The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข่าวสารกรมทรัพยากรธรณี ปีที่ 22 ไตรมาสที่ 3 66

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prdmr.pr, 2023-08-15 02:58:20

ข่าวสารกรมทรัพยากรธรณี ปีที่ 22 ไตรมาสที่ 3 66

ข่าวสารกรมทรัพยากรธรณี ปีที่ 22 ไตรมาสที่ 3 66

เมษายน-มิถุมินถุายน 2566 ข่ า วสา รกรมทรัพยากร ธ รณี ปีที่ปี ที่ 22 ไตรมาสที่ 03 ปักหมุดเส้นทางและ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาโคราชจีโอพาร์ค ปักหมุดเส้นทางและ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาโคราชจีโอพาร์ค


อรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี มยุรี ธรรมานุสาร ผู้อำ นวยการส่วนประชาสัมพันธ์ บรรณาธิการบริหาร ที่ปรึกษาวิชาการ สุวภาคย์ อิ่มสมุทร รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ในฐานะโฆษกกรมทรัพยากรธรณี อดุลวิทย์ กาวีระ นักธรณีวิทยาปฏิบัติการ กองคุ้มครองซากดึกดำ บรรพ์ สุภชัย ตันตินาคม นักธรณีวิทยาปฏิบัติการ กองธรณีวิทยา กองบรรณาธิการและพิสูจน์อักษร ณัฐพร โลเกศกระวี นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ จันทมาลิน จันทรปรีชายุทธ นักวิชาการเผยแพร่ ศิลปกรรมรูปเล่ม ภุมรินทร์ วณิชย์เจริญนำ นักวิชาการเผยแพร่ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพรัยากรธรรมชาติแติละสิ่งสิ่แวดล้อล้ม 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 0 2621 9500, 0 2621 9603 โทรสาร 0 2621 9602 Facebook: กรมทรัพยากรธรณี Website: www.dmr.go.th กรมทรัพยากรธรณีเป็นองค์กรบริหารจัดการ ธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี ภายใต้แนวคิด การพัฒพันาเศรษฐกิจกิสังสัคมและสิ่งสิ่แวดล้อล้มที่ยั่ที่งยั่ยืนยื มีภมีารกิจกิด้าด้นการบริหริารจัดจัการธรณีวิณีทวิยาสิ่งสิ่แวดล้อล้ม และธรณีพิบัติภัยโดยการมีส่วนร่วม บนพื้นฐาน เทคโนโลยีแยีละนวัตวักรรมที่เที่หมาะสม สำ รวจศึกศึษาวิจัวิยจั พัฒพันาองค์คค์วามรู้ ให้บห้ริกริารข้อข้มูลมูเผยแพร่คร่วามรู้ บริการทางวิชาการ และประสานความร่วมมือกับ ต่าต่งประเทศและองค์กค์ารระหว่าว่งประเทศด้าด้นธรณีวิณีทวิยา ทรัพรัยากรธรณีธรณีวิณีทวิยาสิ่งสิ่แวดล้อล้ม และธรณีพิณีบัพิติบัภัติยภั เราพัฒนายกระดับขีดความสามารถองค์กร เพื่อพื่คุณคุภาพชีวิชีตวิที่ดีที่ขดีองประชาชนอย่าย่งยั่งยั่ยืนยื เริ่มต้นข่าวดีที่ต้องบอกต่อ กรมทรัพยากรธรณีขอแสดงความยินดีกับอุทยานธรณีโคราช ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่สองของประเทศไทย เมื่อวันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2566 ณ ทำ เนียบรัฐบาล ฉบับนี้ ทาง บก. จึงขอนำ เสนอเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ของอุทยานธรณีโลกแห่งนี้ ผ่านคอลัมน์ที่น่าสนใจในดินแดนสามแหล่งมรดก “โคราชจีโอพาร์ค” ที่ถูกขนานนามว่า มหานครแห่งบรรพชีวิน ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับข่าวการค้นพบซากดึกดำ บรรพ์ปลาชนิดใหม่ของไทย อายุกว่า 115 ล้านปี “ปลาภัทราชัน” เป็นความร่วมมือของนักวิจัยปลาโบราณ ค้นพบที่จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมนิทรรศการ “เล่า เรื่อง รูป จับเข่านักขุดมาคุยวันวาฬ” พบกับเหล่าทีมนักเล่าและ ทีมสำ รวจซากดึกดำ บรรพ์ “วาฬอำ แพง” และข่าวอื่น ๆ ในฉบับ 2 บรรณาธิการบริหาร TOUCH BASE : บก.ทักทาย


คนเคาะหิน : DMR EXPERT เรื่อง: ภุมรินทร์ วณิชย์เจริญนำ ภาพถ่าย: นภาพร ติ๊บผัด "จากพื้นที่รกร้าง หลังจากเข้าไปจัดทำ ป้ายแหล่งเรียนรู้ก็ กลายเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวแห่งใหม่" - ศิริกรณ์ ถวาย นักธรณีวิทยาปฏิบัติการ นักธรณีวิทยาในมุมของใครหลายคนคงจะต้องมือหนึ่งถือค้อนอีกมือถือสมุดสนาม คอยจดเนื้อหาจากการสำ รวจ สำ หรับการทำ งานอีกด้านหนึ่งยังเกี่ยวกับการประสานงาน รวบรวมข้อมูล จัดเอกสารการประชุม ให้ความเห็นออกแบบสื่อความรู้ต่างๆ เพื่อให้ ความรู้ด้านธรณีวิทยาส่งไปถึงทุกคนอย่างถูกต้องครบถ้วน อุทยานธรณีจึงเป็น การใช้ทั้งสรรพกำ ลังคนและองค์ความรู้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นบูรณาการทั้งส่วนจังหวัด อุทยานธรณี ชุมชน กรมทรัพยากรธรณีด้วย การเกิดขึ้นของอุทยานธรณีสร้างอะไรบ้าง สร้างโอกาสให้คนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกิดสิ่งใหม่ๆ ในพื้นที่ จุดเริ่มต้นทำ งานร่วมกับอุทยานธรณีโคราช อยู่กับโคราชมาตั้งแต่การประเมินเพื่อรับรองเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย การประเมินซ้ำ การเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย แม้กระทั่งมีโอกาสได้ไปอบรม ที่ KIGAM ประเทศเกาหลี ยังนำ เสนอเรื่องการดำ เนินงานของอุทยานธรณีโคราช เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเครือข่ายต่างประเทศ แม้จะฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง เท่าไหร่ (หัวเราะ) แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานธรณีโคราช บ่อทรายท่าช้างค่ะ (หัวเราะ) ที่แนะนำ ไม่ใช่เพราะเป็นจุดที่ลงมือทำ เองตั้งแต่แรก เพียงอย่างเดียว ด้วยความแปลกใหม่ของเส้นทางการท่องเที่ยวที่ต้องล่องเรือเข้าไป รายได้ตรงนี้ก็เข้าสู่ชุมชนโดยตรง จากพื้นที่รกร้างหลังจากเข้าไปจัดทำ ป้ายแหล่ง เรียนรู้ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด แม้ตอนนี้จะมีอุทยานธรณีเกิดขึ้นแล้วถึง 10 แห่งทั่วประเทศไทย แต่ศิริกรณ์ก็ไม่ ขอฟันธงว่าชื่นชอบที่ไหนมากที่สุด "อุทยานธรณีแต่ละที่มีจุดเด่นไม่เหมือนกันค่ะ" กว่า 12 ปี ของการทำ งานกับส่วนอนุรักษ์มรดกธรณีและอุทยานธรณี การก้าวเข้ามาทำ งานที่กองธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณีมอบประสบการณ์ให้ นักธรณีอย่างศิริกรณ์ต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้และไปไกลถึงต่างประเทศ


... กว่า ว่ จะเป็น ป็ อุท อุ ยานธรณีโณี ลก โคราช … จังหวัดนครราชสีมา เริ่มจัดตั้งอุทยานธรณีขึ้นตั้งแต่ปี 2555 โดยกำ หนดขอบเขตพื้นที่มีแผนบริหารจัดการ มีกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง ทั้ การเผยแพร่คร่วามรู้การท่อท่งเที่ย ที่ วเชิงชิอนุรันุกรัษ์ การพัฒพันาแหล่งล่ท่อท่งเที่ย ที่ ว ทางธรณีวิทยา และการส่งเสริมชุมชนในด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมประกาศจัดตั้งอุทยานธรณีโคราชเป็น อุทยานธรณีท้องถิ่น เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558 และผ่านการประเมินได้รับการรับรอง ให้เป็นอุทยานธรณีประเทศไทย ในปี 2561 จากนั้น คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ให้อุทยานธรณีโคราช ส่งส่เอกสารสมัคมัรขอเข้าข้รับรัการรับรัรองเป็นป็อุทอุยานธรณีโณีลกของยูเยูนสโก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการบริหาร องค์การยูเนสโก สำ นักงานใหญ่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส มีมติ รับรัรองให้อุห้ทอุยานธรณีโณีคราชเป็นป็อุทอุยานธรณีโณีลกของยูเยูนสโกแห่งห่ที่ส ที่ อง ของประเทศไทย ต่อจากอุทยานธรณีโลกสตูล “กรมทรัพยากรธรณี ขอแสดงความยินดี กับอุทยานธรณีโลกแห่งที่สองของประเทศไทย” อุทอุยานธรณี เป็นป็พื้น พื้ ที่ที่ ที่ ปที่ ระกอบด้วด้ยแหล่งล่ที่มี ที่ คุมีณคุค่าค่ด้าด้นธรณีวิณีทวิยา โบราณคดี นิเนิวศวิทวิยาและวัฒวันธรรม มีกมีารบริหริารจัดจัการแบบองค์รค์วม ระหว่างการอนุรักษ์ การให้ความรู้ การศึกษาวิจัย และการพัฒนา สังสัคมและเศรษฐกิจกิอย่าย่งยั่ง ยั่ ยืนยืส่งส่เสริมริและเปิดปิโอกาสให้ชุห้มชุชนท้อท้งถิ่น ถิ่ ให้มีห้ส่มีวส่นร่วร่มในการบริหริารจัดจัการตั้ง ตั้ แต่เต่ริ่ม ริ่ ต้นต้กระบวนการ เชื่อ ชื่ มโยง ความสำ คัญคัของมรดกทางธรณีวิณีทวิยาผ่าผ่นการท่อท่งเที่ย ที่ วเชิงชิธรณีวิณีทวิยา อุทยานธรณีโคราช ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำ เภอ ได้แก่ อำ เภอเมือง นครราชสีมา อำ เภอเฉลิมพระเกียรติ อำ เภอขามทะเลสอ อำ เภอสูงสูเนินนิและอำ เภอสีคิ้สีว คิ้ รวมเนื้อ นื้ ที่ทั้ ที่ ง ทั้ สิ้น สิ้ 3,167 ตารางกิโกิลเมตร มีความโดดเด่นด้านธรณีวิทยาที่สำ คัญมากมาย ได้แก่ ความสวยงาม ของภูมิประเทศแบบ “เควสตา” หรือ “เขารูปอีโต้” ที่มีความยาว 1,700 กิโลเมตร นับว่ายาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และฟอสซิล 3 ยุค ที่มีการค้นพบฟอสซิลช้างดึกดำ บรรพ์ช้างมากที่สุดถึง 10 สกุล จาก 55 สกุลทั่วโลก ไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลก 4 สกุล และสัตว์ ร่วมยุคอย่างเต่า จระเข้ รวมทั้งไม้กลายเป็นหิน จนเรียกได้ว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็น "มหานครแห่งบรรพชีวินของโลก" ในประเทศไทยของเรา มีการแบ่งอุทยานธรณีออกเป็น 3 ระดับ ได้แด้ก่ อุทอุยานธรณีโณีลกของยูเยูนสโก จำ นวน 2 แห่งห่ (อุทอุยานธรณีสณีตูลตู ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกเมื่อปี 2591 และอุทยานธรณีโคราช) อุทยานธรณีประเทศไทย จำ นวน 3 แห่ง (อุทยานธรณีขอนแก่น อุทอุยานธรณีผณีาชันชัสามพันพัโบก จังจัหวัดวัอุบอุลราชธานี และอุทอุยานธรณี เพชรบูรณ์) และอุทยานธรณีท้องถิ่น จำ นวน 5 แห่ง (อุทยานธรณี ไม้กม้ลายเป็นป็หินหิตากจังจัหวัดวัตากอุทอุยานธรณีพุณีหพุางนาคจังจัหวัดวัสุพสุรรณบุรีบุรี อุทยานธรณีชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ อุทยานธรณีลำ ปาง จังหวัด ลำ ปาง และอุทยานธรณีกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์) “การสำ เร็จร็ของการจัดจัตั้งอุทยานธรณีโคราช” “ความโดดเด่นด่ที่ไที่ ม่เม่หมือมืนใครของอุทอุยานธรณีโณีลกแห่งห่นี้”นี้ “อุทยานธรณีปณีระเทศไทยมีจำมีจำนวนมากน้อน้ยเพียพีงใด” 4 DMR FOCUS : เรื่องเด่นธรณี


มารู้ จั รู้ กจั ส ถาน ที่เที่ ที่ ย ที่ วเชิ ง ชิ ธ ร ณี วิ ณี ท วิ ยาที่ น่ ที่าน่ส น ใ จ อี ก อี ห นึ่ ง นึ่ แ ห่ งห่ข อ ง จั งจั ห วั ดวั น ค ร ราช สี มาที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับแหล่งมรดกธรณีอันงดงามตามเส้นทางท่อท่งเที่ยที่วป่าชุมชุชน บ้าบ้นส้มส้กบงาม แหล่งล่ตัดตัหินหิพันพัปีที่ปีมีที่ร่มีอร่งรอยการสกัดกัหินหิของคนสมัยมัโบราณ พร้อร้มเรียรีนรู้อรู้ารยธรรมเก่าก่แก่ ศาสนวัตวัถุ และศาสนสถานที่มีที่คุมีณคุค่าค่จากแหล่งล่ โบราณคดีที่ดีใที่กล้เล้คียคีง เช่นช่เมือมืงเสมา,พระนอนหินหิทราย 1,300 ปี ที่วัที่ดวัธรรมจักจัรเสมารามและขอพาทุกทุคนย้อย้นเวลาไปสู่ยุคยุรุ่งรุ่ เรือรืงของสัตว์เว์ลี้ยลี้งลูกลูด้วด้ยนมเมื่อมื่กว่าว่16 ล้านปีที่ผ่านมา มารู้จักช้างสี่งา ช้างงาเสียม ช้างงาจอบ ช้างดึกดำ บรรพ์สายพันธุ์ไธุ์ทยรวมแล้วล้ถึงถึ 10 สกุลกุจาก 55 สกุลกุทั่วทั่โลก ติดติตามอ่าอ่นทั้งทั้หมดนี้ไนี้ด้ในคู่มืคู่ อมืผู้เผู้ล่าล่เรื่อรื่งธรณี “แหล่งล่หินหิตัดตัสูงเนินนิบ้าบ้นส้มกบงาม จังจัหวัดวันครราชสีมา”และ"บ่อทราย แหล่งซากดึกดำ บรรพ์ จังหวัดนครราชสีมา"ธรณีวิทยาน่าอ่าน 5


มหานครแห่ง ห่ บรรพชีวิ ชี น วิ ช้างไซโนมาสโตดอน Sinomastodon มีงาเฉพาะคู่บน แต่ลักษณะฟัน คล้ายช้างสี่งากอมโฟธีเรียม สูงประมาณ 2-2.5 เมตร ที่สุที่สุดในโลก! พบได้ที่ด้ โที่ คราชจีโจีอพาร์คร์อำ เภอเฉลิมลิพระเกียกีรติ สถานที่พ ที่ บ แหล่งล่ซากช้าช้งดึกดึดำ บรรพ์ที่พ์ห ที่ ลากหลายสายพันพัธุ์มธุ์ากที่สุ ที่ ดสุถึงถึ10สายพันพัธุ์ จากซากช้าช้งดึกดึดำ บรรพ์ 55สายพันพัธุ์ขธุ์องทั้ง ทั้โลกเท่าท่ที่เ ที่ คยพบเจอ ปัจปัจุบัจุนบั...เหล่าล่ชิ้น ชิ้ ส่วส่นของยักยัษ์ใษ์หญ่ทั้ญ่ง ทั้ หมดนี้ถู นี้ กถูจัดจัแสดงอยู่ที่ยู่ ที่ พิพิพิธพิภัณภัฑ์ไฑ์ม้กม้ลายเป็นป็หินหิแหล่งล่ท่อท่งเที่ย ที่ วทางธรณีวิณีทวิยาที่น่ ที่ าน่สนใจ ตั้ง ตั้ อยู่ที่ยู่ ห ที่ มู่บ้มู่ าบ้นโกรกเดือดืนห้าห้ตำ บลสุรสุนารีอำ เภอเมือมืงนครราชสีมสีา ข้อมูลและศิลปกรรม: กองธรณีวิทยา เรียบเรียง: ณัฐพร โลเกศกระวี DMR EXPLORE ช้างสี่งากอมโฟธีเรียม Gomphotherium มี 4 งา โดยคู่บนงอกโค้งลงมาคร่อมงาคู่ล่าง สูงประมาณ 2.5 เมตร ช้างไซโกโลโฟดอน Zygolophodon ในรุ่นดั้งเดิมมีงาคู่ล่างเล็กมาก ส่วนรุ่นใหม่ไม่มีงาคู่ล่าง สูงประมาณ 2-2.5 เมตร ช้างงาจอบเล็กโปรไดโนธีเรียม Prodeinotherium มีเฉพาะงาคู่ล่างและโค้งงอลงมา สูงประมาณ 2.5-2.8 เมตร ช้างงาจอบใหญ่ไดโนธีเรียม Deinotherium มีเฉพาะงาคู่ล่างโค้งงอลงมา สูงประมาณ 3.6-4 เมตร ช้างงาเสียมโปรตานันคัส Protanancus มี 4 งา งาคู่ล่างอยู่ชิดกัน และแบนคล้ายเสียม สูงประมาณ 2.5 เมตร ช้างสี่งาเตตระโลโฟดอน Tetralophodon มี 4 งา ขากรรไกรล่าง สั้นกว่ากอมโฟธีเรียม สูงประมาณ 2.6 เมตร ช้างสเตโกดอน Stegodon มีงาเฉพาะคู่บนปลายงา แยกออกด้านข้างชัดเจน แต่มักยาวขนานและเบียดกัน จนต้องพาดงวงออกนอกร่องงา สูงประมาณ 2.8-3.8 เมตร ช้างสเตโกโลโฟดอน Stegolophodon ในรุ่นดั้งเดิมมี 4 งา งาคู่ล่างมีขนาดเล็กมาก ส่วนรุ่นใหม่ไม่มีงาคู่ล่าง สูงประมาณ 2.5-3 เมตร ช้างเอลิฟาส Elephas มีลักษณะเหมือนช้างเอเชีย หรือช้างไทยปัจจุบัน สูงประมาณ 2.5-3 เมตร


สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน สยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ (Siamraptor suwati) 1. ราชสีมสีาซอรัสรัสุรสุนารีเรีอ (Ratchasimasaurus suranareae) ไดโนเสาร์กิร์นกิพืชพืความยาว 7 เมตร พบตัวอย่างกระดูกขากรรไกรล่าง ด้านซ้ายที่ฟันหลุดออกหมด 2. สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamo d on nimngami ) ไดโนเสาร์กิร์นกิพืชพืความยาว 7 เมตร พบกระดูกกรามบนที่เหมือง หินทราย บ้านสะพานหิน 3. สิรินธรน่า โคราชเอนซิส (Sirindhorna khoratensis) ไดโนเสาร์กิร์นกิพืชพืความยาว 6 เมตร พบกระดูกขากรรไกรบนและล่าง 4. สยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ (Siamraptor suwati) ไดโนเสาร์ กินกิเนื้อ นื้ ขนาดใหญ่ ความยาว 8 เมตร สมญานาม “นักล่าแห่งสยาม” พบชิ้นส่วนจำ นวนหลายชิ้น อาทิ ชิ้นส่วนกระดูกของกะโหลก และกระดูกสันหลัง และไม่ใช่เพียงไดโนเสาร์ เท่านั้น ยังค้นพบซากดึกดำ บรรพ์ แรดไร้นอ อาเซราธีเรียม พอพันไน จระเข้โข้บราณ โคราโตซูคัซูสคัจินจิสกุลกุไล เต่าคิซิลลูเมมิส โคราชเอนซิส บรรพบุรุษของสัตว์กีบคู่ ฮิปโปโปเตมัสมัเมอริโริคโปเตมัสมัท่าท่ช้าช้งเอนซิสซิ เอปโคราชหรือรื โคราชพิเพิธคัสคัพิริพิยริะอิ (Khoratpithecus piriyai) รวมถึง ปลาน้ำ จืดจืสายพันพัธุ์ล่ธุ์าล่สุดสุโคราชเอเมียมี ภัทภัราชันชัไน ทั้ง ทั้ หมดนี้ ล้วล้นแต่เต่ ป็นป็ ชนิดนิใหม่ขม่องโลกทั้ง ทั้ สิ้น สิ้ ซึ่ง ซึ่ ถูกถูค้นค้พบ ที่อำ ที่ อำเภอเมือมืงนครราชสีมสีาและอำ เภอ เฉลิมพระเกียรติในเขตพื้นที่ของ โคราชจีโอพาร์ค ธรณีขุดคุย 1 เมตร ไดโนเสาร์พันธุ์ไทย สายเลือดโคราช นอกจากนี้ ในมหานครแห่ง บรรพชีวิชีนวิยังยัค้นค้พบซากดึกดึดำ บรรพ์ ไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลกถึง 4 ชนิด ได้แก่ สิรินธรน่า โคราชเอนซิส (Sirindhorna khoratensis) สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami) ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ (Ratchasimasaurus suranareae) 7 ห้องคลังตัวอย่างซากดึกดำ บรรพ์ของสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นหัวใจหลักของการสำ รวจ รวบรวม อนุรักษ์ซากดึกดำ บรรพ์ และทรัพยากรธรณีของท้องถิ่น และขณะนี้ได้ศึกษาวิจัยร่วมมือกับนักวิจัยชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 สถาบัน จาก RYUKOKU UNIVERSITY, TOKAI UNIVERSITY, NARA WOMEN’S UNIVERSITY และจาก MUSEUM OF NATURAL AND ENVIRONMENTAL HISTORY, SHIZUOKA ที่กำ ลังศึกษาวิจัยภายใต้โครงการสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคนีโอจีนและ สภาพแวดล้อมบรรพกาลในประเทศไทย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านบรรพชีวิน PROFESSOR YUTAKA KUNIMATSU กล่าวว่า อาจมีข่าวดีเกี่ยวกับการค้นพบครั้งใหม่ของไทยเร็วๆ นี้


ซากดึกดำ บรรพ์ถือเป็นหลักฐานของ สิ่งมีชีวิตในอดีตที่บันทึกกาลเวลาไว้ที่ ชั้นหินยุคต่างๆ เพื่อให้เข้าใจการดำ รงชีวิต วิวัฒนาการ สภาพแวดล้อมบรรพกาล มาตั้ง ตั้ แต่หต่ลายล้าล้นปีก่ปีอก่น การค้นค้พบปลาน้ำ จืดจื ชนิดใหม่นี้ก็เช่นกัน เรื่อง ภาพ และศิลปกรรม อดุลย์วิทย์ กาวีระ DMR EXPLORE ทีมนักวิจัยปลาโบราณ นำ โดย ดร.อุทุมพร ดีศรี อาจารย์ประจำ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับสถาบัน วิจัยไม้กลายเป็นหินฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ค้นพบซากดึกดำ บรรพ์ปลาโบราณชนิดใหม่จากจังหวัดนครราชสีมา โดยตั้งชื่อว่า “โคราชเอเมีย ภัทภัราชันชัไน”(Khoratamia phatharajani) หรือรื ปลาภัทภัราชันชั ซากดึกดำ บรรพ์ปลาโบราณ “โคราชเอเมีย” ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่บ้านโกรกเดือนห้า ตำ บลสุรนารี อำ เภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ในหมวดหินโคกกรวด อายุกว่า 115 ล้านปีก่อน จัดเป็นปลาน้ำ จืดกระดูกแข็งที่มีก้านครีบ ในวงศ์ Sinamiidae ซึ่งเป็นญาติกับกลุ่มปลาโบว์ฟินที่พบที่ อเมริกาเหนือในปัจจุบัน พบซากดึกดำ บรรพ์เกือบสมบูรณ์ทั้งตัวตั้งแต่ส่วนหัวถึงลำ ตัว มีเกล็ดแข็งรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนห่อหุ้มลำ ตัวอันเรียวยาว มีขนาดยาว 16-20 เซนติเมตร โดยมีส่วนหัวยาว 4.5 เซนติเมตร มีฟันทรงกระบอกปลายแหลม บ่งบอกว่าเป็นปลากินเนื้อ โดยมีอาหารเป็นพวกสัตว์น้ำ ขนาดเล็ก เช่น ปลาขนาดเล็ก กุ้ง หอย และตัวอ่อนแมลงในน้ำ ปลาโบราณชนิดใหม่นี้ ได้ตั้งสกุลตามแหล่งที่ค้นพบ คือ จังหวัดนครราชสีมา หรือมีชื่อท้องถิ่นว่า โคราช (Khorat) รวมกับคำ ว่า amia เป็นชื่อสกุล ของปลาโบว์ฟินในปัจจุบัน ส่วนชื่อสปีชีส์ตั้งชื่อเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ซึ่ง ซึ่ ได้รัด้บรัการถวายพระราชสมัญมัญาว่าว่ "สมเด็จด็พระภัทภัรมหาราช"ด้วด้ยทรงเป็นป็ผู้ริผู้เริริ่ม ริ่ และส่งส่เสริมริการเพาะเลี้ย ลี้ งปลานิลนิ (Niletilapia: Oreochromis Niloticus) และนำ เข้าข้สู่ปสู่ ระเทศไทยครั้ง รั้ แรกโดยสมเด็จด็พระจักจัรพรรดิอดิะกิฮิกิโฮิตะแห่งห่ ประเทศญี่ปุ่ญี่ นปุ่ ในครั้ง รั้ ที่ท ที่ รงดำ รงตำ แหน่งน่มกุฎกุราชกุมกุาร จัดจัส่งส่เข้าข้มาทูลทูเกล้าล้ฯ ถวายเมื่อ มื่ ปี พ.ศ. 2508 จำ นวน 50 ตัวตั ปัจปัจุบัจุนบัได้เด้พาะเลี้ย ลี้ งและพัฒพันาสายพันพัธุ์จธุ์ นกลายเป็นป็ ปลาเศรษฐกิจกิอันอัดับดัต้นต้ๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ การศึกศึษาวิจัวิยจันี้ยั นี้ งยัแสดงถึงถึความสัมสัพันพัธ์อัธ์นอัดีรดีะหว่าว่งไทย-ญี่ปุ่ญี่ นปุ่ ในด้าด้นการศึกศึษาวิจัวิยจัพันพัธุ์ปธุ์ ลาและการเพาะเลี้ย ลี้ งสัตสัว์น้ำว์ น้ำอีกอีด้วด้ย ปลาภัท ภั ราชัน ชั ซากดึก ดึ ดำ บรรพ์ปพ์ลาชนิดนิใหม่ข ม่ องไทย อายุก ยุ ว่า ว่ 115 ล้า ล้ นปี 8


การค้นพบปลาชนิดใหม่นี้ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และ ความหลากหลายทางชีวภาพของซากดึกดำ บรรพ์ยุคครีเทเชียสในพื้นที่ อุทอุยานธรณีโณีคราช ซึ่ง ซึ่ นอกจากจะค้นค้พบฟอสซิลซิของไดโนเสาร์หร์ลากหลาย สายพันพัธุ์ อย่าย่งสยามโมดอน ราชสีมสีาซอรัสรัสิริสินริธรนา และสยามแรปเตอร์ ยังยัค้นค้พบสัตสัว์ร่ว์วร่มยุคยุอีกอีหลายกลุ่มลุ่ ได้แด้ก่เต่าต่จมูกมูหมูคิมูซิคิลซิคูมีคูมิมีสมิจระเข้แข้คระ โคราโตซูคัซูสคั ปลาโบราณโคราชอิกอิธิสธิและโคราชเอเมียมีสัตสัว์เว์ลื้อ ลื้ ยคลานบินบิได้ และพืชพือีกอีจำ นวนมาก ซากดึกดึดำ บรรพ์ปพ์ลากระดูกดูแข็งข็ในประเทศไทย มีรมีายงานการค้นค้พบ ที่เก่าแก่ที่สุดในยุคเพอร์เมียน ที่อำ เภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ช่วงธรณีกาลที่มีการค้นพบมากที่สุดจะอยู่ในช่วงมหายุคมีโซโซอิก (ยุคไทรแอสซิก ยุคจูแรสซิก และยุคครีเทเชียส) โดยพบการกระจาย ตัวตามที่ราบสูงโคราช และในบริเวณภาคใต้บางส่วน โดยเฉพาะตาม แหล่งล่ขุดขุค้นค้ซากดึกดึดำ บรรพ์ปพ์ระเภทไดโนเสาร์ จะค้นค้พบซากดึกดึดำ บรรพ์ สัตสัว์ร่ว์วร่มยุคยุอื่น อื่ ๆ อีกอีหลากหลาย เช่นช่จระเข้ เต่าต่ ปลา สัตสัว์เว์ลื้อ ลื้ ยคลาน บินบิได้รวมถึงถึพืชพืด้วด้ย แหล่งซากดึกดำ บรรพ์ปลากระดูกแข็งมหายุคมีโซโซอิกสำ คัญ ได้แก่ แหล่งซากดึกดำ บรรพ์ภูน้ำ จั้น จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ค้นพบ ซากดึกดำ บรรพ์ปลาจำ นวนมากกว่า 200 ตัว สะสมตัวอยู่ใน บริเวณเดียวกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าภูน้ำ จั้นเป็นแอ่งน้ำ โบราณที่มี ปลาอาศัยอยู่ชุกชุม และยังค้นพบเป็นปลาชนิดใหม่ของโลกถึง 3 ชนิดจากแหล่งนี้ ได้แก่ ปลากินพืช ไทยอิกธิส พุทธบุตรเอนซิส (Thaiichthys buddhabutrensis) ปลากินกิเนื้อ นื้ อีสอีานอิกอิธิสธิพาลัสลัทริสริ (Isanichthys palustris) และปลาปอด เฟอร์กร์าโนเซอราโตดัสดัมาร์ติร์นีตินี (Ferganoceratodus martini) นอกจากนี้ยังมีแหล่งที่ค้นพบซากดึกดำ บรรพ์ปลากระดูกแข็ง มหายุคมีโมีซโซอิกอิอีกอีหลายแห่งห่ ในประเทศไทยเช่นช่ภูพภูอกจังจัหวัดวัสกลนคร แหล่งภูน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์ แหล่งโคกผาส้วม จังหวัดอุบลราชธานี และแหล่งบ้านสะพานหิน จังหวัดนครราชสีมา ซากดึกดำ บรรพ์ปลากระดูกแข็งมหายุคมีโซโซอิกในประเทศไทย 9 ธรณีค้นพบ


ดินแดนสามแหล่งมรดกโลก 10 โคราชจีโอพาร์ค ท่อท่งดินดิแดนมหานครแห่งห่บรรพชีวิชีนวิของโลก หนึ่ง นึ่ เดียดีวบนเขาเควสตาโคราช"อุทอุยานธรณีโณีคราช" อุทอุยานธรณีแณีห่งห่เดียดีวของประเทศไทยที่มี ที่ ภูมีมิภูปมิระเทศเขาเควสตา (เขารูปรูอีโอีต้)ต้และแหล่งล่ค้นค้พบ ซากดึกดำ บรรพ์อันโดดเด่น ได้รับการรับรองจาก UNESCO Global Geopark เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ UNESCO อย่างเป็นทางการ เรื่อง: จันทมาลิน จันทรปรีชายุทธ ภาพถ่าย: ทินรัตน์ บุญเอก


ให้ “อุทยานธรณีโคราช” เป็น “อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกแห่งที่ 2 ของประเทศไทย" ทำ ให้จังหวัดนครราชสีมา กลายเป็นเมือง UNESCO Triple Heritage City ที่เ ที่ ป็นป็หนึ่ง นึ่ ในจังจัหวัดวัที่มี ที่ แมีหล่งล่มรดกโลกรวม 3 พื้น พื้ ที่ ได้แก่ 1. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช (ยูเนสโกรับรองเมื่อปี 2519) 2. พื้นที่มรดกโลก กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (ยูเนสโกรับรองเมื่อปี 2548) และ 3. พื้นที่อุทยานธรณีโลก (ยูเนสโกรับรองเมื่อปี 2566) เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายของ ทรัพรัยากรธรรมชาติครอบคลุมลุ5 อำ เภอ ได้แด้ก่ อำ เภอสีคิ้สีว คิ้ อำ เภอสูงสูเนินนิ อำ เภอขามทะเลสอ อำ เภอเมือมืงนครราชสีมสีา และอำ เภอเฉลิมลิพระเกียกีรติ รวมมีพื้นที่ประมาณ 3,167 ตารางกิโลเมตร อุทอุยานธรณีโณีคราชยังยัเป็นป็แหล่งล่ท่อท่งเที่ยที่วทางธรณีวิณีทวิยา สำ คัญในระดับนานาชาติ ถูกขนานนามให้เป็นป็มหานคร แห่งบรรพชีวิน เขาอีโต้ยามเย็นกับลำ น้ำ ลำ ตะคอง หนึ่งในอัตลักษณ์ของโคราชจีโอพาร์ค 11 DMR FOCUS : เรื่องเด่นธรณี ด้วด้ยความโดดเด่นด่ของลักลัษณะภูมิภูปมิระเทศเขาเควสตา ซึ่ง ซึ่ ตั้ง ตั้ อยู่ใยู่ นบริเริวณ ที่เรียกว่า ที่ราบสูงโคราช หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในพื้นที่ลุ่มน้ำ ลำ ตะคองตอนกลางถึงตอนล่าง ทำ ให้อุทยานธรณีโคราช มีเอกลักษณ์แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ อย่างชัดเจน โดยบริเวณด้านตะวันตก เฉียฉีงใต้ใต้กล้ขล้อบที่ร ที่ าบสูงสูโคราชของหินหิทรายหมวดหินหิพระวิหวิารและหมวดหินหิ ภูพานที่ทนต่อการผุพังมากกว่าหมวดหินอื่นๆ จนเกิดเป็นเขาเควสตาหรือ เขาอีโต้ 2 แนวคู่ขนานกัน จำ นวนมากกว่า 20 ลูก ที่อยู่ในเขตอำ เภอสีคิ้ว และอำ เภอสูงเนิน มีความสูงประมาณ 400-800 เมตร จากระดับน้ำ ทะเล ปานกลาง เช่น เขายายเที่ยง เขาขนานจิต เขากระโดน เขาสะเดา เป็นต้น ซึ่งเขาเหล่านี้เกิดจากลำ ตะคองไหลผ่านน้ำ ตะกอนกรวด ทราย ทรายแป้ง และดินเหนียวทับถมในที่ราบหรือที่ราบลุ่มจนถึงอำ เภอเฉลิมพระเกียรติ ทำ ให้เกิดภูมิประเทศเขาสลับหุบเขาเป็นแนวในทิศตะวันตกเฉียงเหนือตะวันออกเฉียงใต้ นั่นเอง นอกจากนี้ อุทยานธรณีโคราชยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยา สำ คัญในระดับนานาชาติ ถูกขนานนามให้เป็นมหานครแห่งบรรพชีวิน หรือพาลีออนโตโปลิส (Paleontopolis) ที่ค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่ 4 ชนิด อายุประมาณ 100 ล้านปี ประกอบด้วย สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami) ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ (Ratchasimasaurus suranareae) สิรินธรน่า โคราชเอนซิส (Sirindhorna khoratensis) และสยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ (Siam raptor suwati) อีกทั้งยังพบซากช้าง ดึกดำ บรรพ์หลากหลายสายพันธุ์ จำ นวน 10 สกุล จาก 55 สกุลที่พบทั่วโลก และเป็นแหล่งค้นพบซากไม้กลายเป็นหินอายุประมาณ 800,000 ปี โดยทั้งหมดนี้จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ตำ บลสุรนารี อำ เภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จุดชมวิวเขาอีโต้ ที่ความสูงจากระดับน้ำ ทะเลประมาณ 650 เมตร หากมองไปทาง ทิศตะวันตกจะพบทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำ ลำ ตะคองสะท้อนแสงอาทิตย์ ยามเย็นทางด้านล่าง และเห็นเขาอีโต้ เขาขนานจิต ภาพที่ปรากฏคือ จุดชมวิวเขายายเที่ยงบนอ่างพักน้ำ ตอนบนของโรงไฟฟ้าลำ ตะคองชลวัฒนา และยังยัเป็นป็จุดจุชมวิววิและศึกศึษาภูมิภูภมิาคเขาอีโอีต้ เขาหินหิปูนปูและการใช้ปช้ระโยชน์ เขาเควสตาในการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมและอ่างพักน้ำ ตอนบนในบริเวณนี้ กลุ่ม ด.เด็กเฮ็ดดี แห่งหมู่บ้านเขายายเที่ยงจัดกิจกรรมปลูกป่าลอยฟ้า โดยยิงเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ในท้องถิ่นอย่างเมล็ดมะค่าโมง ด้วยหนังสติ๊กใน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นกิจกรรมสำ หรับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้าง จิตสำ นึกการอนุรักษ์ป่า


" อุ ท ย า น ธ ร ณี โ ค ร า ช " แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ท า ง ธ ร ณี วิ ท ย า ที่ มี ค ว า ม สำ คั ญ ด้ า น คุ ณ ค่ า ข อ ง แ ห ล่ ง ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ด้ า น ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว น อ ก จ า ก จ ะ มี ค ว า ม โ ด ด เ ด่ น ด้ า น ธ ร ณี วิ ท ย า แ ล้ ว ส ถ า น ที่ แ ห่ ง นี้ ยั ง มี ค ว า ม น่ า ส น ใ จ ใ น แ ง่ มุ ม ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย ท า ง ศิ ล ป วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ วิ ท ย า ก า ร ต่ า ง ๆ บ่ ม เ พ า ะ จ น เ กิ ด เ ป็ น ผู้ ค น ที่ เ ป็ น เ อ ก ลั ก ษ ณ์ อ ย่ า ง เ ช่ น ค น ไ ท โ ค ร า ช ภ า ษ า โ ค ร า ช เ พ ล ง โ ค ร า ช แ ล ะ ที่ อ ยู่ อ า ศั ย แ บ บ เ รื อ น ไ ท ย โ ค ร า ช อี ก ทั้ ง ยั ง มี ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ท้ อ ง ถิ่ น ( G e o p r o d u c t s ) ที่ ส ร้ า ง ร า ย ไ ด้ ใ ห้ กั บ ชุ ม ช น อี ก ด้ ว ย ผ้ า เ งี่ ย ง น า ง ดำ ก ว่ า 1 0 0 ปี แ ล้ ว ที่ ผ้ า เ งี่ ย ง น า ง ดำ อยู่ คู่ กั บ ช า ว สู ง เ นิ น ม า ตั้ ง แ ต่มี ก า ร ก่ อ ตั้ ง อำ เ ภ อ มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น ผ้ า ฝ้ า ย ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย 3 ส่ ว น ส่ ว น แ ร ก เ ป็ น พ ก สี แ ด ง ส อ ด ล า ย แ น ว ตั้ ง ด้ ว ย ด้ า ย สี เ ห ลื อ ง ข า ว ส่ ว น ที่ ส อ ง เ ป็ น ผ้ า พื้ นย้ อ ม ค ร า ม แ ท ร ก เ ส้ นส้ ด้ าด้ ย สี แ สี ด ง ส่ วส่น ที่ ส ที่ า ม เ ป็ น ป็ ช า ย ผ้ าผ้ ถุ งถุท อ ด้ วด้ ย ด้ าด้ ย เ ป็ น ป็ แ ถ บ ล า ย ข ว า ง " เ งี่ ย งี่ ง น า ง ดำ " ม า จ า ก ภ า ษ า ถิ่ น ถิ่ เ งี่ ยงี่ ง คื อ คื วิ ธี วิ ก ธี า ร แ ท ร ก เ ส้ นส้ ด้ าด้ ย เ ข้ าข้ ไ ปใ น เ นื้ อนื้ ผ้ าผ้ น า ง ดำ ห ม า ย ถึ ง ถึ ผ้ าผ้ ที่มีที่ สี ดำ สี ดำ ห รื อ รื สี ทึ สี บ ทึ ด้ วด้ ย เ นื้ อนื้ ผ้ าผ้ ที่ ไที่ ม่ ห น า ส ว มใ ส่ สส่บ า ย จึ ง จึ เ ป็ น ป็ ผ้ าผ้ ถุ งถุที่ใที่ช้นุ่ช้งนุ่ ในชีวิชีตวิประจำ วันวัของชุมชุชนชาวสูงสูเนินนิมาแต่ดั้ต่งดั้เดิมดิกาแฟอาราบิก้าผลิตภัณฑ์จากชุมชนในท้องถิ่นที่เข้มแข็ง เช่น บ้านดงมะไฟ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 400-700 เมตร เหนือระดับทะเลปานกลาง มีการรวมกลุ่มกันผลิตกาแฟอาราบิก้า พัฒนาให้มีรสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอม และที่สำ คัญ มี ร ะ ดั บ ส า ร ค า เ ฟ อี น เ พี ย ง 1 % ต า ม ธ ร ร ม ช า ติ มี อั ต ลั ก ษ ณ์ แ ล ะ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ตั ว ที่ โ ด ด เ ด่ น จ น ไ ด้ รั บ ก า ร ป ร ะ ก า ศ ขึ้ น ท ะ เ บี ย น เ ป็ น สิ น ค้ า ชุ ม ช น ต า ม สิ่ ง บ่ ง ชี้ ท า ง ภูมิ ศ า ส ต ร์ น อ ก จ า ก คุ ณ ค่ า ท า ง ธ ร ณี วิ ท ย า จ ะ พั ฒ น า อ า ชี พ ใ ห้ กั บ ชุ ม ช น ท้ อ ง ถิ่ น แ ล้ ว ก า ร นำ พื ช เ ก ษ ต ร ที่ สู ง ทำ เ ก ษ ต ร ท า ง เ ลื อ ก ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม กั บ พื้ น ที่ นี้ ส า ม า ร ถ ส ร้ า ง ผื น ผื ป่ าป่ส ร้ าร้ ง ง า น ส ร้ าร้ ง ร า ย ไ ด้ เ กิ ด กิ เ ป็ น ป็ แ ห ล่ งล่เ รี ย รี น รู้ แ ล ะ แ ห ล่ งล่ท่ อท่ง เ ที่ ย ที่ ว แ บ บยั่งยื น ใ ห้ กั บ ชุมช น อย่ า ง ล ง ตั ว เ รื่ อ ง: จั น ท ม า ลิ น จั น ท ร ป รี ช า ยุ ท ธ ภ า พ ถ่ า ย: สุ ภ ชั ย ตั น ติ น า ค ม 1 2ต่ อ ย อ ด สู่ ข อ ง ดี ชุ ม ช น"โ ค ร า ช" DMR FOCUS : เรื่องเด่นธรณี


ประพันธ์โดย นายศรพรหม วิโรจน์วรรณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำ นาญการ กองคุ้มครองซากดึกดำ บรรพ์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เคียงคู่องค์ จักรี ศรีสวัสดิ์ จริยวัตร งามสง่า ศุภสมัย พระราชกิจ ล้วนโอบเอื้อ เกื้อผองไทย สถิตใน ใจประชา มั่นถาวร ทั่วธรณี ศรีสยาม งามวิไล น้ำ พระทัย เจิดจรัส ประภัสสร ราษฎร์ทั่วทิศ ต่างปลื้มจิต สถาพร สุขสโมสร เพราะพระองค์ ทรงเมตตา ลุสามมิถุนายน มงคลสมัย ถวายชัย เฉลิมพระชนม พรรษา แด่บรม ราชินี ศรีพารา น้อมวันทา คู่ภูมี จักรีวงศ์ เชิญเทวา พระรัตนตรัย นำ พรชัย จตุรพิธ สัมฤทธิ์ประสงค์ ประณตน้อม ศิระกราน ภักดิ์มั่นคง ร้อยรวมใจ ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ


VOLUME 003 REALLYGREATSITE.COM ปรากฏการณ์ธณ์รรมชาติที่ติ ที่ น้ำ ร้อ ร้ นไหลขึ้นขึ้มาจากใต้ดิ ต้ นดิ หรือรืที่เ ที่ รียรีกว่า ว่ พุน้ำพุน้ำร้อ ร้ น แสดงให้เ ห้ ห็น ห็ ว่า ว่ ภายในโลก ต้อ ต้ งร้อ ร้ นกว่า ว่ และมีอุมีณอุหภูมิภูมิ สูงสูกว่า ว่ บนผิวผิดินดิ ต้นกำ เนิด นิ ของพุน้ำ ร้อ ร้ น ในประเทศไทยจะพบแหล่งล่พุน้ำพุน้ำร้อร้นอยู่ใยู่กล้หล้รือรืมีคมีวามสัมสัพันพัธ์กัธ์บกัรอยแตกรอยเลื่อ ลื่ นมีพมีลังลั และหินหิแกรนิตนิการจำ แนกพุน้ำพุน้ำร้อร้นในประเทศไทยสามารถอ้าอ้งอิงอิโดยใช้เช้กณฑ์หฑ์ลายประเภท หนึ่ง นึ่ ในการจำ แนกน้ำ พุร้พุอร้นคือคืการใช้"หินหิต้นต้กำ เนิดนิ"ของพุน้ำพุน้ำร้อร้นเป็นป็เกณฑ์ ซึ่ง ซึ่ แบ่งบ่ออก เป็นป็ 2 ประเภท ได้แด้ก่ 1. พุน้ำ ร้อนที่เกิดอยู่ในหินแกรนิต น้ำ ร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 250 องศาเซลเชียส ไหลขึ้น ขึ้ มาตามรอยเลื่อ ลื่ น และรอยแตกในหินหิแกรนิตนิที่อ ที่ ยู่ที่ยู่ ค ที่ วามลึกลึมากกว่าว่ 3,000 เมตร เกิดกิการถ่าถ่ยเทความร้อร้น หรือรืเกิดกิปฏิกิฏิริกิยริาทางเคมีกัมีบกัหินหิข้าข้งเคียคีง หรือรืเกิดกิการผสมกับกั น้ำ บาดาลที่ระดับตื้นทำ ให้อุณหภูมิลดต่ำ ลงแล้วไหลขึ้นสู่ผิวดิน กลายเป็นพุน้ำ ร้อนที่มี อุณอุหภูมิภูใมิกล้เล้ดือดืด เช่นช่พุน้ำพุน้ำร้อร้นที่เ ที่ กิดกิในจังจัหวัดวัระนอง พุน้ำพุน้ำร้อร้นฝาง พุน้ำพุน้ำร้อร้นโป่งป่เดือดืด จังหวัดเชียงใหม่ พุน้ำ ร้อนเมืองแปง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พุน้ำ ร้อนคลองปลายพู่ พุน้ำ ร้อนบ้านบ่อดาน จังหวัดพังงา พุน้ำ ร้อนบ้านโหล๊ะจังกระ พุน้ำ ร้อนบ้านนาทุ่งโพธิ์ จังหวัดพัทลุง พุน้ำ ร้อนตาเนาะแมเราะ จังหวัดยะลา เป็นต้น 2. พุน้ำพุน้ำร้อร้นที่เ ที่ กิดกิอยู่ใยู่ นหินหิตะกอนและหินหิแปร มีลัมีกลัษณะการเกิดกิคล้าล้ยกับกัพุน้ำพุน้ำร้อร้น ที่เ ที่ กิดกิอยู่ใยู่ นหินหิแกรนิตนิตามประเภทที่ 1 แต่ต่ต่าต่งกันกัที่มี ที่ หิมีนหิตะกอนหรือรืหินหิแปรปิดปิทับทัอยู่บยู่ น หินหิแกรนิตนิกล่าล่วคือคืน้ำ ร้อร้นที่อุ ที่ ณอุหภูมิภูปมิระมาณ 250องศาเซลเซียซีสไหลขึ้น ขึ้ มาตามรอยเลื่อ ลื่ น และรอยแยกในหินหิแกรนิตนิที่อ ที่ ยู่รยู่ ะดับดัลึกลึขึ้น ขึ้ มาสะสมตัวตัอยู่ใยู่ นหินหิตะกอนที่มี ที่ คมีวามพรุนรุสูงสูแทน จากนั้น นั้ จะผสมเข้าข้กับกัน้ำ บาดาลที่มี ที่ อุมีณอุหภูมิภูเมิย็นย็กว่าว่ทำ ให้อุห้ณอุหภูมิภูขมิองน้ำ ร้อร้นลดต่ำ ลงมาก แล้วล้จึงจึไหลขึ้น ขึ้ สู่ผิสู่ วผิดินดิกลายเป็นป็พุน้ำพุน้ำร้อร้นหรือรืบ่อบ่น้ำ อุ่นอุ่ ได้แด้ก่ พุน้ำพุน้ำร้อร้นภาคตะวันวัตกทั้ง ทั้ หมด ที่เ ที่ หลือลืจากพุน้ำพุน้ำร้อร้นที่ไที่ ด้กด้ล่าล่วไปแล้วล้ในประเภทที่ 1 เช่นช่พุน้ำพุน้ำร้อร้นละแม จังจัหวัดวัชุมชุพร พุน้ำพุน้ำร้อร้นในจังจัหวัดวัสุรสุาษฎร์ธร์านี พุน้ำพุน้ำร้อร้นในจังจัหวัดวักระบี่ พุน้ำพุน้ำร้อร้นในอุทอุยานบ่อบ่น้ำ ร้อร้น จังจัหวัดวันครศรีธรีรรมราช พุน้ำพุน้ำร้อร้นรมณีย์ณีย์จังจัหวัดวัพังพังา พุน้ำพุน้ำร้อร้นในจังจัหวัดวัตรังรัพุน้ำพุน้ำร้อร้น เขาชัยชัสน และพุน้ำพุน้ำร้อร้นบ้าบ้นระหว่าว่งควน จังจัหวัดวัพัทพัลุงลุเป็นป็ต้นต้ เรื่อง: กองวิเคราะห์และตรวจสอบทรัพยากรธรณี ลานพุน้ำ ร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำ ปาง DMR FACT OF THE QUARTER : ธรณีวิทยาน่ารู้ 16


เบื้องหลังการทำ งานซึ่งยังไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน การใช้เวลานาน นับนัปีกัปีบกัการขุดขุดินดิวิดวิน้ำ ตากแดดและรวบรวมจัดจัเก็บก็ตัวตัอย่าย่งซากดึกดึดำ บรรพ์ เพื่อทำ การศึกษาชิ้นส่วนกระดูก ที่นำ มาซึ่งข้อสรุปเบื้องต้นของวาฬอำ แพง ว่าว่เป็นป็ ใคร (สายพันพัธุ์)ธุ์ มาจากไหน (สภาพแวดล้อล้ม) และอายุเยุท่าท่ ไร อันอัจะไปสู่ การขึ้นทะเบียนเป็นซากดึกดำ บรรพ์วาฬตัวแรกของประเทศไทยในที่สุด จากทีมสำ รวจซากดึกดำ บรรพ์วาฬอำ แพงที่จังหวัดสมุทรสาคร มาจิบ กาแฟสบายๆ แลกเปลี่ย ลี่ นประสบการณ์ ผ่าผ่นการเล่าล่เรื่อ รื่ งราวความประทับทัใจ ที่ร้านค้าสวัสดิการกรมทรัพยากรธรณี แต่ละมุมมองในภาพถ่ายที่เกี่ยวข้อง กับซากดึกดำ บรรพ์วาฬอำ แพง ผู้เผู้ล่าล่เรื่อ รื่ งประกอบด้วด้ยคุณคุศศิวัศิฒวัน์ นิธินิวธิรนิษนิฐาจากบริษัริทษัไบรท์บท์ลูวลูอเตอร์ คอปอเรชั่น จำ กัด คุณชาญกิจ ชำ นิวิกัยพงศ์ และคุณคมฉาย ธนะพานิช จากกลุ่มลุ่ วาฬไทย(Thai Whales)คุณคุพรรณิภณิาแซ่เซ่ทียทีน คุณคุอดุลดุย์วิย์ทวิย์กาวีรวีะ คุณมานะ รักบำ รุง จากกองคุ้มครองซากดึกดำ บรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี คุณทัศนะ นะบุญ จากองค์การบริหารส่วนตำ บลอำ แพง และคุณราชวดี จันทรา จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง บุคบุลากรกรมทรัพรัยากรธรณีแณีละบุคบุคลภายนอก นอกจากนี้ยั นี้ งยัมีกมีารเผยแพร่สร่ด ผ่านสื่ออออนไลน์ของกรมทรัพยากรธรณีอีกด้วย และครั้งแรกกับกิจกรรม “จับเข่านักขุด มาคุยวันวาฬ” ที่พาสมาชิก ทีมนักสำ รวจมาไขข้อข้องใจว่าไปขุดวาฬแล้วได้อะไร? พรบ.คุ้มครองซากฯ ช่วช่ยอนุรันุกรัษ์อษ์ย่าย่งไร? ฟอสซิลซิต้อต้งเข้าข้เฝือฝืก? ฟอสซิสซิต้อต้งกรอ? รอให้แห้ห้งห้ไม่่ไม่่ด้?ด้ นำ ทีมโดย คุณพรรณิภา แซ่เทียน นักธรณีวิทยาชำ นาญการพิเศษ หัวหน้า ทีมงานสำ รวจลงพื้นที่จริง พร้อมคณะ ที่มานั่งจับเข่าคุยกันแบบกระทบไหล่ ฟังการสำ รวจฟอสซิลวาฬตัวแรกของประเทศไทย ว่ามีใครทำ อะไร อย่างไร เพื่ออะไร กับคุณมานะ รักบำ รุง นายช่างฝีมือมากฝีไม้ แห่งกองคุ้มครอง ซากดึกดึดำ บรรพ์ ทั้ง ทั้ จับจัเสียสีม ปักปัจอบ ออกไปขุดขุและประกอบฟอสซิลซิวาฬอำ แพง ขนาด 12.5 เมตร จนถึงแบบจำ ลองที่ย่อเหลือเพียง 1 เมตร เล่า ล่ เรื่อ รื่ ง รูป รู จับจัเข่า ข่ นักนัขุด ขุ มาคุย คุ วันวัวาฬ เรื่อง: พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ภาพถ่าย: สุภชัย ตันตินาคม 17 เชื่อมโยงทุกภาคส่วน : DMR CONNECT จากนิทรรศการ ‘วาฬอำ แพง’ จัดแสดงในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ กรมทรัพยากรธรณี โดยมีหุ่นจำ ลองวาฬอำ แพง ขนาดจริง และนิทรรศการเรื่องราวของวาฬอำ แพง ได้รับผล ตอบรับที่ดีเกินคาดจึงต่อยอดเป็นกิจกรรมจับเข่านักขุดมาคุย วันวาฬ และ เล่า เรื่อง รูป วาฬอำ แพง เรื่องและภาพ: กองบรรณาธิการ


กรมทรัพยากรธรณี ให้การต้อนรับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางชญานันท์ ภักดีจิตต์, นายพิชิต สมบัติมาก รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่ง สิ่ แวดล้อล้ม และคณะฯ เมื่อ มื่ วันวัที่ 26 เมษายน 2566 ในโอกาสเข้าข้ร่วร่มประชุมชุตรวจเยี่ย ยี่ มราชการและมอบนโยบายการปฏิบัฏิติบังติานแก่กก่รมทรัพรัยากรธรณี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการภารกิจกรมทรัพยากรธรณีและติดตามการทำ งานของศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ กล่าวว่า ข้อมูลพื้นฐานด้านธรณีวิทยา เป็นรากฐานสำ คัญของประเทศที่สามารถต่อยอดในงานด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะงาน ด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรณีของประเทศ จะต้องมีความเชื่อมโยงงานด้านธรณีวิทยาในสาขาต่าง ๆ ที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริง เช่น งานจัดทำ แผนที่ธรณีวิทยาในรูปแบบ One Geo Map โดยสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาในพื้นที่ ควรจัดทำ คู่มือฉบับประชาชน ที่เข้าใจง่าย และมีการบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานอื่น DMR CONNER 18 วันวัที่ 9 พฤษภาคม 2566 นายสิทสิธิชัธิยชัเสรีส่รีงส่แสง ผู้ตผู้รวจราชการ กระทรวงทรัพรัยากรธรรมชาติแติละสิ่ง สิ่ แวดล้อล้ม ร่วร่มกับกันางอรนุชนุหล่อล่เพ็ญพ็ศรี อธิบธิดีกดีรมทรัพรัยากรธรณีเป็นป็ประธานการประชุมชุหารือรืและรับรัฟังฟัความคิดคิเห็นห็ การจัดจัทำ แผนปฏิบัฏิติบักติารเชิงชิพื้น พื้ ที่เ ที่ พื่อ พื่ แก้ไก้ขประเด็นด็ ปัญปัหาเรื่อ รื่ งการอยู่อยู่ าศัยศั บนพื้น พื้ ที่เ ที่ สี่ย สี่ งดินดิถล่มล่ ทธ. ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด ทส. หารือแนวทางแก้ไขปัญหา การอยู่อาศัยบนพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม ทั้ง ทั้ นี้ กรมทรัพรัยากรธรณีนำณีนำเสนอการจัดจัการลดผลกระทบจากแผ่นผ่ดินดิถล่มล่ โดยที่ปที่ ระชุมชุได้ร่ด้วร่มแลกเปลี่ย ลี่ นข้อข้เสนอแนะที่เ ที่ ป็นป็ ประโยชน์ เช่นช่การจัดจัลำ ดับดั ความสำ คัญของพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินถล่ม ตรวจสอบความพร้อมของข้อมูล เครื่องมือ เครือข่าย และคู่มือการวิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ การบูรณาการกับ หน่วน่ยงานและภาคส่วส่นที่เ ที่ กี่ย กี่ วข้อข้ง รวมทั้ง ทั้ การขับขัเคลื่อ ลื่ นให้เห้กิดกิการพัฒพันาชุมชุชนด้วด้ยชุมชุชน เป็นป็ต้นต้ซึ่ง ซึ่ กรมทรัพรัยากรธรณีจณีะนำ ข้อข้เสนอแนะไปพิจพิารณาปรับรัปรุงรุงาน และกำ หนดกิจกิกรรมบรรจุไจุว้ใว้นแผนให้เห้กิดกิความครอบคลุมลุมากขึ้น ขึ้


นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยนายสุวภาคย์ อิ่มสมุทร รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และคณะผู้บริหาร ให้การ ต้อนรับ Dr. Li Jinfa รองรัฐมนตรีด้านการสำ รวจธรณีวิทยา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานหน่วยงานสำ รวจ ธรณีวิทยา สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย และเข้าร่วมประชุมหารือความร่วมมือทางวิชาการด้าน ธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณีไทย-จีน เพื่อสานต่อความร่วมมือด้านธรณีศาสตร์ของทั้งสองหน่วยงานที่มีมายาวนาน ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องให้ทั้งสองฝ่ายประสานงานให้เกิดความร่วมมือด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณีอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง และให้ความสำ คัญ ต่อโครงการวิจัยทางธรณีศาสตร์และโครงการวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ในหัวข้อที่มีความสนใจร่วมกัน พร้อมทั้งแบ่งปันและเชื่อมโยงฐานข้อมูลธรณีศาสตร์ ในภูมิภาค และยกระดับให้เป็นฐานข้อมูลสำ คัญของโลก นอกจากนี้ คณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการและศูนย์ปฏิบัติการ ธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี ทั่วทิศธรณี 19 การประชุมหารือความร่วมมือ ทางวิชาการด้านธรณีวิทยา และทรัพยากรธรณีไทย-จีน กรมทรัพรัยากรธรณี จัดจักิจกิกรรมวันวัต้นต้ ไม้ปม้ระจำ ปีขปีองชาติ พ.ศ. 2566 นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมกิจกรรมในวันต้นไม้ประจำ ปีของชาติ พ.ศ. 2566 โดยร่วมกันปลูกต้นไม้บริเวณลานหน้าอาคารเพชร เพื่อเป็นการปลูกจิตสํานึกให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานได้เห็นความสําคัญของ การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้


ภ า พ ถ่ า ย: ทิ น รั ต น์ บุ ญ เ อ ก


Click to View FlipBook Version