ลกั ษณะที่ ๑ ลกั ษณะที่ ๒
ปางที่ ๓๐ ปางส�ำแดงอทิ ธปิ าฏิหารยิ ์
ปางส�ำแดงอิทธิปาฏิหาริย์หรือปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์มี
การกระทำ� เป็นประตมิ ากรรมรปู เคารพ ๒ ลักษณะ
ลกั ษณะท่ี ๑ พระอริ ิยาบถประทับยนื พระหตั ถซ์ ้ายยกขึ้น
ป้องเหนอื พระอรุ ะ พระกรขวาทอดยาวขา้ งพระวรกาย
ลักษณะที่ ๒ พระอิริยาบถประทบั ยืนพระหตั ถซ์ ้ายยกข้ึน
ป้องเหนือพระอุระ พระกรขวาทอดยาวข้างพระวรกาย รอบพระ
วรกายมปี ระภาวลีเปล่งรศั มี ซ่ึงบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมา
ทา่ มกลางหมูพ่ ระประยูรญาติ
เม่ือพระพุทธองค์เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์ตามพระราช
ประสงค์ของพระเจา้ สุทโธทนะ พระพทุ ธบิดา พระพทุ ธองคป์ ระทบั
พระพุทธอาสน์และหมู่พระสงฆ์น่ังท่ีเสนาสนะ ณ โครธารามวิหาร
ทีบ่ รรดาพระประยรู ญาติทรงจดั ถวาย ในหม่พู ระประยรู ญาติหลาย
พระองค์เกิดมิจฉาทิฏฐิไม่เคารพในพระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึง
ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เนรมิตรัตนจงกรมให้เกิดกลางอากาศและ
ทรงพระด�ำเนินจงกรม ท�ำให้หมู่พระประยูรญาติและพระพุทธบิดา
มีจิตเล่ือมใสถวายนมัสการ หลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จลงมา
ประทับท่ามกลางหมู่พระประยูรญาติ ฝนโบกขรพรรษจึงตกลงมา
ฝนดงั กลา่ วผใู้ ดปรารถนาจะใหเ้ ปยี กกเ็ ปยี ก หากผใู้ ดไมป่ รารถนาให้
เปียก เมด็ ฝนจะกล้งิ หายจากกาย เหมอื นหยาดนำ้� บนใบบัว๑
_________________
๑ พทิ รู มลวิ ัลย์ และไสว มาลาทอง. Op.,cit. หนา้ ๑๔๗
49
50
ปางที่ ๓๑ ปางอมุ้ บาตร
พระอิริยาบถประทับยืนพระหัตถ์ทั้งสองประคอง
บาตร เมอ่ื ฝนโบกขรพรรษตกลงในทา่ มกลางหมู่พระประยรู
ญาติแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสเทศนามหาเวสสันดรชาดก
ในวันรงุ่ ขึ้น พระพทุ ธองค์พรอ้ มดว้ ยพระสงฆ์ ๒๐,๐๐๐ องค์
เสดจ็ บณิ ฑบาตในกรงุ กบลิ พสั ดท์ุ กุ หนแหง่ เพอ่ื ประชาราษฎร
ได้ชน่ื ชมพุทธบารมี
พระพุทธรูปปางนี้ เป็นพระพุทธรูปประจ�ำวันพุธ
(เวลากลางวัน) ๑
___________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รุณ. Op.,cit. หนา้ ๒๗
51
_____________________ ปางที่ ๓๒ ปางโปรดพทุ ธบดิ า
๑ Ibid. หนา้ ๒๘ พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื พระหตั ถข์ วายกขนึ้ จบี นว้ิ พระหตั ถ์
อันเป็นมุทราแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา พระหัตถ์ซ้ายประคอง
บาตร
เม่ือพระพุทธบิดาทรงทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จออก
บิณฑบาตตามบ้านเรือนในกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงมีพระราชด�ำริว่าเป็น
เรอ่ื งอปั ยศ จงึ รบั สงั่ แกพ่ ระพทุ ธองคว์ า่ “นเ่ี ปน็ ประเพณขี องกษตั รยิ ์
หรอื ” พระพทุ ธองคท์ รงอธบิ ายวา่ ทรงปลดประเพณกี ษตั รยิ อ์ อกจน
หมดสนิ้ แลว้ และทรงตงั้ อยใู่ น “ประเพณขี องตถาคต” เมอ่ื ทรงอยใู่ น
ภาวะสมณเพศ วัตรอนั ควรปฏบิ ัติ คือ การบิณฑบาต พระพุทธบดิ า
เมื่อทรงสดับพระธรรมโอวาทได้บรรลุพระโสดาปัตติผล และได้ทูล
อาราธนาพระพุทธองค์เสด็จไปเสวยภัตตาหาร ณ พระราชนิเวศน์
พร้อมดว้ ยพระสงฆ์สาวกโดยพร้อมเพรยี งกนั ๑
52
ปางท่ี ๓๓ ปางรบั ผลมะม่วง
พระอิริยาบถประทับน่ังขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา
พระหัตถข์ วาวางหงายบนพระชานุ ในฝ่าพระหัตถม์ ีผลมะมว่ ง
พระพทุ ธรปู ปางรบั ผลมะมว่ ง มกี ลา่ วถงึ ในพทุ ธประวตั ติ า่ งกนั เปน็ ๒ เหตกุ ารณ์
ไดแ้ ก่ เหตกุ ารณเ์ มอื่ พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ออกจากเมอื งราชคฤหไ์ ปยงั เมอื งสาวตั ถี ในเวลา
รงุ่ เชา้ เสดจ็ ใกลป้ ระตเู มอื ง ผรู้ กั ษาพระราชอทุ ยานแหง่ กษตั รยิ เ์ มอื งสาวตั ถี คอื คณั ฑะ
ไดถ้ วายมะม่วงสุกผลหน่ึงแก่พระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทอดพระเนตรพระอานนท์
พระอานนท์จึงน�ำบาตรวางเหนือพระหัตถ์ และเปลื้องจีวรปูลาดถวายเป็นพุทธอาสน์
พระอานนท์กรองค้ันเน้ือมะม่วงเป็นน้�ำอัมพบาน๑ ถวายพระพุทธองค์เสวยอัมพบานน้ัน
และตรสั ให้นายคัณฑะนำ� เมล็ดมะม่วงไปปลูก
อกี เหตกุ ารณห์ นง่ึ กลา่ วถงึ วา่ เมอ่ื พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ กรงุ สาวตั ถี กลมุ่ เดยี รถยี ป์ ระกาศวา่ จะกระทำ� ปาฏหิ ารยิ ์
ขม่ พทุ ธบารมี พระพทุ ธองคจ์ งึ ตรสั จะแสดงพระพทุ ธปาฏหิ ารยิ ป์ ราบเหลา่ เดยี รถยี ท์ ใี่ ตต้ น้ มะมว่ ง เหลา่ เดยี รถยี จ์ งึ พากนั
ถอนต้นมะม่วงเสียส้ิน เพือ่ มิใหพ้ ระพทุ ธองคท์ รงแสดงปาฏหิ ารยิ ต์ ามทีม่ ีพุทธดำ� รสั ไว้ คร้ันเมื่อผู้รักษาพระราชอุทยาน
แห่งกษัตริย์กรุงสาวัตถีน�ำผลมะม่วงมาถวายพระพุทธองค์ หลังจากเสวยน้�ำค้ันจากผลมะม่วงแล้ว พระพุทธองค์
โปรดให้น�ำเมล็ดมะม่วงน้ันไปปลูก เกิดปาฏิหาริย์ต้นมะม่วงโตข้ึนทันทีอย่างรวดเร็ว เพ่ือพระพุทธองค์ทรงกระท�ำ
ยมกปาฏหิ ารยิ ์ปราบเหลา่ เดยี รถีย์ ๒
___________________
๑ อมั พบาน หมายถงึ น้�ำคั้นจากผลมะม่วง
๒ พทิ รู มลิวัลย์ และไสว มาลาทอง . Op.,cit. หนา้ ๑๖๓
53
____________________ ปางท่ี ๓๔ ปางแสดงยมกปาฏหิ ารยิ ์
๑ Ibid. หน้า ๑๗๒
พระอิริยาบถประทับนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์
พระบาทท้ังสองมีฐานบัวรองรับ พระหัตถ์ซ้ายวางบน
พระเพลา พระหัตถ์ขวายกขน้ึ เสมอพระอุระ จีบนวิ้ พระหัตถ์
ในมุทราแสดงธรรม
พระพุทธรูปปางแสดงยมกปาฏิหาริย์ มีกล่าวถึงใน
พทุ ธประวตั ติ ่างกนั เป็น ๒ เหตกุ ารณ์ ไดแ้ ก่ เหตกุ ารณเ์ มื่อ
นายคัณฑะน�ำเมล็ดมะม่วงไปปลูกตามพุทธด�ำรัสใกล้ประตู
กรงุ สาวตั ถี มะมว่ งนน้ั เจริญงอกงาม เม่อื ออกผล ผลมะมว่ ง
นน้ั มีรสชาติดีเปน็ ท่ตี ้องใจผลู้ ้ิมลอง พวกเดียรถีย์จึงพากนั มา
โค่นต้นมะม่วงน้ี วาตวลาหกเทพบุตรจึงบันดาลให้มหาวาต
พายุพัดทำ� ลายมณฑปของเดยี รถีย์ คร้นั เวลาบา่ ย พระพุทธ
องค์จึงทรงกระทำ� ยมกปาฏหิ าริย์
อกี เหตกุ ารณห์ นงึ่ กลา่ วถงึ พระพทุ ธองคท์ รงกระทำ�
ยมกปาฏิหารยิ บ์ นต้นมะม่วงท่ีไดท้ รงปลกู ในกรงุ สาวัตถี เพ่อื
ปราบเหล่าเดียรถีย์ โดยทรงส�ำแดงฤทธ์ิเนรมิตพระองค์ใน
พระอริ ยิ าบถนง่ั นอน ยนื เดนิ ปรากฏเป็นคู่ รวมท้งั มีเปลว
เพลงิ และกระแสนำ�้ พงุ่ ออกจากทกุ สว่ นของพระวรกายพรอ้ ม
กันโดยที่สายนำ�้ ไมด่ ับเปลวเพลงิ ๑
54
55
ปางที่ ๓๕ ปางโปรดพทุ ธมารดา
พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา
พระหตั ถ์ขวายกข้ึนเสมอพระอุระ จบี นิ้วพระหตั ถใ์ นมทุ ราแสดงธรรม
หลังจากพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ปราบเหล่าเดียรถีย์แล้ว เสด็จ
สู่สวรรค์ช้ันดาวดึงส์เพ่ือเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดาเช่นเดียวกับพระอดีต
พุทธเจา้ ทกุ พระองค์ทรงปฏิบัติ
พระพทุ ธรูปปางนี้ เป็นพระพุทธรปู ประจำ� ปนี กั ษัตร ปีฉลู ๑
__________________
๑ พระพมิ ลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ). Op.,cit. หน้า ๑๔๗
56
57
ลักษณะที่ ๑ ลกั ษณะท่ี ๒
ปางท่ี ๓๖ ปางเปิดโลก
ปางเปิดโลก มีการท�ำเป็นประติมากรรมรูปเคารพ
๒ ลกั ษณะ
ลกั ษณะท่ี ๑ พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื พระกรทงั้ สอง
ทอดยาวกางออกไปขา้ งพระวรกาย นวิ้ พระหตั ถก์ างเลก็ นอ้ ย
แสดงมทุ ราทรงเปิด
ลักษณะท่ี ๒ พระอิริยาบถประทับยืน พระกรท้ัง
สองทอดยาวข้างพระวรกาย หงายฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออก
ขา้ งหนา้ แสดงพระอิรยิ าบถอนั หมายถงึ เปดิ โลก
เมอ่ื พระพทุ ธองคจ์ ะเสดจ็ จากดาวดงึ ส์ หลงั จากเสดจ็
โปรดพระพทุ ธมารดาแลว้ ทรงแสดงปาฏหิ ารยิ เ์ ปดิ โลกทำ� ให้
ชาวโลกมนษุ ย์ สวรรค์ และนรก ต่างเหน็ กนั โดยตลอด
58
ปางท่ี ๓๗ ปางลลี า
พระอิรยิ าบถกา้ วพระบาทด�ำเนิน ยกส้นพระบาทขวา พระกรขวาอยูใ่ นทา่ ไกว
พระหัตถ์ซา้ ยยกขึ้นเสมอพระอุระปอ้ งไปเบ้ืองหนา้
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์น้ัน พระอินทร์เนรมิตบันได
สามบันไดเพอื่ ทรงด�ำเนนิ ได้แก่ บนั ไดทองข้างซา้ ยสำ� หรบั พระอนิ ทร์ บันไดแกว้ ซงึ่ อยู่
ตรงกลางส�ำหรับพทุ ธดำ� เนนิ และบนั ไดเงินข้างขวาสำ� หรบั พระพรหม
นอกจากหมายถงึ เหตกุ ารณเ์ มอื่ พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ จากดาวดงึ สแ์ ลว้ พระพทุ ธรปู
ปางลีลา อาจเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติตอนอ่ืนๆ เช่น พระพุทธองค์เสด็จจาริกสั่งสอน
เผยแพรพ่ ระพุทธศาสนา
พระพทุ ธรูปปางลีลาเป็นพระพทุ ธรูปประจ�ำเดอื น ๑๑ ๑
___________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรณุ . Op.,cit. หนา้ ๓๐
59
__________________ ปางท่ี ๓๘ ปางเสด็จจากดาวดึงส์
๑ Ibid. พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื ยกพระหตั ถท์ ง้ั สองขนึ้ เสมอ
พระอุระ จีบนว้ิ พระหัตถท์ ัง้ สองเปน็ มทุ ราแสดงธรรม
เมอื่ พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ลงจากสวรรคช์ น้ั ดาวดงึ สน์ น้ั
ทรงจีบน้ิวพระหตั ถ์เปน็ มทุ ราแสดงธรรม
พระพุทธรูปปางเสด็จจากดาวดึงส์เป็นพระพุทธรูป
ประจ�ำเดอื น ๑๑ ๑
60
ปางที่ ๓๙ ปางห้ามพระแกน่ จนั ทน์
พระอิริยาบถประทับยืน พระกรขวาทอดยาว
ขา้ งพระวรกาย พระหัตถ์ซา้ ยยกขึ้นเสมอพระอุระ ต้งั ฝ่า
พระหัตถแ์ สดงมุทราห้าม
เม่ือพระพุทธองค์เสด็จโปรดพระพุทธมารดา
ท่ีสวรรค์ช้นั ดาวดงึ ส์ เปน็ เวลา ๓ เดือนนนั้ พระเจ้ากรงุ
สาวตั ถแี ละชาวเมอื งตา่ งรำ� ลกึ ถงึ พระพทุ ธองค์ จงึ โปรดให้
ชา่ งสลกั รปู พระพทุ ธองคด์ ว้ ยไมแ้ กน่ จนั ทนป์ ระดษิ ฐานบน
พระแท่นท่ีพระพุทธองค์ทรงเคยประทับ เพื่อทรงสักการ
บูชา คร้ันเมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับลงมาถึงที่ประทับ
พระพทุ ธปฏมิ าไม้แก่นจันทนน์ นั้ จงึ ลุกขน้ึ ถวายบังคม และ
ลีลาลงจากท่ีประทับ พระพุทธองค์จึงยกพระหัตถ์ห้าม
พระพุทธปฏิมาไม้แก่นจันทน์จึงลีลาข้ึนประทับพระแท่น
ตามเดิม
61
ปางท่ี ๔๐ ปางสมาธิเพชร
พระอริ ยิ าบถประทบั นงั่ ขดั สมาธเิ พชร หงายฝา่ พระบาททงั้ สองขา้ ง ฝา่ พระหตั ถ์
วางหงายซอ้ นกันบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางบนพระหตั ถซ์ ้าย
เมอื่ พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ออกโปรดสตั วใ์ นเวลาเชา้ เสวยแลว้ ทรงพกั กลางวนั ทรง
ดำ� รงพระอิริยาบถนง่ั ขดั สมาธิเพชร
พระพทุ ธรปู ปางนเ้ี ปน็ พระพทุ ธรปู ประจำ� วนั พฤหสั บดี และเปน็ พระพทุ ธรปู ของ
ผทู้ พ่ี ระเกตเุ สวยอาย๑ุ นอกจากนยี้ งั เปน็ ปางหนง่ึ ทนี่ ยิ มสรา้ งเปน็ พระพทุ ธรปู ประธานใน
พทุ ธสถาน
______________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรณุ . Loc.,cit.
62
ปางท่ี ๔๑ ปางประทับยนื ๑
พระอิริยาบถประทับยืน พระกรสองข้างทอดยาวแนบ
พระวรกาย
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จออกจากคันธกุฎีด้วยกิจนิมนต์เสวย
หรอื เสด็จออกโปรดสัตวจ์ ะเสด็จออกประทบั ยืน ณ บรเิ วณหน้ามุข
คนั ธกุฎีก่อน เปน็ พทุ ธจรยิ วัตร
พระอริ ยิ าบถยนื นี้อาจเปน็ ทา่ ประทบั ยนื สมาธิหรอื ธยานะทม่ี ี
กลา่ วถึงในคัมภรี ข์ องศาสนาเชน เรยี กว่า กาโยตสรคะ อนั หมายถึง
ทา่ ยนื สำ� หรบั ผทู้ ปี่ รารถนาจะบำ� เพญ็ ธยานะไว้ คอื ทำ� รา่ งกายทง้ั สนิ้
ให้ตั้งตรงและเวน้ โทษ ๓๒ ประการ
_________________
๑ พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาแถระ). Op.,cit. หน้า ๑๙๔ เรียกพระพทุ ธรปู ปางนวี้ ่า ปางเมตตาการญุ
63
ลกั ษณะที่ ๑ ลกั ษณะที่ ๒
ปางที่ ๔๒ ปางประดษิ ฐานรอยพระบาท
ปางประดิษฐานรอยพระพุทธบาทมีการกระท�ำเป็น
เปน็ ประติมากรรมรปู เคารพ ๒ ลกั ษณะ
ลักษณะท่ี ๑ พระอิริยาบถประทบั ยืน ทรงกดปลาย
พระบาท พระหัตถท์ ้งั สองแนบพระวรกาย
ลกั ษณะที่ ๒ พระอริ ิยาบถประทับยืน พระบาทซ้าย
เหยยี บบนหลงั พระบาทขวาเปน็ พระอริ ยิ าบถกดรอยพระบาท
พระหตั ถท์ งั้ สองแนบทห่ี นา้ พระเพลา ตั้งพระทยั ประดิษฐาน
รอยพระบาทใหป้ รากฏชัด
พระพุทธรูปปางประดิษฐานรอยพระบาท ปรากฏ
กล่าวถึงเหตุการณ์ในพุทธประวัติต่างกัน ๒ เหตุการณ์
เหตุการณ์หน่ึงกล่าวถึง เมื่อพระพุทธองค์ประทับในป่า
ภงิ สกวนั (ปา่ ไมส้ เี สยี ด) แควน้ ภคั คะ พระพทุ ธองคพ์ รอ้ มดว้ ย
พระสงฆส์ าวก ๕๐๐ องค์ ในครง้ั นนั้ พระยานาค ชอื่ สมุ น พรอ้ ม
ด้วยบริวารนาคถือต้นจ�ำปาท่ีกั้นเบื้องบนพระพุทธองค์เป็นที่
บังแดด เมือ่ พระพทุ ธองค์เสดจ็ จากวหิ ารเชตวันไปส่ปู ระเทศ
กลั ยาณใี นลงั กาทวปี ทรงอนเุ คราะหพ์ ระยานาค ชอ่ื มณอิ กั ขกิ ะ
ซึ่งได้นิมนต์พระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวกฉันอาหารทิพย์
เม่ือพระพุทธองค์ทรงอนุโมทนาการถวายอาหารนั้นแล้ว
ทรงประทบั รอยพระบาทไวบ้ นยอดเขาสุมนกูฏ ในลงั กาทวีป
64
ส่วนอีกเหตุการณ์ กล่าวถึงพระพุทธองค์ขณะประทับ ณ
โฆสิตาราม กรงุ โกสมั พี พราหมณส์ องสามีภรรยา ช่อื มาคนั ทยิ ะ
มีบุตรสาวรูปงามคนหนึ่ง พราหมณ์มาคันทิยะได้เข้าเฝ้าพระพุทธ
องค์ประสงค์จะยกบุตรสาวถวาย ขอให้ทรงรอ พระพุทธองค์มิได้
ตรัสอยา่ งไร พราหมณจ์ ึงแจ้งให้ภรรยาทราบและบังคับใหบ้ ตุ รสาว
แต่งกายมาเข้าเฝ้า เม่ือพราหมณ์ไปแล้ว พระพุทธองค์ได้ทรง
พิจารณาและทรงอธิษฐานให้รอยพระบาทประดิษฐานอยู่เพื่อให้
พราหมณ์น้ันได้เห็น ก่อนเสด็จไปประทับในที่ไกลจากน้ัน เม่ือสอง
สามีภรรยากลับมายังบริเวณท่ีพระพุทธองค์ประทับอยู่ พระพุทธ
องคท์ รงแสดงธรรมโปรดจนทง้ั สองบรรลุธรรม ๑
พระพทุ ธรปู ปางน้ี เป็นพระพทุ ธรปู ประจำ� เดือน ๑๐
______________________
๑ สชุ พี ปุญญานุภาพ (จัดท�ำ). พระไตรปิฎก ฉบบั สำ� หรบั ประชาชน (พิมพค์ รงั้ ที่ ๖) (กรุงเทพฯ: โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวิทยาลยั , ๒๕๒๕) หนา้ ๖๐๙
65
ปางที่ ๔๓ ปางคันธารราฐ
ลกั ษณะที่ ๑ ปางคนั ธารราฐ มกี ารกระทำ� เป็นประตมิ ากรรมรูปเคารพ ๒ ลักษณะ
ลกั ษณะท่ี ๑ พระอริ ิยาบถประทบั น่งั ขดั สมาธิราบ พระหตั ถ์ขวาแสดงมุทรากวกั
พระหตั ถซ์ า้ ยหงาย แสดงมทุ รารบั นำ้� พระพทุ ธรปู ปางนเ้ี ปน็ พระราชดำ� รใิ นพระบาทสมเดจ็
พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขนึ้ เพ่อื ใชป้ ระกอบในพระราชพิธีพืชมงคล
ลักษณะท่ี ๒ พระอริ ิยาบถประทบั ยนื ทรงผ้าอุทกสาฎก๑ พระหัตถข์ วายกขนึ้ แสดง
มทุ รากวกั พระหตั ถ์ซา้ ยยกข้ึนเสมอบ้ันพระองค์ในพระอิรยิ าบถรองรบั นำ้� ฝน พระพุทธรูป
ปางน้ีเป็นพุทธลักษณะที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อเนื่องถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเลียนแบบพุทธศิลปะ
แบบตะวนั ตกมีลักษณะสมจริง เรียกอกี อย่างวา่ พระพทุ ธรปู ปางขอฝน ๒
_________________
๑ อทุ กสาฎก หมายถงึ ผ้าอาบน�้ำ :- รองศาสตราจารยท์ วีศักด์ิ ญาณประทีป. พจนานกุ รมฉบบั เฉลิมพระเกยี รติ พ.ศ. ๒๕๓๐ (พิมพ์ครงั้ ท่ี ๓)
(กรุงเทพฯ: บริษัท สำ� นักพมิ พ์วฒั นาพานิช จ�ำกัด, ๒๕๓๑) หน้า ๖๑๓
๒ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รณุ . Op.,cit. หนา้ ๓๒
66
ลกั ษณะที่ ๒
เมอ่ื พระพทุ ธองคป์ ระทบั ณเชตวนั กรงุ สาวตั ถนี นั้ เกดิ ฝนแลง้
ประชาชนไดร้ บั ความลำ� บาก แมส้ ระโบกขรณที ใ่ี ชส้ ำ� หรบั พทุ ธบรโิ ภค
ก็เหือดแหง้ พระพทุ ธองคจ์ ึงประทบั ยนื ที่ขอบสระ ยกพระหัตถข์ วา
กวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายหงายเพ่ือรองน�้ำฝน ด้วยพุทธานุภาพ
ฝนจึงตกลงมาบรรเทาความเดือดรอ้ นได้
พระพทุ ธรปู ปางนีเ้ ปน็ พระพุทธรปู ประจำ� เดือน ๕ ตอ่ มาใน
รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ เกดิ คตคิ วามเชอื่
วา่ พระพุทธรูปนเ้ี ป็นพระพทุ ธรปู ประจำ� วันองั คาร ๓
__________________
๓ Ibid.
67
ปางท่ี ๔๔ ปางขอฝน
พระอิริยาบถประทับยืน พระหัตถ์ขวายกข้ึนแสดง
มุทรากวัก พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นเสมอบ้ันพระองค์ในพระ
อริ ยิ าบถรองรับนำ�้ ฝน
พระพุทธรูปปางน้ี สร้างข้ึนตามเหตุการณ์ใน
พุทธประวัติเช่นเดียวกับพระพุทธรูปปางคันธารราฐที่กล่าว
มาแล้ว โดยเป็นพระพุทธรูปประจำ� เดอื น ๕ และพระพทุ ธรูป
ประจ�ำวนั องั คาร
68
ปางที่ ๔๕ ปางสรงน้�ำฝน
พระอิริยาบถประทับยืนทรงผ้าวัสสิกสาฎกพาดเหนือ
พระอังสาซ้าย พระกรซ้ายทอดยาวข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวา
ยกขน้ึ ลบู พระอรุ ะแสดงมทุ ราสรงนำ้� พระพทุ ธรปู ปางนสี้ รา้ งขนึ้ เพอ่ื
ประกอบในพระราชพิธีพชื มงคล
เมอ่ื พระพทุ ธองคป์ ระทบั ณ เชตวนั กรงุ สาวตั ถี เกดิ ฝนแลง้
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจึงปรารถนาจะให้ฝนตก ได้ทูลเชิญ
เสด็จพระพุทธองค์ออกสู่ที่แจ้ง เพ่ือฝนอาจตกได้ด้วยพุทธานุภาพ
พระพุทธองค์จึงทรงอนุวัตรตามความประสงค์ ทรงวัสสิกสาฎก๑
แล้วเสด็จออกไปประทับกลางแจ้ง ด้วยพุทธานุภาพฝนจึงตกลงมา
เปน็ อันมากและพระพทุ ธองค์ไดส้ รงนำ้� ฝน ณ เชตวนั นนั้
_______________________
๑ วัสสิกสาฎก หมายถึง ผา้ อาบน�้ำฝน
69
________________________ ปางท่ี ๔๖ ปางช้ีอสุภ
๑ Ibid. หน้า ๕๐ พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื พระกรซา้ ยทอดยาวขา้ งพระวรกาย
พระหัตถข์ วายกข้ึนเสมอบ้นั พระองค์ ช้ีพระดชั นีแสดงมุทราชอี้ สุภ
ณ กรงุ ราชคฤห์มหี ญิงนครโสเภณรี ูปงาม ชื่อ สิริมา เปน็
นอ้ งสาวของหมอชวี กโกมารภจั จ์ นางไดเ้ ขา้ เฝา้ พระพทุ ธองคแ์ ละได้
สดบั ธรรมะ ท�ำใหน้ างเลิกยงั ชพี ดว้ ยการเป็นหญงิ นครโสเภณี ฝกั ใฝ่
ในบุญกุศล ครั้นต่อมาเม่ือนางป่วยและสิ้นชีพ พระพุทธองค์โปรด
ให้ปล่อยศพนั้นไว้ ๓ วันก่อนเผา เพื่อให้หมู่ชนตระหนักถึงความ
ไมย่ ่งั ยืนแหง่ สงั ขารของสรรพสัตวท์ ้งั มวล
70
ปางท่ี ๔๗ ปางชม้ี าร
พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื พระกรซา้ ยทอดยาวขา้ งพระวรกาย
พระกรขวายกข้ึน ช้พี ระดัชนขี ้นึ เบ้อื งบนแสดงมุทราชมี้ าร
เมอ่ื พระอรหนั ต์ ชอ่ื พระโคธกิ ะ ปรนิ พิ พานลง พระพทุ ธองค์
พรอ้ มด้วยพระสงฆ์สาวกเสดจ็ ไปเย่ียม ขณะนนั้ มารคดิ ว่า วิญญาณ
ของพระโคธกิ ะเพง่ิ ออกจากรา่ ง จงึ เหาะขนึ้ ไปแสวงหาวญิ ญาณตาม
กอ้ นเมฆ พระพุทธองค์จงึ ยกพระหตั ถช์ ้ีขน้ึ ไปพรอ้ มกบั ตรัสแกเ่ หล่า
พระสงฆว์ า่ มารใจลามกกำ� ลงั แสวงหาวญิ ญาณพระโคธกิ ะ และทรง
อธบิ ายต่อไปว่า หาไดม้ วี ญิ ญาณของพระโคธกิ ะอยใู่ นนน้ั ไม่ เพราะ
พระโคธกิ ะได้ปรินิพพานไปแล้ว ๑
พระพทุ ธรปู ปางน้ี เปน็ พระพทุ ธรปู ประจำ� เดอื นยี่ (เดอื น ๒)
______________________
๑ พระพิมลธรรม (ชอบ อนจุ ารีมหาเถระ). Op.,cit. หน้า ๑๙๓
71
ปางที่ ๔๘ ปางปฐมบญั ญัติ
พระอิริยาบถประทับน่ังขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกข้ึน หันฝ่า
พระหตั ถเ์ ข้า ปลายพระหตั ถท์ ง้ั สองข้างเกือบจรดกัน เปน็ พระอิริยาบถบัญญตั ิพระวนิ ยั
เพือ่ ด�ำรงพระพุทธศาสนาใหย้ นื นาน
ในพรรษาท่ี ๑๒ หลงั จากทพี่ ระพทุ ธองคต์ รสั รู้ ไดเ้ สดจ็ มาจำ� พรรษาอยใู่ ตป้ จุ มิ ณั ฑ
พฤกษ์ (ตน้ สะเดา) อนั เปน็ รกุ ขพมิ านของนเฬรยุ กั ษ์ ใกลน้ ครเวรญั ชา ซงึ่ เวรญั ชพราหมณ์
กราบทลู อาราธนาไว้ ณ สถานที่นั้น พระพทุ ธองคท์ รงบัญญตั สิ ิกขาบทเปน็ ครงั้ แรก
พระพทุ ธรปู ปางน้ี เปน็ พระพทุ ธรูปประจ�ำปนี กั ษัตร ปวี อก ๑
________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรณุ . Op.,cit. หนา้ ๓๓
72
ปางที่ ๔๙ ปางขบั พระวกั กลิ
พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา
พระหัตถข์ วายกขึน้ เสมอพระนาภี หนั ฝา่ พระหัตถเ์ ข้าใน แสดงมทุ ราโบกพระหัตถ์ไล่
พระวกั กลิ เดมิ เปน็ พราหมณอ์ าศยั อยใู่ นเมอื งสาวตั ถี มจี ติ เลอ่ื มใสในพระรปู โฉม
ของพระพุทธองค์ จงึ มาเขา้ เฝ้าพระพทุ ธองค์เพ่ือขอบรรพชาและเฝา้ ตดิ ตามดพู ระพทุ ธ
องค์อย่างไม่มีเวลาหยุดหย่อน พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า ไม่เป็นวิธีอันถูกต้อง
จึงโปรดฯ ให้พระวักกลิมาเฝ้าทรงแสดงธรรมช้ีให้เห็นว่า ร่างกายเป็นของไม่ยั่งยืน
ไม่ควรลุ่มหลง ธรรมต่างหากที่ยั่งยืน ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระองค์ หลังจากน้ัน
ตรัสให้พระวักกลอิ อกไปจากท่เี ฝ้า
อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมโปรดพระวักกลิจนบรรลุ
พระอรหันต์ในเวลาตอ่ มา
73
ปางท่ี ๕๐ ปางสนเข็ม
พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ท้ังสองยกข้ึนเสมอพระอุระ
พระหตั ถซ์ า้ ยแสดงมุทราทรงจบั เขม็ พระหตั ถข์ วาแสดงมุทราทรงจบั เส้นดา้ ยสนเข็ม
คร้ังที่พระพุทธองค์ประทับ ณ เวฬุวนาราม ใกล้กรุงราชคฤห์ ในแคว้นมคธ
พระพทุ ธองคท์ รงชว่ ยพระอนรุ ธุ พระเถระองคห์ นงึ่ เยบ็ จวี ร การเยบ็ จวี รครง้ั นนั้ เปน็ งาน
ใหญ่เนื่องจากพระอนุรุธได้ผ้าบังสกุลมา๑ การท่ีพระพุทธองค์และเหล่าภิกษุร่วมกัน
เยบ็ จวี รจากผา้ บงั สกลุ ในครง้ั นน้ั เปน็ เหตอุ นั เกย่ี วเนอ่ื งมาเปน็ การทอดผา้ ปา่ ในปจั จบุ นั ๒
นอกจากนี้ พระพุทธรูปปางสนเข็ม อาจแสดงถึงพุทธจริยวัตรท่ีพระพุทธองค์
ทรงเตรยี มเครอ่ื งบริขาร อนั ประกอบด้วย จีวร สังฆาฏิ สบง ฯลฯ ๓
พระพทุ ธรูปปางนี้ เปน็ พระพุทธรูปประจ�ำปีนักษัตร ปมี ะเมีย
________________________
๑ ผา้ บังสุกลุ หมายถงึ ผ้าทผ่ี ูค้ นท้ิงแลว้ เชน่ จากกองขยะ ตามสมุ ทมุ พุ่มไม้ ตามราวป่า ผา้ ห่อศพ เปน็ ต้น :- Ibid. หน้า ๓๔
๒ พทิ ูร มลวิ ลั ย์ และไสว มาลาทอง. Op.,cit. หนา้ ๒๓๘
๓ สมพร อยโู่ พธ์ิ. พระพทุ ธรูปปางต่างๆ (ไมป่ รากฏสถานทีพ่ มิ พ,์ ๒๕๑๔) หนา้ ๑๑๕
74
ปางท่ี ๕๑ ปางประทานพร
ลกั ษณะท่ี ๑ ปางประทานพรมกี ารทำ� เปน็ ประตมิ ากรรมรูปเคารพ ๒ ลักษณะ
ลักษณะท่ี ๑ พระอิรยิ าบถประทับยนื ยกพระหัตถซ์ า้ ยขึ้น หงายฝ่าพระหัตถ์
ออกไปข้างหน้า หรือทรงถือชายจีวร พระหัตถ์ขวาทอดยาว หงายฝ่าพระหัตถ์ออกไป
ข้างหน้าแสดงมทุ ราประทานพร
75
ลักษณะที่ ๒ ลกั ษณะที่ ๒ พระอริ ยิ าบถประทบั นงั่ พระหตั ถซ์ า้ ยวางหงายบนพระเพลา พระหตั ถ์
ขวาวางหงายบนพระชานุแสดงมทุ ราประทานพร ๑
เมื่อครัง้ ทพี่ ระพทุ ธองค์ประทบั ณ เชตวนั ทรงประทานพรให้หมอชีวกโกมารภัจจ์
และพระอานนทเ์ ขา้ เฝา้ เพอ่ื ทลู ถามปญั หาไดท้ กุ เวลา และใหน้ างวสิ าขาถวายเครอื่ งอปุ โภค
บรโิ ภคแกพ่ ระสงฆ์ได้
พระพุทธรปู ปางนี้ เป็นพระพทุ ธรูปประจ�ำปนี กั ษัตร ปมี ะแม๒
_________________________
๑ Ibid. หน้า ๑๐๕ และศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรณุ . Op.,cit. หนา้ ๓๘
๒ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รณุ . Ibid.
76
ปางท่ี ๕๒ ปางโปรดช้างนาฬาคริ ี
พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื พระกรซา้ ยทอดยาวขา้ งพระวรกาย
พระหัตถ์ขวายกขึ้นระดับบั้นพระองค์ ฝ่าพระหัตถ์คว่�ำ ยื่นออกมา
ข้างหน้า แสดงมุทราลบู ตะพองช้าง
พระเทวทตั ตป์ ระสงคร์ า้ ยตอ่ พระพทุ ธองค์ ครงั้ หนง่ึ ไดป้ ลอ่ ย
ชา้ ง ช่อื นาฬาคริ ี เพ่อื ทำ� รา้ ยพระพทุ ธองค์ แตท่ รงปราบชา้ งน้นั ได้
ด้วยพทุ ธบารมี
77
ปางท่ี ๕๓ ปางทรมานพระยามหาชมพู (ปางโปรดพระยาชมพูบดี)
ลักษณะที่ ๑ ปางทรมานพระยามหาชมพู หรือปางโปรดพระยาชมพูบดี มีการท�ำเป็น
ประติมากรรมรปู เคารพ ๓ ลกั ษณะ
ลักษณะท่ี ๑ พระอิริยาบถประทับน่ังขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงาย
บนพระเพลา พระหัตถ์ขวาคว่�ำวางบนพระชานุ แสดงภูมิสปรศมุทรา (ปางมารวิชัย)
ทรงเครอ่ื งราชาภรณ์
78
ลกั ษณะท่ี ๒
ลกั ษณะท่ี ๒ พระอริ ิยาบถประทบั ยืน พระกรท้งั
สองยกขนึ้ เสมอพระอรุ ะ ตงั้ ฝา่ พระหตั ถย์ น่ื ออกไปขา้ งหนา้
แสดงมทุ ราห้าม ทรงเคร่ืองราชาภรณ์
ลักษณะท่ี ๓ พระอิริยาบถประทับยืน พระกร
ซ้ายทอดยาวข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกข้ึนเสมอ
พระอรุ ะตงั้ ฝา่ พระหตั ถย์ น่ื ออกไปขา้ งหนา้ แสดงมทุ ราหา้ ม
ทรงเครือ่ งราชาภรณ์ ๑
เม่ือครั้งท่ีพระพุทธองค์ประทับ ณ เวฬุวนาราม
ซึง่ พระเจา้ พิมพสิ ารทรงสร้างอทุ ศิ ถวาย พระยามหาชมพู
(พระยาชมพบู ด)ี กษตั รยิ ท์ รงบญุ ญาธกิ าร และฤทธานภุ าพ
แหง่ ปญั จาลนครทรงคกุ คามรกุ รานดนิ แดนในปกครองของ
พระเจา้ พมิ พสิ าร พระองคจ์ งึ ทรงยดึ พระพทุ ธองคเ์ ปน็ ทพี่ ง่ึ
พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพุทธบารมีว่า พระยามหา
ชมพูจะได้ส�ำเร็จในพุทธศาสนา จึงทรงเนรมิตพระองค์
เป็นพระราชาธริ าช ทรงเคร่อื งราชาภรณ์ แลว้ ตรัสสั่งให้
พระอินทร์แปลงเป็นทูตไปเชิญพระยามหาชมพูละมิจฉา
ทฏิ ฐขิ อบรรพชา๒
พระพุทธรูปปางน้ี เป็นพระพุทธรูปประจ�ำปี
นกั ษัตร ปกี นุ
______________________
๑ สมพร อยู่โพธ์ิ. Op.,cit. หนา้ ๑๒๑
๒ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรณุ . Op.,cit. หน้า ๓๕
79
ปางที่ ๕๔ ปางปา่ เลไลยก์
พระอริ ยิ าบถประทบั นง่ั บนโขดหนิ หอ้ ยพระบาททงั้ สองบนฐานบวั พระหตั ถข์ วา
วางหงายบนพระชานุ แสดงมุทราทรงรับของถวาย พระหัตถ์ซ้ายคว่�ำวางบนพระชานุ
มีชา้ งปาลไิ ลยกห์ มอบทพี่ ้ืนขา้ งขวา ชูงวงยดึ คนโทนำ้� และลงิ ถือรวงผึ้งอยขู่ า้ งซา้ ย
ในพรรษาท่ี ๑๐ เมอื่ พระพทุ ธองคป์ ระทบั ณ โฆสติ าราม เมอื งโกสมั พี ในครงั้ นน้ั
พระสงฆ์สาวกไม่สามัคคีปรองดองกัน ประพฤตินอกพระโอวาท ด้วยอ�ำนาจมานะทิฏฐิ
พระพุทธองค์จึงเสด็จจาริกแต่พระองค์เดียวไปยังป่าปาลิไลยกะ ทรงอาศัยพระยาช้าง
ปาลไิ ลยก์ ทำ� วตั รปฏบิ ตั ถิ วายพระพทุ ธองคด์ ว้ ยความเคารพ สว่ นวานรเมอ่ื เหน็ จงึ บงั เกดิ
กุศลจติ คร้นั พบรวงผงึ้ จงึ นำ� มาถวายพระพุทธองค์ ๑
พระพุทธรูปปางน้ี เป็นพระพุทธรูปประจ�ำวันพุธ และเป็นพระบูชาของผู้ท่ี
พระราหเู สวยอายุ
_____________________
๑ สมพร อยู่โพธ.์ิ Op.,cit. หน้า ๑๒๑
80
ปางท่ี ๕๕ ปางหา้ มญาติ
พระอิริยาบถประทับยืน พระกรซ้ายทอดยาวข้าง
พระวรกาย พระหตั ถข์ วายกขนึ้ เสมอพระอรุ ะ ตง้ั ฝา่ พระหตั ถ์
ย่นื ออกไปขา้ งหน้าแสดงมทุ ราหา้ ม
ในพรรษาท่ี ๑๕ พระพุทธองค์เสด็จไปประทับ ณ
นิโครธาราม ริมฝั่งแม่น�้ำโรหิณี ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ คร้ังนั้น
กษตั รยิ ว์ งศศ์ ากยะ พระญาตฝิ า่ ยพระบดิ าในกรงุ กบลิ พสั ดก์ุ บั
กษัตริย์วงศ์โกลิยะ พระญาติฝ่ายพระมารดาในกรุงเทวทหะ
มีความขัดแย้งบาดหมางกัน เหตุด้วยฝนแล้ง แย่งน้�ำเพื่อ
ใช้อุปโภคบริโภคในแต่ละเมือง พระพุทธองค์ทรงทราบด้วย
ญาณวิเศษ จึงเสด็จไปเพอ่ื ระงับเหตบุ าดหมางดงั กลา่ ว ทรง
มีพุทธวาจาตรัสถามและแสดงธรรมแก่พระประยูรญาติทั้ง
สองฝ่าย เมือ่ พระประยูรญาติสดบั พระธรรมที่พระพทุ ธองค์
ทรงแสดงจงึ เลิกทฏิ ฐมิ านะยุติความขดั แยง้ กนั
81
ปางที่ ๕๖ ปางโปรดอสรุ นิ ทราหู
พระอิรยิ าบถบรรทมตะแคงขวา (สหี ไสยา) พระกรซา้ ย
ทอดยาวแนบพระวรกาย พระหตั ถ์ขวาประคองพระเศียรตัง้ ข้ึน
ครัง้ หน่งึ เม่ือพระพุทธองค์ประทับ ณ เวฬุวนั มหาวหิ าร
ใกล้กรุงราชคฤห์ บังเกิดจันทรุปราคาคราวหน่ึง และสุริยุปราคา
คราวหนึ่ง ด้วยฤทธิ์ของอสุรินทราหู อุปราชของท้าวเวปจิตติสุรบดินทร์ ผู้ครองอสุรพิภพ ซ่ึงคุกคามจับพระจันทร์
(จนั ทรปุ ราคา) และพระอาทติ ย์ (สรุ ยิ ปราคา) ซงึ่ พระพทุ ธองคต์ อ้ งตรสั พระคาถาโปรดอสรุ นิ ทราหู อสรุ นิ ทราหจู งึ ยอม
ปลอ่ ยพระจันทร์และพระอาทิตย์ ๑
พระพุทธรูปปางนี้ เป็นพระพทุ ธรูปประจำ� วนั องั คาร
___________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รณุ . Op.,cit. หน้า ๓๖ :- พิทรู มลวิ ลั ย์ และไสว มาลาทอง. Op.,cit. หน้า ๒๖๓ กลา่ วถงึ พระพทุ ธองคท์ รงแสดงอิทธิฤทธ์ิ
ใหป้ รากฏแกอ่ สรุ ินทราหู จนกระท่ังอสุรินทราหูลดมานะทฏิ ฐิ กลับมใี จเล่ือมใสในพระพทุ ธศาสนา
82
ลกั ษณะท่ี ๑
ปางที่ ๕๗ ปางโปรดสตั ว์
(ปางโปรดอาฬวกยกั ษ์)
ปางโปรดสัตว์ (ปางโปรดอาฬวกยกั ษ์) มกี ารท�ำ
เปน็ ประตมิ ากรรมรูปเคารพ ๒ ลักษณะ
ลกั ษณะท่ี ๑ พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื ยกพระหตั ถ์
ขวาจีบน้วิ พระหตั ถเ์ ปน็ วงกลม แสดงวติ รรกมทุ รา (ปาง
แสดงธรรม) พระหัตถ์ซ้ายยกข้ึนหันฝ่าพระหัตถ์ออกมา
ขา้ งหนา้ บางคร้ังมีจีวรในอ้งุ พระหัตถ์
83
ลักษณะท่ี ๒ พระอริ ิยาบถประทบั น่ังขัดสมาธิราบ พระหตั ถ์ซา้ ยวางหงายบน
พระชานุ พระหตั ถข์ วายกขนึ้ เสมอพระอรุ ะ จบี นว้ิ พระหตั ถแ์ สดงวติ รรกมทุ รา (ปางแสดง
ธรรม)
อาฬวกยักษ์ได้รับพรจากพระอิศวรให้จับคนและสัตว์ที่พลัดเข้ามาใต้ร่มไทร
อันเป็นถ่ินพ�ำนักได้ คร้ังหน่ึงอาฬวกยักษ์จับพระเจ้าอาฬวีซ่ึงทรงล่ากวางและพลัดหลง
เข้าไปในถ่ินของอาฬวกยักษ์ พระเจ้าอาฬวีทรงขอชีวิตโดยแลกกับการส่งคนมาให้
ลกั ษณะท่ี ๒ อาฬวกยกั ษ์กนิ วันละคน อาฬวกยักษ์จึงยอมปลอ่ ยพระองคไ์ ป พระเจ้าอาฬวีทรงสง่ คน
ให้อาฬวกยักษ์กนิ จนกระท่งั หมดเมอื ง ถงึ คราวทต่ี อ้ งส่งพระราชโอรสไปเป็นอาหารของ
อาฬวกยกั ษ์ พระพทุ ธองค์ทรงทราบความจึงเสดจ็ โปรดอาฬวกยักษ์ ทรงแสดงธรรมในเร่อื งศรัทธา สจั จะ ความเพียร
ปัญญา ฯลฯ จนกระทงั่ อาฬวกยกั ษ์ยอมจำ� นน บรรลถุ ึงพระธรรมเกดิ เล่ือมใสในพระพทุ ธศาสนา
พระพุทธรูปปางนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ทรงเรียกว่า ปางโปรดสัตว์
เป็นพระพุทธรูปประจ�ำปีนกั ษตั ร ปชี วด ๑
________________________
๑ Ibid. หน้า ๓๖-๓๗ และสมพร อยโู่ พธิ์. Op.,cit. หนา้ ๑๐๗
84
ปางท่ี ๕๘ ปางโปรดองคลุ มี ารโจร
พระอริ ยิ าบถประทบั ยนื พระกรซา้ ยทอดยาวขา้ ง
พระวรกาย พระหตั ถข์ วายกขนึ้ เสมอพระอรุ ะ ฝา่ พระหตั ถ์
หันเขา้
อหงิ สกะกมุ ารตามฆา่ ผคู้ นในแควน้ โกศล และตดั
เอานิ้วมาร้อยเป็นมาลัยคล้องคอ จึงได้รับการขนานนาม
ว่า องคุลมี าล ในครง้ั น้นั พระพทุ ธองคป์ ระทบั ณ เชตวนั
เสด็จออกบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี องคุลีมาลไล่ตามพระ
พทุ ธองคด์ ว้ ยประสงคพ์ ระชนมช์ พี แตด่ ว้ ยพทุ ธบารมที ำ� ให้
องคลุ มี าลไมส่ ามารถเขา้ ทำ� รา้ ยพระพทุ ธองคไ์ ด้ จงึ บอกให้
พระพุทธองค์หยุดรอ พระพุทธองค์มีด�ำรัสตอบว่า “เรา
หยุดแล้ว ท่านจงหยุดสิ องคลุ ีมาล” องคุลีมาลถามทูลว่า
“ทรงดำ� เนินไป เหตุไฉนจงึ ตรสั ว่าหยุดแลว้ ” ตรัสตอบว่า
“เราหยดุ ฆา่ สตั วต์ ดั ชวี ติ จงึ ชอ่ื วา่ ไดห้ ยดุ สว่ นทา่ นไดช้ อื่ วา่
ยงั ไมห่ ยดุ ” องคลุ มี าลไดค้ ดิ บงั เกดิ จติ เลอ่ื มใส กราบทลู ขอ
บรรพชา พระพุทธองคจ์ ึงประทานเอหภิ ิกขอุ ปุ สมบทให๑้
พระพุทธรูปปางนี้ เป็นพระพุทธรูปประจ�ำปี
นกั ษัตร ปีมะโรง
_______________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รุณ. Op.,cit. หน้า ๓๗
85
ปางท่ี ๕๙ ปางประทานอภยั
ลักษณะที่ ๑ ปางประทานอภัยมกี ารท�ำเป็นประติมากรรมรปู เคารพ ๓ ลักษณะ
ลกั ษณะท่ี ๑ พระอิริยาบถประทับน่ังขดั สมาธิราบ ยกพระหตั ถ์ทง้ั สองขน้ึ เสมอ
พระอรุ ะ ฝา่ พระหตั ถ์หนั ออก
86
ลักษณะที่ ๒ ลักษณะที่ ๓
ลักษณะท่ี ๒ พระอริ ิยาบถประทับยนื ยกพระหัตถ์
ทั้งสองหันฝ่าพระหัตถไ์ ปขา้ งหนา้ เสมอพระอุระ
ลกั ษณะท่ี ๓ พระอิริยาบถประทบั ยืน ยกพระหตั ถ์
ขา้ งซา้ ยหรอื ขา้ งขวา หนั ฝา่ พระหตั ถอ์ อกไปขา้ งหนา้ พระกร
อีกข้างหนงึ่ ทอดยาวแนบพระวรกาย
พระเจา้ อชาตศตั รู มพี ระนสิ ยั พาล ดว้ ยทรงไดร้ บั การ
เล้ียงดูอย่างตามพระทัยนับแต่เม่ือทรงพระเยาว์ ทรงคบคิด
กับพระอาจารย์ คอื เทวทตั ต์ กระท�ำปติ ุฆาต ครน้ั ตอ่ มาทรง
สำ� นกึ ผดิ เมอ่ื ทรงเขา้ เฝา้ พระพทุ ธองคต์ ามคำ� กราบทลู แนะนำ�
ของหมอชวี กโกมารภจั จ์ ทลู เลา่ เรอ่ื งความทกุ ขท์ อี่ ยใู่ นพระทยั
และขอประทานอภัยโทษ พระพุทธองค์ทรงรับทราบความ
ผิดดังกลา่ วและตรสั ว่า การท่บี ุคคลเหน็ ผดิ ยอมรบั ผดิ แล้ว
สารภาพตามความเป็นจริงเป็นความชอบในพระธรรมวินัย
ของพระอริยเจา้
พระพทุ ธรปู ปางน้ี เปน็ พระพทุ ธรปู ประจำ� เดอื น ๑๒ ๑
________________________
๑ Ibid.
87
ปางที่ ๖๐ ปางโปรดพกาพรหม
พระอิริยาบถประทบั ยืนบนเศยี รพกาพรหม ซง่ึ ประทับอย่บู นหลงั พระโค
พระพุทธรูปปางโปรดพกาพรหม ปรากฏกล่าวถึงเหตุการณ์ในพุทธประวัติต่างกัน
๒ เหตกุ ารณ์ เหตกุ ารณห์ นงึ่ กลา่ วถงึ เมอื่ คร้ังทพ่ี ระองค์ประทับ ณ ปา่ สภุ วัน ทรงทราบวา่
พกาพรหมมีด�ำริในทางท่ีผิด ไม่เช่ือว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามอ�ำนาจแห่งกรรม สมควร
จกั ได้เรยี นรู้พระธรรมคำ� ส่งั สอน พระพุทธองคจ์ ึงส�ำแดงปาฏิหาริย์เสด็จขึน้ ไปยังที่ประทับของ
พกาพรหม ณ พรหมโลก ตรัสสอนพกาพรหมถึงความไม่เทยี่ งแท้ของสรรพสงิ่ แตพ่ กาพรหม
หาได้เชื่อในพระพุทธองค์ ยังคงเช่ือในบุญญาธิการแห่งตน กระท�ำอิทธิปาฏิหาริย์ซ่อนกาย
พระพทุ ธองคท์ รงทราบดว้ ยพทุ ธญาณ จงึ ทรงส�ำแดงปาฏหิ าริย์อันตรธานพระกายเสด็จขึ้นดำ� เนินจงกรมบนเศียรของ
พกาพรหมโดยที่พกาพรหมไม่เห็นพระพุทธองค์ ในที่สุด พกาพรหมจึงละทิฏฐิและยอมจ�ำนน พระพุทธองค์จึงเทศนา
ส่งั สอนพกาพรหมและได้บรรลุพระโสดาปตั ติผลในเวลาต่อมา ๑
สว่ นอกี เหตกุ ารณห์ นง่ึ กลา่ วถงึ พระมหศิ รเทพ (พระอศิ วร) ซง่ึ มโี คเปน็ พาหนะ ทา้ ประลองฤทธก์ิ บั พระพทุ ธองค์
ดว้ ยการสำ� แดงอทิ ธฤิ ทธซิ์ อ่ นกาย แตพ่ ระพทุ ธองคท์ รงทราบดว้ ยพทุ ธญาณวา่ พระมหศิ รเทพอยทู่ ใี่ ด ครนั้ พระพทุ ธองค์
ทรงสำ� แดงปาฏิหารยิ ซ์ ่อนกาย พระมหิศรเทพตามหาพระพทุ ธองคท์ ั่วทุกจักรวาลไมพ่ บ จึงยอมจำ� นนแกพ่ ระพทุ ธองค์
ดว้ ยการกระทำ� สกั การะแกพ่ ระพทุ ธองค์ ตอ่ มาเมอ่ื พระพทุ ธองคป์ รนิ พิ พาน พระมหศิ รเทพไดเ้ นรมติ พระพทุ ธปฏมิ ายก
ขน้ึ เทินเหนอื เศยี รอัญเชญิ ไปประดษิ ฐานในพระมหาวิหาร๒
พระพุทธรูปปางน้ี เปน็ พระพทุ ธรปู ประจำ� ปีนักษัตร ปขี าล
_____________________
๑ พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ). Op.,cit. หนา้ ๒๓๘
๒ พระยาธรรมปรีชา (แกว้ ). ไตรภมู ิโลกวนิ จิ ฉยั กถา ไตรภมู ิฉบับหลวง เลม่ ๓ (ไมป่ รากฏสถานทีพ่ ิมพ,์ ๒๕๓๐) หนา้ ๘ - ๑๔
88
ปางท่ี ๖๑ ปางปลงกรรมฐาน
ปางปลงกรรมฐาน (กัมมัฏฐาน) หรือปางชักผ้าบังสกุล
พระอิริยาบถประทบั ยืน พระหตั ถ์ซา้ ยทรงธารพระกร ย่ืนพระหัตถ์
ขวาออกไปข้างหน้าในมุทราชักผา้ บงั สกุ ลุ
เมื่อพระพุทธองค์ประทับใกล้หมู่บ้านอุรุเวลากัสสปในกรุง
ราชคฤห์ เหล่าชฎลิ ได้ประลองพระบารมกี ับพระพทุ ธองค์ ครงั้ หนง่ึ
พระพุทธองค์เสด็จไปชักผ้าบังสุกุลซึ่งห่อร่างนางปุณณทาสี
ขณะนนั้ ศพอดื พอง มีบพุ โพ (น�้ำเหลือง น้ำ� หนอง) ไหลซึม หนอนไต่
กนิ รา่ ง หลงั จากทรงชกั ผา้ บงั สกลุ แลว้ ทรงสลดั ผา้ ใหห้ นอนทงั้ หลาย
หลดุ จากผา้ จงึ ทรงถอื ผา้ นน้ั ไปยงั ทป่ี ระทบั ทรงชำ� ระลา้ งผา้ ตากจน
แหง้ และทรงพบั ผา้ บงั สกุ ุลนัน้ ซง่ึ พระอินทรไ์ ด้จัดหาอุปกรณถ์ วาย
ทุกข้ันตอน เหล่าชฎิลได้ทราบเร่ืองพระอินทร์มาถวายปรนนิบัติ
พระพทุ ธองค์ จงึ ย�ำเกรงในพทุ ธเดชานภุ าพ ๑
พระพทุ ธรปู ปางนี้ เปน็ พระพทุ ธรปู ประจำ� เดอื นอา้ ย (เดอื น ๑)
____________________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รณุ . Op.,cit. หนา้ ๓๙
89
ปางที่ ๖๒ ปางพิจารณาชราธรรม
พระอิริยาบถประทับขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายและขวาคว�่ำท่ีพระชานุทั้ง
สองข้าง
ในพรรษาที่ ๔๕ พระพุทธองค์ประทับ ณ บ้านเวฬุวคาม ทรงประชวรหนัก
คร้ันหายประชวรทรงแสดงธรรมแก่พระอานนท์ว่า “บัดนเ้ี ราแก่เฒา่ เป็นผ้ใู หญ่ลว่ งกาล
ผา่ นวยั เสยี แลว้ ชนมายกุ าลแหง่ เราถงึ ๘๐ ปเี ขา้ แลว้ น่ี กายแหง่ คถาคตยอ่ มเปน็ ประหนง่ึ
เกวยี นชำ� รุดท่ีซ่อมแซมดว้ ยไม้ไผ่ มิใชส่ มั ภาระเกวยี นฉะนนั้ ” ๑
_______________________________________
๑ สมพร อยู่โพธ.ิ์ Op.,cit. หนา้ ๑๒๘
90
ปางที่ ๖๓ ปางส�ำแดงโอฬาริกนมิ ิต
พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายยกป้องพระอุระ พระหัตถ์
ขวาวางคว�่ำบนพระชานุ
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเร่ืองอิทธบาท ๔ แก่พระอานนท์และตรัสว่าผู้ใด
เจริญอิทธิบาท ๔ ผู้น้ันจะมีชีวิตยืนยาวไปช่ัวกัลป์หรือกว่าน้ัน พระพุทธองค์ตรัสความ
เดยี วกนั ถงึ ๓ ครงั้ เปน็ โอฬารกิ นมิ ติ แตพ่ ระอานนทห์ าเฉลยี วใจทจี่ ะทลู อาราธนาพระพทุ ธ
องคใ์ หเ้ จรญิ พระชนมย์ นื นานตอ่ ไป ครน้ั ไดส้ ตจิ งึ อาราธนาตามพระประสงค์ พระพทุ ธองค์
______________________ต_ร_ัส_ใหพ้ ระอานนท์ออกไปนัง่ ใต้รม่ ไม้ ไม่ไกลจากพระพุทธองคน์ กั ๑
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรี อรุณ. Op.,cit. หน้า ๓๙ - ๔๐ และ Ibid. หน้า ๑๓๒
91
ปางท่ี ๖๔ ปางหา้ มมาร
พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา
พระหตั ถ์ขวายกเสมอพระอุระ หนั ฝา่ พระหัตถ์ออกแสดงมุทราห้าม
พระยาวัสวดีมาร ได้มากราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์เสด็จละสังขาร
นับต้ังแต่พระพุทธองค์แรกตรัสรู้ แต่ในคร้ังน้ันพระพุทธองค์ไม่ทรงรับอาราธนา เมื่อ
พระพทุ ธองค์เสด็จมาประทับ ณ ปาวาลเจดีย์ หลงั จากที่ทรงส�ำแดงโอฬารกิ นิมิตแลว้
พระอานนท์ไดห้ ลีกไปจากที่เฝ้า พระยามารจึงกราบทลู อาราธนาอีกวา่ ปรสิ สมบตั แิ ละ
พรหมจรรย์ก็สมบูรณ์ดังพุทธประสงค์แล้วทุกประการ ขอให้ปรินิพพาน พระพุทธองค์
ทรงรบั อาราธนาโดยตรสั วา่ “ดกู รทา่ น ทา่ นอยา่ ไดท้ กุ ขโ์ ทมนสั เลย อกี ๓ เดอื น พระพทุ ธองค์
กจ็ ะปรนิ ิพพาน” ๑
______________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรณุ . Ibid. หน้า ๔๐
92
ปางท่ี ๖๕ ปางปลงพระชนม์ (ปางปลงอายุสงั ขาร)
พระอริ ยิ าบถประทบั นง่ั ขดั สมาธริ าบ พระหตั ถซ์ า้ ยวางควำ่� บนพระชานุ
พระหัตถ์ขวายกขน้ึ ทาบพระอรุ ะ
เมอื่ พระพทุ ธองคต์ รสั แกพ่ ระอานนทว์ า่ ทรงเจรญิ พระชนม์ ๘๐ พรรษา
แล้ว แต่พระอานนท์ก็มิได้ทูลอาราธนาให้เจริญพระชนม์ต่อไป คร้ันพระยา
วัสวดีมารมากราบทูลขอให้เสด็จปรินิพพาน จึงทรงรับว่าจะเสด็จปรินิพพาน
ภายใน ๓ เดอื น จากนนั้ ทรงตงั้ สตสิ มั ปชญั ญะปลงอายสุ งั ขาร ณ ปาวาลเจดยี ์ ๑
________________________
๑ Ibid
93
ลักษณะที่ ๑ ลกั ษณะที่ ๒
ปางที่ ๖๖ ปางนาคาวโลก
_________________________ ปางนาคาวโลก มกี ารทำ� เปน็ ประตมิ ากรรมรปู เคารพ
๒ ลักษณะ
๑ พระพมิ ลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ). Op.,cit. หนา้ ๓๑๑ ลกั ษณะที่ ๑ พระอริ ยิ าบถประทับยืน พระกรซา้ ย
๒ สมพร อยู่โพธิ.์ Op.,cit. หน้า ๑๓๐ – ๑๓๑ ทอดยาวข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวาวางทาบพระโสณี
๓ Ibid. หน้า ๑๓๐ ผินพักตร์ไปทางขวา แสดงพระอิริยาบถเหลียวกลับไป
ทอดพระเนตรเมืองไพศาลี (เวสาล)ี เปน็ ครง้ั สุดท้ายอันเป็น
พระอิริยาบถท่ีเป็นเสมือนการเอ้ียวตัวกลับไปมองของ
พระยาช้างท่เี รียกวา่ “นาคาวโลกนาการ” ๑
ลักษณะที่ ๒ พระอริ ิยาบถประทับยนื พระกรซ้าย
ทอดยาวแนบพระวรกาย พระหตั ถข์ วายกขนึ้ ตง้ั เสมอพระอรุ ะ
ผินพระพักตร์ทอดพระเนตรเบ้อื งพระปฤษฎางค์ (ด้านหลงั )๒
เม่ือพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแห่งพระองค์แก่
พระอานนทแ์ ลว้ พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ พรอ้ มสาวก ๕๐๐ องคไ์ ป
ยงั เมอื งไพศาลี (เวสาลี) ประทบั ณ กุฎาคารศาลาปา่ มหาวนั
แสดงพระธรรมเทศนาโปรดแก่กษัตรยิ ์ลจิ ฉวที ั้งปวง จากนนั้
ทรงรับนิมนต์เสด็จไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราช
นิเวศน์ในวันรุ่งข้ึน หลังจากทรงรับอาหารบิณฑบาตและ
ทรงท�ำภัตตกิจแล้ว จึงเสด็จออกจากเมืองไพศาลี ทรง
ประทับยืนนอกประตูเมือง เย้ืองพระวรกายผินพระพักตร์
ทอดพระเนตรเมืองตรัสว่า “ตถาคตจะเล็งแลเมืองเวสาลี
เปน็ ปจั ฉมิ ทศั นาการในคราวนเี้ ปน็ ทสี่ ดุ จะมไิ ดก้ ลบั มาเหน็ อกี
ตอ่ ไป” สถานทแ่ี หง่ นน้ั จงึ มชี อ่ื ปรากฏวา่ “นาคาวโลกเจดยี ”์ ๓
พระพุทธรปู ปางน้ี เปน็ พระพทุ ธรูปประจ�ำเดือน ๔
94
ปางท่ี ๖๗ ปางรบั อทุ กัง
พระอริ ยิ าบถประทบั นง่ั ขดั สมาธริ าบ พระหตั ถซ์ า้ ยวางหงายบนพระเพลา พระหตั ถข์ วา
ทรงถอื บาตรวางบนพระชานุ แสดงพระอิริยาบถทรงรบั นำ้�
ภายหลงั จากทพี่ ระพทุ ธองคท์ รงทำ� ภตั ตกจิ ณ บา้ นนายจนุ ท์ อนั เปน็ ปจั ฉมิ บณิ ฑบาตแลว้
พระพทุ ธองคท์ รงประชวรหนกั ขณะทที่ รงพทุ ธดำ� เนนิ ไปนครกสุ นิ ารา ในระหวา่ งทางทรงพกั
ใตร้ ม่ ไม้ รบั สง่ั ใหพ้ ระอานนทห์ านำ�้ มาถวาย พระอานนทก์ ราบทลู วา่ ธารนำ้� แหง่ นตี้ น้ื เขนิ และ
บัดน้ีเกวยี น ๕๐๐ เล่มเพิ่งผ่านไป นำ�้ ขุ่นไม่สมควรบริโภค ขอจงเสดจ็ พุทธดำ� เนินไปยงั แม่น้�ำ
กุกกุฎนที ท่มี นี ้�ำใสกวา่ พระพทุ ธองค์ด�ำรัสสงั่ พระอานนทถ์ งึ ๓ คร้งั พระอานนทจ์ งึ น�ำบาตรไป ทนั ใดท่พี ระอานนท์ก้ม
ลงตกั นำ้� อนั ขุ่นกก็ ลายเปน็ นำ้� ใสสะอาด เปน็ มหัศจรรยย์ งิ่ นัก จงึ น�ำน้�ำมาถวายพระพุทธองค์ เม่ือเสวยนำ้� ตามพระพทุ ธ
ประสงค์แลว้ จงึ ประทบั ณ ใตต้ ้นไมน้ ัน้ ๑
พระพุทธรปู ปางน้ี เปน็ พระพุทธรปู ประจำ� ปีนักษตั ร ปีมะเส็ง
__________________________
๑ Ibid. หนา้ ๑๗๖
95
ปางที่ ๖๘ ปางพยากรณ์
พระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา (สีหไสยา)
ลมื พระเนตร พระเศยี รหนนุ พระเขนยพระกรซา้ ยทอดยาว
แนบพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกข้ึนทาบบนซีกซ้ายของ
พระโสณี (สะโพก)
พระพุทธรูปปางพยากรณ์ มีกล่าวถึงใน
พุทธประวัติตา่ งกันเป็น ๒ เหตุการณ์ ได้แก่ เหตุการณ์
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสพยากรณ์แก่พระอานนท์ว่า จะได้เป็นพระอรหันต์ก่อนวันพระสงฆ์ท�ำปฐมสังคายนา ส่วนอีก
เหตุการณ์หนึ่งกล่าวถึงว่า การท่ีพระพุทธองค์มีพระประสงค์จะเสด็จจากเมืองปาวาไปปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา
ด้วยทรงพยากรณ์ว่า ท่ีเมืองน้ันสุภัททปริพาชกจะเข้าเฝ้า และทูลถามปัญหา เม่ือพระพุทธองค์วิสัชนาจบลง
สภุ ทั ทปรพิ าชกจะขอบรรพชาและเรยี นพระกรรมฐาน จนกระทัง่ บรรลเุ ป็นพระอรหนั ต์ ๑
________________________
๑ กรมสมเดจ็ พระปรมานชุ ิตชิโนรส. Op.,cit. หนา้ ๔๓๓ และศาสตราจารย์ ไขศรี ศรอี รุณ. Op.,cit. หนา้ ๔๑ - ๔๒
96
ปางที่ ๖๙ ปางโปรดสภุ ัททะ
พระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา (สีหไสยา) ลืมพระเนตร
พระเศยี รหนนุ พระเขนย พระกรซา้ ยทอดยาวแนบพระวรกาย พระหตั ถ์
ขวายกตง้ั พาดพระอรุ ะ จบี นว้ิ พระหตั ถแ์ สดงวติ รรกมทุ รา (ปางแสดง
ธรรม) โปรดสุภัททะ
ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา สุภัททปริพาชกเดินทาง
มาเขา้ เฝา้ พระพทุ ธองค์ เพอื่ สดบั พระธรรมเทศนาเรอื่ งอรยิ มรรค ๘
เมอื่ ฟงั จบจงึ ทลู ขอบรรพชา พระพทุ ธองคโ์ ปรดใหพ้ ระอานนทบ์ วชให้
ตอ่ จากนนั้ พระพทุ ธองคต์ รสั สอนพระกรรมฐานใหพ้ ระสภุ ทั ทะภาวนา
จนบรรลพุ ระอรหตั ผล๑
________________________
๑ ศาสตราจารย์ ไขศรี ศรีอรุณ. Op.,cit. หนา้ ๔๒
97
ปางท่ี ๗๐ ปางไสยาสน์ (ปางปรินพิ พาน)
พระอริ ยิ าบถบรรทมตะแคงขวา (สหี ไสยา) หลบั
พระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระกรซ้ายทอดยาว
แนบพระวรกาย พระหัตถ์ขวาหงายวางแนบพ้ืนข้าง
พระเขนย พระบาททง้ั สองเหยียดเสมอกนั
เมอื่ พระพทุ ธองคพ์ รอ้ มดว้ ยพระสงฆส์ าวกเสดจ็
พทุ ธดำ� เนนิ ขา้ มแมน่ ำ้� หริ ญั ญวดี ถงึ เมอื งกสุ นิ ารา ณ บรเิ วณ
ป่ารงั ของมัลละกษตั รยิ ์แล้ว มีรบั สั่งใหพ้ ระจนุ ทะเถรปลู าดอาสนะลงระหว่างตน้ รงั ค่หู นง่ึ บรรทมสีหไสยาหนั พระเศยี ร
ไปทางทศิ เหนอื เมอื่ ยา่ งสรู่ าตรกี าล สภุ ทั ทปรพิ าชกไดม้ าเขา้ เฝา้ พระพทุ ธองค์ ทรงแสดงธรรม สภุ ทั ทปรพิ าชกมศี รทั ธา
ขอบรรพชาและบรรลพุ ระอรหนั ตผลในเวลาตอ่ มา หลงั จากนนั้ พระพทุ ธองคป์ ระทานปจั ฉมิ โอวาทแกพ่ ระอานนทแ์ ละ
เหล่าพระสงฆ์สาวกและเสดจ็ ดบั ขันธปรินพิ พานในคนื วันวสิ าขบุรณมี เวลาใกลร้ งุ่ ๑
__________________________
๑ สมพร อยโู่ พธ.์ิ Op.,cit. หนา้ ๑๓๘ - ๑๔๐
98