The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ไพลิน ทันโหศักดิ์_วิจัยในชั้นเรียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 105 ไพลิน ทันโหศักดิ์, 2024-01-29 21:42:05

วิจัยในชั้นเรียน

ไพลิน ทันโหศักดิ์_วิจัยในชั้นเรียน

41 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเรื่อง การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการพัฒนากระบวนการการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนา ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ของความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยการ ใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่าน ภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจหลังการใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตอนที่ 1 ผลการพัฒนากระบวนการการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการ อ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 3 การจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการศึกษารายละเอียด เกี่ยวกับกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อ ความเข้าใจตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) ผู้วิจัยได้นำวิธีสอนทั้ง 2 วิธี มาสังเคราะห์เพื่อใช้ในการจัดการ เรียนรู้พัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยเริ่มจากพิจราณาข้อดีของทั้งสองวิธี มาวิเคราะห์ ซึ่งผู้วิจัยได้นกขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบบูรณาการของเมอร์ด็อค มาวาง โครงสร้างก่อน แล้วจึงนำหนังสือนิทาน เข้ามาช่วย ในการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ซึ่งขั้นตอนมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ปรากฏดังตารางที่ 1


42 ตารางที่ 1 การจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความ เข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้ ลักษณะการจัดการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 การถามนำก่อนการอ่าน (Priming Questions) คือ ขั้นตอนที่ครูผู้สอนจะต้อง ตั้งคำถามหรือข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการอภิปราย ร่วมกัน ระหว่างครูผู้สอนกับนักเรียนก่อนที่จะ อ่านนิทาน เป็นการโน้มน้าวให้นักเรียนสนใจ เรื่องที่จะอ่าน ครูแจ้งจุดประสงค์ให้กับนักเรียนทราบ ใช้คำถามนำก่อนการจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้น ความสนใจของนักเรียน โดยเป็นคำถามปลายเปิด ให้โอกาสนักเรียนได้แสดงความคิดของตนเอง ขั้นที่ 2 การทำความเข้าใจคำศัพท์ (Understanding Vocabulary) ขั้นตอนนี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความมั่นใจว่า คำศัพท์บางคำที่เป็นตัวบ่งชี้ความหมาย (Key Words) นั้นผู้อ่านมีความเข้าใจถูกต้องแล้ว ผู้เรียนจะขีดเส้นใต้คำศัพท์ที่ตนเองไม่ทราบ ความหมาย พร้อมทั้งหาความหมายของ คำศัพท์นั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ในการอ่านเนื้อเรื่อง โดยครูจะใช้คำถามเพื่อ กระตุ้นให้นักเรียนคิด และคอยอำนวยความ สะดวกในการหาความหมายของคำศัพท์นั้น ๆ ครูจะกำหนดเวลาในการกิจกรรม ชั้นที่ 3 การอ่านเนื้อเรื่อง (Reading the Text) หลังจากทราบความหมายของคำศัพท์แล้วขั้น ต่อไป คือครูผู้สอนจะแจกนิทานให้นักเรียน อ่านตามเวลาที่ครูกำหนดให้ซึ่งแต่ละเรื่อง จะแตกต่างกันไป ครูและนักเรียนจะอ่านเนื้อเรื่องไปพร้อมกัน โดยคำไหนที่ไม่เข้าใจความหมายของคำศัพท์ นั้น ๆ ครูจะคอยแนะนำ พร้อมใช้คำถาม กระตุ้น เพื่อสื่อความหมายของคำศัพท์ที่ ต้องการให้นักเรียนเข้าใจ ขั้นที่ 4 ทำความเข้าใจเรื่อง (Understanding the Text) คือ การตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรียน โดยการให้นักเรียนเติมข้อความ จะเป็น ข้อความที่สมบูรณ์ตามเนื้อเรื่องที่อ่าน ครูและนักเรียนจะอ่านทำความเข้าใจใน เนื้อเรื่องไปพร้อม ๆ กัน โดยครูจะสอดแทรก คำถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ถามผู้เรียนไปด้วย เพื่อใช้ในการถามคำถาม ขั้นที่ 5 การถ่ายโอนข้อมูลในรูปแบบอื่น (Transferring Information) คือ กิจกรรม ที่ให้นักเรียนนำความรู้หรือข้อมูลที่ได้รับจาก การอ่านมาเสนอใหม่ในรูปแบบอื่น ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ในเรื่องที่อ่าน โดยให้นักเรียนวาดรูปสรุปเรื่องราวใน นิทานและออกมาเล่าหน้าชั้นเรียน


43 กระบวนการเรียนรู้ ลักษณะการเรียนรู้ ขั้นที่ 6 การทำแบบฝึกหัดต่อชิ้นส่วนประโยค และเรียงโครงสร้างอนุเฉท (Jigsaw Exercise and Paragraph Structure) คือ กิจกรรมที่ ครูแจกชิ้นส่วนประโยคที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เรื่องที่อ่านจำนวนหนึ่งให้แก่นักเรียนแต่ละ กลุ่ม และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันต่อ ชิ้นส่วนประโยคเหล่านั้น แบ่งกลุ่มผู้เรียน กลุ่มละ 5-6 คน จากนั้นครูแจกกระดาษที่มีข้อความประโยค ภาษาอังกฤษ โดยให้นักเรียนอ่านทำความ เข้าใจกับข้อความที่ตนเองได้รับ แล้วนำ เหตุการณ์มาเรียงต่อกันให้ถูกต้องตามลำดับ ของเนื้อเรื่อง และให้ผู้เรียนสรุปองค์ความรู้ที่ได้ ขั้นที่ 7 การประเมินผลและการแก้ไข (Evaluation and Correction) คือ การประเมินผลการเรียนนั้นมีอยู่ในเกือบ ทุกขั้นตอนแล้ว แต่ในขั้นตอนนี้ เป็น การประเมินผลงานส่วนรวมอีกครั้งหนึ่ง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอ ภาพวาดของ กลุ่มตนเอง พร้อมอธิบายและ สรุปเรื่องที่ได้เรียนรู้โดยครูคอยประเมิน และ ตรวจสอบความถูกต้อง จากตารางที่ 1 เนื้อหาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้เป็นเนื้อหาที่ได้มาจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน ในกลุ่มสาระสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 โดยสอดคล้องกับตัวชี้วัด สาระ และมาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วย 4 สาระ ดังนี้ ภาษาเพื่อการสื่อสาร ภาษาและวัฒนธรรม ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และภาษากับ ความสัมพันธ์กับชุมชนโลก โดยได้เลือกเนื้อหาที่ใกล้ตัวนักเรียน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เนื้อหาที่ ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ จำนวน 2 หน่วยการเรียนรู้มีเนื้อหาดังนี้ Yummy Food และ Playtime


44 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ของความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยการใช้ นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผลการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 แผนการจัดการเรียนรู้จัดการเรียนการสอนกับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองตุ ทั้งหมด 10 ชั่วโมง ในระหว่าง วันที่ 12 ธันวาคม 2566 – 26 ธันวาคม 2566 มีการวัดผลการเรียนรู้ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และหลัง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เมื่อครบทุกแผนแล้ว ทดสอบด้วยแบบทดสอบซึ่งมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน แล้วหา ผลสัมฤทธิ์ของคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูล ผล การศึกษาผลสัมฤทธิ์ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏผลดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 แสดงผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ของความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การทดสอบ N คะแนนเต็ม คะแนนรวม x̅ คิดเป็นร้อยละ ก่อนเรียน 24 30 331 13.79 หลังเรียน 24 30 684 28.50 49.02 จากตารางที่ 2 พบว่า ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้า โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองตุ พบว่าความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษก่อนเรียนด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษโดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สามารถทำคะแนนจากการ ทดสอบก่อนเรียนด้วยแบบวัดความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ที่มีคะแนนเต็ม 30 คะแนน ได้คะแนนรวมของนักเรียน 331 คะแนน ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ย 13.79 คะแนน และ สามารถทำคะแนน จากการทดสอบหลังเรียนด้วย แบบวัดความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ที่มีคะแนนเต็ม 30 คะแนน ได้คะแนนรวมของนักเรียนทั้งหมด 684 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 28.50 คะแนน หาผลสัมฤทธิ์ ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนอง ตุ หลังจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) ผู้เรียนมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.02


45 ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่าน ภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจหลังการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การใช้นิทานภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามขั้นตอนในแผนการจัดการเรียนรู้ครบ จำนวน 2 แผน 10 ชั่วโมง แล้วนำแบบสอบถามความพึงพอใจมาสอบถาม นักเรียน จากนั้นนำผลการวัดระดับ ความพึงพอใจของนักเรียนมาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของ เมอร์ด็อค(MIA) สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏผลดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ระดับความพึงพอใจของนักเรียนต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การใช้นิทาน ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ รายการ x̅ S.D. ระดับ ความพึงพใจ 1 มีการแจ้งวัตถุประสงค์ให้นักเรียนทราบก่อนการจัดการ เรียนรู้ในแต่ละครั้ง 4.73 0.457 มากที่สุด 2 กระบวนการจัดการเรียนรู้การใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค เปิดโอการให้นักเรียนได้ คิด 4.53 0.516 มากที่สุด 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยส่งเสริม ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ 4.33 0.487 มาก 4 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยแก้ไขการอ่าน ภาษาอังกฤษของนักเรียนได้ 4.46 0.516 มาก 5 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค สามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 4.46 0.639 มาก


46 6 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยให้นักเรียน กระตือรือร้นและสนุกสนานในการเรียนรู้ 4.53 0.516 มากที่สุด 7 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์ 4.46 0.639 มาก 8 เวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้เหมาะสม 4.53 0.516 มากที่สุด 9 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีการใช้สื่อและการเรียนรู้ที่ หลากหลายน่าสนใจ 4.73 0.457 มากที่สุด 10 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีวิธีประเมินที่หลากหลาย 4.60 0.507 มากที่สุด รวม 4.55 0.063 มากที่สุด จากตารางที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้หลังการใช้นิทาน ภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.55 ซึ่งอยู่ในระดับมากที่สุด โดยความคิดเห็นของนักเรียนไม่แตกต่างกันมาก (S.D. = 0.063) โดยส่วนใหญ่ความพึง พอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด แต่มีเพียง 3 ข้อ ที่นักเรียนมีความพึงพอใจใน ระดับมาก คือ การจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สามารถ นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน การใช้นิทานภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและสนุกสนานในการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์


47 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ผลสัมฤทธิ์ของความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้ หลังการใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตามกระบวนการของ เมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองตุ สรุปผลการวิจัย การวิจัยเรื่อง การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สามารถสรุปผลการวิจัย ดังนี้ 1. กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ การใช้นิทาน ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วยขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งหมด 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1.1 ขั้นการถามนำก่อนการอ่าน (Priming Questions) คือ ครูแจ้งจุดประสงค์ให้กับ นักเรียน ทราบ ใช้คำถามนำก่อนการจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยเป็นคำถามปลายเปิด ให้ โอกาสนักเรียนได้แสดงความคิดของตนเอง 1.2 ขั้นการทำความเข้าใจคำศัพท์ (Understanding Vocabulary) ผู้เรียนจะขีดเส้นใต้คำศัพท์ที่ ตนเองไม่ทราบความหมาย พร้อมทั้งหาความหมายของคำศัพท์นั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการอ่าน เนื้อเรื่อง โดยครูจะใช้คำถามกระตุ้น เพื่อให้นักเรียนคิดและคอยอำนวยความสะดวก ในการหาความหมายของ คำศัพท์นั้น ๆ ครูจะกำหนดเวลาในกิจกรรม 1.3 ขั้นการอ่านเนื้อเรื่อง (Reading the Text) ครูและผู้เรียนจะอ่านเนื้อเรื่องไปพร้อมกัน โดยคำ ไหนที่ไม่เข้าใจความหมายของคำศัพท์นั้น ๆ ครูจะคอยแนะนำ และใช้คำถามที่สัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง เพื่อกระตุ้น ให้นักเรียนคิดเชื่อมโยงกับเนื้อหา 1.4 ขั้นทำความเข้าใจเรื่อง (Understanding the Text) ครูและผู้เรียนจะอ่านทำความเข้าใจใน เนื้อเรื่องไปพร้อมๆ กัน โดยครูจะสอดแทรกคำถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่องถามผู้เรียนไปด้วย 1.5 ขั้นการถ่ายโอนข้อมูลในรูปแบบอื่น (Transferring Information) ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ แสดงความคิดเห็น โดยมีครูคอยกระตุ้น


48 1.6 ขั้นการทำแบบฝึกหัดต่อชิ้นส่วนประโยคและเรียงโครงสร้างอนุเฉท (Jigsaw Exercise and Paragraph Structure) แบ่งกลุ่มผู้เรียน กลุ่มละ 5-6 คน จากนั้นครูแจกกระดาษที่มีข้อความประโยค ภาษาอังกฤษ โดยให้นักเรียนอ่านทำความเข้าใจกับข้อความที่ตนเองได้รับ แล้วนำเหตุการณ์มาเรียงต่อกันให้ ถูกต้องตามลำดับของเนื้อเรื่อง 1.7 ขั้นการประเมินผลและการแก้ไข (Evaluation and Correction) ให้นักเรียน แต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอ รูปภาพของกลุ่มตนเอง พร้อมอธิบายสรุป และถามตอบเรื่องที่ได้เรียนรู้โดยครูคอยประเมิน และตรวจสอบความถูกต้อง 2. ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษโดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อ พัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่าผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 13.79 หลังเรียนเท่ากับ 28.50 คิดเป็นร้อยละ 49.02 3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนา ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่าอยู่ในระดับ มากที่สุด (= 4.55, S.D. = 0.063) อภิปรายผล จากการดำเนินการวิจัยการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังการใช้นิทาน ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประเด็นสำคัญที่นำมาอภิปรายผล 3 ประเด็น ดังนี้ 1 การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการ ของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทำให้ได้กระบวนการการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ขั้นการถามนำก่อนการอ่าน 2. ขั้นการทำความเข้าใจคำศัพท์ 3. ขั้นการอ่านเนื้อเรื่อง 4. ขั้นทำความเข้าใจเรื่อง 5. ขั้นการถ่ายโอนข้อมูลในรูปแบบอื่น 6. ขั้นการทำแบบฝึกหัดต่อชิ้นส่วนประโยค และเรียงโครงสร้างอนุเฉท 7. ขั้นการประเมินผลและการแก้ไข ทั้งนี้เป็นเพราะผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ด็อค เป็นวิธีการที่เน้นการสอนอ่าน การเรียนการสอนที่เน้น กระบวนการคิด ฝึกจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน ให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย แก้ปัญหา โดยการนำประสบการณ์เดิมของ ตนเองมาผสมผสานกับประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับ อีกทั้งยังใช้นิทานเข้ามาช่วยเน้นกระบวนการคิดทุกขั้นตอน


49 โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนคิดเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนจะเริ่มด้วยคำถาม และสอดแทรกในทุกขั้นตอน ซึ่งเป็น การเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น จนทำให้นักเรียนสนใจการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น นักเรียน เกิดความสนุกสนาน รู้สึกตื่นตัว กล้าแสดงออกทางการพูดมากขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ นภัสนันท์ ไกร ทอง (2559, น.80-84) ที่ศึกษาเรื่องการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ด็อค (MIA) พบว่าการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.44/84.79 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 75/75 ผลสัมฤทธิ์ ของความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีการสอนแบบบูรณาการของเมอร์ด็อค แสดงว่านักเรียนมี ความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 77.37 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05 2. ผลการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่านภาษาอังกฤษการใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน ภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ทั้งนี้เป็น เพราะมีการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนของเมอร์ด็อค ร่วมกับการใช้ นิทาน ได้เน้นการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ พร้อมไปกับการคิดการค้นหาด้วยตนเอง และ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น มีขั้นตอนการสอนอย่างชัดเจนเข้าใจง่าย มีกิจกรรมที่หลากหลายทั้ง เดี่ยวและกลุ่ม โดยมีกิจกรรมการต่อชิ้นส่วนประโยคตามเนื้อเรื่องที่อ่าน การทำสรุปเรื่องราวที่อ่าน เป็นต้น ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นสอดคล้องกับ Murdoch (1986, pp.9–15) สรุปไว้ว่า วิธีการสอนของ เมอร์ด็อค เป็นการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการคิดทุกขั้นตอน โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนคิดเป็น โดยเฉพาะ กระบวนการคิดเกี่ยวกับการแก้ปัญหา กิจกรรมการเรียนการสอนจะเริ่มด้วยการตั้งคำถามประเด็นที่สำคัญ เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ให้นักเรียนตอบแล้วให้ร่วมกันอภิปราย โดยการนำประสบการณ์เดิมของตนมาผสมผสาน กับประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับ แก้ปัญหาที่กำลังประสบอยู่ซึ่งเป็นการกระตุ้นนักเรียนให้คิดแก้ปัญหานั้นเอง นอกจากนี้กิจกรรมการสอนอ่านโดยใช้หลักการบูรณาการของเมอร์ด็อคยังทำให้นักเรียนพัฒนาความสามารถ ด้านการคิด รวมทั้งมีการนำหนังสือนิทานมากระตุ้นความสนใจ เน้นให้นักเรียนได้คิด กล้าแสดงออก และเป็น การทดสอบความเข้าใจของนักเรียน 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังการใช้นิทานภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากการจัดกระบวนการเรียนรู้โดยใช้หลักการบูรณาการ ของเมอร์ด็อคทำให้นักเรียน พัฒนาความคิดนักเรียนได้ใช้ความคิด สามารถระลึกถึงรายละเอียดเรื่องราว ประสบการณ์ ส่งผลให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นไม่เบื่อหน่ายต่อการเรียน และยังสามารถพัฒนา ความสามารถทางการคิด และที่สำคัญเป็นการเรียนการสอนที่มีการพัฒนาทักษะทั้ง 4 ทักษะไปพร้อมๆ กันคือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน สอดคล้องกับงานวิจัยของ นราธิป เอกสินธ์(2557, น.110 - 116) ศึกษาเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษโดยใช้สาระการเรียนรู้


50 ท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามแนวการสอนอ่านของเมอร์ด็อค และความคิดเห็น ของ นักเรียน ที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะทั่วไป ในขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน ภาษาอังกฤษ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในขั้นของการถ่ายโอนในรูปแบบอื่น มีการทำกิจกรรมกลุ่ม ครูควรควบคุมและคอยดูแลชั้นเรียนให้ดี เพราะขณะที่นักเรียนทำกิจกรรมนั้นนักเรียน จะส่งเสียงดังและมีการเคลื่อนย้ายบ่อยจะทำให้เกิดความวุ่นวาย และเวลาที่ใช้ในการทำกิจกรรมกลุ่มในการฝึก ทักษะควรยืดหยุ่นตามเนื้อหาและศักยภาพของนักเรียนครูผู้สอน ไม่ควรเคร่งครัดเรื่องเวลากับนักเรียนมาก เกินไป ครูคอยชี้แนะแนวทางกระตุ้นและเสริมแรงนักเรียน เพื่อความสำาเร็จของนักเรียน ข้อเสนอในการทำวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรมีนิทานหลากหลายเล่ม และเพิ่มเวลาในการวิจัย เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาการอ่านและเรียนรู้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษในหน่วยการเรียนรู้อื่นๆ 2. ควรพัฒนาวิธีการสอนให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยอาจนำวิธีการสอนไปพัฒนาร่วมกับสื่อการ สอนด้านเทคโนโลยี หรือสื่อการสอนจริง และควรมีการวิจัยเพื่อศึกษาผลของการสอนอ่านภาษาอังกฤษตาม แนวการสอนอ่านของเมอร์ด็อค ร่วมกับนิทานในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ


51 บรรณานุกรรม


52 บรรณานุกรรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. กานต์รวี ศรีลาง. (2556). ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ เพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนด้วยยุทธศาสตร์การเสริมต่อการเรียนรู้ประสบการณ์อ่าน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วัชราภรณ์ แสงพันธ์ และ นิตยา เปลื้องนุช (2553). การพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความ เข้าใจโดยใช้นิทานอิสปของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโนนสังวิทยาคาร. หนองบัวลำภู วินัยนา สารสิทธิยศ. (2558). การพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทาน และวิธีสอนอ่าน แบบบูรณาการของเมอร์ด็อค (MIA) ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์. ธีรภัทร สุวรรณพานิช. (2561). การพัฒนาความสามารถการอ่านจับใจความของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ด้วยกิจกรรมการอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ด็อค (MIA) วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. นภัสนันท์ ไกรทอง. (2559). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ด็อค (MIA). วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม วิสาข์ จัติวัตร์. (2543). การสอนอ่านภาษาอังกฤษ (Teaching English Reading Comprehension). (พิมพ์ครั้งที่ 2). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร สมบัติ จันทครุฑ. (2548). การศึกษาผลการสอบอ่านด้วยวิธีMIA ที่มีต่อความเข้าใจในการอ่าน ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, Bloom, B. S. (1956). Taxonomy of Educational Objectives. NewYork: David Mc Kay. Clark, & Starr. (1976). Secondary School Teaching Methods. New York: The Macmillan. Cunningham, R. T. (1971). Developing Teacher Competencies. New Jersey Prentice Hall. Davies, E. e. a. (1990). Task Reading. Cambridge: University Press.


53 Dollard, J., and Miller, N. E. (1982). Personality and Psychotherapy. New York: Mc. Graw Hill. Goodman, K. S., and Niles O. (1973). Reading process and program. Illinois: National Council of Teacher in English. Harris, A. J., & Sipay, E. D. (1988). How to Teach Reading. New York: Longman. Hermer Jeremy. (2002). The practice of English language Teaching. London: Longman Group Ltd. Likert, R. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale”, Reading In Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son. Maslow, A. H. (1970). Motivation and Personality. New York: Harper & Row Publishers. Murdoch, G. S. (1986). A More Integrated Approach to the Teaching of Reading. English Teaching Forum 34(34), 9-15. Roe and Smith. (2012). Teaching Reading in Today’s Elementary Schools. Canada. Widdowson, H. G. (1979). Explorations in applied linguistics. London: Oxford University. Widdowson, H. G. (1987). Teaching language as communication. London: Oxford University.


54 ภาคผนวก


55 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือ


56 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ 1. นางสุภาวดี ปิ่นวนิชย์กุล คุณครูภาษาอังกฤษโรงเรียนบ้านหนองตุ 2. นางอิศราวรรณ ปราบพาล หัวหน้าวิชาการโรงเรียนบ้านหนองตุ 3. นางสาววิภารัตน์ มุ่งสวัสดิ์ คุณครูโรงเรียนอนุบาลหนองแสง


57 ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


58 ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3


59 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ31001 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Yummy Food แผนการจัดการเรียนรู้Delicious meal จำนวน 5 ชั่วโมง วันที่/เดือน/ปี................................................ ผู้สอน นางสาวไพลิน ทันโหศักดิ์ __________________________________________________________________________________________________________ สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 : ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความ คิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea)และตอบคำถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา และนิทาน สาระสำคัญ การอ่านเพื่อความเข้าใจเป็นการอ่านเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจบทความต่าง ๆ โดยที่เมื่ออ่านบทความนั้น แล้วผู้เรียนสามารถระบุหัวข้อของเรื่องที่อ่าน (Topic) ได้หาใจความสำคัญ (Main idea) จากเรื่องที่อ่าน สามารถตอบคำถามจากเกี่ยวกับรายละเอียด (Detail) ที่ปรากฏในเรื่อง รวมไปจนถึงผู้เรียนสามารถตั้งคำถาม และสรุปความจากเรื่องที่อ่านได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ผู้เรียนสามารถบอกความหมายของคำศัพท์จากบทสนทนาที่อ่านได้(K) 2. ผู้เรียนสามารถจับใจความสำคัญของบทสนทนาที่ตนเองอ่านได้(P) 3. ผู้เรียนสามารถสร้างและนำเสนอชิ้นงานจากเรื่องที่อ่านในรูปแบบอื่นได้(P) 4. ผู้เรียนสามารถบอกประโยชน์ของการอ่านบทสนทนาได้(A) สาระการเรียนรู้ การอ่านนิทาน เป็นการอ่านเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้น ในนิทานจะมีหลายตัวละคร หลายบทบาท และมี ข้อคิดสอนใจ ผู้เรียนจึงต้องอ่านนิทานเพื่อจับใจความสำคัญ (main idea) ว่านิทานที่ตนเองอ่าน มีรายละเอียด อย่างไรและตอบคำถาม บอกข้อคิดที่ได้จากเรื่องที่อ่านหรือการแสดงความรู้สึกจากเรื่องที่อ่านได้


60 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน การวัดและประเมินผล จุดปรงสงค์การเรียนรู้ วิธีการประเมิน เครื่องมือการประเมิน เกณฑ์การประเมิน 1. ผู้เรียนสามารถบอก ความหมายของคำศัพท์ จากเรื่องที่อ่านได้ ตรวจใบงานการใช้ คำศัพท์ของผู้เรียน 1. ใบงานที่1 2. คำถามที่ใช้ในการ ประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนร้อยละ 70% สามารถบอกความหมาย ของคำศัพท์จากเรื่องที่ อ่านได้ 2. ผู้เรียนสามารถจับ ใจความสำคัญของเรื่องที่ อ่านได้ ตรวจใบงานการอ่าน นิทาน ใบงานที่ ผู้เรียนร้อยละ 70% สามารถจับใจความสำคัญ และตอบคำถามจากเรื่อง ที่อ่านได้ 3. ผู้เรียนสามารถสร้าง และนำเสนอผลงานการ เรื่องที่อ่านในรูปแบบอื่น ได้ ตรวจชิ้นงาน แบบประเมินพร้อมเกณฑ์ การให้คะแนน ผู้เรียนสามารถสร้างและ นำเสนอชิ้นงานจากเรื่อว ที่อ่านได้ 4. ผู้เรียนสามารถบอก ประโยชน์ที่ได้รับจากการ อ่านข่าวได้ การใช้คำถามของผู้สอน คำถามที่ผู้สอนใช้ ผู้เรียนร้อยละ 70% สามารถบอกประโยชน์ ของการอ่านเรื่องสั้นได้ 5 ผู้เรียนมีคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ การสังเกตระหว่างการ เข้าร่วมกิจกรรม แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผู้เรียนมีคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป


61 กิจกรรมการการเรียนรู้ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นถามคำถามนำก่อนอ่าน (Priming Question) 1. ครูทักทายนักเรียน ถามนักเรียนเกี่ยวกับนิทานที่ชอบ 2.ครูให้นักเรียนเปิดสมุดนิทานคร่าวๆ 3. ให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์กับรูปภาพให้ถูกต้อง เพื่อกระตุ้นความสนใจและสร้างความคุ้นเคย กับเนื้อเรื่อง 4. ครูให้นักเรียนเปิดดูหนังสือนิทานคร่าวๆและศึกษาส่วนประกอบต่างๆของหนังสือ 5. ครูแจ้งจุดประสงค์ของการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทราบ เพื่อให้นักเรียนได้รู้ว่าในบทเรียนนี้ นักเรียนจะได้เรียนรู้ และทำกิจกรรมอะไรบ้าง ขั้นที่ 2 ขั้นการทำความเข้าใจคำศัพท์ (Understanding Vocabulary) 6. ครูนำเสนอคำศัพท์ที่อยู่ในหนังสือนิทาน(Picture Dictionary)ให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำศัพท์ ที่ตนเองไม่ทราบ และหาความหมายจากคำศัพท์ที่อยู่ในหนังสือนิทาน(Picture Dictionary) 7. ครูอ่านออกเสียงให้นักเรียนฝึกอ่านตามคำละสองรอบพร้อมสะกด และให้นักเรียนอ่านเอง ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 ขั้นการทำความเข้าใจคำศัพท์ (Understanding Vocabulary) (ต่อ) 8. ครูทบทวนคำศัพท์ที่เรียนไปในชั่วโมงที่แล้ว พร้อมให้นักเรียนอ่านออกสียงคำศัพท์ ในแต่ละคำ 9. ครูนำเสนอประโยคการถาม-ตอบ เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการ


62 10. ครูนำเสนอประโยคการถาม-ตอบรสชาติอาหาร 11. ครูแจกใบงานที่ 1 เรื่อง Finding Vocabulary เพื่อให้นักเรียนค้นหาความหมายของ คำศัพท์และจับคู่ความหมายของคำศัพท์ 12. เมื่อผู้เรียนค้นหาคำศัพท์จากใบงานที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ผู้สอนให้ผู้เรียนอ่านออกเสียง คำศัพท์แต่ละคำ หลังจากนั้นให้ผู้เรียนอ่านออกเสียงตามจนครบทุกคำ 13. ผู้สอนสุ่มผู้เรียนออกมา 4-5 คนให้ออกมาอ่านคำศัพท์และบอกความหมายของคำศัพท์ และผู้สอนคอยแก้ไขเมื่อผู้เรียนออกเสียงคำไม่ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 3 ขั้นอ่านเนื้อเรื่อง (Reading the text) 14. คุณครูให้นักเรียนเปิดหนังสือนิทานไปหน้าของเนื้อเรื่องและเริ่มอ่านเนื้อเรื่อง ไปพร้อมกับครู คำไหนไม่เข้าใจความหมายสามารถหาความหมายของคำศัพท์ได้ ขั้นที่ 4 ขั้นทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง (Understanding the Text) 15. ครูให้นักเรียนอ่านทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องไปพร้อมๆกับครู 16. ครูใช้คำถามสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง อธิบายเนื้อเรื่อง ให้นักเรียน ดูแล้วคิดตาม จากนั้นครูเน้นคำศัพท์ที่สำคัญและอธิบายให้นักเรียนทราบอย่างชัดเจน ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 5 ขั้นถ่ายโอนข้อมูล (Transferring Information) 17. ผู้สอนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มคิดวิธีการนำเสนอเรื่องราวจากบทอ่านที่ได้อ่าน โดยการวาด ภาพจากเรื่องราวที่ได้อ่าน และออกมาเล่าหน้าชั้นเรียน โดยที่ผู้สอนจะสุ่มผู้เรียนออกมานำเสนอหน้า ชั้นเรียน 4-5 คนที่มีรูปแบบไม่เหมือนกัน


63 ชั่วโมงที่ 5 ขั้นที่ 6 ขั้นการทำแบบฝึกหัดต่อชิ้นส่วนประโยคและเรียงโครงสร้างของอนุเฉท (Jigsaw Exercise) 18. ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน จากนั้นครูแจกกระดาษที่มีข้อความประโยค ภาษาอังกฤษ โดยให้นักเรียนอ่านทำความเข้าใจกับข้อความที่ตนเองได้รับ แล้วนำเหตุการณ์มาเรียง ต่อกันให้ถูกต้องตามลำดับของเนื้อเรื่อง 19. ครูให้แต่ละกลุ่มสรุปออกมาเป็น Mind mapping ลงในกระดาษ A4 พร้อมทั้ง ตกแต่งให้ สวยงาม ขั้นที่ 7 ขั้นการประเมินและการแก้ไข (Evaluation and Correcting) 20. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอ Mind mapping ของกลุ่มตนเอง ที่ได้ตกแต่ง อย่างสวยงาม พร้อมอธิบายและสรุปเรื่องที่ได้เรียนรู้โดยครูคอยประเมิน และตรวจสอบความถูกต้อง 21. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากเนื้อเรื่องที่ได้เรียนมาทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจสอบ ความถูกต้อง


64 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้สรุปผลการจัดการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. .................................. ปัญหา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ………………………………………………ผู้สอน (นางสาวไพลิน ทันโหศักดิ์) วันที่...........เดือน...........................พ.ศ. .............. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรียน ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................. ลงชื่อ................................................ผู้อำนวยการโรงเรียน (นายสรพงษ์ โพนบุตร) วันที่...........เดือน...........................พ.ศ...............


65 นิทานที่ใช้ประกอบการสอน เรื่องที่ 1 นิทานที่ใช้ประกอบการสอน เรื่องที่ 2


66 แบบทดสอบผลการเรียนรู้


67 แบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โรงเรียนบ้านหนองตุ ปีการศึกษา 2566 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 ข้อ 30 คะแนน Direction: Choose the best answer. (เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด) 1. Where did Imjai meet her friends in the morning? a. playground b. zoo c. school 2. How many kids are there? a. 3 b. 5 c. 6 3. What do they plan to do? a. picnic b. singing c. swimming 4. What kind of food does Imjai cook? a. dessert b. appetizer c. main dish 5. What Imjai don't want? a. curry b. rice c. fish 6. What kind of food does Freya cook? a. dessert b. appetizer c. main dish 7. What does Freya want to eat? a. French fries b. bake spinach with cheese and chips c. hot dog 8. Who likes salty taste? a. Imjai b. Kylie c. Freya


68 9. What kind of food does Kylie cook? a. dessert b. appetizer c. main dish 10. Does Kylie want some ice cream? a. Yes b. No c. Not 11. Who likes sour taste? a. Imjai b. Cherlyn c. Freya 12. How does lemonade taste? a. sweet b. sour c. bitter 13. What fruit does Bruce want? a. pineapple b. orange c. rose apple 14. How do chips taste? a. salty b. spicy c. bitter 15. How do children feel about spending time with their friends? a. sad b. happy c. tied 16. Why did Imjai call Kylie? a. she wants to do something fun. b. She is hungry. c. She is thirsty. 17. What is Kylie doing? a. fishing b. dancing c. have lunch 18. What does Kylie do in her free time? a. playing the guitar b. playing badminton c. taking photos


69 19. Where does Kylie invite Imjai to go? a. gym b. park c. shool 20. Why does Betty like to play badminton? a. It makes her strong. b. It makes her sick. c. It makes her sad. 21. What are Ken and Mike doing? a. They are playing badminton. b. They are playing chess. c. They are reading books. 22. Why do Ken and Mike love to play chess? a. It makes them strong. b. It makes his legs slimmer. c. It is challenging. 23. Is she cycling? a. Yes, she is b. No, thank c. Yes, she isn’t


70 24. Who is reading the book? a. Kylie b. Betty c. Luara 25. Why does Luala enjoy reading? a. It makes her cry. b. It makes her smarter. c. It makes her confused. 26. Who is flying a kite? a. Tom and Kate b. Luara c. Cherlyn 27. what are Ted and Tony doing? a. cooking b. flying kite c. fishing 28. Why do they enjoy fishing? a. It’s so relaxing b. It’s so bored c. It’s so tired 29. what is she doing? a. dancing b. singing c. playing badminton 30. what is he doing? a. dancing b. playing guitar c. playing badminton


71 แบบประเมินความพึงพอใจ


72 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองตุ คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย / ให้ตรงกับความคิดเห็นของนักเรียน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนระดับความพึงพอใจ ดังนี้ ระดับ 5 หมายถึง นักเรียนพึงพอใจมากที่สุด ระดับ 4 หมายถึง นักเรียนพึงพอใจมาก ระดับ 3 หมายถึง นักเรียนพึงพอใจปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง นักเรียนพึงพอใจน้อย ระดับ 1 หมายถึง นักเรียนพึงพอใจน้อยที่สุด ข้อ ที่ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 1 มีการแจ้งวัตถุประสงค์ให้นักเรียนทราบก่อนการจัดการเรียนรู้ในแต่ ละครั้ง 2 กระบวนการจัดการเรียนรู้การใช้นิทานภาษาอังกฤษตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค เปิดโอการให้นักเรียนได้คิด 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยส่งเสริมความสามารถในการอ่าน ภาษาอังกฤษ 4 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยแก้ไขการอ่านภาษาอังกฤษของ นักเรียนได้ 5 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค สามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวันได้


73 ข้อ ที่ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 6 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทานภาษาอังกฤษตาม กระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยให้นักเรียนกระตือรือร้นและ สนุกสนานในการเรียนรู้ 7 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์ 8 เวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้เหมาะสม 9 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีการใช้สื่อและการเรียนรู้ที่หลากหลาย น่าสนใจ 10 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีวิธีประเมินที่หลากหลาย รวม ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………………ผู้ประเมิน (………………………………………….)


74 ภาคผนวก ค แบบประเมินเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


75 แบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ การหาดัชนีความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองตุ หัวข้อที่ประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ รวม ความ คิดเห็น 1. ชื่อแผนการเรียนรู้ 1.1 ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมและครอบคลุม สาระสำคัญ เนื้อหา จุดประสงค์ กิจกรรม สื่อและการวัด ประเมินผล 1.2 ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสม และเพียงพอ 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม 2. สาระสำคัญ 2.1 สาระสำคัญมีรายละเอียดที่ชัดเจน 2.2 สาระสำคัญมีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์ 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม 3. จุดประสงค์ 3.1 จุดประสงค์มีความชัดเจนและมีความเหมาะสม 3.2 จุดประสงค์มีความสอดคล้องกันแผนการเรียนรู้ 3.3จุดประสงค์สามารถทำให้นักเรียนบรรลุได้ 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม 4. เนื้อหา 4.1 เนื้อหามีความสมบูรณ์ ถูกต้อง 4.2. เนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน 4.3 เนื้อหามีการกำหนดอย่างเป็นลำดับขั้นตอน 4.4 เนื้อหามีการกำหนดจากง่านไปยาก 4.5 เนื้อหามีความทันสมัยตรงกับสถาณการณ์ในปัจจุบัน 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม 5. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 กิจกรรมการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นสามารถปฏิบัติได้ 5.2 กิจกรรมการเรียนรู้มีลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม 5.3 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนได้ปฏิบัติบทบาท หน้าที่ตามศักยภาพและความถนัดของตนเอง 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม


76 หัวข้อที่ประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ รวม ความ คิดเห็น 6. สื่อ 6.1 สื่อประกอบการสอนมีความหลากหลาย 6.2 สื่อประกอบการสอนมีความทันสมัย 6.3 สื่อประกอบการสอนมีความสอดคล้องกับเนื้อหา 6.4 สื่อประกอบเพียงพอที่จะให้นักเรียนบรรลุตามจุดประสงค์ 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม 7. การวัดและประเมินผล 7.1 วิธีการวัดผลมีความสอดคล้องกีบจุดประสงค์เนื้อหา 7.2 วธีการวัดมีความหลากหลาย 7.3 เครื่องมือวัดผลมีความสอดคล้องกับวิธีการวัดผล 7.4 การกำหนดเกณฑ์ในการประเมินมีความเหมาะสม 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม


77 ภาคผนวก ง ผลการประเมินเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


78 การหาค่าดัชนีความสอดคล้องแบบทดสอบ การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองตุ ข้อ ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC ความคิดเห็น +1 1 -1 1 +1 +1 +1 1 วัดได้ 2 +1 +1 +1 1 วัดได้ 3 +1 +1 +1 1 วัดได้ 4 +1 +1 +1 1 วัดได้ 5 +1 +1 +1 1 วัดได้ 6 +1 +1 +1 1 วัดได้ 7 +1 +1 +1 1 วัดได้ 8 +1 +1 +1 1 วัดได้ 9 +1 +1 +1 1 วัดได้ 10 +1 +1 +1 1 วัดได้ 11 +1 +1 +1 1 วัดได้ 12 +1 +1 +1 1 วัดได้ 13 +1 +1 +1 1 วัดได้ 14 +1 +1 +1 1 วัดได้ 15 +1 +1 +1 1 วัดได้ 16 +1 +1 +1 1 วัดได้ 17 +1 +1 +1 1 วัดได้ 18 +1 +1 +1 1 วัดได้ 19 +1 +1 +1 1 วัดได้ 20 +1 +1 +1 1 วัดได้


79 ข้อ ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC ความคิดเห็น +1 1 -1 21 +1 +1 +1 1 วัดได้ 22 +1 +1 +1 1 วัดได้ 23 +1 +1 +1 1 วัดได้ 24 +1 +1 +1 1 วัดได้ 25 +1 +1 +1 1 วัดได้ 26 +1 +1 +1 1 วัดได้ 27 +1 +1 +1 1 วัดได้ 28 +1 +1 +1 1 วัดได้ 29 +1 +1 +1 1 วัดได้ 30 +1 +1 +1 1 วัดได้


80 ค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรม การใช้นิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ตามกระบวนการของเมอร์ด็อค(MIA) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองตุ ข้อ ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ IOC ความ คิดเห็น 1 2 3 1 มีการแจ้งวัตถุประสงค์ให้นักเรียนทราบก่อน การจัดการเรียนรู้ในแต่ละครั้ง +1 +1 +1 1 เหมาะสม 2 กระบวนการจัดการเรียนรู้การใช้นิทาน ภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค เปิดโอการให้นักเรียนได้คิด +1 +1 +1 1 เหมาะสม 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทาน ภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยส่งเสริมความสามารถในการอ่าน ภาษาอังกฤษ +1 +1 +1 1 เหมาะสม 4 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทาน ภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค ช่วยแก้ไขการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียน ได้ +1 +1 +1 1 เหมาะสม 5 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทาน ภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ด็อค สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ +1 +1 +1 1 เหมาะสม


81 ข้อ ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ IOC ความ คิดเห็น 1 2 3 6 กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้นิทาน ภาษาอังกฤษตามกระบวนการของเมอร์ ด็อค ช่วยให้นักเรียนกระตือรือร้นและ สนุกสนานในการเรียนรู้ +1 +1 +1 1 เหมาะสม 7 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีความสัมพันธ์ กับจุดประสงค์ +1 +1 +1 1 เหมาะสม 8 เวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้เหมาะสม +1 +1 +1 1 เหมาะสม 9 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีการใช้สื่อและ การเรียนรู้ที่หลากหลายน่าสนใจ +1 +1 +1 1 เหมาะสม 10 กระบวนการจัดการเรียนรู้มีวิธีประเมินที่ หลากหลาย +1 +1 +1 1 เหมาะสม


82 ภาคผนวก การวิเคระห์ข้อมูล


83 การแสดงผลนักเรียนรายบุคคล เลขที่ คะแนนก่อนเรียน (30) คะแนนหลังเรียน (30) 1 14 28 2 13 28 3 16 30 4 12 28 5 17 30 6 12 27 7 10 26 8 11 26 9 15 29 10 17 30 11 16 30 12 8 28 13 17 30 14 12 27 15 14 27 16 13 27 17 16 29 18 15 30 19 16 30 20 14 29 21 12 28 22 13 28 23 12 29 24 16 30 รวม 331 684


84 ประวัติผู้วิจัย+ ชื่อ-สกุล นางสาวไพลิน ทันโหศักดิ์ ชื่อเล่น มะตาล หมู่โลหิต โอ เกิดวันที่ 3 มกราคม 2545 เป็นบุตรคนที่ 1 จากทั้งหมด 1 คน สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา พุทธ บิดาชื่อ นายอาทิตย์ ทันโหศักดิ์ มารดาชื่อ นางสาวสายฝน พันธ์ประเสริฐ ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 13 ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 41130 ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี รหัสนักศึกษา 63040102105 เบอร์โทรศัพท์ 061-906-0139 คติประจำใจ ความพยายามจะนำทางไปสู่ฝัน อาชีพที่อยากเป็น รับราชการครู อุปนิสัย ร่าเริง สดใส แบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น กล้าแสดงออก ชอบการพูด Email: [email protected]


Click to View FlipBook Version