The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prdmr.pr, 2021-05-04 01:04:16

แผ่นดินไหว2561

แผ่นดินไหว2561

นางสุรยี  ธีระรงั สิกลุ

ผูอำนวยการสว นธรณพี บิ ัตภิ ยั





2561



สารบญั 1
1
1. บทนำ 2
2. สาเหตุของการเกดิ แผน ดนิ ไหว 10
3. โครงสรา งของโลกและการเคลือ่ นท่ีของเปลอื กโลก 12
4. คลน่ื แผนดินไหว 14
5. การตรวจวดั คลน่ื แผนดนิ ไหว 16
6. การหาจุดศนู ยเ กิดแผนดนิ ไหว 22
7. ความรายแรงของแผน ดนิ ไหว 24
8. แผนดนิ ไหวกับภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต 37
9. การศกึ ษาธรณวี ิทยาแผนดนิ ไหวในประเทศไทย 38
10. เหตุการณแ ผนดินไหวในประเทศไทยและภมู ภิ าคใกลเ คยี ง 41
11. ปรากฏการณทรายพุ (Liquefaction) 46
12. บรเิ วณเสีย่ งภยั แผนดนิ ไหวภาคกลางและภาคตะวันตก 48
13. การเตรยี มความพรอมเพื่อรับมอื กบั แผนดินไหว 51
14. แผน ดินไหว ภัยทไี่ มอ าจพยากรณ 52
15. บทสรปุ
16. เอกสารอางอิง



1.บทนำ�

แผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดข้ึนในรูปแบบการสั่นสะเทือนของพ้ืนดิน อันเนื่องมาจาก
การปลดปลอ่ ยพลงั งานหรือความเครียดท่ีสะสมไวภ้ ายในโลกออกมา เพื่อปรบั สมดลุ ของเปลือกโลกใหเ้ หมาะสม
ตามกาลเวลา ปจั จุบนั นกั วิทยาศาสตร์ยงั ไม่สามารถท�ำนายวนั เวลา สถานท่ี และขนาดของแผ่นดนิ ไหวท่ีจะ
เกดิ ข้นึ ในอนาคตได้อย่างเป็นมรรคเปน็ ผล ดงั น้ันจงึ ควรเรียนรใู้ หเ้ ข้าใจถึงธรรมชาตกิ ารเกิดของแผน่ ดนิ ไหว
อย่างถอ่ งแทเ้ พอ่ื ลดการสญู เสียในชีวิตและทรพั ย์สนิ ทอี่ าจเกดิ ข้ึนได้
ประเทศไทยไมอ่ าจจัดอยูใ่ นเขตท่ีปลอดจากแผน่ ดนิ ไหวได้เฉกเช่นแตก่ าลกอ่ น เนอื่ งจากมีหลกั ฐาน
ทางประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่าประเทศไทยเคยได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาดปานกลางจนถึง
ขนาดใหญม่ าแลว้ หลายคร้ัง สง่ ผลใหเ้ กดิ ความเสยี หายในภาคต่างๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนอื และ
ภาคตะวันตก เชน่ แผน่ ดนิ ไหวขนาด 6.5 เกดิ เมอ่ื วนั ที่ 13 พฤษภาคม 2478 บรเิ วณชายแดน สปป. ลาว กบั
ประเทศไทยใกล้จังหวัดน่าน (บางท่านเช่ือว่าอยู่ในท้องท่ีจังหวัดน่าน) ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9
เมอื่ วันที่ 22 เมษายน 2526 บรเิ วณอา่ งเก็บนำ�้ เขอ่ื นศรีนครินทร์ จงั หวัดกาญจนบรุ ี ประชาชนรสู้ กึ ไดท้ ่วั ทั้ง
ภาคกลางและภาคเหนือ อาคารสูงในกรุงเทพมหานครส่ันไหว และแผ่นดินไหวขนาด 5.1 เมื่อวันท่ี
11 กันยายน 2537 เกิดที่ อ�ำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ท�ำให้โรงพยาบาลอ�ำเภอพานเสียหายอย่างมาก
บ่อยครง้ั มแี ผน่ ดนิ ไหวทีเ่ กดิ ขึ้นในประเทศเพอ่ื นบ้านแลว้ สง่ แรงส่ันสะเทอื นมาถึงประเทศไทย ไดแ้ ก่ บรเิ วณชายแดน
ประเทศไทย - สหภาพเมียนมาร์ ประเทศไทย - สปป.ลาว จีน - สหภาพเมยี นมาร์ และทะเลอันดามนั ซึ่ง
เคร่ืองมือตรวจวัดได้เป็นประจ�ำ แสดงให้เห็นว่าเปลือกโลกบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีการเคลื่อนที่
ตลอดเวลา เน่ืองมาจากการชนกันของ เปลือกโลกอินเดีย - ออสเตรเลียกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย นับตั้งแต่
45 ล้านปีมาแล้ว ส่งผลให้แผ่นเปลือกโลก อินเดีย - ออสเตรเลีย มุดตัวลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย การมุดตัว
ยงั คงด�ำเนินมาจนถึงปจั จุบนั ด้วยอัตราประมาณ 50 มิลลิเมตรตอ่ ปี
ดังนั้นสมควรอย่างยิ่งที่ประชาชนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและภัยของแผ่นดินไหว
ที่อาจเกิดข้ึนได้ อาทิเช่น สาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว การเคล่ือนที่ของแผ่นเปลือกโลก คล่ืนแผ่นดินไหว
การตรวจวดั คลน่ื แผ่นดนิ ไหว การหาจดุ เหนือศูนยเ์ กิดแผ่นดนิ ไหว ความรา้ ยแรงของแผ่นดินไหว แผน่ ดินไหวกบั
ภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เหตุการณ์แผน่ ดินไหวในประเทศไทยและภมู ภิ าคใกล้เคียง บริเวณเสย่ี งภัยแผน่ ดนิ ไหว
ของประเทศไทย การเตรียมความพรอ้ มเพื่อรับมือกบั แผ่นดินไหว เป็นตน้

2. สาเหตขุ องการเกิดแผน่ ดนิ ไหว

สาเหตุของการเกดิ แผ่นดนิ ไหวมไี ด้ดังนี้
1) เกิดจากกระบวนการเคล่ือนทขี่ องเปลอื กโลก เปลือกโลกเปน็ ของแข็งทเ่ี คล่ือนทบ่ี นหนิ หนดื ร้อนคลา้ ย
สายพานล�ำเลยี งสง่ ของ เมอื่ แต่ละแผน่ มาชนกันจะทำ� ใหเ้ กิดรอยคดโค้ง และ/หรือรอยเลอ่ื นบนเปลือกโลก
แลว้ ปลดปลอ่ ยพลงั งานทเี่ หลอื ออกมาในรปู ของคลืน่ แผ่นดนิ ไหวส่ผู ิวโลก
2) เกดิ จากกระบวนการภเู ขาไฟระเบิด การเคล่อื นตวั ของหนิ หนดื รอ้ นใตผ้ ิวโลกไปตามช่องทางสปู่ ลอ่ ง
ภูเขาไฟจะทำ� ใหแ้ ผน่ ดินสัน่ ไหวได้ กอ่ นทีจ่ ะระเบดิ ออกมาเปน็ ลาวา และเถา้ ถา่ นภเู ขาไฟ
3) เกิดจากการกระท�ำของมนุษย์ เช่น การทดลองระเบิดปรมาณู แรงระเบิดจากการท�ำเหมืองแร่/หิน
การกักเก็บน�ำ้ จำ� นวนมากในเขื่อนท่ตี ง้ั บนรอยเลอื่ นมพี ลัง เป็นต้น

แผน่ ดนิ ไหว กับประเทศไทย 1

3. โครงสร้างของโลกและการเคลอื่ นทข่ี องเปลอื กโลก

นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ด้พยายามศึกษาถึงส่วนต่างๆ ท่ีประกอบกนั เปน็ ดาวเคราะห์โลก ร่วมทั้งการเคล่ือนท่ี
ของเปลือกโลก ซงึ่ อาศยั หลกั การของแผน่ ดนิ ไหววิทยามาช่วยอธิบาย ก่อใหเ้ กดิ สมมตฐิ านและทฤษฎมี ากมาย
ในการบอกกลา่ วถงึ ความเปน็ มาในอดตี หลายลา้ นปขี องการเคลือ่ นทีข่ องเปลอื กโลก ทฤษฎกี ารแปรสณั ฐาน
แบบแผ่น ไดร้ บั การยอมรบั มากท่ีสุดในปจั จบุ ัน ถูกเสนอข้นึ ในราว พ.ศ. 2500 โดย แฮรร์ ี แฮมมอนด์ เฮสส์
(Harry Hammond Hess ชาวอเมรกิ ัน) ทฤษฎนี ้ีพฒั นามาจากทฤษฎวี า่ ด้วยทวปี จร ของอลั เฟรด โลทาร์
เวเกเนอร์ (Alfred Lothar Wegener ชาวเยอรมัน) ซงึ่ เสนอไวเ้ มื่อ พ.ศ. 2455
ทฤษฎีการแปรสัณฐานแบบแผน่ ได้อธิบายวา่ เม่อื ดาวเคราะห์โลกแยกตัวจากดวงอาทติ ยม์ สี ภาพเป็น
กลุ่มกา๊ ซรอ้ น ต่อมาเย็นตัวลงเปน็ ของเหลวรอ้ น บริเวณผวิ ส่วนนอกเย็นตัวลงได้เร็วกวา่ จึงแขง็ ตวั ก่อน สว่ นใจกลาง
ของโลกยังคงหลอมเหลวและร้อนระอุของธาตุโลหะหนัก ในทางธรณีวิทยาได้แบ่งโครงสร้างของโลกตาม
องค์ประกอบทางเคมอี อกเป็น 3 สว่ นใหญๆ่ (รูปที่ 1) คือ
1) เปลือกโลก เปน็ ผวิ โลกช้นั นอก มอี งคป์ ระกอบสว่ นใหญเ่ ป็นซิลกิ าไดออกไซด์ และอะลมู ิเนยี มออกไซด์
ประกอบดว้ ยเปลือกโลกทวปี ส่วนใหญเ่ ปน็ หินแกรนิต ประกอบดว้ ยธาตทุ ีม่ ธี าตุโปแตสเซียม อะลูมิเนียม ซลิ เิ กตและซิ
ลิกอนไดออกไซด์ เป็นสว่ นใหญ่ มีความหนาเฉลี่ย 35 กโิ ลเมตร ความหนาแน่น 2.7 กรัม/ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร และ
เปลือกโลกมหาสมุทร สว่ นใหญ่เป็นหนิ บะซอลต์ ประกอบด้วยแร่ทม่ี ีธาตแุ มกนเี ซียม เหล็ก แคลเซียม และซลิ ิเกต เป็น
ส่วนใหญ่ ความหนาเฉล่ีย 5 กโิ ลเมตร ความหนาแนน่ 3.0 กรมั /ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร มากกว่าเปลอื กโลกทวปี
ดังนัน้ เมื่อเปลอื กโลกทง้ั สองชนกัน เปลอื กโลกทวปี จะถกู ยกตัวข้ึน ส่วนเปลอื กโลกมหาสมุทรจะจมลง และหลอมละลาย
เป็นหินหนดื หรอื แมกมา
2) เน้ือโลก คอื สว่ นทอี่ ย่ใู ตเ้ ปลอื กโลกลงไปจนถงึ ระดับความลึก 2,900 กโิ ลเมตร มอี งค์ประกอบหลกั เปน็ ซลิ ิ
กอนออกไซด์ แมกนเี ซียมออกไซด์ และเหลก็ ออกไซด์ แบ่งออกเป็น 3 ชน้ั ไดแ้ ก่ เนอ้ื โลกตอนบนสดุ มีสถานะเปน็
ของแขง็ เป็นฐานรองรบั ของเปลือกโลกทวปี และเปลอื กโลกมหาสมุทร มีความหนาโดยรวมประมาณ 30 – 100
กโิ ลเมตร เนอ้ื โลกตอนบน อยทู่ ่ีระดับความลึก 100 - 700 กโิ ลเมตร มลี กั ษณะเปน็ ของแข็งเนือ้ ออ่ น อุณหภูมทิ ีส่ งู มาก
ท�ำให้แร่บางส่วนหลอมละลายเป็นหนิ หนดื เคล่อื นทีห่ มนุ วนดว้ ยกระบวนการพาความรอ้ น และเนื้อโลกตอนลา่ ง มี
สถานะเปน็ ของแขง็ ทร่ี ะดับความลกึ 700 - 2,900 กโิ ลเมตร มีองคป์ ระกอบส่วนใหญเ่ ปน็ ธาตุเหล็ก แมกนเี ซียม และซลิ ิ
เกต
3) แก่นโลก คือ ส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก ประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิล
แบ่งออกเป็น แกน่ โลกชนั้ นอก ประกอบดว้ ยเหลก็ ในสถานะของเหลว เคล่ือนทหี่ มุนวนดว้ ยกระบวนการพา
ความรอ้ น ทร่ี ะดับความลกึ 2,900 – 5,150 กิโลเมตร เหล็กรอ้ นเบอ้ื งล่างบริเวณทตี่ ดิ กบั แกน่ โลกชนั้ ในลอยตวั สูงข้นึ
เมือ่ ปะทะกบั เนือ้ โลกตอนลา่ งท่ีอุณหภูมิต�ำ่ กวา่ จึงจมตัวลง การเคลื่อนที่หมุนวนเชน่ น้เี หนี่ยวน�ำให้เกิดสนาม
แม่เหลก็ โลกหมุ้ ห่อโลก และแก่นโลกชัน้ ใน ท่รี ะดับความลกึ 5,150 กิโลเมตร จนถึงใจกลางโลกทรี่ ะดบั ลกึ
6,370 กิโลเมตร ซึง่ ความดันมหาศาลท่เี กดิ ข้นึ ภายในนี้จะกดทบั ทำ� ให้เหล็กมสี ถานะเปน็ ของแข็ง

2 แผน่ ดนิ ไหว กบั ประเทศไทย

รูปท่ี 1 โครงสรา้ งโลกแบ่งตามองค์ประกอบทางเคมี (คัดลอกจาก http://www.lesa.biz)

นอกจากน้ี ทางธรณีวิทยายังแบง่ โครงสรา้ งภายในของโลกตามลกั ษณะทางกายภาพ ออกเป็น 5 สว่ น
โดยพจิ ารณาจากความเรว็ ของคลนื่ ตามยาว (P-Wave) และคลื่นตามขวาง (S-Wave) ของคล่นื สัน่ สะเทือน
พืน้ ดิน (รปู ที่ 2) โดยแบง่ ได้ดังนี้
1) ธรณีภาค ประกอบดว้ ยเปลอื กโลกทวีปและเปลอื กโลกมหาสมุทร เปน็ บรเิ วณทคี่ ล่ืนตามยาวและ
คลนื่ ตามขวางเคลือ่ นทีช่ ้าจนถงึ แนวแบ่งเขตโมโฮโรวิซิก ซ่งึ อยทู่ ่รี ะดับลกึ ประมาณ 100 กิโลเมตร
2) ฐานธรณีภาค อยู่ใต้แนวแบ่งเขตโมโฮโรวิซิกลงไปจนถึงระดับ 700 กิโลเมตร เป็นบริเวณที่
คล่นื ตามยาวและคล่ืนตามขวางมีความเรว็ เพมิ่ ขนึ้ ตามระดบั ลกึ โดยแบง่ ออกเปน็ 2 เขต คือที่ระดบั ความลกึ
100 - 400 กโิ ลเมตร เปน็ เขตทีค่ ลื่นตามยาวและคล่ืนตามขวางมีความเรว็ ต�ำ่ โดยมคี วามเรว็ เพม่ิ ขึ้นอยา่ งไม่คงที่
เนื่องจากบริเวณน้ีเป็นของแข็งเนื้ออ่อน และอุณหภูมิที่สูงมากท�ำให้แร่บางชนิดเกิดการหลอมละลายเป็น
หินหนดื และท่รี ะดับความลกึ 400 - 700 กิโลเมตร เป็นเขตท่มี ีการเปลี่ยนแปลงอยบู่ รเิ วณเนือ้ โลกตอนบน
คลนื่ ตามยาวและคลนื่ ตามขวางมีความเรว็ เพิม่ ขึ้นมากในอตั ราไมส่ ม�่ำเสมอ เน่ืองจากบริเวณน้มี กี ารเปลยี่ นแปลง
โครงสรา้ งของแร่
3) มโี ซสเฟยี ร์ อยูบ่ ริเวณเนอื้ โลกชน้ั ลา่ ง ท่รี ะดับความลกึ 700 - 2,900 กโิ ลเมตร เปน็ บรเิ วณที่คลื่นตามยาว
และคลน่ื ตามขวางมีความเรว็ สม�่ำเสมอ เนื่องจากเปน็ ของแข็ง
4) แก่นช้ันโลกนอก อยทู่ ่รี ะดับความลึก 2,900 - 5,150 กิโลเมตร คลน่ื ตามยาวลดความเรว็ ลงฉบั พลนั ขณะ
ทคี่ ลื่นตามขวางไมป่ รากฏ เน่ืองจากบรเิ วณนเี้ ป็นเหลก็ อยใู่ นสภาพหลอมละลาย
5) แกน่ โลกชัน้ ใน อยูท่ ร่ี ะดับความลึก 5,150 - 6,370 กโิ ลเมตร คลนื่ ตามยาวทวีความเร็วขนึ้ เนือ่ งจากความ
กดดนั สูงภายในส่วนนที้ �ำใหเ้ หล็กเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง

แผ่นดินไหว กับประเทศไทย 3

รปู ที่ 2 โครงสร้างโลกแบ่งตามลักษณะทางกายภาพ
(คัดลอกจาก http://www.lesa.biz)

การเคลอ่ื นที่ของเปลอื กโลก เป็นลักษณะการเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี 2 แผ่นท่อี ยู่ติดกนั จำ� แนกออกได้
เปน็ 3 รปู แบบ ตามลักษณะการเคล่ือนที่สัมพนั ธก์ นั ระหวา่ งแผ่นธรณีทั้งสอง
1) เปลอื กโลกแยกตวั เปน็ แผ่นธรณสี องแผ่นเคล่ือนทอี่ อกจากกัน เนื่องจากมีการดนั ตัวของหนิ หนืดขึน้ มา
จากชัน้ เนือ้ โลก เม่ือเย็นตัวลงและแข็งตัวกลายเปน็ หินจะยดึ ติดกบั ขอบของแผน่ ธรณี กลายเปน็ ส่วนหนึ่งของแผ่นธรณี
ทก่ี �ำลงั เคลอื่ นท่ี (รปู ที่ 3) เชน่ บรเิ วณรอยแยกกลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ เปน็ ตน้
2) เปลอื กโลกลู่เข้าหากนั เป็นแผ่นธรณสี องแผน่ เคลอ่ื นที่เขา้ หากนั หากแผน่ ธรณมี คี วามหนาแนน่ ตา่ งกัน จะ
ท�ำให้แผน่ ธรณแี ผน่ หนง่ึ มุดตวั ลงใต้อีกแผ่นหน่ึงเรยี กวา่ เขตการมุดตัว เมอ่ื เปลอื กโลกจมตวั ลงสู่เนอ้ื โลก จะร้อนขึ้น
เรอ่ื ยๆ จนหลอมเหลวกลายเปน็ หินหนืด แลว้ แทรกดนั ตวั ข้นึ สู่ผวิ โลกกลายเปน็ ภูเขาไฟได้ เชน่ บรเิ วณเกาะสมุ าตรา
เกาะชวา ในประเทศอนิ โดนเี ซีย และประเทศญปี่ นุ่ เป็นตน้ (รูปท่ี 4)
3) เปลือกโลกเคลือ่ นผ่านกัน เป็นแผ่นธรณแี ผ่นหนงึ่ เคล่ือนท่ผี ่านอกี แผน่ หนง่ึ ทางด้านข้างตามแนวรอยเลื่อน
เปลอื กโลก ซ่งึ มกั ก่อใหเ้ กิดแผ่นดินไหวบ่อยคร้งั เช่น รอยเล่ือนซานแอนเดรยี ส ในสหรัฐอเมรกิ า เปน็ ตน้ (รูปท่ี 5)

4 แผ่นดินไหว กับประเทศไทย

รปู ท่ี 3 ลกั ษณะการเคลอื่ นท่ขี องเปลือกโลกแยกตัว
(คดั ลอกจาก http://www.ac.wwu. edu/~debari/406/lec1.html)

แผ่นดินไหว กบั ประเทศไทย 5

รูปท่ี 4 ลักษณะการเคล่ือนท่ีของแผ่นเปลอื กโลกลเู่ ข้าหากนั
ก) เปลอื กโลกทวีปกบั เปลอื กโลกมหาสมทุ ร
ข) เปลือกโลกมหาสมุทรกับเปลอื กโลกมหาสมทุ ร
ค) เปลือกโลกทวีปกับเปลอื กโลกทวีป
(คดั ลอกจาก http://pubs.usgs.gov/gip/dynamic/ dynamic.html)

6 แผน่ ดนิ ไหว กบั ประเทศไทย

รปู ที่ 5 ลกั ษณะการเคลอ่ื นที่ของแผ่นเปลอื กโลกเคล่อื นผา่ นกนั เชน่ บริเวณภาคตะวันตกของสหรฐั อเมรกิ า เปน็ ต้น
(คดั ลอกจาก http://www.dept.kent.edu/geology/ehlab/tectonics/tectonics.htm)

แผน่ ดินไหว กับประเทศไทย 7

การเกดิ แผน่ ดินไหวนัน้ สว่ นใหญม่ กั เกิดข้ึนทชี่ ้นั ของเปลอื กโลก โดยเปลือกโลกไมไ่ ด้เป็นช้นิ เดียวกัน
ท้งั หมดแตแ่ ตกออกเป็นหลายชิ้นประกบกนั คล้ายแผน่ จิกซอว์ เมอ่ื หนิ หนืดร้อนอุณหภูมสิ ูงมากปะทะชน้ั เปลือกโลกก็
จะแทรกดนั ขึ้นมาตามแนวรอยแยกของเปลอื กโลก ซึ่งเป็นแนวที่เปราะบาง (รปู ที่ 6 และรปู ท่ี 7) ตามมาด้วยเหตกุ ารณ์
ภเู ขาไฟระเบดิ และแผ่นดินไหว ตามขอ้ มลู การบันทึกต�ำแหน่งเกิดแผน่ ดนิ ไหว และต�ำแหน่งภเู ขาไฟทมี่ พี ลงั เปลอื กโลก
แบ่งเปน็ 15 แผน่ ใหญ่ (รปู ที่ 8) คือ แผน่ เปลือกโลกยูเรเชยี (Eurasian Plate) แผ่นเปลือกโลกแปซิฟกิ (Pacific Plate)
แผน่ เปลอื กโลกอินเดีย (Indian Plate) แผ่นเปลือกโลกออสเตรเลีย (Australian Plate) แผ่นเปลือกโลกทะเล
ฟลิ ปิ ปินส์ (Philippines Plate) แผน่ เปลอื กโลกอเมรกิ าเหนือ (North American Plate) แผ่นเปลอื กโลกอเมริกาใต้
(South American Plate) แผ่นเปลือกโลกแอฟรกิ า (African Plate) แผน่ เปลือกโลกแอนตาร์กตกิ (Antarctic Plate)
แผน่ เปลือกโลกนาซคา (Nazca Plate) แผน่ เปลอื กโลกโคโคส (Cocos Plate) แผน่ เปลือกโลกแครบิ เบยี น (Caribbean
Plate) แผ่นเปลอื กโลกฮวนเดฟูกา (Juan de Fuca Plate) แผ่นเปลอื กโลกอาหรบั (Arabian Plate) และแผน่ เปลือก
โลกสโคเชยี (Scotia Palte)
แผ่นเปลอื กโลกไมเ่ คยอยู่นงิ่ มกี ารเคล่ือนทีต่ ลอดเวลา ยนื ยนั ไดจ้ ากผลจากการส�ำรวจท้องมหาสมุทรในชว่ ง
ทศวรรษ 2490 ท่ีพบวา่ มีแนวเทอื กเขากลางมหาสมทุ รรอบโลก ซงึ่ มคี วามยาวกว่า 50,000 กโิ ลเมตร กวา้ งกวา่ 800
กิโลเมตร เทือกเขาเหลา่ น้ีเปน็ หินใหม่ที่มีอายุนอ้ ยกว่าหินท่ีอยูใ่ นแนวถดั ออกมา ท่ีเกิดเปน็ แนวยาวขนานสองดา้ นกับ
รอยแตกกึง่ กลางมหาสมทุ ร เมอื่ หินหนดื ภายใตเ้ ปลือกโลกดนั ออกมาจากกนั ทลี ะน้อย ส่งผลให้เกดิ การเคลือ่ นทีข่ อง
เปลอื กโลกต่างๆ (รปู ท่ี 9)

รปู ที่ 6 โครงสรา้ งของโลกและการเคล่ือนที่ของกระแสพาความร้อน (แนวลกู ศรสีนำ�้ เงนิ และสีแดง)
(คัดลอกจาก http://www.pubs.usgs.gov/gip/dynamic/dynamic.html)

8 แผน่ ดนิ ไหว กบั ประเทศไทย

รปู ที่ 7 ลักษณะการเคลอ่ื นทีข่ องแผ่นเปลอื กโลก และการเคลื่อนท่ีของกระแสพาความรอ้ น (แนวลูกศรสีแดง)
(คดั ลอกจาก http://www.pubs.usgs.gov/gip/dynamic/ dynamic. html)

รปู ท่ี 8 แผ่นเปลือกโลกจ�ำนวน 15 แผ่นใหญ่ รวมทง้ั ทศิ ทางการเคล่อื นท่ี
(ดดั แปลงจาก http://www.geogrify.net/GEO1/Lectures/PlateTectonics/)

แผน่ ดินไหว กับประเทศไทย 9

รปู ที่ 9 การเกิดแนวเทอื กเขากลางมหาสมุทร ซ่ึงถกู แรงดนั จากหินหนดื ภายในเปลือกโลกดันออกจากกนั ทลี ะน้อย
ท�ำใหเ้ กดิ การเคลอ่ื นท่ขี องแผน่ เปลอื กโลก
(คดั ลอกจาก http://www.clastatela.edu/geology/ehlab/tectonics/seafloor.htm)

4. คลืน่ แผ่นดนิ ไหว

แผ่นเปลือกโลกวางตวั อยู่บนหินหนืด แรงดันภายใตเ้ ปลือกโลกจะท�ำใหต้ ะเข็บรอยต่อของแผน่ เปลือกโลก
เกดิ แรงเค้นข้นึ เปรยี บเทียบไดก้ ับการดดั ไม้ ซ่งึ ไม้จะถูกดดั งอและสะสมแรงเค้นไปเรือ่ ยๆ จนแรงเคน้ เกินจุดแตกหกั
ไมก้ จ็ ะหกั ออกจากกนั ในทำ� นองเดียวกนั เมื่อเปลือกโลกสะสมแรงเค้นถงึ จุดแตกหัก เปลอื กโลกจะเคลอ่ื นที่สัมพัทธ์กนั
เกิดการเปล่ยี นแปลงรปู ร่างของเปลอื กโลกพรอ้ มทง้ั ปลดปล่อยพลังงานท่สี ะสมไว้ออกมาเปน็ แรงสั่นสะเทอื นพื้นดิน
หรือเกิดเปน็ แผน่ ดนิ ไหวน้ันเอง
การส่งผา่ นหรือปลดปล่อยพลังงานของเปลือกโลกออกมาจากจดุ หนึง่ ไปยังอกี จดุ หนึง่ เกดิ จากการเคล่ือนตวั
ของอนภุ าคในชน้ั ดิน/หิน ในลกั ษณะคลา้ ยคลน่ื เรยี กว่า คลน่ื แผ่นดินไหว ซึง่ จะแพร่กระจายออกจากจดุ กำ� เนิดไปใน
ทกุ ทศิ ทุกทาง คลืน่ แผน่ ดนิ ไหวแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื คลนื่ ภายในตัวกลาง (Body waves) และคล่นื พนื้ ผวิ
(Surface waves)
คล่นื ภายในตวั กลาง เป็นคล่นื ความสัน่ สะเทือนท่เี ดนิ ทางอยภู่ ายในโลก แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะการ
เปล่ยี นแปลงรูปร่างและการแกวง่ ตัวของอนภุ าคตวั กลางขณะทีค่ ลนื่ เคลือ่ นทีผ่ ่าน ไดแ้ ก่
1) คลน่ื ตามยาวหรอื คลน่ื ปฐมภูมิ (Logitudinal หรอื Primary waves : P-Wave) เปน็ คลื่นสน่ั สะเทอื น
ท่เี คลอ่ื นทีอ่ อกไปโดยที่อนภุ าคหรอื มวลสารถูกแรงอดั จนส่นั และขยายตวั ไปมาเรอ่ื ยๆ ในทิศทางเดียวกนั กับการ
เคลอ่ื นท่ีของคลน่ื เนื่องจากคลน่ื นเี้ คลอื่ นทไ่ี ดเ้ รว็ จงึ เดินทางเขา้ เครือ่ งบนั ทกึ ก่อนคล่นื อื่น จึงเรียกว่า คลืน่ ปฐมภมู ิ
อนภุ าคท่ที �ำหน้าทเ่ี ปน็ ตัวกลางในการส่งผ่านคล่ืนออกไป จะเกดิ การเปลี่ยนแปลงปริมาตรของอนุภาคโดยรอบ คล่นื นี้
เคล่ือนที่ด้วยความเร็ว 1.5 – 8.0 กิโลเมตร/วินาที
2) คลื่นตามขวางหรือคล่นื ทุตยิ ภูมิ (Transverse หรือ Secondary waves : S-Wave) เปน็ คลนื่
สั่นสะเทือนท่ีเคล่ือนที่ออกไปแล้วท�ำให้อนุภาคหรือมวลสารที่ถูกแรงเฉือน เกิดการส่ันในแนวที่ต้ังฉากกับ
ทศิ ทางการเคล่อื นทข่ี องคล่ืน เน่ืองจากเป็นคล่ืนที่เคลอื่ นทีไ่ ดช้ า้ จงึ เดนิ ทางเข้าเครอื่ งบันทึกได้ช้ากวา่ คล่ืนปฐมภมู ิ

10 แผ่นดนิ ไหว กบั ประเทศไทย

จึงเรยี กว่า คล่นื ทตุ ิยภมู ิ อนุภาคตวั กลางในการส่งผ่านคลืน่ จะไม่แสดงการเปลีย่ นแปลงทางปริมาตร แต่จะเสีย
รูปไป คล่นื นเี้ คล่ือนท่ีดว้ ยความเรว็ ประมาณรอ้ ยละ 60 - 70 ของคลน่ื ปฐมภมู ิ
คลน่ื ในตัวกลางทั้งสองชนดิ น้ี ทำ� ให้มวลอนุภาคตวั กลางเปลย่ี นแปลงรปู ร่าง โดยปกติคล่นื ตามยาวเคลือ่ นทไ่ี ด้
เรว็ กว่าคลื่นตามขวางเกือบสองเท่า และคลื่นตามขวางไม่สามารถเคลื่อนทีผ่ ่านของเหลวได้
คล่ืนพ้นื ผวิ คอื คล่ืนสนั่ สะเทือนท่เี คลือ่ นทีไ่ ปตามผิวโลกหรือขนานไปกับผวิ โลกแตไ่ ม่ลกึ นัก อาจเปลย่ี นแปลง
มาจากคล่ืนภายในโลกอกี ที คลนื่ ที่สำ� คัญมี 2 ชนิด คือ
1) คลนื่ เรย์เลย์ (Rayleigh) เป็นคลืน่ สนั่ สะเทอื นท่ีเคลือ่ นที่ไปตามผวิ ระนาบ อนภุ าคตวั กลางสั่นในลกั ษณะ
วงรี และค่อยๆ ลดลงเม่ืออยหู่ ่างจากจดุ ก�ำเนิด ทำ� ให้อนภุ าคเกิดการสั่นในแนวดง่ิ คลน่ื ชนดิ นค้ี น้ พบโดย ลอร์ด เรยล์ ี
(Lord Rayleigh) นักฟิสกิ ส์ชาวอังกฤษ มกั ใชช้ ่ือย่อว่า R-wave
2) คลน่ื เลิฟ (Love Wave) เปน็ คล่ืนความสั่นสะเทือนตามขวางทีเ่ คล่ือนท่ีตามผวิ ระนาบ ทำ� ให้อนุภาคเกิด
การสั่นในแนวราบ ในทิศทางต้ังฉากกับแนวการเคล่ือนที่ ความเร็วคลื่นข้ึนกับความถ่วงจ�ำเพาะและความแกร่งของตัวกลาง
คลน่ื เลฟิ ใหช้ อ่ื ตามนักคณติ ศาสตร์ชาวองั กฤษ ชอ่ื ออร์กาตา๊ น เอด็ เวอร์ ฮุด โลฟ (Augustus Edward Hough Love)
คล่นื พน้ื ผวิ มีความยาวคล่ืนมาก มักจะปลอ่ ยพลังงานออกมามากกวา่ พวกท่ีมีความยาวคลนื่ สนั้ และย่งิ ลกึ ลง
ไปความเร็วคลื่นกย็ ่งิ เร็วมากขึน้ การเปลยี่ นแปลงความเรว็ คลนื่ เน่อื งจากความยาวคลน่ื และความถี่ เรยี กวา่ การแพร่
กระจาย การศกึ ษาถงึ การเปลยี่ นแปลงความเรว็ คลน่ื พน้ื ผวิ นี้ ทำ� ใหท้ ราบรายละเอยี ดเกย่ี วกบั สว่ นประกอบของเปลอื กโลก
และเน้ือโลกตอนบนไดอ้ ยา่ งดี (รปู ท่ี 10 และรูปที่ 11)

รูปท่ี 10 ลกั ษณะการเคล่ือนท่ีของคล่นื แผน่ ดนิ ไหว (ดดั แปลงจาก http://www.geothai.net)

แผ่นดินไหว กบั ประเทศไทย 11

รปู ที่ 11 ลกั ษณะของคล่ืนแผน่ ดินไหว (P-, S-, L- waves) ทีเ่ กดิ หา่ งจากเมอื งเดนเวอร์ รฐั โคโรราโด 1,000 ไมล์

5. การตรวจวดั คลน่ื แผ่นดนิ ไหว

คล่ืนแผ่นดินไหว หรือคลื่นท่ีท�ำให้เกิดอาการส่ันสะเทือนจากแผ่นดินไหวท่ีส่งผ่านมายังผิวโลก ซึ่ง
สามารถบันทึกไว้ได้ดว้ ยเครอ่ื งวัดแผน่ ดินไหว (Seismograph) ในรปู ของกราฟแผ่นดนิ ไหว ซึง่ เปน็ เสน้ ขึ้นลง
สลับกันแสดงถึงอาการส่ันสะเทือนของพื้นดินใต้เครื่องวัดแผ่นดินไหวนั้น เครื่องมือวัดแผ่นดินไหวเกิดขึ้น
ครั้งแรกโดยนักวทิ ยาศาสตรช์ าวจนี ชือ่ จางเหิง (Chang Heng) เมอ่ื ค.ศ. 132 มีลักษณะคล้ายไหเหลา้ ทำ� ดว้ ย
ทองสัมฤทธ์ิ รอบไหมีมังกร 8 ตัว แต่ละตัวหันไปครบ 8 ทิศ ท่ีปากมังกรอมลูกทองแดง ด้านล่างมีกบ 8 ตัว
อา้ ปากเงยหนา้ ขึ้น (รปู ที่ 12)
ข้อมูลคล่ืนแผ่นดินไหวท่ัวโลก ได้จากการติดต้ังเครือข่ายของเคร่ืองมือวัดแผ่นดินไหวท่ีมีอยู่เป็น
จ�ำนวนมาก ท�ำให้สามารถทราบถึงขนาดและต�ำแหน่ง โดยเคร่ืองมอื วัดแผ่นดินไหวประกอบดว้ ย เคร่ืองรบั
ความสั่นสะเทอื นหรือหัววัด เครื่องแปลงสัญญาณความสั่นสะเทอื นเปน็ สัญญาณไฟฟา้ จากนัน้ ถูกขยายด้วย
ระบบขยายสัญญาณและแปลงกลับมาเป็นการสั่นไหว แล้วบันทึกลงบนกระดาษตลอดเวลา 24 ช่ัวโมง
พร้อมกับมกี ารบันทกึ เวลาอยา่ งต่อเนอื่ งดงั เชน่ เครือ่ งอนาลอ็ กในอดตี หรอื บันทึกเป็นเชิงตวั เลขลงในเครอ่ื งบันทึก
ข้อมูล อยา่ งเช่นเครื่องในปจั จุบัน ท�ำใหท้ ราบวา่ คลน่ื แผ่นดนิ ไหวเดินทางมาถงึ สถานีเม่อื ไหร่ รัศมีการตรวจรับ
คลื่นแผ่นดินไหวสามารถตรวจรับคล่ืนแผ่นดินไหวได้ทั่วโลก การค�ำนวณต�ำแหน่ง เวลาเกิด และขนาด
แผ่นดินไหว หากค�ำนวณคลื่นทีอ่ ยูห่ า่ งจากสถานไี ม่เกนิ 1,000 กโิ ลเมตร จะท�ำให้มคี ่าความคลาดเคล่อื นน้อย
หัววัดแผน่ ดนิ ไหวท่ใี ช้อย่างแพรห่ ลายในปจั จุบันมี 2 แบบ คอื
1) หัววัดแบบความเร็วของคลื่นส่ันสะเทือนพื้นดิน (Velocity Seismometer) เป็นเคร่ืองมือที่
ออกแบบเพ่อื ตรวจวดั ความเรว็ ของคลื่นสัน่ สะเทือนของพืน้ โลก ซึ่งมีทงั้ ระบบช่วงคล่ืนสน้ั (Short-Period
Seismograph, SPS) และชว่ งคลน่ื ยาว (Long-Period Seismograph, LPS) เคร่อื งมอื วัดระบบชว่ งคลื่นสนั้
สามารถตรวจวัดแผ่นดินไหวในรัศมี 500 กโิ ลเมตร ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ส�ำหรับระบบชว่ งคล่นื ยาวนน้ั
สามารถตรวจวดั คล่ืนแผ่นดินไหวระยะไกลไดด้ ี (รูปที่ 13)
2) หัววดั แบบอตั ราเรง่ ของคลื่นส่นั สะเทือนพนื้ ดิน (Accelerometer) เป็นเครือ่ งมอื ท่อี อกแบบเพ่อื
ใชว้ ัดหาค่าอัตราเร่งของพ้ืนดนิ ในบรเิ วณทไี่ ดร้ ับผลกระทบจากแผน่ ดินไหว ซงึ่ วศิ วกรสามารถน�ำคา่ อตั ราเรง่ นี้
ไปใช้ในการออกแบบสง่ิ กอ่ สร้างได้โดยตรง เพ่ือให้มีความปลอดภยั จากภยั พิบัติแผน่ ดนิ ไหว

12 แผ่นดินไหว กบั ประเทศไทย

รปู ที่ 12 เคร่อื งมือวดั แผน่ ดนิ ไหวในอดีตมลี กั ษณะคลา้ ยไหเหล้าท�ำด้วยทองสัมฤทธ์ิ รอบไหมีมงั กร 8 ตวั แต่ละตัวหนั ไปครบ 8 ทิศ
ทป่ี ากมังกรอมลกู ทองแดง ด้านล่างมีกบ 8 ตัว
(คดั ลอกจาก http:// www.tapapa.govt.nz และ http://www.lspace.org/ftp/images/misc/seis mograph.jpg)

รปู ท่ี 13 รปู แบบเครื่องมือวัดแผน่ ดินไหวในแนวราบและแนวด่ิง โดยท่ีแกนเครื่องมือสามารถบนั ทกึ ตลอดเวลา 24 ชว่ั โมง
(ดดั แปลงมาจาก http://instruct.uwo.ca/earth-sci/240a/Part_D.htm)

แผ่นดนิ ไหว กับประเทศไทย 13

ประเทศไทยเร่มิ มรี ะบบตรวจวัดแผน่ ดินไหวเมอื่ ปี พ.ศ. 2506 โดยกรมอตุ นุ ิยมวทิ ยาได้จดั ต้งั สถานี
ตรวจวดั แผน่ ดินไหวแห่งแรก ณ เชงิ ดอยสุเทพ จังหวดั เชียงใหม่ ในระบบเครอื ข่ายไอริส (Incorporated
Research Institutions of Seismology : IRIS) ในปจั จบุ ันซึง่ เป็นเครอื ขา่ ยความร่วมมอื ของสถาบนั การศกึ ษา
หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ซ่ึงบุคคลท่ัวไปสามารถเข้าถึงข้อมูลของเครือข่ายน้ีผ่านอินเทอร์เน็ต ปัจจุบัน
กรมอตุ ุนยิ มวิทยาไดเ้ พม่ิ สถานีวัดแผ่นดนิ ไหวในจังหวดั ตา่ งๆ ทว่ั ประเทศ จ�ำนวนกวา่ 40 สถานี นอกจากนีย้ ังมี
หลายหน่วยงานทีท่ �ำการตรวจวัดแผ่นดนิ ไหวตามภารกิจของหนว่ ยงาน เชน่ สถานวี ัดความสน่ั สะเทือนของ
กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ มีระบบเครือข่ายแบบอะเรย์ (Array) เพ่ือการตรวจจับการทดลองระเบิด
นิวเคลียรใ์ ตพ้ ืน้ ดิน การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย และกรมชลประทานมีการตรวจวดั แผ่นดินไหว บรเิ วณ
รอบเข่ือน และกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการติดต้ังเครื่องมือวัด
แผ่นดินไหวแบบวัดอัตราเร่งของคล่ืนสั่นสะเทือน เพ่ือวิจัยการตอบสนองของอาคารต่างๆ จากความไหว
สะเทอื นของแผ่นดินไหว
กรมทรัพยากรธรณี ได้ด�ำเนินการติดต้ังเครื่องวัดคลื่นส่ันสะเทือนพ้ืนดินพร้อมอุปกรณ์ด้วยระบบ
อตั โนมตั ิ เพื่อติดตามพฤติกรรมการเลอื่ นตวั ของรอยเลื่อนมพี ลัง โดยระหวา่ งปี พ.ศ. 2549 - 2554 ไดต้ ดิ ต้ัง
เครอื่ งมอื วัดความสั่นสะเทอื นพืน้ ดินช่วงคลนื่ ส้นั จ�ำนวน 24 สถานี และระหว่าง พ.ศ. 2556 - 2558 ไดต้ ดิ ตั้ง
เครือ่ งวดั คลืน่ สนั่ สะเทอื นพนื้ ดินชว่ งคลนื่ กวา้ ง (Boardband Seismograph) เพมิ่ อกี จำ� นวน 36 สถานี รวม
ท้งั หมด 60 สถานี และเคร่ืองวัดอตั ราเรง่ พนื้ ดิน (Accelerograph) จำ� นวน 7 สถานี (รูปท่ี 14) นอกจากนไ้ี ด้
ด�ำเนินการเช่ือมโยงข้อมูลการตรวจวัดแผ่นดินไหวแบบ (Real time) ของกรมอุตุนิยมวิทยา จ�ำนวน 30 สถานี
และเครอื ข่ายนานาชาติ จำ� นวน 47 สถานี เข้ากบั ระบบตรวจวดั แผ่นดินไหวของกรมทรัพยากรธรณี เพ่อื ศึกษา
พฤติกรรมการเลื่อนตัวของรอยเล่อื นมีพลงั เมือ่ เกิดแผ่นดินไหว โดยการตรวจหาต�ำแหนง่ ศนู ย์กลางแผน่ ดินไหว
ขนาดแผน่ ดินไหว และระดบั ความลกึ แผน่ ดินไหว จากเครื่องวดั คลื่นสน่ั สะเทือนพืน้ ดินในพนื้ ทป่ี ระเทศไทยและ
บรเิ วณใกลเ้ คียง ท�ำให้สามารถตรวจวดั แผน่ ดนิ ไหวได้อยา่ งรวดเรว็ และมีความแม่นยำ� มากยิง่ ขึ้น ซึ่งจากผล
การศึกษาสามารถตรวจวัดเหตุการณ์การเกิดแผ่นดินไหวทั้งภายในประเทศและบริเวณใกล้เคียงได้ประมาณ
1,500 เหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผน่ ดนิ ไหวขนาดเล็ก (ขนาดตำ�่ กวา่ 3.0) จึงทำ� ให้ทราบถึงบริเวณทีม่ ี
การกระจายตัวของแผ่นดินไหวตลอดจนความถี่ของการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในแต่ละช่วงเวลาได้อย่าง
ละเอียดยงิ่ ข้นึ กวา่ ท่ีผ่านมา

6. การหาจดุ ศูนย์เกิดแผน่ ดินไหว

การหาต�ำแหน่งจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวท่ีดีน้ัน จะต้องมีเครือข่ายครอบคลุมพ้ืนท่ีท่ีเกิดแผ่นดินไหว
รอบดา้ นทงั้ ส่ีทศิ โดยอาศยั หลักการท่วี ่าเมอื่ เกดิ แผน่ ดนิ ไหวจะมคี ลนื่ ปฐมภมู ิ และคลนื่ ทุตยิ ภูมิ แพร่กระจาย
ออกจากจดุ กำ� เนดิ ซง่ึ คลน่ื ท้ังสองมีความเรว็ ท่ีต่างกัน ดังนน้ั เมือ่ สถานหี นง่ึ รบั คล่นื ทัง้ สองแล้ว เวลาท่ีรบั จะ
ตา่ งกนั และสามารถบอกไดถ้ งึ ระยะทางหา่ งของจุดศนู ยเ์ กดิ แผ่นดินไหว แตจ่ ะไมส่ ามารถบอกถงึ ทิศทางได้
ดงั นน้ั สถานีวัดแผ่นดนิ ไหวต่างๆ จะสามารถบอกแต่รศั มขี องการเกิดแผ่นดินไหวหรอื ระยะทางระหว่างสถานี
วดั แผน่ ดนิ ไหวและจดุ ศนู ย์เกดิ แผ่นดนิ ไหวเท่านั้น ย่งิ มากสถานเี ทา่ ไรต�ำแหน่งจุดตัดกันของรศั มแี ต่ละสถานี
ก็จะมาบรรจบกนั ณ จุดเดยี วกัน จงึ สามารถบอกตำ� แหน่งจุดศูนย์เกดิ แผน่ ดินไหวท่ีชดั เจนได้

14 แผ่นดินไหว กับประเทศไทย



หลักการท่ัวๆ ไปในการหาจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กและเป็นแผ่นดินไหวใกล้นั้น ต้องหา
ระยะทางจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปยังสถานีวัดแผ่นดินไหวให้ได้อย่างน้อย 3 สถานี ซึ่งสามารถค�ำนวณหา
ระยะทางถึงจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวได้ โดยเอาเวลาท่ีคลื่นปฐมภูมิมาถึง ลบด้วยเวลาท่ีคล่ืนทุติยภูมิมาถึง
(มีหน่วยเป็นวินาที) คูณด้วยค่าความเร็วเฉล่ียของคลื่นแผ่นดินไหว (มีค่าเท่ากับ 8 กิโลเมตร/วินาที) จะได้
ระยะทางโดยประมาณเป็นกโิ ลเมตร
ระยะทางถึงจุดศูนยเ์ กิดแผน่ ดินไหว = (S - P) x 8
S คอื เวลาทคี่ ลนื่ ปฐมภูมหิ รอื คล่ืนตามยาวเคลอ่ื นทีม่ าจากแหลง่ ก�ำเนิดแผ่นดนิ ไหวถึงสถานี
P คือ เวลาทค่ี ล่ืนทตุ ิยภูมิหรอื คล่นื ตามขวางเคล่อื นท่มี าจากแหลง่ กำ� เนิดแผ่นดินไหวถึงสถานี
คล่ืนแผ่นดินไหวเคล่ือนที่ไปรอบโลก ฉะน้ัน หากเรามีเครื่องมือจ�ำนวนมากกระจายอยู่ทุกประเทศ
ก็สามารถตรวจวัดการเกิดแผ่นดนิ ไหว จากทไ่ี หนกไ็ ด้บนโลกนี้ (รปู ที่ 15 และรปู ท่ี 16)
การเกิดแผ่นดนิ ไหวจะมคี วามสมั พนั ธ์กับการเลื่อนตัวของรอยเลือ่ นบนเปลือกโลกตา่ งๆ โดยแบ่งตาม
ลักษณะการเลื่อนตัวสามารถแบ่งได้ 3 แบบคือ รอยเล่ือนปรกติ (Normal fault) รอยเลื่อนย้อน (Reverse
fault) และรอยเล่อื นตามแนวระนาบ (Lateral strike-slip fault) (รูปที่ 17)
โดยทั่วไปเราเรียกต�ำแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหวจริงๆ ใต้ผิวโลกลึกลงไปว่า จุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
(Earthquake Focus หรอื Hypocenter) และเรยี กตำ� แหนง่ บนพื้นผิวโลกท่คี ลน่ื แผ่นดนิ ไหวเดินทางมาถึง
กอ่ นว่า จุดเหนอื ศูนยเ์ กดิ แผน่ ดนิ ไหว (Epicenter) ซึ่งเป็นต�ำแหน่งบนผวิ โลกเหนอื จดุ ทเี่ กดิ แผ่นดนิ ไหวจริงๆ
หรือเปน็ จดุ ตัดบนผิวโลกจากการลากเสน้ จากจดุ ศูนยก์ ลางของโลกมายงั จดุ ทเ่ี กิดแผ่นดินไหวและตอ่ เลยไปตัด
ผิวโลก (รูปที่ 18) เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น มักจะเกิดแผ่นดินไหวตาม (Aftershocks) หลายครั้ง
ในทางธรณีวิทยาเราสามารถแบ่งชนิดของแผ่นดินไหวตามความลึกได้ 3 แบบ คอื
1) แผ่นดินไหวลึก (Deep earthquake) เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดอยู่ระดับความลึกจากผิวโลก
ระหว่าง 300 - 700 กิโลเมตร มักพบในบรเิ วณท่แี ผ่นเปลือกโลกมุดลงใตอ้ ีกแผน่ หน่ึง พบใกล้กับแนวร่องทะเลและแนว
ภูเขาไฟมีพลงั
2) แผ่นดินไหวลึกปานกลาง (Intermediate earthquake) เป็นแผ่นดินไหวท่ีเกิดอยู่ที่ความลึก
ระหว่าง 70 - 300 กโิ ลเมตร มกั พบในบรเิ วณแผ่นเปลอื กโลกแยกตัว หรือเคลอื่ นทีผ่ า่ นกนั เชน่ สันกลางมหาสมทุ ร
แอตแลนติก
3) แผ่นดินไหวตื้น (Shallow earthquake) เปน็ แผน่ ดนิ ไหวท่เี กดิ ท่ีความลึกนอ้ ยกวา่ 70 กโิ ลเมตร
มักพบในบรเิ วณเดียวกันกับแผน่ ดินไหวระดับปานกลาง

7. ความรา้ ยแรงของแผ่นดนิ ไหว

ความรา้ ยแรงอันเนื่องมาจากแผ่นดนิ ไหวสามารถบอกไดใ้ นรูปของขนาด (Magnitude) และระดบั
ความรุนแรง (Intensity) ของแผ่นดินไหว ซ่งึ ท้งั สองค่านี้แตกตา่ งกัน และมักจะใช้กนั คอ่ นข้างสับสน
ขนาดแผ่นดนิ ไหว เก่ียวขอ้ งกับปรมิ าณของพลงั งานซง่ึ ถกู ปลดปลอ่ ยออกมา ณ ตำ� แหน่งจุดกำ� เนดิ
แผน่ ดนิ ไหว คา่ ขนาดแผน่ ดินไหวนข้ี ้ึนอยกู่ บั ความสงู ของคลื่นแผ่นดนิ ไหวทีบ่ ันทึกได้ดว้ ยเครือ่ งวดั แผน่ ดินไหว
ขนาดแผ่นดินไหวแต่ละครั้งจึงมีได้ค่าเดียว ค่าท่ีบันทึกได้จากเคร่ืองวัดแผ่นดินไหว มิได้เป็นหน่วยวัดเพ่ือ
แสดงผลของความเสยี หายที่เกิดข้นึ

16 แผน่ ดินไหว กบั ประเทศไทย





รูปที่ 15 ตวั อยา่ งกราฟแผ่นดนิ ไหวท่ีได้คา่ ความต่างของเวลาระหว่างคลน่ื P และ S ในการเดินทางจากแหล่งก�ำเนิด
แผ่นดินไหวมาถงึ สถานีฯ 3 แหง่ จากเหตุการณแ์ ผน่ ดินไหวเดยี วกนั
(คัดลอกจาก http://www. indiana.edu/~geol116/week8/wk8.htm)

รูปท่ี 16 ตวั อย่างการหาจุดเหนือศูนยเ์ กดิ แผ่นดินไหวท่ตี รวจวดั ได้จากสถานฯี ท่ีโตเกียว ซานฟรานซสิ โก และซิดนยี ์
(คัดลอกจาก http://www. calstatela.edu/faculty/acolvil/quakes/epi_location.jpg)


แผน่ ดนิ ไหว กบั ประเทศไทย 17

รูปที่ 17 แบบจ�ำลองการเล่อื นตัวของรอยเลื่อนเปลอื กโลกแบบตา่ งๆ
ก) รอยเลือ่ นปรกติ (Normal fault) ข) รอยเลือ่ นย้อน (Reverse fault)
ค) รอยเล่อื นแนวระนาบ (Lateral strike slip fault)
(คดั ลอกจาก http://www.geothai.net)

รปู ที่ 18 การก�ำเนดิ แผน่ ดนิ ไหวตามระนาบของรอยเล่อื น จะส่งพลังงานออกมาในรปู คลื่นแผ่นดินไหวทีป่ ลดปลอ่ ยออก
มาทุกทศิ ทกุ ทาง
(ดดั แปลงจาก http://www.sci.tsu.ac.th/py371/images/stories/3-12.gif)

18 แผน่ ดนิ ไหว กับประเทศไทย

Magnitude,

แผน่ ดนิ ไหว กบั ประเทศไทย 19

20 แผน่ ดนิ ไหว กบั ประเทศไทย

รปู ที่ 19 ระดบั ความรุนแรงของแผ่นดินไหวตามมาตราเมอรค์ ลั ล่ี (Mercalli) มี 12 ระดับ

แผน่ ดนิ ไหว กับประเทศไทย 21

8. แผ่นดนิ ไหวกบั ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้

ภูมิภาคส่วนใหญ่บนพ้ืนผิวโลกมีแผ่นดินไหวขนาดเล็กหรือปานกลางเกิดข้ึนเป็นครั้งคราว แต่บาง
ภมู ิภาคกลบั มแี ผน่ ดินไหวเกิดข้ึนบ่อยครงั้ ทัง้ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีลกั ษณะเป็นแนวยาวตอ่ เนือ่ งกัน
เรียกว่า แนวการไหวสะเทือน (Seismic belts) มักเกิดอย่บู ริเวณ 3 แนวนคี้ ือ (รปู ท่ี 20)
1) แนวภเู ขาไฟและแผน่ ดินไหวรอบมหาสมุทรแปซฟิ กิ หรือเรียกว่า “วงแหวนไฟ” (Ring of fire) ซ่งึ
เกิดแผน่ ดนิ ไหวประมาณร้อยละ 80
2) แนวภูเขาแอลป์-หมิ าลัย เรม่ิ จากอนิ โดนีเซียผา่ นเกาะสุมาตรา สหภาพเมยี นมาร์ เทือกเขาหิมาลยั
เมดิเตอรเ์ รเนียน จนถงึ มหาสมทุ รแอตแลนตกิ
3) แนวสันภูเขาไฟกลางมหาสมทุ รแอตแลนติก อยู่ตามแนวสนั เขากลางมหาสมุทรแอตแลนติกเชอ่ื ม
กบั แนวในด้านตะวนั ออกของแอฟรกิ า
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นย่านแผ่นดินไหวที่ส�ำคัญแห่งหนึ่งของโลก ประกอบด้วย แผ่นเปลือกโลก
จ�ำนวน 4 แผ่น ได้แก่ แผ่นยูเรเชีย แผ่นแปซิฟิก แผ่นอินเดีย - ออสเตรเลีย และแผ่นฟิลิปปินส์ อีกท้ังเป็นที่
บรรจบกันของแนวแผ่นดินไหว 2 แนวคือ แนวลอ้ มมหาสมุทรแปซิฟิก และแนวแอลป์ - หิมาลัย จงึ ทำ� ใหเ้ กิด
แผ่นดินไหวเปน็ จำ� นวนมาก
ประเทศไทยตัง้ อยู่บนแผ่นยเู รเชยี (รปู ท่ี 21) ใกล้รอยต่อระหว่างแผน่ ยูเรเชียกับแผ่นอินเดยี -ออสเตรเลีย
มรี อยเล่ือนอยทู่ างภาคตะวนั ตกและภาคเหนือ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตสหภาพเมยี นมาร์ และทะเลอนั ดามนั

รปู ที่ 20 แนวการไหวสะเทือน (Seismic belts) มกั เกดิ ข้นึ เป็นประจ�ำคอื แนวภเู ขาไฟและแผ่นดนิ ไหวรอบมหาสมทุ รแปซฟิ ิก
แนวภูเขาแอลป-์ หิมาลัย และแนวสนั ภูเขาไฟกลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ
(คัดลอกจาก http://www.topex.ucsd.edu/es10/lectures/ lecture06/plates. gif)

22 แผ่นดินไหว กับประเทศไทย

รูปท่ี 21 ก) แผนทีแ่ สดงธรณแี ปรสณั ฐานของภมู ิภาคเอเชียใต้และตะวันออกของสองเปลือกโลกและการกระจายตัว
ของรอยเล่อื นต่างๆ ระหวา่ งโครงรา่ งเปลือกโลก
ข) แบบจ�ำลองโดยใชเ้ ปลอื กโลกอินเดีย-ออสเตรเลีย ชนเปลอื กโลกยูเรเชีย
ค) ภาพขยายใกล้ของลกั ษณะท่ีปรากฏเม่อื มีการเกิดการชนกนั ขน้ึ
(คัดลอกจาก Tapponnier และคณะ, 1982)

แผน่ ดนิ ไหว กับประเทศไทย 23

9. การศึกษาธรณวี ทิ ยาแผน่ ดินไหวในประเทศไทย

การศกึ ษาธรณีวทิ ยาแผ่นดนิ ไหวเป็นการศึกษาถงึ ลกั ษณะธรณีแปรสัณฐานยคุ ใหม่ (Neotectonics)
และววิ ัฒนาการของโครงสร้างชัน้ หนิ /ชั้นดนิ วา่ เป็นผลมาจากกระบวนการแปรสณั ฐานครั้งใหม่ (ตามธรณกี าล)
ท่ียังมีพลังในปัจจุบัน แต่ถ้าพูดถึงการมีพลัง ย่อมหมายถึงการยังคงการเคล่ือนไหวอยู่ในช่วง 10,000 ปี
(ยคุ โฮโลซนี ) และลกั ษณะธรณีสณั ฐานท่ีปรากฏในปจั จบุ นั ก็มกั เกดิ ขึน้ มาในช่วงน้ี ดังน้ันลักษณะธรณีสัณฐาน
ต่างๆ ทถ่ี กู แปรสณั ฐานจนเกิดการเปล่ยี นแปลงในชว่ งทย่ี าวไมเ่ กิน 1.65 ล้านปี (ยคุ ควอเทอรน์ ารี) จงึ เรียกว่า
ลักษณะธรณีสัณฐานมศี ักยภาพมีพลงั (Potentially active tectonics) สำ� หรบั ธรณสี ณั ฐานท่ีไมม่ กี ารเคลอ่ื น
ตวั ใน 1.65 ล้าน จัดเปน็ ธรณีสัณฐานท่ีไมม่ พี ลัง (Inactive tectonics) และกไ็ มเ่ ปน็ การงา่ ยในการหาอายขุ อง
การแปรสัณฐานเหล่านั้นท่ีสัมพันธ์กับการเกิดแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตามเราอาจพิสูจน์ได้จากหลักฐานทาง
ธรณวี ทิ ยาทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การเลอ่ื นตวั ของรอยเลอ่ื น และการพิจารณาวา่ การเลอ่ื นตวั รอยเลอ่ื นมกี ารเล่อื นตัว
ครั้งใหญ่ที่สุดเม่ือใด นอกจากน้ันการก�ำหนดอายุว่ารอยเล่ือนนั้นมีพลังหรือไม่ ยังข้ึนกับเป้าหมายและ
วัตถุประสงค์ของโครงการในพ้ืนท่ีนั้นๆ อาทิเช่น กรณีการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ก�ำหนดให้
รอยเลอ่ื นมีพลงั เลอื่ นตัวไม่เกนิ 35,000 ปี แตถ่ า้ เปน็ การสรา้ งเขื่อนขนาดใหญ่ มกั กำ� หนดใหก้ ารเล่อื นตวั ไมเ่ กิน
10,000 ปี เป็นตน้ (ตารางท่ี 1) ท้ังนีเ้ พ่อื ความปลอดภัยของสงั คมมนษุ ย์ในการใช้ประโยชน์จากสงิ่ ก่อสร้างน้นั ๆ

ตารางท่ี 1 การจดั จ�ำแนกชนิดของรอยเลอ่ื น (Keller และ Pinter, 1996)

การศึกษาด้านธรณีวิทยาแปรสัณฐาน เร่ิมต้นด้วยการแปลความหมายหาแนวเส้นโครงสร้างทาง
ธรณีวิทยาท่ีปรากฏบนภาพดาวเทียม มองหาลักษณะทางธรณีสัณฐานท่ีบ่งช้ีถึงการเลื่อนตัวคร้ังหลังๆ ของ
รอยเล่ือนที่พาดผ่านในพ้ืนที่น้ันๆ Burbank and Anderson (2001) และ Keller and Printer (1996) ได้ก�ำหนด
ลกั ษณะธรณีสณั ฐานที่บง่ ชีว้ ่าเป็นรอยเล่ือนทม่ี ีพลัง (รปู ที่ 22) มีดังนี้
1) หุบเขาเส้นตรง (linear valley) เป็นลักษณะทางน้�ำที่มีทิศทางการไหลขนานไปกับแนวของ
รอยเลอื่ น หรือไหลในแนวของรอยเลือ่ นเปน็ ระยะทางยาว มกั เกดิ จากรอยเล่อื นท่ีมกี ารเลื่อนตวั ตามแนวระนาบ
(รูปท่ี 22)

24 แผ่นดนิ ไหว กับประเทศไทย

2) พุน้�ำร้อน (hot spring) เป็นปรากฏการณ์ท่ีน้�ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นดินไหลข้ึนมาบนผิวดิน
ตามแนวรอยเลื่อนหรือรอยแตกของเปลือกโลก อันเนื่องมาจากรอยเลื่อนหรือรอยแตกตัดผ่านชั้นน้�ำใต้ดินท่ี
ได้รับความร้อนจากใต้พิภพ ตามแนวรอยเล่ือนมีพลังมักพบมีพุน้�ำร้อนปรากฏให้เห็นบ่อยๆ (รูปที่ 22)

รปู ที่ 22 ลกั ษณะธรณีสัณฐานวทิ ยา ที่ใช้เป็นดชั นีบง่ ชใี้ นการเล่ือนตัวของรอยเล่ือนท่ีมพี ลัง
(คดั ลอกจาก Burbank and Anderson, 2001)

3) ผาสามเหลีย่ ม (triangular facets) เปน็ หน้าผาภเู ขาท่ีมรี ูปรา่ งคล้ายรปู สามเหล่ยี ม ทเี่ กดิ จากการ
เลื่อนตัวของรอยเล่ือนในแนวด่ิงท�ำให้แรกเร่ิมเป็นหน้าผารูปร่างคล้ายส่ีเหล่ียม แล้วถูกกระบวนการกัดเซาะ
ของทางน�ำ้ หลายสายในหบุ เขาปรบั เปลีย่ นหนา้ ผารูปร่างคลา้ ยส่เี หล่ียมใหเ้ ปล่ียนเป็นรูปรา่ งคลา้ ยสามเหลีย่ ม
ให้เหน็ ในปัจจบุ นั (รปู ที่ 23)
4) ธารเหลื่อม (offset streams) เป็นลักษณะการหักงอของทางน�้ำ เกิดจากการเลื่อนตัวของ
รอยเลอื่ นตามแนวระนาบตดั ผา่ นทางน้�ำท่ีไหลตรงๆ จากภูเขาด้านบนส่ทู ี่ราบด้านล่าง ให้มกี ารเปลยี่ นทศิ ทางอยา่ ง
กะทันหนั ซ่ึงมักไหลตง้ั ฉากจากแนวทางนำ้� เดมิ ตามแนวของรอยเลอ่ื นน้ัน แลว้ ไหลวกกลบั มาขนานกบั แนวทาง
น�ำ้ เดิมอีกครัง้ หนงึ่ ระยะของธารเหลื่อมน้ีบง่ บอกค่าการเล่ือนตวั ของรอยเลื่อนนั้นๆ ได้ (รูปที่ 24)
5) ผารอยเลอ่ื น (scarp) เป็นลักษณะหนา้ ผาชันรปู รา่ งคลา้ ยสี่เหล่ียมทเ่ี กิดจากรอยเลอ่ื นเลอ่ื นตัวตดั
ผ่านภูเขา เกดิ ไดท้ ง้ั รอยเล่ือนปรกติ รอยเล่อื นยอ้ นกลบั และรอยเล่อื นตามแนวระนาบ ท�ำใหไ้ ด้หนา้ ผาสูงชนั
แตกต่างระดบั จากทร่ี าบดา้ นล่างอยา่ งชดั เจน ดังรูปที่ 25 และรปู ท่ี 26
6) ธารหวั ขาด (beheaded stream) เป็นลกั ษณะของทางน�้ำช่วงกลางนำ�้ และปลายน�ำ้ ทชี่ ่วงตน้ นำ้�
ขาดหายไป เน่อื งจากทางน�้ำสายตรงถกู รอยเลื่อนตามแนวระนาบตดั ผ่านและน�ำพาทางนำ้� ใหเ้ คลอื่ นท่ีออกไป
เป็นระยะทางไกลจนทางน้�ำชว่ งกลางนำ้� ขาดจากช่วงต้นน้ำ� ของทางน้�ำสายเดมิ หรือไม่มคี วามต่อเนอ่ื งกับชว่ ง
ต้นนำ้� ทำ� ให้ทางน�ำ้ ชว่ งนีไ้ ม่มนี ำ้� ไหลมาเตมิ จากต้นน�ำ้ จนกลายเป็นลำ� น้ำ� แหง้ ปรากฏในปัจจบุ ัน (รปู ที่ 27)

แผ่นดินไหว กับประเทศไทย 25

กข

รปู ท่ี 23 ก) ลกั ษณะผาสามเหลย่ี มของกลมุ่ รอยเลอื่ นเพชรบรู ณ์ บรเิ วณเนนิ เขาดา้ นทศิ ตะวนั ออกของ บา้ นซ�ำบอน อ�ำเภอเมอื งเพชรบรู ณ์
จังหวัดเพชรบรู ณ์
ข) แสดงพฒั นาหนา้ ผาสามเหล่ยี มทเ่ี กิดการเลื่อนตัวของรอยเลือ่ นในแนวดิง่ หลายครัง้
(คดั ลอกจาก Fenton และคณะ, 2003)

I เป็นการเลื่อนตวั ในแนวด่ิงของรอยเล่ือนปรกติคร้งั แรกและได้ผารอยเลอื่ น
II ผารอยเลอื่ นถกู ทางนำ้� กัดเซาะเปลี่ยนสภาพเปน็ ผาสามเหลย่ี ม
III ช่วงที่หยดุ การเลอ่ื นตวั ของรอยเลือ่ น มีการกดั เซาะในแนวราบบริเวณเชิงเขาของฐานผาสามเหล่ียม
IV การเกิดเลอื่ นตัวซำ้� ของรอยเลอื่ นเดมิ และได้ผารอยเลือ่ นขัน้ ท่ีสอง
V ผาถกู กดั เซาะโดยทางน้ำ� ได้ผาสามเหลยี่ มขนั้ ท่สี อง
VI เกิดการกดั เซาะในแนวดง่ิ ของฐานผาสามเหลย่ี มกลายเป็นท่รี าบถอยหล่นออกจากต�ำแหนง่ เดิม (แนวรอยเล่ือน)
VII เกิดการเล่อื นตวั ของรอยเลื่อนอีกคร้ังได้ผารอยเล่อื นขน้ั ทีส่ าม
VIII เกดิ การกดั เซาะของทางนำ�้ ไดเ้ ปน็ ผาสามเหลย่ี ม ชอ่ งแคบทแี่ สดงเปน็ ตะพกั คน่ั ระหวา่ งกลมุ่ ผาสามเหลยี่ มระดบั ตา่ งๆ
บริเวณช่วงเวลาของการหยุดการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนและการพัฒนาผาสามเหลี่ยมซ้อนกันหลายระดับนี้ พบว่า
ผาสามเหล่ยี มชนั้ ลา่ งสดุ มีความลาดชนั มากกว่าชั้นที่อยู่ด้านบนๆ ทีเ่ กดิ ขนึ้ มาก่อน

กข

รปู ท่ี 24 ก) ลักษณะธารเหลื่อมแสดงการเล่ือนตามแนวระนาบแบบเหล่ือมขวาของรอยเล่ือน San Andreas ในสหรัฐอเมริกา
(คัดลอกจาก http://static.panoramio.com/photos/original/120823192.jpg )
ข) แบบจ�ำลองลักษณะธรณสี ณั ฐานธารเหล่ือม
(คัดลอกจาก www.ucsb.edu)

26 แผ่นดนิ ไหว กบั ประเทศไทย





รปู ที่ 25 ก) ลักษณะธรณีสัณฐานผารอยเล่ือนที่เกิดจากรอยเลื่อนตามแนวระนาบเหล่ือมซ้ายร่วมกับรอยเล่ือนปรกติ
ของรอยเลอ่ื น Neodaniในญี่ปุ่น
ข) แบบจ�ำลองแสดงการเกิดผารอยเล่ือนจากรอยเลื่อนปรกติ
(คดั ลอกจาก http://geography.name/tectonic-landforms/)”

กข

รูปท่ี 26 ก) ลกั ษณะธรณีสัณฐานผารอยเลอื่ นจากรอยเลอ่ื นแบบยอ้ นมุมต่�ำของรอยเลอ่ื น Chelungpu ในไตห้ วนั
(คดั ลอกจาก Wen-Shan Chen และคณะ, 2007)

ข) แบบจ�ำลองแสดงการเกิดผารอยเลื่อนจากรอยเล่ือนแบบยอ้ นมมุ ต่ำ�
(คดั ลอกจาก https://earthquake.usgs.gov/learn/ glossary/images/blindthrust.gif)




รูปท่ี 27 ก) ลกั ษณะธารหวั ขาด (beheaded stream) เมอ่ื ถกู รอยเลอ่ื นตดั ฉกี ขาดออกจากกนั โดยเสน้ ทบึ แสดงแนวรอยเลอ่ื น 27
เส้นปะแสดงทางน้ำ�
(คัดลอกจาก www.seismo.ued.edu)
ข) แบบจ�ำลองแสดงการเกิดธารหวั ขาด
(คดั ลอกจาก http://www.gsi.go.jp/common/000001047.gif)”

แผน่ ดนิ ไหว กับประเทศไทย

7) สันก้ัน (shutter ridge) เป็นลักษณะของเนินเขารูปวงรีหรือรูปไข่ ณ บริเวณเชิงเขาวางตัว
ขวางล�ำน้ำ� ทไ่ี หลออกมาจากรอ่ งเขานัน้ ๆ ท�ำใหท้ างนำ้� เปล่ียนทศิ ทางหรือหกั งอไหลไปตามความยาวของเนินเขา
รปู วงรนี ี้ เกดิ จากสันเขาถกู รอยเลือ่ นตามแนวระนาบตัดผา่ น แล้วท�ำให้สันเขานัน้ มีการเลอ่ื นตัวออกไปจากแนวเดมิ
มกั เกิดร่วมกับลักษณะธารเหลือ่ ม (รปู ท่ี 28)
8) ตะพักขั้นบนั ได (bench) เปน็ การพฒั นาลกั ษณะภูมิประเทศอย่างต่อเนือ่ งจากหน้าผาสามเหลี่ยม
เมื่อมีรอยเลื่อนปรกติเกดิ การเลื่อนตัวในแนวดิง่ หลายคร้ัง ก่อให้เกิดการทรดุ ตัวลงของพน้ื ดนิ ที่ บริเวณเชงิ เขา
หลายระดบั คล้ายขั้นบนั ได มักปรากฏอยู่ในระดบั ที่สูงกวา่ ล�ำแม่นำ�้ ท้ังสองฝ่ัง (รูปที่ 29)
9) หุบเขารูปแก้วไวน์ (wine glass) เป็นลกั ษณะของรอ่ งน้ำ� ที่ไหลออกมาจากช่องเขาที่พบว่า ด้านบน
ของชอ่ งเขาเป็นรอ่ งน้�ำกว้างรูปตัวยูแต่ดา้ นลา่ งเป็นรอ่ งน้ำ� รปู ตวั วี ลกั ษณะคล้ายแก้วไวน์ เกิดจากทางน�ำ้ สาย
เก่าท่ีมีร่องน้�ำกว้างเป็นรูปตัวยู ถูกรอยเลื่อนตัดผ่านและเลื่อนตัวลงในแนวด่ิง ท�ำให้ทางน้�ำเปลี่ยนสภาพ
เป็นน�ำ้ ตก และมีการกดั เซาะลึกลงในแนวดิง่ บริเวณฐานของท้องนำ้� ทำ� ให้ไดเ้ กิดรอ่ งน้�ำใหมเ่ ป็นรปู ตวั วี (รปู ที่ 30)
10) หนองหล่ม (sag pond) เปน็ ลักษณะของแอ่งทลี่ มุ่ ตำ�่ ทอ่ี ยูร่ ะหวา่ งขอบของรอยเลอื่ นตามแนว
ระนาบสองแนวทวี่ างตวั เหลื่อมกนั หรอื อยตู่ รงบริเวณส่วนคดโคง้ ของแนวรอยเลอ่ื น พืน้ ท่บี รเิ วณดังกล่าวหาก
รอยเล่ือนทั้งสองแนวหรือส่วนคดโค้งของรอยเลื่อนมีทิศทางการเล่ือนตัวของแรงออกจากกัน จะก่อให้เกิด
แรงดงึ จากรอยเลื่อน ทำ� ให้มกี ารยุบตวั ลงของพนื้ ทส่ี ่วนนั้นเกดิ เปน็ หนองน้ำ� หรอื แอง่ ท่ลี ่มุ ตำ่� (รูปที่ 31)
11) สันแรงดัน (pressure ridge) เป็นลักษณะเนินเขาเล็กๆ ที่พบในขอบเขตรอยเล่ือนหรืออยู่
ระหว่างขอบของรอยเล่ือนตามแนวระนาบสองแนวท่ีวางตัวเหลื่อมกัน หรืออยู่ตรงบริเวณส่วนคดโค้งของ
แนวรอยเลอ่ื น มีลักษณะการเกดิ ท่มี กี ระบวนการตรงขา้ มกับการเกิดหนองหลม่ กลา่ วคอื พน้ื ท่ีบริเวณดังกล่าวไดร้ ับ
แรงอดั จากการเลื่อนตวั ของรอยเล่ือน ท�ำให้พื้นทีส่ ่วนนั้นถูกดนั ตัวข้นึ เป็นเนนิ เขาน้นั เอง (รูปท่ี 32)
12) เนินเขาตีบขนาน (parallel ridge) เป็นลักษณะเนินเขาเล็กๆ ท่ีมีความยาวมากกว่าความกวา้ ง
มากๆ ปรากฏอยสู่ งู ชนั ภายในขอบเขตรอยเล่อื นทีข่ นานกนั 2 แนว เกดิ จากการเล่อื นตัวของรอยเล่อื นตาม
แนวระนาบเป็นส่วนใหญ่

รปู ท่ี 28 ลกั ษณะธรณสี ณั ฐานสนั กนั้ และหนองหลม่ จากการเลอ่ื นตวั ของรอยเลอ่ื นตามแนวระนาบแบบ เหลอื่ มขวา ของรอยเลอื่ น
San Andreas ในสหรฐั อเมรกิ า
(คดั ลอกจากhttp://geotripperimages.com/Tectonic_Processes/Strike-slip%20 faults.htm)”
รปู ที่ 29 ลักษณะธรณีสัณฐานที่เป็นตะพกั ขนั้ บันได ของกลุ่มรอยเลอ่ื นระนอง บรเิ วณบ้านประชาเสรี อ.สวี จ.ชุมพร
(คัดลอกจาก พัชรีภรณ์ หาญพงษ์, 2546)

28 แผ่นดนิ ไหว กบั ประเทศไทย

กข

รูปท่ี 30 ก) หุบเขารูปแก้วไวน์ท่เี กดิ จากรอยเลื่อนปรกตติ ัดผา่ นรอ่ งน�ำ้ ของรอยเลอ่ื นปัว จังหวดั นา่ น
ข) แบบจ�ำลองการเกิดหุบเขารูปแก้วไวน์
(คัดลอกจาก Fenton และคณะ, 1997)

กข

รูปที่ 31 ก) สภาพภูมิประเทศแสดงหนองหล่มที่เกดิ จากการเล่อื นตัวของรอยเลอ่ื นแม่จนั จงั หวัดเชยี งราย
ข) แบบจ�ำลองทศิ ทางแนวแรงดงึ ออกจากกนั ท�ำใหพ้ นื้ ทยี่ บุ ตวั ลงเกดิ เปน็ หนองหลม่ โดยเสน้ ทบึ แสดงแนวรอยเลอ่ื น

(คดั ลอกจาก Keller และ Pinter, 1996)

กข

รปู ท่ี 32 ก) สันแรงดันท่ีเกิดจากเนินเขาหินแกรนิตถูกดันจากการเลื่อนตัวของรอยเล่ือน San Jacinto fault ท�ำให้เกิด
เหตกุ ารณแ์ ผ่นดนิ ไหวขนาด 6.8 รกิ เตอร์ เม่อื ค.ศ.1968 ทางตอนใต้ของรฐั แคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา
(คดั ลอกจาก Sylvester, 1986)
ข) แบบจ�ำลองทศิ ทางแนวแรงอดั เขา้ มากระท�ำ ท�ำให้พน้ื ทีถ่ กู ยกตวั สูงขึน้
(คัดลอกจาก Keller และ Pinter, 1996)

แผ่นดนิ ไหว กับประเทศไทย 29

กรมทรัพยากรธรณีด�ำเนินการส�ำรวจรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทยอย่างเป็นระบบตาม
มาตรฐานสากลในระดับมหภาคครอบคลมุ ทัง้ ประเทศ ระหว่างปี พ.ศ. 2548 – 2558 พบว่า ประเทศไทย
มีรอยเลอื่ นมีพลงั กระจายตัวอยภู่ าคเหนือ ภาคตะวนั ตก และภาคใต้ จำ� นวน 15 กลมุ่ รอยเล่ือนท่พี าดผา่ นพ้นื ท่ี
ตา่ งๆ ใน 22 จังหวัด (รูปที่ 33) ดงั นี้
1) กลุ่มรอยเลื่อนแม่จัน เป็นรอยเลื่อนท่ีมีแนวการวางตัวในทิศเกือบทิศตะวันตก - ตะวันออก มีมุม
เอยี งเทค่อนขา้ งชนั ไปทางทศิ เหนือ มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร พาดผา่ นต้งั แตอ่ �ำเภอฝาง อำ� เภอ
แมอ่ าย จงั หวดั เชียงใหม่ อ�ำเภอแมจ่ นั อำ� เภอเชยี งแสน อ�ำเภอดอยหลวง และอ�ำเภอเชยี งของ จงั หวัดเชียงราย
และต่อเน่อื งไปใน สปป.ลาว มีแหลง่ พนุ ำ�้ ร้อนปรากฏตามแนวรอยเลื่อน 3 แหง่ ท่ยี ังคงมกี ารไหลข้ึนมาและใช้
เปน็ แหล่งท่องเทย่ี วอยูใ่ นปัจจุบันคือ แหล่งพุน้�ำร้อนแม่จัน บา้ นหว้ ยยาโน ต�ำบลปา่ ตึง อ�ำเภอแมจ่ นั จังหวัด
เชยี งราย รอยเลื่อนนต้ี ัดผ่านหนิ แกรนติ เนื้อดอก สว่ นลักษณะหรือพฤตกิ รรมการเล่อื นตัวของรอยเลอ่ื นแม่จนั น้ัน
พบว่าในปัจจุบันมีการเล่ือนตัวตามแนวระนาบเหล่ือมซ้ายเป็นหลัก ตามหลักฐานของธรณีสัณฐาน
ท่ปี รากฏ คือ ธารเหลอื่ ม โดยระยะเหลื่อมของลำ� หว้ ยสาขาย่อยของน้ำ� แมจ่ ัน เปน็ ระยะทางมากกวา่ 600 เมตร
นอกจากนีย้ ังพบลกั ษณะของการเล่อื นตัวออกจากกันของสันเขาทีเ่ รยี กว่า สันเขาเหลอ่ื ม (offset ridge) ธารหวั ขาด
ผารอยเลอ่ื น สันกัน้ และผาสามเหล่ยี ม ลกั ษณะเหลา่ นีป้ รากฏอย่างชดั เจนมากในพนื้ ท่ี ซงึ่ แสดงถงึ ความ
สดใหม่ของธรณีสัณฐาน อนั บง่ ชวี้ า่ เกิดข้ึนมาไม่นานตามธรณกี าล เพราะถ้าระยะเวลาผา่ นไปยาวนาน การผุพงั สกึ กร่อน
ของหินกลายเป็นดินจะปิดทับลบร่องรอยหลักฐานต่างๆ จนหมด จากการตรวจสอบพบว่ารอยเลื่อน
ไดต้ ัดผา่ นเขา้ ไปในตะกอนดินท่เี ปน็ ทุง่ นาปัจจุบัน ซง่ึ ประเมินการเลื่อนตวั ของรอยเลอ่ื นแมจ่ นั ได้วา่ เคยท�ำให้
เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 (Mw) เมือ่ 1,500 ปีล่วงมาแลว้ ในพืน้ ท่บี ้านโป่งปา่ แขม ตำ� บลป่าตงึ อำ� เภอแม่จนั
จงั หวัดเชียงราย ข้อมลู ศนู ย์เกิดแผ่นดินไหวจากเคร่ืองมือตรวจวัดแผน่ ดินไหวในกลุม่ รอยเลือ่ นน้พี บว่า ตัง้ แต่ปี
พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา เกิดแผ่นดนิ ไหวขนาด 3.0 – 4.0 จำ� นวน 10 ครั้ง และมีขนาด 4.0 - 4.5 จำ� นวน 3 ครงั้
นอกจากนย้ี งั มีแผ่นดนิ ไหวทีม่ ศี ูนยเ์ กิดนอกประเทศ แตส่ ง่ ผลกระทบในจังหวัดภาคเหนอื ตอนบน และรบั ร้ไู ด้
ถึงแรงส่นั สะเทือนในอาคารสูงของกรุงเทพมหานคร คอื เมอ่ื วนั ที่ 16 พฤษภาคม 2550 เกิดแผ่นดินไหวขนาด
6.3 มีสาเหตุมาจากการเล่อื นตัวของรอยเลื่อนแม่จันในสว่ นของพ้นื ท่ี สปป.ลาว ส่งผลกระทบใหผ้ นงั อาคาร
หลายหลังในจังหวัดเชียงรายได้รับความเสียหาย และท่ีมีความเสียหายมากคือ เสาอาคารเรียนโรงเรียน
เม็งรายมหาราชวิทยาคม อำ� เภอเมือง จังหวัดเชียงราย ส�ำหรับบริเวณบา้ นเวยี งหนองหล่ม (เช่ือว่าเป็นเมือง
โยนกนครในอดตี ) ท่ีตัง้ อย่ดู ้านทศิ ตะวนั ตกเฉียงใตข้ องอ�ำเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย ซึ่งคน้ พบซากอิฐโบราณ
ของฐานเจดีย์จ�ำนวนมาก จมอยู่ในหนองนำ้� ขนาดใหญ่ และจะโผลข่ ้ึนมาให้เหน็ ในฤดแู ลง้ ซงึ่ ลกั ษณะของ
หนองนำ�้ น้เี กดิ จากการยบุ ตัวอันเนื่องจากการเล่อื นตวั สัมพนั ธก์ นั อยา่ งมีนยั ของสองรอยเลอื่ นหรอื บริเวณสว่ นโคง้
ของรอยเลื่อน อายุของก้อนอิฐโบราณเหล่านี้วัดอายุได้ประมาณ 1,000 ปี ท�ำให้อนุมานได้ว่ามีแผ่นดินไหว
ขนาดใหญ่ได้เกิดข้ึนบรเิ วณนไ้ี ม่เกนิ หนึง่ พันปลี ่วงมาแลว้
2) กลุ่มรอยเลื่อนแมอ่ งิ มแี นวการวางตัวอย่ใู นทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉยี งใต้ เร่มิ ต้ังแต่
อ�ำเภอเทงิ อำ� เภอขุนตาล อำ� เภอเชียงของ และอ�ำเภอเวยี งแก่น ของจังหวดั เชียงราย ยาวตอ่ เน่อื งเข้าไปใน
สปป. ลาว มคี วามยาวประมาณ 70 กิโลเมตร รอยเลื่อนนต้ี ัดผา่ นเชงิ เขาของหินภเู ขาไฟชนดิ หินไรโอไรต์ หินแอนดิไซต์
และหนิ ทฟั ฟ์ รวมทัง้ ตะกอนตะพกั ล�ำนำ้� ลกั ษณะธรณีสัณฐานของรอยเลื่อนกลมุ่ นที้ บี่ ่งบอกถึงความมพี ลัง

30 แผน่ ดินไหว กบั ประเทศไทย



น้นั ประกอบดว้ ย ธารเหล่ือม ตะพกั ข้ันบนั ได และผาสามเหลี่ยม ในส่วนย่อยของรอยเล่ือนน้ีทีย่ าวเขา้ ไปใน
สปป.ลาว แสดงรปู แบบการเล่ือนตัวตามแนวระนาบเหลื่อมซา้ ยจากหลักฐานของการหกั งอของลำ� แมน่ ้ำ� โขง
หรือธารเหลอ่ื มเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร บรเิ วณใกล้บ้านหว้ ยลกึ อำ� เภอเวียงแกน่ จงั หวดั เชียงราย
ซึ่งเป็นการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนส่วนน้ีมาแล้วหลายครั้ง จากการตรวจข้อมูลย้อนหลังไปในอดีตจาก
ร่องส�ำรวจพบว่าเคยเกิดแผ่นดินไหวบริเวณพื้นท่ีบ้านปางค่า ต�ำบลตับเต่า อ�ำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
เมื่อประมาณ 2,000 ปี ดว้ ยขนาด 6.7 มาแลว้ ข้อมูลศนู ยเ์ กดิ แผ่นดนิ ไหวจากเคร่อื งมือตรวจวัดแผน่ ดินไหวในกลุม่
รอยเล่ือนน้ีพบว่า ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.0 - 4.1 จ�ำนวน 5 คร้ัง
โดยเฉพาะแผ่นดินไหวขนาด 4.1 เม่ือวันที่ 25 มีนาคม 2554 ประชาชนในหลายอ�ำเภอ รู้สึกได้ถึง
แรงสนั่ สะเทอื นพ้นื ดนิ
3) กลุ่มรอยเลอ่ื นแมฮ่ อ่ งสอน มีแนวการวางตัวในทิศเหนอื - ใต้ เร่มิ ตั้งแตอ่ ำ� เภอเมอื งแม่ฮอ่ งสอน ผ่าน
อำ� เภอขุนยวม อ�ำเภอแมล่ าน้อย และอ�ำเภอแม่สะเรียง ของจังหวดั แมฮ่ ่องสอน ต่อเนอื่ งลงมาถึงบรเิ วณทิศเหนอื
ของอ�ำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก มีความยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ท่ีไม่ต่อเน่ืองเป็นเส้นเดียวกัน
มกี ารแบง่ เปน็ ส่วนๆ หลายทอ่ น ในพนื้ ท่ีจงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน รอยเลือ่ นกลมุ่ น้ีพาดผา่ นหินตะกอนเป็นสว่ นใหญ่
ประกอบด้วย หินดินดาน หินทราย หินปูน และตะกอนชนิดกรวด ทราย จากการศึกษาพบว่ารอยเล่ือน
แมฮ่ อ่ งสอนมีการเลอ่ื นตวั ในแนวดงิ่ แบบรอยเลือ่ นปรกติ จากหลกั ฐานธรณสี ณั ฐานทปี่ รากฏให้เห็นในปจั จุบัน
ซ่ึงพบว่ามลี ักษณะของตะพักรอยเลอ่ื น สองขา้ งล�ำน�้ำในแอง่ แม่สะเรียงจำ� นวน 4 ระดับอยา่ งชดั เจน โดยเฉพาะ
พ้นื ท่ดี ้านทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ของอำ� เภอเมอื งแม่ฮ่องสอน นอกจากนยี้ งั พบธรณีสณั ฐานของผาสามเหลยี่ ม
ทเ่ี รยี งซ้อนกนั หลายระดับไม่นอ้ ยกว่า 4 ชัน้ ทั้งนีเ้ ป็นผลจากการเล่ือนตวั หลายครั้งของรอยเล่ือนน้ีในอดีต ธรณี
สัณฐานอีกลักษณะหน่ึงท่ีปรากฏเด่นชัดมากในพ้ืนที่อ�ำเภอแม่สะเรียงเป็นลักษณะทางน�้ำแบบหุบเขา
รูปแกว้ ไวน์ ซ่ึงแสดงถงึ ว่าพ้นื ทน่ี ีม้ กี ารยกตัวอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั ซ่งึ สง่ ผลใหท้ างน้�ำกัดเซาะลกึ ลงดา้ นล่าง
มากกว่าการกัดเซาะด้านข้าง ในพื้นที่ของรอยเลื่อนแมฮ่ ่องสอนมีแผน่ ดนิ ไหวขนาดเล็กและขนาดปานกลาง
เกดิ ข้ึนบ่อยหลายครั้ง ทสี่ �ำคญั เป็นเหตกุ ารณเ์ ม่อื วนั ที่ 1 มนี าคม 2532 เกดิ แผน่ ดินไหวขนาด 5.1 มศี ูนยเ์ กิด
ในตอนเหนือของรอยเล่ือนในพ้ืนท่ีของสหภาพเมียนมาร์ ประชาชนรู้สึกได้ในหลายจังหวัดภาคเหนือของ
ประเทศไทย
4) กลุ่มรอยเล่อื นแมท่ า เป็นกล่มุ รอยเล่อื นท่ีมหี ลายส่วนรอยเลอ่ื นแยกเป็นเขตๆ เมอื่ ดูภาพรวมแลว้ คลา้ ย
อักษรตวั เอส ซงึ่ แตล่ ะเขตรอยเลื่อนมีลักษณะการเลอื่ นตัวที่แตกต่างกัน เริม่ จากการวางตวั ในทศิ เหนือ - ใต้
ในพืน้ ทอ่ี ำ� เภอพรา้ ว ผ่านลงมาในเขตอ�ำเภอดอยสะเกด็ ของจังหวัดเชยี งใหม่ มีการเล่ือนตัวแบบรอยเลือ่ น
ปรกติ แล้วบดิ ไปทิศตะวนั ออกเฉยี งใตใ้ นพนื้ ทีอ่ �ำเภอสนั กำ� แพง มกี ารเลอ่ื นตัวแบบรอยเล่ือนตามแนวระนาบ
เหล่ือมขวา แลว้ วกมาทางทศิ ตะวันตกเฉียงใตข้ นานตามลำ� น�ำ้ แมท่ า ในพนื้ ทอ่ี �ำเภอแมท่ า จงั หวดั ล�ำพูน มีการ
เลือ่ นตวั แบบรอยเลอ่ื นตามแนวระนาบเหล่ือมซา้ ย มคี วามยาวรวมท้งั หมดประมาณ 100 กิโลเมตร รอยเล่อื น
น้ตี ดั ผ่านชัน้ หนิ ทรายช้ันหนาเนือ้ แนน่ หนิ ดินดาน และหินแกรนติ รอยเล่อื นนปี้ รากฏมีพุน้ำ� ร้อนหลายแห่ง
เช่น พนุ ้�ำร้อนสันกำ� แพง ซึง่ มคี วามสมั พันธ์กับการเกิดแผน่ ดินไหวขนาดเล็กบ่อยครงั้ ส่วนเหนอื ของรอยเล่ือน
ในเขตอ�ำเภอพรา้ ว ยังคงมแี ผ่นดินไหวขนาดเลก็ - ขนาดปานกลางเกดิ ขน้ึ เป็นประจ�ำ ลักษณะธรณสี ณั ฐานของ
รอยเลือ่ นกลุ่มน้ี คือ ผาสามเหลี่ยม ตะพกั รอยเลอ่ื น และธารเหลอ่ื ม ปรากฏอยา่ งชัดเจนตลอดแนว จากการ
ตรวจขอ้ มูลยอ้ นหลังไปในอดีตจากร่องส�ำรวจพบวา่ เคยเกิดแผ่นดินไหวบริเวณพนื้ ทบี่ า้ นทาปลาดกุ ต�ำบลทาปลาดกุ
อ�ำเภอแม่ทา จังหวัดล�ำพูน เมื่อประมาณ 2,000 ปี ด้วยขนาด 6.8 มาแล้ว เหตุการณ์แผ่นดินไหว
ครั้งส�ำคัญเกิดขึ้นเมอื่ วันท่ี 13 ธนั วาคม 2549 มศี นู ย์เกิดท่ีอำ� เภอแม่ริม จงั หวัดเชียงใหม่ ด้วยขนาดแผ่นดินไหว
5.1 แรงสั่นสะเทือนท�ำให้บ้านเรือนมีผนังร้าวในหลายอ�ำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ หากย้อนหลังไปก่อนหน้านี้

32 แผ่นดินไหว กับประเทศไทย

เมอ่ื วันท่ี 21 ธนั วาคม 2538 พบวา่ เกิดแผน่ ดินไหวขนาด 5.2 มศี นู ย์เกิดที่อ�ำเภอพร้าว ประชาชนรสู้ กึ ไดท้ ว่ั จงั หวัด
เชียงใหม่ เชียงราย ล�ำพนู ล�ำปาง พะเยา และแมฮ่ อ่ งสอน
5) กลุ่มรอยเลื่อนเถิน มีทิศทางการวางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉียงใต้ ตัดผ่าน
เชิงเขาบรเิ วณรอยต่อระหวา่ งแอ่งแพร่ และแอง่ ลำ� ปาง คอื รอยเลือ่ นพาดผ่านตั้งแตอ่ ำ� เภอเมืองแพร่ ลงมาสูพ่ ้นื ท่ี
อ�ำเภอสงู เม่น อ�ำเภอลอง และอำ� เภอวังชิ้น ของจังหวดั แพร่ แลว้ ยาวตอ่ เนอ่ื งลงมาในพ้นื ที่อำ� เภอแมท่ ะ อำ� เภอ
สบปราบ และอ�ำเภอเถนิ ของจงั หวดั ล�ำปาง มีความยาวรวมท้งั หมดประมาณ 180 กโิ ลเมตร รอยเลอื่ นนี้
ประกอบด้วย 12 ส่วนคือ ส่วนรอยเล่ือนเถิน ส่วนรอยเล่ือนแพร่ตะวันตก ส่วนรอยเล่ือนแพร่ตะวันออก
ส่วนรอยเล่ือนลอง ส่วนรอยเล่ือนดอนโตน ส่วนรอยเล่ือนแม่เมาะ ส่วนรอยเลื่อนแม่จาง ส่วนรอยเล่ือน
ดอยต้นง้นุ สว่ นรอยเลอ่ื นสบปราบ ส่วนรอยเลอื่ นวงั ช้ิน และส่วนรอยเลอื่ นแมจ่ อง กลมุ่ รอยเลอ่ื นนีแ้ สดงลักษณะ
ธรณีวทิ ยาโครงสร้างและธรณีสณั ฐานที่แสดงถงึ การเลื่อนตัวครง้ั ใหมๆ่ เปน็ จำ� นวนมาก ก่อให้เกดิ หน้าผาชัน
หลายแหง่ การเล่ือนตวั ครงั้ ใหมๆ่ อยูบ่ รเิ วณขอบแอ่งตะกอนดา้ นลา่ งใกลท้ ี่ราบลุ่ม จากภาพดาวเทียมเห็น
ลักษณะหน้าผาสามเหล่ียมท่ีเรียงรายหลายอันต่อเนื่องกันเป็นแนวยาวท่ีชัดเจนมากอยู่ที่บริเวณ
ดา้ นทิศตะวนั ออกของอำ� เภอสบปราบ และการเล่อื นตัวตามแนวระนาบกพ็ บหลกั ฐานชัดเจนจากการหักงอของทางน�้ำ
หลายสาขาไปในทิศทางเดียวกัน ดงั เช่นพื้นทบี่ ้านมาย อำ� เภอแมท่ ะ จังหวดั ล�ำปาง ทางนำ้� ท่ตี ดั ผา่ นรอยเลื่อน
บริเวณนี้ถูกตดั ในลกั ษณะเหล่อื มซ้าย โดยมรี ะยะของการเลอื่ นตวั ประมาณ 500 เมตร จากการตรวจขอ้ มลู
ในอดีตจากรอ่ งส�ำรวจพบว่าเคยเกิดแผน่ ดนิ ไหวบรเิ วณพื้นทีบ่ ้านปางง้นุ ต�ำบลแม่สรอย อำ� เภอวังช้ิน จังหวดั แพร่
เมอ่ื ประมาณ 2,000 ปี ด้วยขนาด 6.6 มาแล้ว หากนับยอ้ นหลังไปในชว่ ง 20 ปีที่ผ่านมาพบว่าเกดิ แผ่นดนิ ไหว
ในพ้ืนท่ีของกลุ่มรอยเล่ือนเถิน ด้วยขนาด 3.0 – 5.0 จ�ำนวนมากกว่า 20 คร้ัง ซึ่งถือว่าเป็นพื้นท่ีที่เกิด
แผ่นดนิ ไหวค่อนขา้ งบอ่ ยมาก
6) กลุ่มรอยเล่ือนปัว มีทิศทางการวางตัวในแนวทิศเหนือ - ใต้ มีมุมเอียงเทไปทางทิศตะวันตก จัดเป็น
รอยเลื่อนปรกติ เปน็ รอยเล่อื นท่ีมกี ารวางตัวเปน็ แนวยาวรายรอบด้านทิศตะวนั ออกของแอ่งปวั เปน็ สว่ นใหญ่
เรมิ่ ตงั้ แต่บริเวณรอยตอ่ ของประเทศไทย - สปป.ลาว เรื่อยลงมาในพนื้ ทีข่ องอำ� เภอทุ่งชา้ ง อำ� เภอเชียงกลาง
อ�ำเภอปวั และตอ่ เนื่องถึงอำ� เภอสนั ติสุข ของจังหวัดนา่ น มคี วามยาวรวมทงั้ หมดประมาณ 110 กโิ ลเมตร รอยเล่อื น
นี้ประกอบด้วย 3 ส่วนคอื ส่วนรอยเลื่อนทุง่ ช้าง สว่ นรอยเลอ่ื นปัว และส่วนรอยเลื่อนสนั ตสิ ุข โดยตอนเหนือ
บริเวณส่วนรอยเล่ือนทุ่งช้างเป็นแนวค่อนข้างตรง ตอนกลางบริเวณส่วนรอยเล่ือนปัวโค้งเว้าไปทิศ
ตะวนั ตกเฉยี งใต้ สว่ นบริเวณส่วนรอยเลือ่ นสนั ติสขุ มลี กั ษณะเปน็ แนวตรง จากภาพดาวเทยี มและภาพถา่ ย
ทางอากาศบรเิ วณทิศใต้ของอ�ำเภอทุ่งชา้ ง พบเนนิ ตะกอนน้ำ� พารูปพดั ถูกตัดโดยรอยเลอื่ นอยา่ งชดั เจนมาก
มลี ักษณะธรณีสัณฐานของผารอยเลอ่ื นทหี่ ันหน้าไปทศิ ตะวันตก ความสูงและความคมชดั ค่อยๆ ลดลงจากพ้ืนที่
ตอนเหนือไปยังตอนใต้ พรอ้ มทัง้ มีลกั ษณะผาสามเหลี่ยม และหุบเขารปู แกว้ ไวน์ สว่ นรอยเลอื่ นทงุ่ ชา้ งแสดง
ผารอยเล่อื น 2 ระดับ โดยมีความสูงต้งั แต่ 6 - 10 เมตร ส�ำหรบั สว่ นรอยเล่อื นสันตสิ ุข พบว่าชัน้ ดนิ ตะกอน
ยุคปจั จุบนั ซง่ึ เกิดในลำ� ดบั ชุดชัน้ กรวดตะกอนน�้ำพา และช้ันดินเหนียว ถกู รอยเลื่อนตัดผา่ น จากการตรวจขอ้ มูล
ในอดีตจากรอ่ งสำ� รวจพบวา่ เคยเกิดแผน่ ดนิ ไหวบรเิ วณพน้ื ท่บี ้านหวั น้ำ� ต�ำบลศิลาแลง อำ� เภอปัว จงั หวัดนา่ น
เมือ่ ประมาณ 2,000 ปี ด้วยขนาด 6.7 มาแล้ว หากสืบคน้ ขอ้ มูลศูนยเ์ กดิ แผ่นดนิ ไหวพบว่าเมื่อวันท่ี 13
พฤษภาคม 2478 ได้เกดิ แผ่นดนิ ไหวขนาด 6.5 ในบรเิ วณรอยต่อของประเทศไทย - สปป.ลาว ซง่ึ เชอื่ ว่าเป็น
อทิ ธพิ ลของการเลือ่ นตวั ของรอยเลื่อนปัว
7) กลมุ่ รอยเลอ่ื นอตุ รดิตถ์ มแี นวการวางตวั ในทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉยี งใต้ มีมมุ เอียงเท
ไปทิศตะวันตกเฉยี งเหนือ มคี วามยาวประมาณ 130 กิโลเมตร รอยเลอ่ื นน้ีประกอบด้วย 6 ส่วนคอื สว่ นรอยเลือ่ น
อตุ รดติ ถ์ ส่วนรอยเลื่อนน้�ำปาด ส่วนรอยเลื่อนฟากทา่ สว่ นรอยเลือ่ นทองแสนขนั สว่ นรอยเลอื่ นนำ�้ นา่ น

แผ่นดนิ ไหว กบั ประเทศไทย 33

และส่วนรอยเล่อื นทา่ ปลา รอยเลื่อนนเี้ ร่ิมปรากฏใหเ้ ห็นชัดเจนตงั้ แตอ่ �ำเภอฟากท่า ยาวลงมาในพ้ืนทอ่ี ำ� เภอ
น้�ำปาด อ�ำเภอทองแสนขนั ของจังหวดั อตุ รดติ ถ์ และต่อเนือ่ งถงึ อำ� เภอพิชัย ของจงั หวดั พิษณุโลก กลุ่มรอยเล่ือน
น้ีอยู่ในพืน้ ที่แคบๆ เปน็ แนวยาว โดยมีความกวา้ งของเขตรอยเล่อื นไม่เกิน 4 กิโลเมตร ซ่ึงพาดผ่านเขา้ ไปใน
แอ่งตะกอนที่ถูกปิดทับด้วยชั้นหนาของตะกอนน�้ำพา ที่เป็นพื้นที่แปลงนาข้าวในปัจจุบันนั้นเอง รอยเลื่อน
อุตรดติ ถม์ ีอิทธพิ ลตอ่ สภาพภูมิประเทศของพืน้ ท่ีนีเ้ ปน็ อย่างมาก อาทเิ ช่น พื้นทีอ่ ำ� เภอฟากทา่ มลี ักษณะเปน็
ผารอยเลื่อนที่เป็นแนวตรงหันหนา้ ไปทางทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนอื พรอ้ มท้งั มผี าสามเหล่ยี มทีบ่ ริเวณบ้านฟากนา
ปรากฏหลกั ฐานของผารอยเล่อื นท่ชี ันเจนมาก และบรเิ วณปากห้วยไพร มเี นนิ ตะกอนนำ�้ พารูปพดั ถกู รอยเลื่อน
ตัดเล่ือนออกจากกนั แบบเหลอ่ื มซา้ ย ส่วนพืน้ ที่บา้ นปางหมิ่น อำ� เภอทองแสนขนั พบวา่ สว่ นรอยเลือ่ นนย้ี าว
ตอ่ เนอื่ งประมาณ 1.5 กิโลเมตร ปรากฏอยู่ ณ บริเวณรอยต่อของชัน้ ตะพักเชิงเขากับพน้ื ที่ราบลุ่มทม่ี ีระดบั
ของพ้ืนที่แตกต่างกนั ในลักษณะผารอยเลื่อนสงู 2 เมตร นอกจากน้ียงั พบวา่ มธี รณีสณั ฐานของธารเหลือ่ มซ้าย
ของลำ� ห้วยสาขาของห้วยนำ�้ ลอกเปน็ ระยะทาง 2 เมตร รอยเล่ือนอุตรดติ ถ์มีลกั ษณะการเล่อื นในแนวดงิ่ แบบ
รอยเล่ือนย้อนและเล่ือนตัวตามแนวระนาบเหลื่อมซ้าย จากการตรวจข้อมูลในอดีตจากร่องส�ำรวจพบว่า
เคยเกิดแผ่นดินไหวบริเวณพื้นท่ีบ้านโพนดู่ ต�ำบลสองคอน อ�ำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อประมาณ
3,000 ปี ดว้ ยขนาด 6.3 และพื้นท่บี า้ นหนองแฮ้ว ต�ำบลเด่นเหล็ก อำ� เภอน้ำ� ปาด จงั หวดั อุตรดิตถ์ เมื่อ
ประมาณ 4,000 ปี ด้วยแผ่นดนิ ไหวขนาด 7.1 เม่ือสืบค้นขอ้ มลู พบว่าเมอื่ วันท่ี 25 มถิ นุ ายน 2541 ไดเ้ กดิ
แผ่นดินไหวขนาด 3.2 ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก มีศูนย์เกิดบริเวณอ�ำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์
ประชาชนรู้สึกได้ในหลายอ�ำเภอรวมทั้งอ�ำเภอเมืองอุตรดิตถ์
8) กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา เป็นรอยเลื่อนท่ีมีการวางตัวในแนวเกือบทิศเหนือ - ใต้ ค่อนมาทางทิศ
ตะวันตกเฉียงเหนอื ซึ่งปรากฏอยบู่ ริเวณดา้ นทิศตะวันตกของขอบแอ่งพะเยาบรเิ วณเขตรอยตอ่ ระหวา่ งอ�ำเภอพาน
ของจังหวัดเชียงราย อ�ำเภอเมือง ของจังหวัดพะเยา และอ�ำเภอวังเหนือ ของจังหวัดล�ำปาง รอยเลื่อนน้ีมี
ความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร รอยเลื่อนน้ีประกอบดว้ ย 7 ส่วนคือ ส่วนรอยเลือ่ นพะเยา สว่ นรอยเลอื่ นพาน
สว่ นรอยเล่อื นแม่ใจ ส่วนรอยเล่อื นแจห้ ่ม ส่วนรอยเลอื่ นเมืองปาน ส่วนรอยเลื่อนแจ้ซอ้ น และส่วนรอยเลอื่ น
เวียงป่าเป้า แสดงลักษณะของผารอยเลื่อนหลายแนวและต่อเนื่องเป็นแนวตรง หันหน้าไปทิศตะวันออก
บริเวณอำ� เภอวังเหนอื มีผารอยเล่ือนท่สี งู 200 เมตร ทางน้�ำสาขาตา่ งๆ ทตี่ ัดผ่านผารอยเลื่อนน้ี แสดงร่องรอย
กัดเซาะลงแนวดิ่งลึกมากจนถึงชั้นหินดาน ซึ่งแสดงว่ารอยเลื่อนยังคงมีพลังไม่หยุดน่ิงจวบจนปัจจุบัน ซ่ึง
สอดคล้องกับกรณีทเ่ี กดิ เหตุการณแ์ ผ่นดนิ ไหวขนาด 5.2 เมอื่ วนั ท่ี 11 กันยายน 2537 มีจุดเหนอื ศูนย์เกิด
แผ่นดนิ ไหวอย่ใู นเขตอ�ำเภอพาน จังหวดั เชยี งราย ทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งมากกบั โรงพยาบาลอ�ำเภอพาน
จนต้องทุบท้ิงสร้างใหม่ รวมท้ังส่งผลกระทบกับวัด และโรงเรียนต่างๆ ในอ�ำเภอพาน นอกจากนี้ยังมี
แผน่ ดนิ ไหวเกดิ ขึ้นอกี หลายครง้ั ในปี พ.ศ. 2538 และ 2539 ในพ้ืนทีจ่ งั หวัดพะเยา และจงั หวดั เชยี งราย
9) กลุ่มรอยเล่ือนแม่ลาว เป็นรอยเล่ือนทม่ี กี ารวางตวั ในแนวทศิ ตะวันออกเฉียงเหนอื - ตะวันตกเฉยี งใต้
ที่พาดผา่ นอำ� เภอแม่สรวย อ�ำเภอแม่ลาว และอำ� เภอเมืองเชียงราย ของจงั หวัดเชียงราย รอยเลอื่ นน้มี ีความยาว
ประมาณ 80 กโิ ลเมตร รอยเล่อื นนี้ประกอบด้วย 2 สว่ นคือ สว่ นรอยเล่ือนแม่ลาว และส่วนรอยเลอ่ื นแมก่ รณ์
โดยล่าสุดผลจากการเลือ่ นตวั ของรอยเลอ่ื นแมล่ าวทำ� ให้เกดิ เหตุการณ์แผน่ ดนิ ไหวขนาดใหญท่ ี่สุดในประเทศไทย
ในรอบกวา่ 50 ปี คอื เหตกุ ารณแ์ ผ่นดนิ ไหวขนาด 6.3 เม่ือวนั ท่ี 5 พฤษภาคม 2557 มจี ดุ เหนือศูนย์
เกิดแผน่ ดินไหวอยใู่ นเขตต�ำบลดงมะดะ อ�ำเภอแมล่ าว จงั หวดั เชียงราย ทำ� ให้เกดิ ความเสียหายอย่างมาก
ตอ่ บา้ นเรือนและทรัพยส์ ินของประชาชน โรงเรยี น วัด และโรงพยาบาล ในอำ� เภอแมล่ าว อ�ำเภอแม่สรวย
และอำ� เภอพาน สามารถรบั รแู้ รงสนั่ สะเทอื นถงึ ตึกสงู ในกรงุ เทพมหานคร โดยตรวจวดั แผน่ ดนิ ไหวตามได้มากกวา่
รอ้ ยครงั้ และนอกจากนีใ้ นบริเวณน้ีเคยเกิดแผ่นดนิ ไหวขนาดเล็กถงึ ขนาดปานกลาง บ่อยครั้งมากในรอบ 10 ปี

34 แผ่นดินไหว กบั ประเทศไทย

ท่ีผ่านมา รวมทั้งในปี พ.ศ. 2558 – 2559 ก็เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กตรวจวัดศูนย์เกิดได้หลายคร้ังในพ้ืนที่
อ�ำเภอแม่ลาว และอ�ำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
10) กลุ่มรอยเล่ือนเมย รอยเลื่อนนี้อยู่แนวเดียวกันกับรอยเล่ือนปานหลวงแต่ไม่ได้ต่อเน่ืองกัน
รวมทั้งไม่ได้ต่อเน่ืองกับรอยเลื่อนสะกาย ในเขตสหภาพเมียนมาร์ รอยเลื่อนเมยเริ่มต้นปรากฏในเขตพื้นที่ของ
สหภาพเมียนมาร์ยาวต่อเน่ืองเข้าเขตประเทศไทยบริเวณล�ำน้�ำเมย ที่บ้านท่าสองยาง อ�ำเภอท่าสองยาง
จังหวัดตาก ตามแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ - ตะวันออกเฉียงใต้ พาดผ่านอ�ำเภอแม่ระมาด อ�ำเภอแม่สอด
อ�ำเภอพบพระ อ�ำเภอเมืองตาก อ�ำเภอวังเจ้า ของจังหวัดตาก อ�ำเภอโกสัมพีนคร และอ�ำเภอคลองลาน ของ
จังหวัดก�ำแพงเพชร มีความยาวรวมประมาณ 260 กิโลเมตร โดยตัดผ่านช้ันหินแปรชนิดหินไนส์ หินปูน หินทราย
สลับหินดินดาน และหินแกรนิต ธรณีสัณฐานที่ส�ำคัญท่ีพบคือ ธารเหล่ือม สันกั้น หุบเขาเส้นตรง และผา
รอยเล่ือน หลักฐานของธารเหลื่อมปรากฏชัดเจนที่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านท่าสองยาง ของ
อ�ำเภอท่าสองยาง ล�ำห้วยขนาดเล็กถูกตัดให้หักเหลื่อมเป็นระยะทาง 500 เมตร และบ่งบอกว่าเป็นรอยเลื่อน
ตามแนวระนาบเหล่ือมขวา การเล่ือนตัวของรอยเล่ือนเมยก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งส�ำคัญในประเทศไทย เม่ือ
วันท่ี 17 กุมภาพันธ์ 2518 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 มีศูนย์เกิดที่บ้านท่าสองยาง อ�ำเภอท่าสองยาง
ประชาชนรู้สึกได้หลายจังหวัดในภาคเหนือ รวมท้ังกรุงเทพมหานคร
11) กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ เป็นรอยเลื่อนท่ีพาดผ่านด้านทิศตะวันตกของประเทศไทย วางตัวในทิศ
ตะวันตกเฉียงเหนือ - ตะวนั ออกเฉียงใต้ เรมิ่ ต้นพาดผา่ นพ้นื ท่ีของสหภาพเมียนมาร์ตอ่ เนื่องเขา้ เขตประเทศไทยใน
พื้นท่ีอ�ำเภออุ้มผาง ของจังหวัดตาก อ�ำเภอทองผาภูมิ ของจังหวัดกาญจนบุรี พาดผ่านอุทยานแห่งชาติ
ห้วยขาแข้ง อ�ำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ต่อเน่ืองมา อ�ำเภอศรีสวัสดิ์ อ�ำเภอหนองปรือ และอ�ำเภอบ่อพลอย
ของจังหวัดกาญจนบุรี และอ�ำเภอด่านช้าง ของจังหวัดสุพรรณบุรี รอยเล่ือนน้ีวางตัวขนานมากับล�ำแม่น้�ำ
แควใหญ่ มีความยาวรวมประมาณ 220 กิโลเมตร รอยเลื่อนนี้ตัดผ่านชั้นหินดินดาน หินทราย และหินปูน
เป็นส่วนใหญ่ ลักษณะธรณีสัณฐานท่ีแสดงถึงความมีพลัง เช่น ธารเหล่ือม ธารหัวขาด หุบเขาเส้นตรง และผา
สามเหล่ียม บริเวณบ้านแก่งแคบ ต�ำบลท่ากระดาน อ�ำเภอศรีสวัสด์ิ จังหวัดกาญจนบุรี พบว่าแนวรอยเล่ือน
ส่วนย่อยมีความยาว 15 กิโลเมตร ที่แสดงธรณีสัณฐานของผาสามเหล่ียมจ�ำนวน 20 แห่ง และมี
ลักษณะของธารเหลื่อมของล�ำห้วยตะเคียน ห้วยฝาง และห้วยสะด่อง ในแบบหักเหล่ือมขวาเป็นระยะทาง
100 เมตร 50 เมตร และ 250 เมตร ตามล�ำดับ จากการศึกษาประวัติการเล่ือนตัวในโบราณกาลของรอยเล่ือน
ศรีสวัสด์ิจากร่องส�ำรวจพบว่าเคยเกิดแผ่นดินไหวบริเวณบ้านแก่งแคบ เมื่อประมาณ 1,000 ปี ด้วยขนาด 6.4
มาแล้ว ท้ังน้ีจากการตรวจวัดด้วยเคร่ืองมือวัดแผ่นดินไหวพบว่าเมื่อวันท่ี 22 เมษายน 2526 ได้เกิดแผ่นดินไหว
มีศูนย์เกิดอยู่บริเวณอ่างเก็บน�้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ใกล้ล�ำห้วยแม่พลู เกิดขึ้นตามแนวรอยเล่ือนศรีสวัสดิ์
ด้วยขนาด 5.9 สามารถรบั รแู้ รงส่นั สะเทือนไดถ้ งึ กรุงเทพมหานคร และมแี ผน่ ดินไหวตามมาเกิดข้ึนอกี มากกวา่ รอ้ ยคร้งั
12) กลุ่มรอยเล่ือนเจดีย์สามองค์ เป็นรอยเล่ือนที่อยู่ด้านทิศตะวันตกของประเทศไทยที่มี
ความส�ำคัญมากต่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร เป็นรอยเลื่อนท่ีเร่ิมปรากฏข้ึนในเขตสหภาพเมียนมาร์เข้าสู่
ตะเข็บชายแดนประเทศไทยบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ อ�ำเภอสังขละบุรี พาดผ่านอ�ำเภอทองผาภูมิ อ�ำเภอศรีสวัสด์ิ
อำ� เภอเมอื งกาญจนบรุ ี และสน้ิ สดุ บรเิ วณอำ� เภอดา่ นมะขามเตยี้ จงั หวดั กาญจนบรุ ี โดยวางตวั ขนานกบั ลำ� แมน่ ำ�้ แควนอ้ ย
มคี วามยาวรวมประมาณ 200 กโิ ลเมตร รอยเลอ่ื นตดั ผา่ นชนั้ หนิ ปนู หนิ ทราย และหนิ ดนิ ดาน หลกั ฐานทางธรณสี ณั ฐาน
ซ่ึงแสดงถึงการได้รับอิทธิพลจากกระบวนการแปรสัณฐานยุคใหม่ หรือบ่งบอกยังคงความมีพลังอยู่ในปัจจุบัน
เช่น ธารเหล่ือม ผารอยเล่ือน ธารหัวขาด สันกั้น หนองหล่ม พุน้�ำร้อน และผาสามเหลี่ยมซึ่งบ่งช้ีว่า
รอยเล่ือนน้ีเล่ือนตัวตามแนวระนาบเหลื่อมขวาและตามแนวดิ่งแบบรอยเล่ือนย้อน จากการศึกษาประวัติ

แผ่นดินไหว กบั ประเทศไทย 35

การเลื่อนตัวในโบราณกาลของรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์จากร่องส�ำรวจบริเวณบ้านทิพุเย ต�ำบลชะแล
อ�ำเภอทองผาภูมิ พบว่าเคยเกิดแผ่นดินไหวในอดีตมาแล้วด้วยขนาด 6.4 เมื่อประมาณ 2,000 ปีล่วงมาแล้ว
13) กลุ่มรอยเล่ือนระนอง วางตัวในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉียงใต้ เร่ิมตั้งแต่ในทะเล
อันดามนั ตามหลักฐานการส�ำรวจปิโตรเลยี มข้นึ แผน่ ดินที่อำ� เภอตะกว่ั ป่า และอ�ำเภอครุ ะบรุ ี ของจงั หวัดพงั งา
ต่อเนอ่ื งมายงั พน้ื ที่อ�ำเภอสขุ ส�ำราญ อ�ำเภอกะเปอร์ อำ� เภอเมืองระนอง อำ� เภอละอุ่น และอ�ำเภอกระบรุ ี
ของจงั หวดั ระนอง พาดผา่ นพื้นที่อ�ำเภอพะโต๊ะ อำ� เภอสวี อำ� เภอเมอื งชมุ พร และอำ� เภอท่าแซะ ของจงั หวัดชุมพร
และต่อเนอื่ งไปในพื้นที่อ�ำเภอบางสะพานนอ้ ย อำ� เภอบางสะพาน อ�ำเภอทบั สะแก อำ� เภอเมอื งประจวบคีรีขนั ธ์
และอ�ำเภอกุยบรุ ี ของจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ และลงอา่ วไทยบรเิ วณทศิ ตะวันออกของอำ� เภอสามร้อยยอด
จงั หวัดประจวบครี ีขันธ์ มีความยาวเฉพาะส่วนที่ปรากฏบนแผน่ ดนิ ประมาณ 300 กิโลเมตร หนิ ต่างๆ ท่ถี ูกรอย
เล่อื นน้ตี ัดผ่านคอื หินโคลนปนกรวด หนิ ทราย หนิ ดนิ ดาน และหินปูน เป็นสว่ นใหญ่ รองลงมาเปน็ หนิ แกรนิต
ลกั ษณะธรณสี ัณฐานท่สี ำ� คญั ประกอบด้วย ธารเหลอื่ ม พนุ �ำ้ ร้อน และผาสามเหล่ือม ซง่ึ บง่ ช้วี ่ารอยเลือ่ นระนอง
มกี ารเล่อื นตวั ตามแนวระนาบเหลอ่ื มซา้ ย เหตกุ ารณแ์ ผ่นดินไหวทเ่ี กิดขึน้ สัมพันธก์ บั กล่มุ รอยเล่อื นนต้ี ามขอ้ มูล
ของสำ� นักส�ำรวจธรณวี ทิ ยาของสหรฐั อเมรกิ า (USGS) ระบวุ ่าได้เกิดขึ้นเมอ่ื วันท่ี 27 - 28 กนั ยายน 2549 มี
ขนาด 4.1 - 4.7 จำ� นวน 6 ครงั้ และในวันที่ 8 ตุลาคม 2549 มีขนาด 5.0 จำ� นวน 1 คร้งั ทั้งสองเหตกุ ารณ์นี้
มีศูนย์เกิดในอ่าวไทยด้านทิศตะวันออกของอ�ำเภอสามสามร้อยยอด ประชาชนในหลายท้องท่ีรู้สึกได้ถึง
แรงสัน่ สะเทอื นของพนื้ ดิน ได้แก่ อำ� เภอหัวหิน อำ� เภอสามร้อยยอด อ�ำเภอกยุ บรุ ี อ�ำเภอปราณบรุ ี อำ� เภอบางสะพาน
อ�ำเภอทบั สะแก ของจังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ และอำ� เภอชะอำ� อ�ำเภอทา่ ยาง ของจงั หวัดเพชรบรุ ี
14) กลมุ่ รอยเล่ือนคลองมะรุ่ย เป็นกลุ่มรอยเลือ่ นตามแนวระนาบท่วี างตวั ขนานกับกลุ่มรอยเล่ือน
ระนองแบบเหลื่อมซ้ายเชน่ เดียวกนั และเลอ่ื นตัวในแนวดงิ่ แบบรอยเล่อื นย้อน แนวรอยเลอ่ื นน้ีเร่มิ ปรากฏใน
ทะเลอนั ดามนั บรเิ วณทิศตะวันออกของเกาะภูเก็ต และเกาะยาว ในบรเิ วณอา่ วพงั งา รอยเลื่อนยาวต่อเนือ่ งขึน้
บกบริเวณลำ� คลองมะรุย่ อ�ำเภอทบั ปุด อำ� เภอตะก่ัวทุง่ และอ�ำเภอทา้ ยเหมอื ง ของจงั หวดั พังงา พาดผา่ น
ตอ่ เนือ่ งไปในพ้นื ท่อี ำ� เภอพนม อำ� เภอครี ีรฐั นคิ ม อำ� เภอบ้านตาขุน อ�ำเภอวิภาวดี อ�ำเภอทา่ ฉาง และอ�ำเภอไชยา
ของจงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี มีความยาวเฉพาะส่วนบนแผ่นดินประมาณ 140 กโิ ลเมตร ซ่งึ ในเขตอำ� เภอไชยานี้
ปรากฏว่ามแี หล่งพนุ ้ำ� รอ้ นหลายแหง่ ไหลขน้ึ มาตามแนวรอยเล่ือนน้ี ซ่งึ รอยเลือ่ นตัดผา่ นหนิ โคลนปนกรวด
หินทราย หินดินดาน หนิ ปนู และหนิ แกรนิต หลกั ฐานทางธรณีสัณฐานที่พบไดแ้ ก่ ธารเหล่อื ม ผารอยเลื่อน
ผาสามเหลี่ยม และสันก้ัน จากการศึกษาประวัติการเล่ือนตัวในโบราณกาลในร่องส�ำรวจพบว่าพ้ืนที่
บ้านบางลึก ตำ� บลพลูเถอื่ น อำ� เภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี พบลักษณะธรณีสัณฐานที่สมั พนั ธก์ ับแนวรอยเลื่อน
คอื ผาสามเหลย่ี ม 2 ผา วางตวั ในทศิ ทางตะวันออกเฉยี งเหนอื – ตะวนั ตกเฉียงใต้ หนั หนา้ ไปทางทศิ ตะวันออก
เฉียงใต้ และล�ำน้�ำสาขาของคลองแหกที่แสดงการหักเล่ือนเป็นระยะทาง 95 เมตร ในแบบเหล่ือมซ้าย
นอกจากนี้ในร่องส�ำรวจพบช้นั ตะกอนกรวด ชน้ั ทราย และดินเหนียวถกู รอยเลอื่ นจำ� นวน 3 แนว ตดั เล่ือนออก
จากกนั ในแนวดิ่งแบบย้อน ประเมนิ ไดว้ า่ รอยเลอื่ นส่วนนี้เคยทำ� ใหเ้ กิดแผ่นดนิ ไหวในอดตี ดว้ ยขนาด 6.8 เม่อื
ประมาณ 2,000 ปลี ว่ งมาแล้ว จากการรวบรวมขอ้ มูลแผน่ ดนิ ไหวพบวา่ มีแผน่ ดินไหวเมือ่ วนั ท่ี 4 กันยายน 2551
ดว้ ยขนาด 3.1 มีศูนยเ์ กดิ ท่อี ำ� เภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี และวนั ที่ 23 ธนั วาคม 2551 ด้วยขนาด 4.1
มศี ูนยเ์ กดิ ทอ่ี �ำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกจากนเ้ี มอื่ วนั ท่ี 16 เมษายน 2555 มีแผน่ ดินไหวขนาด 4.3
มีศูนย์เกิดท่ีต�ำบลศรีสุนทร อ�ำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ท�ำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายบางส่วน
จำ� นวนหลายหลงั ประชาชนทวั่ ทงั้ เกาะภเู กต็ รสู้ กึ ไดถ้ งึ แรงสนั่ สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว อกี ทง้ั เมอ่ื วนั ที่ 7 พฤษภาคม 2558
ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.5 มีศูนย์เกิดในทะเลใกล้กับเกาะยาว อ�ำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ประชาชนรู้สึก
ส่ันไหวได้ในพ้ืนท่ีจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่

36 แผ่นดินไหว กับประเทศไทย

15) กลุ่มรอยเลอื่ นเพชรบูรณ์ วางตวั ในทศิ เหนอื - ใต้ ซึ่งขนาดสองขา้ งของแอง่ ทีร่ าบเพชรบรู ณ์ ทม่ี ี
การเอียงเทเข้าหากลางแอ่งทั้งสองด้าน จากภาพดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศพบว่าความคมชัดและ
ความตอ่ เนือ่ งของแนวเสน้ รอยเลอ่ื นด้านทศิ ตะวันออกของแอง่ เพชรบรู ณม์ มี ากกวา่ แนวรอยเลือ่ นดา้ นทิศตะวนั ตก
มีลักษณะการเลื่อนแบบรอยเล่ือนปรกติ รอยเลื่อนน้ีพาดผ่านพื้นท่ีของอ�ำเภอหล่มเก่า อ�ำเภอหล่มสัก
และอำ� เภอเมอื งเพชรบูรณ์ จงั หวดั เพชรบรู ณ์ มีความยาวประมาณ 60 กโิ ลเมตร ลักษณะของธรณีสัณฐาน
ที่บ่งบอกความมพี ลังของรอยเล่อื นน้ีประกอบดว้ ย ผารอยเล่อื น และผาสามเหล่ยี มทเ่ี รยี งซอ้ นกันเปน็ ระดบั
ไม่นอ้ ยกวา่ 5 ชั้น ชี้ว่าการเล่อื นตวั ของรอยเลือ่ นนม้ี ีการเลอ่ื นตวั อย่างตอ่ เน่อื ง ณ บรเิ วณเนินเขาห่างออกมาด้าน
ทิศตะวนั ออกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ของบา้ นซ�ำบอน อำ� เภอเมอื งเพชรบูรณ์ จงั หวัดเพชรบรู ณ์ ถูกขดุ เป็นบ่อยืมดิน
ลูกรังซ่ึงพบชั้นกรวดช้ันทรายถูกรอยเล่ือนเพชรบูรณ์ตัดขาดออกจากกันประมาณ 1 เมตร ในแบบรอยเล่ือนปรกติ
หากตรวจสอบขอ้ มูลการเกิดแผ่นดินไหวพบว่าเมอื่ วันที่ 12 ตลุ าคม 2533 ไดเ้ กดิ แผน่ ดินไหวขนาด 4.0
ประชาชนรับร้ไู ด้ถงึ แรงสนั่ สะเทอื นในอำ� เภอหลม่ สัก และอ�ำเภอหล่มเกา่ จงั หวดั เพชรบูรณ์

10. เหตกุ ารณแ์ ผ่นดินไหวในประเทศไทยและภูมภิ าคใกลเ้ คียง

ประเทศไทยมปี ระวตั ิการเกิดแผ่นดินไหวมาต้ังแตใ่ นอดตี ดงั เชน่ พงศาวดารโยนกกล่าวว่า อาณาจกั ร
โยนกซึง่ เปน็ อาณาจักรทมี่ ีความเจรญิ รงุ่ เรอื งมาตง้ั แตส่ มยั พุทธกาล ได้เกดิ แผน่ ดินไหวหลายคร้งั ครั้งทร่ี ุนแรง
ทส่ี ดุ ทำ� ให้อาณาจกั รถงึ กับล่มสลาย ราชธานีของอาณาจักรโยนกน้ีตงั้ อยใู่ นเขตอำ� เภอเชียงแสน จงั หวัดเชยี งราย
ในปัจจุบัน โดยพงศาวดารโยนกได้บันทึกการเกิดแผ่นดินไหวคร้ังรุนแรงท่ีสุด ซึ่งเกิดข้ึนเม่ือวันเสาร์
เดอื น 7 แรม 7 ค่�ำ พ.ศ. 1003 เวลากลางคนื วา่
“...สุรยิ อาทิตย์กต็ กไปแล้ว ก็ไดย้ นิ เสียง เหมือนต้งั แผน่ ดินดังสน่ันหวั่นไหวประดจุ วา่ เวยี งโยนกนคร
หลวงท่ีนจ้ี ักเกลือ่ นจักพงั ไปนั้นแล แลว้ กห็ ายไปคร้งั หนงึ่ ครน้ั ถงึ มชั ฌิมยามก็ดงั ซ้ำ� เข้ามาเป็นคำ� รบสอง แลว้ ก็
หายน้ันแล ถึงปัจฉิมยามก็ซ้�ำดังมาอีกเป็นค�ำรบสาม หนที่สามนี้ดังย่ิงกว่าทุกคร้ังทุกคราวท่ีได้ยินมาแล้ว
กาลน้ันเวียงโยนกนครหลวงท่ีนั้นก็ยุบจมลง เกิดเป็นหนองอันใหญ่ ยามน้ันคนท้ังหลายอันมีในเวียงที่น้ัน
มีพระมหากษตั รยิ ์เป็นประธาน ก็วินาศฉบิ หายตกไปในนำ้� ที่น้นั ส้นิ ...”
ปัจจุบันบรเิ วณทต่ี ง้ั อาณาจักรโยนกได้กลายเปน็ หนองน้ำ� ขนาดใหญใ่ นอำ� เภอเชยี งแสน จังหวัดเชียงราย
ทีช่ าวบ้านท้องถนิ่ เรียกว่า “หนองหล่ม”
ในศิลาจารกึ ของอาณาจักรสุโขทัยได้บนั ทกึ เหตุการณ์แผน่ ดินไหวไว้ 2 ครั้ง พงศาวดารของกรงุ ศรอี ยุธยา
ได้มีการบันทึกเหตุการณ์แผ่นดินไหวไว้ 7 ครั้ง และพงศาวดารของเชียงใหม่ได้บันทึกเหตุการณ์
แผ่นดินไหวไว้ 4 ครั้ง แผน่ ดินไหวครงั้ สำ� คญั ท่ีปรากฏหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ของเมอื งเชยี งใหม่ พ.ศ. 2088
ในรัชสมัยพระนางมหาเทวีจิรประภา กษัตริย์องค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์เม็งราย เกิดเหตุแผ่นดินไหวท�ำให้
ส่วนยอดของเจดยี ท์ ว่ี ดั เจดยี ์หลวงหกั โค่นลงมา ซง่ึ เจดยี อ์ งค์นั้นแต่เดิมสูงถึง 86 เมตร หลงั จากสว่ นยอดได้หัก
โค่นลงมา จึงเหลือความสงู เพยี ง 60 เมตร แผ่นดินไหวคร้งั นั้นไมท่ ราบวา่ มศี ูนยเ์ กดิ อยทู่ ใี่ ด (รูปท่ี 34)
จากการศึกษาขอ้ มลู ทางสถิติเก่ยี วกับตำ� แหนง่ จดุ เหนอื ศูนย์เกิดแผน่ ดนิ ไหวที่บันทึกไวด้ ว้ ยเคร่อื งมือวดั
แผ่นดนิ ไหวของกรมอตุ ุนยิ มวิทยา ต้งั แต่ พ.ศ. 2473 - 2559 ในประเทศไทยและบริเวณใกลเ้ คยี ง ระหว่าง
เสน้ ละตจิ ูดท่ี 5 – 21 องศาเหนอื และเส้นลองจจิ ดู ท่ี 96 – 106 องศาตะวันออก ประกอบดว้ ยแผน่ ดินไหว
ขนาดน้อยกว่า 3.0 จ�ำนวน 1,004 คร้ัง ขนาด 3.0 - 3.9 จ�ำนวน 442 คร้ัง ขนาด 4.0 – 4.9 จ�ำนวน 132 ครั้ง
ขนาด 5.0 – 5.9 จ�ำนวน 35 คร้ัง ขนาด 6.0 – 6.9 จ�ำนวน 5 ครั้ง และขนาด 7.0 - 7.9 จ�ำนวน 1 คร้ัง (รูปท่ี 35)

แผ่นดินไหว กับประเทศไทย 37

รปู ที่ 34 เกดิ แผน่ ดนิ ไหวเมอ่ื ปี พ.ศ. 2088 ท�ำให้สว่ นยอดของเจดีย์ที่วดั เจดีย์หลวง เมอื งเชียงใหมห่ กั โค่นลงมา
แต่เดิมองคเ์ จดีย์ สูงถึง 86 เมตร หลังจากส่วนยอดไดห้ ักโค่นลงมาจึงเหลอื ความสงู เพยี ง 60 เมตร
(กรมทรัพยากรธรณี, 2549)

11. ปรากฏการณ์ทรายพุ (Liquefaction)

เหตกุ ารณแ์ ผน่ ดนิ ไหวขนาด 6.8 เมื่อวันท่ี 24 มีนาคม 2554 ศนู ยเ์ กิดแผน่ ดินไหวทีเ่ มืองทา่ เล่ รฐั ฉาน
สหภาพเมียนมาร์ (รูปท่ี 36) เกิดจากการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนน้�ำมา ในรูปแบบเลื่อนตามแนวระนาบ
เหล่อื มซา้ ย ส่งผลใหเ้ กดิ ความเสียหายในพ้นื ท่ขี องสหภาพเมยี นมารเ์ องที่ท�ำใหค้ ันนาในแปลงนาขา้ วเลอ่ื นออกจากกนั
เป็นระยะทาง 1 เมตร บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังและบางส่วนเป็นจ�ำนวนมาก และท่ีอ�ำเภอแม่สาย
อ�ำเภอเชยี งแสน จงั หวัดเชียงราย ของประเทศไทย นอกจากน้ยี ังเกดิ ปรากฏการณ์ “ทรายพ”ุ โดยเกดิ จาก
แรงส่ันสะเทือนของคลื่นแผ่นดินไหวเขย่าชั้นตะกอนทรายท่ีจับตัวกันอย่างหลวมๆ และอ่ิมตัวด้วยน�้ำที่อยู่
ดา้ นลา่ ง เกิดการอัดตวั แน่นของมวลตะกอนทราย ท�ำให้แรงดนั น้�ำเพ่มิ ข้ึนเกิดการไหลพุง่ ขึน้ ส่ผู ิวดนิ ด้านบน
พรอ้ มน�ำพาตะกอนทราย ขึ้นมากองพูนเปน็ เนินดนิ บนผวิ ดิน แล้วดนั ช้ันดินตอนบนแตกเปน็ แนวยาว (รูปที่ 37)
ปรากฏการณท์ รายพนุ ้ี ไมใ่ ชว่ ่าเกดิ แผน่ ดนิ ไหวแลว้ ต้องเกดิ ทุกครงั้ ไป ตอ้ งมีองค์ประกอบทีเ่ หมาะสม
คอื ช้ันดนิ ต้องเป็นตะกอนทราย จับตัวกันแบบหลวมๆ แลว้ มชี ้ันดินอืน่ มาปิดทับ และมีแผน่ ดนิ ไหวคอ่ นขา้ ง
รุนแรงที่ท�ำใหม้ ีอัตราเรง่ ของผิวดนิ มากกว่า 15% ของแรงโน้มถว่ งของโลก สภาพธรณีวทิ ยาของพืน้ ทอ่ี ำ� เภอ
แมส่ ายและอำ� เภอเชียงแสน จงั หวัดเชยี งราย พบว่าพนื้ ทส่ี ูงดา้ นทิศตะวนั ตกเป็นภเู ขาหินแกรนิตทผ่ี พุ งั แล้วให้
ตะกอนทราย แลว้ ถูกพัดพามาสะสมตวั ในที่ราบลมุ่ แอ่งอำ� เภอแม่สาย โดยพบการกระจายตวั ตามสองฝั่งของ
แม่น�้ำสาย แม่นำ้� รวก และล�ำนำ้� สาขาอ่ืนๆ

38 แผน่ ดินไหว กับประเทศไทย

รปู ที่ 35 แผนที่รอยเลื่อนมีพลงั และจดุ เหนอื ศนู ยเ์ กดิ แผ่นดินไหวในประเทศไทยและบรเิ วณใกล้เคียง

แผ่นดินไหว กับประเทศไทย 39

รูปที่ 36 การประเมินระดบั ความรนุ แรงของแผ่นดนิ ไหวขนาด 6.8 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2554 มีศูนย์เกิดแผ่นดินไหวที่เมอื งทา่ เล่
สหภาพเมียนมาร์ จากสมการคณิตศาสตรข์ อง Chiou & Young (2008) เทยี บกับการตรวจวดั อัตราเรง่ พ้ืนดนิ ทีไ่ ด้จาก
สถานฯี ในประเทศไทย ของกรมอุตนุ ยิ มวิทยา

40 แผน่ ดนิ ไหว กับประเทศไทย


Click to View FlipBook Version