The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผศ.ดร.อุบลวรรณา ภวกานันท์ และคณะ. (2566) รูปแบบการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างการปรับตัวทางสังคมของผู้สูงอายุโดยองค์กรเครือข่าย (กิจกรรมที่ 1) #รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ https://bit.ly/3XspjeZ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by raphind, 2023-02-15 09:55:51

ผศ.ดร.อุบลวรรณา ภวกานันท์ และคณะ. (2566) รูปแบบการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างการปรับตัวทางสังคมของผู้สูงอายุโดยองค์กรเครือข่าย (กิจกรรมที่ 1)

ผศ.ดร.อุบลวรรณา ภวกานันท์ และคณะ. (2566) รูปแบบการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างการปรับตัวทางสังคมของผู้สูงอายุโดยองค์กรเครือข่าย (กิจกรรมที่ 1) #รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ https://bit.ly/3XspjeZ

42 2. การเปลี่ยนแปลงระดับรากฐาน 3. การเปลี่ยนแปลงโดยจงใจ 4. การเปลี่ยนแปลงโดยไม่จงใจ 2.3.6 ปัจจัยที่ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม การเปลี่ยนแปลงในชุมชนและÿังคมมีÿาเĀตุปัจจัยที่เกี่ยüเนื่องถึงกันĀลายประการ เมื่อมีการ เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ณ จุดใดจุดĀนึ่งของพื้นที่ทางชุมชนÿังคมก็จะÿ่งผลกระทบไปยังÿ่üนอื่น ๆ ด้üย ทั้งทางด้านเýรþฐกิจ ÿังคม เทคโนโลยี üัฒนธรรม และÿิ่งแüดล้อม เป็นต้น ซึ่งถ้าจะพิจารณาถึงปัจจัย ที่ทำใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคมและüัฒนธรรม ได้มีนักüิชาการĀลายท่านที่กล่าüถึงปัจจัยที่ ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในชุมชนและÿังคมของมนุþย์ จึงขอนำเÿนอใĀ้เĀ็นภาพรüมของปัจจัยที่ ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังต่อไปนี้(ณัฏฐüุฒิ ทรัพย์อุปถัมภ์, 2558 Āน้า 101-102) 1. ปัจจัยทางชีüüิทยา (Biological) Āมายถึง องค์ประกอบต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัüกำĀนดÿมาชิก ตัüประกอบ การเลือกคุณภาพทางด้านพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุþ จึงมีคüามแตกต่างกัน ไปในด้านคุณภาพและด้านýักยภาพของมนุþย์ในแต่ละÿังคม ซึ่งมีผลต่อคüามÿามารถของÿังคมใน การเปลี่ยนแปลงและการแÿดงออกทางแนüคิดและคุณÿมบัติอื่น ๆ 2. ปัจจัยทางประชากร (Population) การเปลี่ยนแปลงจำนüนประชากรและองค์ประกอบ ของประชากรนับü่ามีผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลง กล่าüคือชุมชนที่มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก นั้นจะก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเýรþฐกิจและคüามเป็นอยู่ของประชาชนĀรือแม้กระทั่งอัตรา การเกิด การตาย การย้ายถิ่นฐานและปริมาณของเพý ก็ย่อมเป็นผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม อย่างยิ่งอีกด้üย ทั้งที่เกิดÿภาüการณ์ต่าง ๆ การก่อใĀ้เกิดปัญĀาในÿังคมและการพัฒนาÿ่üนรüมด้üย 3. ปัจจัยทางกายภาพ (Physical) เป็นปัจจัยที่เกี่ยüข้องกับÿภาพทางภูมิýาÿตร์ ดาราýาÿตร์ และด้านÿิ่งแüดล้อมทางกายภาพ มนุþย์มีคüามเชื่อü่าดüงดาüและดüงอาทิตย์มีอิทธิพลต่อüิถีชีüิตทั้ง ทางดีและไม่ดี และÿามารถกำĀนดคüามเป็นไปแĀ่งชีüิตได้ ซึ่งตามĀลักüิทยาýาÿตร์และดาราýาÿตร์ ก็ÿามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ เช่น การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง ข้างขึ้นข้างแรม กลางüัน กลางคืน ÿิ่งเĀล่านี้อาจÿ่งผลต่อüิถีชีüิตของคนด้านการประกอบอาชีพ การตั้งถิ่นฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ปัจจัยทางภูมิýาÿตร์ อันได้แก่ การที่โลกมีลักþณะกลม การที่โลกแบ่งเป็นพื้นแผ่นดินและ พื้นแผ่นน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิอากาý ทำเลที่ตั้ง และภูมิประเทý ÿิ่งเĀล่านี้ช่üยใĀ้มีการ เปลี่ยนแปลงทางÿังคมทั้งÿิ้น และทำใĀ้มนุþย์มีอารยธรรมที่แตกต่างĀรือคล้ายคลึงกันอีกด้üย 4. ปัจจัยทางüัฒนธรรม (Cultural) จากการที่บุคคลติดต่อกันทั้งทางตรงและทางอ้อมÿ่งผล ใĀ้การขยายตัüของüัฒนธรรม การเลียนแบบและการĀยิบยืมüัฒนธรรม รüมทั้งการผÿมผÿานทาง üัฒนธรรม ทั้งที่เป็นüัฒนธรรมทางüัตถุและมิใช่üัตถุ ÿิ่งเĀล่านี้ย่อมÿ่งผลซึ่งกันและกัน จากนั้นทำใĀ้


43 เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนĀรือÿังคม กล่าüคือเมื่อการเปลี่ยนแปลงในÿ่üนของüัฒนธรรมที่เป็นüัตถุ Āรือมิใช่üัตถุเกิดขึ้น ก็จะกระตุ้นใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงในÿ่üนของที่อยู่อาýัย ภาþา เครื่องแต่งกาย เป็นต้น เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม ĀากüัฒนธรรมแบบใดแบบĀนึ่งเปลี่ยนแปลงเร็üĀรือ ช้าเกินไป ก็จะทำใĀ้เกิดคüามขัดแย้งระĀü่างüัฒนธรรมทั้งÿอง ซึ่งนำไปÿู่การเกิดปัญĀาÿังคมในด้าน ต่าง ๆ ขึ้นได้ 5. ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี (Technological) การนำเอาเทคโนโลยีĀรือการประดิþฐ์ÿิ่งใĀม่ มาใช้จะเป็นÿาเĀตุของการเปลี่ยนแปลงในÿถาบันและประเพณีบางอย่าง ซึ่งออกเบิร์น มีฐานคิดü่า การประดิþฐ์ÿิ่งใĀม่ขึ้นมาจะเพิ่มคüามÿลับซับซ้อนของüัฒนธรรม ชีüิตของมนุþย์ก็จะÿับÿนขึ้นตาม เนื้อĀาของüัฒนธรรมนั้น และเป็นเĀตุใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเýรþฐกิจ ทั้งการเพิ่มของผลผลิต การกระจายÿินค้าและบริการ และทำใĀ้โครงÿร้างทางÿังคมมีการปรับตัüใĀ้เป็นไปตามÿิ่งเĀล่านี้ กล่าüอีกอย่างĀนึ่งü่า เทคโนโลยีÿามารถเปลี่ยนแปลงÿังคมโดยการเปลี่ยนแปลงÿิ่งแüดล้อม เราต้อง ปรับตัüใĀ้เข้ากันใĀ้ได้ ซึ่งปกติก็คือการเปลี่ยนแปลงในÿิ่งแüดล้อมทางüัตถุ การปรับตัüของมนุþย์ได้ ÿร้างตัüแบบแĀ่งจารีตประเพณีและÿถาบันทางÿังคมขึ้นมาเพื่อคüามÿอดคล้องระĀü่างÿิ่งทั้งÿอง 6. ปัจจัยด้านขบüนการÿังคม (Social Movement) นักÿังคมüิทยาบางกลุ่มพยายามอธิบาย ใĀ้เĀ็นü่าขบüนการÿังคมทำใĀ้มีการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม ทั้งนี้เพราะขบüนการÿังคมใด ๆ ก็ตาม เมื่อดำเนินการได้ÿำเร็จĀรือไม่ÿำเร็จก็ตาม จะมีผลใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างĀนึ่งเÿมอ เนื่องจากเป็นการกระทำร่üมกันของกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน เพื่อต้องการใĀ้มีการเปลี่ยนแปลงใน โครงÿร้างของÿังคม ซึ่งอาจจะเป็นการออกกฎĀมายĀรือการยับยั้งการดำเนินนโยบายบางอย่างของ รัฐบาล การบำบัดคüามต้องการใĀ้ได้จึงต้องเปลี่ยนแปลงบางÿิ่งบางอย่าง 7. ปัจจัยทางจิตüิทยา (Psychological) นักจิตüิทยาÿ่üนมากถือü่าปัจจัยนี้มีคüามÿำคัญ อย่างมากที่ทำใĀ้ÿังคมเปลี่ยนแปลง มักจะกล่าüü่าÿาเĀตุแĀ่งการเปลี่ยนแปลงทางÿังคมมาจากจิตใจ ของมนุþย์ เพราะมนุþย์โดยธรรมชาติชอบที่จะเปลี่ยนแปลง ค้นคü้าÿิ่งใĀม่ ๆ Āาประÿบการณ์ใĀม่ ๆ มนุþย์ในÿังคมทุกแĀ่งจะมีแนüโน้มในการเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีของตน ซึ่งการ เปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป 8. ปัจจัยอื่น ๆ (Other) นอกเĀนือปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าüมาแล้üนั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกด้üย เช่น ปัจจัยทางเýรþฐกิจ ปัจจัยทางการýึกþา ปัจจัยทางการเมืองและการทĀาร ปัจจัยทางýาÿนา และอุดมการณ์ คüามคิด คüามเชื่อก็ÿามารถทำใĀ้ชุมชนÿังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระบบÿังคมĀนึ่ง ๆ ก็ÿามารถพิจารณาÿาเĀตุได้เป็น 2 ประการ (ÿุนทร ปัญญะพงþ์, 2554, Āน้า 15-17) ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงที่มีÿาเĀตุมาจากภายในของระบบÿังคม คือ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ เกิดขึ้นจากการทำงานของระบบเอง ไม่มีพลังภายนอกเข้ามาบีบบังคับ และตัüการÿำคัญที่ทำใĀ้เกิด


44 การเปลี่ยนแปลงนี้ยังแบ่งออกได้เป็น 2 ประการคือ 1) การประดิþฐ์คิดค้น (Invention) ซึ่งจำแนกออกไปได้อีก 2 ประการ คือ 1. การประดิþฐ์คิดค้นทางüัตถุ (Technological Invention) เช่น รถยนต์ โทรทัýน์เครื่องบิน Āรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในชีüิตประจำüัน และ 2. การประดิþฐ์คิดค้นทางÿังคม (Social Invention) เช่น การคิดÿร้าง กฎĀมายใĀม่ๆ ขนบประเพณีĀรือธรรมเนียมใĀม่ๆ ลัทธิýาÿนาใĀม่ๆ ฯลฯ ซึ่งÿิ่ง เĀล่านี้มีผลทำใĀ้การดำเนินชีüิตในÿังคมนั้นเปลี่ยนแปลงไป 2) การอบรมÿั่งÿอนÿมาชิกใĀม่ของÿังคมได้อย่างไม่ครบถ้üน (Imperfect Socialization) การอบรมÿั่งÿอนÿมาชิกผู้เยาü์ของÿังคมแต่เดิมมาเป็นĀน้าที่ของ ครอบครัü แต่ในÿภาพปัจจุบันได้มีÿถาบันการýึกþารับช่üงไปอบรมÿั่งÿอนอีกที่ Āนึ่ง ซึ่งบางครั้งโรงเรียนก็เป็นที่พึ่งĀüังของพ่อแม่ในการอบรมÿั่งÿอน แต่Āาก โรงเรียนละเลยĀน้าที่ดังกล่าü Āรือทำไม่เต็มที่ ย่อมทำใĀ้ผู้เยาü์ที่จะเป็นÿมาชิก ของÿังคมต่อไปขาดคüามรู้คüามเข้าใจในüัฒนธรรมของÿังคม อันมีผลต่อ พฤติกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ 2. การเปลี่ยนแปลงที่มีÿาเĀตุมาจากภายนอกระบบÿังคม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก การติดต่อกันอันเป็นกระบüนการที่มีทั้งการใĀ้และการรับ ทั้งนี้เพราะü่าตามปกติจะมีการปะทะ ÿังÿรรค์กันระĀü่างüัฒนธรรมของแต่ละÿังคมที่เข้ามาติดต่อกัน การเปลี่ยนแปลงจากÿาเĀตุนี้ปรากฏ ใĀ้เĀ็นĀลายรูปแบบ อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1) การแพร่กระจาย (Diffusion) Āมายถึงการที่üัฒนธรรมจากÿังคมĀนึ่งกระจาย ไปÿู่ÿังคมอื่น ตัüอย่างเช่น ในÿังคมไทยได้รับเอาการแพร่กระจายของüัฒนธรรม ตะüันตกในเรื่องเกี่ยüกับการแต่งกาย ÿüมเÿื้อนอก ผูกเนคไท ÿüมกระโปรง ÿüม รองเท้าÿ้นÿูง เป็นต้น การแพร่กระจายทางüัฒนธรรมมีทั้งในด้านüัตถุและที่ไม่ใช่ üัตถุ การที่üัฒนธรรมแตกต่างกันมาปะทะกันก็จะเกิดการเปรียบเทียบ และ üัฒนธรรมที่เด่นก็จะแผ่กระจายออกไป เมื่อคนÿ่üนใĀญ่เĀ็นü่าดีก็จะรับเอามา ปฏิบัติ และการÿื่อÿารการคมนาคมที่ÿะดüกรüดเร็üในปัจจุบันมีÿ่üนช่üยทำใĀ้การ แพร่กระจายเป็นไปอย่างรüดเร็üยิ่งขึ้น และ 2) การยืมทางüัฒนธรรม (Cultural Borrowing) จะมีลักþณะของการแลกเปลี่ยน (Exchange) เมื่อมีการยืมแล้üก็จะมีการนำมาปรับปรุงแก้ไขใĀ้เĀมาะÿมกับüิถีชีüิต ของÿังคมนั้น ตัüอย่างเช่น ÿังคมไทยของเราในปัจจุบันได้มีการยืมüัฒนธรรม ตะüันตกมาปรับใช้มากมาย ทั้งภาþาพูด การแต่งกาย ทัýนคติ ค่านิยม ลัทธิการ ปกครองแบบประชาธิปไตย รถยนต์ รüมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เป็นต้น แต่


45 อย่างไรก็ตามüัฒนธรรมที่ถูกยืมซึ่งเป็นüัฒนธรรมเด่นÿมัยĀนึ่ง อาจเป็นüัฒนธรรม ด้อยในอีกÿมัยĀนึ่งก็ได้ การเปลี่ยนแปลงทางÿังคมÿ่üนใĀญ่มีÿาเĀตุมาจากการตอบÿนองคüามต้องการของมนุþย์ เพื่อใĀ้มีชีüิตคüามเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งÿามารถÿรุปÿาเĀตุĀลักๆ ของการเปลี่ยนแปลงทางÿังคมได้เป็น 5 ÿาเĀตุĀลัก (จินตüีร์ เกþมÿุข, 2554, Āน้า 47-50) คือ 1. คüามต้องการปรุงแต่งüัฒนธรรมและÿังคมใĀ้เจริญงอกงามขึ้น มีการปรับüัฒนธรรม ใĀ้ เĀมาะÿมกับÿังคมในปัจจุบัน จึงทำใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางüัฒนธรรม เช่น การแต่งกาย การ รับประทานอาĀาร เป็นต้น 2. การแลกเปลี่ยนüัฒนธรรมจากÿังคมอื่น ซึ่งเกิดจากคüามเจริญในด้านการÿื่อÿารที่อำนüย ใĀ้เกิดการติดต่อถึงกันอย่างÿะดüกรüดเร็ü การแลกเปลี่ยนüัฒนธรรมจากÿังคมอื่นจึงเป็นไป อย่าง กü้างขüาง 3. คüามต้องการของมนุþย์ ทำใĀ้เกิดการÿร้างÿรรค์ÿิ่งใĀม่ๆ ที่นำไปÿู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่ง มนุþย์มีแนüโน้มที่ต้องแÿüงĀาÿิ่งตอบแทนĀรือÿนองคüามต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 4. การเปลี่ยนแปลงทางÿิ่งแüดล้อมทางÿังคม เช่น ประชากรมีจำนüนมากขึ้น ทำใĀ้มีการ แข่งขันกันÿูง เกิดคüามขัดแย้ง (Conflict) มากขึ้น อันเป็นปัญĀาที่มนุþย์ต้องĀาüิธีการÿร้างระเบียบ เพื่อแก้ไขคüามยุ่งยากดังกล่าü ดังนั้น üัฒนธรรมของมนุþย์ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้üย 5. การพัฒนาของเทคโนโลยีการÿื่อÿาร ทำใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางทัýนคติและ พฤติกรรมของคนในÿังคมอย่างกü้างขüางและรüดเร็ü โดยÿรุป ปัจจัยที่ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคมมีÿาเĀตุมาจาก 1. ภายในของระบบÿังคม ซึ่งตัüการÿำคัญที่ทำใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้แบ่งออกได้เป็น 2 ประการคือ 1) การประดิþฐ์คิดค้น (Invention) ทั้งการประดิþฐ์คิดค้นทางüัตถุ และการ ประดิþฐ์คิดค้นทางÿังคม (Social Invention) ซึ่งÿิ่งเĀล่านี้มีผลทำใĀ้การดำเนินชีüิตในÿังคม นั้นเปลี่ยนแปลงไป และ 2) การอบรมÿั่งÿอนÿมาชิกใĀม่ของÿังคมได้อย่างไม่ครบถ้üน ซึ่งแต่เดิมเป็นĀน้าที่ ของครอบครัü แต่ทü่าได้กลายมาเป็นĀน้าที่ของโรงเรียนแทนในปัจจุบัน และ 2. จากภายนอกระบบÿังคม การเปลี่ยนแปลงจากÿาเĀตุนี้ปรากฏใĀ้เĀ็นĀลายรูปแบบ อย่าง น้อย 2 ประการ คือ 1) การแพร่กระจายทางüัฒนธรรม และ 2) การยืมทางüัฒนธรรม ซึ่งจะมีลักþณะของการแลกเปลี่ยนทางüัฒนธรรมเกิดขึ้น ซึ่งÿิ่ง เĀล่านี้ได้เป็นปัจจัยÿำคัญที่ทำใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม ซึ่งมีปัจจัยĀลักๆ อยู่ 8


46 ประการ ได้แก่ 1. ปัจจัยทางชีüüิทยา 2. ปัจจัยทางประชากร 3. ปัจจัยทางกายภาพ 4. ปัจจัย ทางüัฒนธรรม 5. ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี 6. ปัจจัยด้านขบüนการÿังคม 7. ปัจจัยทาง จิตüิทยา และ 8. ปัจจัยทางÿังคม จากแนüคิดเกี่ยüกับปัจจัยที่ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม โดยมีแนüคิดĀลักที่ เกี่ยüข้อง ÿรุปได้ตามตารางที่ 2.3.6 ดังต่อไปนี้ ตารางที่ 2.3.6 แนüคิดĀลักที่นักüิชาการทำการýึกþาเกี่ยüกับ ปัจจัยที่ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม (ที่มา: แนüคิดĀลักของปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางÿังคมมาจากท่านที่เÿนอไü้ในตาราง) นักวิชาการĀรือนักวิจัย แนวคิดĀลัก ณัฏฐüุฒิ ทรัพย์อุปถัมภ์, (2558, Āน้า 101-102) ปัจจัยที่ก่อใĀ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม ได้แก่ 1. ปัจจัยทางชีüüิทยา 2. ปัจจัยทางประชากร 3. ปัจจัยทางกายภาพ 4. ปัจจัยทางüัฒนธรรม 5. ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี 6. ปัจจัยด้านขบüนการÿังคม 7. ปัจจัยทางจิตüิทยา 8. ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปัจจัยทางเýรþฐกิจ ปัจจัยทางการýึกþา ปัจจัยทางการเมืองและการทĀาร ÿุนทร ปัญญะพงþ์,(2554, Āน้า 248-249 ÿาเĀตุของการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม 2 ประการ ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงที่มีÿาเĀตุมาจากภายในของระบบÿังคม (การประดิþฐ์คิดค้น และการอบรมÿั่งÿอนÿมาชิกใĀม่ของ ÿังคมได้อย่างไม่ครบถ้üน) 2. การเปลี่ยนแปลงที่มีÿาเĀตุมาจากภายนอกระบบÿังคม (การแพร่กระจายทางüัฒนธรรม และการยืมทางüัฒนธรรม) จินตüีร์ เกþมÿุข, (2554, Āน้า 12-13) ÿาเĀตุĀลักๆ ของการเปลี่ยนแปลงทางÿังคม 5 ÿาเĀตุĀลัก ได้แก่ 1. คüามต้องการปรุงแต่งüัฒนธรรมและÿังคมใĀ้เจริญงอกงาม ขึ้น 2. การแลกเปลี่ยนüัฒนธรรมจากÿังคมอื่น 3. คüามต้องการของมนุþย์


47 4. การเปลี่ยนแปลงทางÿิ่งแüดล้อมทางÿังคม 5. การพัฒนาของเทคโนโลยีการÿื่อÿาร 2.4 แนวคิดเกี่ยวกับการÿนับÿนุนทางÿังคม การÿนับÿนุนทางÿังคมนั้น เป็นการมีปฏิÿัมพันธ์อย่างมีจุดมุ่งĀมายที่นำมาซึ่งการช่üยเĀลือ ในด้านต่างๆ ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น การรับรู้ เข้าใจ และตอบÿนองทางอารมณ์คüามรู้ÿึก การใĀ้ข้อมูล ใĀ้üัตถุÿิ่งของ รüมถึงการยอมรับใĀ้เป็นÿ่üนĀนึ่งของกลุ่ม มีนักüิชาการได้ใĀ้นิยามใน Āลายประเด็นดังต่อไปนี้ ในการใĀ้นิยามการÿนับÿนุนทางÿังคมไü้ü่าผูกพัน (Kaplan, Cassel, and Gore, 1977, pp.50-51) Āมายถึง คüามมั่นคงปลอดภัย คüามผูกพันทางด้านอารมณ์และคüามคิด คüามไü้üางใจ คüามใกล้ชิดÿนิทÿนม การได้เลี้ยงดูช่üยเĀลือ การเป็นÿ่üนĀนึ่งของÿังคม การได้รับการยอมรับ และ เĀ็นคุณค่าและคüาม โดยการÿนับÿนุนทางÿังคมจะมี 2 แนüทาง (Israel, 1985, p.66) คือ 1) คüามพอใจต่อคüามจำเป็นพื้นฐานของÿังคมในแต่ละคน ซึ่งได้รับมาจากÿิ่งแüดล้อมใน ÿังคมของคนคนนั้นจากการติดต่อÿัมพันธ์กับคนในกลุ่มÿังคม 2) คüามÿัมพันธ์ที่มีอยู่ĀรือĀายของแĀล่งซึ่งใĀ้การÿนับÿนุน คือบุคคลที่มีคüามÿำคัญต่อคน คนนั้นÿำĀรับคüามจำเป็นพื้นฐานทางÿังคมที่บุคคลได้จากกลุ่ม โดยมีการแบ่งการÿนับÿนุนทางÿังคมออกเป็น 3 ประเภท (Thoits, 1982, p.147-8) คือ 1. การÿนับÿนุนด้านเครื่องมือ (Instrumental Aid) Āมายถึงการช่üยเĀลือด้านแรงงาน อุปกรณ์ ÿิ่งของ เงินทองที่จะทำใĀ้บุคคลได้รับนั้นÿามารถดำรงบทบาทĀรือĀน้าที่ที่รับผิดชอบได้ ตามปกติ 2. การÿนับÿนุนด้านข้อมูลข่าüÿาร (Informational Aid) ĀมายถึงการใĀ้การÿนับÿนุน ทางด้านข้อมูลข่าüÿาร รüมทั้งการแนะนำและข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) 3. การใĀ้การÿนับÿนุนด้านอารมณ์และÿังคม (Socioemotional Aid) ĀมายถึงการใĀ้คüาม รัก การดูแลเอาใจใÿ่ การยอมรับ เĀ็นคุณค่า และการเป็นÿ่üนĀนึ่งของÿังคม นอกจากนี้ยังมีการนิยามการÿนับÿนุนทางÿังคม (Social Support) ü่า เป็นมüล ประÿบการณ์ทางÿังคมซึ่งÿ่งเÿริมคüามÿุขทางใจ มีลักþณะÿำคัญ 3 ประการ (Murphy, et al, 1992, pp. 51-3) คือ 1) เป็นแĀล่งของการเกิดปฏิÿัมพันธ์ ได้แก่ กลุ่มเพื่อน ครอบครัü นายจ้าง Āรือแม้แต่บุคคล อื่นใด 2) เป็นการเกิดขึ้นของปฏิÿัมพันธ์ Āรือเป็นมüลประÿบการณ์ที่เป็นผลมาจากการมี ปฏิÿัมพันธ์นั้น ๆ และ


48 3) เป็นผลที่ได้จากการนึกถึงการมีปฏิÿัมพันธ์ Āรือประÿบการณ์นั้นอีก อันจะทำใĀ้บุคคล เพิ่มคüามเคารพและเĀ็นคุณค่าในตนเอง รüมถึงÿามารถเพิ่มพูนคüามรู้ÿึกมั่นคงปลอดภัยใĀ้กับบุคคล นั้นได้อีกด้üย รüมทั้งยังมีการแบ่งลักþณะของการÿนับÿนุนทางÿังคมเป็น 3 แนüคิด (Barerra, 1986, p. 87) ดังนี้ 1. การติดตรึงทางÿังคม (Social connectedness or social embed deadness) เป้น คุณภาพและปริมาณของพันธะทางÿังคมĀรือปฏิÿัมพันธ์ที่บุคคลมีต่อกันกับบุคคลอื่น นั่น รüมถึง คüามÿัมพันธ์ทางÿังคมแบบทั้งที่เป็นทางการ (ที่ปรึกþา อาจารย์ĀัüĀน้า) และแบบที่ไม่เป็น ทางการ (ÿมาชิกในครอบครัü ญาติเพื่อน) 2. การรับรู้การÿนับÿนุนทางÿังคม (Perceived social support) คือ การรับรู้ได้ถึงการ ÿนับÿนุนที่ช่üยเĀลือและลดผลลัพธ์จากคüามเครียด การüัดการรับรู้การÿนับÿนุนจากÿังคมนี้รูปแบบ อาจต่างไป ขึ้นกับÿิ่งที่ÿนใจจะüัดในผู้รับü่าการÿนับÿนุนนั้นได้รับ (availability) Āรือมีเพียงพอ (adequacy) Āรือไม่ 3. การÿนับÿนุนทางÿังคมตามจริง (Actual or enacted social support) คือ คüาม แตกต่างจากการüัดการรับรู้การÿนับÿนุนทางÿังคม โดยที่การüัดการÿนับÿนุนทางÿังคมตามจริง จะ มุ่งเน้นที่การรายงานผลจากบุคคลในการÿนับÿนุนที่เขาได้รับจริง ๆ ซึ่งรüมถึงการช่üยเĀลือทาง อารมณ์ และการช่üยเĀลือทางüัÿดุอุปกรณ์ด้üย ในประเด็นของแรงÿนับÿนุนทางÿังคม เป็นÿิ่งที่บุคคลได้รับโดยตรงจากบุคคลĀรือกลุ่มบุคคล อาจเป็นทางข่าüÿาร เงิน กำลังงาน Āรือทางอารมณ์ซึ่งอาจเป็นแรงผลักดันใĀ้ผู้ได้รับไปÿู่เป้าĀมายที่ ผู้ใĀ้ต้องการ (Chengting Ju, 2018, p. 97) ซึ่งจะĀมายถึง คüามÿัมพันธ์ระĀü่างคน ไม่เฉพาะแต่ คüามช่üยเĀลือทางด้านüัตถุ คüามมั่นคงทางอารมณ์เท่านั้น แต่ยังรüมไปถึงการที่บุคคลรู้ÿึกü่าตนเอง ได้รับการยอมรับเป็นÿ่üนĀนึ่งของผู้อื่นด้üย (Pilisuk, 1982, p. 20) รüมทั้งĀมายถึง การที่บุคคลใน เครือข่ายÿังคมได้รับการช่üยเĀลือด้านอารมณ์และÿังคม ÿิ่งของ ช่üยใĀ้บุคคลÿามารถเผชิญและ ตอบÿนองต่อคüามเจ็บป่üยĀรือคüามเครียดได้ในระยะเüลาที่รüดเร็üขึ้น และเĀ็นü่าเป็นมโนทัýน์ Āลายมิติซึ่งจะพิจารณามิติใดมิติĀนึ่งไม่ได้ต้องพิจารณารüมกันทุกด้าน มีการแบ่งแรงÿนับÿนุนทาง ÿังคมออกเป็น 3 ประเภท (Schaefer et al., 2004, p. 381-401) ดังนี้ 1. การÿนับÿนุนทางอารมณ์ (Emotional Support) เป็นการใĀ้การช่üยเĀลือผู้อื่นทางด้าน อารมณ์ ได้แก่ การใĀ้คüามÿำคัญ การใĀ้คüามมั่นใจ คüามรู้ÿึกที่ÿามารถพึ่งพาและไü้üางใจ ซึ่งทำใĀ้ บุคคลรู้ÿึกü่าได้รับคüามรักĀรือคüามเอาใจใÿ่ 2. การÿนับÿนุนด้านข้อมูลข่าüÿาร (Information Support) เป็นการช่üยเĀลือโดยการใĀ้ มูลข่าüÿารและคüามรู้ใĀ้คำแนะนำในการแก้ปัญĀาและใĀ้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยüกับพฤติกรรมและ


49 ภาคปฏิบัติของบุคคล 3. การÿนับÿนุนด้านÿิ่งของ (Tangible Support) เป็นการช่üยเĀลือโดยตรงต่อคüาม จำเป็น ของบุคคลในด้านต่าง ๆ เช่น การเงิน ÿิ่งของแรงงาน ĀรือการใĀ้การบริการ โดยแรงÿนับÿนุนทางÿังคมจะมี 4 ชนิด (House. j., 1981, p.201) คือ 1. การÿนับÿนุนด้านอารมณ์ (Emotional Support) Āมายถึง การÿนับÿนุนด้านการยกย่อง การใĀ้คüามรักคüามผูกพัน คüามจริงใจ คüามเอาใจใÿ่ และคüามรู้ÿึกเĀ็นอกเĀ็นใจ 2. การÿนับÿนุนด้านการประเมิน (Appraisal Support) Āมายถึง การเĀ็นพ้อง การรับรอง และการใĀ้ข้อมูลป้อนกลับ เพื่อนำไปใช้ในการประเมินตนเองกับผู้ที่อยู่ร่üมในÿังคม 3. การÿนับÿนุนด้านข้อมูลข่าüÿาร (Informational Support) Āมายถึง การใĀ้คำแนะนำ ข้อเÿนอแนะ ทิýทาง และการใĀ้ข้อมูลข่าüÿาร ซึ่งÿามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญĀาที่เผชิญอยู่ได้ 4. การÿนับÿนุนด้านเครื่องมือ (Instrumental Support) Āมายถึง การช่üยเĀลือโดยตรงต่อ คüามจำเป็นของบุคคลในเรื่องเงิน เüลา แรงงาน และการปรับÿภาพแüดล้อม ซึ่งระดับของแรงÿนับÿนุนทางÿังคมออกเป็น 3 ระดับ (Gottlieb, 1985, p. 35) คือ 1. ระดับกü้าง (Macro Level) เป็นการพิจารณาถึงการเข้าร่üมĀรือการมีÿ่üนร่üมในÿังคม อาจüัดได้จากคüามÿัมพันธ์กับÿถาบันในÿังคม การเข้าร่üมกับกลุ่มต่าง ๆ ด้üยคüามÿมัครใจและการ ดำเนินüิถีชีüิตอย่างไม่เป็นทางการในÿังคม เช่น การเข้าร่üมกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ในÿังคม ชุมชนที่เขา อาýัยอยู่ อาทิ กลุ่มแม่บ้านเลี้ยงลูกด้üยนมแม่ กลุ่มĀนุ่มÿาüพัฒนาĀมู่บ้าน กลุ่มต้านภัยเอดÿ์ กลุ่ม เลี้ยงÿัตü์ปีก กลุ่มจักÿาน กลุ่มแม่บ้านเกþตรกร เป็นต้น 2. ระดับกลุ่มเครือข่าย (Mezzo Level) เป็นการมองที่โครงÿร้าง และĀน้าที่ของเครือข่าย ÿังคม ด้üยการพิจารณาจากกลุ่มบุคคลที่มีÿัมพันธภาพอย่างÿม่ำเÿมอ เช่น กลุ่มเพื่อน กลุ่มบุคคล ใกล้ชิดในÿังคมเÿมือนญาติ ชนิดของการÿนับÿนุนในระดับนี้ได้แก่ การใĀ้คำแนะนำ การช่üยเĀลือ ด้านüัÿดุÿิ่งของ คüามเป็นมิตร แรงÿนับÿนุนทางอารมณ์และการยกย่อง 3. ระดับแคบ Āรือระดับลึก (Micro Level) เป็นการพิจารณาคüามÿัมพันธ์ของบุคคลที่มี คüามใกล้ชิดÿนิทÿนมกันมากที่ÿุด ทั้งนี้มีคüามเชื่อกันü่าคุณภาพของคüามÿัมพันธ์มีคüามÿัมพันธ์มาก ในเชิงปริมาณ คือขนาด จำนüน และคüามถี่ของคüามÿัมพันธ์Āรือโครงÿร้างของเครือข่าย ในการ ÿนับÿนุนในระดับนี้ได้แก่ ÿามีภรรยา และÿมาชิกในครอบครัü ซึ่งมีคüามใกล้ชิดทางอารมณ์ การ ÿนับÿนุนทางจิตใจ และแÿดงคüามรักและĀ่üงใย โดยÿรุป การÿนับÿนุนทางÿังคม คือ การมีปฏิÿัมพันธ์อย่างมีจุดมุ่งĀมายที่นำมาซึ่งการ ช่üยเĀลือในด้านต่างๆ ทั้งรูปธรรมและนามธรรม อันเป็นคüามพอใจต่อคüามจำเป็นพื้นฐานของÿังคม ในแต่ละคน รüมไปถึงการที่บุคคลรู้ÿึกü่าตนเองได้รับการยอมรับเป็นÿ่üนĀนึ่งของผู้อื่นด้üย ซึ่งอาจ เป็นแรงผลักดันใĀ้ผู้ได้รับไปÿู่เป้าĀมายที่ผู้ใĀ้ต้องการ แรงÿนับÿนุนทางÿังคมมี 4 ประเภท คือ 1.การ


50 ÿนับÿนุนด้านอารมณ์ 2. การÿนับÿนุนด้านการประเมิน 3. การÿนับÿนุนด้านข้อมูลข่าüÿาร และ4. การÿนับÿนุนด้านเครื่องมือ และยังเป็นมüลประÿบการณ์ทางÿังคมซึ่งÿ่งเÿริมคüามÿุขทางใจ มี ลักþณะÿำคัญ 3 ประการคือ 1) เป็นแĀล่งของการเกิดปฏิÿัมพันธ์ 2) เป็นการเกิดขึ้นของปฏิÿัมพันธ์ และ 3) เป็นผลที่ได้จากการนึกถึงการมีปฏิÿัมพันธ์ Āรือประÿบการณ์นั้นอีก จากแนüคิดเกี่ยüกับรูปแบบของการÿนับÿนุนทางÿังคม โดยมีแนüคิดĀลักที่เกี่ยüข้อง ÿามารถÿรุปได้ตามตารางที่ 2.4 ดังต่อไปนี้ ตารางที่ 2.4 แนüคิดĀลักที่นักüิชาการทำการýึกþาเกี่ยüกับการÿนับÿนุนทางÿังคม (ที่มา: แนüคิดĀลักของการÿนับÿนุนทางÿังคมมาจากท่านที่เÿนอไü้ในตาราง) นักวิชาการĀรือนักวิจัย แนวคิดĀลัก Kaplan, B.H .; Cassel, J.C., & Gore, S., (1977, pp. 50 – 51) คüามมั่นคงปลอดภัย คüามผูกพันทางด้านอารมณ์และ คüามคิด คüามไü้üางใจ คüามใกล้ชิดÿนิทÿนม การได้เลี้ยงดู ช่üยเĀลือ การเป็นÿ่üนĀนึ่งของÿังคม การได้รับการยอมรับ และเĀ็นคุณค่าและคüามผูกพัน Israel. Babara. A., (1985, p. 66) การÿนับÿนุนทางÿังคมมี 2 แนüทางคือ 1) คüามพอใจต่อ คüามจำเป็นพื้นฐานของÿังคมในแต่ละคน และ 2) คüามÿัมพันธ์ที่มีอยู่ĀรือĀายของแĀล่งซึ่งใĀ้การÿนับÿนุน Pilisuk, M., (1982, p. 20) คüามÿัมพันธ์ระĀü่างคน ทั้งคüามช่üยเĀลือทางด้านüัตถุ คüามมั่นคงทางอารมณ์ และการได้รับการยอมรับ Thoists, P.A., (1982, pp. 147-148) การที่บุคคลในเครือข่ายÿังคมได้รับการช่üยเĀลือด้านอารมณ์ และÿังคม ÿิ่งของ ช่üยใĀ้บุคคลÿามารถเผชิญและตอบÿนอง ต่อคüามเจ็บป่üยĀรือคüามเครียดได้ในระยะเüลาที่รüดเร็üขึ้น การÿนับÿนุนทางÿังคมมี 3 ประเภทคือ การÿนับÿนุนด้าน เครื่องมือ การÿนับÿนุนด้านข้อมูลข่าüÿาร และการใĀ้การ ÿนับÿนุนด้านอารมณ์และÿังคม Chengting Ju, (2018, pp. 97-106) ÿิ่งที่บุคคลได้รับโดยตรงจากบุคคลĀรือกลุ่มบุคคลซึ่งเป็น แรงผลักดันใĀ้ผู้ได้รับไปÿู่เป้าĀมายที่ผู้ใĀ้ต้องการ House, J. S., (1981, p.201) แรงÿนับÿนุนทางÿังคมมี 4 ชนิด คือ การÿนับÿนุนด้าน อารมณ์ การÿนับÿนุนด้านการประเมิน การÿนับÿนุนด้าน ข้อมูลข่าüÿาร และการÿนับÿนุนด้านเครื่องมือ


51 Murphy, Philip Michael., & Kupshik, Gary Allan, (1992, pp. 51-53) การÿนับÿนุนทางÿังคมเป็นมüลประÿบการณ์ทางÿังคมซึ่ง ÿ่งเÿริมคüามÿุขทางใจ มีลักþณะÿำคัญ 3 ประการคือ 1) เป็น แĀล่งของการเกิดปฏิÿัมพันธ์ 2) เป็นการเกิดขึ้นของ ปฏิÿัมพันธ์ Āรือเป็นมüลประÿบการณ์ที่เป็นผลมาจากการมี ปฏิÿัมพันธ์นั้น ๆ และ 3) เป็นผลที่ได้จากการนึกถึงการมี ปฏิÿัมพันธ์ Āรือประÿบการณ์นั้นอีก Shaefer, C., Coyne, J. C. & Lazarus, R. S., (2004, pp. 381-401) แรงÿนับÿนุนทางÿังคม มี 3 ประเภท ได้แก่ การÿนับÿนุนทาง อารมณ์ การÿนับÿนุนด้านข้อมูลข่าüÿาร และการÿนับÿนุน ด้านÿิ่งของ Gottlieb Gottlieb, J. L., (1985, p.35) ระดับของแรงÿนับÿนุนทางÿังคมมี 3 ระดับ คือ ระดับกü้าง ระดับกลุ่มเครือข่าย และระดับแคบ Āรือระดับลึก Barrera, M., (1986, p.87) ลักþณะของการÿนับÿนุนทางÿังคม มี 3 แนüคิดคือ การติด ตรึงทางÿังคม การรับรู้การÿนับÿนุนทางÿังคม และการ ÿนับÿนุนทางÿังคมตามจริง 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กัลยารัตน์ ธีระธนชัยกุล.(2563). üิจัยเรื่อง อิทธิพลของแรงÿนับÿนุนทางÿังคมและคุณภาพ ชีüิตที่มีต่อคüามÿุขของผู้ÿูงอายุเขตกรุงเทพมĀานคร ปทุมธานี นนทบุรี และÿมุทรปราการ ผลพบüา่ ผลในภาพรüมตามคüามคิดเĀ็นของผู้ÿูงอายุ เขตกรุงเทพมĀานคร ปทุมธานีนนทบุรีและ ÿมุทรปราการพบü่า ด้านแรงÿนับÿนุนทางÿังคมอยู่ในระดับมาก ด้านคุณภาพชีüิตของผู้ÿูงอายุอยู่ใน ระดับปานกลาง และด้านคüามÿุขอยู่ในระดับน้อยกü่าคนทั่üไป จามจุรี แซ่Āลู่ ธมลüรรณ แก้üกระจก และดาลิมา ÿำแดงÿาร (2021) üิจัยเรื่อง อิทธิพลของแรง ÿนับÿนุนทางÿังคมและคüามรอบรู้ทางÿุขภาพต่อคุณภาพชีüิตของผู้ÿูงอายุในÿังคมเมือง ÿังคมกึ่ง เมืองกึ่งชนบท และÿังคมชนบท อำเภอเมือง จังĀüัดนครýรีธรรมราช ผลพบü่า 1. แรงÿนับÿนุนทาง ÿังคมของผู้ÿูงอายุทั้งที่อาýัยอยู่ในÿังคมเมือง กึ่งเมืองกึ่งชนบท และชนบท โดยภาพรüมพบü่ามีแรง ÿนับÿนุนทางÿังคมอยู่ในระดับมาก 2. คüามรอบรู้ทางÿุขภาพพบü่ามีคüามรอบรู้ÿุขภาพอยู่ในระดับ ต่ำ 3. คุณภาพชีüิตโดยภาพรüมพบü่าในÿังคมเมืองโดยÿ่üนใĀญ่ผู้ÿูงอายุมีคุณภาพชีüิตที่ดี ÿ่üน ผู้ÿูงอายุในÿังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบทและชนบทพบü่าโดยÿ่üนใĀญ่มีคุณภาพชีüิตระดับปานกลาง และ 4) ปัจจัยทำนายคุณภาพชีüิต ในÿังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบท แรงÿนับÿนุนทางÿังคมÿามารถทำนายคุณภาพ ชีüิตได้ร้อยละ 45.50 ÿ่üนในÿังคมชนบทแรงÿนับÿนุนทางÿังคมÿามารถทำนายได้ร้อยละ 9.60 ดังนั้นคüรมีการüางแผนÿ่งเÿริมใĀ้บุคคลที่เกี่ยüข้องกับการดูแลผู้ÿูงอายุมีýักยภาพในการช่üยเĀลือ


52 ด้านขอมูลข่าüÿาร üัÿดุÿิ่งของและการÿนับÿนุนด้านจิตใจแก่ผู้ÿูงอายุเพื่อยกระดับýักยภาพและ คุณภาพชีüิตของผู้ÿูงอายุ ณัฐธิยาน์ อิทธิโชติ และบัüทอง ÿü่างโÿภากุล (2562) ได้üิจัยพบü่า ผู้ÿูงอายุมีการปรับตัü อยู่ในระดับÿูง โดยการปรับตัüมีคüามÿัมพันธ์ทางบüกกับการพึ่งพาตนเองของผู้ÿูงอายุ ทั้งนี้อาจ เนื่องมาจากผู้ÿูงอายุมีคüามต้องการที่จะใช้ชีüิตอยู่ใĀ้ได้นานมากที่ÿุด จึงใÿ่ใจและคำนึงถึงการที่ จะต้องดูแลรักþาร่างกาย จิตใจใĀ้แข็งแรง และเป็นปกติรüมทั้งได้เข้ามาร่üมทำกิจกรรมต่าง ๆ ใน ชมรม ได้รับคำแนะนำใĀม่ ๆ แล้üนำไปปรับใช้จนตัüผู้ÿูงอายุเองก็ÿามารถปรับตัüได้ดีทั้งด้านร่างกาย เช่น เลือกกินอาĀาร พักผ่อน ออกกำลังกายได้อย่างเĀมาะÿม ระมัดระüังตัüเองมากขึ้น ด้านคüามคิด ผู้ÿูงอายุÿ่üนใĀญ่ยอมรับและเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของรูปลักþณ์ü่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ยอมรับ กับคüามเÿื่อมโทรมของร่างกาย และ คüามÿามารถที่ลดลง รüมทั้งยอมรับกับบทบาทที่Āายไป เช่น ตำแĀน่งงานในอดีต และยอมรับกับบทบาทใĀม่ ๆ ในชีüิตแทน เช่น ÿมาชิกในชมรม เมื่อผู้ÿูงอายุ ปรับตัüได้ทั้งทางร่างกาย คüามคิดก็จะกลายเป็นผู้ÿูงอายุที่มีÿุขภาพร่างกาย จิตใจแข็งแรง ผู้ที่มี ÿุขภาพร่างกาย จิตใจแข็งแรงย่อมพึ่งพา ตนเองได้และไม่เป็นภาระต่อผู้อื่นมากเกินไป ญาณตา จ่าทา และคณะ (2021) üิจัยพบü่า ผู้ÿูงอายุที่อาýัยอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล มีคะแนนการปรับตัüทางÿังคมเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เนื่องจากผู้ÿูงอายุÿามารถมีการปรับตัüทางÿังคม ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านร่างกายผู้ÿูงอายุ เĀ็นü่าการรักþาÿุขภาพร่างกายใĀ้แข็งแรงเป็นÿิ่งจำเป็น ÿำĀรับผู้ÿูงอายุ การตระĀนักรู้ถึงคüามเÿื่อมไปของÿภาพร่างกาย และÿามารถยอมรับต่อการ เปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เกิดขึ้น เป็นÿิ่งที่ทำใĀ้การดำเนินชีüิตในปัจจุบันมีคüามทุกข์น้อยลง การ ปรับตัüด้านอัตมโนทัýน์ ผู้ÿูงอายุเĀ็นü่าการยอมรับคüามไม่แน่นอนของชีüิต การใช้ชีüิตได้ÿอดคล้อง กับคüามเป็นจริง และการรู้ÿึกü่าตัüเองมีคุณค่ากับทุกคน ÿามารถÿร้างคüามมั่นคงทางจิตใจและจิต üิญญาณของตนมากขึ้น การปรับตัüด้านบทบาทĀน้าที่นั้น ผู้ÿูงอายุได้เปลี่ยนบทบาทĀน้าที่ในการ ดำเนินชีüิตที่แตกต่างจากเดิมเมื่ออดีตที่เคยอาýัยอยู่บ้านกับครอบครัü มีĀน้าที่การงานĀรือÿังคม ÿิ่งแüดล้อมที่เปลี่ยนไป ทำใĀ้ผู้ÿูงอายุได้เรียนรู้การปรับตัüในบทบาทĀน้าที่ใĀม่ โดยเĀ็นได้จากคüาม คิดเĀ็นที่ผู้ÿูงอายุเĀ็นü่าการลดĀน้าที่ลงทำใĀ้üิถีชีüิตเรียบง่ายและÿงบเย็น มีการยอมรับได้กับบทบาท ที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเอง และÿามารถรับผิดชอบบทบาทĀน้าที่ของ ตนเองได้ดีและการปรับตัü ด้านการพึ่งพาระĀü่างกันผู้ÿูงอายุเĀ็นü่าการได้ช่üยเĀลือผู้อื่น การพึ่งพาลูกĀลานใĀ้น้อยที่ÿุด และ การมีคüามพึงพอใจในคüามÿัมพันธ์กับบุคคลอื่นทำใĀ้ ÿามารถดำรงชีüิตในÿังคมได้อย่างมีคüามÿุข รุจิรางค์ แอกทอง (2549) üิจัยพบü่าการปรับตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุในเขตอำเภอเมือง นครปฐมอยู่ในระดับดี ผู้ÿูงอายุมีการแÿดงออกถึงคüามÿามารถของผู้ÿูงอายุที่ตอบÿนองถึงการปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมของตนต่อต่อÿิ่งแüดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกาย โดยครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และÿังคมเพื่อดำรงไü้ซึ่งคüามมั่นคงของชีüิต และมีÿุขภาพดีทั้งกายและใจ ประกอบไปด้üย


53 การปรับตัüทางด้านร่างกาย ด้านอัตมโนทัýน์ การปรับตัüด้านบทบาทĀน้าที่ และการปรับตัüด้าน การพึ่งพากันและกันเป็นอย่างดี มีการเกื้อกูลÿนับÿนุนกันแบบเครือญาติ มีการติดต่อใĀ้คำแนะนำ กัน มีคüามพูกพันในครอบครัüและชุมชน มีการร่üมกิจกรรมต่าง ๆ กับชุมชน ทำใĀ้ผู้ÿูงอายุได้รับ ข่าüÿารต่าง ๆ จากเครือญาติ เพื่อนบ้าน และÿื่อต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเกี่ยüกับการดูแลตนเอง นอกเĀนือจากนั้นผู้ÿูงอายุระมัดระüังการเกิดอุบัติเĀตุ เช่น มีการข้ามถนนด้üยทางม้าลาย ผู้ÿูงอายุ ยังรู้ÿึกü่าตนเองนั้นมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อบุคคลในครอบครัü มีคüามพอใจในบทบาทĀน้าที่ของ ตนเองที่ได้ช่üยเĀลือครอบครัü เช่น ช่üยดูแลบ้าน ช่üยเลี้ยงดูบุตรĀลาน บุคคลในครอบครัüเคารพ นับถือเอาใจใÿ่ดูแลจึงทำใĀ้ผู้ÿูงอายุมีการปรับตัüด้านอัตมโนทัýน์ด้านบทบาทĀน้าที่ได้ดี 2.6 กรอบแนวคิดรูปแบบและกระบวนการมีÿ่วนร่วมในการÿนับÿนุนการปรับตัวทางÿังคมของ ผู้ÿูงอายุขององค์กรเครือข่าย จากการทบทüนüรรณกรรมพบü่า รูปแบบและกระบüนการการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุน การปรับตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุขององค์กรเครือข่ายคüรมีกรอบแนüคิดดังนี้ รูปแบบการมีÿ่วนร่วมขององค์กร เครือข่าย (Cohen and Uphoff, 1980) 1) การมีÿ่üนร่üมในการüางแผน 2) การมีÿ่üนร่üมในการดำเนินการ 3) การมีÿ่üนร่üมในการติดตาม ประเมินผล 4) การมีÿ่üนร่üมในการใช้ประโยชน์ Āรือรับผลประโยชน์ กระบวนการมีÿ่วนร่วมในการÿนับÿนุนการ ปรับตัวทางÿังคมของผู้ÿูงอายุขององค์กร เครือข่ายมี 6 ด้านดังนี้ (Wiesseman et al. 1981) 1) ด้านมาตรฐานทางÿังคม 2) ด้านทักþะทางÿังคม 3) ด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคม 4) ด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัü 5) ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ ชมรม/กลุ่มÿังคม 6) ด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัย


54 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การüิจัยเรื่อง รูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุโดย องค์กรเครือข่าย มีขั้นตอนการดําเนินการüิจัย ดังนี้ 3.1 รูปแบบการüิจัย 3.2 ประชากรเป้าĀมายและกลุ่มผู้ใĀ้ข้อมูลÿำคัญ 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการüิจัย 3.4 การเก็บรüบรüมข้อมูล 3.5 การüิเคราะĀ์ข้อมูล 3.1 รูปแบบการวิจัย การüิจัยนี้เป็นการüิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research Design) โดยใช้การÿัมภาþณ์ เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ใĀ้ข้อมูลÿําคัญ (Key Informants) 3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการüิจัยคือ เจ้าĀน้าที่องค์กรปกครองÿ่üนท้องถิ่น ครู เจ้าĀน้าที่ ผู้ปกครอง/ ญาติ องค์กรเครือข่าย Āน่üยงานและผู้ที่เกี่ยüข้องกับชุมชน แล้üถูกÿุ่มโดยบังเอิญเป็นกลุ่มผู้ใĀ้ข้อมูล ÿำคัญจากเขตชุมชนเมืองเทýบาลเมืองบางคูรัด อ.บางบัüทอง จ.นนทบุรีจำนüน 18 คนและเขต ชุมชนชนบท เทýบาลตำบลĀนองĀมู อ. üิĀารแดง จ.ÿระบุรี จำนüน 10 คน รüมทั้งĀมด 28 คน 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในงานüิจัยเป็นแบบÿัมภาþณ์ปลายเปิด (Open-End Question) ที่ÿร้างขึ้น และตรüจÿอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยüชาญ แบบÿัมภาþณ์นี้จะมี 3 ÿ่üน ดังนี้


55 ÿ่üนที่ 1 เป็นข้อคำถามเกี่ยüกับ ชื่อผู้ใĀ้ข้อมูลÿำคัญ อายุ ตำแĀน่ง คüามÿามารถ ÿภาพ ปัญĀาที่พบกับการปรับตัüทางÿังคมผู้ÿูงอายุการÿนับÿนุน/แก้ไข้และกิจกรรมที่มีÿ่üนร่üมในการปรับ ตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุ ÿ่üนที่ 2 เป็นข้อคำถามเกี่ยüกับการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมกับ ผู้ÿูงอายุทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1) ด้านมาตรฐานทางÿังคม แบ่งออกเป็น 4 ข้อย่อย ด้านที่ 2) ด้านทักþะทางÿังคม แบ่งออกเป็น 3 ข้อย่อย ด้านที่ 3) ด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคม แบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย ด้านที่ 4) ด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัü แบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย ด้านที่ 5) ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคม แบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย ด้านที่ 6) ด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัย แบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย ÿ่üนที่ 3 เป็นข้อคำถามถึงกิจกรรมที่องค์กรเครือข่ายใĀ้คüามÿนับÿนุนในการ ปรับตัüทางÿังคมแก่ผู้ÿูงอายุ และการมีÿ่üนร่üมของทางýาÿนา ข้อเÿนอแนะที่จะทำใĀ้ผู้ÿูงอายุมี คุณภาพชีüิตทางÿังคมที่ดี 3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 เก็บรüมรüมข้อมูลด้านเอกÿารและüรรณกรรมที่เกี่ยüข้อง จากเอกÿารต่าง ๆ Āนังÿือ üิทยานิพนธ์ üรÿารüิชาการ ÿื่อออนไลน์ต่าง ๆ ขั้นตอนที่ 2 เก็บข้อมูลโดยการลงพื้นที่ÿัมภาþณ์เชิงลึกกับกลุ่มผู้ใĀ้ข้อมูลÿำคัญในชุมชนเมือง คือ ชุมชนเมืองเทýบาลเมืองบางคูรัด อ.บางบัüทอง จ.นนทบุรี และในชุมชนชนบทคือ ชุมชนเทýบาล ตำบลĀนองĀมู อ. üิĀารแดง จ.ÿระบุรี


56 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้üิจัยได้ทำการüิเคราะĀ์ข้อมูล โดยแบ่งเป็นดังนี้ ข้อมูลÿ่üนบุคคลของผู้ÿูงอายุเกี่ยüกับ เพý อายุ ýาÿนา รายได้ ใช้ÿถิติบรรยาย ได้แก่ คüามถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ÿ่üนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และพิÿัย ข้อมูลการปรับตัüทางÿังคม 6 ด้านใช้การüิเคราะĀ์แบบเนื้อĀา Content Analysis เพื่อที่จะ จัดกลุ่มข้อมูลÿำคัญในแต่ละด้าน เพื่อนำไปใช้การÿร้างแบบüัดในขั้นตอนüิจัยในระยะที่ 2 ต่อไป


57 บทที่ 4 ผลการüิจัย การüิจัยเรื่Ăง รูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุโดย Ăงค์กรเครืĂข่าย มีüัตถุประÿงค์ 1. เพื่Ăýึกþากระบüนการการมีÿ่üนร่üมขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายในการ ÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมกับผู้ÿูงĂายุทั้งในเขตชุมชนเมืĂงและเขตชุมชนชนบท 2. เพื่ĂนำเÿนĂ รูปแบบการมีÿ่üนร่üมขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมกับผู้ÿูงĂายุทั้งในเขต ชุมชนเมืĂงและเขตชุมชนชนบท ทำการรüบรüมข้Ăมูลโดยการÿัมภาþณ์เชิงลึกกับผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญ คืĂ เจ้าĀน้าที่Ăงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่น ครู เจ้าĀน้าที่ ผู้ปกครĂง/ญาติ Ăงค์กรเครืĂข่าย Āน่üยงานและผู้ที่ เกี่ยüข้Ăงกับชุมชนจาก เขตชุมชนเมืĂงเทýบาลเมืĂงบางคูรัด Ă.บางบัüทĂง จ.นนทบุรีจำนüน 18 คน และเขตชุมชนชนบท เทýบาลตำบลĀนĂงĀมู Ă. üิĀารแดง จ.ÿระบุรี จำนüน 10 คน รüมทั้งĀมด 28 คน การüิเคราะĀ์ข้Ăมูลใช้ การüิเคราะĀ์เชิงเนื้ĂĀา (Content Analysis) และนำเÿนĂผลแบบเชิง พรรณนา ดังนี้ 4.1 ผลของกระบüนการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมผู้ÿูงอายุของ องค์กรเครือข่าย จากผลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญโดยรüมพบü่า กิจกรรมที่ทางĂงค์กรเครืĂข่าย ใช้เป็นกระบüนการĀรืĂขั้นตĂนในการมีÿ่üนร่üมขĂงการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมแก่ผู้ÿูงĂายุนั้น ก็ใช้ตามด้านต่างๆทั้ง 6 ด้านขĂงการปรับตัüทางÿังคมขĂงแนüคิดขĂง Weisseman ei al. 1981 ดังกล่าüแล้üในบทที่ 1 และ 2 ผลโดยรüมพบü่า ผู้ÿูงĂายุที่มาร่üมกิจกรรมกับทางĂงค์กรเครืĂข่ายนั้น ÿ่üนใĀญ่เป็นผู้ÿูงĂายุ üัยช่üงต้นที่มีĂายุ 60-69 ปี และเป็นกลุ่มผู้ÿูงĂายุที่ติดÿังคม คืĂ ยังรู้ÿึกü่าตนเĂงมีÿมรรถภาพในการ ดำเนินชีüิตร่üมกับบุคคลĂื่นๆในชุมชน/ÿังคมได้ มีประโยชน์ทำÿิ่งต่างๆที่คนĂื่นทำได้ ĀรืĂต้Ăงการมี เพื่Ăนพูดคุย ไม่ĂยากĂยู่Ăย่างโดดเดี่ยü จึงใĀ้คüามร่üมมืĂในการทำกิจกรรมต่างๆถึงจะเĀ็นด้üยĀรืĂไม่ก็ ตาม จึงทำใĀ้มีคำบ่นü่ามาบ้างตามคüามเป็นคน เป็นกลุ่ม เป็นพüก ซึ่งทางĂงค์กรเครืĂข่ายก็ต้ĂงคĂย ĂธิบายใĀ้เข้าใจ แต่บางครั้งก็ยังไม่ÿามารถทำใĀ้ชัดเจนยĂมรับได้แต่ก็ลดแรงไม่พĂใจลงได้บ้าง ดังนั้น กิจกรรมเĀล่านั้นต้Ăงมีการปรับเปลี่ยนใĀ้เĀมาะÿมขึ้นตามคüามคิดเĀ็นขĂงผู้ทำกิจกรรมĀรืĂตาม ýักยภาพขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายที่ÿามารถทำได้เช่น มีงบประมาณเพียงพĂ เป็นไปตามนโยบายแĀ่งรัฐ และยังต้ĂงจัดบริการพิเýþใĀ้กลุ่มผู้ÿูงĂายุช่üงüัยตĂนกลางคืĂ Ăายุ 70-79 ปี และกลุ่มผู้ÿูงĂายุüัยตĂน


58 ปลายคืĂ Ăายุ 80 ปีขึ้นไป ที่มาร่üมในบางกิจกรรมที่ท่านÿนใจและที่ท่านคิดü่าท่านÿามารถร่üมได้เช่น การรดน้ำดำĀัüในเทýกาลÿงกรานต์ ทางĂงค์กรเครืĂข่ายต้Ăงมีการจัดÿถานที่ที่เĀมาะÿมกับผู้ÿูงüัย พร้ĂมครĂบครัüและผู้ดูแลใĀ้เĀมาะÿม พร้Ăมทั้งĂาĀารที่เĀมาะÿมกับüัยด้üย เป็นต้น ซึ่งการมาร่üม กิจกรรมขĂงผู้ÿุงĂายุในüัยเĀล่านี้จะทำใĀ้ได้ประโยชน์Ăย่างมากต่ĂการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงüัย เพราะนĂกจากท่านจะได้รับรู้ถึงÿมรรถภาพขĂงตนเĂงแล้ü ยังได้รับการรับรู้คุณค่าทางÿังคมที่ท่านจะ ได้รับจากÿังคมและคนรĂบข้างคืĂ ครĂบครัü ญาติ คนที่รู้จัก เพื่Ăนบ้านในชุมชนด้üย ทำใĀ้ÿุขภาüะทาง จิตใจมีคüามĂบĂุ่น มั่นคง ทำใĀ้มีคุณภาพชีüิตทางÿังคมเพิ่มขึ้นด้üย ผลการüิจัยยังพบü่า กลุ่มที่เข้าร่üมกิจกรรมขĂงĂง์กรเครืĂข่ายรĂงลงมาคืĂ กลุ่มผู้ÿูงĂายุกลุ่ม ติดบ้าน ซึ่งมาร่üมกิจกรรมประมาณ 2-5 % ขĂงผู้มาทำกิจกรรม ÿ่üนมากจะมาเข้าร่üมกิจกรรมตามคำ ชüนขĂงคนรู้จักเช่น เพื่Ăนบ้าน คนรู้จักที่เป็นกลุ่มติดÿังคม แต่จะบ่Ăยเพียงใดขึ้นĂยู่กับü่าถ้ามาแล้üพบ คน/กิจกรรมที่ไม่ถูกใจ/Ăารมณ์/คüามคิด ก็จะไม่มาĂีกเลย ดังนั้นทางĂงค์กรเครืĂข่ายจึงต้Ăงมีกิจกรรม การเยี่ยมบ้าน ĀรืĂการจัดÿังคมÿู่ชุมชนเช่น ÿาธารณÿุขÿู่ชุมชน ข่าüชุมชนตามÿาย เพื่Ăช่üยใĀ้ผู้ÿูงĂายุ ยังรู้ÿึกถึงการเป็นÿมาชิกขĂงชุมชน/ÿังคมĂยู่ ยังได้รับการใĀ้เข้าร่üมในกิจกรรมÿำคัญๆ ขĂงÿังคม และ ÿามารถปรับเปลี่ยนชีüิตไปÿู่ÿังคมได้มากขึ้นเช่น การไปเรียนในโรงเรียนผู้ÿูงĂายุ ĀรืĂชมรมต่างๆ ÿ่üน ผู้ÿูงĂายุที่เป็นกลุ่มติดเตียงซึ่งเป็นผู้ป่üย ก็จะมีเจ้าĀน้าที่ Ăÿม. ĀรืĂรพ.ÿต. ĀรืĂจิตĂาÿาĂื่นๆ เช่น ÿงฆ์ เข้าไปดูแลÿร้างÿังคม ไม่ใĀ้รู้ÿึกถูกทĂดทิ้ง ถูกĀลĂกลüงจากมิจฉาชีพ ยังได้รับข่าüÿารจากโลกภายนĂก เช่น ÿิทธิที่พึงมีพึงได้ แต่เจ้าĀน้าที่เĀล่านี้ĀรืĂÿงฆ์ก็ต้Ăงเข้าใจü่าคüามเจ็บป่üยจะก่ĂใĀ้เกิดผลทาง Ăารมณ์มาก และปัญĀาขĂงผู้ดูแล/ครĂบครัü จึงต้ĂงมีการฝึกĂบรมเจ้าĀน้าที่ก่Ăนเข้าไปทำĀน้าที่ มิฉะนั้นก็จะพบกับการไม่ต้ĂนรับĀรืĂคüามขุ่นเคืĂงจากมารยาทขĂงผู้ÿูงĂายุ ĀรืĂการไม่เข้าใจกันกับ ผู้ดูแล/ครĂบครัüเĀล่านี้ ทางĂงค์กรเครืĂข่ายÿ่üนมากจะใช้üิธีĀลักคืĂ การÿร้างกิจกรรมÿังคมตามเทýกาล ประเพณี üัน ทางýาÿนา ÿถานการณ์ÿำคัญ üันÿำคัญ รüมทั้งตามแนüนโยบายขĂงรัฐเช่น โรงเรียนผู้ÿูงĂายุ เป็น แนüทาง/กระบüนการในการนำผู้ÿูงĂายุมาÿู่ÿังคมเป็นการช่üยÿนับÿนุนใĀ้เกิดการปรับตัüทางÿังคมแก่ ผู้ÿูงĂายุและĂงค์กรเครืĂข่ายยังทำการýึกþาปัญĀาและคüามต้Ăงการที่แท้จริงขĂงผู้ÿูงĂายุ เพื่Ăทำการ ปรับปรุงกิจกรรมใĀ้ÿĂดคล้ĂงและเĀมาะÿมĂย่างมีประÿิทธิภาพต่ĂการปรับตัüขĂงผู้ÿูงĂายุใĀ้Ăยู่Ăย่าง เป็นÿุขในÿังคม ชุมชน และÿภาพแüดล้ĂมรĂบตัü ÿร้างคุณภาพชีüิตที่ดีตามเป้าĀมายที่กำĀนดไü้ โดย ผลขĂงกระบüนการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุในแต่ละด้านและในแต่ ละประเภทขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายมีดังต่Ăไปนี้ 4.1.1 ผลการüิจัยกระบüนการมีÿ่üนร่üมของเขตชุมชนเมืองเทýบาลเมืองบางคูรัด อ.บางบัüทอง จ.นนทบุรี ผลจากการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญมีดังนี้


59 ด้านมาตรฐานทางÿังคม ทางเทýบาลจัดกิจกรรมดำเนินการใĀ้ผู้ÿูงĂายุในพื้นที่ได้ ทราบถึงกฎระเบียบขĂงÿังคมด้üยการÿร้างงานต่างๆตามเทýกาลประเพณี และýาÿนา Ăาทิ ทุกüันพระ ใĀ้ผู้ÿูงĂายุมาร่üมกันทำบุญ ได้ฟังการเทýน์ที่มีข่าüÿำคัญๆแทรกด้üย และทำกิจกรรมต่างๆในüัด Ăาทิ ล้างจาน ทำครัü เพื่ĂใĀ้เรียนรู้ถึงüิธีการปรับตัüเข้ากับกลุ่มÿังคมที่มีมาตรฐานการประพฤติที่Ăาจเป็น เรื่ĂงใĀม่ ซึ่งมีบางคนที่ยังยึดติดกับกฏระเบียบขĂงตน บางครั้งไม่ค่ĂยยĂมรับĀรืĂใĀ้คüามเคารพÿิทธิ ขĂงผู้Ăื่น (จากการÿังเกต) และยังมีการĀüงขĂง (พฤติกรรม) ดังนั้นทางเจ้าĀน้าที่จึงต้Ăงพยายามÿร้าง กิจกรรมเพื่ĂการละลายพฤติกรรมเĀล่านี้เช่น การนำĂาĀารมากินด้üยกัน ด้านทักþะทางÿังคม จากข้Ăมูลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญพบü่า เมื่Ăผู้ÿูงĂายุ มาร่üมกิจกรรมที่Ăงค์กรเครืĂข่ายจัดขึ้นใĀ้ผู้ÿูงĂายุเช่น ทำบุญüันพระ พิธีแĀ่เทียนพรรþา เป็นต้น ผู้ÿูงĂายุÿ่üนมากมักจะมีĂัตตา คüามคิดคüามเชื่Ă ยึดมั่นถืĂมั่นในตน ทำใĀ้มีการแบ่งแยกกันเป็นกลุ่มๆ มีการแÿดงกริยาก้าüร้าü แบ่งฝักแบ่งฝ่าย นินทา ดูถูกกัน ทำใĀ้ทางĀน่üยงานต้Ăงเข้ามาปรับเปลี่ยนด้üย กิจกรรมĀรืĂการทำงานรüมกันĀรืĂüิธีการไกล่เกลี่ยต่างๆ เพื่ĂใĀ้ผู้ÿูงĂายุมีการลดตัüตนลง รับฟังเพื่Ăน มากขึ้น ยĂมรับคนĂื่น กล้าพูด กล้าแÿดงĂĂก เข้ามามีÿ่üนร่üมในการทำกิจกรรมกับคนĂื่น มีคüา ม ÿนใจในกิจกรรมที่Āน่üยงานจัดกิจกรรมขึ้น เกิดการช่üยเĀลืĂและแบ่งปันในการใช้ชีüิตĂยู่ร่üมกัน แต่ใน ด้านทัýนคติคüามคิด คüามเชื่Ăที่มีต่Ăเพื่Ăน/กลุ่ม ยังต้Ăงได้รับการปรับปรุง เพราะระดับคüามรู้พื้นฐาน ขĂงแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนเรียนมาÿูง บางคนไม่ได้เรียน เทýบาลจึงได้เข้ามาปรับแก้โดยกิจกรรม การเรียนการÿĂนที่จะไม่เน้นไปทางüิชาการ แต่จะเน้นไปทางการแลกเปลี่ยนการพูดคุยแÿดงคüาม คิดเĀ็น คüามรู้ÿึก และการลงมืĂทำเป็นĀลักเช่น การเต้นรำ การทำยาดม การทำĂาĀาร ด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคม ทางเทýบาลและĀน่üยงานที่เกี่ยüข้Ăงพบü่า ผู้ÿูงĂายุที่มาร่üมกิจกรรมÿ่üนใĀญ่เป็นกลุ่มติดÿังคม (มีกลุ่มติดบ้านมาบ้างเพียง 2-5 % ตามคำชüน) มี Ăายุเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกันมาก การปฏิบัติตามระเบียบขĂงกลุ่มĂยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ก็มีปัญĀาจากคüามเป็น ผู้ÿูงĂายุคืĂ การรักþาเüลาและกติกาบางĂย่าง ผู้ที่มีภาระเกี่ยüกับĀลานจะเป็นเรื่Ăงÿำคัญที่ทางĂงค์กร เครืĂข่ายที่จัดกิจกรรมต้ĂงใĀ้คüามÿำคัญ มิฉะนั้นการแĀกกฎĀรืĂไม่ÿนใจ/ปฏิเÿธในกิจกรรมจะเกิดขึ้น กฎบางĂย่างที่มีข้ĂเลืĂกมากจะเกิดปัญĀาเช่น การแต่งกาย ที่บังคับÿีไม่มีปัญĀาแต่บังคับแบบเป็นเรื่Ăง ที่กระทบถึงการเงิน ทำใĀ้มีบางกลุ่มไม่ÿนใจเพียงแต่ใช้ÿี ซึ่งก่ĂใĀ้เกิดการถกเถียง แบ่งแยกกัน ĀรืĂ ยกเลิกการมาร่üมกิจกรรม ซึ่งทางĂงค์กรเครืĂข่ายก็ต้Ăงปรับกฎไม่ใĀ้เข้มงüด ĀรืĂในกรณีที่จำเป็นก็ต้Ăง Āาผู้มีจิตýรัทธาช่üยเĀลืĂบริจาคใĀ้แก่ผู้ÿูงĂายุ Ăย่างไรก็ตามผู้ÿูงĂายุปกติจะร่üมมืĂเป็นĂย่างดี โดยเฉพาะถ้าใĀ้ได้มีการลงคüามคิดเĀ็นในกิจกรรมที่จะทำไม่ใช่ÿร้างขึ้นมาแล้üÿั่งใĀ้ทำ ด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัü ผลการüิจัยพบü่า ÿ่üนมากผู้ÿูงĂายุจะĂยู่เพียงลำพัง ทั้งที่เป็นโÿด แต่งงานแต่คู่Āาย ĀรืĂมีครĂบครัüแต่ÿมาชิกไปทำงานต่างถิ่น ĀรืĂแยกไปมีครĂบครัü ดังนั้นการได้มาร่üมกิจกรรมกับชมรม/กลุ่มÿังคม/โรงเรียนผู้ÿูงĂายุ/กิจกรรมที่เทýบาลĀรืĂĂงค์กร เครืĂข่ายจัดขึ้น จึงเป็นการช่üยเĀลืĂเĀมืĂนเป็นครĂบครัüแก่ผู้ÿูงĂายุเĀล่านี้ได้รู้ÿึกĂบĂุ่น ไม่โดดเดี่ยü


60 จนบางคนติดเพื่Ăน ติดกลุ่ม ติดÿังคม นัดพบกันเป็นประจำĀรืĂติดต่Ăกันทุกüัน โดยเฉพาะกิจกรรมทาง ýาÿนาจะเป็นĀลักÿำคัญที่ผู้ÿูงĂายุเĀล่านี้ใช้เป็นที่นัดพบ ĀรืĂชมรมงานĂดิเรกที่เทýบาลÿนับÿนุนเช่น การกีāา การนาฏýิลป์-เต้นรำ การเกþตรย่Ăย-ปลูกต้นไม้ เป็นต้น รüมทั้งชมรมทางÿุขภาพต่างๆเช่น การรำไทเก็ก การรำบารÿโลฟ เป็นต้น ÿิ่งนี้ÿร้างคüามผูกพันทางจิตใจและคüามÿุขใจใĀ้ผู้ÿูงĂายุได้เป็น Ăย่างดี ÿ่üนกลุ่มที่มีครĂบครัüพบü่า ÿ่üนมากมีคüามĂบĂุ่น ÿบายใจ มีคüามภาคภูมิใจที่ตนเĂงแบ่งเบา ภาระขĂงครĂบครัüได้เช่น การดูแลĀลาน ทำĂาĀารใĀ้คนในครĂบครัü และยังÿามารถมีเüลาü่างใĀ้เกิด ประโยชน์กับตนเĂงในการÿร้างเพื่ĂนและÿังคมขĂงตนเĂงโดยการมาเข้ากลุ่มกิจกรรมที่Ăงค์กรเครืĂข่าย จัดขึ้นเช่น การทัýนýึกþา ทำใĀ้ได้พบคนที่Ăยู่ในüัยเดียüกัน/เพื่Ăนที่เข้าใจกันพูดคุยในเรื่Ăงต่างๆในเรื่Ăง ยุคÿมัยเดียüกัน มากกü่าคนในครĂบครัüĀรืĂเพื่ĂนๆขĂงลูกĀลาน ไม่ต้ĂงĂยู่Ăย่างโดดเดียüในบ้าน ĀรืĂ น้Ăยใจที่ไม่ได้ร่üมกิจกรรมนĂกบ้านกับครĂบครัü ĀรืĂร่üมน้Ăยมาก ĀรืĂเป็นคนเฝ้าบ้านĂีกต่Ăไป ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคม จากข้Ăมูลÿัมภาþณ์พบü่า ร้Ăยละ 80 ขĂงผู้เรียน/ÿมาชิก (ผู้ÿูงĂายุ) มีคüามพึงพĂใจต่Ăÿถานýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคมเป็นĂย่าง มาก เช่น โรงเรียนผู้ÿูงĂายุ พบü่า นักเรียนผู้ÿูงĂายุÿ่üนมากมีคüามตั้งใจและคüามใÿ่ใจเüลามาเรียน มี คüามชื่นชĂบบุคลากร (ครู) ผู้ÿĂนแต่ละüิชาที่มาใĀ้คüามรู้ÿร้างทักþะเüลาเรียน มีคüามÿนุกÿนาน ผ่Ăนคลายเข้ากับเพื่Ăนได้เป็นĂย่างดีทั้งผู้ÿĂนและนักเรียน จากผลการประเมินüัดผลการเรียนพบü่า Āลังจบการเรียนแล้ü (ขĂงĀลักÿูตร) ผู้ÿูงĂายุยังĂยากที่จะกลับมาเรียนใĀม่ และเป็นกระบĂกเÿียงเชิญ ชüนเพื่Ăนๆที่ยังไม่เคยได้เข้าร่üมÿมัครเป็นรุ่นต่Ăๆไป เป็นต้น Ăย่างไรก็ตามปัญĀาที่Ăงค์กรเครืĂข่าย มักจะพบคืĂ การรักในÿถาบัน/ชมรม/กลุ่มมากจนมีคüามรู้ÿึกเป็นเจ้าขĂง ทำใĀ้บางครั้งทำบทบาทที่ ĂยากใĀ้การบริĀารจัดการเป็นไปตามคüามคิดเĀ็นขĂงตน ทำใĀ้มีคüามขัดแย้ง งĂนถึงขนาดลาĂĂกไป ĀรืĂใĀ้ข้Ăมูลทางลบต่Ăกลุ่ม ดังนั้นทางĂงค์กรเครืĂข่ายจึงต้Ăงÿร้างระบบการบริĀารจัดการกิจกรรม ต่างๆใĀ้ชัดเจนในĀน้าที่และบทบาทขĂงÿมาชิกและเจ้าĀน้าที่ เพื่ĂการรักþาÿมาชิกใĀ้คงĂยู่ ด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัย จากข้Ăมูลÿัมภาþณ์พบü่า ผู้ÿูงĂายุก็จะมี ปัญĀาแบบคนในชุมชนเมืĂง คืĂ การต่างคนต่างĂยู่ ไม่รู้จักĀรืĂคุ้นเคยกับเพื่Ăนบ้านĀรืĂชุมชน ทุกคน คิดถึงผลประโยชน์ขĂงตนเป็นĀลัก ซึ่งทั้งĀมดขึ้นĂยู่กับการบริĀารจัดการขĂงนิติบุคคลĀรืĂผู้นำชุมชน ü่ามีคüามเข้มแข็งในการบริĀารจัดการเพียงใด รู้จักÿร้างกิจกรรมที่จะนำคüามร่üมมืĂขĂงชุมชนใĀ้ เกิดขึ้นมากแค่ไĀน เช่น ปัญĀายาเÿพติดในชุมชน การไม่รักþาผลประโยชน์ÿ่üนรüม เป็นต้น ซึ่งผลก็คืĂ ÿมาชิกย้ายĀนี ĀรืĂคüามไม่เป็นระเบียบในชุมชน แต่ผู้ÿูงüัยไม่ÿามารถที่จะĀนีไปĂีก เนื่Ăงด้üยจากüัย และคüามเคยชินĀรืĂเป็นÿมบัติÿุดท้ายที่ตนÿร้างมาจากการทำงาน ไม่ÿามารถที่จะเปลี่ยนได้เพราะไม่มี รายได้มาเกื้ĂĀนุนĂีก จึงต้ĂงทนĂยู่ และตัดขาด ไม่ÿนใจ ไม่ร่üมมืĂกับÿังคม/ชุมชนภายนĂกบ้านรĂบตัü แล้üĀันไปค้นĀาÿังคมĀรืĂกิจกรรมที่Ăื่นๆมาทดแทน เช่น การมาใช้กิจกรรมขĂงเทýบาลเป็นÿิ่งทดแทน แต่ÿิ่งที่เป็นข้ĂเÿียคืĂ เกิดĂะไรขึ้นกับตนเĂง ĀรืĂในชุมชนจะไม่ทราบ ĀรืĂĀาผู้ที่ช่üยเĀลืĂไม่ได้เพราะ ไม่รู้จักใคร เช่น โจรลักขโมย เป็นต้น แต่ก็มีบางคนที่ไม่มีปัญĀานี้ เพราะมีคüามÿนิทÿนมกันในชุมชนที่


61 Ăยู่กันมานาน มีการร่üมกิจกรรมและÿานÿัมพันธ์กันเพราะร่üมÿถานการณ์มาด้üยกันเช่น น้ำท่üมใĀญ่ปี พ.ý. 2554 ที่ทำใĀ้ทุกคนมีĂะไรก็ต้Ăงเข้าช่üยเĀลืĂเพื่Ăนบ้านกันĂยู่เÿมĂ 4.1.2 ผลการüิจัยกระบüนการมีÿ่üนร่üมของเขตชุมชนชนบท เทýบาลตำบลĀนองĀมู อ. üิĀารแดง จ.ÿระบุรี มีผลดังนี้ ด้านมาตรฐานทางÿังคม ด้üยคüามที่เป็นชุมชนชนบทผู้ÿูงĂายุมักทำĂะไรที่Ăยู่ใน กฎระเบียบĂยู่เÿมĂทั้งในชุมชนĀรืĂÿังคมที่Ăยู่ ทำเป็นเĀมืĂนกิจüัตรประจำüันในการดำเนินชีüิต เริ่ม จากการทิ้งขยะที่มĂงดูเĀมืĂนจะเป็นปัญĀาขĂงÿังคมĀรืĂชุมชนเมืĂง/ประเทýĂย่างมากในทุกüันนี้ เพราะü่าถ้าขาดจิตÿำนึกĀรืĂü่าการปลูกฝังที่ดีนั้น ยากมากที่ผู้ÿูงĂายุจะทำĀรืĂใĀ้การแนะนำÿĂนผู้Ăื่น ใĀ้ทำได้ แต่ตรงกันข้ามผู้ÿูงĂายุÿามารถที่จะแยะขยะเปียก ขยะแĀ้งได้ เพราะเกิดจากการเริ่มที่ตัüเĂงใน การจัดการ ĀรืĂการได้รับคüามเดืĂนร้Ăนจากการมีต้นไม้ที่จะข้ามเขตรั้üขĂงตนที่มĂงดูแล้ü ก็ยังเป็น ปัญĀาขĂงผู้คนที่Ăยู่ในÿังคมเมืĂง แต่ผู้ÿูงĂายุในเขตชุมชนชนบทนั้นก็ÿามารถจัดการด้üยตัüเĂงคืĂ ทำ การตัดใĀ้เรียบร้Ăยโดยไม่ÿร้างคüามเดืĂนร้ĂนใĀ้เพื่Ăนบ้าน/ผู้Ăื่นได้รับคüามเดืĂนร้Ăน ĀรืĂแม้ใน Āมู่บ้านĀรืĂชุมชนที่Ăยู่Ăาýัยมีการจัดกิจกรรม ก็จะแÿดงĂĂกถึงน้ำใจที่ใĀ้คüามร่üมมืĂทุกครั้ง และทำ ตามกฎระเบียบที่üางไü้ จึงทำใĀ้การĂยู่ร่üมกันขĂงตนเĂงและเพื่Ăนบ้านÿ่üนใĀญ่มีคüามปรĂงดĂงกัน ดังนั้นทางĂงค์กรเครืĂข่ายจึงใช้üิธีการประชาÿัมพันธ์ผ่านผู้นำชุมชน/กลุ่มและÿร้างกิจกรรมตามเทýกาล ประเพณีนิยมต่างๆ โดยเฉพาะใĀ้ýาÿนาเป็นแกนĀลักในการทำกิจกรรม ด้านทักþะทางÿังคม ในชุมชนชนบทนั้นจะมีรูปแบบตามüัฒนธรรมไทยขĂงการเคารพ ÿิทธิผู้Ăื่นที่ĂาýัยĂยู่ที่เดียüกัน มีคüามถ้Ăยทีถ้ĂยĂาýัย ยกเü้นเมื่Ăÿภาพÿังคมเริ่มเปลี่ยนจากÿังคม ชนบทเป็นÿังคมกึ่งĂุตÿาĀกรรม คนในชุมชนเริ่มเปลี่ยน มีÿถานการณ์ที่แตกต่างไป ĀรืĂÿภาพแüดล้Ăม ใĀม่ๆ จึงจำเป็นที่ทางĂงค์กรเครืĂข่ายต้Ăงÿร้างการเรียนรู้ใĀ้เกิดขึ้นเช่น การต่ĂคิüในการรับขĂง การ รับüัคซีน โดยที่ผู้ÿูงĂายุบางท่านคิดü่าแก่กü่ามีÿิทธ์ก่Ăนเด็กๆ มักจะแซงคิüและไม่ÿนใจÿิ่งที่ทำลงไป ซึ่ง ผลก็คืĂ การเกิดมีปากมีเÿียง ÿ่üนมากผู้ÿูงĂายุในชนบทจะยึดเĂาĀลักคำÿĂนทางýาÿนา จาการฟัง ธรรมมาเป็นที่ยึดเĀนี่ยüจิตใจ ทำใĀ้มีคüามĂดทนในการทำงานĀรืĂĂยู่ร่üมกับÿ่üนรüม มีการช่üยเĀลืĂ ชุมชนเüลามีงานĀรืĂจัดงานĂยู่ตลĂด และแÿดงการมีน้ำใจในการที่จะช่üยเĀลืĂกิจกรรมต่างๆ เช่น งาน กาชาดที่จะมีขึ้นในทุกเดืĂน ดังนั้นÿงฆ์จึงมีบทบาทในการที่จะช่üยการปรับตัüในด้านนี้แก่ผู้ÿูงĂายุด้üย การÿĂนและกิจกรรมต่างๆในüัด แต่ผู้ÿูงĂายุนั้นจะมีคüามคิดในการแยะแยะระĀü่างการทำกิจกรรมกับ ครĂบครัüและการทำกิจกรรมขĂงÿ่üนรüมใĀ้กับชุมชน เพราะบางครั้งการทำกิจกรรมในชุมชนĂาจจะมี มากเกินไปจนผู้ÿูงĂายุก็มักจะมีคüามต้Ăงการที่จะพักบ้าง ซึ่งเป็นเรื่Ăงที่Ăงค์กรเครืĂข่ายต้Ăงพึงระüังและ üางแผนงานต่างๆร่üมกับกลุ่มผู้ÿูงĂายุ มิฉะนั้นจะไม่มีผู้มาร่üมงาน/กิจกรรม โดยปกติขĂงผู้ÿูงĂายุใน ชนบทมักใช้คüามเป็นกันเĂงที่เรียกü่า คüามเป็นกัลยาณมิตรในการĂยู่Ăาýัยร่üมกันในÿังคม มีการ ยĂมรับผู้ที่มีคüามÿามารถและทักþะกันคนละด้าน และĀากท่านใดเก่งในด้านไĀนก็จะยินดีÿĂน ĀรืĂใĀ้


62 คำแนะนำกันĂยู่ตลĂด เพราะท่านใช้คüามร่üมมืĂร่üมใจเป็นĀลักในการทำงานĀรืĂกิจกรรมร่üมกัน ใน คüามจำเป็นที่ต้Ăงมีการปรับตัüในการเข้าÿังคม บุคคลจะนิยมเข้าร่üมกลุ่มย่Ăย/บุคคลที่รู้จักกันดีĂยู่แล้ü เพราะมีคüามเข้าใจกันดีและเป็นÿุขที่ได้พบเจĂกัน ทำกิจกรรมร่üมกันได้ดีแต่กรณีกลุ่มใĀญ่เรื่Ăง คüามเĀ็นไม่ตรงกันกับคนที่ตนเĂงไม่ÿนิท/รู้จักนิÿัย รüมทั้งตำแĀน่งĀน้าที่ก็มีคüามÿำคัญ ดังนั้นĂงค์กร เครืĂข่ายจึงมักใช้การÿร้างกลุ่มย่Ăยแล้üใĀ้ตัüแทนขĂงกลุ่มมารüมกันÿร้างงานต่างๆขึ้นมา ซึ่งก็ทำใĀ้ เกิดผลÿำเร็จ แต่ข้ĂเÿียคืĂ เüลาทำงานร่üมกันก็จะมีการเลืĂกแต่คนที่ตนเĂงÿนิท ไม่ขĂทำงานร่üมกับ ผู้Ăื่น เพื่ĂĀลีกปัญĀาคüามขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น ทำใĀ้ไม่ÿามารถเรียนรู้เพื่ĂนใĀม่ ÿังคมใĀม่ๆ มีĂคติต่Ă กลุ่มĂื่นๆ และÿร้างĂิทธิพล ด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคม จากข้Ăมูลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญพบü่า ผู้ÿูงĂายุที่มีปัญĀาไม่ปฏิบัติตามกฎ ไม่ÿนใจระเบียบ ใชัĂารมณ์ ใจร้Ăน ไม่มีปิยüาจา เĂาผลประโยชน์ คนเป็นที่ตั้ง ĀüงขĂง แÿดงคüามมีĂำนาจเĀนืĂผู้Ăื่น ซึ่งทางĂงค์กรเครืĂข่ายต้Ăงใช้üิธีการĀาผู้ที่บุคคลนี้ ไü้ใจ คุยด้üยแล้üทำคüามเข้าใจในÿิ่งที่ผู้ÿูงĂายุนี้มีคüามต้ĂงการĀรืĂเข้าใจบิดเบืĂนไปจากตรรกะทาง ÿังคม ซึ่งกลุ่มผู้ÿูงĂายุที่Ăารมณ์ร้ĂนĂาจจะมีเÿียงดัง üาจากร้าüแข็ง แต่ไม่ใช่คนไม่ดี Ăาจเคยชินมาจาก ÿภาพครĂบครัü ทีมĂงค์กรเครืĂข่ายจึงต้Ăงทำการเรียนรู้นิÿัยขĂงผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้ü่า มีคüามแตกต่างไป ทางใด เพราะเมื่Ăÿามารถปรับคüามเข้าใจกันได้ ก็พบü่าท่านÿามารถช่üยงานในด้านต่างๆได้Ăย่างมี ประÿิทธิภาพ เพียงแต่ต้Ăงช่üยใĀ้ผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้ได้เรียนรู้การปรับตัüใĀ้เข้ากับÿังคมใĀ้ได้ และยินดี ปฏิบัติตามกฎระเบียบขĂงĂงค์กรĀรืĂชุมชนนั้นๆ ด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัü ในÿภาพชุมชนชนบทผู้ÿูงĂายุที่Ăยู่เพียงลำพังจะมี ปัญĀาขĂงคüามเĀงา โดดเดี่ยüĂย่างมากต่างจากชุมชนเมืĂงที่ยังมีÿิ่งต่างๆเช่น Ā้างÿรรพÿินค้า ใĀ้ได้ไป ÿันทนาการ ผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้จึงต้Ăงการÿังคม/เพื่Ăน/ชุมชนĂย่างยิ่ง จากข้Ăมูลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูล ÿำคัญพบü่า ผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้จะเป็นผู้เข้าร่üมกิจกรรมเป็นประจำและมาเป็นกลุ่มแรกๆ รüมทั้งยึดติดกับ กลุ่มและĂงค์กรเĀมืĂนเป็นครĂบครัü ยินดีทำกิจกรรมต่างๆ ใĀ้คüามร่üมมืĂĂย่างเต็มที่ ไม่ÿร้างปัญĀา ในการดำเนินงานใดๆและยังเป็นจิตĂาÿาในงานต่างๆขĂงĂงค์กรเครืĂข่าย โดยไม่คำนึงถึงค่าตĂบแทน ผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้จึงเป็นแรงÿำคัญในการพัฒนาผู้ÿูงĂายุขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายต่างๆ Ăย่างไรก็ตามเมื่Ă ÿุขภาพขĂงผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้ไม่เĂื้ĂĂำนüย ท่านต้Ăงกลายเป็นผู้ÿูงĂายุที่ติดบ้านĀรืĂติดเตียง Ăงค์กร เครืĂข่ายก็จำเป็นต้Ăงดูแลเป็นพิเýþเพราะท่านก็จะยิ่งมีคüามโดดเดี่ยüมากยิ่งขึ้น เป็นเรื่Ăงที่Ăงค์กร เครืĂข่ายต้Ăงเตรียมพร้ĂมกับĂนาคตที่กำลังมาĂันใกล้ กลุ่มผู้ÿูงĂายุที่มีคüามÿุขกับการใช้ชีüิตกับครĂบครัü ÿ่üนมากจะเป็นแม่บ้านĀรืĂยังมี ÿามีĂยู่ด้üย ผู้ÿูงĂายุบางท่านภูมิใจกับที่ลูกที่จบปริญญาเป็นผลจากการคĂยกำกับจุกจิกลูก จนลูกเรียน จบและได้ทำงานที่ดี ทำใĀ้ภูมิใจในตัüเĂง ปล่Ăยüาง Āากิจกรรมทำร่üมกับครĂบครัü เช่น การไปเที่ยü ĂĂกไปรับประทานĂาĀารนĂกบ้านĀรืĂไปüัดทำบุญ ผู้ÿูงĂายุกลุ่มนี้ÿ่üนมากจะใช้เüลาü่างมาทำĀน้าที่ Ăาÿาÿมัคร Ăปพร. ĀรืĂ Ăÿม. แต่บางช่üงก็จะทำงานĂาÿาÿมัครมากจนไม่มีเüลากับครĂบครัü ทาง


63 Ăงค์กรเครืĂข่ายก็ใช้üิธีจัดกิจกรรมที่ผู้ÿูงĂายกลุ่มนี้จะได้ทำงานร่üมกับกลุ่มที่ไม่มีใครที่บ้าน และ กิจกรรมÿังคมที่ÿมาชิกในครĂบครัüÿามารถมาร่üมด้üย รüมทั้งใĀ้ผู้ÿูงĂายุเลืĂกร่üมกิจกรรมเฉพาะที่ ตนเĂงถนัด ĀรืĂเüลาที่ü่างจากการทำกิจกรรมร่üมกับครĂบครัüแล้ü ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคม จากข้Ăมูลการÿัมภาþณ์ ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญพบü่า กิจกรรมที่Ăงค์กรเครืĂข่ายÿร้างขึ้นในด้านนี้ÿามารถบรรลุเป้าĀมายที่üางไü้คืĂ ผู้ÿูงĂายุÿามารถÿร้างคüามÿัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มย่Ăยๆที่ตนเĂงรู้จัก ใĀ้เกียรติกับเพื่Ăนที่มีคüามÿามารถ และÿนิทกัน มีคüามภูมิใจกับการที่ได้ทำงานในĂงค์กรต่างๆเช่น Ăÿม. Ăปพร. ĀรืĂที่ตนทำงานจิตĂาÿา Ăยู่ แม้บางครั้งมีคüามเĀนื่ĂยกับการทำงานĀรืĂมีปัญĀากับครĂบครัüบ้างแต่ทำแล้üก็มีคüามÿุข เช่น มี การเรียกตัüด่üนเพื่Ăเข้าไปช่üยงาน ในการทำงานเป็นกลุ่มใĀญ่ผู้ÿูงĂายุก็ÿามารถที่จะทักทายคุยกันได้ บางครั้งที่เข้ามาทำกิจกรรมที่เทýบาลจัดก็เนื่Ăงจากต้Ăงการจะได้เพื่ĂนใĀม่เพิ่มขึ้น และได้ทำกิจกรรม กับเพื่Ăนๆ แม้เงินจะไม่คุ้มค่ากับการลงแรง แต่มีคüามÿุขกับการที่ได้มาทำกับเพื่Ăน เช่น เทýบาลรับงาน พับถุงกระดาþขĂงร้านกาแฟ ได้เงินค่าแรงเพียง 1 บาทต่Ăถุง ÿิ่งนี้ÿะท้ĂนใĀ้เĀ็นถึงคüามÿัมพันธ์ที่ตนมี กับผู้Ăื่นในÿังคมและชุมชน แต่บางครั้งปัญĀาก็เกิดจากการที่Ăงค์กรมีข้Ăเรียกร้Ăงที่ไปกระทบถึงÿภาพ การเงินที่มีไม่มากขĂงผู้ÿูงĂายุบางท่าน เช่น การที่เทýบาลมีการกำĀนดใĀ้ใÿ่เÿื้Ăÿีชมพู ผู้ÿูงĂายุบาง ท่านไม่ÿามารถĀาได้ Āากจะต้Ăงซื้Ăใÿ่ก็ไม่Ăยากซื้Ă จึงทำใĀ้บางท่านต้Ăงยุติการเข้าร่üมกิจกรรม เรื่Ăงนี้ ทางองค์กรเครือข่ายต้องคำนึงอย่างมากเพราะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทั้ง 2 พื้นที่ ซึ่งในอนาคตจะกระทบถึง ความผูกพันต่อองค์กร ด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัย จากข้Ăมูลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญพบü่า ผู้ÿูงĂายุในชุมชนชนบทมีการปฏิบัติตามข้Ăตกลงกันในชุมชนค่Ăนข้างÿมัครÿมานฉันท์ ถึงแม้ชุมชนÿ่üน ใĀญ่จะนับถืĂพระพุทธýาÿนา แต่ผู้ÿูงĂายุที่นับถืĂýาÿนาĂื่น เช่น คริÿต์ Ăิÿลาม ก็ปฏิบัติตาม กฎระเบียบขĂงชุมชนได้Ăย่างดี ไม่กระทบต่Ăกัน เüลามีกิจกรรมขĂงแต่ละýาÿนาก็ใĀ้คüามร่üมมืĂกัน ทำกิจกรรมเป็นĂย่างดีเช่น การทำตลาดขายขĂงทั้งในüันÿำคัญทางýาÿนาพุทธ คริÿต์ Ăิÿลาม ăินดู ผู้ÿูงĂายุในชุมชนมีคüามÿัมพันธ์ในชุมชน รู้จักÿมาชิกกันดี มีคüามเข้าใจในการĂยู่ร่üมกัน ช่üยเĀลืĂกัน เมื่Ăเกิดคüามต้Ăงการใดๆขึ้นมาในชุมชน 4.2 การนำเÿนอรูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการปรับตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุโดยองค์กร เครือข่าย การมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุโดยĂงค์กรเครืĂข่ายนั้น เป็น ลักþณะขĂงการที่ภาครัฐ ภาคเĂกชน Āน่üยงานไปถึงĂงค์กรต่างๆ ที่เกี่ยüข้Ăงกับผู้ÿูงĂายุ เข้ามามีการ บริĀารจัดการมีÿ่üนร่üมกับเรื่ĂงในการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุใĀ้มีประÿิทธิภาพĀรืĂบรรลุ เป้าĀมายที่üางไü้ เป็นการทำใĀ้บุคลากรĀรืĂผู้ปฏิบัติงานในĂงค์กรได้รับรู้ถึงคüามรับผิดชĂบต่ĂĀน้าที่ Ăงค์กรขĂงตนเĂง และมีคüามรู้ÿึกü่าเป็นÿ่üนĀนึ่งขĂงĂงค์กรนั้น


64 การมีÿ่üนร่üมเป็นĀลักการÿำคัญขĂงประชาธิปไตย เป็นการเปิดโĂกาÿใĀ้ผู้ÿูงĂายุในทุกภาคÿ่üนได้รับรู้ รับทราบ ร่üมกระทำ เกี่ยüกับÿิ่งที่ตนเĂงĀรืĂกลุ่มได้รับผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางĂ้Ăมที่ถืĂได้ü่า เป็นการมีÿ่üนร่üมเช่นเดียüกัน ถึงจะไม่ใช่การมีÿ่üนร่üมทางตรงแต่ก็ยังคงเป็นผู้ÿนับÿนุนการมีÿ่üนร่üม นั้นๆ ใĀ้เกิดขึ้นและได้ดำเนินการ ซึ่งการมีÿ่üนร่üมเป็นการกระทำกิจกรรมที่จะเป็นการÿ่งผลต่Ă ผลประโยชน์ขĂงประชาชนเป็นĀลัก โดยที่มีการกำĀนดรูปแบบกิจกรรมทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็น ทางการ ทั้งนำเÿนĂต่Ăรัฐและต่Ăกลุ่มผลประโยชน์ด้üยกันเĂง ซึ่งจากผลการüิจัยนี้ถึงรูปแบบการมีÿ่üน ร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมผู้ÿูงĂายุขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายนั้นพบü่ามี 4 ด้าน ได้แก่ 1. การมีÿ่üนร่üมในการตัดÿินใจ (Decision Making) ซึ่งประกĂบด้üยการริเริ่มตัดÿินใจ การ ดำเนินการตัดÿินใจ การกำĀนดนโยบายจากคüามต้Ăงการ และการตัดÿินใจปฏิบัติการ Ăาจเป็นการ ตัดÿินใจในช่üงเüลาเริ่มแรก ĀรืĂช่üงการดำเนินกิจกรรม ได้แก่ การประชุม/ประชาคมเพื่ĂเÿนĂคüาม ต้Ăงการ/ปัญĀา โดยมีฐานมาจากคüามต้ĂงการขĂงผู้ÿูงĂายุเป็นÿำคัญ รüมไปถึงการ “มĂงตนเĂง” ขĂง ผู้ÿูงĂายุด้üยü่ามีคüามพร้Ăมมากน้Ăยเพียงใดในการที่จะร่üมกันทำกิจกรรมพัฒนา มีการüางแผนเป็น รูปธรรมกับทางผู้ÿูงĂายุเพื่ĂĀาÿิ่งที่ผู้ÿูงĂายุต้Ăงการ โดยมีเจ้าĀน้าที่เข้าไปเป็นÿ่üนĀนึ่งขĂงแผนงาน/ กิจกรรมนั้น 2. การมีÿ่üนร่üมในการดำเนินกิจกรรม (Implementation) ซึ่งĂาจเป็นไปในรูปขĂงการเข้า ร่üมโครงการโดยใĀ้การÿนับÿนุนด้านการบริĀาร การประÿานคüามร่üมมืĂ รüมทั้งการลงมืĂปฏิบัติการ ด้üยแรงงาน แรงเงิน และการÿนับÿนุนทรัพยากรĂื่นๆ ร่üมดำเนินการ ในขั้นตĂนนี้นับได้ü่ามี คüามÿำคัญมาก ที่เจ้าĀน้าที่เข้ามามีบทบาทในการเข้าช่üยเĀลืĂตามคüามประÿงค์ขĂงผู้ÿูงĂายุที่ Ăยากจะมีกิจจกรรม ทางĀน่üยงานก็จะจัดการดำเนินการใĀ้เป็นเĀมืĂนช่ĂงทางใĀ้กับผู้ÿูงĂายุได้ ขับเคลื่Ăนกิจกรรมที่ต้Ăงการ 3. การมีÿ่üนร่üมในผลประโยชน์ (Benefits) เป็นการร่üมกันที่จะรับผิดชĂบต่Ăผลที่จะเกิดขึ้น ĀรืĂการมีÿ่üนร่üมต่Ăผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในทุกๆด้านจากโครงการต่างๆ รüมทั้งการร่üมกันดูแล รักþาภายใต้คüามรู้ÿึกü่าทุกคนไม่ü่าจะเป็นเจ้าĀน้าที่ ผู้ÿูงĂายุ ĀรืĂ บุคลากรขĂงĀน่üยงาน มีคüามเป็น เจ้าขĂงร่üมกัน ซึ่งผู้ÿูงĂายุจะได้เข้ามาÿร้างบทบาทขĂงตัüเĂง โดยผ่านทางĀน่üยงานที่เข้ามาดูแลและ ช่üยเĀลืĂจึงเรียกü่า จิตÿำนึกคüามเป็นเจ้าขĂงร่üม เป็นÿังคมที่Ăยู่ร่üมกันโดยไม่มĂงข้ามผู้ÿูงĂายุ เพื่Ăที่ ทุกคนจะได้ช่üยกันใช้ÿĂย ช่üยกันดูแลรักþา มีĂะไรก็แบ่งปั่นน้ำใจ มีกิจกรรมก็ใĀ้คüามร่üมมืĂกันทำ เÿมืĂนĀนึ่งü่าเป็นน้ำĀนึ่งใจเดียüกัน 4. การมีÿ่üนร่üมในการประเมินผล (Evaluation) เป็นการร่üมกันคüบคุมตรüจÿĂบผลการ ดำเนินงานตลĂดจนเข้าไปแก้ไขปัญĀาที่เกิดขึ้น ในขั้นตĂนนี้จะเป็นการร่üมกันขĂงทั้งเจ้าĀน้าที่ Ăงค์กร ปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่น Ăงค์กรเครืĂข่าย จะร่üมกันตรüจÿĂบผลการดำเนินการü่าเป็นไปตามที่คาดĀüัง/ เป้าĀมายĀรืĂไม่ ในÿ่üนขĂงผู้ÿูงĂายุนั้นจะคĂยตรüจÿĂบü่า การดำเนินงานโครงการนั้นเป็นไปตามที่


65 เÿนĂไü้ในคราüประชาคมกับทางเจ้าĀน้าที่ ĀรืĂตรงกับคüามต้Ăงการที่เÿนĂไü้ในขั้นเริ่มต้นĀรืĂไม่ ผลที่ ได้จะถูกนำมาใช้ในการพัฒนาปรับปรุงต่Ăไป 4.3 ผลการüิเคราะĀ์ข้อมูลเพิ่มเติมของการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคม ของผู้ÿูงอายุในเขตชุมชนเมืองและเขตชุมชนชนบทขององค์กรเครือข่าย ดังนี้ ข้อที่ 1. คüามพึงพอใจในการใช้ชีüิตในปัจจุบัน ผู้ÿูงĂายุมีคüามพึงพĂใจในชีüิตปัจจุบันมาก ซึ่งผู้ÿูงĂายุมีมุมมĂงชีüิตที่แตกต่างกันดังนี้ "พึงพĂใจในชีüิตปัจจุบัน" "มีคüามÿุขตามĂัตภาพ" "ทุกüันนี้มี คüามÿุขเต็ม 100 ĀรืĂบางที 99%" "ใĀ้มĂงคนที่ด้Ăยกü่าเรา เราก็จะมีคüามÿุขแล้ü แต่ถ้าไปมĂงคนที่ เĀนืĂกü่าเรา เราก็Ăาจจะไม่มีคüามÿุข Ăาจจะเครียด" "กินĂิ่ม นĂนĀลับ ÿุขภาพแข็งแรง ได้ĂĂกกำลัง กายบ้าง ก็พĂใจแล้ü" "บางคนทานĂาĀารแพง ๆ Ăาจจะไม่มีคüามÿุข แต่เราทานจานละ 20 บาท ทั้ง Ăร่ĂยและÿะĂาด เราก็ÿุขใจแล้ü" ข้อที่ 2. ด้านýาÿนา ผู้ÿูงĂายุมีมุมมĂงด้านýาÿนาü่า มีช่üยเĀลืĂในการดำเนินชีüิตได้มาก ดังนี้ "ýาÿนาÿามารถช่üยใĀ้มีÿติ ใจเย็น และเป็นผู้ใĀ้ ใĀ้เราเÿียÿละ ĀรืĂเüลาทุกข์ก็จะข้าüัดนั่งÿมาธิ" "ýาÿนาช่üยใĀ้ปรับใจ ปรับตัüได้" "มีการÿüดมนต์ นั่งÿมาธิที่บ้าน ช่üยใĀ้จิตใจดีขึ้น" "Āลักธรรม ÿังคĀ üัตถุ 4 ÿามารถทำใĀ้ยึดเĀนี่ยüจิตใจได้ ทำใĀ้เรามีคüามÿุข" "กัลยาณมิตร คืĂ เลืĂกคบเพื่Ăที่เข้ากับเรา ได้" "ýาÿนาช่üยได้มากเลยกับการใช้ชีüิตประจำüัน" "ได้นั่งÿมาธิที่บ้าน ทำใĀ้จิตใจเราไม่ทุกข์" ข้อที่ 3. คüามต้องการที่จะทำใĀ้ชีüิตมีคüามÿุข ผู้ÿูงĂายุมีต้ĂงการใĀ้มีเýรþฐกิจที่ดี คืĂ “Ăยากมีรายได้เÿริม” “Ăยากมีรายได้ในการเลี้ยงชีพĂย่างพĂเพียงĀรืĂทำĂาชีพĂะไรก็ได้ที่ผู้ÿูงĂายุทำ ได้” “ปัจจุบันมีโครงการÿĂนใĀ้ทำ แต่ไม่มีการต่ĂยĂดใĀ้แก่ผู้ÿูงĂายุ” “ไม่มีช่ĂงทางการจัดจำĀน่าย ใĀ้แก่ผู้ÿูงĂายุ” “ต้ĂงการใĀ้มีÿังคมที่ดี มีผู้นำที่ดี (ผู้นำท้Ăงถิ่น / Āมู่บ้าน / ชุมชน) มีคüามคิดที่ดี” “ต้Ăงการมีÿุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ ไม่Ăยากทานยา” “ไม่Ăยากปล่ĂยเüลาใĀ้ü่างทิ้งไป เฉยๆ”


66 บทที่ 5 ÿรุปและอภิปรายผลการüิจัย การýึกþาüิจัยเรื่Ăง “รูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุ โดยĂงค์กร” จากผลการüิจัย ÿามารถÿรุปและĂภิปรายล รüมทั้งมีข้ĂเÿนĂแนะ ดังนี้ 5.1 ÿรุปและอภิปรายผลการüิจัย 5.11 กระบüนการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุในเขต ชุมชนเมืองและเขตชุมชนชนบทขององค์กรเครือข่าย ในÿ่üนกระบüนการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุในเขตชุมชน เมืĂงและเขตชุมชนชนบทขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายนั้น ÿามารถÿรุปได้ดังต่Ăไปนี้ ด้านที่ 1 : ด้านมาตรฐานทางÿังคม ผลการüิจัยพบü่า กิจกรรมÿังคมต่างๆที่ทางĂงค์กร เครืĂข่ายจัดขึ้นในด้านนี้แÿดงใĀ้เĀ็นü่า ผู้ÿูงĂายุÿ่üนมากÿามารถปฏิบัติตามมาตรฐานทางÿังคม ไม่ü่า จะเป็นกฎระเบียบขĂงÿังคม/กลุ่ม บางครั้งĂาจจะมีบางท่านไม่เต็มใจ แต่จะใช้ระบบการÿื่Ăÿารในกลุ่ม และการเข้าร่üมÿร้างคüามเข้าใจขĂงเจ้าĀน้าที่ซึ่งทำใĀ้เกิดการปฏิบัติตามได้ ในด้านนี้Ăงค์กรเครืĂข่าย ใช้üิธีการใĀ้ข้Ăมูลเรื่ĂงขĂงมาตรฐานทางÿังคมü่ามีเนื้ĂĀาและüิธีการปฏิบัติĂย่างไรเช่น การเคารพต่Ă ÿิทธิขĂงผู้Ăื่น การใĀ้เกียรติกัน การเชื่Ăฟังเÿียงÿ่üนใĀญ่ และการเชื่Ăมั่นในผู้ที่มีประÿบการณ์ด้านต่างๆ เĀ็นประโยชน์ÿ่üนร่üมมากกü่าÿ่üนตน มีการแบ่งปันกัน ช่üยเĀลืĂÿนับÿนุนผู้ÿูงĂายุด้üยกันเช่น ÿะÿม เงินเดืĂนละ 10 บาทเพื่Ăใช้เป็นกĂงทุนในการช่üยเĀลืĂเพื่Ăนผู้ÿูงĂายุด้üยกัน ด้านที่ 2 : ด้านทักþะทางÿังคม ผลการüิจัยพบü่า Ăงค์กรเครืĂข่ายได้ÿร้างกิจกรรมเพื่Ăผู้ÿูงüัย โดยตรงเพื่ĂใĀ้ผู้ÿูงĂายุได้มีโĂกาÿในการใช้ชีüิตร่üมกับผู้Ăื่นทั้งในประเด็นÿาธารณÿุข ÿันทนาการ การýึกþา üัฒนธรรมýาÿนา และĂื่นๆ ซึ่งกิจกรรมเĀล่านี้ก็จะมีกลุ่มผู้ÿูงĂายุที่แตกต่างกันไปมาร่üมกัน ทำใĀ้เกิดการเรียนรู้เพื่Ăน/ÿถานการณ์/ÿิ่งแüดล้Ăม/ÿังคมใĀม่ๆ ใĀ้แก่ผู้ÿูงĂายุ ทำใĀ้เกิดทักþะทาง ÿังคมด้านค่างๆแก่ผู้ÿูงĂายุ เป็นการเปิดโĂกาÿในการเรียนรู้การปรับตัüในÿภาพÿังคมต่างๆขึ้น จากผล การÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญพบü่า ผู้ÿูงĂายุที่มาร่üมกิจกรรมทั้งĀลายได้เรียนรู้การเปิดใจยĂมรับ คüามคิดเĀ็น/คüามเชี่ยüชาญขĂงผู้ÿูงĂายุท่านĂื่น โดยไม่มีĂคติ ยĂมรับฟังคüามรู้ที่ได้รับถ่ายทĂด มีการ ปรับตัüเข้าĀากันได้ดี ในกิจกรรมโรงเรียนผู้ÿูงĂายุพบü่า ผู้ÿูงĂายุมีคüามต้Ăงการที่จะมาร่üมเรียน ด้üยกัน ไม่ĂยากĂยู่ü่างĀรืĂĂยู่เฉยๆ มีคüามร่üมมืĂกันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจัดเตรียมโต๊ะ ĂาĀารที่จะรับประทานร่üมกันเมื่Ăมาเรียน การไปร่üมกิจกรรมทางýาÿนาที่üัดในüันพระ กิจกรรมที่


67 ชมรมผู้ÿูงĂายุก็ร่üมกันคิด Ăาทิ การจัดงานปีใĀม่ การทĂดผ้าป่า การทำกระทงในเทýกาลลĂยกระทง ด้านที่ 3 : ด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคม ผลการüิจัยพบü่า การทำกิจกรรมต่างๆ บางครั้งเจ้าĀน้าที่ก็ต้ĂงคĂยÿังเกตดูแลผู้ÿูงĂายุ โดยเฉพาะในการปฏิบัติตามกฎระเบียบขĂงĀมู่คณะ ขĂงโรงเรียนฯ และขĂงÿังคมที่ตนเĂงĂยู่Ăาýัย ÿ่üนมากผู้ÿูงĂายุจะยĂมรับกฎขĂงĀมู่คณะมากกü่ากฎ ตนเĂง แต่ถ้ามีผู้ไม่ปฏิบัติตามĀรืĂแĀกกฎก็จะมีปัญĀาการตักเตืĂนและการยĂมรับ เกิดมีการทะเลาะ กันในกลุ่มขĂงผู้ÿูงĂายุ ซึ่งเจ้าĀน้าที่ จำเป็นต้Ăงแก้ไขเรื่ĂงเĀล่านี้เพราะจะมีผลต่Ăคüามÿามัคคี และการ ถĂนตัüĂĂกจากกลุ่ม ดังนั้นคüามยืดĀยุ่นจึงมีคüามÿำคัญแต่ขĂบเขตĂยู่ที่ใดที่ทั้งกลุ่มจะยĂมรับไม่ใ Ā้ เกิดคüามรู้ÿึกถึงการมีĂภิÿิทธิ์ชน ĀรืĂผู้มีĂิทธิพล ด้านที่ 4 : ด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัü ผลการüิจัยพบü่า เจ้าĀน้าที่Ăงค์กรเครืĂข่ายจะพบ ผู้ÿูงĂายุใน 2 ลักþณะคืĂ กลุ่มที่โดดเดี่ยüต้Ăงการÿังคม คืĂ บางคนĂยู่ลำพัง บางคนĂยู่กับครĂบครัüแต่ ไม่มีการทำกิจกรรมในครĂบครัü เนื่ĂงจากคนในครĂบครัüจะĂĂกไปทำงาน ไปเรียนĀนังÿืĂในตĂนเช้า และกลับมาในตĂนเย็น ĀรืĂไปทำงานต่างถิ่น ดังนั้นการพบปะกันจะไม่มีเüลาในการทำกิจกรรม ดังนั้น กิจกรรมที่Ăงค์กรเครืĂข่ายเĀล่านี้จัดต้ĂงÿĂดคล้ĂงกับÿภาพขĂงผู้ÿูงĂายุ ที่บางคนต้Ăงรีบกลับไปดูแล Āลานกลับจากโรงเรียนแทนพ่Ăแม่ ด้üยเĀตุนี้ÿภาพครĂบครัüจะเป็นตัüบังคับกำĀนดถึงกิจกรรมต่างๆ ที่Ăงค์กรเครืĂข่ายในแต่ละพื้นที่ต้Ăงýึกþาเรียนรู้และคำนึงถึงĂย่างมาก ด้านที่ 5 : ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา / ชมรม / กลุ่มÿังคม ผลการüิจัยพบü่า ผู้ÿูงĂายุจะมีคüามพึงพĂใจและภูมิใจกับการได้เป็นÿมาชิกขĂงĂงค์กร/กลุ่ม/ชมรม/โรงเรียนผู้ÿูงĂายุที่ ตนĂยู่ แต่การที่มีคüามรู้ÿึกที่ตามมาคืĂ การเป็นเจ้าขĂง ดังนั้นการแÿดงĂĂกถึงคüามเป็นเจ้าขĂงจึง ÿำคัญĂย่างยิ่งต่ĂÿถาบันĂงค์กรĂย่างมากที่จะต้Ăงรักþาคüามผูกพันนั้นใĀ้คงĂยู่ต่Ăไป เช่น โรงเรียน ผู้ÿูงĂายุ ผู้ÿูงĂายุที่มีÿัมพันธภาพที่ดีก็จะมีคüามต้Ăงการที่จะมาโรงเรียน มาแลกเปลี่ยนคüามรู้ และ เตรียมĂาĀารกลางüันเพื่Ăที่จะมารับประทานและแบ่งปันĂาĀารกัน ทำใĀ้ผู้ÿูงĂายุÿามารถปรับตัüเข้า กันกับเพื่Ăน Ăาจารย์ที่ÿĂน ĀรืĂเจ้าĀน้าที่ที่ดูแลได้ดี เป็นการยกระดับคุณภาพชีüิตทางÿังคมขĂง ผู้ÿูงĂายุใĀ้เพิ่มขึ้น มีชีüิตที่เป็นÿุขÿงบ ด้านที่ 6 : ด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัย จากผลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญพบü่า ÿภาพชุมชนที่ผู้ÿูงĂายุĂยู่ĂาýัยมีคüามÿำคัญĂย่างมาก เป็นตัüชี้üัดถึงคüามÿัมพันธ์ขĂงผู้ÿูงĂายุที่จะมี ต่Ăชุมชนที่Ăยู่Ăาýัย บางชุมชนที่ไม่มีกิจกรรมÿัมพันธ์กัน ไม่รู้จักบุคคลในชุมชน คüามเĀ็นแต่ ผลประโยชน์ขĂงตนจะเกิดขึ้น ไม่มีคüามร่üมมืĂ คüามขัดแย้งÿูง ผู้ÿูงĂายุเĀล่านี้ก็จะĀนีมาÿู่กิจกรรมที่ ทางĂงค์กรเครืĂข่ายจัดขึ้นแทน โดยเฉพาะเมื่Ăชุมชนที่Ăยู่ไม่ปลĂดภัยเช่น ยาเÿพติด การลักขโมย การ ĀาคüามÿุขขĂงผู้ÿูงĂายุก็ต้Ăงมาพึ่งจากĂงค์กรเครืĂข่ายแทน ซึ่งก็เป็นĀน้าที่ที่Ăงค์กรเครืĂข่ายต้ĂงใĀ้ คüามช่üยเĀลืĂด้üยเช่นกัน


68 5.1.2 รูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมของผู้ÿูงอายุในเขต ชุมชนเมืองและเขตชุมชนชนบทขององค์กรเครือข่าย รูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุในเขตชุมชนเมืĂงและ เขตชุมชนชนบทขĂงĂงค์กรเครืĂข่าย เป็นกระบüนการในภาระงานĀนึ่งที่Ăงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่นคืĂ Ăงค์การบริĀารÿ่üนจังĀüัดในพื้นที่ต้ĂงรับผิดชĂบในการดูแล เป็นนโยบายและยุทธýาÿตร์ในการปฏิบัติ เพื่Ăมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุเป็นÿำคัญ จากผลการüิจัยพบü่า รูปแบบการมีÿ่üนร่üมขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายนี้ยังคงเป็นไปตามรูปแบบüิธีการขĂงทางราชการเป็นÿำคัญ เช่น การประชาคมĀมู่บ้าน การüางแผนพัฒนาĀมู่บ้าน/ชุมชน/ÿังคม โดยใช้แนüปฏิบัติตามมาตรการ รĂงรับÿังคมผู้ÿูงĂายุขĂงกระทรüงการคลัง (https://www.mof.go.th) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเĀ็นชĂบ เมื่Ăüันที่ 8 พฤýจิกายน 2559 มีÿาระดังนี้ 1. ใĀ้มีการจ้างงานผู้ÿูงĂายุ (Ăายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) ซึ่งมีĂัตราค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาท ต่Ăคนต่ĂเดืĂน โดยนายจ้างÿามารถขĂใช้ÿิทธิได้ไม่เกินร้Ăยละ 10 ขĂงจำ นüนลูกจ้างทั้งĀมด 2. ใĀ้มีการÿร้างที่พักĂาýัยÿำĀรับผู้ÿูงĂายุ (Senior Complex) เพื่ĂยกระดับคุณภาพชีüิตขĂง ผู้ÿูงĂายุใĀ้มีที่พักĂาýัยที่ปลĂดภัย มีĂุปกรณ์ใช้ÿĂยที่เĀมาะÿมและĂยู่ในคüามดูแลขĂงแพทย์และ พยาบาล 3. ใĀ้มีÿินเชื่Ăที่Ăยู่ĂาýัยÿำĀรับผู้ÿูงĂายุ (Reverse Mortgage : RM) 4. ใĀ้มีการบูรณาการระบบบำเĀน็จบำนาญ มาตรการรĂงรับÿังคมผู้ÿูงĂายุดังกล่าüนี้จะช่üยÿนับÿนุนใĀ้ประชาชนมีรายได้Āลังเกþียณที่ เพียงพĂ ผู้ÿูงĂายุมีที่Ăยู่Ăาýัยที่เĀมาะÿม และมีโĂกาÿได้ทำงานต่Ă ซึ่งจะมีÿ่üนช่üยเÿริมÿร้าง ĀลักประกันในชีüิตใĀ้แก่ประชาชน ลดคüามเĀลื่Ăมล้ำทางÿังคม และบรรเทาภาระงบประมาณภาครัฐ ด้านÿüัÿดิการชราภาพในระยะยาü ซึ่ง ผลการüิจัยขĂงรูปแบบการมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการ ปรับตัüทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุในเขตชุมชนเมืĂงและเขตชุมชนชนบทขĂงĂงค์กรเครืĂข่ายพบü่า มี 4 แบบ ดังต่Ăไปนี้ 1) การมีÿ่üนร่üมในการüางแผน ผลพบü่า Ăงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่นได้มีการร่üมกับ ผู้ÿูงĂายุ ในการดำเนินการในÿ่üนขĂงการüางแผน ซึ่งในขั้นตĂนนี้จะมีการประชุมĀรืĂการประชาคม เพื่ĂÿĂบถามคüามต้ĂงการขĂงคนในชุมชน มุ่งเน้นใĀ้เกิดกระบüนการแÿดงคüามคิดเĀ็นขĂงทุกฝ่ายที่ เกี่ยüข้Ăง ซึ่งขั้นตĂนกระบüนการเริ่มต้นขĂงการüางแผนนั้นคืĂ เพื่ĂÿĂบถามคüามต้Ăงการในการ ปรับตัüทางÿังคมด้านต่างๆ ขĂงผู้ÿูงĂายุคืĂ ด้านมาตรฐานทางÿังคม ด้านทักþะทางÿังคม ด้าน แนüโน้มพฤติกรรมต่Ăต้านÿังคม ด้านคüามÿัมพันธ์ในครĂบครัü ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ ชมรม/กลุ่มÿังคม และด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่Ăยู่ĂาýัยขĂงโครงÿร้างพื้นฐานในคüามจำเป็น Āาก คüามต้Ăงการใดไม่เกินýักยภาพที่เจ้าĀน้าที่เทýบาล ĀรืĂĂงค์กรเครืĂข่ายจะดำเนินการได้ ก็จะ


69 ดำเนินการโดยไม่ต้Ăงพึ่งพาÿ่üนงานĂื่น แต่Āากคüามต้Ăงการใดเกินคüามÿามารถ ก็จะนำเÿนĂต่Ă Ăงค์การบริĀารÿ่üนจังĀüัด เพื่Ăนำไปบรรจุไü้ในแผนพัฒนาจังĀüัดต่Ăไป ขั้นการüางแผนนี้มุ่งเน้นไปที่การมีÿ่üนร่üมขĂงทุกภาคÿ่üน โดยเฉพาะภาคประชาชนที่เป็น ผู้ÿูงĂายุที่ต้Ăงเป็นผู้ที่เริ่มในการคิด คืĂ การĀาปัญĀาและคüามต้ĂงการขĂงตนเĂง โดยผ่านกระบüนการ มีÿ่üนร่üมในการýึกþาและค้นĀาÿิ่งต่างๆ ที่มีĂยู่ในชุมชน แล้üจึงÿะท้ĂนใĀ้กับผู้เกี่ยüข้Ăง ซึ่งก็คืĂ Ăงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่นในพื้นที่ จากนั้นจึงเป็นการร่üมใจĀรืĂร่üมýรัทธา Ăันเป็นÿิ่งที่มีคุณค่ามาก ที่ÿุดในกระบüนการขับเคลื่Ăนนี้ เพราะคüามýรัทธาจะเป็นแรงผลักดันÿำคัญที่ทำใĀ้การมีÿ่üนร่üม เกิดขึ้นและนำไปÿู่ผลÿำเร็จในที่ÿุด จากนั้นจึงเป็นการร่üมแรง โดยชาüบ้าน (ผู้ÿูงĂายุ) จะเป็นÿ่üน ÿำคัญในเรื่ĂงขĂงแรงงาน เป็นเÿมืĂนพี่เลี้ยงคĂยคüบคุมดูแล เพราะเป็นการĂาýัยแรงงานจากคนใน ชุมชนเป็นแรงงานÿำคัญ เฉกเช่นเดียüกับมีบทบาทที่ÿามารถขับเคลื่Ăนข้ĂเÿนĂต่างๆ ที่ต้Ăงการได้ จากนั้นจึงเป็นการร่üมรับผลประโยชน์ คืĂ การร่üมรับÿิ่งที่เกิดขึ้นจากผลการร่üมแรงดังกล่าü จะเĀ็นได้ ü่า กระบüนการต่างๆ เĀล่านี้มีจุดเริ่มต้นและจุดÿิ้นÿุด และเป็นการขับเคลื่Ăนโดยผ่านกระบüนการมี ÿ่üนร่üมในทุกขั้นตĂน ตั้งแต่การร่üมคิด ร่üมใจ (ร่üมýรัทธา) ร่üมแรง ร่üมทุน ร่üมรับผลระโยชน์ และ ร่üมดูแลรักþา ÿะท้ĂนใĀ้เĀ็นถึงการมีÿ่üนร่üมขĂงทุกภาคÿ่üนในการช่üยกันพัฒนาÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุ ได้Ăย่างชัดเจน 2) การมีÿ่üนร่üมในการดำเนินการ ผลพบü่า การดำเนินการÿ่üนใĀญ่จะเป็นไปในรูปแบบขĂง การดำเนินการขĂงทางราชการมากกü่าที่ประชาชนจะเข้าไปมีÿ่üนร่üม เพราะต้ĂงĂาýัยการมีÿ่üนร่üม ในการดำเนินการจากทั้งภาครัฐและภาคประชาชน โดยĂงค์การบริĀารÿ่üนจังĀüัดจะเป็นเจ้าภาพใน เรื่ĂงขĂงüัÿดุĂุปกรณ์ ÿ่üนเทýบาล Ăงค์การบริĀารÿ่üนตำบล และผู้ÿูงĂายุนั้นๆ จะเป็นกำลังĀลักใน เรื่ĂงขĂงกิจกรรมเป็นÿำคัญ ซึ่งกระบüนการในการมีÿ่üนร่üมนั้นพบü่า จะเป็นเรื่ĂงขĂงการใช้กิจกรรม จากคนในท้Ăงถิ่น ÿ่üนทางภาครัฐจะเป็นในÿ่üนขĂงเครื่Ăงจักร üัÿดุĂุปกรณ์ ซึ่งüัตถุประÿงค์ÿำคัญขĂง รายงานนี้คืĂ การÿนับÿนุนการมีÿ่üนร่üมขĂงผู้ÿูงĂายุกับคüามร่üมมืĂขĂงเจ้าĀน้าที่ และĂงค์กรท้Ăงถิ่น กับภาครัฐ โดยการประÿานงานขĂงĂงค์การปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่นในพื้นที่ กำนัน ผู้ใĀญ่บ้าน และผู้มีÿ่üน เกี่ยüข้Ăงต่างๆ ซึ่งนับได้ü่าเป็นโครงการที่ช่üยเÿริมÿร้างกระบüนการมีÿ่üนร่üมได้เป็นĂย่างดี ÿังเกตได้ จากการดำเนินโครงการทุกโครงการจะมีชาüบ้านเข้ามามีÿ่üนร่üมĂยู่เÿมĂ 3) การมีÿ่üนร่üมในการติดตามประเมินผล พบü่า ผู้ÿูงĂายุนั้นได้มีการติดตามการดำเนินการ โครงการขĂงเจ้าĀน้าที่Ăยู่เÿมĂ รüมทั้งการเข้าไปมีÿ่üนร่üมในการดำเนินการนั้นก็ถืĂได้ü่าเป็นการ ติดตามประเมินผลด้üย แต่Ăาจไม่ได้เป็นการติดตามประเมินผลĂย่างเป็นทางการมากนัก เพราะการ ตรüจÿĂบĀรืĂการติดตามประเมินผลต่างๆ นั้นจะเป็นĀน้าที่ขĂงผู้เกี่ยüข้Ăง เช่น ขĂงĂงค์การบริĀาร ÿ่üนจังĀüัด ĀรืĂเทýบาล เป็นต้น แต่ผู้ÿูงĂายุในชุมชนจะทำĀน้าที่ในการ "ตรüจÿĂบ" ü่าเป็นไปตาม คüามต้ĂงการขĂงผู้ÿูงĂายุĀรืĂไม่ ĀรืĂคüามต้Ăงการต่างๆ ที่เÿนĂไü้ในคราüทำประชาคมกับทาง ผู้ÿูงĂายุนั้นได้รับการตĂบÿนĂงผ่านโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการในĀมู่บ้านĀรืĂไม่ ซึ่งÿ่üนใĀญ่แล้üจะ


70 เป็นการติดตามประเมินผลในÿ่üนนี้มากกü่าที่จะไปติดตามประเมินผลในÿ่üนขĂงผลการดำเนินงานขĂง โครงการ ซึ่งการมีÿ่üนร่üมขĂงผู้ÿูงĂายุในการติดตามประเมินผลนั้นจะเป็นไปในช่üงระĀü่างการ ดำเนินการกิจกรรมมากกü่าที่จะเป็นการติดตามประเมินผลในระยะÿุดท้ายĀรืĂĀลังจากที่กิจกรรมได้ ดำเนินการไปแล้ü ทั้งนี้เพราะผู้ÿูงĂายุÿ่üนใĀญ่มĂงü่าการตรüจÿĂบĀลังจากดำเนินโครงการแล้üนั้น (การตรüจรับงาน) เป็นĀน้าที่ขĂงทางเทýบาล ĀรืĂĂงค์การบริĀารÿ่üนตำบล แต่Ăย่างไรก็ตาม กิจกรรม ต่างๆ ที่จัดขึ้นนั้นมุ่งเน้นใĀ้ผู้ÿูงĂายุเข้ามามีÿ่üนร่üมในการดำเนินการมากกü่า ทั้งนี้เพราะในการติดตาม ตรüจÿĂบĀรืĂการประเมินผลนั้นจะเป็นĀน้าที่ขĂงภาครัฐ แต่ก็ยังคงมีการÿ่งเÿริมใĀ้ผู้ÿูงĂายุเข้าไป ตรüจÿĂบในขั้นตĂนขĂงการดำเนินการด้üย เพราะถืĂü่าเป็นการมีÿ่üนร่üมในทุกขั้นตĂนขĂงกิจกรรมที่ จัดขึ้น 4) การมีÿ่üนร่üมในการใช้ประโยชน์Āรือรับผลประโยชน์ ผลพบü่า ผู้ÿูงĂายุนั้นมีÿ่üนร่üมใน ด้านนี้เป็นĂย่างมาก เพราะชาüบ้านได้ใช้ประโยชน์จากกิจกรรมต่างๆ และผู้ÿูงĂายุยังคงมีคüามรับรู้ใน เรื่Ăงทำงานร่üมกันและเป็นน้ำĀนึ่งใจเดียüกัน ซึ่งจากการลงพื้นที่ในการÿังเกตการณ์การใช้ประโยชน์ จากÿาธารณูปการต่างๆ ที่ดำเนินการตามกิจกรรมต่างในการใช้ÿถานที่ก็พบü่า ผู้ÿูงĂายุได้มีการร่üมใช้ ประโยชน์กันทุกฝ่าย เช่น ถนน ĂาคารเĂนกประÿงค์ ฌาปนÿถาน ซึ่งมีการแผ้üถาง ทำคüามÿะĂาด และร่üมกันดูแลรักþาĂยู่เÿมĂ โดยพบü่าในĀมู่บ้านต่างๆ ขĂงตำบลนั้นได้มีการÿ่งเÿริมใĀ้ผู้ÿูงĂายุนั้นได้ ร่üมกันดูแลรักþาÿิ่งÿาธารณประโยชน์ต่างๆ ขĂงĀมู่บ้านĂยู่เÿมĂ โดยยึดถืĂคติที่ü่า “ร่üมÿร้าง ร่üมใช้ ร่üมดูแล” ซึ่งการเÿริมÿร้างการมีÿ่üนร่üมในการรับผลประโยชน์นั้นก็คืĂ ร่üมกันใช้ประโยชน์และ ร่üมกันดูแลรักþา ซึ่งผู้ÿูงĂายุในชุมชนได้มีÿ่üนร่üมในการใช้ผลประโยชน์ต่างๆ ร่üมกัน โดยที่ทุกคนถืĂ ได้ü่าได้ช่üยกันในการดำเนินการต่างๆ ทั้งüางแผน ดำเนินการ ติดตามตรüจÿĂบ และใช้ประโยชน์ ซึ่งถืĂ ได้ü่าเป็นการÿร้างจิตÿำนึกร่üมกันขĂงคนในชุมชนในการช่üยกันดูแลรักþาเÿมืĂนĀนึ่งü่าเป็นขĂงตนเĂง ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าขĂง แต่ทุกคนในชุมชนเป็นเจ้าขĂงร่üมกัน การÿร้างจิตÿำนึกในการเป็นเจ้าขĂง ร่üมกันนั้นถืĂได้ü่าเป็นÿิ่งที่ÿำคัญĂย่างยิ่งในการที่จะใĀ้ผู้ÿูงĂายุได้มีÿ่üนร่üมในการดูแลรักþาและใช้ ประโยชน์ร่üมกัน เพราะÿิ่งÿาธารณประโยชน์ต่างๆ ถูกÿร้างขึ้นจากการมีÿ่üนร่üมขĂงทุกฝ่าย เกิดจาก การประÿานงานขĂงทุกฝ่าย จึงก่ĂใĀ้เกิดÿิ่งÿาธารณประโยชน์Ăันเป็นเครื่Ăงใช้ÿĂยขĂงคนในชุมชน กระบüนการในการÿร้างจิตÿำนึกการเป็นเจ้าขĂงร่üมจึงนับได้ü่ามีคüามÿำคัญĂย่างยิ่งในกระบüนการ ÿร้างการมีÿ่üนร่üมในการใช้ผลประโยชน์ĀรืĂรับผลประโยชน์ ประการÿำคัญ การที่จะทำใĀ้ผู้ÿูงĂายุมี ÿ่üนร่üมในการใช้ประโยชน์และร่üมกันดูแลรักþานั้นจะต้Ăงÿร้าง “ÿำนึกคüามเป็นเจ้าขĂง (Sense of Belonging)” ซึ่งĀมายถึง คüามÿำนึกในการคำนึงถึงü่าÿิ่งÿาธารณะประโยชน์ที่เราร่üมกันÿร้างขึ้นมา นั้นเป็นเÿมืĂนเป็นขĂงขĂงเราด้üย การใช้ประโยชน์จากÿิ่งเĀล่านั้นก็ถืĂü่าเราต้ĂงดูแลเĂาใจใÿ่ รักþา ผลประโยชน์ ไม่นิ่งดูดาย และที่ÿำคัญต้ĂงคิดเÿมĂü่าĂะไรเป็นคüามÿูญเÿียก็ต้ĂงĀลีกเลี่ยง แต่ถ้าเป็น ผลประโยชน์ต้Ăงปกป้Ăงและดูแลรักþา โดยเฉพาะÿิ่งÿาธารณะประโยชน์ต่างๆ ที่เรามีÿ่üนร่üมมาตั้งแต่ ต้น ก็จำเป็นที่จะต้Ăงใช้ประโยชน์ร่üมกัน เป็นเจ้าขĂงร่üมกัน และดูแลรักþาร่üมกัน


71 รูปแบบการมีÿ่üนร่üมในภาคประชาชนนี้พบü่า จะĂยู่ในÿ่üนในขั้นแรกคืĂ การüางแผน ÿ่üน ขั้นตĂนต่ĂไปคืĂ การดำเนินการ และการติดตามตรüจÿĂบ จะเป็นบทบาทĀน้าที่ขĂงทางราชการĀรืĂ Ăงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่น และภาคประชาชนจะเข้ามามีบทบาทĂีกครั้งĀนึ่งก็คืĂการร่üมรับ ผลประโยชน์ ซึ่งจะเĀ็นได้ü่า กระบüนการĀรืĂขั้นตĂนขĂงการมีÿ่üนร่üมนั้นได้ขาดĀายไปในช่üงกลาง ขĂงกระบüนการ 5.2 ข้อเÿนอแนะในการดำเนินการ เพื่อใĀ้การมีÿ่üนร่üมในการÿนับÿนุนการปรับตัüทางÿังคมของ ผู้ÿูงอายุโดยองค์กรเครือข่ายมีประÿิทธิภาพ จากผลการÿัมภาþณ์ผู้ใĀ้ข้Ăมูลÿำคัญ ได้มีข้ĂเÿนĂแนะในการดำเนินการเพื่ĂใĀ้การมีÿ่üนร่üม ในการÿนับÿนุนทางÿังคมขĂงผู้ÿูงĂายุโดยĂงค์กรเครืĂข่าย ดังนี้ 5.2.1 ข้อเÿนอแนะในการดำเนินการเพื่อใĀ้มีประÿิทธิภาพ 1) คüรมีการพัฒนาบุคลากร / ข้าราชการที่เกี่ยüข้ĂงใĀ้มีจิตÿาธารณะก่Ăน เช่น ทำ Ăย่างไรใĀ้บุคลากรเข้าĀาและเข้าใจผู้ÿูงĂายุได้ 2) มีเงินĂุดĀนุนใĀ้มีบุคลากร “นักบริบาล” ในท้Ăงถิ่น เพื่Ăที่จะช่üยดูแลÿุขภาüะขĂง ผู้ÿูงĂายุได้ทั่üถึง 3) ปรับเปลี่ยนกฎĀมาย เช่น การตีไก่ไม่เป็นการพนัน เป็นต้น เพราะผู้ÿูงĂายุบางท่าน ชĂบกิจกรรมการตีไก่ ดังนั้นเมื่Ăผู้ÿูงĂายุได้ทำกิจกรรมที่ตนเĂงชĂบก็จะมีคüามÿุข แต่ในทางกลับกัน การตีไก่ถืĂü่าผิดกฎĀมาย ดังนั้นจึงĂยากใĀ้มีการเปลี่ยนกฎĀมาย 4) ผู้ÿูงĂายุบางท่านยังมีýักยภาพในการทำงาน ĂยากใĀ้มีการÿ่งเÿริมใĀ้ผู้ÿูงĂายุช่üย ทำงานในÿ่üนที่ÿามารถทำได้ และผู้ÿูงĂายุก็จะมีรายได้เช่นกัน (เทýบาลÿามารถรับผู้ÿูงĂายุเข้ามา ช่üยงานได้) 5) ต้Ăงการช่üยด้านรายได้เÿริมใĀ้แก่ผู้ÿูงĂายุ ใĀ้มีการฝึกĂาชีพใĀ้แก่ผู้ÿูงĂายุĂย่าง ต่Ăเนื่Ăง ทุกüันนี้โครงการจบการฝึกก็จบ 6) มีการÿร้างคüามÿัมพันธ์ในชุมชนĀรืĂในตำบล ĂยากใĀ้มีการถ่ายทĂดÿู่รุ่นĀลัง 5.2.2 ข้อเÿนอแนะในด้านýาÿนา พบü่า ýาÿนามีÿ่üนÿำคัญĂย่างมากกับผู้ÿูงĂายุ ดังนั้น Ăงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่นจะต้Ăงมีÿ่üนร่üมและเน้นด้านýาÿนาดังนี้ 1) มีการจัดกิจกรรมที่üัด ผู้ÿูงĂายุมีการใกล้ชิดüัด มีการไปทำบุญที่üัดในüันพระ และใĀ้ คüามÿำคัญกับüัดมากขึ้น üัดมีกิจกรรมใด ผู้ÿูงĂายุจะต้Ăงไปร่üม ĀรืĂรüมตัüกันที่นั่น 2) ทุกครั้งที่มีการเรียนที่โรงเรียนผู้ÿูงĂายุ คüรจต้Ăงะมีการÿüดมนต์ ไĀü้พระก่Ăนทุกครั้ง 3) ใช้Āลัก “บüร” ในการดำเนินการกิจกรรมผู้ÿูงĂายุในชุมชน


72 เอกÿารอ้างอิง การคาดประมาณประชากรขĂงประเทýไทย พ.ý.2553 พ.ý. 2583 ÿํานักงานคณะกรรมการพัฒนา เýรþฐกิจและÿังคมแĀ่งชาติ, [ĂĂนไลน์], แĀล่งที่มา: https://www.fopdev.or.th [10 กุมภาพันธ์ 2564]. กัณติภณ คูÿมิทธิ์. (2558). บทคüามเรื่Ăง เตรียมแผนขยายโĂกาÿĂาชีพผู้ÿูงĂายุ กระทรüงแรงงาน. (ĂĂนไลน์). แĀล่งที่มา: mol.go.th 11 ธันüาคม 2558. เกรียงýักดิ์ เจริญüงý์ýักดิ์. (2551). ÿังคมผู้ÿูงĂายุ. นิตยÿารการýึกþาĂัพเกรด. ปีที่ 2 ฉบับที่ 092 ประจําüันที่ 31 กรกฎาคม – ÿิงĀาคม กลุ่มÿถิติแรงงาน. (2555). การทํางานขĂงผู้ÿูงĂายุในประเทýไทยพ.ý. 2554. ÿํานักÿถิติเýรþฐกิจและ ÿังคม: ÿํานักงานÿถิติแĀ่งชาติ คำนึง ÿิงĀ์เĂี่ยม, (2560), “รูปแบบการมีÿ่üนร่üมขĂงประชาชนตามĀลักธรรมาภิบาลการบริĀาร จัดการĂงค์กรปกครĂงÿ่üนท้Ăงถิ่น จังĀüัดภูเก็ต”, üารÿารüิชาการมĀาüิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2560 จุฑารัตน์ ชมพันธุ์, (2555), “การüิเคราะĀ์Āลัก การüิเคราะĀ์Āลัก “การมีÿ่üนร่üมขĂงประชาชน” ใน “The Public Participation Handbook: Making Better Decisions through Citizen Involvement” ในบริบทประเทýไทย”, üารÿารการจัดการÿิ่งแüดล้Ăม, ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2555. จินตüีร์ เกþมÿุข, (2554), การÿื่Ăÿารกับการเปลี่ยนแปลงขĂงÿังคม, (กรุงเทพมĀานคร : จุāาลงกรณ์ มĀาüิทยาลัย ฉลาด จันทรÿมบัติ, (2553), “การมีÿ่üนร่üมขĂงชุมชนในการจัดการýึกþาเพื่Ăพัฒนาท้Ăงถิ่น”, üารÿาร การบริĀารและพัฒนา, ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมþายน 2553) ณัฏฐüุฒิ ทรัพย์Ăุปถัมภ์, (2558). ทฤþฎีและĀลักการพัฒนาชุมชน, พิมพ์ครั้งที่ 3, คณะมนุþยýาÿตร์ และÿังคมýาÿตร์ :มĀาüิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ทýพล ÿมพงþ์, การÿังเคราะĀ์บทเรียนเพื่Ăการพัฒนาประชาธิปไตยชุมชน, (กรุงเทพมĀานคร : บริþัท ýูนย์การพิมพ์แก่นจันทร์ จำกัด, 2555) ถüิลüดี บุรีกุล, (2552), พลüัตการมีÿ่üนร่üมขĂงประชาชน : จากĂดีตจนถึงรัฐธรรมนูญแĀ่ง ราชĂาณาจักรไทย พุทธýักราช 2550, (กรุงเทพมĀานคร : บริþัท เĂ.พี. กราฟิค ดีไซน์และ การพิมพ์ จำกัด นิยม เüชกามา, (2561), “รูปแบบการมีÿ่üนร่üมทางการเมืĂงในระบĂบประชาธิปไตย ขĂงประชาชน ชาüÿกลนครตามแนüพุทธจิตüิทยา”, üิทยานิพนธ์พุทธýาÿตรดุþฎีบัณฑิต ÿาขาüิชา พุทธ จิตüิทยา, บัณฑิตüิทยาลัย : มĀาüิทยาลัยมĀาจุāาลงกรณราชüิทยาลัย


73 บุญทิพย์ ÿิริธรังýรี, มาลี ÿุรเชþฐ์, ชนาภา จันทร์üงþา. (2553). คู่มืĂฝึกĂบรมโครงการการใĀ้คüามรู้ และกําลังใจแก่ผู้ÿูงĂายุที่Ăยู่ตามลำพัง. คüามร่üมมืĂระĀü่างÿาขาüิชาพยาบาลýาÿตร์ ÿาขาüิชานิติýาÿตร์และýูนย์üิทยพัฒนา. มĀาüิทยาลัยÿุโขทัยธรรมาธิราช ปัทมา ü่าพัฒนüงý์ และ ปราโมทย์ ประÿาทกุล. (2558). มĀาüิทยาลัยมĀิดล. (ĂĂนไลน์).แĀล่งที่มา: www.ipsr.mahidol.ac.th/IPSR/AnnualConference/ConferenceII/Article/Download /Article02.pdf 9 ธันüาคม 2558 ประภาý ปานเจี้ยง, ยุüัลดา ชูรักþ์ และ ฉัตรจงกล ตุลนิþกะ, (2561), “การมีÿ่üนร่üมขĂงชุมชนในการ พัฒนาýูนย์การเรียนรู้เýรþฐกิจพĂเพียง : กรณีýึกþา ชุมชนบ้านพรุ เขต 2 ตำบลบ้านพรุ ĂำเภĂĀาดใĀญ่ จังĀüัดÿงขลา”, รายงานÿืบเนื่ĂงจากการประชุมĀาดใĀญ่üิชาการระดับชาติ และนานาชาติ ครั้งที่ 9 “The 9 th Hatyai National and International Conference” üันที่ 20-21 กรกฎาคม 2561, (ÿงขลา : มĀาüิทยาลัยĀาดใĀญ่ แผนพัฒนาผู้ÿูงĂายุแĀ่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ý.2545 –2564) ปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ý.2552 แผนยุทธýาÿตร์ ชาติระยะ 20 ปีด้านÿาธารณÿขุ พุทธýักราช 2561 พงþ์ÿüัÿดิ์ ÿüัÿดิ์พงþ์, (2547). การจัดระเบียบทางÿังคม: คüามคิดพื้นฐานทางÿังคมüิทยา, กรุงเทพฯ: มĀาüิทยาลัย ธรรมýาÿตร์ เมตต์ เมตต์การุณ์จิต, (2547), การบริĀารจัดการýึกþาแบบมีÿ่üนร่üม, กรุงเทพมĀานคร : บุ๊คพĂยท์ มĀาüิทยาลัยÿุโขทัยธรรมาธิราช. (2558). บทคüามเรื่Ăง ÿังคมผู้ÿูงĂายุ นัยต่Ăการพัฒนาเýรþฐกิจ. แĀล่งที่มา: http://www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sec/Lom12/05-01.html ราชบัณฑิตยÿถาน, (2549), พจนานุกรมýัพท์ÿังคมüิทยา Ăังกฤþ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตÿถาน, พิมพ์ครั้ง ที่ 3, (กรุงเทพมĀานคร : ราชบัณฑิตยÿถาน üิชัย ภูโยธิน, (2553), Āน้าที่พลเมืĂงและการดำเนินชีüิตในÿังคม, กรุงเทพมĀานคร : Ăักþรเจริญทัýน์ ýุภนันทา ร่มประเÿริฐ (2553). üัยÿูงĂายุกับคüามพร้ĂมในการรับมืĂขĂงรัฐบาลไทย. üารÿาร เýรþฐýาÿตร์และนโยบายÿาธารณะ 5 (10) : 16 –25 ÿถาบันพระปกเกล้า, (2553), บันทึกเรื่Ăงเด่นรางüัลพระปกเกล้า’52 ด้านคüามโปร่งใÿและการมีÿ่üน ร่üมขĂงประชาชน, (กรุงเทพมĀานคร : บริþัท จรัลÿนิทüงý์การพิมพ์ จำกัด ÿํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเýรþฐกิจและÿังคมแĀ่งชาติ (2560). แผนพัฒนาเýรþฐกิจและÿังคม แĀ่งชาติ ฉบับที่ 12. กรุงเทพฯ : ÿำนักงาน ÿํานักÿถิติพยากรณ์. (2552). ÿํารüจคüามคิดเĀ็นขĂงประชาชนเกี่ยüกับการเตรียมตัüเพื่Ăเข้าÿู่üัย ÿูงĂายุและการตระĀนักเĀ็นคุณค่าขĂงผู้ÿูงĂายุ พ.ý. 2552. ÿํานักงานÿถิติแĀ่งชาติ ÿํานักงานÿถิติแĀ่งชาติ ÿถาบันüิจัยประชากรและÿังคม ข้Ăมูลจากการÿํารüจภาüะเýรþฐกิจและÿังคม ขĂงครัüเรืĂน พ.ý. 2552 ÿุนทร ปัญญะพงþ์, (2554), คüามรู้เบื้Ăงต้นเกี่ยüกับÿังคมüิทยา, ชัยภูมิ : มĀาüิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ


74 ÿุพัตรา ÿุภาพ, (2554). การกล่Ăมเกลาทางÿังคม, (กรุงเทพมĀานคร : Ăักþรเจริญทัýน์ โÿภา ชปิลมันน์, (2553), üิกฤติÿังคมไทยยุคโลกาภิüัฒน์และทางĂĂก, กรุงเทพมĀานคร : นิพนธ์การ พิมพ์ ÿุรางค์ จันทน์เĂม, (2552), การกล่Ăมเกลาทางÿังคม, พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพมĀานคร : ประÿานมิตร ÿุริชัย Āüันแก้ü, (2553), การเปลี่ยนแปลงทางÿังคมและüัฒนธรรม, พิมพ์ครั้งที่ 12, (กรุงเทพมĀานคร : จุāาลงกรณ์มĀาüิทยาลัย Ăงค์การบริĀารจัดการก๊าซเรืĂนกระจก (Ăงค์การมĀาชน), (2552). แนüทางการจัดกระบüนการมีÿ่üน ร่üมและการจัดประชุมรับฟังคüามคิดเĀ็นขĂงประชาชนที่Ăาจได้รับผลกระทบจากโครงการที่ ยื่นขĂคำรับรĂง เป็นโครงการกลไกการพัฒนาที่ÿะĂาด, (กรุงเทพมĀานคร : üี พลัÿ กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด Barrera, M., (1986) ,“Distinctions between social support concepts, measures, and models”, American Journal of Community Psychology, 14(4): Bjork, G. J. (1999). The Way It Worked and Why It Won’t: Structural Change and the Slowdown of U.S. Economic Growth, Westport, CT; London: Praeger, 2 and 67. Chengting Ju, (2018) , “Religiousness, social support, and subjective well-being: An exploratory study among adolescents in an Asian atheist country”, Interna - tional Journal of Psychology, 53, (2), 97-106. Clark, R. L. & Ogawa, N. (1996). Human resource policies and older workers in Japan. The Gerontologist. 36(5), 627-636. Cohen, J and N.T. Uphoff, (1980) , Participation’s Place in Rural Development: Seeking Clarify Through Specificity, (world Development 8, pp.213 – 228. Fuentes, M., & Gunder F.A., (1989) , Ten theses on social movements, World Development, vol. 17, issue 2, 179-191 Gottlieb Gottlieb, J. L., (1985), Social participation of individuals in four rural community of the northeast: rural sociology, 4 th ed., (Columbia: University Missouri Press Habermas, Jนrgen, (1981) , Theory of Communicative Action, Volume One: Reason and the Rationalization of Society (Book). Translated by Thomas A. McCarthy. Boston, Mass.: Beacon Press. Herbert Blumer, (1986), Symbolic Interactionism: Perspective and Method University of California Press House, J. S., (1981), Work stress and social support, (Reading, MA: Addison-Wesley


75 Israel. B.A., “(1985), Social network and social support: Implication of natural helper and community Level Intervention, Health education quarterly, No.7: 66-75. Jones, D. S., “Social Comparison and body image Attractiveness comparisons to models and peers among adolescent Mexican-American women”, Sex Roles, 45 (9-10), (2001): 645- 664. Kaplan, B.H .; Cassel, J.C., & Gore, S., (1977), “Social Support and Health”. Medical Care, 15 (5) Kongtong, Y. & Romprasert, S. (2015). Policy response on sustained Thailand’s aging population grows. Proceedings of the International Conference on Global Business, Economics, Finance and Social Sciences (GB1 5_Thai Conference) Bangkok, Thailand, 20-22 February 2015 Paper ID: T527. Melucci, Alberto, (1986) , Youth, time and social movements. Saga Journals, Volume 4, Issue 2 https://doi.org/10.1177/110330889600400202 Moss, K. R. & Dretler, T. D. (2000). Global strategy and its impact on local operations: lessons from Gillette Singapore in Mendenhall, M. & Oddou, G. (eds.), Readings and Cases in International Human Resource Management, 3rd edition, SouthWestern College Publishing, USA, 4-17. Murphy, Philip Michael., & Kupshik, Gary Allan, (1992), Loneliness, Stress and Well-being: Helper's Guide, (New York: Chapman and Hall, Inc Nisbet, R. A., (1969) , Social Change and History: Aspect of the Western Theory of Development, London: Oxford University Press Patrickson, M. (2001). Introduction to Diversity in Patrickson, M. & Obrien, P. (eds.), Managing Diversity: An Asian and Pacific Perspective, Wiley, Brisbane, forthcoming. Patrickson, M. (2001). The Aging Workforce: Implications for Human Resource Management in Weisner, R. & Millett, B. (eds.), Human Resource Management: Challenges and Future Directions, Wiley, Brisbane, Australia, forthcoming. Pilisuk, M., (1982), “Delivery of Social Support: The Social Innovation”, American Journal Orthopsychiatry, 52, (January 1982) : 20-35. Olson, Mancur, (1965) , The logic of collective action: public goods and the theory of groups. Cambridge, Mass: Harvard University Press Rogers, E. M. (1995). Diffusion of innovations (4th ed.). New York: Free Press


76 Thoists, P.A., (1982),“Conceptual, Methodological, and Theoretical Problem in Studying Social Support as a Buffer Against Life Stress”, Journal of Health and Social Behavior, 23, 147-158 Shaefer, C., Coyne, J. C. & Lazarus, R. S., (2004) ,“The health-related functions of social support”, Journal of Behavioral Medicine, 4(4): 381-401 United Nations. (1992). Economic Studies No. 3, New York, ECE, p. 17. Walsh, J. (2011). Demographic change and sustainable economic development: employment perceptions of older workers in Thailand. Journal of Economics and Organization of Future Enterprise, Quarterly Journal. Whitman, MvN. M. (1999). New World, New Rules: The Changing Role of the American Corporation, Harvard Business School Press, Mass.


77 ภาคผนüก ก. เครื่องมือüิจัย แบบÿัมภาþณ์โครงการบูรณาการýาÿตร์และýิลป์: นüัตกรรมýิลปะการละคร พุทธเกÿตอลท์เพื่อเÿริมÿร้างการปรับตัüทางÿังคมขององค์กรเครือข่าย ชื่อผู้ÿัมภาþณ์......................................................................................... ÿ่üนที่ 1 ชื่อผู้ใĀ้ข้อมูลÿำคัญ.................................................................................................................. อายุ.............ปี ตำแĀน่ง....................................ของโรงเรียน/ชมรม/Āน่üยงาน/กลุ่ม (บอกได้มากกü่1). .......................................................................................................................................................................... Āน้าที่................................................................................................................................................................ มีคüามÿามารถในด้าน..................................................................................................................................... ÿภาพ/ปัญĀาที่พบกับผู้ÿูงอายุในปัจจุบันคือ 1........................................................................................................................................................................ และเÿริมÿร้าง/แก้ไขคือ..................................................................................................................... ................ 2........................................................................................................................... ............................................ และอยากแก้ไขคือ............................................................................................................................................... 3. กิจกรรมที่ท่านทำใĀ้ผู้ÿูงอายุคือ..................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................


78 ÿ่üนที่ 2 ÿภาพที่เป็นอยู่ ปัญĀา และการÿ่งเÿริม Āรือแก้ไขในชีüิตด้านต่อไปนี้ 1.ด้านมาตรฐานทางสังคม คือ การที่บุคคลมีคüามเข้าใจ เต็มใจในการปฏิบัติ1.ตามกฏของÿังคม 2. เคารพต่อÿิทธิของผู้อื่น 3.ยึดĀลักจรรยาบรรณในการทำงาน และ4.เĀ็นแก่ประโยชน์ÿ่üนรüม มากกü่าประโยชน์ÿ่üนตน ÿภาพชีüิตด้านมาตรฐานทางÿังคมเป็นอย่างไร......................................................................... 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ปัญĀา/อุปÿรรคและการแก้ไข 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ................................................................................................................(ที่ไม่พอใĀ้เขียนĀลังกระดาþ) 2. ด้านทักþะทางÿังคม คือ การที่บุคคล1.ไü้üางใจ ยอมรับผู้อื่นโดยปราýจากอคติ 2.ÿามารถผูกมิตร และ 3.ประÿานคüามร่üมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ การปรับตัü ÿภาพชีüิตด้านทักþะทางÿังคมเป็นอย่างไร 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... .......................................................................................................................................


79 ปัญĀา/อุปÿรรคและการแก้ไข 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ................................................................................................................(ที่ไม่พอใĀ้เขียนĀลังกระดาþ) 3.ด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคม คือ การที่บุคคลมีคüามยินดีที่จะ 1.ปฏิบัติตามกฏระเบียบ ของÿังคม 2.ไม่ก่อปัญĀาอันเป็นต้นเĀตุใĀ้เกิดคüามไม่ÿงบในÿังคม ÿภาพชีüิตด้านแนüโน้มพฤติกรรมต่อต้านÿังคมเป็นอย่างไร 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ปัญĀา/อุปÿรรคและการแก้ไข 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ................................................................................................................(ที่ไม่พอใĀ้เขียนĀลังกระดาþ) 4. ด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัü คือ การที่บุคคลรู้ÿึก1.อบอุ่นภูมิใจที่เป็นÿ่üนĀนึ่งของครอบครัü และ2.ÿามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่üมกับบุคคลในครอบครัüได้อย่างÿบายใจ ÿภาพชีüิตด้านคüามÿัมพันธ์ในครอบครัüเป็นอย่างไร 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4...........................................................................................................................................


80 ปัญĀา/อุปÿรรคและการแก้ไข 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ................................................................................................................(ที่ไม่พอใĀ้เขียนĀลังกระดาþ) 5. ด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคม คือ การที่บุคคล1.มีคüามภูมิใจ พอใจ ต่อÿถาบันการýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคม 2.ÿามารถปรับตัüเข้ากับเพื่อนและ 3.อาจารย์ได้ดี ÿภาพชีüิตด้านคüามÿัมพันธ์ในÿถาบันการýึกþา/ชมรม/กลุ่มÿังคม เป็นอย่างไร. 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ปัญĀา/อุปÿรรคและการแก้ไข 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ................................................................................................................(ที่ไม่พอใĀ้เขียนĀลังกระดาþ) 6. ด้านคüามÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัย คือ การที่บุคคลมีคüามยินดีที่จะ1.ปฏิบัติ ตามข้อตกลง Āรือ2.ร่üมทำกิจกรรมต่างๆของชุมชนĀรือที่อยู่อาýัย ÿภาพชีüิตด้านÿัมพันธ์ในชุมชนที่อยู่อาýัยเป็นอย่างไร 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4...........................................................................................................................................


81 ปัญĀา/อุปÿรรคและการแก้ไข 1........................................................................................................................................... 2........................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................... ................................................................................................................(ที่ไม่พอใĀ้เขียนĀลังกระดาþ) ÿ่üนที่ 3 กิจกรรมที่ทำใĀ้ผู้ÿูงอายุในปัจจุบัน คือ 1.............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... เพราะ/เพื่อ............................................................................................................................................ มีเครือข่ายร่üมด้üยĀรือ ไม่ ใคร ในÿ่üนไĀน......................................................................................... ............................................................................................................................................................. 2.............................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ เพราะ/เพื่อ............................................................................................................................................ มีเครือข่ายร่üมด้üยĀรือ ไม่ ใคร ในÿ่üนไĀน......................................................................................... ............................................................................................................................................................. 3.............................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ เพราะ/เพื่อ............................................................................................................................................ มีเครือข่ายร่üมด้üยĀรือ ไม่ ใคร ในÿ่üนไĀน......................................................................................... ............................................................................................................................................................. 4.............................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ เพราะ/เพื่อ............................................................................................................................................ มีเครือข่ายร่üมด้üยĀรือ ไม่ ใคร ในÿ่üนไĀน......................................................................................... .............................................................................................................................................................


82 ท่านคิดü่าýาÿนาช่üยเĀลือในการดำเนินชีüิตของผู้ÿุงอายุได้Āรือไม่อย่างไร. (แยกเป็นข้อ).......... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ข้อเÿนอแนะที่จะทำใĀ้ผู้ÿูงอายุมีคุณภาพชีüิตทางÿังคมที่ดี............................................. ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................. อื่นๆ...................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................


83 ภาคผนวก ข. ภาพกิจกรรม การลงพื้นที่รวบรวมข้อมูล


84


Click to View FlipBook Version