The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prdmr.pr, 2021-08-25 12:09:39

คู่มือผู้เล่าเรื่องธรณีวิทยา เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง-ราวี อัญมณีแห่งอันดามัน

Welcome to Satun

UNESCO




คู่มือผู้เล่าเรื่องธรณีวิทยา เกาะหลีเป๊ะ อุทยานธรณีโลกสตูล


อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายสมหมาย เตชวาล Global Geopark
รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายนิวัติ มณีขัตย์

รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายมนตรี เหลืองอิงคสุต
ผู้อ�านวยการกองธรณีวิทยา นายสุรชัย ศิริพงษ์เสถียร
ผู้อ�านวยการส�านักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 นายอานนท์ นนทโส



เขียนเรื่อง นายสมชัย ชัยเสน
นายรชฏ มีตุวงศ์

ผู้สนับสนุนข้อมูล นายรัฐ จิตต์รัตนะ สารบัญ

นายธนิต ศรีสมศักดิ์
นางสาวประสบสุข ศรีตั้งวงศ์ เรื่อง หน้า
นางสาวชุตาภา โชติรัตน์ ชื่อบ้านนามเมืองสตูล.............................................................................................1
นายสุภชัย ตันตินาคม ว่าด้วยมุมมองของคนเคาะหิน................................................................................7

นายพงศ์กฤษณ์ กาญจนาลังการ เกาะหลีเป๊ะ : อัญมณีแห่งอันดามัน.......................................................................13
พิมพ์ครั้งที่ 1 จ�านวน 1,000 เล่ม เดือน สิงหาคม 2563 ชาวเลอูรักลาโว้ย : วันวานและวันนี้ที่เกาะหลีเป๊ะ.................................................19
จัดพิมพ์โดย ส�านักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 กรมทรัพยากรธรณี เกาะไข่ : ซุ้มหินแห่งรักนิรันดร์...............................................................................23
75/10 ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 เกาะอาดัง – ราวี : สีสันทะเลใต้............................................................................28

ข้อมูลทางบรรณานุกรม ป่ายปีนไปแตะขอบฟ้าที่ “ผาชะโด”......................................................................31
กรมทรัพยากรธรณี, 2563 เกาะหินงาม : ความงามที่คลื่นน�้ารังสรรค์.............................................................35
คู่มือผุ้เล่าเรื่องธรณีวิทยาเกาะหลีเป๊ะ : 46 หน้า เกาะหินซ้อน : หินแกร่งยังแตกได้ (แต่ไม่ตก)........................................................39
1. ธรณีวิทยา 2. แหล่งมรดกธรณี หนังสืออ้างอิง........................................................................................................45

พิมพ์ที่ บริษัท จงโต มีเดีย ครีเอชั่น จ�ากัด
ออกแบบ นายนิรุติ์ เต็งศิริ

Welcome to Satun

UNESCO




คู่มือผู้เล่าเรื่องธรณีวิทยา เกาะหลีเป๊ะ อุทยานธรณีโลกสตูล


อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายสมหมาย เตชวาล Global Geopark
รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายนิวัติ มณีขัตย์

รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายมนตรี เหลืองอิงคสุต
ผู้อ�านวยการกองธรณีวิทยา นายสุรชัย ศิริพงษ์เสถียร
ผู้อ�านวยการส�านักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 นายอานนท์ นนทโส



เขียนเรื่อง นายสมชัย ชัยเสน
นายรชฏ มีตุวงศ์

ผู้สนับสนุนข้อมูล นายรัฐ จิตต์รัตนะ สารบัญ

นายธนิต ศรีสมศักดิ์
นางสาวประสบสุข ศรีตั้งวงศ์ เรื่อง หน้า
นางสาวชุตาภา โชติรัตน์ ชื่อบ้านนามเมืองสตูล.............................................................................................1
นายสุภชัย ตันตินาคม ว่าด้วยมุมมองของคนเคาะหิน................................................................................7

นายพงศ์กฤษณ์ กาญจนาลังการ เกาะหลีเป๊ะ : อัญมณีแห่งอันดามัน.......................................................................13
พิมพ์ครั้งที่ 1 จ�านวน 1,000 เล่ม เดือน สิงหาคม 2563 ชาวเลอูรักลาโว้ย : วันวานและวันนี้ที่เกาะหลีเป๊ะ.................................................19
จัดพิมพ์โดย ส�านักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 กรมทรัพยากรธรณี เกาะไข่ : ซุ้มหินแห่งรักนิรันดร์...............................................................................23
75/10 ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 เกาะอาดัง – ราวี : สีสันทะเลใต้............................................................................28

ข้อมูลทางบรรณานุกรม ป่ายปีนไปแตะขอบฟ้าที่ “ผาชะโด”......................................................................31
กรมทรัพยากรธรณี, 2563 เกาะหินงาม : ความงามที่คลื่นน�้ารังสรรค์.............................................................35
คู่มือผุ้เล่าเรื่องธรณีวิทยาเกาะหลีเป๊ะ : 46 หน้า เกาะหินซ้อน : หินแกร่งยังแตกได้ (แต่ไม่ตก)........................................................39
1. ธรณีวิทยา 2. แหล่งมรดกธรณี หนังสืออ้างอิง........................................................................................................45

พิมพ์ที่ บริษัท จงโต มีเดีย ครีเอชั่น จ�ากัด
ออกแบบ นายนิรุติ์ เต็งศิริ

บทนำ : ก่อนออกเดินทางสู่ห้วงน้ำ ภายใน














อย่างนิ่้อยที่สด้ เร่าก็อาจต่ร่ะหนิ่ักขีนิ่ได้ว่า โล้กธร่ร่มช่าต่่นิ่นิ่กาเนิ่่ด้






“ในโลกธรรมชาติิการเข้้ามาบรรจบกันข้องสรรพสงจนกอให้้เกิด




ห้้วงข้ณะแห้งความงามนน แท้้จริงแลวมิใช่ความบังเอิญ ห้ากมีความเก�ยวร้อย มาอย่างยาวนิ่านิ่แล้ะด้ำาร่งอย้่อย่างย่�งใหญ่ที่ั�งนิ่่าหวงแหนิ่แล้ะนิ่่าถ้นิ่อม






ลงติัวราวสัมผััสข้องกาพย์กลอน เฉกเช่นงานแม่บท้ข้องจติรกรรม ภาพติะวัน ร่ักษาเพียงใด้ ขีณะที่ี�มนิุ่ษย์เร่านิ่ั�นิ่ต่ำ�าต่้อยแล้ะมีวงจร่ช่ว่ต่แสนิ่สนิ่ เสมอนิ่














ลบฟ้าในบางวนมสสนท้ผัใดมอาจเลยนแบบไดและเชนเดยวกบบท้เพลงอมติะ เป็นิ่เพียงแค่เศษธล้ขีองด้วงด้าว





เสียงนำ�าค้างห้ยาดกระท้บใบไม้แท้รกสอดด้วยเสียงห้รีดห้ริ�งเรไรระงม “ศัักดิ�ศัรีเกียรติิภ้มิ ถึึงท้ี�สุดแล้วก็เป็็นเร่�องไร้สาระเบ่�องมห้านท้ี











ย่อมก่อให้้เกิดคีติรสท้ี�เซาะลึกถึึงวิญญาณ” อายุกว่าพันล้านป็ และภายใติ้เว�งฟ้้าป็่าดาวท้ดารงอยมานบกป็กัลป็์ ชวติคงจะ

เนิ่่�นิ่นิ่านิ่มาแล้้ว นิ่ักเขีียนิ่คนิ่หนิ่่�งเคยสล้ักเสล้าถ้้อยคำาไว้เช่่นิ่นิ่ี� มีความห้มายมากกว่าน�น...
ความหมายอันิ่ล้่กซึ้่�งจากเนิ่้�อความ ช่วนิ่ให้ใคร่่คร่วญว่า ในิ่แต่่ล้ะก้าวย่าง ห้ากจะเป็็นส่วนห้นึ�งข้องความยิ�งให้ญ่อนันติกาลคงติ้องยอมรับ
ขีองหัวใจที่ี�ผ่่านิ่มาเร่าได้้ผ่่านิ่พบแล้ะซึ้่มซึ้าบห้วงขีณะแห่งความงาม ความติำ�าติ้อยข้องติัวติน นำ�าเรียบใสเห้ม่อนกระจก เห้็นเงาข้องภ้ผัาท้อดนิ�ง
ณ แห่งหนิ่ใด้มาบ้าง อย้่ในความลึก ความลึกท้ี�สะท้้อนความส้ง ความส้งท้ี�ป็รากฏอย้่ในความ


ำ�












โล้กธร่ร่มช่าต่เป็นิ่เช่นิ่ต่าร่าเล้่มใหญ่ที่�เร่ามอาจเร่ยนิ่ร่ได้จบสนิ่ ในิ่ห้วง ติ้อยติา ภาพเช่นนมีแติติ้องออกค้นห้าจึงจะพบ”




























ยามที่ฤด้กาล้ผ่นิ่แป็ร่ช่วต่อบต่ขีนิ่ไมนิ่านิ่กเล้อนิ่ล้บหาย หล้ายผ่คนิ่จงเล้อกใช่ ้ คมอผ่เล้าเร่องธร่ณ “เกาะหล้เป็ะ เกาะอาด้ง – ร่าว อญมณแหงอนิ่ด้ามนิ่”












การ่เด้่นิ่ที่างเพอแสวงหาความหมาย ขีองสร่ร่พส่�ง คนิ่หาต่ัวต่นิ่ที่หล้นิ่หาย แล้ะ เล้่มนิ่ี� อาจนิ่ับเป็็นิ่ส่วนิ่เสี�ยวที่ี�จะร่่วมออกเด้่นิ่ที่าง เพ้�อสัมผ่ัสความงามแล้ะ




ใช่้ความงามขีองธร่ร่มช่าต่่ขีด้เกล้าหัวใจต่นิ่ ความหมายขีองโล้กธร่ร่มช่าต่่ฟัากฝั่ั�งอันิ่ด้ามันิ่ อันิ่เป็็นิ่ส่วนิ่หนิ่่�งขีองอุที่ยานิ่

แม้สุด้ที่้ายอาจไม่ได้้ค้นิ่พบป็ร่ัช่ญาล้ำ�าล้่กใด้ ๆ แต่่ใช่่หร่้อไม่ว่า ธร่ณีสต่้ล้ (Satun Geopark) ผ่่านิ่สายต่าขีองนิ่ักธร่ณีว่ที่ยา (คนิ่เคาะห่นิ่)






เพียงเร่าเร่่�มออกเด้่นิ่ที่าง เพ้�อฟังเสยงสายล้ม โอบกอด้คล้้�นิ่ที่ะเล้ค้อมต่ัว ซึ้่�งหากจะสามาร่ถ้เป็นิ่ถ้อยความป็ร่ะกอบใหการ่เด้นิ่ที่างสมบ้ร่ณ์ย่�งขี่�นิ่ ก็นิ่ับเป็็นิ่


คาร่วะแผ่่นิ่ด้่นิ่แล้ะภูผ่า หวงนิ่ำ�าภูายในิ่ใจขีองเร่าจะไมเหมอนิ่เด้มอกต่อไป็ ความย่นิ่ด้ีแล้ะขีอขีอบคุณจากใจ






บทนำ : ก่อนออกเดินทางสู่ห้วงน้ำ ภายใน













อย่างนิ่้อยที่สด้ เร่าก็อาจต่ร่ะหนิ่ักขีนิ่ได้ว่า โล้กธร่ร่มช่าต่่นิ่นิ่กาเนิ่่ด้







“ในโลกธรรมชาติิการเข้้ามาบรรจบกันข้องสรรพสงจนกอให้้เกิด




ห้้วงข้ณะแห้งความงามนน แท้้จริงแลวมิใช่ความบังเอิญ ห้ากมีความเก�ยวร้อย มาอย่างยาวนิ่านิ่แล้ะด้ำาร่งอย้่อย่างย่�งใหญ่ที่ั�งนิ่่าหวงแหนิ่แล้ะนิ่่าถ้นิ่อม






ลงติัวราวสัมผััสข้องกาพย์กลอน เฉกเช่นงานแม่บท้ข้องจติรกรรม ภาพติะวัน ร่ักษาเพียงใด้ ขีณะที่ี�มนิุ่ษย์เร่านิ่ั�นิ่ต่ำ�าต่้อยแล้ะมีวงจร่ช่ว่ต่แสนิ่สนิ่ เสมอนิ่





ลบฟ้าในบางวนมสสนท้ผัใดมอาจเลยนแบบไดและเชนเดยวกบบท้เพลงอมติะ เป็นิ่เพียงแค่เศษธล้ขีองด้วงด้าว














เสียงนำ�าค้างห้ยาดกระท้บใบไม้แท้รกสอดด้วยเสียงห้รีดห้ริ�งเรไรระงม “ศัักดิ�ศัรีเกียรติิภ้มิ ถึึงท้ี�สุดแล้วก็เป็็นเร่�องไร้สาระเบ่�องมห้านท้ี











ย่อมก่อให้้เกิดคีติรสท้ี�เซาะลึกถึึงวิญญาณ” อายุกว่าพันล้านป็ และภายใติ้เว�งฟ้้าป็่าดาวท้ดารงอยมานบกป็กัลป็์ ชวติคงจะ

เนิ่่�นิ่นิ่านิ่มาแล้้ว นิ่ักเขีียนิ่คนิ่หนิ่่�งเคยสล้ักเสล้าถ้้อยคำาไว้เช่่นิ่นิ่ี� มีความห้มายมากกว่าน�น...
ความหมายอันิ่ล้่กซึ้่�งจากเนิ่้�อความ ช่วนิ่ให้ใคร่่คร่วญว่า ในิ่แต่่ล้ะก้าวย่าง ห้ากจะเป็็นส่วนห้นึ�งข้องความยิ�งให้ญ่อนันติกาลคงติ้องยอมรับ
ขีองหัวใจที่ี�ผ่่านิ่มาเร่าได้้ผ่่านิ่พบแล้ะซึ้่มซึ้าบห้วงขีณะแห่งความงาม ความติำ�าติ้อยข้องติัวติน นำ�าเรียบใสเห้ม่อนกระจก เห้็นเงาข้องภ้ผัาท้อดนิ�ง
ณ แห่งหนิ่ใด้มาบ้าง อย้่ในความลึก ความลึกท้ี�สะท้้อนความส้ง ความส้งท้ี�ป็รากฏอย้่ในความ

ำ�



โล้กธร่ร่มช่าต่เป็นิ่เช่นิ่ต่าร่าเล้่มใหญ่ที่�เร่ามอาจเร่ยนิ่ร่ได้จบสนิ่ ในิ่ห้วง ติ้อยติา ภาพเช่นนมีแติติ้องออกค้นห้าจึงจะพบ”















































ยามที่ฤด้กาล้ผ่นิ่แป็ร่ช่วต่อบต่ขีนิ่ไมนิ่านิ่กเล้อนิ่ล้บหาย หล้ายผ่คนิ่จงเล้อกใช่ ้ คมอผ่เล้าเร่องธร่ณ “เกาะหล้เป็ะ เกาะอาด้ง – ร่าว อญมณแหงอนิ่ด้ามนิ่”




การ่เด้่นิ่ที่างเพอแสวงหาความหมาย ขีองสร่ร่พส่�ง คนิ่หาต่ัวต่นิ่ที่หล้นิ่หาย แล้ะ เล้่มนิ่ี� อาจนิ่ับเป็็นิ่ส่วนิ่เสี�ยวที่ี�จะร่่วมออกเด้่นิ่ที่าง เพ้�อสัมผ่ัสความงามแล้ะ



ใช่้ความงามขีองธร่ร่มช่าต่่ขีด้เกล้าหัวใจต่นิ่ ความหมายขีองโล้กธร่ร่มช่าต่่ฟัากฝั่ั�งอันิ่ด้ามันิ่ อันิ่เป็็นิ่ส่วนิ่หนิ่่�งขีองอุที่ยานิ่

แม้สุด้ที่้ายอาจไม่ได้้ค้นิ่พบป็ร่ัช่ญาล้ำ�าล้่กใด้ ๆ แต่่ใช่่หร่้อไม่ว่า ธร่ณีสต่้ล้ (Satun Geopark) ผ่่านิ่สายต่าขีองนิ่ักธร่ณีว่ที่ยา (คนิ่เคาะห่นิ่)






เพียงเร่าเร่่�มออกเด้่นิ่ที่าง เพ้�อฟังเสยงสายล้ม โอบกอด้คล้้�นิ่ที่ะเล้ค้อมต่ัว ซึ้่�งหากจะสามาร่ถ้เป็นิ่ถ้อยความป็ร่ะกอบใหการ่เด้นิ่ที่างสมบ้ร่ณ์ย่�งขี่�นิ่ ก็นิ่ับเป็็นิ่


คาร่วะแผ่่นิ่ด้่นิ่แล้ะภูผ่า หวงนิ่ำ�าภูายในิ่ใจขีองเร่าจะไมเหมอนิ่เด้มอกต่อไป็ ความย่นิ่ด้ีแล้ะขีอขีอบคุณจากใจ






- มัสยิดมำ บัง มัสยิดกลางประจำ จังหวัดสตูล -

สีสันสตูล... ให้ค�าอธิบายไว้ว่า “สตูล” เป็นค�ามลายู ออกเสียงว่า “สโตล” (Satul) หรือ “สโตย”

รองศาสตราจารย์ประพนธ์ เรืองณรงค์ นักเขียนและปราชญ์ท้องถ่นใต้ เคย



(Setoi) หมายถึง ต้นกระท้อนหรือต้นสะท้อน

สตูลมีสมญานามตามคามลายูว่า “นครีสโตยมาบงสคารา” (Negeri Satoi


ชื่อบ้านนามเมืองสตูล Mambang Segara) นครี แปลว่า เมือง สโตย แปลว่า สตูล ม�าบัง แปลว่า เทวดา
ค�าขวัญจังหวัด สคารา แปลว่า สาครหรือสมุทร รวมความแล้วจึงหมายถึง “สตูล เมืองแห่งพระสมุทร
“สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์” เทวา” ซึ่งน�ามาเป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูลในปัจจุบัน
ค�าขวัญเดิม เดิมสตูลมีช่อเป็นอาเภอมาบง โดยมาจากคาว่า มาบงนครา หมายถึง เมือง







“ตะรุเตา ไก่ด�า จ�าปาดะ คนใจพระ เทวดา ตอมาอาเภอมาบงถกลดฐานะลงเปนต�าบลมาบง และเปลยนชอเปนตาบลพมาน















งามเลิศ เชิดสตูล” สตูลในอดีตมีฐานะเป็นมูเก็ม (Mukim) หรือตาบลหน่งของไทรบุรี เรียกว่า


สัญลักษณ์ประจ�าจังหวัด “มูเก็มสโตย” สมัยนั้นไทรบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 4 เขต คือ ไทรบุรี กะบังปาสู
ตราประจ�าจังหวัดสตูล “รูปพระสมุทรเทวาสถิตอยู่บนแท่นหิน ปะลิส และสตูล ต่อมากะบังปาสูรวมเข้ากับไทรบุรี พร้อมกับยกฐานะสตูลขึ้นเป็นนครี
กลางทะเลเบื้องหลังมีรัศมีพระอาทิตย์อัสดง” สโตยหรือเมืองสตูล ขึ้นกับเมืองสงขลาและนครศรีธรรมราช ตามล�าดับ
- 1 - - 2 -

- มัสยิดมำ บัง มัสยิดกลางประจำ จังหวัดสตูล -

สีสันสตูล... ให้ค�าอธิบายไว้ว่า “สตูล” เป็นค�ามลายู ออกเสียงว่า “สโตล” (Satul) หรือ “สโตย”

รองศาสตราจารย์ประพนธ์ เรืองณรงค์ นักเขียนและปราชญ์ท้องถ่นใต้ เคย



(Setoi) หมายถึง ต้นกระท้อนหรือต้นสะท้อน

สตูลมีสมญานามตามคามลายูว่า “นครีสโตยมาบงสคารา” (Negeri Satoi


ชื่อบ้านนามเมืองสตูล Mambang Segara) นครี แปลว่า เมือง สโตย แปลว่า สตูล ม�าบัง แปลว่า เทวดา
ค�าขวัญจังหวัด สคารา แปลว่า สาครหรือสมุทร รวมความแล้วจึงหมายถึง “สตูล เมืองแห่งพระสมุทร
“สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์” เทวา” ซึ่งน�ามาเป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูลในปัจจุบัน
ค�าขวัญเดิม เดิมสตูลมีช่อเป็นอาเภอมาบง โดยมาจากคาว่า มาบงนครา หมายถึง เมือง







“ตะรุเตา ไก่ด�า จ�าปาดะ คนใจพระ เทวดา ตอมาอาเภอมาบงถกลดฐานะลงเปนต�าบลมาบง และเปลยนชอเปนตาบลพมาน















งามเลิศ เชิดสตูล” สตูลในอดีตมีฐานะเป็นมูเก็ม (Mukim) หรือตาบลหน่งของไทรบุรี เรียกว่า


สัญลักษณ์ประจ�าจังหวัด “มูเก็มสโตย” สมัยนั้นไทรบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 4 เขต คือ ไทรบุรี กะบังปาสู
ตราประจ�าจังหวัดสตูล “รูปพระสมุทรเทวาสถิตอยู่บนแท่นหิน ปะลิส และสตูล ต่อมากะบังปาสูรวมเข้ากับไทรบุรี พร้อมกับยกฐานะสตูลขึ้นเป็นนครี
กลางทะเลเบื้องหลังมีรัศมีพระอาทิตย์อัสดง” สโตยหรือเมืองสตูล ขึ้นกับเมืองสงขลาและนครศรีธรรมราช ตามล�าดับ
- 1 - - 2 -

เมื่อสยามมีการปกครองแบบมลฑลเทศาภิบาล สตูลจึงขึ้นกับมณฑลไทรบุรี เกาะอาดัง ค�าว่า “อาดัง” มาจากค�าว่า “อุดัง” (Udang) แปลว่า กุ้ง ฉะนั้น










แต่พอเกิดกรณพพาทกบองกฤษเกยวกบสทธสภาพนอกอาณาเขต สยามต้องเสีย อ่าวตะโละอุดังจึงแปลว่า อ่าวกุ้ง







ดนแดนหวเมองมลายู คอ กลนตน ตรงกานู ไทรบรี และปะลิสแกอังกฤษ ยังคงเหลอ เกาะตะรุเตา ค�าว่า ตะรุ มาจากค�าว่า “ตะโละ” (Teluk) หมายถึง อ่าว









แต่สตลต่อมาสตลรวมเข้ากบมณฑลภเกต และทางการเหนว่าระยะการเดนทาง ส่วน “เตา” หรือ “ตัว” (Tau) หมายถึง เก่าแก่หรือผ่านมานาน ตะรุเตาจึงหมายถึง








ไปนครศรธรรมราชสะดวกกว่าภเกต จงย้ายสตลไปขนกบมณฑลนครศรธรรมราช อ่าวเก่าแก่ที่มีมาแต่ดั้งเดิม


























และหลงเปลยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สตลจงมฐานะเป็นจงหวดหนงของ ท่งหวา ชอทงหวาเปนคาไทย หมายถง ทองทงทมตนหวาใหญ่ เหนเด่นแต่ไกล




















ภาคใตฝั่งทะเลอนดามน เดมท่งหว้าตงชมชนอย่ทบ้านสุไหงอุเป หรือบ้านคลองกาบหมาก (สุไหง คอแม่นา



ล�าคลอง อเป คอกาบหมาก)

ในอดตสไหงอเปเคยเป็นท่าเรอขนาดใหญ่ มชาวจนจานวนมากอพยพจาก




















เกาะปนงมาท�าไรพรกไทย และมเรอสนคามารบซอพรกไทยสงไปขายทปนงและสงคโปร ์




ู้




เป็นประจ�า จึงท�าใหสุไหงอุเปมีเศรษฐกิจท่ดยง คับคงไปด้วยผคน บ้านเรือน และร้านค้า











จนไดสมญาวา “ปนงนอย” ทุงหวาถกยกฐานะเปนอ�าเภอเมือ พ.ศ. 2516









ละง ชือ “ละง” มาจากภาษามลายวา “ละอต” (Laut) หมายถงทองทะเล










หรอมาจากคามลายว่า “กวลาง” หรอ “กราง” (Guala Hu) หมายถง ปากนาละง ู





นอกจากนี้เสยงค�าวาละง ยงมความใกลเคยงกบละงน (Lahan) ซึงเปนภาษาอนโดนเซย













หมายถง แผนดนหรอภมประเทศ




ละงเคยเป็นเมองหนงทมเจ้าเมองปกครอง ต่อมาถกลดฐานะจากเมืองละง ู

















เปนกิงอ�าเภอ ใหขึนกบอ�าเภอสไหงอเป (อ�าเภอทุงหวา) ตอมาใน พ.ศ. 2473 กิงอ�าเภอ








ละงไดรบการยกฐานะเปนอ�าเภอละงมาจนทกวนนี ้

- 3 - - 4 -

เมื่อสยามมีการปกครองแบบมลฑลเทศาภิบาล สตูลจึงขึ้นกับมณฑลไทรบุรี เกาะอาดัง ค�าว่า “อาดัง” มาจากค�าว่า “อุดัง” (Udang) แปลว่า กุ้ง ฉะนั้น










แต่พอเกิดกรณพพาทกบองกฤษเกยวกบสทธสภาพนอกอาณาเขต สยามต้องเสีย อ่าวตะโละอุดังจึงแปลว่า อ่าวกุ้ง




ดนแดนหวเมองมลายู คอ กลนตน ตรงกานู ไทรบรี และปะลิสแกอังกฤษ ยังคงเหลอ เกาะตะรุเตา ค�าว่า ตะรุ มาจากค�าว่า “ตะโละ” (Teluk) หมายถึง อ่าว












แต่สตลต่อมาสตลรวมเข้ากบมณฑลภเกต และทางการเหนว่าระยะการเดนทาง ส่วน “เตา” หรือ “ตัว” (Tau) หมายถึง เก่าแก่หรือผ่านมานาน ตะรุเตาจึงหมายถึง









ไปนครศรธรรมราชสะดวกกว่าภเกต จงย้ายสตลไปขนกบมณฑลนครศรธรรมราช อ่าวเก่าแก่ที่มีมาแต่ดั้งเดิม


























และหลงเปลยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สตลจงมฐานะเป็นจงหวดหนงของ ท่งหวา ชอทงหวาเปนคาไทย หมายถง ทองทงทมตนหวาใหญ่ เหนเด่นแต่ไกล



















ภาคใตฝั่งทะเลอนดามน เดมท่งหว้าตงชมชนอย่ทบ้านสุไหงอุเป หรือบ้านคลองกาบหมาก (สุไหง คอแม่นา


ล�าคลอง อเป คอกาบหมาก)






ในอดตสไหงอเปเคยเป็นท่าเรอขนาดใหญ่ มชาวจนจานวนมากอพยพจาก







เกาะปนงมาท�าไรพรกไทย และมเรอสนคามารบซอพรกไทยสงไปขายทปนงและสงคโปร ์


















ู้


เป็นประจ�า จึงท�าใหสุไหงอุเปมีเศรษฐกิจท่ดยง คับคงไปด้วยผคน บ้านเรือน และร้านค้า






จนไดสมญาวา “ปนงนอย” ทุงหวาถกยกฐานะเปนอ�าเภอเมือ พ.ศ. 2516









ละง ชือ “ละง” มาจากภาษามลายวา “ละอต” (Laut) หมายถงทองทะเล













หรอมาจากคามลายว่า “กวลาง” หรอ “กราง” (Guala Hu) หมายถง ปากนาละง ู


นอกจากนี้เสยงค�าวาละง ยงมความใกลเคยงกบละงน (Lahan) ซึงเปนภาษาอนโดนเซย















หมายถง แผนดนหรอภมประเทศ







ละงเคยเป็นเมองหนงทมเจ้าเมองปกครอง ต่อมาถกลดฐานะจากเมืองละง ู










เปนกิงอ�าเภอ ใหขึนกบอ�าเภอสไหงอเป (อ�าเภอทุงหวา) ตอมาใน พ.ศ. 2473 กิงอ�าเภอ







ละงไดรบการยกฐานะเปนอ�าเภอละงมาจนทกวนนี ้






- 3 - - 4 -

- 5 - - 6 -

- 5 - - 6 -

...ว่าด้วยมุมมองของคนเคาะหิน








ในมุมมองด้านธรณีวิทยา ว่ากันวา มองไปยังฟากฝั่งอันดามันตอนใต้




ห้วงนาอันดามันอันกว้างใหญ่ไพศาลน้น ในส่วนของจังหวัดสตูล อาณาบริเวณ
บางบริเวณมีความลึกมากกว่า 2 กิโลเมตร ของหมู่เกาะอาดัง – ราวี เกาะหลีเป๊ะ
โครงสร้างประกอบด้วยแอ่งสะสมตะกอน และเกาะตะรุเตา เคยปรากฏรอยเท้า
ยุคเทอร์เชียรี (23 – 65 ล้านปีมาแล้ว) ของนักธรณีวิทยาจากกรมทรัพยากรธรณี

ใหญ่ ๆ อยู่ 2 แอ่ง วางตัวในแนวเหนือ – ใต้ แรมรอนสารวจอยู่หลายครง อาท การสารวจ












คอแอ่งอนดามน ซงอย่ด้านตะวนตกสด ธรณฟิสกส์ การสารวจแร่ดีบุกเเละแร่พลอย



และแอ่งเมอร์กุย ในทะเล เมื่อราว 20 ปีที่แล้ว หรือหากจะ ข้อมูลท่น่าสนใจจากการสารวจ 50 ตารางกิโลเมตร แร่หนักเหล่านีมี






ทะเลอันดามันในส่วนท่เป็นน่าน ย้อนไปไกลกว่านน เม่อปี พ.ศ.2499 หลายคร้ง พบว่าหินบริเวณเกาะอาดัง – ต้นก�าเนิดมาจากหินแกรนิต นอกจากนี ้







นาไทยส่วนใหญ่อยู่บนไหล่ทวีปเมอร์กุย ทมนักธรณีวทยาไทยเคยร่วมกบนกธรณ ี ราวี เกาะหลีเป๊ะ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ยงพบแหล่งทรายหนามากกว่า 5 เมตร


มีระดับน�้าลึกน้อยกว่า 100 เมตร กระทั่ง ชาวอังกฤษ ในโครงการร่วมสารวจธรณีวทยา หินไบโอไทต์แกรนิต (biotite granite) รวม 3 บริเวณ




ค่อยๆ ลาดลึกลงไปมากกว่า 1,000 เมตร ชายแดนไทย – มาเลเซย คร้งแรกแล้ว มีระดับความลึกนาต้งแต่ 1 – 74 เมตร นกธรณีวทยา (คนเคาะหิน) สรปวา












ตะกอนท่สะสมตัวในแอ่งเมอร์กุยมีความ เว้นห่างไประยะหน่ง ก่อนกลับมาดาเนนต่อ (จากระดับนาทะเลลงตาสุด) บริเวณท บริเวณหมู่เกาะอาดัง – ราวี เกาะหลีเป๊ะ









หนามาก หินรากฐานบริเวณน้ คือหิน อกครงจนถงปัจจุบัน โดยในส่วนของ ลึกท่สุดอยู่ทางทิศใต้ของเกาะบาตวง และเกาะเล็ก ๆ ท่อยู่รายรอบ หินท่พบ










แกรนิต หินภูเขาไฟ และหินแปรเกรดต�่า พนทเกาะตะรเตา – เกาะลังกาวี ได้รับการ ส่วนตัวเลขจากการเจาะสารวจ บอกว่า ส่วนใหญ่ คือหินอัคนีแทรกซอน จาพวก





ส�ารวจร่วมเมื่อปี 2555 – 2556 จุดท่มีตะกอนหนาท่สุด 47 เมตร และ หนแกรนต ยคไทรแอสซก (208 – 245









หนดานลึกท่สุด 75 เมตร อยู่บริเวณอาว ล้านปีมาแล้ว) สามารถจ�าแนกได้เป็น
ในหม่เกาะอาดัง - ราวี หินดานท่พบ 2 หน่วยหิน คือ


คอหนทราย ยุคแคมเบรียน หินปูน ยุคออร์ หน่วยหินแกรนิตอาดัง เป็นหน







โดวิเชยน และหนควอตไซต์ หินดนดาน ไบโอไทต์แกรนิต เน้อดอก สีเทาจาง ไม่มีการ


ยุคคารบอนิเฟอรัส– เพอร์เมียน เรียงตัว มีลักษณะเดน คือพบแร่ไบโอไทต์ –
แร่หนักที่พบในบริเวณหมู่เกาะ อิพิโดท เป็นกลุ่ม (colony) ขนาดเส้นผ่า

อาดัง - ราวี ส่วนใหญ่เป็นแร่ทัวร์มาลน ศนย์กลาง 2 - 5 เซนติเมตร และหน่วย

และแร่ดีบุก มีพ้นท่ศักยภาพประมาณ หนแกรนตราว เป็นหินแกรนิตท่แทรกดน















- 7 - - 8 -

...ว่าด้วยมุมมองของคนเคาะหิน








ในมุมมองด้านธรณีวิทยา ว่ากันวา มองไปยังฟากฝั่งอันดามันตอนใต้




ห้วงนาอันดามันอันกว้างใหญ่ไพศาลน้น ในส่วนของจังหวัดสตูล อาณาบริเวณ
บางบริเวณมีความลึกมากกว่า 2 กิโลเมตร ของหมู่เกาะอาดัง – ราวี เกาะหลีเป๊ะ
โครงสร้างประกอบด้วยแอ่งสะสมตะกอน และเกาะตะรุเตา เคยปรากฏรอยเท้า
ยุคเทอร์เชียรี (23 – 65 ล้านปีมาแล้ว) ของนักธรณีวิทยาจากกรมทรัพยากรธรณี

ใหญ่ ๆ อยู่ 2 แอ่ง วางตัวในแนวเหนือ – ใต้ แรมรอนสารวจอยู่หลายครง อาท การสารวจ












คอแอ่งอนดามน ซงอย่ด้านตะวนตกสด ธรณฟิสกส์ การสารวจแร่ดีบุกเเละแร่พลอย



และแอ่งเมอร์กุย ในทะเล เมื่อราว 20 ปีที่แล้ว หรือหากจะ ข้อมูลท่น่าสนใจจากการสารวจ 50 ตารางกิโลเมตร แร่หนักเหล่านีมี






ทะเลอันดามันในส่วนท่เป็นน่าน ย้อนไปไกลกว่านน เม่อปี พ.ศ.2499 หลายคร้ง พบว่าหินบริเวณเกาะอาดัง – ต้นก�าเนิดมาจากหินแกรนิต นอกจากนี ้






นาไทยส่วนใหญ่อยู่บนไหล่ทวีปเมอร์กุย ทมนักธรณีวทยาไทยเคยร่วมกบนกธรณ ี ราวี เกาะหลีเป๊ะ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ยงพบแหล่งทรายหนามากกว่า 5 เมตร



มีระดับน�้าลึกน้อยกว่า 100 เมตร กระทั่ง ชาวอังกฤษ ในโครงการร่วมสารวจธรณีวทยา หินไบโอไทต์แกรนิต (biotite granite) รวม 3 บริเวณ




ค่อยๆ ลาดลึกลงไปมากกว่า 1,000 เมตร ชายแดนไทย – มาเลเซย คร้งแรกแล้ว มีระดับความลึกนาต้งแต่ 1 – 74 เมตร นกธรณีวทยา (คนเคาะหิน) สรปวา










ตะกอนท่สะสมตัวในแอ่งเมอร์กุยมีความ เว้นห่างไประยะหน่ง ก่อนกลับมาดาเนนต่อ (จากระดับนาทะเลลงตาสุด) บริเวณท บริเวณหมู่เกาะอาดัง – ราวี เกาะหลีเป๊ะ











หนามาก หินรากฐานบริเวณน้ คือหิน อกครงจนถงปัจจุบัน โดยในส่วนของ ลึกท่สุดอยู่ทางทิศใต้ของเกาะบาตวง และเกาะเล็ก ๆ ท่อยู่รายรอบ หินท่พบ










แกรนิต หินภูเขาไฟ และหินแปรเกรดต�่า พนทเกาะตะรเตา – เกาะลังกาวี ได้รับการ ส่วนตัวเลขจากการเจาะสารวจ บอกว่า ส่วนใหญ่ คือหินอัคนีแทรกซอน จาพวก





ส�ารวจร่วมเมื่อปี 2555 – 2556 จุดท่มีตะกอนหนาท่สุด 47 เมตร และ หนแกรนต ยคไทรแอสซก (208 – 245








หนดานลึกท่สุด 75 เมตร อยู่บริเวณอาว ล้านปีมาแล้ว) สามารถจ�าแนกได้เป็น

ในหม่เกาะอาดัง - ราวี หินดานท่พบ 2 หน่วยหิน คือ


คอหนทราย ยุคแคมเบรียน หินปูน ยุคออร์ หน่วยหินแกรนิตอาดัง เป็นหน







โดวิเชยน และหนควอตไซต์ หินดนดาน ไบโอไทต์แกรนิต เน้อดอก สีเทาจาง ไม่มีการ


ยุคคารบอนิเฟอรัส– เพอร์เมียน เรียงตัว มีลักษณะเดน คือพบแร่ไบโอไทต์ –
แร่หนักที่พบในบริเวณหมู่เกาะ อิพิโดท เป็นกลุ่ม (colony) ขนาดเส้นผ่า

อาดัง - ราวี ส่วนใหญ่เป็นแร่ทัวร์มาลน ศนย์กลาง 2 - 5 เซนติเมตร และหน่วย

และแร่ดีบุก มีพ้นท่ศักยภาพประมาณ หนแกรนตราว เป็นหินแกรนิตท่แทรกดน















- 7 - - 8 -




มาหลงสด แร่หลกประกอบด้วย แร่ควอตซ์




แรเฟลดสปาร แรไบโอไทต์ และแร่ทัวร์มาลีน



ด้วยอทธพลจากการแทรกดันตวขนมา




(intrusion) ของหนแกรนตเหล่านเอง ทาให้หน




ตะกอนเดิมในหลายบริเวณเกดการแปรสภาพ




กลายเป็นหนแปร (ดภาพวฏจกรของหน) เช่น



หนชนวน หนควอตไซต์ และหนฮอร์นเฟลส์








ซงพบโดดเด่นทเกาะหนงามโดยจดอย่ในกล่ม


หนแกงกระจาน


นอกจากน้บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียง

เหนือของเกาะอาดัง ด้านเหนือและด้านตะวันตก
ของเกาะราวี และที่เกาะบิสซี่ ยังพบหินแปรและ

หนตะกอนเดิมของกลุ่มหินแก่งกระจานปรากฏ
อยู่ด้วยเล็กน้อย













- 9 - - 10 -




มาหลงสด แร่หลกประกอบด้วย แร่ควอตซ์




แรเฟลดสปาร แรไบโอไทต์ และแร่ทัวร์มาลีน
ด้วยอทธพลจากการแทรกดันตวขนมา







(intrusion) ของหนแกรนตเหล่านเอง ทาให้หน




ตะกอนเดิมในหลายบริเวณเกดการแปรสภาพ






กลายเป็นหนแปร (ดภาพวฏจกรของหน) เช่น
หนชนวน หนควอตไซต์ และหนฮอร์นเฟลส์









ซงพบโดดเด่นทเกาะหนงามโดยจดอย่ในกล่ม


หนแกงกระจาน


นอกจากน้บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียง

เหนือของเกาะอาดัง ด้านเหนือและด้านตะวันตก
ของเกาะราวี และที่เกาะบิสซี่ ยังพบหินแปรและ

หนตะกอนเดิมของกลุ่มหินแก่งกระจานปรากฏ
อยู่ด้วยเล็กน้อย













- 9 - - 10 -

วัฏจักรของหิน











- 11 - - 12 -

วัฏจักรของหิน











- 11 - - 12 -

เกาะหลีเป๊ะที่มีเกาะอาดังอยู่เบื้องหลัง













อญมณนางามอกแห่งหนงในฟากฝั่ั�งอนดามนตอนใต้ทใครต่อใครขนานนาม






ให้ว่า “มลดฟส์เมองไทย” ด้วยความงามแห่งโลกใต้ท้องทะเลทไม่เป็นสองรองใคร











หลอมรวมกบสสนยามคาคน และการทองเทยวผานวฒนธรรมและประเพณีของชาวเล


ดังเดม

โลกธรรมชาติรายรอบเกาะหลเปะในห้วงยามทไรร่องรอยของลมมรสุม ในดวงตา











นกเดนทางจะได้สมผสกบนาทะเลททอประกายสมรกต บางบริเวณไล่เฉดจากสีฟ้า



- เกาะหลีเป๊ะ - ปลายพูกนจตรกร ิ ้ ั ู �




กระทงลาดลกลงไปส่สีนาเงนเข้ม เป็นเสน่ห์ความงามทเสมือนอย่ในภาพวาดจาก










ในมมมองด้านภูมศาสตร์ บ้านเกาะหลีเป๊ะตงอย่ในเขตตาบลเกาะสาหร่าย


อาเภอเมอง จงหวดสตล ห่างจากฝั่ั�งประมาณ 65 กโลเมตร ใชเวลาเดนทางจาก







อัญมณีแห่งอันดามัน อยทางทศใตของเกาะอาดง ห่างกนเพยงแค่ราว 2 กโลเมตร
ท่าเรอปากบารา 1.30 – 2 ชวโมง ตวเกาะมีพนทประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร



















เกาะหลีีเป๊๊ะ เดิิมชื่่อ “เกาะนีป๊ส” เปนภาษาชาวเลอรกลาโวย แปลวา “บาง”





ดวยมลกษณะภมประเทศเปนทีราบเกอบทังเกาะ เหมาะสมตอการตังถินฐาน กลางเกาะ



















เคยมหนองนาอย่ซงครอบครัวของชาวเลอูรกลาโว้ยในยุคแรกได้ใช้เป็นบริเวณสาหรับ

เพาะปลกขาว


- 14 -

เกาะหลีเป๊ะที่มีเกาะอาดังอยู่เบื้องหลัง












อญมณนางามอกแห่งหนงในฟากฝั่ั�งอนดามนตอนใต้ทใครต่อใครขนานนาม







ให้ว่า “มลดฟส์เมองไทย” ด้วยความงามแห่งโลกใต้ท้องทะเลทไม่เป็นสองรองใคร











หลอมรวมกบสสนยามคาคน และการทองเทยวผานวฒนธรรมและประเพณีของชาวเล


ดังเดม





โลกธรรมชาติรายรอบเกาะหลเปะในห้วงยามทไรร่องรอยของลมมรสุม ในดวงตา

นกเดนทางจะได้สมผสกบนาทะเลททอประกายสมรกต บางบริเวณไล่เฉดจากสีฟ้า









- เกาะหลีเป๊ะ - ปลายพูกนจตรกร ิ ั ้ ู �






กระทงลาดลกลงไปส่สีนาเงนเข้ม เป็นเสน่ห์ความงามทเสมือนอย่ในภาพวาดจาก







ในมมมองด้านภูมศาสตร์ บ้านเกาะหลีเป๊ะตงอย่ในเขตตาบลเกาะสาหร่าย



อาเภอเมอง จงหวดสตล ห่างจากฝั่ั�งประมาณ 65 กโลเมตร ใช้เวลาเดนทางจาก






อัญมณีแห่งอันดามัน ท่าเรอปากบารา 1.30 – 2 ชวโมง ตวเกาะมีพนทประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร










อยทางทศใตของเกาะอาดง ห่างกนเพยงแค่ราว 2 กโลเมตร









เกาะหลีีเป๊๊ะ เดิิมชื่่อ “เกาะนีป๊ส” เปนภาษาชาวเลอรกลาโวย แปลวา “บาง”










ดวยมลกษณะภมประเทศเปนทีราบเกอบทังเกาะ เหมาะสมตอการตังถินฐาน กลางเกาะ










เคยมหนองนาอย่ซงครอบครัวของชาวเลอูรกลาโว้ยในยุคแรกได้ใช้เป็นบริเวณสาหรับ






เพาะปลกขาว

- 14 -

หาดพัทยาที่เป็นท่าเทียบเรือเร็วโดยสาร






ฟากตะวันออกและตะวันตกของเกาะ จะเป็นเนินสูงขนเล็กน้อย แล้วลาดลง






เปนแนวโขดหนตดกบทะเล ชายหาดดานตะวนออกเรยกวา “หาดชาวเล” หรอ “หาดซนไรส”









แถบนีเปนทีตังของหมูบาน โรงเรยนและสถานอนามย





หาดซันไรส์ในมุมสูง












หาดซันไรส์ในมุมสูง
- 15 - - 16 -

หาดพัทยาที่เป็นท่าเทียบเรือเร็วโดยสาร






ฟากตะวันออกและตะวันตกของเกาะ จะเป็นเนินสูงขนเล็กน้อย แล้วลาดลง






เปนแนวโขดหนตดกบทะเล ชายหาดดานตะวนออกเรยกวา “หาดชาวเล” หรอ “หาดซนไรส”









แถบนีเปนทีตังของหมูบาน โรงเรยนและสถานอนามย





หาดซันไรส์ในมุมสูง












หาดซันไรส์ในมุมสูง
- 15 - - 16 -


นักธรณีวิทยา ช้ชวนว่า หากลองพิจารณาโขดเขาและก้อนหินท่พบบนเกาะ

หลีเป๊ะ ทั้งหมดล้วนเป็นหินแกรนิต ยุคไทรแอสซิก (208 – 245 ล้านปีมาแล้ว) จัดเป็น

หินอัคนีแทรกซอน (intrusive igneous rock) ชนิดหน่ง ซ่งเกิดจากการเย็นตัว

ของแมกมา (magma) ที่อยู่ใต้เปลือกโลก ขณะที่เคลื่อนขึ้นมาใกล้ผิวโลก แมกมาจะมี
การถ่ายเทความร้อน และอณหภมจะลดลงช้า ๆ อย่างต่อเน่อง เกิดผลึกแร่




ขนาดใหญ่ เห็นรูปผลึกชัดเจน แล้วค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็นหิน


หาดยาวฝั่งตะวันตกเรียกว่า “หาดซันเซ็ต” หรือ “หาดประมง” เหมาะกับ

การนั่งทอดตามองแสงสุดท้ายยามอาทิตย์อัสดง แสงสีส้มที่ค่อยๆ อาบไล้ผืนทรายเม็ด
ละเอียดขาวนวล เป็นห้วงยามโรแมนติกที่อาจท�าให้ใครหลายคนลืมหายใจ



หาดประมงจะพบหินแกรนิตโผล่ให้เห็นที่ริมหาด








หินแกรนิตบนเกาะหลีเป๊ะ มีรูปลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นหินทัวร์มาลีน – ไบโอไทต์



แกรนิต (tourmaline – biotite granite) เน้อดอก สีเทาจาง เน้อปานกลาง – เนอหยาบ


ไม่มีการเรียงตัว แร่ประกอบสาคัญ คอแร่ควอตซ์ แร่เฟลด์สปาร์ แร่ไบต์โอไทต์


แร่ฮอร์นเบลน และแร่ทัวร์มาลีน แร่ดอกจะพบผลึกแร่เฟลด์สปาร์ขนาดใหญ่ประมาณ


0.5 – 2 เซนติเมตร ในปริมาณราว 20 – 40% ของหินท้งก้อน ในเน้อพ้นของหิน

บางบริเวณพบสายแร่ควอตซ์ขนาดเล็กๆ กว้างประมาณ 3 – 10 เซนติเมตร และพบ
และในวันที่ท้องฟ้าสดใส เพียงนั่งเรือออกไปจากแนวชายหาดไม่ไกล รายรอบ แร่ทัวร์มาลีน สีด�า ฝั่ังประร่วมอยู่ด้วยจ�านวนมาก
เกาะล้วนแต่งแต้มไปด้วยแนวป่าปะการังงดงามหลากสี และฝูงปลาหลากรูปทรงสีสัน แร่สีด�าเหล่านี้เมื่อหินผุพังกร่อนสลาย บางส่วนจะเกิดการสะสมตัวอยู่บริเวณ
บางบริเวณมีลักษณะเฉพาะคือเวลานาลดจะปรากฏลานกว้างของหมู่ปะการังให้เห็น ชายหาดร่วมกับเม็ดทรายสีขาว (แร่ควอตซ์) เกิดเป็นลักษณะเฉพาะที่งดงามแปลกตา





กิจกรรมดานาชมความงามใต้ท้องทะเล จึงเป็นกิจกรรมหลักท่นักเดินทางท่มาเยือน แตกต่างจากแหล่งอื่นๆ


เกาะหลีเป๊ะชื่นชอบ และปรารถนาจะกลับมาชมอีกอย่างไม่รู้เบื่อ
- 17 - - 18 -


นักธรณีวิทยา ช้ชวนว่า หากลองพิจารณาโขดเขาและก้อนหินท่พบบนเกาะ

หลีเป๊ะ ทั้งหมดล้วนเป็นหินแกรนิต ยุคไทรแอสซิก (208 – 245 ล้านปีมาแล้ว) จัดเป็น

หินอัคนีแทรกซอน (intrusive igneous rock) ชนิดหน่ง ซ่งเกิดจากการเย็นตัว

ของแมกมา (magma) ที่อยู่ใต้เปลือกโลก ขณะที่เคลื่อนขึ้นมาใกล้ผิวโลก แมกมาจะมี
การถ่ายเทความร้อน และอณหภมจะลดลงช้า ๆ อย่างต่อเน่อง เกิดผลึกแร่




ขนาดใหญ่ เห็นรูปผลึกชัดเจน แล้วค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็นหิน


หาดยาวฝั่งตะวันตกเรียกว่า “หาดซันเซ็ต” หรือ “หาดประมง” เหมาะกับ

การนั่งทอดตามองแสงสุดท้ายยามอาทิตย์อัสดง แสงสีส้มที่ค่อยๆ อาบไล้ผืนทรายเม็ด
ละเอียดขาวนวล เป็นห้วงยามโรแมนติกที่อาจท�าให้ใครหลายคนลืมหายใจ



หาดประมงจะพบหินแกรนิตโผล่ให้เห็นที่ริมหาด








หินแกรนิตบนเกาะหลีเป๊ะ มีรูปลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นหินทัวร์มาลีน – ไบโอไทต์



แกรนิต (tourmaline – biotite granite) เน้อดอก สีเทาจาง เน้อปานกลาง – เนอหยาบ


ไม่มีการเรียงตัว แร่ประกอบสาคัญ คอแร่ควอตซ์ แร่เฟลด์สปาร์ แร่ไบต์โอไทต์


แร่ฮอร์นเบลน และแร่ทัวร์มาลีน แร่ดอกจะพบผลึกแร่เฟลด์สปาร์ขนาดใหญ่ประมาณ


0.5 – 2 เซนติเมตร ในปริมาณราว 20 – 40% ของหินท้งก้อน ในเน้อพ้นของหิน

บางบริเวณพบสายแร่ควอตซ์ขนาดเล็กๆ กว้างประมาณ 3 – 10 เซนติเมตร และพบ
และในวันที่ท้องฟ้าสดใส เพียงนั่งเรือออกไปจากแนวชายหาดไม่ไกล รายรอบ แร่ทัวร์มาลีน สีด�า ฝั่ังประร่วมอยู่ด้วยจ�านวนมาก
เกาะล้วนแต่งแต้มไปด้วยแนวป่าปะการังงดงามหลากสี และฝูงปลาหลากรูปทรงสีสัน แร่สีด�าเหล่านี้เมื่อหินผุพังกร่อนสลาย บางส่วนจะเกิดการสะสมตัวอยู่บริเวณ
บางบริเวณมีลักษณะเฉพาะคือเวลานาลดจะปรากฏลานกว้างของหมู่ปะการังให้เห็น ชายหาดร่วมกับเม็ดทรายสีขาว (แร่ควอตซ์) เกิดเป็นลักษณะเฉพาะที่งดงามแปลกตา





กิจกรรมดานาชมความงามใต้ท้องทะเล จึงเป็นกิจกรรมหลักท่นักเดินทางท่มาเยือน แตกต่างจากแหล่งอื่นๆ


เกาะหลีเป๊ะชื่นชอบ และปรารถนาจะกลับมาชมอีกอย่างไม่รู้เบื่อ
- 17 - - 18 -




วิถีเดิมจะเปนการท�าประมงแบบยังชีพ ดวยภูมิหลังของชาติพันธุที่ผูกพันและ






เตบโตมากบท้องทะเล มเรอทถอเป็นศนย์กลางชวตของชาวเลอรกลาโว้ย ถงกบม ี








ค�ากล่าวว่า “ใครก็ตามหากไม่มีเรือก็เหมือนไม่มีแขนไม่มีขา” และมีเบ็ดตกปลา ฉมวก
หรือชนัก เป็นเครื่องมือส�าคัญในการจับปลาด้วย ื ี
ชาวเลถือเป็นชาวประมงที่รู้ซ้งถึงสภาพภูมิศาสตร์ ธรรมชาติของพ้นท่ เช่น


ชาวเลอูรักลาโว้ย การข้นลงของนา วงจรพระจันทร์ สภาพคล่นลม การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและ




เวลา นอกจากจะท�าประมงเป็นหลักแล้ว ยังได้ท�าการเกษตร คือปลูกข้าวและมะพร้าว
ไว้บริโภคในครัวเรือนด้วย
: วันวานและวันนี้ที่เกาะหลีเป๊ะ
“อูรักลาโว้ย” หมายถึง คนแห่งทะเล (sea – gypsy) เป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมกลุ่ม
หนึ่งแห่งห้วงน�้าอันดามัน แต่เดิมชาวเลกลุ่มนี้เคยอาศัยอยู่แถบช่องแคบมะละกา ก่อน



จะเข้ามาต้งหลักแหล่งบนเกาะลันตา จากน้นก็ขยายถ่นฐานไปอีกหลายแห่ง ในเขต
จังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง และสตูล
ในราวทศวรรษ 2440 (สมัยรัชกาลท่ 5) ชาวเลกลุ่มแรกจากเกาะลันตา ได้

เริ่มอพยพมาอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ โดยมี โต๊ะฆีรี เป็นผู้น�าบุกเบิกสร้างบ้านเรือนและท�ามา
หากิน จึงนับว่าชาวเลบนเกาะลันตาและเกาะหลีเป๊ะมีบรรพบุรุษร่วมกัน เป็นเครือ ชาวเลอูรักลาโว้ยมักอธิบายวิถีของตัวเองในอดีตว่า “ด�าหอยหน้าแล้ง ตกเบ็ด
ญาติกัน หน้ามรสุม” หอยทมมากก็เช่น หอยมือเสือ หอยมุก หอยนมสาว รวมท้งกุ้งมังกร




จากเรองราวเลาขาน โตะฆรเปนชาวมสลิมจากอนโดนีเซย แจวเรือมาจากอาเจะห ์ โดย “หอยจะมีมากมายแถบเกาะราวี และเกาะตง จะออกไปเก็บตอนกลางคืน ใช้ไต้ซ่ง ึ










เมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว ระหว่างทางได้หยุดแวะพักที่ฆูนุงฌึรัย (มาเลเซีย) และได้ชวน ทามาจากนามันยาง ถือไว้หรือผกตดไว้ด้านหน่งของเรือ ผู้ชายคนหน่งจะพายเรือ









เพ่อนรวม 4 คนไปต้งถ่นฐานท่เกาะลันตา แต่โต๊ะฆีรียังมีความต้งใจจะเดินทางแสวงหา อีก 2 - 3 คนจะว่ายน�้าไปข้าง ๆ หอยมุกจะอยู่บนหิน ถ้าไปถูกที่จะพบหอยกลุ่มใหญ่



ที่ท�ากินต่อไป ไม่นานจึงมาถึงยังเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นเกาะมีความอุดมสมบูรณ์ มีบึงน�้า ต้องทอดสมอเรือไว้และเก็บหอยจนกว่าจะเต็มเรือ”
อยู่กลางเกาะ ใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูก และมีแหล่งท�ามาหากินทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ก่อนทศวรรษ 2490 ชาวเลที่เกาะหลีเปะ จะมีวิธีที่เรียกวา “บากัด” หมายถึง




ในยุคด้งเดิมชุมชนชาวเลยังมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ต้งบ้านเรือนกระจายอยู่ตาม การออกไปหาอาหารในที่ไกล ๆ โดยไปกันทั้งครอบครัว ระยะเวลาตั้งแต่ 2 – 3 วัน



อ่าวท่หลบลมแรงได้ และตามชายหาดต่าง ๆ ทมนาจด โดยนอกเหนอจากบนเกาะหลีเป๊ะ จนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สภาพอากาศ และอาหารที่หาได้







แล้วยงพบว่าเคยมหม่บ้านเก่าตงอยู่ท่บริเวณชายหาด 8 แห่ง บนเกาะอาดัง




และอีก 3 แห่งบนเกาะราวี
- 19 - - 20 -



วิถีเดิมจะเปนการท�าประมงแบบยังชีพ ดวยภูมิหลังของชาติพันธุที่ผูกพันและ













เตบโตมากบท้องทะเล มเรอทถอเป็นศนย์กลางชวตของชาวเลอรกลาโว้ย ถงกบม ี


ค�ากล่าวว่า “ใครก็ตามหากไม่มีเรือก็เหมือนไม่มีแขนไม่มีขา” และมีเบ็ดตกปลา ฉมวก
หรือชนัก เป็นเครื่องมือส�าคัญในการจับปลาด้วย ื ี


ชาวเลถือเป็นชาวประมงที่รู้ซ้งถึงสภาพภูมิศาสตร์ ธรรมชาติของพ้นท่ เช่น
ชาวเลอูรักลาโว้ย การข้นลงของนา วงจรพระจันทร์ สภาพคล่นลม การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและ




เวลา นอกจากจะท�าประมงเป็นหลักแล้ว ยังได้ท�าการเกษตร คือปลูกข้าวและมะพร้าว
ไว้บริโภคในครัวเรือนด้วย
: วันวานและวันนี้ที่เกาะหลีเป๊ะ
“อูรักลาโว้ย” หมายถึง คนแห่งทะเล (sea – gypsy) เป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมกลุ่ม
หนึ่งแห่งห้วงน�้าอันดามัน แต่เดิมชาวเลกลุ่มนี้เคยอาศัยอยู่แถบช่องแคบมะละกา ก่อน
จะเข้ามาต้งหลักแหล่งบนเกาะลันตา จากน้นก็ขยายถ่นฐานไปอีกหลายแห่ง ในเขต



จังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง และสตูล
ในราวทศวรรษ 2440 (สมัยรัชกาลท่ 5) ชาวเลกลุ่มแรกจากเกาะลันตา ได้

เริ่มอพยพมาอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ โดยมี โต๊ะฆีรี เป็นผู้น�าบุกเบิกสร้างบ้านเรือนและท�ามา
หากิน จึงนับว่าชาวเลบนเกาะลันตาและเกาะหลีเป๊ะมีบรรพบุรุษร่วมกัน เป็นเครือ ชาวเลอูรักลาโว้ยมักอธิบายวิถีของตัวเองในอดีตว่า “ด�าหอยหน้าแล้ง ตกเบ็ด
ญาติกัน หน้ามรสุม” หอยทมมากก็เช่น หอยมือเสือ หอยมุก หอยนมสาว รวมท้งกุ้งมังกร














จากเรองราวเลาขาน โตะฆรเปนชาวมสลิมจากอนโดนีเซย แจวเรือมาจากอาเจะห ์ โดย “หอยจะมีมากมายแถบเกาะราวี และเกาะตง จะออกไปเก็บตอนกลางคืน ใช้ไต้ซ่ง

เมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว ระหว่างทางได้หยุดแวะพักที่ฆูนุงฌึรัย (มาเลเซีย) และได้ชวน ทามาจากนามันยาง ถือไว้หรือผกตดไว้ด้านหน่งของเรือ ผู้ชายคนหน่งจะพายเรือ









เพ่อนรวม 4 คนไปต้งถ่นฐานท่เกาะลันตา แต่โต๊ะฆีรียังมีความต้งใจจะเดินทางแสวงหา อีก 2 - 3 คนจะว่ายน�้าไปข้าง ๆ หอยมุกจะอยู่บนหิน ถ้าไปถูกที่จะพบหอยกลุ่มใหญ่



ที่ท�ากินต่อไป ไม่นานจึงมาถึงยังเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นเกาะมีความอุดมสมบูรณ์ มีบึงน�้า ต้องทอดสมอเรือไว้และเก็บหอยจนกว่าจะเต็มเรือ”
อยู่กลางเกาะ ใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูก และมีแหล่งท�ามาหากินทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ก่อนทศวรรษ 2490 ชาวเลที่เกาะหลีเปะ จะมีวิธีที่เรียกวา “บากัด” หมายถึง




ในยุคด้งเดิมชุมชนชาวเลยังมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ต้งบ้านเรือนกระจายอยู่ตาม การออกไปหาอาหารในที่ไกล ๆ โดยไปกันทั้งครอบครัว ระยะเวลาตั้งแต่ 2 – 3 วัน


อ่าวท่หลบลมแรงได้ และตามชายหาดต่าง ๆ ทมนาจด โดยนอกเหนอจากบนเกาะหลีเป๊ะ จนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สภาพอากาศ และอาหารที่หาได้












แล้วยงพบว่าเคยมหม่บ้านเก่าตงอยู่ท่บริเวณชายหาด 8 แห่ง บนเกาะอาดัง
และอีก 3 แห่งบนเกาะราวี
- 19 - - 20 -


ด้านภาษา แต่เดิมภาษาที่ใช้สื่อสารภายในชุมชน คือภาษาอูรักลาโว้ย ซึ่งเป็น วันต่อมาจะมีการไปตัดไม้ระกามา


ภาษาพูดแต่ไม่มีภาษาเขียน บางคนสามารถใชภาษามาเลยและภาษาไทยท้องถิ่น ต่อมา สร้างเรือและตกแต่งเป็นลวดลายสวยงาม

เม่อเกาะหลีเป๊ะเปิดรับนักท่องเท่ยวมากข้น ชาวเลจึงใช้ภาษาไทยได้ดีข้น และกลุ่มท ี ่ โตะหมอทาพิธีเชิญบรรพบุรุษให้นาส่งช่วร้าย








ต้องท�างานบริการก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย ลงเรือ แล้วจึงนาเรือออกไปลอยให้พ้นจาก

การแต่งกาย ผู้ชายมักนุ่งโสร่งหรือ เกาะหลีเป๊ะ





กางเกงขายาว ไม่นยมสวมเสอ ผู้หญงนยม พิธียาป๊นียู เป็นการบูชาเต่าทะเล โดย


นุ่งผ้ากระโจมอกผืนเดียว ไม่สวมเส้อเช่นกัน ท�าพิธีในช่วงขึ้น 15 ค�่า เดือน 5 หรือเดือน 11




แต่ปัจจุบันมีการแต่งกายตามสมัยนิยมของ เพอให้เต่าทะเลขึนมาวางไข่ ไม่ให้สูญพนธ์ ุ
คนเมืองมากขึ้น พิธีตูลาบาบา เป็นพิธีสะเดาะเคราะห์ เมื่อชาวเล




ส่วนประเพณีและพิธีกรรมในยคแรก มีโรคภัยไขเจ็บมาก พิธีปูยาลาโวย เปนการบูชา






ของการต้งถ่นฐานชาวเลยังไม่มีการนับถือ ทางทะเล ในช่วง 15 คา เดือน 11 เพ่อให้สัตว์นา

ศาสนาใดแต่จะนับถือภูตผีและวิญญาณ เข้ามารวมกัน ชาวเลจะได้มีอาหารอุดมสมบูรณ์







บรรพบุรุษ มีประเพณีและพธกรรมทสาคญ คอ นอกจากน้ยังมีความเช่อด้านไสยศาสตร์ การทา





ยาเสน่ห์จากนาตาปลาดุหยง (พะยูน) การใชคาถา

เวทมนต์ เคร่องรางของขลัง ปัจจุบันพิธีกรรม


เดิมลดความสาคัญลง ผนวกให้คงเหลือเพียง
พิธีลอยเรือ และเปลี่ยนรูปแบบเป็นเรือหางยาว





โดยนอกจากจะทาตามประเพณเดมแล้วยงจัดข้นเพ่อให้นักท่องเท่ยวได้มีส่วนร่วมด้วย






ทุกวันน้ด้วยการเปล่ยนแปลงท่เกิดข้นอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการรับ

วัฒนธรรมภายนอก การเข้ามาของประมงเชิงพาณิชย์ และธุรกิจการท่องเท่ยวส่งผลให้
เกาะหลีเป๊ะกลายเป็นแหล่งท่องเท่ยวท่โด่งดัง ปัจจัยสาคัญเหล่าน้จึงมีผลต่อชีวิตและ




วัฒนธรรมบทบาทของชาวเลทั้งชายและหญิงมีหน้าที่ในการท�างานอื่นมากขึ้น



ป๊ระเพณีลีอยเรอ จัดขึ้นปีละสองครั้ง ในวันขึ้น 15 ค�่า เดือน 6 และเดือน 11 อีกท้งการใช้ภาษาอูรักลาโว้ย ซ่งจากเดิมเคยเป็นภาษาหลัก แต่เด็กชาวเล











เพ่อแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ และเป็นการสะเดาะเคราะห์ไปกับการลอยเรือ เรือ ร่นใหม่หนมาใช้ภาษาไทยถนใต้ และภาษาไทยกลางมากข้น เกดอาชพทเก่ยวกับ




จะสร้างด้วยไม้ระกา แต่ละครอบครัวจะนาอาหารและขนมไปทาพิธีเคารพและขอขมา การบริการท่องเท่ยว พร้อม ๆ กับค่านิยมทางวัตถุท่มากข้น สวนทางกับวิถีด้งเดิม



บรรพบรษทศาลทวดโต๊ะฆีรี กลางคืนมีการแสดงรามะนา เต้นราตามจังหวะดนตร ี ที่ลดน้อยและปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา






- 21 - - 22 -


ด้านภาษา แต่เดิมภาษาที่ใช้สื่อสารภายในชุมชน คือภาษาอูรักลาโว้ย ซึ่งเป็น วันต่อมาจะมีการไปตัดไม้ระกามา


ภาษาพูดแต่ไม่มีภาษาเขียน บางคนสามารถใชภาษามาเลยและภาษาไทยท้องถิ่น ต่อมา สร้างเรือและตกแต่งเป็นลวดลายสวยงาม









เม่อเกาะหลีเป๊ะเปิดรับนักท่องเท่ยวมากข้น ชาวเลจึงใช้ภาษาไทยได้ดีข้น และกลุ่มท ี ่ โตะหมอทาพิธีเชิญบรรพบุรุษให้นาส่งช่วร้าย

ต้องท�างานบริการก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย ลงเรือ แล้วจึงนาเรือออกไปลอยให้พ้นจาก
การแต่งกาย ผู้ชายมักนุ่งโสร่งหรือ เกาะหลีเป๊ะ

กางเกงขายาว ไม่นยมสวมเสอ ผู้หญงนยม พิธียาป๊นียู เป็นการบูชาเต่าทะเล โดย






นุ่งผ้ากระโจมอกผืนเดียว ไม่สวมเส้อเช่นกัน ท�าพิธีในช่วงขึ้น 15 ค�่า เดือน 5 หรือเดือน 11




แต่ปัจจุบันมีการแต่งกายตามสมัยนิยมของ เพอให้เต่าทะเลขึนมาวางไข่ ไม่ให้สูญพนธ์ ุ
คนเมืองมากขึ้น พิธีตูลาบาบา เป็นพิธีสะเดาะเคราะห์ เมื่อชาวเล




ส่วนประเพณีและพิธีกรรมในยคแรก มีโรคภัยไขเจ็บมาก พิธีปูยาลาโวย เปนการบูชา




ของการต้งถ่นฐานชาวเลยังไม่มีการนับถือ ทางทะเล ในช่วง 15 คา เดือน 11 เพ่อให้สัตว์นา � ้

ศาสนาใดแต่จะนับถือภูตผีและวิญญาณ เข้ามารวมกัน ชาวเลจะได้มีอาหารอุดมสมบูรณ์





บรรพบุรุษ มีประเพณีและพธกรรมทสาคญ คอ นอกจากน้ยังมีความเช่อด้านไสยศาสตร์ การทา






ยาเสน่ห์จากนาตาปลาดุหยง (พะยูน) การใชคาถา



เวทมนต์ เคร่องรางของขลัง ปัจจุบันพิธีกรรม
เดิมลดความสาคัญลง ผนวกให้คงเหลือเพียง

พิธีลอยเรือ และเปลี่ยนรูปแบบเป็นเรือหางยาว




โดยนอกจากจะทาตามประเพณเดมแล้วยงจัดข้นเพ่อให้นักท่องเท่ยวได้มีส่วนร่วมด้วย






ทุกวันน้ด้วยการเปล่ยนแปลงท่เกิดข้นอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการรับ

วัฒนธรรมภายนอก การเข้ามาของประมงเชิงพาณิชย์ และธุรกิจการท่องเท่ยวส่งผลให้




เกาะหลีเป๊ะกลายเป็นแหล่งท่องเท่ยวท่โด่งดัง ปัจจัยสาคัญเหล่าน้จึงมีผลต่อชีวิตและ

วัฒนธรรมบทบาทของชาวเลทั้งชายและหญิงมีหน้าที่ในการท�างานอื่นมากขึ้น



ป๊ระเพณีลีอยเรอ จัดขึ้นปีละสองครั้ง ในวันขึ้น 15 ค�่า เดือน 6 และเดือน 11 อีกท้งการใช้ภาษาอูรักลาโว้ย ซ่งจากเดิมเคยเป็นภาษาหลัก แต่เด็กชาวเล











เพ่อแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ และเป็นการสะเดาะเคราะห์ไปกับการลอยเรือ เรือ ร่นใหม่หนมาใช้ภาษาไทยถนใต้ และภาษาไทยกลางมากข้น เกดอาชพทเก่ยวกับ




จะสร้างด้วยไม้ระกา แต่ละครอบครัวจะนาอาหารและขนมไปทาพิธีเคารพและขอขมา การบริการท่องเท่ยว พร้อม ๆ กับค่านิยมทางวัตถุท่มากข้น สวนทางกับวิถีด้งเดิม



บรรพบรษทศาลทวดโต๊ะฆีรี กลางคืนมีการแสดงรามะนา เต้นราตามจังหวะดนตร ี ที่ลดน้อยและปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา






- 21 - - 22 -

หลายสถานที่งดงามในโลกที่คู่รักนิยมจูงมือกัน

ไปบอกรักหรือกล่าวคำ�มั่นสัญญา

“เกาะไข่”ก็น่าจะเป็นหมุดหมายหน่งในน้นภาพของซุ้มหินโค้งอันเป็นจุด




เช็คอินสาคัญท่ใครมาสตูลแล้วต้องไม่พลาด เป็นเสมือนสัญลักษณ์การท่องเท่ยวของ

เกาะไข่ : ซุ้มหินแห่งรักนิรันดร์ จังหวัดท่เช่อกันว่าหากคู่รักได้เดินจูงมือลอดซุ้มหินธรรมชาติแห่งน้จะได้ครองรักกัน



ยืนยาวชั่วนิรันดร์
เกาะไข่ หรือเกาะตะรัง เป็นเกาะเล็กๆ (ขนาดราว 200 x 300 เมตร) ที่อยู่
กึ่งกลางระหว่างเกาะตะรุเตากับเกาะอาดัง และเกาะหลีเปะ โดยอยูห่างจากเกาะตะรุเตา


ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร ปกติแล้วหากนงเรอโดยสารจากท่าเรอ




ปากบารา เรือจะแวะจอดที่อ่าวพันเตมะละกา เกาะตะรุเตาเป็นจุดแรก และใช้เวลา
อีกราว 30 นาทีเดินทางมาถึงเกาะไข่ ก่อนจะต่อไปค้างแรมยังเกาะสวรรค์ - หลีเป๊ะ










สมผสแรกยามเดนทางมาถงและก้าวลงจากเรอเพอจะเดนไปส่ซ้มหน

เม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้าสะท้อนแสงขาวจ้าแทรกแซมด้วยเปลอกหอยเล็กน้อยใน

บางบริเวณ แผ่ผืนอยู่รายรอบราวกับเป็นพรมผืนงามและถักทอต่อเติมด้วยแมกไม้เขียว
ขจีบนเกาะ
มองด้วยจินตนาการจากภาพมุมสูง รูปร่างเกาะไข่มีส่วนคล้ายนกที่มีส่วนปาก


และหัวอย่ทางด้านทิศเหนือ และมส่วนขาอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ตรงส่วน





ขาข้างหน่งของนกน้เองท่มีประติมากรรมธรรมชาติอันถูกสลักเสลามาจากคล่นนาและ

กระแสลมมาเนิ่นนาน กระทั่งปรากฏเป็นซุ้มหินชายฝั่งที่น่าตรึงใจ









- 24 -

หลายสถานที่งดงามในโลกที่คู่รักนิยมจูงมือกัน

ไปบอกรักหรือกล่าวคำ�มั่นสัญญา

“เกาะไข่”ก็น่าจะเป็นหมุดหมายหน่งในน้นภาพของซุ้มหินโค้งอันเป็นจุด




เช็คอินสาคัญท่ใครมาสตูลแล้วต้องไม่พลาด เป็นเสมือนสัญลักษณ์การท่องเท่ยวของ

เกาะไข่ : ซุ้มหินแห่งรักนิรันดร์ จังหวัดท่เช่อกันว่าหากคู่รักได้เดินจูงมือลอดซุ้มหินธรรมชาติแห่งน้จะได้ครองรักกัน



ยืนยาวชั่วนิรันดร์
เกาะไข่ หรือเกาะตะรัง เป็นเกาะเล็กๆ (ขนาดราว 200 x 300 เมตร) ที่อยู่
กึ่งกลางระหว่างเกาะตะรุเตากับเกาะอาดัง และเกาะหลีเปะ โดยอยูห่างจากเกาะตะรุเตา


ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร ปกติแล้วหากนงเรอโดยสารจากท่าเรอ




ปากบารา เรือจะแวะจอดที่อ่าวพันเตมะละกา เกาะตะรุเตาเป็นจุดแรก และใช้เวลา
อีกราว 30 นาทีเดินทางมาถึงเกาะไข่ ก่อนจะต่อไปค้างแรมยังเกาะสวรรค์ - หลีเป๊ะ










สมผสแรกยามเดนทางมาถงและก้าวลงจากเรอเพอจะเดนไปส่ซ้มหน

เม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้าสะท้อนแสงขาวจ้าแทรกแซมด้วยเปลอกหอยเล็กน้อยใน

บางบริเวณ แผ่ผืนอยู่รายรอบราวกับเป็นพรมผืนงามและถักทอต่อเติมด้วยแมกไม้เขียว
ขจีบนเกาะ
มองด้วยจินตนาการจากภาพมุมสูง รูปร่างเกาะไข่มีส่วนคล้ายนกที่มีส่วนปาก


และหัวอย่ทางด้านทิศเหนือ และมส่วนขาอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ตรงส่วน





ขาข้างหน่งของนกน้เองท่มีประติมากรรมธรรมชาติอันถูกสลักเสลามาจากคล่นนาและ

กระแสลมมาเนิ่นนาน กระทั่งปรากฏเป็นซุ้มหินชายฝั่งที่น่าตรึงใจ









- 24 -



นีักธรณีวิทยา อธิบายเพิ่มเติมว่า ซุ้มหินชายฝั่งทะเล (Sea arch) จัดเป็นภูมิ







ลักษณ์ชายฝั่งทะเลแบบหน่ง บริเวณพ้นท่รอยต่อระหว่างทะเลกับแผ่นดิน ซ่งเป็นพ้นท ี ่
พลวัตรที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อคงสภาพความสมดุลตามธรรมชาติ
การเกิดภูมิลักษณ์ชายฝั่ั�งทะเลรูปแบบต่างๆจะมีความสัมพันธ์กับการ
เปลี่ยนแปลงระดับน�้าทะเลในอดีต เมื่อราว 10,000 ปีที่ผ่านมา เมื่อน�้าทะเลสูงขึ้นและ
ไหลท่วมเข้ามาบนแผ่นดิน โดยขึ้นสูงสุดราว 4 เมตร (จากระดับน�้าทะเลปัจจุบัน) เมื่อ
6,000 ปีที่ผ่านมา ก่อนค่อยๆ ลดระดับลงจนมาอยู่ในระดับปัจจุบันเมื่อราว 1,000 ปี
ที่ผ่านมา

ผลจากการกระทาของพลังคล่น นาข้นนาลง กระแสลม และการขัดสีของทราย







ท่ถูกพัดพามาด้วย ทาให้หน้าผาหินท่ย่นออกไปในทะเล หรือหัวแหลมบริเวณชายฝั่ั�ง








เกิดการกัดเซาะจนเปล่ยนรูปร่างไปจากเดิม พลังจากลมและนาท่กระแทกเป็นวงจรอย ู่
ซ�้าๆ เนิ่นนาน ท�าให้เกิดแรงดันเข้ากัดเซาะตามรอยแตก รอยแยกในเนื้อหิน หรือตรง
บริเวณที่มีรอยเลื่อน รอยคดโค้งในชั้นหินมาก



กระท่งรอยเหล่านั้นขยายใหญ่ข้น แล้วผุพังสึกกร่อน สุดท้ายหินบริเวณน้นก ็
จะแตกหักและพังลงทั้งสองด้าน เกิดเป็นช่องทะลุเข้าหากันได้ เรียกว่า “ซุ้มหินทะเล”


ช่องว่างน้จะกว้างข้นตามกาลเวลา ถ้ากว้างจนส่วนบนของซุ้มหินขาดออกจาก








กนเหลอเพียงคานหรอเสาซมด้านหนง เรยกวา “เกาะหนโดง” (stack) สวนรอยหยักท ี ่





เกิดข้นเป็นแนวตอนล่างของหน้าผาหรือแหลมหิน เป็นรอยการเปล่ยนแปลงของระดับ

น�้าทะเล เรียกว่า “รอยน�้าเซาะหิน” (notch)
ภูมิลักษณ์แบบน้ส่วนใหญ่เกิดในหินตะกอน โดยเฉพาะในหินทราย หรือบริเวณ

ที่มีหินหลายชนิดเกิดสลับชั้นกัน แหล่งที่โดดเด่นเป็นที่รู้จัก ก็เช่น ซุ้มหินชายฝั่งหาดผา


แดงที่จังหวัดชุมพร แหลมจมูกควาย จังหวัดกระบี่ และที่เกาะไข่ จังหวัดสตูลแห่งนี้

ถ้าลองพิจารณาแบบชิดใกล้ ซุ้มหินชายฝั่งทะเลที่เกาะไข่ เกิดจากหินตะกอน

ชนิดหินทราย (กลุ่มหินแก่งกระจาน) พบแนวรอยเล่อน และรอยคดโค้งในโครงสร้าง

ของชั้นหิน ส่งผลต่อเนื่องให้หินเหล่านี้มีรอยแตก (joint) รอยแยก (fracture) ถี่หลาย
ทิศทาง
- 25 - - 26 -



นีักธรณีวิทยา อธิบายเพิ่มเติมว่า ซุ้มหินชายฝั่งทะเล (Sea arch) จัดเป็นภูมิ







ลักษณ์ชายฝั่งทะเลแบบหน่ง บริเวณพ้นท่รอยต่อระหว่างทะเลกับแผ่นดิน ซ่งเป็นพ้นท ี ่
พลวัตรที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อคงสภาพความสมดุลตามธรรมชาติ
การเกิดภูมิลักษณ์ชายฝั่ั�งทะเลรูปแบบต่างๆจะมีความสัมพันธ์กับการ
เปลี่ยนแปลงระดับน�้าทะเลในอดีต เมื่อราว 10,000 ปีที่ผ่านมา เมื่อน�้าทะเลสูงขึ้นและ
ไหลท่วมเข้ามาบนแผ่นดิน โดยขึ้นสูงสุดราว 4 เมตร (จากระดับน�้าทะเลปัจจุบัน) เมื่อ
6,000 ปีที่ผ่านมา ก่อนค่อยๆ ลดระดับลงจนมาอยู่ในระดับปัจจุบันเมื่อราว 1,000 ปี
ที่ผ่านมา

ผลจากการกระทาของพลังคล่น นาข้นนาลง กระแสลม และการขัดสีของทราย







ท่ถูกพัดพามาด้วย ทาให้หน้าผาหินท่ย่นออกไปในทะเล หรือหัวแหลมบริเวณชายฝั่ั�ง







เกิดการกัดเซาะจนเปล่ยนรูปร่างไปจากเดิม พลังจากลมและนาท่กระแทกเป็นวงจรอย ู่

ซ�้าๆ เนิ่นนาน ท�าให้เกิดแรงดันเข้ากัดเซาะตามรอยแตก รอยแยกในเนื้อหิน หรือตรง
บริเวณที่มีรอยเลื่อน รอยคดโค้งในชั้นหินมาก



กระท่งรอยเหล่านั้นขยายใหญ่ข้น แล้วผุพังสึกกร่อน สุดท้ายหินบริเวณน้นก ็
จะแตกหักและพังลงทั้งสองด้าน เกิดเป็นช่องทะลุเข้าหากันได้ เรียกว่า “ซุ้มหินทะเล”


ช่องว่างน้จะกว้างข้นตามกาลเวลา ถ้ากว้างจนส่วนบนของซุ้มหินขาดออกจาก








กนเหลอเพียงคานหรอเสาซมด้านหนง เรยกวา “เกาะหนโดง” (stack) สวนรอยหยักท ี ่





เกิดข้นเป็นแนวตอนล่างของหน้าผาหรือแหลมหิน เป็นรอยการเปล่ยนแปลงของระดับ

น�้าทะเล เรียกว่า “รอยน�้าเซาะหิน” (notch)
ภูมิลักษณ์แบบน้ส่วนใหญ่เกิดในหินตะกอน โดยเฉพาะในหินทราย หรือบริเวณ

ที่มีหินหลายชนิดเกิดสลับชั้นกัน แหล่งที่โดดเด่นเป็นที่รู้จัก ก็เช่น ซุ้มหินชายฝั่งหาดผา


แดงที่จังหวัดชุมพร แหลมจมูกควาย จังหวัดกระบี่ และที่เกาะไข่ จังหวัดสตูลแห่งนี้

ถ้าลองพิจารณาแบบชิดใกล้ ซุ้มหินชายฝั่งทะเลที่เกาะไข่ เกิดจากหินตะกอน

ชนิดหินทราย (กลุ่มหินแก่งกระจาน) พบแนวรอยเล่อน และรอยคดโค้งในโครงสร้าง

ของชั้นหิน ส่งผลต่อเนื่องให้หินเหล่านี้มีรอยแตก (joint) รอยแยก (fracture) ถี่หลาย
ทิศทาง
- 25 - - 26 -

ด้วยรอยแตกที่พบมากนี้เองหิน ลักษณะของหินทรายบริเวณ


บริเวณหัวแหลมซ่งต้งตระหง่านท้าทาย ซุ้มหินชายฝั่งที่เกาะไข่

คล่นนากระแสลมและกาลเวลามาเน่น



นานจึงไม่อาจคงทนต่อการกัดเซาะ
ได้ ก่อเกิดรูปลักษณ์เป็นช่องโพรงทะล ุ
เข้าหากันอย่างที่เห็น

ท่น่าสังเกตอีกอย่างคือในบาง เกาะอาดัง – ราวี



บริเวณจะพบร้วสีนาตาลเข้มของพวก
เหล็กออกไซด์ เข้าไปสะสมตัวอยู่ตาม : สีสันทะเลใต้
แนวรอยแตกมองคล้ายโครงตาข่ายท่ช่วย

ยึดให้เน้อหินบางส่วนยังคงทนทานอยู่ได้






ซุ้มหินชายฝั่ั�งท่เกาะไข่จึงมีท้งส่วนท่ถูกกัดเซาะเป็นโพรงและมีท้งส่วนท่ยัง หากลองศึกษาประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปราว 130 ปีก่อน (พ.ศ. 2434) ชื่อ


แกร่งต่อการกร่อนสลาย ก่อรูปลักษณ์งดงามตามธรรมชาติคล้ายซุ้มประตูและสะพาน เกาะอาดังเคยปรากฏอยู่ใน “พระราชื่หัตถเลีขา ในีรชื่กาลีท� 5” (พระบาทสมเด็จ

ท่ทอดตัวโค้งจากแนวโขดหินบนเกาะสู่เว้งนาทะเลเชิญชวนให้คู่รักและนักเดินทางต้อง พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เรื่องเสด็จประพาสแหลมมลายู ความตอนหนึ่งว่า (เขียน



มาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ตามต้นฉบับเดิม)




“วนีนี้เขานีาไข่จนีลีะเมดิมาให้มากนีับดิ้วยหม�นี แจกกนีจนีถึงกะลีาส ี





ว่าเป๊นีไข่ทีเกาะอาดิัง อยู่ข้างใต้เกาะลีังกาวีไม่สู้ไกลี แลีะมีอากรไข่เต่าดิ้วย.....”
โดยการเสด็จประพาสครั้งนั้นพระองค์ท่านเสด็จทางเรือ ออกจากเมืองตรังใน
ช่วงเช้าและผ่านมาถึงเกาะตะรุเตาในช่วงเย็น
“เวลาบ่าย ๕ โมงทอดสมออยู่ที่เกาะตะรุเตา เปนเกาะใหญ่ มีเกาะเล็กๆ ราย


อยู่ข้างน่า ต้งแต่เรือถึงหัวเกาะข้างเหนือแล้วแล่นลงไปเกือบช่วโมงหน่ง จึ่งได้ทอดท่อ่าว


ตรงเขาสูงน่า ในคลองมีบ้านคน เกาะนี้เป็นของเมืองไทร แมงกะพรุนตัวใหญ่ ๆ ลอย
เต็มไปทั้งทเล ถังตักน�้าขนาดใหญ่ตักขึ้นมาตัวเดียวเต็มบริบูรณ์ดีทีเดียว”
นั่นคือรอยอดีตที่ส�าคัญ ก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา








ในปจจุบัน โดยทเกาะอาดังนเปนทตงของหนวยพทักษ์อุทยานแห่งชาติ ท่ ตต.5 (แหลมสน)





มีเนื้อที่ประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะใหญ่ที่เหมาะกับการไปเสพความเงียบ
สงบและนั่งสนทนากับหัวใจตัวเอง
- 27 - - 28 -

ด้วยรอยแตกที่พบมากนี้เองหิน ลักษณะของหินทรายบริเวณ


บริเวณหัวแหลมซ่งต้งตระหง่านท้าทาย ซุ้มหินชายฝั่งที่เกาะไข่
คล่นนากระแสลมและกาลเวลามาเน่น




นานจึงไม่อาจคงทนต่อการกัดเซาะ
ได้ ก่อเกิดรูปลักษณ์เป็นช่องโพรงทะล ุ
เข้าหากันอย่างที่เห็น
ท่น่าสังเกตอีกอย่างคือในบาง เกาะอาดัง – ราวี


บริเวณจะพบร้วสีนาตาลเข้มของพวก


เหล็กออกไซด์ เข้าไปสะสมตัวอยู่ตาม : สีสันทะเลใต้
แนวรอยแตกมองคล้ายโครงตาข่ายท่ช่วย


ยึดให้เน้อหินบางส่วนยังคงทนทานอยู่ได้




ซุ้มหินชายฝั่ั�งท่เกาะไข่จึงมีท้งส่วนท่ถูกกัดเซาะเป็นโพรงและมีท้งส่วนท่ยัง หากลองศึกษาประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปราว 130 ปีก่อน (พ.ศ. 2434) ชื่อ



แกร่งต่อการกร่อนสลาย ก่อรูปลักษณ์งดงามตามธรรมชาติคล้ายซุ้มประตูและสะพาน เกาะอาดังเคยปรากฏอยู่ใน “พระราชื่หัตถเลีขา ในีรชื่กาลีท� 5” (พระบาทสมเด็จ


ท่ทอดตัวโค้งจากแนวโขดหินบนเกาะสู่เว้งนาทะเลเชิญชวนให้คู่รักและนักเดินทางต้อง พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เรื่องเสด็จประพาสแหลมมลายู ความตอนหนึ่งว่า (เขียน


มาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ตามต้นฉบับเดิม)



“วนีนีี้เขานีาไข่จนีลีะเมดิมาให้มากนีับดิ้วยหม่�นี แจกกนีจนีถึงกะลีาส ี



ว่าเป๊็นีไข่ทีเกาะอาดิัง อยู่ข้างใต้เกาะลีังกาวีไม่สู้ไกลี แลีะมีอากรไข่เต่าดิ้วย.....”
โดยการเสด็จประพาสครั้งนั้นพระองค์ท่านเสด็จทางเรือ ออกจากเมืองตรังใน
ช่วงเช้าและผ่านมาถึงเกาะตะรุเตาในช่วงเย็น
“เวลาบ่าย ๕ โมงทอดสมออยู่ที่เกาะตะรุเตา เปนเกาะใหญ่ มีเกาะเล็กๆ ราย


อยู่ข้างน่า ต้งแต่เรือถึงหัวเกาะข้างเหนือแล้วแล่นลงไปเกือบช่วโมงหน่ง จึ่งได้ทอดท่อ่าว


ตรงเขาสูงน่า ในคลองมีบ้านคน เกาะนี้เป็นของเมืองไทร แมงกะพรุนตัวใหญ่ ๆ ลอย
เต็มไปทั้งทเล ถังตักน�้าขนาดใหญ่ตักขึ้นมาตัวเดียวเต็มบริบูรณ์ดีทีเดียว”
นั่นคือรอยอดีตที่ส�าคัญ ก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา







ในปจจุบัน โดยทเกาะอาดังนเปนทตงของหนวยพทักษ์อุทยานแห่งชาติ ท่ ตต.5 (แหลมสน)






มีเนื้อที่ประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะใหญ่ที่เหมาะกับการไปเสพความเงียบ
สงบและนั่งสนทนากับหัวใจตัวเอง
- 27 - - 28 -

หินทัวร์มาลีน - ไบโอไทต์
นอกจากโลกใต้ทะเลและผืนทรายชายหาด ภูเขาสูงบนเกาะอาดังยังอุดม เเกรนิต

ไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม มีน�้าตกที่ซ่อนตัวอยู่ภายในอย่างน�้าตกโจรสลัด ซึ่งถือเป็นแหล่ง
น�้าจืดส�าคัญในอดีตที่ชาวประมงได้แวะมาตักน�้าไปใช้ในยามออกเรือประมงด้วย


นีักธรณีวิทยา บอกว่า หินส่วนใหญ่ท่ปรากฏอยู่ บนเกาะอาดัง เป็นหิน
ทัวร์มาลีน - ไบโอไทต์แกรนิต ยุคไทรแอสซิก เช่นเดียวกับที่เกาะหลีเป๊ะมีเพียงด้านทิศ

ตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะท่จะพบหินตะกอนและหินแปร (กลุ่มหินแก่งกระจาน)
อายุแก่กว่าหินแกรนิต จ�าพวกหินโคลน หินทรายแป้ง หินควอตไซต์ และหินชนวน อยู่
บ้างเล็กน้อย

ผลจากการผุพังของหินแกรนิตเหล่านี้ ท�าให้เกิดเม็ดทรายแผ่ผืนเป็นชายหาด








สวยงาม บางบรเวณมแรทวร์มาลีนสีดาปะปนอยคอนขางมาก จึงเรียกว่า “หาดทรายดา”


ในขณะท่บางบรเวณ (ด้านตะวนออกเฉียงเหนอของเกาะ) ทรายมีตะกอนดนเหนยวมา






แทรกปน เกิดเป็น “หาดทรายดูด” ที่จะดูดเท้าจมลงเมื่อลองเหยียบลงไป กลายเป็น
แหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่อยากชวนให้มาสัมผัส
























- 29 - - 30 -

หินทัวร์มาลีน - ไบโอไทต์
นอกจากโลกใต้ทะเลและผืนทรายชายหาด ภูเขาสูงบนเกาะอาดังยังอุดม เเกรนิต

ไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม มีน�้าตกที่ซ่อนตัวอยู่ภายในอย่างน�้าตกโจรสลัด ซึ่งถือเป็นแหล่ง
น�้าจืดส�าคัญในอดีตที่ชาวประมงได้แวะมาตักน�้าไปใช้ในยามออกเรือประมงด้วย


นีักธรณีวิทยา บอกว่า หินส่วนใหญ่ท่ปรากฏอยู่ บนเกาะอาดัง เป็นหิน
ทัวร์มาลีน - ไบโอไทต์แกรนิต ยุคไทรแอสซิก เช่นเดียวกับที่เกาะหลีเป๊ะมีเพียงด้านทิศ

ตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะท่จะพบหินตะกอนและหินแปร (กลุ่มหินแก่งกระจาน)
อายุแก่กว่าหินแกรนิต จ�าพวกหินโคลน หินทรายแป้ง หินควอตไซต์ และหินชนวน อยู่
บ้างเล็กน้อย

ผลจากการผุพังของหินแกรนิตเหล่านี้ ท�าให้เกิดเม็ดทรายแผ่ผืนเป็นชายหาด








สวยงาม บางบรเวณมแรทวร์มาลีนสีดาปะปนอยคอนขางมาก จึงเรียกว่า “หาดทรายดา”


ในขณะท่บางบรเวณ (ด้านตะวนออกเฉียงเหนอของเกาะ) ทรายมีตะกอนดนเหนยวมา






แทรกปน เกิดเป็น “หาดทรายดูด” ที่จะดูดเท้าจมลงเมื่อลองเหยียบลงไป กลายเป็น
แหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่อยากชวนให้มาสัมผัส
























- 29 - - 30 -

ป่ายปีนไปแตะขอบฟ้าที่



“ผาชะโด”

ป่ายปีนไปแตะขอบฟ้าที่



“ผาชะโด”



ห่างจากบ้านพักของอุทยาน ฯ บนเกาะอาดัง ด้วยระยะเวลาเดินข้นเขาพอเหง่อ อาหารจากเรือสินค้าที่แล่นผ่านมา ต่อมาก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการปล้นชิง และลุกลาม






ซมๆ ประมาณหน่งช่วโมง นักเดินทางท่ป่ายปีนข้นไปจะได้สัมผัสกับจุดชมวิวแบบ เก่ยวข้องมาถึงพัศดี ผู้คุม กระท่งถึงผู้อานวยการนิคมฯ กลายเป็นขบวนการโจรสลัด


พาโนรามา ที่สามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะทางทิศใต้ และหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่รายล้อม ใหญ่โต ส่งผลสะเทือนให้น่านน�้าแถบนี้เป็นดินแดนมฤตยูที่ไม่มีใครอยากกล�้ากราย




เกาะอาดังได้อย่างแจ่มชัด เส้นทางเดินเรือทอยระหวางเกาะอาดงกบเกาะกลาง ก่อนผ่านไปสู่เกาะลังกาว ี










จุดชมวิว “ผาชะโด” เหมาะแก่การพาตวเองข้นไปชมพระอาทิตยขนและตกท่น่ ี ก็ถือเป็นบริเวณหน่งท่ระบุไว้ในแผนท่ด้วย ว่ามีการปล้นเรือเกิดข้นมากมายหลายคร้ง





















เปนผาหินแกรนตทชวนให้นงทอดตามองเว้งฟา เวงนา เปนผาหินทจตรกรนาจะหอบส ี และคงไม่แปลกหากผาชะโดจะถูกใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ดูเรือเป้าหมาย ด้วยภูมิทัศน์


และพกันไปแรระบายสีสันบนเส้นขอบฟ้า และเป็นผาหินท่กวีน่าจะหยิบสมดบนทก บนเขาสูงที่มองไกลได้สุดสายตา





มาร่ายกวีมอบแด่หญิงสาวคนรัก ตานานโจรสลัดตะรุเตาจบลงด้วยคาพิพากษาตามกฎหมายบ้านเมือง ผู้ร่วม

อดีตกล่าวขานว่าผาชะโดเคยเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัด ใช้ดูเรือสินค้า ก่อการได้รับโทษ ผ่านกาลเวลามายาวนาน สมญาเกาะนรกค่อยๆ แปรเปล่ยนเป็นเกาะ

เป้าหมายที่แล่นผ่านไปมา ก่อนเข้าโจมตีปล้นชิงเอาสิ่งของมีค่า สวรรค์อันเงียบสงบ ที่นักเดินทางต่างปรารถนาจะมาเยือนสักครั้ง

เอ่ยถึงเร่องราวของโจรสลัด คงต้องย้อนมอง




เมืองสตูลเม่อราวปี พ.ศ. 2482 - 2488 ซงถอเปน



ดินแดนอนห่างไกลทอย่ตดเขตประเทศมาเลเซีย



ย่งกับหมู่เกาะในฟากฝั่งอันดามัน ย่งแร้นแค้นกันดาร




และยากจะมีใครเข้าถึง
ทางการเห็นว่าน่คือสถานท่ท่เหมาะสมต่อ




การจัดต้งนิคมฝั่ึกตนเอง หรือทัณฑสถานตะรุเตา
จึงเลือกเกาะตะรุเตาเป็นศูนย์กลาง และขยายเขตถึง
เกาะอาดัง – ราวี เกาะหลีเป๊ะด้วยนักโทษการเมือง

ราว 70 คน (มีหลวงมหาสิทธิโวหาร หรือสอ เสถบตร
นักธรณีวิทยา รวมอยู่ด้วย) ถูกย้ายจากเรือนจ�าบาง

ขวางมาท่เกาะแห่งน้ โดยการควบคุมของขุนอภิพัฒน์

สุรทัณฑ์ ผู้อ�านวยการนิคมฯ สอ เสถบุตร ในวัยหนุ่ม


วันเวลาท่คืบคลานไปด้วยความลาบาก ภาพที่มา : th.wikipedia.org
ขาดแคลนในห้วงมหาสงครามเอเชียบูรพา นักโทษ
กลุ่มหน่งจึงเลือกหนทางพาเรือออกไปขอแบ่งเสบียง

- 33 - - 34 -



ห่างจากบ้านพักของอุทยาน ฯ บนเกาะอาดัง ด้วยระยะเวลาเดินข้นเขาพอเหง่อ อาหารจากเรือสินค้าที่แล่นผ่านมา ต่อมาก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการปล้นชิง และลุกลาม






ซมๆ ประมาณหน่งช่วโมง นักเดินทางท่ป่ายปีนข้นไปจะได้สัมผัสกับจุดชมวิวแบบ เก่ยวข้องมาถึงพัศดี ผู้คุม กระท่งถึงผู้อานวยการนิคมฯ กลายเป็นขบวนการโจรสลัด


พาโนรามา ที่สามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะทางทิศใต้ และหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่รายล้อม ใหญ่โต ส่งผลสะเทือนให้น่านน�้าแถบนี้เป็นดินแดนมฤตยูที่ไม่มีใครอยากกล�้ากราย




เกาะอาดังได้อย่างแจ่มชัด เส้นทางเดินเรือทอยระหวางเกาะอาดงกบเกาะกลาง ก่อนผ่านไปสู่เกาะลังกาว ี










จุดชมวิว “ผาชะโด” เหมาะแก่การพาตวเองข้นไปชมพระอาทิตยขนและตกท่น่ ี ก็ถือเป็นบริเวณหน่งท่ระบุไว้ในแผนท่ด้วย ว่ามีการปล้นเรือเกิดข้นมากมายหลายคร้ง





















เปนผาหินแกรนตทชวนให้นงทอดตามองเว้งฟา เวงนา เปนผาหินทจตรกรนาจะหอบส ี และคงไม่แปลกหากผาชะโดจะถูกใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ดูเรือเป้าหมาย ด้วยภูมิทัศน์


และพกันไปแรระบายสีสันบนเส้นขอบฟ้า และเป็นผาหินท่กวีน่าจะหยิบสมดบนทก บนเขาสูงที่มองไกลได้สุดสายตา





มาร่ายกวีมอบแด่หญิงสาวคนรัก ตานานโจรสลัดตะรุเตาจบลงด้วยคาพิพากษาตามกฎหมายบ้านเมือง ผู้ร่วม


อดีตกล่าวขานว่าผาชะโดเคยเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัด ใช้ดูเรือสินค้า ก่อการได้รับโทษ ผ่านกาลเวลามายาวนาน สมญาเกาะนรกค่อยๆ แปรเปล่ยนเป็นเกาะ
เป้าหมายที่แล่นผ่านไปมา ก่อนเข้าโจมตีปล้นชิงเอาสิ่งของมีค่า สวรรค์อันเงียบสงบ ที่นักเดินทางต่างปรารถนาจะมาเยือนสักครั้ง

เอ่ยถึงเร่องราวของโจรสลัด คงต้องย้อนมอง


เมืองสตูลเม่อราวปี พ.ศ. 2482 - 2488 ซงถอเปน



ดินแดนอนห่างไกลทอย่ตดเขตประเทศมาเลเซีย





ย่งกับหมู่เกาะในฟากฝั่งอันดามัน ย่งแร้นแค้นกันดาร




และยากจะมีใครเข้าถึง
ทางการเห็นว่าน่คือสถานท่ท่เหมาะสมต่อ




การจัดต้งนิคมฝั่ึกตนเอง หรือทัณฑสถานตะรุเตา
จึงเลือกเกาะตะรุเตาเป็นศูนย์กลาง และขยายเขตถึง
เกาะอาดัง – ราวี เกาะหลีเป๊ะด้วยนักโทษการเมือง

ราว 70 คน (มีหลวงมหาสิทธิโวหาร หรือสอ เสถบตร
นักธรณีวิทยา รวมอยู่ด้วย) ถูกย้ายจากเรือนจ�าบาง

ขวางมาท่เกาะแห่งน้ โดยการควบคุมของขุนอภิพัฒน์

สุรทัณฑ์ ผู้อ�านวยการนิคมฯ สอ เสถบุตร ในวัยหนุ่ม


วันเวลาท่คืบคลานไปด้วยความลาบาก ภาพที่มา : th.wikipedia.org
ขาดแคลนในห้วงมหาสงครามเอเชียบูรพา นักโทษ
กลุ่มหน่งจึงเลือกหนทางพาเรือออกไปขอแบ่งเสบียง

- 33 - - 34 -

“ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป


ผู้นั้นจะพบซึ่งความหายนะนานัปการ”



ป้ายคำ�สาปนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก�ๆ�แห่งหนึ่ง

ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ประมาณ�3�กิโลเมตร




เกาะแห่งนี้มีขนาดประมาณ 200 x 600 เมตร ลักษณะส�าคัญที่ดึงดูด
เกาะหินงาม นกเดนทางให้ต้องแวะไปชม คอก้อนหนอนกลงกลมจานวนมหาศาลงดงาม







ราวกับถูกขัดถูจากช่างฝั่ีมือมานมนานก่อนนามากองรวมกัน แล้วแผ่ผน


กลายเป็นสันดอนกรวดหินงามบนเนื้อที่ประมาณ 3 – 4 ไร่ ปลายแหลมทาง
ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ
แต่ช่างฝั่ีมือที่ว่านี้ไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นฝั่ีมือรังสรรค์จากธรรมชาติ
: ความงามที่คลื่นน้ำ รังสรรค์ ล้วน ๆ โดยเฉพาะกระแสคล่นนาท่หลากไหลลูบโลมก้อนหิน ซาไปซามาอยู่








ทุกเมื่อเชื่อวัน กระทั่งหินเกิดการขัดสีและกร่อนสลายจนเกลี้ยงกลม คงเหลือ
เฉพาะส่วนที่แกร่งแสดงริ้วลายแทรกสลับชั้นให้เห็นอย่างสวยงาม

นักธรณีวิทยา อธิบายว่า หินท่พบบนเกาะน้ คือ “หินฮอร์นเฟลส์”



(Hornfel) ซงจดเป็นหนแปรชนดหนง ทเกดจากการแปรสมผสจากหนเดม












ท่มีเน้อละเอียด เช่น หินดินดาน หินโคลน หรือหินชนวน (กลุ่มหินแก่งกระจาน


ยุคเพอร์เมียน) เป็นต้น


โดยการแปรแบบสัมผัสบริเวณน้ เกิดข้นเม่อหินเดิมได้รับความร้อน



จากการแทรกดันตัวข้นมาของแมกมา หรือหินอัคนีชนิดหินแกรนิต ทาให้แร่
เกิดการเปล่ยนแปลงและหินเดิมเกิดความแกร่งมากข้น จากการนาหินไปศึกษา



แร่ประกอบหลักที่พบ คือแร่ไมกา แร่เฟลด์สปาร์ แร่ควอตซ์ และมีแร่ในกลุ่ม
คลอไรต์เล็กน้อย
- 36 -

“ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป


ผู้นั้นจะพบซึ่งความหายนะนานัปการ”



ป้ายคำ�สาปนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก�ๆ�แห่งหนึ่ง

ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ประมาณ�3�กิโลเมตร




เกาะแห่งนี้มีขนาดประมาณ 200 x 600 เมตร ลักษณะส�าคัญที่ดึงดูด
เกาะหินงาม นกเดนทางให้ต้องแวะไปชม คอก้อนหนอนกลงกลมจานวนมหาศาลงดงาม







ราวกับถูกขัดถูจากช่างฝั่ีมือมานมนานก่อนนามากองรวมกัน แล้วแผ่ผน


กลายเป็นสันดอนกรวดหินงามบนเนื้อที่ประมาณ 3 – 4 ไร่ ปลายแหลมทาง
ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ
แต่ช่างฝั่ีมือที่ว่านี้ไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นฝั่ีมือรังสรรค์จากธรรมชาติ
: ความงามที่คลื่นน้ำ รังสรรค์ ล้วน ๆ โดยเฉพาะกระแสคล่นนาท่หลากไหลลูบโลมก้อนหิน ซาไปซามาอยู่








ทุกเมื่อเชื่อวัน กระทั่งหินเกิดการขัดสีและกร่อนสลายจนเกลี้ยงกลม คงเหลือ
เฉพาะส่วนที่แกร่งแสดงริ้วลายแทรกสลับชั้นให้เห็นอย่างสวยงาม

นักธรณีวิทยา อธิบายว่า หินท่พบบนเกาะน้ คือ “หินฮอร์นเฟลส์”


(Hornfel) ซงจดเป็นหนแปรชนดหนง ทเกดจากการแปรสมผสจากหนเดม













ท่มีเน้อละเอียด เช่น หินดินดาน หินโคลน หรือหินชนวน (กลุ่มหินแก่งกระจาน


ยุคเพอร์เมียน) เป็นต้น


โดยการแปรแบบสัมผัสบริเวณน้ เกิดข้นเม่อหินเดิมได้รับความร้อน



จากการแทรกดันตัวข้นมาของแมกมา หรือหินอัคนีชนิดหินแกรนิต ทาให้แร่
เกิดการเปล่ยนแปลงและหินเดิมเกิดความแกร่งมากข้น จากการนาหินไปศึกษา



แร่ประกอบหลักที่พบ คือแร่ไมกา แร่เฟลด์สปาร์ แร่ควอตซ์ และมีแร่ในกลุ่ม
คลอไรต์เล็กน้อย
- 36 -



ว่ากันว่า แหล่งกาเนิดของหินงามเหล่าน้จะอยู่ทางใต้ของเกาะ






โดยกระแสคล่นน�าได้ทาให้ช้นหินฮอร์นเฟลส์ ท่มีแนวแตกหลายทศทาง



เกิดการแตกหักออกเป็นก้อนขนาดเลกลง เสรมกบแรงของกระแสนา


เลียบชายฝั่ง ก้อนหินจึงถูกขัดสีซ�้าไปมาจนกลมมน และเล็กลงตามระยะทาง


ทถกพดพา แล้วไปสะสมตัวกลายเป็นหาดกรวดหินอยู่ในตาแหน่งปัจจุบัน





บนเกาะแลดูเกลื่อนกล่นมันวาว โดยเฉพาะเวลาที่ต้องประกายแดด

ในมุมมองทางธรณี หินฮอร์นเฟลส์จัดเป็นหินแปรแบบไม่มีร้วขนาน










(non – foliate) เมดแรไม่มการเรยงตว หนมเนอละเอยด สดาหรอนาตาลเขม







ถ้าประกอบด้วยผลึกขนาดเล็กของแร่ไบโอไทต์จานวนมาก หินจะมีเน้อเนียน

และวาวคล้ายก�ามะหยี่ และมีการเล่นแสงเมื่อแสงตกกระทบ












- 37 - - 38 -



ว่ากันว่า แหล่งกาเนิดของหินงามเหล่าน้จะอยู่ทางใต้ของเกาะ






โดยกระแสคล่นน�าได้ทาให้ช้นหินฮอร์นเฟลส์ ท่มีแนวแตกหลายทศทาง





เกิดการแตกหักออกเป็นก้อนขนาดเลกลง เสรมกบแรงของกระแสนา
เลียบชายฝั่ง ก้อนหินจึงถูกขัดสีซ�้าไปมาจนกลมมน และเล็กลงตามระยะทาง


ทถกพดพา แล้วไปสะสมตัวกลายเป็นหาดกรวดหินอยู่ในตาแหน่งปัจจุบัน





บนเกาะแลดูเกลื่อนกล่นมันวาว โดยเฉพาะเวลาที่ต้องประกายแดด
ในมุมมองทางธรณี หินฮอร์นเฟลส์จัดเป็นหินแปรแบบไม่มีร้วขนาน











(non – foliate) เมดแรไม่มการเรยงตว หนมเนอละเอยด สดาหรอนาตาลเขม







ถ้าประกอบด้วยผลึกขนาดเล็กของแร่ไบโอไทต์จานวนมาก หินจะมีเน้อเนียน

และวาวคล้ายก�ามะหยี่ และมีการเล่นแสงเมื่อแสงตกกระทบ












- 37 - - 38 -

เกาะหินซ้อน


หินแกร่งยังแตกได้ (แต่ไม่ตก)

เกาะหินซ้อน


หินแกร่งยังแตกได้ (แต่ไม่ตก)



เกาะหินซ้อน หรือเกาะหินต้ง เป็นเกาะเล็กๆ ท่มีก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่

วางซ้อนกันอยู่อย่างโดดเด่นสะดุดตา ภูมิลักษณ์ท่เห็นเกิดจากการสึกกร่อนผุพังของหิน
ตามแนวรอยแตก (joint set) ซึ่งมีทั้งในแนวตั้งและแนวนอน จากตัวการที่ส�าคัญ คือ

สภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิ น�้า และลม


โดยท่วไปแล้ว หินแกรนิตเม่อผุพังจะมีการเปล่ยนสภาพของแร่ประกอบหิน



มีการแตกออกเป็นกาบคล้ายกาบกะหลาปลีแล้วหลุดลอกออกเป็นแผ่น ทาให้ส่วนของ

หินแข็งด้านในที่เหลืออยู่มีรูปร่างกลมมนหรือทรงรีวางอยู่บนหน้าหิน

อีกแบบคือการผพงตามรอยแตก รอยแยกในหิน ทาให้รอยเหล่าน้นขยายใหญ่














ขน โดยอาจมนาชวยเปนตวกดเซาะใหเนอหนหลดออกจากกนไดเรวขน จนหนแกรนต











แตกออกเป็นรูปร่างคล้ายทรงเหล่ยมซ้อนกันอยู่อย่างท่เห็น โดยขนาดของหินแกรนิต

ที่คงเหลือก็ขึ้นอยู่กับความถี่ - ห่าง และทิศทางของรอยแตกหรือรอยเลื่อนบริเวณด้วย

เกาะหินซ้อนเป็นอีกจุดหน่งท่นักเดินทางนิยมน่งเรือไปชม ด้วยระยะไม่ไกลจาก


เกาะอาดังและเกาะหลีเป๊ะ บางทีการพาตัวเองไปถึงเกาะน้ และได้เห็นภาพหินแกร่ง

ที่ยังมีวันแตก (แต่ไม่ยอมตก) อาจท�าให้บางหัวใจที่ซับซ้อนอ่อนไหว หรือก�าลังจะแตก
สลายได้คลี่คลายลง








- 41 - - 42 -



เกาะหินซ้อน หรือเกาะหินต้ง เป็นเกาะเล็กๆ ท่มีก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่

วางซ้อนกันอยู่อย่างโดดเด่นสะดุดตา ภูมิลักษณ์ท่เห็นเกิดจากการสึกกร่อนผุพังของหิน
ตามแนวรอยแตก (joint set) ซึ่งมีทั้งในแนวตั้งและแนวนอน จากตัวการที่ส�าคัญ คือ

สภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิ น�้า และลม


โดยท่วไปแล้ว หินแกรนิตเม่อผุพังจะมีการเปล่ยนสภาพของแร่ประกอบหิน

มีการแตกออกเป็นกาบคล้ายกาบกะหลาปลีแล้วหลุดลอกออกเป็นแผ่น ทาให้ส่วนของ



หินแข็งด้านในที่เหลืออยู่มีรูปร่างกลมมนหรือทรงรีวางอยู่บนหน้าหิน




อีกแบบคือการผพงตามรอยแตก รอยแยกในหิน ทาให้รอยเหล่าน้นขยายใหญ่











ขน โดยอาจมนาชวยเปนตวกดเซาะใหเนอหนหลดออกจากกนไดเรวขน จนหนแกรนต











แตกออกเป็นรูปร่างคล้ายทรงเหล่ยมซ้อนกันอยู่อย่างท่เห็น โดยขนาดของหินแกรนิต

ที่คงเหลือก็ขึ้นอยู่กับความถี่ - ห่าง และทิศทางของรอยแตกหรือรอยเลื่อนบริเวณด้วย

เกาะหินซ้อนเป็นอีกจุดหน่งท่นักเดินทางนิยมน่งเรือไปชม ด้วยระยะไม่ไกลจาก


เกาะอาดังและเกาะหลีเป๊ะ บางทีการพาตัวเองไปถึงเกาะน้ และได้เห็นภาพหินแกร่ง

ที่ยังมีวันแตก (แต่ไม่ยอมตก) อาจท�าให้บางหัวใจที่ซับซ้อนอ่อนไหว หรือก�าลังจะแตก
สลายได้คลี่คลายลง








- 41 - - 42 -

เกาะหินซ้อน

เกาะหินซ้อน

เอกสารอ้างอิง นราเมศร์ ธีระรังสิกุล, 2557, การจัดการข้อมูลธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี ภายใต้

กรมทรัพยากรธรณี, 2556, รายงานการจ�าแนกเขตเพื่อการจัดการด้านธรณีวิทยาและ โครงการร่วมสารวจธรณีวิทยาตามแนวชายแดนมาเลเซีย - ไทย โดยใช้ตัวแบบ Big
ทรัพยากร ธรณีจังหวัดสตูล. Data : กรณีศึกษาชุดหินแกรนิตกับแหล่งแร่ดีบุก, หลักสูตรนักบริหารการทูต รุ่นที่ 6,

กองธรณีวิทยา, 2544, มรดกธรรมชาติทางธรณีวิทยาประเทศไทย, กรมทรัพยากรธรณี. สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ, กระทรวงการต่างประเทศ.
ดาฤนัย จรูญทอง, 2550, ประวัติศาสตร์ชุมชนอูรักลาโว้ยเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล บุญเสริม ฤทธาภิรมย์, 2548. รวมเรื่องเมืองสตูล, องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล.



ระหว่างปี พ.ศ. 2493 – 2549, วิทยานพนธ์อกษรศาสตร์มหาบัณฑต, ภาควิชา ประพนธ์ เรืองณรงค์, 2554, ชื่อบ้านนามเมืองภาคใต้, วารสารรูสมิแล ปีที่ 32 ฉบับที่
ประวัติศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร. 3 กันยายน – ธันวาคม.
ธวัชชัย เทพสุวรรณ และสมชาย รุจาจรัสวงศ์, 2546, การส�ารวจธรณีฟิสิกส์ในทะเล วาสนา กุลประสูติ, 2538, บันทึกจากทะเล คืนพระจันทร์เดือนมีนา, บริษัท จีเอ็ม เอ็น

บริเวณหมู่เกาะอาดัง – ราวี จังหวัดสตูล, ส�านักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี. เตอร์ไพร้ส์ จ�ากัด.
นฤมล ขุนวีช่วย และมานะขุนวีช่วย, 2553, ชีวิตและวัฒนธรรมชาวเลอูรักลาโว้ยแห่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, 2540, ผลพวงแห่งชีวิตผู้ชายเดือนตุลา, ส�านักพิมพ์สามัญชน.
ทะเลอันดามัน, รายงานวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช. สิน สินสกุล, 2544, ภูมิลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยา, ข่าวสารการธรณี ปี
ที่ 46. กรมทรัพยากรธรณี.
สมภพ จันทรประภา, 2501, เกาะตะรุเตา, ข่าวสารการธรณี ปีที่ 3 ฉบับที่ 4, กรม

ทรัพยากรธรณี.
สมชาย รุจาจรัสวงศ์, 2543, แร่ดีบุกและแร่พลอยได้ในทะเล บริเวณหมู่เกาะอาดัง – ราว ี

และเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล, กองเศรษฐธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี.


สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550, พระราชหัตถเลขา ในรัชกาลท่ 5 เร่อง
เสด็จประพาสแหลมมลายู, ปิยมหาราชานุสรณ์.


อุทยานแห่งชาติตะรุเตา, ตะรุเตา (เอกสารแผ่นพับ), สานักบริหารพ้นท่อนุรักษ์ท่ 5


(นครศรีธรรมราช), กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.
The Malaysia – Thailand working group, 2013, Geology of the Langkawi
– Tarutao Transect area along the Malaysia – Thailand Border. The
Malaysia – Thailand Border Joint Geological Survey Committee (MT –

JGSC), Minerals and Geoscience Department, Malaysia and Department
of Mineral Resources, Thailand.

www.satun-geopark.com.



- 45 - - 46 -


Click to View FlipBook Version