็นพ่ีน้องร่วมบิดากับพระอัคนี ซึ่ง เทยาส หมายถึงฟ้า ส่วน
ปฤถวิ ี หมายถึง ดิน พระบิดาของพระอินทรไ์ ดส้ ร้างวัชระใหแ้ ตม่ ีข้อขดั แย้ง
อีก หลายตอนท่ีกล่าวไว้ใน คัมภีร์ว่า อสูรช่ือ ตวัษฎา เป็นผู้สร้างวัชระให้
โดยเมื่อเกิดมาพระองคก์ ็ทรงด่ืมน้ำโสมเหมือนลูกกวางกระหายนำ้ และทํำ
ให้มารดาเป็นม่ายโดยการสังหารบิดาท่ีคาดว่าน่าจะเป็น ตวัษฎาอสูร สํำ
หรับมารดาของพระอินทร์ คือ นางอทิติ แต่ในเทพปกรณัมสมัยหลงั กล่าว
ว่า สวามีของนางอทาติ คือ กัศยประชาบดีและ บางตำรายังว่าพระอินทร์
เปน็ โอรสของกศั ยปะกบั นางอทติ ิโดยมเี หล่าอสรู หรอื อสุระ เป็นพน่ี อ้ งต่าง
มารดา (คือบุตรนางนติ ิ และ นางทน)ุ ซึ่งเป็นไปได้ว่า ตวษั ฎาสูร กบั กัศย
ปะ อาจเป็นองค์เดียวกัน

2.5 กําเนิดพระอินทร์ในคัมภีร์มหากาพย์ มีกำรพัฒนำปรับแต่ง
ให้พิสดำรขึ้น โดยเน้นกำรบูชำยัญ เป็นหลัก ทํำให้ที่มาของพระอินทร์
แตกต่างจากกำํ เนดิ ยคุ แรกๆ ที่กล่าววา่ มบี ิดามารดาเป็นผใู้ ห้กำํ เนดิ โดยใน
ยุคนี้ถือว่าบุคคลที่ปรารถนาเป็นพระอินทร์ต้องกระทํำพิธีอัศวเวธ หรือ
อัศวเมธ ถึง 100 ครั้งขณะเป็นมนุษย์ และเมื่อเป็นพระอินทร์ก็จะมี
ระยะเวลาปกครองเพียง 100 ปีทิพย์เท่าน้ัน จากน้ันจะมีเทพองค์อ่ืนข้ึน
ปกครอง แทน ซงึ่ อาจเป็นมนษุ ย์หรอื ผ้มู บี ญุ ขน้ึ แทนตามวาระ โดยในคมั ภีร์
วษิ ณุปุราณะกล่าวถึงเรื่องมนุษย์บํำเพ็ญตบะ พยายามยกฐานะตนข้ึนเช่น
ทา้ วสคั ระะทำให้พระอนิ ทรห์ วาดกลัวจนตอ้ งเสียอทนิ นาทานลงมาขโมยมา

67

เพือ่ ทำลายตบะหรือพธิ ีเสียหลายครง้ั ในศาสนาพราหมณ์ พระอินทร์ มชี ่ือ
หลายชอ่ื ดังน้ี

1) เทวปต-ิ เทวเทวะ-เทวานมินทะ ผู้เป็นใหญ่ในหมูเ่ ทวดา
2) ทิวัสปติ เจ้าแห่งอากาศ
3) มเหนทร-มหินทร ผู้เปน็ ใหญ่
4) มารตุ วาน เจ้าแหง่ ลม
5) เมฆวาหนะ ผู้ข่เี มฆ
6) วฤตระหา- ผ้สู ังหารความแหง้ แลง้
7) วรติ ราหา มีสายฟา้ เป็นอาวุธ
8) วาสวะ-วาสพ ผู้เป็นใหญ่ในวสุเทพ
9) วัชรี-วัชรินทร์-วชิรปราณี ผถู้ ือวชริ ะ
10) ศตกรต- เจ้าแห่งการบวงสรวงมีกำหนดได้ 100
11) ศจีปติ ภัสดาแห่งนางศจี
12) สตมขะ เจ้าแหง่ การประกอบพิธอี ัศวเมธ 100 ครง้ั
13) สวรรคปติ-สวรรคบดจี อมสวรรค์
14) สักระ-สักรนิ ทร์ ผู้มคี วามสามารถยิ่ง
15) สรุ ปติ-สุรบดี-สรุ บ ดินทร์-สรุ นิ ทร์ ผเู้ ปน็ ใหญ่ในหมสู่ รุ ะ
16) อมรนิ ทร์ ผู้เปน็ ใหญ่ในหมอู่ มร, และสมัญญาอ่นื ๆ เช่น อุคระ
จนั วนั , อลุ กู ะ, จาณ ทาล,ี วัลภทิ , ทิวัสปติ, สุรปติ, สะโยนี

68

3. คุณลกั ษณะของพระอินทร์
3.1 คุณลักษณะของพระอินทร์ในอรรถกถา อธิบายความว่า

พระอินทรม์ รี ปู ร่างสูง 3 คำวตุ พระวรกายเปล่งรัศมสี ีเขียว ลกั ษณะงดงาม
ดังเทพบุตรทว่ั ไปอ่ิมเอบิ ด้วยการดำรงอยใู่ นศีล อายุกัลป์ 1,000 ปีทิพย์ ซึ่ง
ในอรรถกถาวิมานวัตถุกล่าวว่าเป็น อากาสัฏฐเทวดา 1 ในเทวดา 3
ประเภท แตม่ ีทิพยฐานะที่สงู กว่าเทวดา ท่วั ไปในฐานะทัง้ 10 ประการ คือ
อายุทิพย์ วรรณทิพย์ ยศทิพย์ สุขทิพย์ อธิปไตยทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์
กล่นิ ทพิ ย์ รสทิพย์ โผฏฐพั พทิพย์ 32 แต่เม่ือสิน้ บญุ กต็ อ้ งจตุ ิ และมผี ู้อน่ื เกดิ
เป็นท้าวสักกะใหม่ทดแทน แม้วาระพระอินทร์ท่ีเปลี่ยนไปเร่ือยๆ แต่ละ
องค์ก็ยังคงมีคุณสมบัติเหมือนกันราวกับเป็นเทพองค์เดียวกันไม่สามารถ
จํำแนกออกได้ ดังปรากฏยืนยันในเหตุการณ์สักกปัณหสูตรว่าเม่อื คร้งั ท่ถี ูก
มรณภัยคุกคามมีดํำริไปเฝ้าทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้าเมื่อได้รับพุทธ
พยากรณพ์ ระองค์พรอ้ มเทวดาบรวิ าร ทั้งแปดหมนื่ ต่างบรรลโุ สดาปัตติผล
กลับมาจตุ ิใหม่ในอัตภาพเดิมเปน็ ท้าวสักกะหนมุ่ อีกครงั้

3.2 คุณลักษณะของพระอินทร์ในคัมภีร์ฤคเวท กล่าวว่า พระ
อินทร์มีลักษณะพระเกศาสีน้ำตาลพระปฤษฎางค์สีน้ำตาลใหญ่ พระศอ
มหึมา วรกายใหญ่โต พระอุทรมีขนาดใหญบ่ รรจุนำ้ โสมได้หลายสระ ทรง
พละกำลังอันหาใครต้านมิได้ พระโอษฎ์กว้าง ทรงมีพระทาฐิกะ(เครา) สี
ทอง หรอื น้ำตาลปนเหลอื งที่สั่นพล้ิว

3.3 คุณลักษณะของพระอินทร์ในไตรเพท กล่าวว่ามีผิว สีทอง
บ้าง สีแสดบ้าง สีนวลบ้าง มแี ขนยาว แปลงรูปร่างตามใจนกึ บางตํำราว่ามี
2-4 กร ในช่วงต้นเป็นผู้สร้างโลกเทพแห่งสงคราม ทรงเสพสุราท่ีทํำจาก

69

รากไมช้ นิดหนึ่ง เรยี กว่า โสมะ สรุ าชนิดนจี้ ึงเรียกว่า น้ำโสม มีการประกอบ
พธิ ีถวายน้ำโสมแก พระอินทร์เป็น พิธีใหญ่จนต้องมีคํำสวดถวายน้ำโสมแก่
พระอินทร์อยู่ในคัมภีร์สามเวท เรียกว่า โสมยัชญ์ แต่เมื่อเสวยแล้วมักมี
พฤติกรรม เท่ยี วเกะกะระราน ชอบโออ้ วด จนมักเปน็ เร่ืองราววุ่นวาย

3.4 ในอรรถาธิบายกล่าวถึงพระอินทร์ ว่าทรงมีปรีชาสามารถ
ด้านปัญญาเม่ือจะชี้แนะแก้ไขทางออกปัญหาให้แกเ่ หล่าเทวดาและมนุษย์
ในการเป็นผู้ตัดสินคดีความ หรือเป็นที่ปรึกษาคล่ีคลายสถานการณ์จาก
ปัญหาทางจริยธรรมท่ีเกินความสามารถของท้าวจตุโลกบาลท้ัง 4 เช่น
เหตุการณ์พระนางโรหิณีที่ในอดีตชาติได้ ประกอบกุศลทาน สร้างศาลา
ถวายพระภิกษุดว้ ยศรทั ธา และไดฟ้ ังธรรมจนบรรลุโสดาบนั ไปจตุ ยิ งั สวรรค์
ชนั้ ดาวดึงสร์ ะหว่างเขตแดนวิมานเทพบตุ รทัง้ 4 เพราะเหตทุ ี่นางมรี ูปร่าง
งดงาม เทพบตุ รจึงเกิดจิตสมัครรกั ใครไ่ ม่ สามารถตัดสนิ ความว่าควรคคู่ วร
กับใคร พระอินทร์ได้ทรงออกอุบายไตร่ถามเทพบุตรท้ัง 4 ว่ารู้สึกเช่นไร
ได้รบั คํำตอบว่า เทพบุตรองค์ท่ี 1 จิตเหมือนกับกลองในคราวสงครามไม่
สามารถสงบลงได้, เทพบุตรองค์ที่ 2 จิต เหมือนแม่น้ำท่ีตกจากภูเขำ,
เทพบุตรองคท์ ี่ 3 ตาทง้ั 2 ของตนถลนออกเหมือนตาป,ู เทพบุตรองค์ท่ี 4
เหมือน ธงที่โบกสะบัดบนเจดีย์ไม่สามารถน่ิงได้ พระอินทร์ได้ตอบกับ
เทพบุตรทั้ง 4 ว่าจิตของพวกท่านยังพอข่มได้แต่เรา เมื่อไม่ได้นางจักต้อง
ตาย เหตุน้ีเทพบุตรทง้ั 4 จำยอมยกนางใหซ้ ึ่งเปน็ ไหวพริบทจ่ี ะมใิ ห้เกดิ การ
ววิ าท

70

4. ช้างเอราวัณ หรือ ชา้ งสามเศียร
พระอินทร์เป็นมหาเทพท่ีย่ิงใหญ่เหนือชีวติ ของมนุษย์และสรรพ

สัตว์ มีหน้าที่ปกป้องดแู ลโลกใหพ้ ้นจากสงิ่ เลวร้ายต่าง ๆ เป็นผูน้ ํำเหล่าเทพ
เจ้าไปกำจัดอสูรร้ายในหลายคราวพาหนะ ของพระอินทร์มี 2 อย่าง คือ
"รถม้า" และอีกอย่างคือ "ช้างเอราวัณ" หรือช้าง 3 เศียร (แต่เดิมมีถึง 33
เศียร) ในภาษาสันสกฤต เรียก ช้างเอราวัณ ว่า ไอราวต ไอราวณ ภาษา
บาลีเรียก เอรำวณ ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า ไอราพต ไอราวัต ไอราวัณ
และ เอราวัณ ช่ือต่าง ๆ ทง้ั หมดน้มี คี วามหมายถึง น้ำ เมฆฝน ร้งุ แปลรวม
วา่ กลมุ่ ก้อนเมฆทม่ี ีฟ้าแลบ และทำให้เกิดฝนตก ในคัมภรี ์ไตรภูมพิ ระร่วง
มีหลายชอ่ื เรียกได้แก่ "เตภูมิกถา" "ไตรภูมิ กถา" "ไตรภมู ิโลกวนิ ิจฉัย" และ
"เตภูมิโลกวินิจฉัย" เป็นวรรณกรรมศาสนาพุทธท่ีแต่งในสมัยสุโขทัย
ประมาณ พ.ศ. 1888 โดยพระราชดำรใิ นพระมหาธรรมราชาที่ 1 รวบรวม
จากคมั ภรี ์ในศาสนาพุทธ มเี นื้อหาเกี่ยวกับโลก สณั ฐาน ท่ีแบ่งเป็น 3 ส่วน
หรือ ไตรภูมิ ได้แก่ กามภูมิ รปู ภมู ิ และอรูปภูมิ เทพยดาองค์ 1 ชื่อ ไอยรา
วรรณ เทพบุตร ผิแลเม่อื พระอินทร์เจ้าแลมีท่สี เด็จไปเล่นแหง่ ใด ๆ ก็ดี แล
ธ จะใครข่ ่ชี ้างไปเล่นจึงไอยราวรรณ เทพบุตรก็นมิ ติ รตวั เป็นช้างเผือกตัว 1
ใหญ่นกั โดยสงู ได้ 1,200,000 วา แลมีหวั ได้ 33 หัว ๆ นอ้ ย ๆ อยู่สองหวั อยู่
สองข้าง นอกหัวทั้งหลายนัน้ แลว่าหัวใหญ่ได้ 2,000 วา แลหัวถัดเข้าไปทั้ง
สองข้างแลหัวแล 3,000 วา ถดั น้ันเข้าไปแลหัวแล 4,000 วา ถดั นน้ั เข้าไป
แลหัวแล 5,000 วา ถัดน้ันเข้ากว้างแลหัวแล 6,000 วา เร่งเข้าไปเถิงในก็
เริงใหญ่ตัดกนั เข้าไปดังกล่าวน้ีแล สว่ นหัวอันใหญ่ท่ีอย่ทู ่ามกลางทั้งหลาย
ชื่อ สุทัศ เป็นพระที่นั่ง แห่งพระอินทร์โดยกว้างได้ 2,400,000 วาแลฯ

71

เหนือหัวตัวน้ันแลมีแท่นแก้วหน่ึงกว้างได้ 96,000 วา แลมีปราสาทกลาง
แท่นแก้วน้ันมีท้ังสองแก้วฝูงน้ัน โดยสูงได้ 8,000 วา ท้ังฝูงน้ันเทียรย่อม
แก้ว 7 สิ่ง แลมีพรวน ทองคำห้อยย้อยลงทุกแห่งแกวง่ ไปมา แลมีเสียงนั้น
ไพเราะนักหนาดังเสียงพาทย์พิณในเมืองฟ้า ในปราสาทน้ัน เทียรย่อมดัด
เพดานผ้าทิพยแ์ ลมีแท่นนอนอยู่ในที่นนั้ กว้างได้ 8,000 วา แลมีราชอาสน์
หนาหมอนใหญ่ หมอนน้อย หมอนอิง องค์พระอินทร์น้ันสูงได้ 6,000 วา
แลประดับนี้ด้วยแก้วถนิอาภรณ์ท้ังหลายแล ธ นั่งเหนือ แท่นแก้วนั้น หัว
ช้างได้ 33 หัวไส้ พระอินทร์ให้เทพยดำทั้งหลายขี่ 22 หัวนั้น มีบุญเพียง
ประดุจพระอินทร์ไส้ฯ อันว่า หวั ช้างท้งั 33 หัว แลหวั ๆ มีงา 7 อันแลงาแต่
ละอนั ยาวได้ 400,000 วา แลงานนั้นมสี ระได้ 7 สระๆ แลสระนัน้ มบี วั ได้ 7
กอๆ บัวแลกอนั้นมีดอก 7 ดอกๆ แลอันนั้นมีกลีบ 7 กลีบๆ แลอันๆ มี
นางฟ้ายนื รำระบำ บรรพต แล 7 คน แลนางแลคนๆ น้ันมาสาวใช้ได้ 7 คน
โสด...ในคัมภีร์วษิ ณุปุราณะของศาสนาฮนิ ดกู ็กล่าวว่า ช้างเอราวณั เปน็ หนึ่ง
ในสิ่งวิเศษที่เกิดขึ้นเมื่อคราวเหตุการณ์กวนเกษียรสมุทร เม่ือครั้งที่พระ
วษิ ณุอวตารลงมา เป็นเต่าท่ีเรยี กว่า กูรมาวตาร และในคัมภีร์ไตรภูมิกถา
กล่าววา่ ช้างที่มาฆมานพใชง้ านในการสร้างศาลาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์บน
โลกมนษุ ย์น้นั ตายไปได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรเอราวัณ เพือ่ เป็นช้างทรงให้กับ
มาฆมานพท่ีอานิสงคไ์ ดห้ นุนส่งให้ไปเกิดเป็นพระอินทร์เอราวณั เปน็ ช้างที่
รปู ร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขา ผวิ กายเผือกผอ่ ง เปน็ ช้างที่ มีพลงั มาก ถอื เป็น
เจ้าแห่งช้างท้ังหลาย ในคัมภีร์มหาภารตะ กล่าวว่า “ช้างไอราวตะมีงา 4
งา มี 3 งวง รูปร่างใหญ่มหมึ า และเปน็ ช้างเผอื กบางตำนานก็ว่า พระอศิ วร
ไดป้ ระทานช้างเอราวณั ใหเ้ ปน็ ช้างทรงของพระอินทร์ บ้างก็ว่าชา้ งเอราวัณ

72

นั้นเป็นเทพบุตร อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เม่ือพระอินทร์จะเสด็จไปท่ีใด
เทพบตุ ร เอราวัณจะแปลงกายเป็นช้างเผอื กสีขำว ชือ่ ว่า เอราวัณ

กล่าวโดยสรุป ช้างเอราวัณเป็นช้างท่ีมีขนาดใหญ่มาก ผิวกายสี
ขาว มีหัว 33 หัว แตล่ ะหัวมีงาเจ็ดงา แต่ละอันยาวส่ีล้านวา แต่ละงามีสระ
โบกขรณีเจ็ดสระ แต่ละสระมีกอบัวเจ็ดกอ แต่ละกอมดี อกบัวเจ็ดดอก แต่
ละดอกมีกลบี เจด็ กลบี แต่ละกลบี มเี ทพธิดาฟ้อนรำอยู่เจด็ องค์ แต่ละองคม์ ี
บริวารอีกเจ็ดนาง รวมไดว้ ่า ช้าง เอราวัณมี 33 หัว มีงา 231 งา มสี ระบัว
1,617 สระ มีกอบัว 11,319 กอ มีดอกบัว 79,233 ดอก กลีบ บัว
554,631 กลีบ เทพธิดา 3,882,417 องค์ และบริวารของเทพธิดาอีก
27,176,919 นาง

บทบาทและหน้าที่อันสาํ คัญย่งิ ของชา้ งเอราวณั คอื เป็นพาหนะที่
นำเสด็จพระอินทร์ไปยงั สถานท่ี ต่าง ๆ ทั้งบนสวรรค์และมนุษยโ์ ลก เพ่ือ
ดูแลทุกข์สุขของชาวโลก เป็นช้างศึกให้พระอินทรอ์ อกไปทำการรบกับ พวก
อสูร ทำหน้าที่ดูแลโลกทางด้านตะวันออกควบคู่กับพระอินทร์ และ
เนือ่ งจากพระอินทร์ทรงเป็นหัวหน้า เทพทีก่ ํำกับดแู ลดินฟ้าอากาศ มีวัชระ
สายฟ้าเป็นอาวุธ เป็นศัตรูกับความแห้งแล้ง นํำความอุดมสมบูรณ์และ
ความชุ่มฉ่ำสู่โลกมนุษย์ ช้างเอราวัณจึงมีหน้าที่ดูดน้ำจากโลกขึ้นไปบน
สวรรค์ ใหพ้ ระอนิ ทร์บันดำลใหเ้ กดิ นำ้ จากฟ้าตกลงสู่โลกมนุษย์ โดยเฉพาะ
ประเทศทางเอเชียและเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ จึงประทับใจและชน่ื ชมใน
ตวั ช้างเอราวณั ทท่ี ำํ ประโยชนใ์ หแ้ ก่ชาวโลก

5. พระอนิ ทรท์ รงชา้ งเอราวณั วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร

73

พระอินทร์ เป็นช่ือเทวราชผ้เู ปน็ ใหญใ่ นสวรรคช์ ั้นดาวดึงส์ และชั้น
จาตุมมหาราช หรือผู้เป็นใหญ่ ในเทวโลก เทวโลกมี 6 ชั้น รู้กันทั่วไปว่า
สวรรค์ ซึ่งเป็นภูมิหรือกํำเนดิ อันสมบูรณ์เพยี บพร้อมกนั ไปด้วยความ ผาสุก
ทุก ๆ ส่ิงล้วนชวนให้เพลิดเพลินเจริญใจท้ังนั้น ดังจะเห็นได้ในคํำ
เปรยี บเทียบส่ิงสวยงามว่าเหมือนกับ ชำวสวรรค์ เช่น หญิงท่ีสวยงามก็ว่า
เหมือนกับเทพอัปสร ชายงามก็ว่าเหมือนเทพบุตร บ้านเมืองสะอาด
สวยงามก็ว่าเหมือนเมืองสวรรค์ เป็นต้น เร่ืองมีอยู่ว่า พระอินทร์กับเทพ
สหจร รวม 33 องค์ เป็นใหญ่เปน็ ผู้ปกครองเทวโลกช้ันนี้ เทวโลกชั้นน้ีถึง
ความรงุ่ เรืองด้วยบญุ ญานุภาพของพระอินทร์ และเทพสหจรเหล่าน้ี ท่าน
พรรณนาไว้ว่า มีเวชยันตปราสาท มีสุธรรมสภา มีสวนนันทวัน มีสวน
จิตรลดา มีสุนนั ทาโบกขรณี ลว้ นแต่ น่ารื่นรมยเ์ กิดข้ึนเพราะบุญญานุภาพ
ของพระอินทร์และพระราชเทวี พระอินทรเ์ ปน็ พระราชาของทวยเทพชนั้ น้ี
พระนามท่ีหมายถึงพระอนิ ทรอ์ งค์นม้ี ีมากถงึ 27 พระนาม พระนามเหล่าน้ี
ล้วนเป็นเนมติ ตกนาม ไมม่ ีใครตัง้ ให้เกดิ ขึ้นตามคุณสมบัติ พระนามที่รจู้ ัก
กันโดยมากคือ พระอินทร์ ท้าวสักกเทวราช ท้าวมฆวะ ท้าวปุรนิ ททะ ท้าว
วาสวะ ท้าวสหัสสกั ขะ ท้าวสชุ มั บดี ท้าวเทวานมนิ ทะ เปน็ ต้น

พระอินทร์มีเวชยันตราชรถเป็นราชพาหนะ มาตลิเทพบุตรเป็น
สารถีม้าสนิ ธพทใ่ี ชเ้ ทียมเวชยันตราชรถเป็นม้าเนรมติ เพราะในเทวโลกไม่มี
สัตว์เดรัจฉาน ส่วนช้างของพระอินทร์น้ันช่ือว่า เอราวัณ เป็นช้าง จำแลง
กล่าวคือ มีเทพบุตรองค์หนึ่งช่ือว่า เอราวัณ ทํำหน้าท่ีเป็นช้างทรงในเวลา
พระอินทรแ์ ละเทพสหจรเสด็จ ประพาสอุทยาน เอราวัณเทพบตุ รจะเนรมติ
กายเป็นช้างใหญ่ประมาณ 150 โยชน์ มีกระพอง 33 กระพอง แต่ ละ

74

กระพองวัดโดยรอบประมาณ 3 คาวุต วัดผ่าศูนย์กลางก่ึงโยชน์ ใน
ท่ามกลางกระพองทั้งหมด จะมีกระพอง หน่ึงประมาณ 30 โยชน์ ชื่อสุ
ทัศนะ เป็นที่ประทับของพระอินทร์ บนกระพองเหล่าน้ันมีรัตน-มณฑป
ประมาณ 12 โยชน์ ในระหว่างกระพองเหล่าน้ันประดับด้วยธงแก้ว 7
ประการ สูงธงละ 1 โยชน์ บัลลังกแ์ ก้วมณี ประมาณ 1 โยชน์ ซงึ่ ลาดดีแล้ว
สำหรับพระอินทร์มีอยู่ในท่ามกลางรัตนมณฑป กระพองอื่นนอกจากนี้ ก็
มีรตั นบัลลังก์ประจำสำหรับเทพสหจรเหล่าน้ันประทับ กระพองหนึ่ง ๆ มี
งากระพองละ 7 งา งาหนึ่ง ๆ ยาว 50 โยชน์ แต่ละงามีสระโบกขรณี 7
สระ แต่ละสระโบกขรณีมีกอปทุม 7 กอ แต่ละกอมีดอกปทุม 7 ดอก แต่
ละดอกมีเทพอัปสรฟ้อนรำอยู่ 7 นาง ท้ังน้ี เกิดข้ึนด้วยการเนรมิตของ
เอราวณั เทพบุตร

พระอริยมุนี (ศรี ฐติ พโล ป.ธ.8 ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร
ได้นำเรือ่ งช้างพระอินทร์มากล่าวไว้โดยย่อ ด้วยเห็นว่าตรงกับนามของวัด
เทวราชกญุ ชร นามของวดั น้ีหากจะแปลเป็นไทยโดยใจความก็แปลว่า ชา้ ง
พระอนิ ทร์ (เทวราช แปลว่า เทวดาผูเ้ ป็นใหญ่ เทวดาผู้พระราชา หมายถึง
พระอนิ ทรน์ ั่นเอง กุญชร แปลว่า ช้าง) และท่านผูท้ ำนุบำรุงวัดนีป้ รากฏว่า
เป็นเจ้านายผู้ใหญ่ในราชสำนักและเป็นเชอื้ สายของพระบรมราชจักรีวงศ์
เจ้านายเหล่าน้ันก็ได้รับมอบหมายให้ทรงบัญชาการเก่ียวกับราชพาหนะ
เชน่ กรมอัศวราช กรมพระคชบาล วดั เทวราชกุญชร นามเดมิ ว่า สมอแครง
เป็นวัดเก่าแก่โบราณ มีมาก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระเจ้าฟ้า
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เจ้าแผ่นดินวังหน้ารัชกาลที่ 1 ปฐม
กษัตริย์ในพระบรมราชจกั รวี งศ์ได้ ทรงสถาปนาใหม่ ต่อมาเจ้าฟ้ากรมหลวง

75

พิทกั ษ์มนตรี (ต้นสกลุ มนตรกี ุล) พระองค์เป็นโอรสของสมเดจ็ เจ้าฟ้า กรม
พระยาเทพสุดาวดีเจ้านายชั้นท่ี 1 ปฐมกษัตริย์พระบรมราชจักรวี งศ์ ทรง
บูรณะปฏสิ ังขรณ์ จากนั้นกรม พระพิทักษเ์ ทเวศร (ตน้ สกุลกญุ ชร ณ อยุธ
ยำ) พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ากุญชร พระองค์เป็นพระราชโอรสของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภาลัย ทรงทำการบูรณะปฏิสังขรณ์
อย่างมาก ในสมยั รชั กาลท่ี 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว ทรง
พระราชทานนามวา่ วัดเทวราชกุญชร โดยที่พระองคท์ รงนำคำว่า เทวราช
มานำหน้าพระนามของพระองค์เจ้ากุญชร ต่อมาภายหลังพระองค์เจ้าสิง
หนาทราชดุรงคฤทธ์ิ ได้บูรณะ ปฏิสังขรณ์อีก ตามพจนานุกรม ฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายคำว่า เทเวศ เทเวศร์
(เทเวศร) เทเวศวร์ แปลว่า เทวดาผู้เป็นใหญ่ หัวหน้าเทวดา พระราชา
เจ้านาย

พระอรยิ มุนี (ศรี ฐิตพโล ป.ธ. 8) ได้บันทึกไว้วา่ ต่อแต่น้ันมาก็ไม่
ปรากฏผู้บูรณะปฏิสังขรณ์ คงเป็น หน้าท่ีของเจ้าอาวาสบอกบุญเก็บเล็ก
ผสมน้อยจุนที่นั้นค้ำที่นี่เรื่อยมา เน่ืองจากเจ้าอาวาสกํำลังไม่พอ เห็นร่วง
โรยมากเกินกํำลังจะรักษาไว้ก็รื้อถอนเสีย จนปรากฏว่าวัดน้ีร่วงโรยและ
ทรดุ โทรมมาก จากหลักฐานของพระอาจารย์เลียบ (พระเทพสิทธินายก)
ได้เขียนไว้ว่า ท่านได้รับแต่งตั้งมาครองวัดเม่ือ พ.ศ. 2457 สมัยน้ันสภาพ
ของวัดรว่ งโรยทรุดโทรมเกอื บจะเป็นวัดร้างอย่แู ลว้ พระทอ่ี ยู่อาศัยมีไม่ถึง
10 รปู เสนาสนะในวดั ไมน่ ่าอยนู่ า่ อาศยั โย้ รวนเร ร่วั ชํำรุดทุกหลงั

ในสมัยที่พระอาจารย์เลยี บ (พระเทพสิทธินายก) เป็นเจ้าอาวาส
ปรากฏว่าวัดน้ีคืนสภาพเป็นวัดอีก ครั้งหน่ึง ท่านมีเวลาปรับปรุงวัดนี้อยู่

76

ประมาณ 16 ปี แล้วท่านก็จากไปสร้างวัดใหม่ (วดั เลา ในปัจจุบนั ) ที่ตำํ บล
ท่าข้าม อํำเภอบางขนุ เทียน จงั หวัดธนบุรี ต่อจากนั้นมาเปน็ สมัยของท่าน
เจ้าคุณพระอริยมุนี (หว่าง ธมฺมโชโต) กาลเวลาผ่านไปเสนาสนะและ
ถาวรวัตถุท่ีมีอยู่ก็ถึงความคร่ำคร่าร่วงโรย คอยแต่จุนท่ีนั้นค้ำที่นี่อยู่ตาม
กำลังสามารถเพื่อใหส้ ง่ิ ต่าง ๆ คงสภาพอยู่ หางหงสแ์ ละใบระกาถกู พายพุ ัด
หล่นลงมาทำแทนไม่ได้ เพราะกำลังไมพ่ อ ตลอดเวลาที่ท่านครองวัดนีท้ ่าน
ไม่ได้เพียงแต่นั่งแต่นอนอยู่เฉย ๆ เพราะอยากจะให้สิ่งต่าง ๆ ท่ีมีอยู่แล้ว
คงสภาพอยู่ จึงคอยแต่ค้ำจนุ ของเก่าไว้ของใหม่จึงไม่ปรากฏขนึ้ ถึงกระน้ัน
ของเก่าบางส่ิงก็เอาไว้ไม่อยู่ จะเห็นได้ว่าสภาพวัดเทวราชกุญชรนี้ มีสภาพ
ทรงอยู่บ้าง ชํำรุดทรุดโทรมบ้าง บูรณะปฏิสังขรณ์ข้ึนบ้าง แล้วกลับลงสู่
สภาพเดมิ อกี พลกิ กลับไปกลบั มาอยา่ งน้เี หน็ แลว้ น่าสลดใจ

พระอริยมุนี (ศรี ฐิตพโล ป.ธ.8) ท่านได้เขียนเปรียบเทียบไว้ว่า
เหมือนคนที่เป็นโรคร้าย เป็นเชิงปรึกษากับกรชกายว่า สมัยท่ีตัวท่านเอง
เป็นเจ้าอาวาสทํำหน้าท่ีดแู ลเสนาสนะและถาวรวัตถุที่มีอยู่เข้าถึงความชรา
เต็มที่ หากจะนํำมาเปรยี บกบั คนกท็ ง้ั แกท่ ั้งหง่อม และโรคร้ายกำํ ลังรบกวน
โรคท่ีเป็นกเ็ ป็นโรคท่ไี ม่ สามารถจะรักษาให้หายได้ด้วยยาปฎชิ ีวนะ จะให้
หายจากโรคได้มีอยู่ทางเดียว คือรักษาตามแผนปัจจุบัน ซึ่งจํำต้องเชือด
เฉือนและตัดอวัยวะท่ีเป็นโรคร้ายนั้นทิ้งเสีย และการผ่าตัดโรคร้ายน้ัน
คนไข้จำเปน็ ต้องมกี ำลัง สมบรู ณท์ ุกประการ เพราะจะตอ้ งเสยี โลหิตในการ
ผ่าตัดคนไข้จะสมบูรณ์ได้ก็ต้องบำรุงกำลัง โดยการได้อาหาร ท่ีเป็น
ประโยชน์ให้เพียงพอ กำลงั จงึ จะเพม่ิ ข้ึนได้ ถาวรวัตถใุ นวดั โดยเฉพาะพระ
อุโบสถและศาลาการเปรียญ ขณะนี้บางสิ่งบางอย่างตัวไม้ผุกร่อน จะ

77

ซ่อมแซมบรู ณะเฉพาะสิง่ ทีผ่ ุท่ีกร่อนเท่าทีม่ องเห็นไม่ได้ เนื่องจากเป็นของ
เก่าสร้างมานาน ประการหน่ึงตัวไมเ้ หล่านั้นท่ีเปน็ ตวั ไมส้ ำํ คัญก็มี คอื เป็นตัว
ไม้ท่ีรองรับและการตัวไม้อื่นอยู่ ย่อมเป็นการยากที่จะแกะ จะงัด จึง
เปรียบเทียบกับคนผู้มีโรคร้าย ซึ่งจำํ เป็นที่สดุ ต้องรักษาดว้ ยการผ่าตดั ทุน
บรู ณะซ่อมแซมเปน็ การเก็บเล็กผสมนอ้ ยทัง้ นัน้ ท่านรปู ใดมีบารมีมากก็ทำ
ไดม้ าก รปู ใดน้อยวาสนาบารมกี ท็ ำ ได้นอ้ ย เพราะไมม่ มี ลู นธิ เิ พ่ือการบูรณะ
ปฏิสังขรณ์ชว่ ยเหลอื หากว่าท่านรูปใดไร้วาสนาบารมีมาครองวัดก็ เท่ากับ
วา่ มาช่วยทำํ ลายหรอื มาชว่ ยรื้อช้างพระอินทร์ เป็นช้างจํำแลงของเทพบตุ ร
นามว่า เอราวณั เอราวัณเทพบุตรจะกลายร่างเป็นช้างก็ ตอ่ เมอื่ พระอนิ ทร์
และเทพสหจร มีความประสงค์จะเสด็จออกจากเทพวิมานสู่เทพอุทยาน
เท่าน้ัน หมายความว่า จะปรากฏเป็นคชาชาตทิ ่ีมีอานภุ าพนา่ อศั จรรย์และ
น่าเลือ่ มใสท่ีสุด เพราะเดชแห่งบญุ ของท่านผูม้ ีบุญ เท่าน้ัน มิเช่นน้นั แล้วจะ
ปรากฏแต่เพียงนาม ส่วนเอราวัณน้ันจะปรากฏเป็นเทพบุตรเหมือน
เทพบุตรท้ังหลาย ในเทพนคร ผู้ตำ่ ศกั ด์ินอ้ ยบญุ วาสนาแม้ปรารถนาจะพบ
จะเห็นพอเป็นขวัญตาก็ไม่อาจสมปรารถนาได้เลย ช้างพระอินทร์หรือ
เทวราชกุญชรท่ีทรงประทานให้เป็นนามวัดสมอแครงน้ัน ย่อมมีคติ
เชน่ เดียวกัน คือ เมอ่ื ใดท่านผู้ศรัทธาทะนุบํำรงุ เป็นผู้มีบญุ ญาธิการ หรอื ผู้
เฝ้าดูแลรักษามีบุญญาธิการได้สร้างสมมาแต่ปุเรชาติ ย่อมสามารถและมี
โอกาสไดพ้ บเหน็ วัดเทวราชกุญชรนี้สง่างามนา่ เลื่อมใส ถ้าบญุ ญาธกิ ารน้อย
ย่อม ตกอยู่ในสภาพตรงกันข้ามเหมือนความสง่าน่าอัศจรรย์ของช้าง
เอราวัณ ซ่ึงเป็นช้างคชาธารของพระอินทร์และเทพ สหจร ในสวรรค์ช้ัน

78

ดาวดึงส์จะไม่กลายร่างเปน็ ช้าง 33 กระพอง ให้เทพเจ้าเหล่าอ่ืนไดท้ รงเป็น
อนั ขาด เพราะเทพเจ้าเหล่าอื่นมีบญุ ญาธกิ ารไม่ค่คู วรกนั

สรุป
วิเคราะห์หลักธรรม ใน พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ วัดเทวราช

กุญชร วรวิหารพระอินทร์ในศาสนาพรหมณ์มีสีทอง มีฐานะย่ิงใหญ่เป็น
ผู้สร้างโลก เปน็ เทพเจ้าแห่งสงคราม พวกพราหมณ์ เพราะสที อง เป็นสีท่ี
แสดงถึงความมั่งคั่ง ม่ังมี อบอุ่น เป็นมิตร สร้างสรรค์ หรือ นักคิดค้น
ประดิษฐ์ส่ิงใหม่ๆ อิสระ ความเมตตา การมองโลกในแง่ดี สติปัญญา –
ความร่ำรวย – ความสว่าง – ความสํำเร็จ – โชคลาภ เป็นต้น ใน
พระพุทธศาสนาพระอินทร์ มีพระฉวีเป็นสีเขียว และมีพระเนตรมากถึง
1,000 ดวง และพระอนิ ทร์ ประกอบคณุ งามความดี ถือศลี 5 บริสทุ ธ์ิ และ
บำเพญ็ วัตตบท 7 ประการ คือ 1.กำรเลยี้ งดมู ารดาบดิ าตลอด ชีวิต 2. การ
ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลตลอดชีวิต 3. การพูดจำแต่คํำ
อ่อนหวานตลอดชวี ิต 4. การไม่พดู คำํ สอ่ เสยี ด พูดสมานสามัคคีตลอดชวี ิต
5. ยินดีในการแจกทาน ปราศจากความตระหน่ี 6.พดู แตค่ ำํ สตั ย์ ตลอดชีวิต
7. ไม่โกรธตลอดชวี ิต ถ้าความโกรธเกิดข้ึน ก็จะรบี กำจัดโดยฉับพลันทันที
พระอินทร์ในศาสนา พราหมณ์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเทวโลกก็ยังมีวาระท่ี
เปล่ียนไปเร่ือย ๆ บทบาทความสํำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุค มีทั้ง
รุ่งเรอื งและตกต่ำถูกลดบทบาทลงเปน็ เทพชั้นรองจาก พระศิวะ พระวิษณุ
และพระพรหม แต่ในทางพระพทุ ธศาสนา พระอินทร์ต้องถือศีล 5 บริสุทธ์ิ
และ บํำเพ็ญวัตตบท 7 ประการ จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะคุณงาม

79

ความดี เปรียบเหมือนผู้ปกครองในปัจจุบันจะไม่มีความเส่ือมหากยึดมั่น
ปฏิบัติม่ันในหลักธรรม พระอินทร์ จึงมีหน้าท่ีสํำคัญอีกอย่างคือ การ
ปอ้ งกันภยั จากส่ิงทไี่ ม่สามารถสัมผสั ไดท้ ี่จะมาทำร้าย เพราะพระอนิ ทร์ทรง
ช้างเอราวัณ เป็นเทพเทวราชาคอยปราบปรามส่ิงชั่วร้ายทั้ง 3 โลก คือ
สวรรค์ มนษุ ย์ และนรก

เอกสารอา้ งองิ
กรุณำ-เรืองอไุ ร กศุ ลาศยั , ภารตวทิ ยา, พิมพ์คร้งั ที่ 6, (กรงุ เทพมหานคร:

บรษิ ัทเคลด็ ไทย, 2550)
เกอื้ พนั ธ์ นาคบุปผา, “พระอนิ ทร์ในวรรณคดสี นั สฤต บาลี และวรรณคดี

ไทย”, คอสมอส. (2546) ตำํ นานเทพ ชาวเหนอื .
กรงุ เทพมหานคร: เครอื เถา,
ตํำนาน เท พ แ ห่ งศาสนาพราหมณ์ ห รื อ ฮิ น ดู สื บ ค้ น จาก
http://www.oceansmile.com/KHM/ Tamnanthep.htm
สืบคน้ เมือ่ 17 มนี าคม 2564
ไตรภูมิพระร่วง จำกวกิ พิ เี ดยี สารานกุ รมเสรี สบื คน้ จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/ไตรภมู พิ ระ ร่วง#cite_ref-1
สืบคน้ เม่อื 18 มีนาคม 2564
มนตรี สริ ะโรจนำนนั ท์. (2561). พระอินทร์ในคมั ภีร์พระพทุ ธศาสนาเถร
วาท. วารสารมหาจฬุ าวชิ าการ. 5 (1),50.
ผาสกุ อนิ ทราวุธ, "ดาวดงึ ส์ :สวรรค์ของศาสนาพราหมณ์หรอื ศาสนาพทุ ธ",
ดำรงวิชาการ, 3, 5 (มกราคม- มิถนุ ายน):

80

พระยาสัจจาภริ มยฯ์ (สรวง ศรีเพ็ญ), เทวกําเนดิ , (กรุงเทพฯ: สำํ นักพิมพ์
อมรินทร์,2555),

พิทกั ษ์ โค้ววันชยั พระอินทร์ “ราชาผู้ครองสวรรค”์ สืบค้นจาก
www.siamganesh.com/ indra.html สืบคน้ เมือ่ 18 มีนาคม
2564

มนต์ ทองชัช, 4 ศาสนาสํำคญั ของโลกปจั จบุ นั , (กรงุ เทพฯ: สํำนกั พิมพ์โอ
เดียนสโตร์, 2530),

เมืองโบราณ “ตาํ นานและคตคิ วามเช่อื เกีย่ วกบั พระอินทร์และชา้ งเอราวณั
ผพู้ ิทักษพ์ ระพทุ ธศาสนา ” สืบค้นจำก
https://www.erawanmuseum.com/history/ สบื คน้ เมอื่ 18
มีนาคม 2564

วัชทนยี ์ เสนาะล้ำ, “คตคิ วามเชื่อเรื่องพระอนิ ทร์ในศลิ ปกรรมแบบเขมรใน
ประเทศไทย”, สารนิพนธ์ศิลปศำสตรบัณฑิต (โบราณคดี),
(ภาควชิ าโบราณคดี: มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, 2530).

ศานติ ภักดคี ํำ. (2565). พระอนิ ทร์. กรงุ เทพฯ: สํำนกั พิมพ์อมรนิ ทร์.
สวุ รรณ สวุ รรณเวโช. (2546). พ้ืนฐานความเช่ือของคนไทย. กรงุ เทพฯ:

บรรณกจิ 1991.
Alan Cameron Greek Mythography in the Roman World (2005)

OUP, Oxford (reviewed by T P Wiseman in Times
Literary Supplement 13 May 2005 )

81

ภาคผนวก

82

เกยี่ วกบั ผู้เขยี น

ชือ่ : พระเทพคุณาภรณ์

(โสภณ โสภณจติ โฺ ต)

วนั /เดือน/ปี : ๕ เมษายน ๒๕๐๖

สถานท่ีเกิด : บา้ นกาหลง ตำบลกาหลง อำเภอเมอื ง

จังหวัดสมุทรสาคร

การศึกษา : พ.ศ. ๒๕๒๑ จบนกั ธรรมเอก

พ.ศ. ๒๕๓๖ จบเปรยี ญธรรม ๙ ประโยค

พ.ศ. ๒๕๔๑ จบศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต

(ศศ.ม.) มหาวิทยาลยั เกรกิ

: พุทธศาสตรดุษฎบี ณั ฑิตกิตติมศักดิ์

สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา

มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

(๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕) : บรหิ ารธรุ กิจดุษฎบี ัณฑิตกิตติมศกั ด์ิ

สาขาวิชาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั

เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

(๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕)

: ศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑติ กติ ตมิ ศักด์ิ

สาขาวิชาพทุ ธศาสน์ศึกษา

มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย

(๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗)

83

หน้าท่ีการงาน : ปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑติ กิตติมศักดิ์
สาขาวชิ ายทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา
อุปสมบท มหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนคร
สังกดั (๒ สงิ หาคม ๒๕๕๗)

ปที ่ีเขา้ ศกึ ษา : เจ้าอาวาสวดั เทวราชกุญชร
ปีที่สำเร็จการศกึ ษา เจา้ คณะภาค ๑๓
ทีอ่ ยู่ปัจจบุ นั กรรมการมหาเถรสมาคม

ผลงานวชิ าการ : วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๘
: วัดเทวราชกุญชร วรวหิ าร

แขวงวชิรพยาบาล เขตดสุ ิต
กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐
: พุทธศกั ราช ๒๕๖๓
: พทุ ธศักราช ๒๕๖๕
: เลขที่ ๙๐ วัดเทวราชกญุ ชร วรวิหาร
ถนนศรีอยุธยา แขวงวชริ พยาบาล เขตดุสติ
กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐
: พระเทพคุณาภรณ์, “พระอินทร์ทรงชา้ ง
เอราวัณ”, วารสาร มจร การพฒั นาสังคม,
ปที ี่ ๖ ฉบบั ท่ี ๒ (พฤษภาคม - สงิ หาคม,
๒๕๖๔): ๑๘๖-๑๙๗.
: พระเทพคุณาภรณ์, “ศาสนสมบัติภายใน
วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร”, วารสารมหา

84

จุฬ าน าครทรรศ น์ , ปี ท่ี ๘ ฉบั บ ที่ ๔
(เมษายน, ๒๕๖๔): ๑๓๑-๑๔๑.
: พระเทพคุณาภรณ์, “ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
พระอุโบสถวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร”,
วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, ปีที่ ๘
ฉบับท่ี ๕ (พฤษภาคม, ๒๕๖๔): ๕๘-๗๒
: พระเทพคุณาภรณ์, “การบรหิ ารองค์กรยุค
ใหม่: ผู้นำแนวพุทธ”, วารสารมหาจุฬา
นาครทรรศน์, ปีที่ ๘ ฉบับท่ี ๗ (กรกฎาคม,
๒๕๖๔): ๒๑๗-๒๓๒.
: พระเทพคุณาภรณ์, “การพัฒนาศักยภาพ
การบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด ใน
ก รุงเท พ ม ห าน ค ร ” , ว า รส า ร ม จ ร
สงั คมศาสตรป์ ริทรรศน์, ปที ่ี ๑๒ ฉบับท่ี ๔
(กรกฎาคม-สงิ หาคม, ๒๕๖๖).

นสิ ติ หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบณั ฑติ สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ
ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ รุ่นที่ ๑๐

หลกั สตู รบณั ฑติ ศกึ ษา ภาควชิ ารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
ผสู้ ำเรจ็ การศึกษาประจำปี ๒๕๖๕

ชอ่ื -ฉายา/ : พระเทพคณุ าภรณ์ โสภณจติ ฺโต
นามสกุล (พุ่มพวง)
ตำแหน่ง : เจา้ อาวาสวัดเทวราชกญุ ชร,
: เจ้าคณะภาค ๑๓,
ท่ีอย่ปู จั จุบัน กรรมการมหาเถรสมาคม
: วดั เทวราชกุญชร วรวิหาร แขวง
เบอร์ติดตอ่ วชริ พยาบาล เขตดุสติ
กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐
: ๐๘๑-๘๓๑-๕๒๖๑

ชือ่ -ฉายา/ : พระพพิ ิธพชั โรดม อินฺทวณฺโณ
นามสกุล (เฟอื่ งฟู)
ตำแหน่ง : เจ้าอาวาสวดั พระรูป,
: รองเจ้าคณะจังหวดั เพชรบรุ ,ี
ท่อี ยูป่ จั จบุ นั : รองผอู้ ำนวยการวิทยาลยั สงฆเ์ พชรบรุ ี,
: วดั พระรูป ๖๕ หมทู่ ่ี ๖ ต.ชอ่ งสะแก
เบอรต์ ดิ ตอ่ อ.เมืองเพชรบรุ ี จ.เพชรบรุ ี ๗๖๐๐๐
: ๐๘๑-๙๔๒-๒๒๐๔

ช่ือ-ฉายา/ : พระครูสทุ ธวิ รญาณ เขมธโร
นามสกุล (นธิ มิ งคลชยั )
ตำแหน่ง : เจ้าอาวาสวัดป่าญาณวิสุทธาวาส
ทอ่ี ยู่ปจั จบุ ัน : วดั ปา่ ญาณวิสุทธาวาส ๒๓๔ หมู่ ๒
ต.วงั ทา่ ช้าง อ.กบินทรบ์ รุ ี จ.ปราจนี บรุ ี
เบอร์ตดิ ตอ่ ๒๕๑๑๐
: ๐๘๖-๒๓๑-๔๓๕

ชื่อ-ฉายา/ : พระครูอุเทศธรรมสาทิส อชโิ ต
นามสกุล (ร่นื รวย)
ตำแหน่ง : เจา้ อาวาสวดั วังสารกิ า,
เจา้ คณะตำบลหนองกระทุม่
ท่อี ยู่ปจั จบุ นั : วัดวงั สาลิกา ๑ หมู่ ๔ ต.หนอง
กระทมุ่
เบอร์ติดต่อ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ๖๑๑๒๐
: ๐๘๖-๒๑๗-๗๕๗๗

ชือ่ -ฉายา/ : พระครปู ลัดเฉลิมพร อภิวโร
นามสกุล (แปน้ กลม)
ตำแหน่ง : ผู้ชว่ ยเจา้ อาวาส วดั มหาจุฬาลงกรณ
ราชทู ิศ
ท่อี ยูป่ จั จุบัน : วดั มหาจุฬาลงกรณราชูทิศ ต.ลำไทร
อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
๑๓๑๗๐

เบอร์ตดิ ตอ่ : ๐๙๖-๘๘๖-๙๗๘๒

ชอ่ื -ฉายา/ : พระมหากิตติกร กิตฺติรกโฺ ข
นามสกุล (อุดมเดชาพัฒน)์
ตำแหน่ง : เจ้าอาวาสวัดบางระโหง
ทอี่ ยู่ปจั จบุ นั : วดั บางระโหง ต.บางกรา่ ง อ.เมือง
นนทบุรี จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐
เบอรต์ ิดตอ่ : ๐๙๙-๙๗๙๒๗๘๙

ชอ่ื -ฉายา/ : พระมหามนัสวี ตธมฺโม
นามสกุล (อารยะนรากลู )
ตำแหน่ง -
ทอ่ี ยูป่ ัจจุบนั : วดั หัวลำโพง ๗๒๘ ถนนพระรามท่ี ๔
แขวง ส่พี ระยา เขตบางรัก
เบอร์ติดต่อ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๕๐๐
: ๐๖๒-๖๗๖-๕๘๗๕

ชอ่ื -ฉายา/ : พระมหาเสถยี ร ถาวรธมฺโม
นามสกุล (เกษาชาติ)
ตำแหน่ง -
ท่ีอยูป่ ัจจุบัน : วดั เจดีย์แดง ต. หัวรอ
อ. พระนครศรอี ยุธยา
เบอร์ติดต่อ จ. พระนครศรอี ยธุ ยา ๑๓๐๐๐
: ๐๘๑-๙๔๗–๑๒๒๘

ช่อื -ฉายา/ : พระครสู ังฆรกั ษป์ รชี า ต าโณ
นามสกุล (หงษ์ทอง)
ตำแหน่ง -
ทีอ่ ยู่ปจั จบุ นั : วัดเทวราชกุญชร วรวหิ าร แขวงวชิร
พยาบาล เขตดุสติ กรุงเทพมหานคร
เบอร์ตดิ ต่อ ๑๐๓๐๐
: ๐๘๖-๕๗๐-๖๙๖๐

ช่อื -ฉายา/ : พระครูวนิ ัยธรศิริเชษฐ์ สิรวิ ฑฒฺโน
นามสกุล (ปู่รักษ)์
ตำแหน่ง -
ที่อย่ปู ัจจบุ นั : วัดบางนมโค ๒๗/๑ หมู่ ๒ ต.บาง
นมโค อ.เสนา จ.พระนครศรอี ยุธยา
เบอรต์ ิดต่อ ๑๓๑๑๐
: ๐๘๐-๐๘๖-๙๓๙๖

ช่อื -ฉายา/ : พระปลดั นพรตั น์ สเุ มโธ (ลำ้ เลศิ )
นามสกุล
ตำแหน่ง : เจ้าอาวาสวดั สำโรง
ทีอ่ ยปู่ จั จุบนั : วัดสำโรง ๒๐ หมู่ ๘ ต.บางกรวย
อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐
เบอร์ตดิ ต่อ : ๐๘๖-๕๒๕-๓๐๔๒

ชอ่ื -ฉายา/ : พระปลดั ธีรภทั ร์ นาถสโี ล (นาคกลั่น)
นามสกุล
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยเจา้ อาวาสวดั ทวีการะอนันต์
ทีอ่ ยู่ปจั จุบัน : วดั ทวกี าระอนันต์ ๕๐/๑๖ หมู่ ๑๑
ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เบอรต์ ิดต่อ ๑๒๑๒๐
: ๐๘๕-๐๘๙-๙๑๙๑

ช่อื -ฉายา/ : พระมหาพชร กิตตวิ รเมธี
นามสกุล (กติ วิ ฒั นวรานนท์)
ตำแหน่ง : เลขานุการ เจา้ คณะตำบลทา่ แยก เ
ขต ๒,
ที่อยู่ปัจจุบนั รักษาการเจ้าอาวาสวดั แนน่ ดสี ันติ
ธรรม
เบอร์ตดิ ต่อ : วัดสระแกว้ พระอารามหลวง ๑๒๒
ต.สระแกว้ อ.เมืองสระแกว้ จ.สระแก้ว
๒๗๐๐๐
: ๐๘๕-๓๓๖-๓๓๖๑

ชอื่ - นามสกุล : นายมนตรี สหชยั รุ่งเรือง

ตำแหน่ง : ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและ
ที่อยปู่ จั จบุ ัน ครอบครวั จังหวัดชลบุรี
เบอรต์ ิดต่อ : ๑๗/๑๑ ถ.จารุวร ต.พนัสนิคม อ.
พนสั นิคม จ.ชลบรุ ี ๒๐๑๔๐
: ๐๘๑-๔๔๓-๑๑๐๔



ช่อื - นามสกุล : นางภชั ลดา สวุ รรณนวล

ตำแหน่ง : อาจารย์ประจำ หลักสตู รพทุ ธ
ศาสตรบณั ฑิต สาขาวชิ าการจัดการ
ทอ่ี ยปู่ ัจจุบัน เชิง
เบอร์ติดตอ่ พทุ ธ วิทยาลัยสงฆส์ รุ าษฎร์ธานี
จ.สุราษฎร์ธานี
: ๒๒๗/๑๑๗ หมู่ ๑ ต.มะขามเตย้ี
อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
: ๐๘๐-๔๑๔๒๖๒๙

พุทธศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ
สาขาวชิ าการจัดการเชิงพุทธ

ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ รนุ่ ท่ี ๙
ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ รุ่นท่ี ๘
ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๙ รุน่ ท่ี ๖

นสิ ติ หลกั สูตรพุทธศาสตรดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาวชิ าการจัดการเชิงพุทธ

ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒ รุน่ ท่ี ๙
ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ รนุ่ ท่ี ๘
ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๙ รุ่นท่ี ๖

หลักสูตรบัณฑิตศึกษา ภาควิชารฐั ศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั

ผสู้ ำเรจ็ การศึกษาประจำปี ๒๕๖๕

ช่ือ-ฉายา/ : พระครเู นกขมั มธรรมธาร
นามสกุล (มนญู จารุวณโฺ ณ) (รตั นพงศ์)
ตำแหน่ง : เจ้าอาวาสวดั ปากน้ำละแม
ท่อี ยปู่ ัจจบุ นั
อาจารยป์ ระจำวทิ ยาลัยสงฆ์สุราษฎร์ธานี
เบอรต์ ดิ ต่อ
: วัดปากน้ำละแม ๖๐ หมทู่ ่ี ๑ ตำบล
ละแม อำเภอละแม จงั หวัดชมุ พร
๘๖๑๗๐

ช่ือ-ฉายา/ : พระครปู ลดั วชิ าญ วิชชาธโร
นามสกุล (ดนิ สม้ )
ตำแหน่ง : ผชู้ ว่ ยเจา้ อาวาสวัดสมรโกฏิ
ท่ีอยูป่ จั จุบัน : วัดสมรโกฏิ ต.บางกระสอ อ.เมอื ง
นนทบรุ ี จ.นนทบุรี ๑๑๐๐๐
เบอร์ตดิ ต่อ :

ชื่อ-ฉายา/ : พระปลัดนคิ ม กตปญโฺ ญ
นามสกุล (น่าชม)
ตำแหน่ง : ครูพระสอนศีลธรรม
ท่ีอยปู่ จั จบุ ัน : วดั นำ้ รอบ หม่ทู ่ี ๑ ตำบลน้ำรอบ
อำเภอพุนพิน จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี
เบอร์ติดตอ่

ช่ือ-ฉายา/ : พระปลัดบรรจง วสิ ารโท
นามสกุล (บุญเพ็ง)
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระ
อารามหลวง,เลขานุการเจ้าคณะ
ทอี่ ยู่ปัจจุบนั อำเภอธญั บุรี
: วัดเขียนเขต อำเภอธัญบรุ ี จังหวัด
เบอร์ตดิ ต่อ ปทุมธานี
: o๖-๕๖๙๔-๙๖๕๓

ชื่อ-นามสกุล : นายสมจิตร บญุ ปก
ตำแหน่ง : อาจารย์ประจำหลกั สตู ร
วทิ ยาลัยสงฆ์จันทบรุ ี จ.จนั ทบุรี
ทอี่ ยปู่ จั จุบนั : ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง
จ.นครราชสมี า ๓๐๑๓๐
เบอรต์ ิดต่อ :

(รา่ ง-ปกหลงั )


Click to View FlipBook Version