The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jirapinyasaiwaew, 2023-01-09 20:21:43

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) วรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ

A2B7A481-B340-4951-9D3D-83DA95FCCD51

ลิลิตพระลอ

ผู้จัดทำ

นายวสุพล บุญจำเนียร เลขที่ ๓
นายรวิภาส ดำพะธิก เลขที่ ๕
นางสาวจิรภิญญา สายแวว เลขที่ ๒๓
นางสาวชนัญชิดา แห่งธรรม เลขที่ ๒๔
นางสาวศิรภัสสร สุภาวงศ์ เลขที่ ๒๗

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑๐

ครู ที่ ปรึกษาโครงงาน

นางกรรณิการ์ พลพวก
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อำเถอเมืองอุบลราชธานี

จังหวัดอุบลราชธานี
รายงานนี้เป็นส่วนประกอบโครงงานวิชา ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย

ระดับชั้ นมัธยมศึ กษาปีที่ ๔

คำนำ

โครงงาน เรื่องลิลิตพระลอ จัดทำขึ้นตามกิจกรรมการเรียนการ
สอนวิชาโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑๐ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี
โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำความรู้จากการศึกษาประวัติลิลิตพระลดมาใช้ใน
โดยบูรณาการความรู้ที่ได้ในวิชาภาษาไทย ประวัติศาสตร์ จัดทำโครงงาน
เรื่องที่สมาชิกในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑๐ สนใจ เพื่อเป็นการศึกษา
ค้นคว้า และเผยแพร่เรื่องที่สนใจในเรื่องประวัติของลิลิตพระลอ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงงานนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จำ
ทำให้ผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องประวัติ ลิลิตพระลอ ได้รับความรู้ตามสมควร

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

เรื่อง ๑

ประวัติผู้แต่ง ๓
จุดมุ่งหมายในการแต่ง คำประพันธ์ ๔
ตัวอย่างคำประพันธ์ ๕
ฉันทลักษณ์ของโครงดั้นและร่ายดั้น ๖
ลิลิตพระลอ ๑๒
เนื้อเรื่องย่อ ๑๓
ข้อคิดที่ได้
บรรณานุกรม

ประวัติผู้แต่ง

ทั้งเรื่องผู้แต่งและปีที่แต่ง ไม่ปรากฏหลักการหรือข้อความระบุที่ชัดเจน แต่อาจอาศัยเนื้อเรื่องที่ระบุ
ถึงสงครามระหว่างไทยและเชียงใหม่มาเป็นจุดอ้างอิง ซึ่งเดิมนั้นเชื่อว่าน่าจะแต่งขึ้นในสมัยสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราช(พ.ศ.๒๑๙๙-๒๒๓๑) แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน และเป็นที่ถกเถียงกันมา
จวบจนปัจจุบัน นักจารณ์วรรณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ลิลิตพระลอแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาแน่แต่
ยังมีบางท่านเสนอเวลาที่ใหม่กว่านั้นว่าน่าจะแต่งขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ยังมีผู้คล้อยตาม
ไม่มากนัก



จุดมุ่งหมายในการแต่ง

วรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอแต่งไว้เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงอ่านเป็นที่สำราญพระทัย

ลักษณะคำประพันธ์

ลิลิตพระลอแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทโคลงกับร่าย โคลงมีทั้งชนิด โคลงโบราณ โคลงดั้น
และโคลงสี่สุภาพ ส่วนร่ายมีทั้งร่ายโบราณและ ร่ายดั้นเช่นเดียวกับวรรณคดีสมัยอยุธยาตอน
ต้นโคลงสี่สุภาพที่ปรากฎ ในลิลิตพระลอ ก็ไม่ได้ปรากฎเป็นโคลงสี่สภาพที่ถูกต้องตาม
ฉันทลักษณ์ทั้งหมด บางบทมีลักษณะผสมของโคลงสี่ดั้นประปนอยู่



ตัวอย่างคำประพันธ์

ศรีสิทธิฤทธิไชย ไกรกรุงอดุงเดชฟุ้งฟ้า หล้ารรัวกลัวมหิมา รอาอานุภาพ ปราบทุกทิศฤทธิรุกราน ผลาญ
พระนคร รอนลาวกาวตาวตัดหัว ตัวกลิ้งกลาดดาษดวน ฝ่ายข้างยวนแพ้พ่าย ฝ่ายข้างลาวประไลย ฝ่าย
ข้างไทยไชเยศร์ คืนยังประเทศพิศาล สำราญราษฎร์สัมฤทธิ พิพิธราชสมบัติ พิพัฒนมงคล สรพสกลสิมา
ประชากรเกษมสุขสนุกทั่วธรณี พระนครศรีอโยธยา มหาดิลกลภ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมยศโยคยิ่ง
หล้า ฟ้าฟื้นฟึกบูรณ์ ฯ



ฉันทลักษณ์ของโครงดั้ นและร่ายดั้ น



ลิลิตพระลอ

ลิลิตพระลอ เป็นลิลิตโศกนาฏกรรมความรัก ที่แต่งขึ้นอย่างประณีตงดงาม มีความไพเราะของถ้อยคำ และ
เต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์ พรรณนาเรื่องด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ใช้กวีโวหารอย่างยอดเยี่ยม ในการ
บรรยายเนื้อเรื่อง ที่มีฉากอย่างมากมาย หลากหลายอารมณ์ โดยมีแก่นเรื่องแบบรักโศก หรือโศกนาฏกรรม
และแฝงแง่คิดถึงสัจธรรมของชีวิต ลิลิตพระลอนี้เคยถูกวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนจากนักวรรณคดีบางกลุ่ม
เนื่องจากเชื่อว่าเป็นวรรณกรรมที่มอมเมาทางโลกีย์



เนื้อเรื่องย่อ

เนื่องจากเมืองเหนือสองเมืองเป็นศัตรูคู่อริไม่ถูกกัน กษัตริย์เมืองสรวงพระองค์
หนึ่งทรงพระนามว่า พระลอ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระสิริวรถายงดงาม
หล่อเหลายิ่ง จนเป็นที่ปรากฎของหญิงทั้งหลายและยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่ง ชื่อ
ว่าเมืองสรอง เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์พิชัยพิษณุกร กษัตริย์พิชัยพิษณุกรมี
พระราชธิดาอยู่ 2พระองค์ พระองค์พี่พระนามว่า พระเพื่อนพระองค์น้อง
พระนามว่า พระแพง



พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ทรงต้องพระทัยในพระลอยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็น นางรื่นกับนางโรย
สองพระพี่เลี้ยง รู้ความจริงด้วยความสงสารจึงทูลอาสาเข้าช่วยเหลือ ให้สมกับพระประสงค์พระพี่เลี้ยง
ของนางทั้งสองไม่รอช้า ส่งคนขับซอของราชูสำนักเข้าไปสืบความที่เมืองแมนสรวงทันที คนขับซื้อของ
เวียงสรอง ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระลอ และได้ขับซอชมโฉมพระเพื่อนพระแพง ให้พระลอฟังทำให้พระ
ลออยากจะเห็นนางทั้งสองเช่นกัน



คนขับซอได้เดินทางกลับมาเฝ้าพระเพื่อนพระแพง พร้อมกับขับซอชมโฉมของพระลอให้พระนางทั้งสองฟังเช่นกัน เมื่อนาง
ทั้งสองได้ฟังถึงกับตกหลุมรักในทันที สั่งให้พระพี่เลี้ยงทั้งสองเดินทางไปหาปู่เจ้าสมิงพราย เพื่อทำพิธีให้นางทั้งสองได้
สมปรารถนากับพระลอ

นางพี่เลี้ยงทั้งสอง เดินทางไปพบปู่เจ้าสมิงพรายเพื่อทำเสน่ห์ ปู่เจ้าฯ นั้นมี
ญานวิเศษทราบว่าทั้งสามคนนั้นมีกรรมร่วมกัน มาแต่ชาติปางก่อนจึงตกลง
ทำพิธีให้คืนนั้นระหว่างปู่เจ้าฯทำพิธีพระลอก็ทรงพระสุบินว่ามีเจ้าหญิง
เลอโฉมสองนางมานอนเคียงข้าง

ตื่นเข้ามาก็คุ้มคลั่งอยากจะออกไปตามหานางทั้งสองแม่ของพระงค์ได้เตือนสติ
ว่าพระองค์มีมเหสีอยู่แล้วก่อนออกเดินทางพระลอเสด็จไปลาพระนางลักษณา
วดีพระชายา พระนางคลี่พระเกศาเช็ดพระบาทพระลอเป็นการอำลา ในที่สุด
พระองค์ก็ออกเดินทางพร้อมพี่เลี้ยงสองนาย นายแก้วและนายขวัญ



ระหว่างเดินทางพระองค์มาหยุดพักที่ริมแม่น้ำ ในครั้งนั้นได้สติยั้งคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่ถูกแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ
ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะเดินทางต่อโดยระหว่างนั้น ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากจะไม่เหลือชีวิตรอดกลับไปเมืองแมนสรวง
ขอให้น้ำในแม่น้ำกลายเป็นน้ำวน ก็ปรากฎว่าหลังสิ้นคำอธิษฐานน้ำกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง พระองค์ทราบทันที
ว่าจะต้องจบชีวิตลงที่เมืองนี้แน่นอนแต่ก็ยังดันทุรังที่จะไปด้วยอารมณ์ที่เหนือเหตุผล



เมื่อปู่เจ้าฯทราบด้วยญานทิพย์ว่า พระลอเดินทางมาถึงเมืองสรองแล้ว จึงได้ปล่อยไก่ฟ้าไปล่อพระลอให้ตามมา
จนถึงอุทยานหลวงพระเพื่อนพระแพงตัดพ้อนางพี่เลี้ยงทั้งสอง ที่ไม่ยอมพาไปพบกับพระลอ ในที่สุดนางพี่เลี้ยงก็
พาพระเพื่อนพระแพงเสด็จชมสวน

๑๐

เวลาผ่านไป 15 วัน พระบิดาของเจ้าหญิงทั้งสองทรง
ทราบ ก็โกรรมากแต่พระลอได้กล่าวคำขอโทษ และให้
สัญญาว่า เมืองทั้งสองจะเจริญสัมพันธไมตรีเป็นมิตรที่ดี
ต่อกัน เสด็จพ่อจึงตกลงจะทำพิธีแต่งงานให้

แต่เมื่อความทราบถึงเจ้าย่า ความแค้นที่พระสวามี หรือเสด็จปู่ของพระเพื่อนพระแพงเคยโดนพระบิดาของพระลอฆ่าตาย นั่น

ทำให้เจ้าย่าส่งทหารมาสังหารพระลอ ด้วยความรักทำให้พระเพื่อนและพระแพงใช้ตัวบังลูกศรของเหล่าทหารจนเสียชีวิต ตัว

พระลอเองก็ต้องศรเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนนอนตายก่ายเกยกันอยู่บนเตียงนอนนั้นเอง ส่วนเจ้าย่าก็โดนเสด็จพ่อของนาง

ประหารชีวิตในพิธีศพพระนางลักษณาวดีพระมเหสีที่ถูกต้องตามกฎหมายของพระลอเสด็จมาร่วมพิธีพระนางทรงกรรแสง

ด้วยความเสียใจ เสร็จงานอัฐิธาตุของทั้งสามถูกแบ่งเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งบรรจุไว้ที่เมืองสรอง ส่วนอีกส่วนพระนางลักษณา

วดีได้นำกลับไปเมืองแมนสรวง ๑๑

ข้อคิดที่ ได้

เพื่อให้ตระหนักเห็นโทษภัยของกิเลสต่างๆ ทั้งรัก
โลภ โกรร หลง ชี้ให้เห็นอารมณ์และกิเลสของมนุษย์
นั้นมีอำนาจใหญ่หลวงนัก สามารถลิขิตชีวิตของต่นเอง
ได้ถ้าหากเราไม่รู้เท่าทันอารมณ์ ย่อมหลงไปตาม
อำนาจกิเลสต่างๆ แล้วนำไปสู่การทำสิ่งไม่ดี ทางเสื่อม
และภัยอันตรายต่างๆมาสู่ตนเองได้

ข้อคิดที่ นำไปปรับใช้ ในชี วิตประจำวันได้

๑.ชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดจากความรักความเต็มใจย่อมไม่ยั่งยืน

๒.ความอาฆาตพยาบาทเป็นหนทางที่นำไปสู่ความสูญเสีย

๓.โลกนี้ไม่เที่ยง แต่สิ่งที่เที่ยงแท้คือกฎแห่งกรรม

๔.บิดามารดาย่อมรักลูกมากกว่าสิ่งใด

๕.การเป็นผู้นำที่ดี ๑๒
๖.ไม่ควรใช้อารมณ์เหนือเหตุผล

บรรณานุกรม

https://sites.google.com/site/wannakhadeethaigzm/li-lit-phra-lx
shorturl.at/djnHO

๑๒


Click to View FlipBook Version