The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-23 06:27:01

วัฒนธรรมไทย

วัฒนธรรมไทย

เรอ่ื ง วฒั นธรรมไทย

จัดทำโดย
นางสาวชนิกานต์ ชูจันทร์
รหัสนักศกึ ษา 6412404001269

เสนอ
อาจารย์ปลม้ื ใจ ไพจิตร

รายงานวิชานเ้ี ป็นสว่ นหนงึ่ ของรายวชิ าบริหารทรัพยก์ รมนุษย์
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสุราษฎร์ธานี
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2654



คำนำ

วฒั นธรรมไทยเป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน หลายยคุ หลายสมัย ในรายงานเล่มนี้
ประกอบไปดว้ ยความร้เู กีย่ วกบั วฒั นธรรมท้ัง ๔ ภาค เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกับวฒั นธรรม
ของแต่ละภาค

ผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ที่กำลังข้อข้อมูลด้านนี้ หากผิดพลาด
ประการใดผู้จัดทำขอนอ้ มรบั และขออภัยมา ณ ทน่ี ี้

นางสาวชนกิ านต์ ชูจนั ทร์
ผู้จดั ทำ



สารบัญ

คำนำ................................................................................................................................................. ก
สารบัญ.............................................................................................................................................. ข
สารบัญรปู ภาพ.................................................................................................................................. ค

ความหมายของวฒั นธรรม............................................................................................................. 1
ประเภทของวฒั นธรรม.................................................................................................................. 2
เอกลักษณ์ไทย............................................................................................................................... 3
ประเพณไี ทย ................................................................................................................................. 5
ประเภทของประเพณี.................................................................................................................... 6
ประเพณีสำคัญของไทย................................................................................................................. 7
วัฒนธรรมท้องถ่ินไทย ................................................................................................................. 11

1.ภาคเหนอื ............................................................................................................................. 11
2.ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ..................................................................................................... 14
3. ภาคกลาง............................................................................................................................ 17
4. ภาคใต้ ................................................................................................................................ 21
บรรณานกุ รม................................................................................................................................... 25



สารบญั รปู ภาพ

ภาพท่ี 1ประเพณี .............................................................................................................................. 6
ภาพท่ี 2ประเพณีสงกรานต์ ............................................................................................................... 8
ภาพท่ี 3 ประเพณีแหน่ างแมว ........................................................................................................... 9
ภาพท่ี 4 บญุ บงั้ ไฟ............................................................................................................................. 9
ภาพที่ 5 การแหน่ าค....................................................................................................................... 11
ภาพท่ี 6 การฟ้อนเงี้ยว.................................................................................................................... 13
ภาพที่ 7ประเพณี ลอยโคม และ ประเพณีลอยกระทงสาย .............................................................. 13
ภาพท่ี 8 การแต่งกาย...................................................................................................................... 14
ภาพที่ 9 หมอลำ และ เครื่องดนตรปี ระจำภาค ............................................................................... 15
ภาพท่ี 10 พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาตบิ า้ นเชียง และ ประสาทหนิ พนมรงุ้ .......................................... 16
ภาพท่ี 11 การแต่งกาย.................................................................................................................... 16
ภาพท่ี 12 ประเพณแี หผ่ ตี าโขน ....................................................................................................... 17
ภาพที่ 13 ประเพณีบญุ บงั้ ไฟ........................................................................................................... 17
ภาพท่ี 14 การบูชาแม่โพสพ............................................................................................................ 18
ภาพท่ี 15 พระปรางค์สามยอด........................................................................................................ 19
ภาพท่ี 16 พระราชวังนารายณ์ราชนเิ วศ.......................................................................................... 19
ภาพท่ี 17 ระบำชาวไร่ .................................................................................................................... 20
ภาพที่ 18 ห่นุ กระบอก.................................................................................................................... 20
ภาพที่ 19 การแต่งกาย.................................................................................................................... 20
ภาพที่ 20 หนงั ตะลุง ....................................................................................................................... 22
ภาพที่ 21 มโนห์รา.......................................................................................................................... 22
ภาพท่ี 22 แห่เรือพระ และ เทศกาลเดือนสิบ.................................................................................. 24
ภาพที่ 23 การแตง่ กาย.................................................................................................................... 24

1

ความหมายของวฒั นธรรม

“วฒั นธรรม” เปน็ คาํ ท่เี ราคุ้นเคยได้ถกู นำมาใช้ในชวี ิตประจำวนั อย่างมาก “วัฒนธรรม” เปน็
ศพั ท์ทบ่ี ญั ญัติขน้ึ โดยแปลมาจากภาษาองั กฤษ คาํ วา่ “culture” ในภาษาไทยวัฒนธรรมเป็นคําที่มา
จาก ภาษาบาลีและสนั สกฤต ที่รากศัพท์ประกอบมาจากคําวา่ “วัฒน” หมายถึง ความเจริญงอกงาม
ความคงทนถาวร ความยง่ั ยนื

“ธรรม” แปลวา่ กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ดงั นั้นตามความหมายรปู ศพั ท์ “วัฒนธรรม” หมายถึง
ธรรมเปน็ เหตใุ หเ้ จริญแต่ความหมาย ง่าย ๆ ที่เราใช้กนั คือ การปลกู ฝงั ความ เจริญงอกงาม การอบรม
เล้ียงดู ความดีงาม และความเรียบร้อย “วัฒนธรรม” ไดถ้ ูกนำมาใชใ้ นลักษณะท่ีมคี วามหมายสองนัย
ด้วยกัน ซึ่งความหมายแรกใช้ ในความหมายของบุคคลทว่ั ไปในสังคม คือ มารยาทในการดำเนินชีวติ
ความหมายอีกประการหน่งึ คือ วัฒนธรรม ตามกรอบแนวคิดหรอื ตามความหมายของนักสังคมศาสตร์
ทเ่ี ชอื่ วา่ วัฒนธรรม เป็นการ อบรม เรยี นรู้ การปลูกฝัง ในเรอื่ งการดำเนินชวี ติ ของมนุษย์ โดยหมาย
รวมถึงส่งิ ท่มี นุษยป์ ระดิษฐข์ ึน้ และรวมไปถึงกฎเกณฑ์ข้อบังคบั ตา่ ง ๆ

ลักษณะพ้นื ฐานของวัฒนธรรม

1.วัฒนธรรมเป็นความคดิ รว่ ม และคา่ นยิ มทางสังคม เนื่องจากวฒั นธรรมเป็นสงิ่ ท่ีมนษุ ย์

สรา้ งข้นึ มาเพื่อชว่ ยในการดำรงชีวิตและการที่มนุษยต์ ้องการเปน็ ทย่ี อมรบั ของสังคมจึงมักประพฤตติ น
ใหส้ อดคล้องกับทีบ่ ุคคลสว่ นใหญใ่ นสงั คมเหน็ ดเี ห็นงาม ที่สามารถกลา่ วโดยทวั่ ไปไดว้ า่ วฒั นธรรมเป็น
สงิ่ ทค่ี นส่วนใหญใ่ นสังคมยอมรับเปน็ เกณฑใ์ นการกาหนดมาตรฐานของพฤติกรรมทางสังคม คนใน
วฒั นธรรมเดียวกัน สามารถทีจ่ ะคาดคะเนพฤติกรรมของผู้อนื่ ในสถานการณ์ตา่ งๆได้ ซงึ่ ทำใหม้ ีการ
แสดงพฤตกิ รรมของเขาสอดคล้องกับผู้อน่ื เชน่ การทกั ทายผอู้ าวุโส การทเ่ี ดก็ ตอ้ แสดงความเคารพ
ผใู้ หญ่ อนั เป็นคา่ นยิ มอย่างหน่ึงในสงั คมไทย

ดังนน้ั สงั คมท่มี ีความหลากหลายของสมาชิก กย็ อมจะส่งผลใหเ้ กิดความแตกตา่ งกันในเรอ่ื ง

วัฒนธรรม การสืบคน้ หาลักษณะรว่ มของวฒั นธรรมในสงั คมน้นั ค่อนขา้ งยากไมว่ าจะเป็นในเร่ืองของ
ความเช่อื คา่ นยิ ม และแนวทางปฏบิ ัติ แต่ยงั พบไดว้ ่า กฎหมายจะเป็นสง่ิ ทส่ี มาชิกในสงั คมนน้ั มีรว่ มกัน

มากทีส่ ุด รวมทั้งแบบแผนพฤตกิ รรมสากลในสังคมน้ันกเ็ ป็นสิ่งท่ีพบได้เช่นกัน ในสังคมไทย การพดู
ภาษไทยภาคกลาง การนับถอื ศาสนาพุทธ จะเปน็ วัฒนธรรมร่วมสากลของคนไทย เปน็ ต้น

2.วัฒนธรรมเป็นสิ่งท่ีมนุษย์ต้องเรยี นรู้ คือวฒั นธรรมเป็นพฤติกรรมทเ่ี กดิ จากการเรียนร้หู าก
พิจารณาให้ถ้วนถจี่ ะพบได้ว่า รูปแบบของความประพฤตขิ องมนุษย์มาจากการอบรมสง่ั สอนไมใ่ ช่
เกิดขนึ้ เอง เชน่ วธิ กี ารรบั ประทานอาหาร วิธีการสอ่ื สารต่าง ๆ การทักทาย การพดู อาหารการกนิ แต่
เดมิ เมื่อเรมิ่ มีวฒั นธรรม มนุษย์อาศยั การยังชีพดว้ ยการเก็บผักผลไม้ พชื พนั ธ์ไุ ม้ต่าง ๆ ท่ีข้นึ ตาม
ธรรมชาติ ล่าสัตว์มาเป็นอาหาร ต่อมารจู้ ักเพาะปลกู รจู้ กั หงุ ต้ม มีเคร่อื งปั้นดินเผา เครื่องมือเคร่ืองใช้
เพื่อทาํ อาหาร มวี วิ ฒั นาการเป็นความเจรญิ สังคมในแถบเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ สว่ นใหญ่กินปลาร้า

2

ปลาแดก วา่ อร่อย บางสังคมกินนมเนย คนไมเ่ คยชนิ ว่าเล่ียนสงั คมในภูมภิ าคตะวนั ออกเฉียงใต้ชอบกิน
ปลาหมกั เพราะความเคยชินที่เรยี นรู้ เพราะอยู่ในที่มหี ว้ ยนอง คลอง บงึ ปลูกข้าวในนา มนี ้ำมากทำ
เปน็ อาชพี จงึ กินข้าวกินปลาเปน็ อาหารหลัก เราจึงมคี วามวา่ “กินขา้ วกนิ ปลา” ซ่ึงหมายถงึ อาหารใน
ภาษาไทยทท่ี ำปลาหมักในรปู ต่างๆก็เปน็ ลักษณะการถนอมอาหารรักษาอาหารใหเ้ ก็บไว้ไดน้ าน ๆ ก็

เป็นวถิ ีชีวิต

3.วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนได้ เป็นแนวคิดหนึ่งที่เชื่อว่า วัฒนธรรมม
รากฐานมาจากการปรับตัวของมนุษย์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อม กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า วัฒนธรรมเป็น
แนวทางหลักอันสำคญั ที่ทำให้ประชาชนมีความสัมพนั ธ์กบั สิ่งแวดล้อม ดังน้ันสว่ นตา่ งๆของวัฒนธรรม
(ความประพฤติ) จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การแปรรูป
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ ห้เปน็ อาหารรปู แบบการผลิต ที่ทำใหเ้ กิดมีอุปกรณ์และเครอ่ื งมือเทคโนโลยีทีใช้

ประเภทของวฒั นธรรม

การจดั แบ่งวัฒนธรรม สามารถแบง่ ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ วัฒนธรรมทางวตั ถุ และ วัฒนธรรมทไ่ี ม่ใชว่ ตั ถุ 1.
วัฒนธรรมที่เป็นนวัตถุ โดยเราจะพบได้ว่า วิธีการต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา จน

กลายเป็นสิ่งของที่ใช้อํานวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน และสามารถจับต้องได้ ไม่ว่า

จะเปน็ เครอ่ื งมอื ต่าง ๆ ตวั อาคาร ฯลฯ ล้วนจัดเป็นวฒั นธรรมทเี่ ป็นวตั ถุท้งั สน้ิ

2. วัฒนธรรมทไ่ี มใ่ ชว่ ัตถุ ซึ่งไดแ้ ก่ วธิ ีการคิดและแบบแผนของพฤติกรรมทมี่ นุษย์คดิ ขนึ้ มา ไม่
สามารถทำให้เห็นเป็นรูปร่างได้จับตอ้ งไม่ได้แต่มีผลต่อการดำเนินชีวิต จัดเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ใช่ วัตถุ
เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา ความเชือ่ คา่ นยิ ม ศลี ธรรม จรยิ ธรรม กฎหมาย เปน็ ต้น

ลกั ษณะความเจริญแหง่ วัฒนธรรม

พระยาอนุมานราชธน (2532 : น.53 )ไดอ้ ธิบายลักษณะความเจริญงอกงามของวัฒนธรรมดังน้ีคือ

1. ต้องมีการสั่งสม และการสืบต่อ ตกทอดกันไปไม่ขาดตอนมีมรดกแห่งสังคมอันเกิดจากผลิตผลของ
สังคมทีส่ รา้ งสมไว้

2. ต้องมแี ปลกมีใหม่มาเพมิ่ เตมิ ของเดมิ ให้เขา้ กันได้

3. ต้องสง่ เสริมเพอ่ื ให้แพรห่ ลายไปในหมู่ของตนและตลอดไปถงึ ชนหมูอ่ นื่ ด้วย

4. ตอ้ งปรับปรุงและแกไ้ ขให้เหมาะกบั สภาพแวดล้อมและสภาพของเหตุการณ์

เหตุแหง่ ความเจรญิ ทางวฒั นธรรม

1. การสะสม ต้องรับมรดกทบ่ี รรพบุรุษมอบไว้ให้

3

2. การปรบั ปรุง ถ้าหมดสมยั แลว้ ก็ต้องเก็บไว้ในพิพธิ ภัณฑ์ ส่งิ ทีเ่ ป็นมาในอดตี (ทง้ั ฝา่ ยนามธรรมด้วย)
ที่ใช้ไดก้ ป็ รบั ปรุงให้เขา้ กบั สมยั ปัจจบุ นั

3. การถา่ ยทอด ตอ้ งสืบตอ่ ใหค้ นรุน่ หลงั ต้องเผยแพร่ส่ังสอนกนั การจะทำใหว้ ัฒนธรรมเจริญยงั ยืนน้ัน
เราตอ้ งรกั ษาวฒั นธรรมมรดกตกทอดและปรบั ปรุงอดตี ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน

ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทย

จากกรณีในเรื่องของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทย จะเห็นได้ว่าคนไทยได้รับอิทธิพลด้านวถิ ีชีวติ
ที่สงั คมไดพ้ ฒั นาขึน้ มาเพื่อให้ประสบความต้องการ หรอื ความประสงค์ของสังคม เพื่อความอยู่รอดข้ัน
พืน้ ฐาน การดำรงชีพการสร้างกฎระเบยี บ โดยมปี ัจจยั ทสี่ รา้ งอิทธิพลด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี

1. ความเจรญิ งอกงาม ทางด้านวตั ถุ และทางดา้ นจิตใจท่เี ขา้ มาสวู่ ัฒนธรรมไทย

2. กฎระเบยี บ กฎเกณฑ์ ในเร่ืองทสี่ ร้างข้นึ มาให้เกดิ การปฏิบตั ติ น

3. ความเจริญกาวหน้าของประเทศชาติ เปน็ เรอื่ งของความนยิ มไทยยึดถือต้องเป็นปฏบิ ัติตาม

4. ศีลธรรมของประชาชน

เอกลกั ษณไ์ ทย

เอกลกั ษณ์ หมายถึง ลกั ษณะเด่นท่ีมีอยูและเปน็ อยู่ เฉพาะในหมกู่ ลุ่ม สงั คม หรือชาติใด ท่ีช้ี
ถึงความเป็นตัวของตัวเองเป็นไปอย่างมีระบบ ระเบียบแบบแผนอันเกิดจากการปฏิบัติกันมา สั่งสม
ปรับปรุง สืบทอด จนกลายเป็นคุณค่าที่ยอมรับ เป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มนั้น ๆ จนเกิดเป็น
เอกภาพมีความมันคงเป็นปึกแผ่น รู้จักรักษา และทำให้เจริญรุ่งเรื่องโดยทั่วไป เอกลักษณ์ในแต่ละ
สังคมจะแสดงออกให้ปรากฏทั้งในด้านรูปธรรมและนามธรรมควบคู่กันไป สิ่งซึ่งปรากฏออกมาทาง
รูปธรรมจะแสดงออกซึ่งลักษณะทางนามธรรม เช่น อาหารเครื่องนุ่งห่ม ดนตรี ยารักษาโรค อันเป็น
รูปธรรม ส่วนนามธรรม จะได้แก่ พฤติกรรม ทัศนะทัศนคติ ลักษณะนิสัย ฉะนั้นจะกินอย่างไร จะนุ่ง
แบบไหนจะขึ้นกับแนวทางทส่ี ังคมกำหนด

เอกลักษณ์ไทย ก็คือ ทุกสิ่งที่กล่าวข้างต้นซึ่งเป็นคุณค่าแสดงความเป็นไทย มีความคิดเป็น
อิสรเสรี มีความเป็นปึกแผน่ มสี าํ นกึ รว่ มกนั มีระบบแบแผนในตัวเองเปน็ ท่ีนา่ หวงแหนและภาคภูมิใจ
เอกลักษณ์จะเป็นสิ่งแสดงลักษณะชาติให้ปรากฏ ซึ่งจะต้องอาศัยค้ำจุนเป็นพื้นฐาน ซึ่งได้แก่ การมี
สถาบันเปน็ หลกั ยึดเหน่ยี ว

เอกลักษณ์ไทยที่เป็นพื้นฐานให้มีเอกลักษณ์อื่นๆ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ชาติ โดยท่ัวไปเรามักมีความเข้าใจวา่ ชาติ คือดินแดนที่มีขอบเขตแสดงให้เห็นความเป็น เจ้าของของ
คนกลุ่มหนึ่งซึ่งอยูภายใต้ระบบการปกครองและการยอมรับของคนกลุ่ มนั้นแต่ความหมายในแ ง่
เอกลักษณ์ของตนเองโดยเฉพาะ ไม่ได้หมายถึง ขอบเขตดินแดนแต่มุ่งมองถึงคุณค่าความเป็นคน

4

ความภาคภูมิใจในตนในกลุ่ม เมื่อคนในชาติตระหนักถึงคุณค่าของกลุ่ม ชาติจะไม่สูญหาย ไม่ถูกกลืน
กลาย ถ้าเมื่อใด คนในชาติละเลย ไม่ เห็นความสำคัญของลักษณะชาติ ในที่สุดการล่มสลายก็จะ
เกิดขึ้น อยางแน่นอน ในปัจจุบันคนมุ่งทำลายล้างไปที่ลักษณะชาติ ไม่ได้มุ่งที่ทำลายชาติ คือดินแดน
เหมือน สมัยกอ่ น

โครงสรา้ งของชาตจิ ะอยูในลักษณะชาติซง่ึ ก็คือเอกลกั ษณ์เอกลักษณจ์ ึงเปน็ ตวั สำแดงลักษณะ
ชาติให้ปรากฏ เช่น ศิลปกรรมไทย ภาษาไทย อาหารไทย การแต่งกายแบบไทย ดนตรีไทยเป็นต้น
โดยต้องอาศยั ส่งิ อ่นื ๆ เป็นเคร่ืองคำ้ จุน นันคือ สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ชาติ จะหมายถึง ลักษณะที่คนไทยในชาติด้วยกนจะต้องมีสํานึกร่วมกันยอมรับ และ
ตระหนัก ในคุณค่า เกิดความหวงแหนและภาคภมู ิใจรว่ มกน น้ันย่อมหมายถึงว่าจะต้องมีความสํานึก
ในความ เป็นเช้ือชาติเดยี วกันตามประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย เราต้ังตนเปน็ ปกึ แผน ผนึกกำลังมน่ั คงในหมู่
คนไทย ยอมรบั และตระหนักในความเปน็ คนเชือ้ สายเดยี วกน สรา้ งแบบแผนชีวติ ร่วมกัน นอกจากนี้ยัง
มีการ สร้าง “ภาษาไทย” ขึ้นใช้เป็นของตนเอง มีขนบ มีระบบหลักเกณฑ์ วิธีการในภาษา มีอารย
ธรรม และรวมทั้งมี “เครื่องแต่งกายและอาหาร” ที่เป็นของไทย มีการสร้างขนบธรรมเนียม การกิน
การอยู่ ให้เป็นของตวั เอง ถา้ ภาษาถกู ทำลาย ความสาํ นกึ ว่าเป็นชาติเดียวกนั กถ็ ูกทำลาย พอคนรุ่นเก่า
หมดไป คนรุ่นใหม่ก็จะหมดความสํานึกในชาติของตน และการนับถือศาสนา “พุทธ” มีการยอมรับ
นํามา ประพฤติปฏิบัติโดยเฉพาะที่เข้ากนได้กับชีวิตสังคมของคนไทย จนกลายเป็นระเบียบปฏิบัติที่
เป็นเอกลักษณไ์ ทย

ศาสนา คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพทุ ธ องค์ประกอบของพุทธศาสนา คือ พระ รัตนตรยั
ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พุทธศาสนิกชนปฏิบัติตนโดยมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คนไทย
ยอมรบั พระพุทธคุณเพราะวา พระพุทธองค์ทรงเป็นผรู้ ู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม ซ่ึงใชไ้ ด้ทุกยุค ทุกสมัย
จนถึงปจั จุบัน ซ่งึ คอื พระธรรมคาํ สอน ซึ่งสอนให้เคารพใช้เหตุใชผ้ ลในธรรมเป็นหลักสำคัญ ธรรม คือ
หลักการดำเนินชีวิตทีถ่ ูกต้องมีทั้งข้อปฏิบัติของคฤหัสถ์และสงฆ์ พระสงฆ์ คือ สาวกผู้สืบ พระศาสนา
โดยเป็นที่พ่งึ ผรู้ ักษาและเผยแพร่

พระมหากษัตริย์ ในวัฒนธรรมเดิมของไทย พระมหากษัตริย์มีฐานะเป็นพ่อเมืองเป็น
ผู้ปกครอง ทั้งในยามศึกสงคราม และการดูแลทุกข์สุขของประชาชน ในสมัยสุโขทัย เรียกว่า “พ่อ
ขุน” ต่อมาเมื่ออพยพลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับอิทธิพลมอญในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์เข้ามา
ผสมผสาน กษัตริย์ทรงเป็นธรรมิกราชโดยทรงมีทศพิธราชธรรม ต่อมาได้รับอิทธิพลเขมร ฐานะของ
กษัตรยิ ์เปลีย่ นไป รับขนบธรรมเนียมเขมรทเี่ ป็นลทั ธเิ ทวราชมาใช้ นน่ั คือ กษัตริยเ์ ป็นปาง อวตารของ
ผู้เป็น เจ้าบนสวรรค์ กษัตริย์เป็นสมมติเทพ นอกจากนี้ยังมีลักษณะเป็นเจ้าชีวิตและเจ้า แผนดิน
ราษฎรอยู่ ในฐานะเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ทรงมีทศพิธราชธรรม ได้แก่ทาน การให้
การรักษากาย วาจา ใจ ให้ปราศจากโทษ การบริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน การขจัด ความ
เกียจคร้านและความชั่วการไม่ โกรธ อวิหิงสา ไม่ เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้ทุกข์ได้ยาก การไม่โกรธ ขันติ

5

ความอดทนต่อสิ่งที่ควรอดทน การปฏิบัติไม่ให้ผิดจากที่ถูก เมื่อได้ทรงบําเพ็ญทศพิธราชธรรมน้ี แลว้
ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดนิ ย่อมเป็นสุขทั่วหน้า พระราชจริ ยวัตรอันประกอบ ่ ด้วยธรรมน้ีเปน็ ลักษณะ เด่นชัด
ของพระมหากษตั รยิ ์ไทย

ภาษาไทย ทังภาษาพูดและเขียนเป็นของเราเอง จากศิลาจารึก พบว่าพ่อขุนรามคําแหงทรง
ประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้นใช้เมื่อ พ.ศ.1826 จำนวนตัวอักษรและการออกเสียง ได้เค้ามาจากภาษาบาลี
และ สันสกฤต โดยความสามารถพิเศษ เราคิดตัวอักษรของเราข้ึนมาใช้ให้ไดค้ รบถ้วนเพียงพอกบการ
ออก ั เสียง ไม่วาจะเป็นอักษรโดด ๆ หรือการผสมสระก ่ บพยัญชนะเข้าด้วยก ั นตามความหมาย
ของภาษา คนไทยมีภาษาไทยเป็นของตนเองถือวาเป็นเอกลักษณ์ที่เราภาคภูมิใจ เรามีภาษาและ
ตัวหนังสือของเราเองและมีการปรับปรุงใช้อยางเหมาะสมแม้จะมีการกระจายทางวัฒนธรรม
ภาษาต่างประเทศเข้ามามีบทบาทเราก็สามารถแปลปรับเปลี่ยนให้เป็นภาษาของเราเองได้อยาง
เหมาะสม

ดนตรีไทย เป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นมรดกที่ควรแก่การดูแลรักษาไว้ให้ยืนยาว เครื่อง
ดนตรีไทยมี เครื่องดีด สี ตี เป่า ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย เป็นของไทยที่คดิ ขึ้นเองเป็นมรดกสืบทอด
ต่อกนมา ั และมีการพัฒนาตามยุคสมัย มีการผสมปนเปปรับปรุงให้เข้ากับสังคม ดนตรีไทย
ประกอบด้วยองค์ 3 คือ เครื่องดนตรีไทย วงดนตรีไทย และเพลงไทย เครื่องดนตรีไทย แบ่งออกเป็น
4 ประเภทใหญ่ คือ เครื่องตี มีทั้งเป็นทำนองจังหวะ ได้แก่ ระนาด ฆ้องวง ฉิง ฉาบ เครื่องเป่า ได้แก่
ขลุ่ย ปี่ เครื่องสี ได้แก่ ซอ เครื่องดีด ได้แก่ จะเข้ กระจับปี่ วงดนตรีไทยแบ่งออกเป็น 7 ประเภท คือ
บรรเลงพิณ ปี่ พาทย์ มโหรี ขับไม้ เครื่องกรองแขก อังกะลุง เครื่องสาย แตรวง และเพลงไทย แบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เพลงบรรเลง และเพลงขบั ร้อง

อาหารไทย ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย เรามีอาหารที่รู้จักปรุงแต่งให้เข้ากั บ
สภาพแวดล้อม ของชาวไทย มีทั้งอาหารคาวหวาน สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ดังในบทพระราช
นิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย รัชกาลที่ 2 “กาพยแ์ หช่ มเครื่องคาวหวาน”

ลักษณะนิสัยประจำชาติ หมายถึง ลักษณะทางบุคลิกภาพที่เห็นได้เด่นชัดอันเป็นผลจาก
องค์ประกอบทางวัฒนธรรมและโครงสร้างสังคม ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างระหวางสังคมหนึ่งกับ
สังคมอื่น อันเป็นผลมาจากประสบการณ์ การอบรมเรียนรู้มาแต่วัยเด็ก ลักษณะนิสัยประจำชาติของ
คน ในแตล่ ะประเทศมักแตกตา่ งกนั อนั เป็นผลจากประวตั ศิ าสตร์ความเปน็ มา ศาสนา สภาพแวดลอ้ ม
เป็นต้น

ประเพณีไทย

ประเพณีไทย จะเป็นแบบแผนของพฤติกรรมที่สมาชิกในสังคมไดม้ ีส่วนร่วมในการสร้าง และ
ปฏบิ ัตสิ บื ทอดกนมา แบบแผนเหล่านี้ จะเป็นเร่ืองราวของการดำเนินชวี ิต เชน่ การเกดิ ทำ อย่างไรให้
มชี วี ิตยืนยาวจากการเกิดนัน้ จึงมพี ิธอี ันเนื่องในการเกิด ไมว่ า่ จะเป็นการทำขวัญ 3 วัน ทำ ขวัญเดือน

6

เป็นต้น หรือการแต่งงาน การบวช การตาย การทำบุญ งานสงกรานต์ ฯลฯ ประเพณีที่ เคยมีมาแต่
เดิมซึ่งยังคงอยู่เพราะผู้คนได้ใช้ปฏิบัติ และได้มีการปรับปรุงสร้างเสริมให้เข้ากับภาวะของชีวิตสังคม
จนกลมกลืนเข้ากันได้ดีฉะนั้นประเพณีไทยจึงหมายถึงแบบอย่างของพฤติกรรมของคนไทยที่สืบ
อกนมาเป็นมรดกตกทอด ในทุกภาคจะมีวัฒนธรรมย่อยที่เป็นความแตกต่างในวิถีการดำเนินชีวิต จึง
เกิดมีประเพณี ดั้งเดิมในแต่ละภาคที่แตกต่างกนในเน้ือหาสาระ สภาพความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม
แต่ในภาพรวม ของประเพณีไทย ก็จะเปน็ ประเพณีรวมของชาวไทย

ภาพท่ี 1ประเพณี

ประเภทของประเพณี

จารีตประเพณี (mores) เป็นแบบแผนที่สังคมกาหนดอันเกี่ยวเนื่องกับจริยธรรม ศีลธรรม
ของสงั คม เปน็ คุณคา่ ของส่วนรวม ถา้ มีการฝ่าฝนื ไม่ปฏิบัติตาม ถอื เปน็ ผดิ ซึ่งเปน็ เรอื่ งของ แตล่ ะกลุ่ม
แต่ละสังคม ที่พิจารณาวา เป็นคุณค่าของสังคม เพราะเชื่อวาจะช่วยให้เกิดความสุข ความ ปลอดภยั
จารีตประเพณีในบางท้องถิ่นของไทยเรียกวา ฮีต เมื่อฝ่าฝืนแบบแผนที่วางไว้เรียกว่า ผิดฮีต ต้องถูก
ลงโทษ เช่น “จับมอื เสียไก่ จับไหลเ่ สียหมู จบั หเู สียบายศร”ี จารี ตประเพณีต่าง ๆ ใน สังคมไทยที่กา
หนดไวจ้ ะผูกพนั กบั บาป บญุ คณุ โทษ ท่ีใหเ้ กิดระเบยี บ เช่น การเคารพผูอ้ าวุโส การ กตญั รู ู้คุณ

ธรรมเนยี ม (custom) ตามพจนานกุ รมศพั ท์สงั คมวทิ ยาอังกฤษ - ไทย ฉบับราชบัณฑิตสถาน
หมายถึง แบบอย่างพฤติกรรมทีส่ ังคมกำหนดไว้ แล้วสบื ต่อกนั มาดว้ ยประเพณี และถ้ามี การละเมิด ก็
จถุ ูกบงั คบั ด้วยการทส่ี ังคมไมเ่ ห็นชอบด้วย ธรรมเนียมจะไมม่ กี ารสนบั สนุนชว่ ยบงั คบั จากรัฐเหมือนกับ
บท กฎหมาย และไม่มกี ารอนุมัตหิ รือลงโทษเด็ดขาดอย่างจารีต ธรรมเนียม ่ ไม่มนี ้ำหนกั การยอมรับ
แน่นอนเท่าสถาบัน

ประเพณปี รมั ปรา (tradition) ในความหมายตามพจนานุกรมศัพทส์ ังคมวิทยาอังกฤษ– ไทย
ฉบับราชบัณฑิตสถาน ได้แก่ วัฒนธรรมที่สั่งสมสืบทอดต่อมาจากอดีต และมีความสำคัญเพราะได้

7

ปฏิบัติกนมานานแล้ว เกี่ยวข้องกบความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ ทัศนคติ คุณค่า ความรู้สึก เป็น
นามธรรม ประเพณปี รมั ปรา จึงเป็นประเพณเี ดิม เป็นสว่ นหนึง่ ในชวี ติ ของสังคม

ขนบประเพณี (institution) ได้แก่ ประเพณีที่มีระเบียบแบบแผนวางไว้ให้คนในสังคมได้
ปฏิบัติทั้งที่เข้าใจได้ และปฏิบัติโดยชัดเจน และหรือรู้กันเองในกลุ่มสังคมนั้นโดยปริยาย เป็นการ
ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนตามแบบแผนนั้น เช่น การบวชนาค จะมีขั้นตอนเริ่มตั้งแต่ ชายที่มีอายุครบ
20 ปี บริบูรณ์ ทำพิธีลาบวช ทำขวัญนาค การแห่นาค พิธีบวชนาค เป็นต้น หรืออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ประเพณีแต่งงาน ประเพณีทำศพ จะทำตามลำดับข้นั ตอนทง้ั ส้นิ

ธรรมเนียมประเพณี (convention) ได้แก่ ประเพณีทั่วไปที่ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่
เช้าจนเข้านอน ไม่มีระเบียบแบบแผนแน่นอนตายตัว จะปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือว่าผิด ถูกเป็นสิ่งที่
นิยมกัน ถือเป็นธรรมเนียม เช่นการแต่งกาย กริยามารยาท การตื่นตอนเช้าแล้วจะอาบน้ำสีฟันใน
สงั คมไทย สงิ่ เหล่านเี้ ป็นแนวทางวถิ ีประชาของคนในสังคม

ประเพณสี ำคัญของไทย

ประเพณีไทยเป็นสมบัติของวัฒนธรรมอันมีคุณค่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกบความเชื่อ
คา่ นิยม บรรทดั ฐานของสงั คมเปน็ ส่ิงช้แี ละสร้างเสริมความสามัคคใี หเ้ กดิ ในกลุ่มสังคมไทย ท้งั ยังแสดง
ถึงอดีต ความเป็นมา ความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย ความไม่เข้าใจในความหมายและสาระของ
ประเพณี ทำให้เกิดความเบี่ยงเบนในแนวทางการปฏิบัติ จึงควรให้ศึกษาปลูกฝังและปฏิบัติกนให้
ถูกต้อง เพื่อให้เกิดทัศนะทางที่ดถี ูกต้อง ทำให้ฐานะของสงั คมไทยในสายตาของต่างชาตเิ ป็นสังคมท่ดี ี
มีความเจริญ มีวัฒนธรรมและเกียติยศ ศักด์ิศรี และเปน็ ความภาคภมู ิใจชว่ ยเชอื่ มตอ่ ความรสู้ กึ ของคน
ในชาติให้มีความเป็น ฯ อันหนึ่งอันเดียวกน ให้เกิดความรุ่งเรืองมันคงแก่ชาติบ้านเมืองประเพณีไทย
ต่าง ๆจึงเป็นเอกลกั ษณ์ของสงั คมไทยท่มี ีลักษณะเฉพาะ

ประเพณีสงกรานต์ คือ ประเพณีของประเทศไทย ลาว กมั พูชา พม่า ชนกลุ่มนอ้ ยชาวไตแถบ
เวียดนาม และมนฑลยูนานของจีน รวมถึงศรีลังกา และประเทศทางตะวันออกของประเทศอินเดีย
สันนิษฐานกันว่า ประเพณีสงกรานต์นั้นได้รับวัฒนธรรมมาจากเทศกาลโฮลีในอินเดยี แต่เทศกาลโฮลี
จะใช้การสาดสีแทน โดยจะจดั ใหม้ ขี ้นึ ในทกุ วนั แรม 1 ค่ำ เดอื น 4 ซ่งึ กค็ ือเดอื นมนี าคม

สงกรานต์ เป็นคำในภาษา สันสกฤต ที่หมายถึง การเคลื่อนย้าย โดยเป็นการอุปมาถึงการ
เคลื่อนย้ายการประทับในจักรราศี หรือการเคลื่อนเข้าสู่ปีใหม่ตามความเชื่อของไทยและบางประเทศ
ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเพณีสงกรานต์นั้นมีสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณคู่กับตรุษ จึงมัก
เรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึง การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เดิมทีวันที่จัด
สงกรานตน์ ้ีนนั้ จะมีการคำนวณทางดาราศาสตร์ แตใ่ นปัจจบุ ันได้มีการกำหนดวันท่แี น่นอน คือ ตั้งแต่
13 – 15 เมษายน แต่เดมิ วนั ข้ึนปีใหมไ่ ทย คอื วนั เรม่ิ ปีปฏิทนิ ของไทยจนถึง พ.ศ. 2431 และได้มีการ
เปลย่ี นแปลงมาเปน็ วนั ท่ี 1 เมษายน เปน็ วนั ข้นึ ปีใหมจ่ นถึง พ.ศ. 2483

8

ภาพท่ี 2ประเพณีสงกรานต์

คณุ ค่าความสําคัญ
เป็นประเพณีปี ใหม่ของไทยมาแต่โบราณ แสดงออกถึงความพร้อมเพรียง พร้อมใจทำความสะอาด
บ้าน ทำบุญ ให้ทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ แสดงออกถึงความกตัญู สรงน้ำพระรดน้ำขอพระ
ผู้ใหญ่ การรื่นเริง เป็นประเพณีที่มีคุณค่าต่อครอบครัว ทำให้สมาชิกของครอบครัวได้มีโอกาสมาอยู่
รวมกันเพื่อแสดงความกตัญูคุณค่าต่อชุมชน ทำให้เกิดความสมานสามัคคีในชุมชนคุณค่าต่อสังคมทำ
ให้เกิดระเบียบความสะอาดต่อสาธารณสถาน แสดงความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อมคุณค่าต่อศาสนา
ชว่ ยทาํ นุบํารงุ พระศาสนา ปฏบิ ตั ติ าม ฟงั เทศน์ สรงน้ำพระ

ประเพณแี หน่ างแมว,ปนั้ เมฆ และบุญบง้ั ไฟ
เปน็ ประเพณี ทเี่ ก่ียวเน่ืองกบั ความเจริญงอกงามของพชื พันธใุ์ นสังคมไทยด้วยทว่ี า่ สภาพแวดล้อม ภูมิ
ประเทศ ภูมิอากาศร้อนชุ่มชื้นและเป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเกษตรกรรมกสิกรรมชาวไทยยึดอาชีพ
เหล่านม้ี าแตโ่ บราณ ซง่ึ ต้องพ่งึ พาธรรมชาติ น้ำจากแหล่งธรรมชาติจึงเปน็ ความสำคัญบรรพบรุ ุษจึงผูก
เรื่องราวเป็นความเชือ่ เพื่อขอฝน ขอน้ำให้พืชพันธุ์ธญั ญาหารอุดมสมบูรณ์ จึงเกิดประเพณีเหล่านี้ขนึ้
แห่นางแมว เป็นประเพณีขอฝนของชาวชนบทไทย เพื่อให้มีน้ำใช้ในการทำเกษตรกรรมกสิกรรม ซ่ึง
เป็นอาชีพหลักมาแต่โบราณ เพื่อให้มีฝนตก มีน้ำใช้ ไม่ให้เกิดความเดือนร้อนอดยาก ข้าวยากหมาย
แพง ชาวบ้านจงึ ทำพิธีแห่นางแมว โดยมีการปรึกษาหารือ จดั หาแมวตัวเมยี ใส่ในตะกร้า มีฝาปิดไม่ให้
แมวหนอี อก การแห่จะเป็นเวลาใดก็ได้แลว้ แต่ความสะดวกท่ีไดป้ รึกษากน แล้วหามไปแห่ไปล้อมรอบ
นางแมว มีคนถือพานนําหน้า ร้องเชิญให้มาร่วมพิธีขอฝน ชาวบ้านที่มีกลอง ฉิ่ง ฉับ ฆ้อง....เครื่อง
ดนตรีอื่น ๆ มาช่วยกันร่วมในพิธี แห่ไปตามละแวกบ้าน เมื่อไปถึงหน้าบ้านใคร เจ้าบ้านจะเอาน้ำสาด
ลงในตระกร้าที่ขงั แมว เมอื่ ถกู สาดน้ำมันจะตกใจร้อง แห่ผ่านบ้านใดกจ็ ะถูกสาดน้ำแห่แล้วถ้าฝนยังไม่
ตกก็จะแห่ช้ำในวนั ร่งุ ขนึ้ และต่อไปจนกวาฝนจะตก

9

การแห่นางแมวเพื่อทำให้ฝนตก ที่ต้องใช้แมว เพราะว่าแมวเป็นสัตว์ไม่ชอบน้ำ โบราณถือว่าแมวเป็น
ตัวแล้ง เมื่อถูกสาดน้ำปียกก็จะหายแล้ง ซึ่งถือเป็นเคล็ด ในการแห่นางแมวนั้นบางท้องถิ่นนําเอารูป
ปัน้ เมฆแหไ่ ปดว้ ยการปน้ั เมฆ เปน็ รปู เกี่ยวกับพธิ งี อกงาม (fertility rites) เปน็ รูปปน้ั ชายและหญิงปั้น
ด้วยดนิ เหนยี ว ปี ใดแลง้ ฝนมาล่าช้า จะเหน็ เป็นรูปปนั้ นอี้ ยู่ข้างทางเดินและคนั นา

ภาพที่ 3 ประเพณีแห่นางแมว

บุญบั้งไฟ เป็นประเพณีทางภาคอีสาน บางทีเรียกว่า บุญเดือน 6 โดยชาวบ้านได้หารือเพื่อจัดการ
ทำบุญ การทำบุญนี้จะมีบั้งไฟประกอบด้วย จะมีการนัดวันประชุมทำบุญ โดยมีการออกสลากใบบุญ
แจง้ เรอ่ื งการทำบุญ เพอ่ื ปรกึ ษาแบ่งงาน ตงั้ แต่จดั เลย้ี งพระสงฆ์ สามเณร ชาวบา้ น

ภาพท่ี 4 บุญบ้ังไฟ

ประเพณีงานบญุ
ชีวิตไทยผูกพันอยู่กับพุทธศาสนาใช้เป็นเครื่องมือ นำทางสู่การดำเนินชีวิตที่ราบเรียบในสังคมพุทธ
เกษตร ประเพณีงานบุญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องในชีวิตไทยมีมากมาย ประเพณีที่ผูกสร้างขึ้นจะเก่ียวโยง
กับพุทธศาสนาท้ังนน้ั

10

วันเข้าพรรษาและออกพรรษาเป็นช่วงที่พระสงฆ์จำพรรษาอยูที่วัด นับต้ังแต่แรม 1 ค่ำ
เดือน 8 ถึง 15 ค่ำ เดือน 11 ชาวไทยจะนําดอกไม้ธูปเทียนและสิ่งของเครื่องใช้ของพระสงฆ์ไถวาย
พระที่วัด พระสงฆ์จะจำพรรษาที่วัดตลอด 3 เดือน ในช่วงระหวางน้ันเมื่อแรม 15 ค่ำ เดือน 10 มีพิธี
ทำบุญวันสาทร หลังทำบุญแล้วจะกรวดน้ำอุทิศสว่ นกุศลใหบ้ รรพบุรุษผู้ตายจะอดยาก เพราะไม่ได้รับ
อาหารที่ลูกหลานทำบุญให้ และเมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันออกพรรษา คนไทยจะไปทำบุญ
ตักบาตร มกี ารตกั บาตรเทโว ซ่งึ จะจดั ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เพอ่ื ราํ ลกึ ถงึ พระพทุ ธคุณและโดยเช่ือ
วา พระพุทธองค์จะเสด็จลงมาจากเทวโลก หลังจากที่พระองค์เสด็จไปจำพรรษาโปรดพระมารดาใน
ดาวดึงส์ วดั ต่าง ๆ จะมกี ารทอดกฐนิ ก่อนออกพรรณนา แลหลังตามกาหนดเวลา เพ่ือใหพ้ ระทีเ่ ข้า มา
บวชและจะสึกหลังสามเดือนเข้าพรรษาจะได้สึกออกมาได้ จึงมีประเพณีการทอดกฐินที่ชาวไทยถือ
ปฏบิ ัติกนั มา

ประเพณีการบวช

ชายไทยเมื่ออายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ จะบวชตามประเพณีไทย เพื่อจะได้เรียนรู้ศีลธรรมหลักศาสนา
ก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยที่คนไทยใช้พุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตมาแต่โบราณโดยใช้
หลักคาํ สอนเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจโลกมากขึน้ มีสตริ คู้ ิดมีเหตุผล และรบั ผิดชอบในชีวิตตอ่ ไป

บุคคลทีจ่ ะบวชตอ้ งมคี ุณสมบัติตามพระธรรมวินยั โดยจะต้องเป็นชายอายุ 20 ปี บรบิ รู ณ์ ไม่
กระทำผดิ ตอ่ ศาสนาและสังคม ไมเ่ ป็นโรคตดิ ตอ่ ไมพ่ ิการ ไมถ่ กู อาญาหลวง เม่อื มีคุณสมบตั ิครบถ้วนก็
สามารถบวชได้ โดยมพี ระอปุ ัชฌาย์ทำหนา้ ท่ดี แู ล

พธิ ีลาบวช ผ้บู วชจะต้องนําดอกไม้ธูปเทียนแพใส่พานเพ่ือบอกลาแก่ญาติ และผู้ท่ีนับถือเป็น
การลาบวช

การทำขวญั นาค เราจะเรยี กผู้ท่ีจะบวชวา นาค กอ่ นบวชหนง่ึ วัน จะมีการทำขวญั นาค จะ มี
การบายศรีและแวนเวียนเทียน ไตร บาตร เครื่องบริขาร ต้ังไว้พร้อมทั้งนาค ญาติพี่น้องเพือ่ นจะห้อม
ล้อมพร้อมทั้งมีการแหล่เป็นทํานองเกี่ยวกับการสํานึกในบุญคุณของบิดามารดาที่เลี้ยงดูนับเป็ น
ความสำคญั

การแห่นาค นาคจะนุ่งขาวห่มขาวหรือสวมเสื้อครุ ยเทวดา นาคจะต้องสำรวม พนมมือถือ
ดอกบวั และธปู เทยี น กระบวนแห่จะมีกลองยาว เชิดสงิ โต ญาตพิ ่นี ้องเพ่ือน ชว่ ยถอื พานเทียนประดับ
ด้วยธนบัตร บิดานาคจะสะพายบาตร มารดาจะต้องอุ้มไตร ญาติจะช่วยถือเครื่องอัฐบริขาร พอได้
เวลาจะแหน่ าครอบโบสถ์โดยเวียนขวา 3 รอบ เรยี กวา ทักษิณาวัตรเสรจ็ แล้วพ่อนาคจะนําดอกบัวธูป
เทยี นทีถ่ อื ไหว้นนั้ เขา้ ไปไหวท้ พ่ี ัทธสมี าหนา้ โบสถ์เปน็ การบอกกล่าว

พธิ บี วชนาค หลงั จากนัน้ บดิ าจะจูงนาคเขา้ โบสถ์ พิธบี วชนาคเป็นพธิ ีสงฆ์ คณะสงฆ์จะทำพิธี
บวชให้โดยมากเจา้ อาวาสจะทำหนา้ ท่ีพระอปุ ชั ฌาย์ บิดาจะนาํ ไตรมามอบใหน้ าคกอ่ นรบั นาคจะกราบ
ถือว่าเป็นการกราบครั้งสุดท้าย เมื่อรับผ้าไตรมาแล้วจะไปหาพระอุปัชฌาย์ นาคถวายเครื่องสักการะ

11

ดอกไม้ ธูปเทียน แด่พระอุปชฌาย์และนาคกล่าวคําขออุปสมบท พระอุปชฌาย์ให้โอวาท นาคจะไป
เปล่ียนเคร่ืองนุ่งหม่ เปน็ พระภิกษุ เม่ือเสร็จพธิ ีสงฆ์ พระใหมจ่ ะต้องจำวดั เพ่ือศึกษาพระธรรมวนิ ยั และ
หลักธรรมคําสอนจนกวาจะลาสิกขา

ภาพท่ี 5 การแหน่ าค

วัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ ไทย

สภาพทั่ว ๆ ไป ประเทศไทยเป็นดินแดนที่เป็นที่อยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ หลายเผ่าพันธุ์ เป็นที่
รวมวัฒนธรรมย่อยหรืออนุวัฒนธรรมจากการที่ชนเผ่าต่าง ๆ เหล่านั้นนําเข้ามาสู่ดินแดนอันเป็น
ประเทศไทยนี้ดินแดนที่เป็นประเทศไทยประกอบด้วยอาณาบริเวณที่แบ่งออกตามสภาพภูมิศาสตร์มี
4 ภาค คอื
1.ภาคเหนอื
มลี กั ษณะภูมปิ ระเทศ อาณาเขต สภาพดนิ ฟา้ อากาศและสภาพสงั คมพอประมวลได้ดังน้ี

1.1 สภาพภูมิประเทศ ส่วนใหญ่จะมีสภาพภูมิประเทศอันประกอบด้วยภูเขา หุบเขา และ
ต้นน้ำลำธารอดุ มไปด้วยป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติ

1.2 อาณาเขต
- ทศิ ตะวนั ตก จดประเทศพมา่
- ทศิ เหนือ จดเขตของประเทศพม่า และสาธาณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว
- ทิศตะวันออก จดประเทศสาธาณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
- ทศิ ใต้ จดเขตแดนของภาคกลาง

1.3 มีพื้นที่ ประกอบด้วยจังหวดั ตา่ ง ๆ 17 จงั หวดั คือ

12

- ภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ลําพูน ลําปาง เชียงใหม่ เชียงราย
พะเยา แพร่ น่าน และตาก

- ภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย 8 จังหวัด คือ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลกกำแพงเพชร พิจิตร
นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอทุ ัยธานี

1.4 สภาพภูมิอากาศ ภาคเหนือมีสภาพภูมิอากาศค่อนข้างหนาว และอุดมด้วยป่าไม้ และ
แหลง่ น้ำ

1.5 อุปนิสัยและบุคลิกภาพ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศดังกล่าวทําให้ประชาชนภาคเหนือมี
นสิ ยั ค่อนข้างรักสงบพูดจาไพเราะ ออ่ นหวานมีอัธยาศัยดีเปน็ มิตรกบคนทั ั วไป ชาวเหนอื ส ่ ว่ นใหญม่ ี
ผิวพรรณค่อนข้างขาวใบหน้าและรูปร่างดี จึงเรียกวา ่ “ถิ่นไทยงาม” ทั้งยังมีภาษาพูดและตัวหนังสอื
ประจำถนิ่ ของตน

1.6 อาชีพ การประกอบอาชีพของชาวเหนือได้แก่ การทำนา ทำไร่ ทำสวนผลไม้ ทำ
อุตสาหกรรมและหัตถกรรม เช่น การทอผ้า การจัดสวน การทำเครื่องปั้นดินเผา และเครื่องเคลือบ
การทำรม่ เครอื่ งไม้แกะสลัก เครอ่ื งเงนิ และเครอื่ งเขนิ เป็นตน้

1.7สังคมและวัฒนธรรมชาวเหนือ ส่วนใหญ่มักนิยมอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ผู้น้อยให้
ความนับถือแก่บรรพบุรุษและผู้อาวุโส การสร้างบ้านเรือนมักสร้างด้วยไม้ มุงด้วยกระเบื้องดินเผา
กระเบื้องไม้ และใบตองตึงมีไม้กาแลไขว้เป็นสัญลักษณ์ประจำภาคอยูที่ส่วนหน้าจัว นอกจากนี้ตาม
ภูเขา ซึ่งอยูห่างไกลจากตัวเมืองยังเป็นที่ตัง้ บ้านเรือนของชาวเขาเผาต่าง ๆ เช่น มูเซอร์ กระเหรี่ยง อี
กอ แม้ว เป็นต้น ซึ่งแต่ละเผ่าจะมีความเป็นอยู่ในสังคมแตกต่างกน มีอาชีพทำไร่ หาของป่า ทำ
เคร่อื งเงินและทอผา้ ผหู้ ญงิ จะทำงานหนักกวาผ้ชู าย

1.8 การเล่นพื้นเมอื งและศิลปกรรม การเลน่ พืน้ เมืองของภาคเหนือจะออกมาคล้ายอุปนิสัย
ของชาวพื้นเมือง คือ มลี ีลาแช่มช้อย อ่อนช้อย งดงาม ได้แก่ การฟอ้ นต่าง ๆ การอ่านหรือร้องคําร้อง
กรอง แบบภาคเหนอื การฟอ้ นเป็นการแสดงทีม่ มี าต้ังแตส่ มยั โบราณ มีลกั ษณะผสมผสานระหวา่ งชาติ
ตา่ ง ๆ ท่ตี ้ังถิ่นฐานอยู่ในภาคเหนือ แบ่งเปน็ 5 ประเภท

1. ฟ้อนเนื่องในความเชื่อ และพิธีกรรมทางศาสนาได้แก่ ฟ้อนผีมด ฟ้อนผีบ้านผีเมอื ง ฟ้อนผี
นางดงั ฟอ้ นบางศรี

2. ฟอ้ นแบบเมอื ง คอื การฟอ้ นอนั เป็นแบบฉบบั ของคนเมือง หรือไทยวน (ผกู้ ่อต้ังอาณาจักร
ลา้ นนา) เชน่ ฟ้อนเลบ็ ฟอ้ นเทียน ฟอ้ นเชงิ ฟ้อนดาบ และฟอ้ นสาวไหม เปน็ ตน้

3. ฟ้อนแบบม่านเป็นการฟ้อนที่ผสมผสานระหวางศิลปะของพม่า และล้านนาได้แก่ ฟ้อน
ม่านมยุ้ เชยี งตา

13

4. ฟอ้ นแบบเงยี้ ว หรือแบบไทยใหญเ่ ชน่ เล่นโต ผองเชงิ ฟ้อนไต และฟอ้ นเงยี้ ว เป็นต้น
5. ฟอ้ นทป่ี รากฏในบทละครเปน็ การฟอ้ นท่ีมีผปู้ ระดิษฐข์ น้ึ ในการแสดงละครพันทาง ได้แก่
ฟอ้ นน้อยใจยา ฟ้อนแพน และฟ้อนม่านมงคล

ภาพที่ 6 การฟอ้ นเงยี้ ว

1.9 แหล่งนันทนาการ ภาคเหนือมีสถานท่ีสำคัญทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวท่ี
งดงามตามธรรมชาติจำนวนมาก เช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ ศรีสัชนา
ลัย วดั พระศรรี ัตนมหาธาตุพิษณโุ ลก วดั พระแก้วดอนเตา้ วัดพระธาตุลําปางหลวง วัดพระธาตุหริภุญ
ไชย วัดพระธาตุดอยสุเทพ

1.10 ประเพณี คติความเชื่อและศาสนา ประชาชนส่วนใหญ่นับถือ พุทธศาสนาและจะ
เลื่อมใสศรัทธาปฏิบัติตามระเบียบประเพณีทางศาสนาและบ้านเมืองอยางเคร่ งครัดมีประชาชน
บางส่วนนับถอื ศาสนาครสิ ต์และลัทธอิ ืน่ ๆ อย่างเช่น การนับถือเทวดา และภตู ผปี ศี าจ

ภาพที่ 7ประเพณี ลอยโคม และ ประเพณีลอยกระทงสาย

1.11 การแต่งกาย แต่งกายพื้นเมืองของภาคเหนือมีลักษณะแตกต่างกนตามเชื้อชาติของ
กลุ่มชนคนเมือง ผู้หญิงจะสวมเสื้อคอกลม หรือคอจีนแขนยาวห่มผ้าสไบเกล้าผม ผู้ชายสวมเสื้อคอ
กลมหรือจีนนุ่งกางเกงป้ายหน้า มีผ้าคาดเอว ผ้าพาดบ่าและมีผ้าโพกศีรษะ หรือบางครั้งจะสวมเสื้อ

14

ม่อฮ่อม นุ่งกางเกงสามส่วน มีผ้าขาดเอว เครื่องประดบั ได้แก่ เครื่องเงิน และเครื่องทอง การแต่งกาย
ในพิธกี ารหรอื บคุ คลช้ันสูง จะมคี วามวิจติ รงดงามยิงขึ้น ผา้ ท่ีใช้เปน็ ผา้ ฝา้ ยและผ้าไหม

ภาพท่ี 8 การแตง่ กาย

ซึ่งมีลักษณะสีสันลวดลายเป็นเอกลักษณ์ และมีความหมายแฝงอยูโดยเฉพาะท้องถิ่น แถบจังหวัด
ภาคเหนอื ตอนล่าง จะมีการแตง่ กายใกล้เคยี งกบภาคกลาง
2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีลกั ษณะภูมปิ ระเทศ อาณาเขต สภาพดิน ฟ้า อากาศ สังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น ดังน้ี

2.1 สภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน มีพื้นที่
เป็นที่ราบสูง ประกอบด้วยป่าและภูเขามีที่ราบเล็กน้อย พื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย ภูมิอากาศ
ค่อนข้างร้อนและแห้งแลง้ มลี ำนำ้ ที่สำคญั ไดแ้ ก่ ลำน้ำชี ลำนำ้ มูล ลำนำ้ พอง และลำน้ำโขงซ่ึงกั้นเขต
แดนความเป็นอยขู่ องชาวไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ค่อนข้างเรียบง่าย มีระบบสังคมแบบเครอื ญาติ
เช่นเดียวกบชาวไทยในภาคอื่น ๆ คือมักรวมเป็นครอบครัวใหญ่ นับถือบรรพบุรุษและผู้อาวุโส มี
อุปนิสัยเป็นมิตรกับคนท่ัวไป ซื่อตรงไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมและอดทน ลักษณะบ้านเรือนที่อยูอาศัยมัก
สรา้ งดว้ ยวัสดุธรรมชาติ เป็นเรือนชั้นเดยี วขนาดไมใ่ หญน่ กั

2.2 อาณาเขต ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ มีอาณาเขต ดังน้ี
- ทศิ เหนือและทิศตะวนั ออก จดสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว
- ทิศใต้ จดประเทศกมั พชู า และภาคกลางของประเทศไทย
- ทิศตะวนั ตก จดภาคกลางและภาคอสี านของประเทศทไย

15

2.3 มีพื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดต่าง ๆ 19 จังหวัด คือ เลย หนองคาย อุดรธานี
หนองบวั ลำภู สกลนคร ขอนแกน่ กาฬสนิ ธุ์ มกุ ดาหาร มหาสารคาม ยโสธร อบุ ลราชธานีอำนาจเจริญ
นครราชสีมา บุรีรมั ย์ สุรินทร์ รอ้ ยเอด็ ศรีสะเกษ และชยั ภมู ิ

2.4 การประกอบอาชีพ ภาษาและวัฒนธรรม การประกอบอาชีพของราษฏร คือ การทำนา
ทำไร่ ปศุสัตว์ และหัตถกรรม เช่น ทอผ้าฝ้าย ผ้าไหม ทำเครื่องจักสาน และทำเครื่องปั้นดินเผา เป็น
ต้นประชาชนที่อยูในจังหวัดที่ใกล้เขตแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจะมีลักษณะ
ผิวพรรณและภาษาพูดใกล้เคียงกับลาว และบางส่วนก็มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดซึ่ง สืบ
เนอื่ งมาจากการอพยพยา้ ยถิ่นฐานตาเหตุการณส์ ำคัญในประวตั ิศาสตร์ สว่ นประชาชนในจังหวดั แถบที่
อยู่ใกล้เขตแดนประเทศกมพูชา จะมีภาษาพูด ผิวพรรณและวัฒนธรรมบางอย่างคล้ายคลึงกับชาว
กัมพชู า

2.5การเล่นพื้นเมืองและศิลปกรรม ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการละเล่นใน
เวลาเทศกาลและเมื่อว่างจากภารกิจ ในแต่ละจังหวัดอาจแตกต่างกนบ้างเล็กน้อย การละเล่นแบ่ง
ออกเป็นสองส่วน คือ อีสานเหนือและอีสานใต้ ของอีสานเหนือ คือ เซิ้งบั้งไฟ หมอลำกลอน (หลาย
ประเภท) เพลงโคราช เสง็ กลองฟ้อนภูไท ลำลงชว่ ง ลำเลาะตูม ลำเกบ็ ผกั หวาน การละเล่นของอีสาน
ใต้ คือ เรอื มอนั เร กันตรึมเป็นต้น
เครื่องดนตรีของภาคนี้ได้แก่ พิณ ซอ โปงลาง กลองเส็ง แคน กลองยาว ปี่ อังกอง กลองกันตรึม พิณ
นำ้ เต้า เปน็ ต้น

ภาพท่ี 9 หมอลำ และ เคร่อื งดนตรปี ระจำภาค

ลกั ษณะศิลปกรรมท่ปี รากฏในปะติมากรรมและสถาปัยยากรรมของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
มี 3 แบบ คือ แบบทราวดี แบบลพบุรี และแบบพื้นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปกรรมของเมืองหลวง
และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จากลา้ นนา สุโขทัย อยุธยา เวียงจนั ทร์ เปน็ ตน้ โบราณสถานท่ีสําคัญของ
ภาคนจ้ี งึ มี 2 ลกั ษณะ คือ เจดยี ์ พระบรมธาตุ และปราสาทหิน

16

2.6 แหล่งนันทนาการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสถานที่สำคัญทางโบราณคดี
ประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และศูนย์หัตถกรรมที่น่าสนใจจำนวนมากกระจายอยู
แทบทุกจังหวัด ที่รู้จักกันดี เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ท่ี
ผาแต้ม ประสาทหินพิมายปราสาทหินพนมรุ้ง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท วัดพระธาตุพนม
เข่ือนจุฬาภรณ์

ภาพท่ี 10 พิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตบิ ้านเชียง และ ประสาทหนิ พนมรงุ้

2.7 การแต่งกาย เครื่องแต่งกายพื้นบ้านของอีสานมีทั้งที่ผลิตจากฝ้ายและไหม ซึ่ง
เกดิ จากการทอผา้ ด้วยมอื ของสตรเี มื่อวางจากกิจการงานอื่น ๆ ในสมัยโบราณงานทอผ้าถอื ว่าเป็นงาน
รองจาก อาชีพหลักเพราะนอกจากทอเป็นเครื่องนุ่งหม่ แล้ว ยังใช้ในชวี ิตประจำวันด้วย ได้แก่ หมอน
ท่ีนอน เครอื่ งถวายพระ ผา้ ห่อคัมภรี ์ และผ้ากราบ สตรีอสี านจะนุ่งซิน่ สวมเส้ือและหม่ ผ้า ส่วนชายนุ่ง
กางเกง หรือโสรง่ ส่วนเสอื้ คาดผา้ ขาวม้า เครอ่ื งประดบั ส่วนใหญ่ทำด้วยเงินและทอง ผ้าอีสานท่ีขึ้นชื่อ
คือผา้ ลายขติ ผ้ามดั หม่ีและผ้าแพรวาซึ่งมีการใหส้ ีสันลวดลาย การย้อม การทอ ทลี่ ะเอียดซับซ้อนและ
ประณตี มากปจั จบุ ันได้รับการสง่ เสรมิ ตลอดจนแพรห่ ลายออกไปต่างประเทศ

ภาพที่ 11 การแต่งกาย

2.8 ประเพณี คติความเชื่อ และศาสนา ประเพณีความเชื่อและการแต่งกาย ชาวอีสานนับ
ถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่และมีความเลื่อมใส ศรัทธาอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม

17

นรก สวรรค์ และผีสางเทวดาด้วย ดังนั้นจึงค่อนข้างเคร่งครัดในการบําเพ็ญบุญกุศล และระเบียบ
ประเพณตี ่าง ๆ ทีส่ ืบทอดมาแตบ่ รรพบุรุษ ที่เรียกวา ่ “ฮีตสิบสอง คลองสิบส”่ี

ภาพที่ 12 ประเพณีแหผ่ ีตาโขน

ภาพที่ 13 ประเพณบี ญุ บงั้ ไฟ

3. ภาคกลาง
มีลักษณะสภาพภูมิประเทศ อาณาเขต สภาพดนิ ฟา้ อากาศ และสภาพสังคมดงั นี้

3.1 สภาพภูมปิ ระเทศและสว่ นประกอบของภมู ิภาค ภาคกลางมพี ื้นทีส่ ว่ นใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม
แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลัก และมีลำน้ำเล็ก ๆ อื่นอีกหลายสาย ทำให้บริเวณภาคกลาง
ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ด้านตะวันออกยังมีบริเวณ ลุ่มน้ำปะกง ลุ่มน้ำป่าสัก ด้านตะวันตกมีบริเวณลุ่ม
น้ำท่าจีน ลุ่มนำ้ แมก่ ลอง เป็นตน้ เขา้ ไวด้ ้วย นอกจกนที้ างภาคกลางตอนใตย้ ังมีอ่าวไทยและทะเล คือ
ฝั่งทะเลตะวันออก และคาบสมุทรตอนบน อันทำให้ประชาชนได้มีส่วนได้รับอิทธิพลของแหล่งน้ี
เหล่าน

3.2 พื้นที่ของภาคกลาง ประกอบด้วยบริเวณจังหวัดต่าง ๆ จำนวน 26 จังหวัด คือ ชัยนาท
อ่างทองสิงห์บุรี สระบุรี ลพบุรี อยุธยา ปทุมธานี นครนายก นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา

18

ชลบุรีปราจนี บุรี สระแกว ระยอง จันทบุรี ตราด สมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม
้สพุ รรณบรุ ี ราชบุรี เพชรบรุ ี กาญจนบุรี และประจวบคีรขี ันธ์

3.3 การประกอบอาชีพ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม คือ การทำนา
ทำสวน ทำไร่ปศุสัตว์ ประมง ในด้านหัตถกรรม ส่วนใหญ่มักได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องจักสาน
เครื่องเงินเครื่องทอง และอัญมณี ส่วนในด้านอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยอุตสาหกรรม
หนัก และอุตสาหกรรมเบา เช่น การผลิตอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์วิทยุ อุปกรณ์นาฬิกา อาหาร
กระปอ๋ งการผลิตวสั ดุกอ่ สรา้ ง การต่อเรอื เป็นตน้

3.4 สังคมและวัฒนธรรม โดยที่ภาคกลางเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่มานานเป็นศูนย์กลาง
ทางการค้าการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และศิลปะวิทยาการแขนงต่าง ๆ นับตั้งแต่สมัยทวารวดี
ลพบุรีสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ จนถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมของภาคกลางจึงมีความหลากหลาย
ซับซ้อนมีทั้งวัฒนธรรมของหลวงและวัฒนธรรมพื้นบ้าน สังคมไทยภาคกลางเป็นระบบเครือญาติ
ผู้น้อยจะนับถือผู้อาวุโส ชาวไทยในชนบทยังนิยมการอยูรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ หรืออยู่ละแวก
เดียวกันอุปนิสัยของคนในภาคกลางค่อนข้างเป็นมิตรกบคนท่ัวไปเฉลียวฉลาดรู้จักการประสาน
ประโยชน์ และการปรับตวั เข้ากับสิ่งแวดลอ้ มและสภาวการณท์ ั่วไป

ภาพที่ 14 การบูชาแมโ่ พสพ

3.5 แหล่งนันทนาการ และสถานทีพ่ ักผ่านหย่อนใจ ภาคกลางของไทยมีสถานที่สำคัญทาง
ประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามจำนวนมาก เช่น พระราชวังบางประอิน
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาพระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระปฐม
เจดยี ์ สะพานขา้ มแม่น้ำแคว พระพุทธบาทสระบรุ ี พระปรางค์สามยอด พระราชวงั นารายณ์ราชนิเวศ
พระนครครี ี พระพุทธไสยาสนว์ ัดปา่ โมกอทุ ยานแหง่ ชาติ ทางทะเลเกาะช้าง เป็นตน้

19

ภาพที่ 15 พระปรางค์สามยอด

ภาพท่ี 16 พระราชวงั นารายณ์ราชนเิ วศ

3.6 แหล่งอารยธรรม หรือศูนย์กลางอารยธรรม : ภูมิปัญญาชาวบ้าน ภาคกลางเป็น
ศูนย์กลางแห่งอารยธรรมมาต้ังแต่โบราณหลายยุคสมัยดังนั้นจึงเป็นแม่แบบแห่งศิลปกรรม และเป็น
แหล่งรวมของช่างฝี มือแขนงต่าง ๆ งานศิลปกรรมทุกสาขาไม่วาจะเป็น จิตรกรรม ประติมากรรม
และประณีตศิลป์ ล้วนงดงามมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง มีหลักฐานปรากฏให้เห็นชัดเจนในอาราม และ
พระราชวังที่สร้างในสมัยอยุธยาเป็นต้นมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ งานประณีตศิลป์ เช่น ลาดรดน้ ำ
การประดับกระจก งานประดับมุกลว้ นมีลวดลายละเอยี ดออ่ นงดงาม

3.7 การเล่นพ้ืนเมอื ง : ดนตรี ศิลปกรรม กีฬาพนื้ บ้าน
ชาวไทยภคกลางมีนสิ ัยนิยมการนันทนาการมาต้ังแต่อดตี การละเล่นพน้ื บ้านมีท้ังท่ีเล่นกนท่ัวไปเม่ือว่า
กิจการงาน การเล่นตามเทศกาล และเล่นตามฤดูกาล คือ ระบำชาวไร่ เพลงพวกมาลัย เพลงฉ่อย
เพลงอธษิ ฐาน เพลงเหยอ่ ย เพลงแมศ่ รี เพลงเตน้ การําเคียว เพลงส่งฟาง เพลงเรอื เพลงลำตัด เพลงอี
แซว กลองยาว ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีกีฬา เช่น ตะกร้อ วาว สะบ้า หมากรุก และมี การแสดงซึ่ง
บางอย่างเกิดในราชสำนัก บางอยา่ งเปน็ ของพื้นบ้าน ไดแ้ ก่ โขน ลิเก หนังใหญ่ หนุ่ กระบอก วงดนตรี
ไทย ชาวไทยภาคกลางยังมศี ิลปะการป้องกนตัวซึง่ เป็นประโยชน์ ต่อร่างกาย และในอดีตยังสามารถ

20

นำมาใชป้ ้องกนประเทศชาติ และปราบโจรผรู้ า้ ยได้ด้วย การฟันดาบ การตกี ระบี่กระบองและการชก
มวย ซ่งึ ปจั จบุ นั เป็นที่แพร่หลายไปท่ัวโลก

ภาพที่ 17 ระบำชาวไร่

ภาพที่ 18 หุ่นกระบอก

3.8 การแต่งกาย การแต่งกายพื้นบ้านของชาวไทยภาคกลางค่อนข้างเรียบง่าย ผู้ชายนุ่ง
กางเกงยาวครึ่งน่อง สวมเสื้อแขนสั้น มผี ้าขาวมา้ คาดเอว ผ้หู ญงิ นุง่ ผ้าซิน่ ยาว สวมเส้ือแขนส้ันหรอื ยาว
หรือบางครงั้ ใช้ผ้าคาดอก

ภาพท่ี 19 การแตง่ กาย

21

3.9 ประเพณี คตคิ วามเช่ือและศาสนา ชาวไทยภาคกลางสว่ นใหญน่ ับถอื ศาสนาพทุ ธ มีสว่ น
น้อยที่นับถือศาสนาครสิ ต์และยังมีความเช่ือเกี่ยวกบเทวดา ภูตผี ตลอดจนไสยศาสตร์รวมอยู่ด้วย ซ่ึง
ชาวไทยจะถือปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา และบําเพ็ญบุญกุศลตามลัทธิศาสนาของตน ในสมัย
โบราณวัดจะเป็นศูนย์กลางของชุมชน คือนอกจากเป็นที่บําเพ็ญบุญกุศลแล้วยังเป็นที่เรียน ที่พบปะ
สงั สรรค์ และเป็นทจ่ี ดั งานร่ืนเริงในเทศกาลตา่ ง ๆ ของชุมชนด้วย

4. ภาคใต้
ภาคใต้เป็นดินแดนที่อยูใต้สุดของประเทศไทย มีภูมิประเทศ สภาพความเป็นอยู่ตลอดจนภูมิปัญญา
ชาวบา้ น ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา อันเปน็ พื้นนสิ ัยของประชาชนเชน่ เดยี วกบภูมิภาคอน่ื

4.1 ลักษณะภูมิประเทศ ดินแดนภาคใต้ของประเทศไทย ประกอบด้วยพื้นที่ซึ่งเป็นป่าเขา
และดินแดนชาวฝง่ั ทะเล รวมทง้ั เกาะแกง่ ต่าง ๆ ทางด้านทะเลอา่ วไทย และทะเลอันดามนั

4.2 สภาพดินฟ้าอากาศภาคใต้ สภาพอากาศทางภาคใต้ ค่อนขา้ งร้อนแต่มีฝนตกชุก ทำให้
มคี วามอดุ มสมบรู ณด์ ้วยแหลง่ น้ำ

4.3 อาณาเขต

ทศิ เหนอื จดจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์

ทศิ ตะวนั ตก จดประเทศพม่า

ทิศตะวันออก จดอ่าวไทย

ทศิ ใต้ จดเขตแดนประเทศมาเลเซีย

4.4 จังหวัดต่าง ๆ ภาคใต้ประกอบด้วยจังหวัดต่าง ๆ รวม 14 จังหวัด คือ จังหวัดชุมพร
ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงาน กระบี่ ภูเก็ต ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา สตูลปัตตานี ยะลา
และนราธิวาส

4.5 ลักษณะอุปนิสัยของชาวใต้ ชาวใต้อปุ นสิ ยั ค่อนขา้ งอดทน เข้มแขง็ มคี วามฉลาดเฉลียว
มุ่งมันสูง และปราดเปรียว ว่องไว มีภาษาพูดประจำถ่ินซึ่งค่อนข้างห้วนสั้นกวาภาคอื่น ชาวใต้จะนับ
ถอื บรรพบุรษุ และผู้มี อาวุโสกวา นอกจากน้ียงั นับถือเทวดาและภตู ผปี ีศาจด้วยการอยูรวมกันในสังคม
เป็นแบบเครือญาติ ถือลูกหลานจะอยูร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อแต่งงานไปแล้วอาจสร้าง
บา้ นเรอื นอยูในละแวกเดียวกัน หรอื แยกครอบครัวไปอยูทีอ่ ื่น ่

4.6 การประกอบอาชีพ อาชีพของประชาชนในภาคนี้คอื การทำนา ทำสวนยาง สวนผลไม้
ทำไร่ ทำเหมืองแร่ ประมง ทำฟาร์มหอยมุก ค้าขาย ทำงานหัตถกรรม เช่น เครื่องเงิน เครื่องถม ทอ
ผา้ เคร่ืองจกั รสาน และเคร่อื งอตุ สาหกรรม

22

4.7 ภมู ิปัญญาชาวบา้ น
- ที่อยู่อาศัย ลักษณะบ้านเรือนของภาคใต้มี 3 แบบ คือบ้านแบบไทย จีน และอิสลาม ซึ่ง
ขนาดและลักษณะความแตกต่าง จะเห็นได้ชัดในบ้านของผู้มีฐานะ ส่วนบ้านของราษฎรสามัญใน
ท้องถิ่นท่ัวไปมักเป็นบ้านใต้ถุนสูง สมัยโบราณนิยมต้ังเสาบนก้อนหินอีกช้ันหนึ่งไม่ฝังโคนเสาวัสดุที่
สร้างบา้ นอาจทำด้วยไม่ไผ่ จาก แฝก หรอื ไมเ้ นื้อแข็ง หลังคามงุ จาก แฝก หรอื มงุ กระเบ้ือง บ้านของผู้
มฐี านะจะมแี บบทรางเรือนไทย และบ้านที่ไดร้ ับอิทธพิ ลจากฮอลนั ดามที รงหลงั คม 3 แบบ คือ
หลังคาจัว หลังคาป้ันหยา และหลังคมทรงมานิลา การประดับตกแต่งทั้งแบบไทย และเทศนี้แล้วแต่
ฐานะของเจ้าบ้าน
- การเล่น ดนตรี ศิลปกรรม
การละเล่นพื้นบ้านของภาคใต้มีลักษณะที่ค่อนข้างกระฉับกระเฉงตามอุปนิสัยของประชาชน ได้แก่
การเล่นเพลงบอก หนังตะลุง มโนห์รา การต่อสู้ด้วยกรชิ ฯลฯ นอกจากการละเล่นการแสดงยังมกี ีฬา
พื้นบ้าน เช่น แข่งเรือกอและ ชนวัว แข่งนกเขา และแข่งว่าวเครื่องดนตรี ได้แก่ กลองหนัง โพน หรือ
กราว เป็นตน้

ภาพท่ี 20 หนังตะลงุ

ภาพที่ 21 มโนห์รา

23

4.8 แหล่งนนั ทนาการ

- ธรรมชาติ โบราณคดีภาคใต้มสี ถานที่สำคญั และแหล่งท่องเที่ยวมากไม่แพ้ภาคอื่น คือ มีท้ัง
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประกอบด้วย หมู่บ้าน ประมง
ชายหาดอุทยานแห่งชาติ ป่า เขา น้ำตก โบราณสถาน วัดวาอารามในศาสนาพุทธ และมัสยิดใน
ศาสนาอิสลามเช่น เกาะสมุย อุทยานแห่งชาติทางทะเล หมู่เกาะอ่างทอง สุสานหอย หมู่เกาะจังหวัด
กระบี่ และพังงา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแหล่งการค้าอยูที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเป็นสถานที่
สำหรบั เลอื กซอ้ื สนิ คา้ นานาชนดิ ดว้ ย

4.9 แหลง่ อารยธรรม

ภาคใต้เป็นแหล่งอารยธรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากเป็นสถานีการค้าระหว่างประเทศในการ
เดินเรือค้าขายจึงพบร่องรอบอารยธรรมอันเป็นอิทธิพลที่ได้รับจากอินเดียและลังกา โบราณสถานใน
พุทธศาสนาส่วนใหญ่รวมท้งั โบราณวัตถุ จะเป็นศลิ ปกรรมแบบศรวี ชิ ยั อยธุ ยาและรัตนโกสนิ ทร์ในบาง
จังหวัดจะมอี าคารแบบจีน และแบบโปรตเุ กสผสมจีน ปรากฏอยู่ เช่นจงั หวดั สงขลา และจังหวัดภูเก็ต
เปน็ ต้น

4.10 ประเพณี – คตคิ วามเชื่อ – ศาสนา

ประชาชนส่วนใหญ่ในภาคใต้นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนั้นนับถือศาสนาพุทธและศาสนาอื่น ๆ
และบางจังหวัดจะมชี าวไทยเช่อื สายจีนตัง้ บ้านเรือนอาศยั อยูมาก

ชาวไทยมุสลิมจะปฏิบัติตนตามระเบียบพิธีทางศาสนาของตนชาวไทยมุสลิมมีประเพณีสืบ
ทอดมาแต่บรรพบุรุษ บางอย่างเป็นไปตามหลักการ ของศาสนา บางอยางได้รับอิทธิพลจากศาสนา
พราหมณ์ และพุทธประเพณที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบชีวิตมดี ังน้ี

1. ประเพณกี ารเกิด คือ การกล่าว อาซันและกอมดั ที่หูของทากร
2. ประเพณโี กนผมไฟ และตั้งชื่อ
3. ประเพณีเขา้ สหุ นัต
4. ประเพณีแต่งงานตามหลกั เกณฑท์ างศาสนาของชายคนหนึ่ง จะมภี รรยาไดถ้ งึ 4 คน

5. ประเพณีมาแกะปูโละ (กนิ เหนยี ว)

6. ประเพณีทำศพ สว่ นชาวไทยพทุ ธนน้ั กจ็ ะมีประเพณีท่ีเกีย่ วกับชวี ิต และประเพณที างศาสนาเช่นกน
ประเพณที ีส่ ำคญั คอื ประเพณีชกั พระ ประเพณีทอดผ้าปา่ งานเทศกาลเดอื นสบิ การแห่ผา้ ขน้ึ พระธาตุ
ฯลฯ

24

ภาพท่ี 22 แหเ่ รอื พระ และ เทศกาลเดือนสบิ

4.11 การแตง่ กาย
การแต่งกายในภาคใต้ปจั จุบันมลี ักษณะค่อนข้างเป็นสากล สว่ นการแตง่ กายแบบพืน้ บ้านดงั้ เดิมนั้น มี
ลักษณะแตกต่างกันตามกลุ่มสงั คมคือ ชาวไทยเชือ้ สายจีนจะมลี ักษณะการแต่งกายคล้ายจีน ชาวไทย
มสุ ลมิ จะแต่งกายคล้ายประชาชนในมาเลเซีย สว่ นชาวไทยพทุ ธแต่งกายคลา้ ยกบภั าคกลาง ชาวใต้มีผา้
ทอทีข่ ้นึ ชอ่ื ในอดีตคือ ผ้าเกาะยอ ผา้ ไหมพุมเรียง ผ้าทอเมอื งนคร ส่วนเคร่ืองประดับนนั้ มที ง้ั เคร่ืองเงิน
เคร่ืองทอง และเครอื่ งถม

ภาพท่ี 23 การแตง่ กาย

25

บรรณานกุ รม

คณาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
(2540).สังคมและวฒั นธรรม.กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จงจติ ต์ โศภนคณาภรณ.์ (2547).วฒั นธรรมและบคุ ลิกภาพ.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคําแหง
ณรงค์ เสง็ ประชา.(2541).มนุษยก์ ับสงั คม.กรงุ เทพมหานคร : โอเอส. พริ้นเต้งิ เฮา้ ส์
นวลฉวี กุลโรจนภัทรและคณะ.(2549).วิถีไทย.พิษณุโลก : คณะกรรมการจัดทำหนังสือวิถีไทย
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม
ผจงจิตต์ อธิคมนันทะ.(2543).สงั คมและวัฒนธรรมไทย.กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง
ผ่องพันธุ์ มณี รัตน์.(2521).การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม.กรุ งเทพฯ : โรงพิมพ์
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
บรรพต วรี สัย.(2536).สงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยาเบื้องต้น. กรงุ เทพฯ : สํานักพมิ พ์รามคําแหง
รชั นกี ร เศรธโฐ.(2532).โครงสร้างสังคมและวฒั นธรรมไทย. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพาณชิ
วไิ ลเลขา ถาวรธนสารและคณะ.(2539).พ้ืนฐานวฒั นธรรมไทย.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั
รามคาํ แหง
สนิท สมัคการ.(2538). การเปล่ียนแปลงทางวฒั นธรรมกับการพัฒนาสังคม. กรงุ เทพฯ : โครงการ
สง่ เสรมิ เอกสารวชิ าการ สถาบันพัฒนาบณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์
อาํ นวย พิรณุ สาร.ความรู้ เบ้ืองตน้ สงั คมและวฒั นธรรมในภาวะโลกไร้ พรมแดน ู .พษิ ณุ โลก :
มหาวทิ ยาลัยนเรศรวร


Click to View FlipBook Version