รายงาน
เรือ่ ง นิทานพ้นื บา้ น ภาคเหนือ
จดั ทำโดย
เดก็ ชายศิรภัส บำเพญ็ เลขท่ี ๖
เดก็ ชายนัยสิทธ์ิ ชยั มเี ขยี ว เลขท่ี ๑๔
เด็กชายภมี เดช นวลเกดิ เลขท่ี ๑๕
เดก็ ชายรวพิ ตั น จนั ทลู เลขที่ ๑๙
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑.๕
เสนอ
นางสาวสุวณิชย์ ศิริจันทร์
รายงานน้เี ปน็ ส่วนหนง่ึ ของวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาษาไทย
ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม
คำนำ
รายงานเรอ่ื งนทิ านพนื้ บ้านภาคเหนือฉบบั นี้ เปน็ ส่วนหนึง่ ของวชิ าภาษาไทย โดยมจี ดุ ประสงคเ์ พอื่
ศึกษา รวบรวม และวเิ คราะห์คณุ ค่าที่ได้รบั จากนทิ านพ้ืนบา้ นของภาคเหนือ รายงานน้ีมีเนอื้ หาประกอบไป
ด้วย ขอ้ มูล พน้ื ฐานภาคเหนอื ประเพณสี ำคญั ของภาคเหนอื และนทิ านพื้นบ้านภาคเหนือจำนวน 5 เร่อื ง
พรอ้ มขอ้ คดิ คติ สอนใจ ซึง่ ได้ค้นคว้าและรวบรวมจากหนงั สอื และแหล่งขอ้ มูลตา่ งๆ ผูจ้ ัดทำหวงั เป็นอยา่ งย่ิงว่า
รายงานฉบับน้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่านทกุ ทา่ น หากมีขอ ผดิ พลาดประการใด ขออภัยมา ณ
ท่นี ี้ด้วย
เดก็ ชายนยั สิทธ์ิ ชัยมเี ขียว
และคณะผูจ้ ัดทำ
สารบญั หนา้
เรือ่ ง ก
คำนำ ข
สารบัญ ๑
ขอ้ มูลพืน้ ฐานของภาคภาคเหนือ ๑
ประเพณแี ละวัฒนธรรมสำคัญของภาคเหนือ ๒-๓
ดนตรีธรรมชาติ ๔-๕
ยา่ ผนั คอเหนียง ๖-๘
อ้ายกอ้ งขจี้ ุ๊ ๙ - ๑๐
เรื่องผาวิ่งชู้ ๑๑
บรรณานกุ รม
๑
ขอ้ มลู พนื้ ฐานของภาคภาคเหนอื
เป็นภูมภิ าคทอี่ ยดู่ า้ นบนสุดของไทย มลี ักษณะภมู ิประเทศอนั ประกอบไปด้วยเทอื กเขาสลับซบั ซอ้ น
ตอ่ เนื่องมาจากทิวเขาชานในประเทศพมา่ และประเทศลาว ภาคเหนอื มภี ูมิอากาศแบบท่งุ หญา้ สะวนั นา
เหมอื นกับพน้ื ที่ส่วนใหญข่ องประเทศ การทม่ี ีพืน้ ที่อยู่เหนือระดบั น้ำทะเลและมีเส้นละติจดู อยูต่ อนบนทำให้
สภาพอากาศของภาคเหนอื เปล่ยี นแปลงตามฤดกู าลอย่างเหน็ ไดช้ ัด เชน่ มฤี ดหู นาวท่ีหนาวเย็นกวา่ ภมู ภิ าคอน่ื
ๆ ทางด้านประวัติศาสตร์ของภาคเหนอื มีความสัมพันธท์ างวฒั นธรรมกับอาณาจักรล้านนา
ประเพณแี ละวัฒนธรรมสำคญั ของภาคเหนอื
ภาคเหนอื หรือล้านนา ดินแดนแหง่ ความหลากหลายทางประเพณีและวัฒนธรรมทมี่ คี วามน่าสนใจไม่
น้อยไปกวา่ ภาคอนื่ ของไทย เพราะเป็นเมอื งทเ่ี ต็มไปด้วยเสน่หม์ นตรข์ ลัง ชวนให้น่าขน้ึ ไปสมั ผสั ความงดงาม
เหลา่ น้ียิง่ นัก สว่ นบรรดานกั ทอ่ งเท่ยี วทไ่ี ปเยีย่ มชม ตา่ งก็ประทบั ใจกบั สถานท่ที อ่ งเทยี่ วมากมายและน้ำใจอัน
ล้นเหลือของชาวเหนอื ดังนน้ั ใครที่ยงั ไมม่ โี อกาสได้ไปเยอื นสักครง้ั คงตอ้ งไปแลว้ ล่ะคะ่ วา่ แลว้ เรากข็ อนำ
ประวัติเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ พรอ้ มขอ้ มูลเก่ยี วกบั วัฒนธรรมและประเพณขี องภาคเหนอื มาฝากกัน เผ่ือเป็นไกด์ให้-
๒
นทิ านพนื้ บา้ นของภาคเหนือ
๑. ดนตรธี รรมชาติ
มีนายพรานผู้หนง่ึ มอี าชพี เข้าป่าลา่ สตั ว์ เมือ่ งยิงสัตว์ไดก้ ็แล่เน้ือและยา่ งนำมาขายในเมืองส่วน
เขาและหนงั กข็ ายให้ แก่ผู้ตอ้ งการ วันหน่ึง เขาออกจากบ้านพร้อมกบั ปนี คู่มือเดินลดั ตรงเข้าป่ามุ่งตรงไปยัง
หนองน้ำข้างเขา เพราะบริเวณนี้สัตว์ป่ามักจะลงมากินน้ำและกินดนิ โปง่ เสมอ ๆ
นายพรานคิดแตใ่ นใจว่า วนั นถ้ี า้ โชคดคี งจะยงิ หมูได้ไม่นอ้ ยกวา่ 2 ตัว เพราะฤดนู ี้หมชู อบลงมากนิ ดนิ
โปง่ ขณะที่นายพรานกำลงั เดินทางไปผ่านปา่ ทะลอุ อกสู่แมน่ ำ้ สองฟาก แมน่ ำ้ มีตน้ ไม้ใหญร่ ่มครึ้ม เยอื กเยน็ มี
นกนานาชนดิ จบั คสู่ ง่ เสียงจอแจ
นายพรานกวาดสายตาดรู อบ ๆ เพอื่ มองหาสัตวป์ ่าที่จะลงมากนิ น้ำ ทนั ใดนัน้ กเ็ หลือบไปเหน็
หมปู ่าขนาดใหญก่ ำลงั เดนิ ดมุ่ ๆ เสาะหาอาหารตามชายป่าละเมาะอีกอีกฟากหน่งึ นายพรานกท็ รุดตวั ลงน่งั
โดยเรว็ เพื่อเตรียมพรอ้ มบรรจลุ กู กระสุนและเลอื กทำเลที่เหมาะคอยดักยงิ
หมปู ่าตวั นนั้ คงเดินเสาะหาอาหารไปเรอื่ ย ๆ จนกระท่งั มนั ไปพบรางไม้สำหรับใสอ่ าหารซึ่ง
ชาวไร่ใส่อาหารดกั ล่าสตั วป์ ่าไว้ โดยไมร่ ีรอมันตรงเข้ากินอาหารในรางนั้นทนั ที เผอญิ วันน้ีเจา้ ของไร่ไมส่ บาย
จึงไม่ไดอ้ อกมาน่งั หา้ งคอยดกั ยงิ สตั ว์ทตี่ นวางอาหารล่อไว้
นายพรานขยับตังคลานเขา้ ไปเพอ่ื เลอื กทำเลยิงทเ่ี หมาะ จนกระท่ังอย่ใู นระยะทีม่ องเห็นหมู
ตัวนนั้ ชัดเจนที่สุด เขาจงึ ยกปืนข้นึ ประทบั บา่ เลง็ จะยิงให้ตรงหัวใจ ขณะทเี่ ขากำลังเล็งอยู่นนั้ ลมเย็นพดั มา
เออื่ ย ๆ ยอดหญา้ ยอดพงแกวง่ ไกวโอนเอนไปมา แสงแดดสวา่ งจา้ เขา้ ตาทำให้ตาเขาพรา่ พราวมองเหน็ หมูป่าไม่
ชดั เจน เขาจึงหยุด ไมก่ ล้ายงิ ไปเพราะเกรงว่าจะยิงพลาด
ขณะท่ีเขากำลังอยนู่ น้ั หูของเขาไดย้ ินเสยี งของนกหวั ขวานกำลงั จิกกนิ หนอนทกี่ อไผ่ ดัง ปก๊
ปก๊ ปง ปง ๆ เปน็ ระยะ ๆ ประกอบกบั เสียงระหดั นำ้ ท่หี มนุ ตามแรงนำ้ น้ำในกระบอกไหลออกตกลงมากระทบ
รางไม้ทร่ี องรับดัง ฉ่า ฉา่ ฉับ ฉ่า ฉา่ ฉบั ๆ ผสมกับเสียงหมกู นิ อาหารในรางไม้ดงั ตุ๊บ ตุ๊บ โมง โมง จว๊ บ จว๊ บ ๆ
หางของมันซ่ึงมีดินเหนียวติดตรงปลายหางเหน็ เป็นก้อนกลมแกวง่ ไปมาไล่ริ้นยง หางแกวง่ ถูกท้องของมันดัง ปงุ๋
ปง๋ั ป๋งุ ป่ัง ๆ ผสมกบั เสยี งลมพัดกอไผ่เสียดสกี นั ดงั เอย๊ี ด ๆ อ๊ดี ๆ ออ๊ ด ๆ เสียงแกนระหดั หมุนไปตามแรงนำ้ ดัง
อดื อิด ๆ นกตอ้ ยตวี ิด บนิ ไปมารอ้ งดงั กระแต๊ แว๊ด ๆ ๆ
๓
เสียงตา่ ง ๆ เหลา่ น้ดี ังผสมคลุกเคล้ากันฟงั เหมอื นเสียงดนตรสี วรรค์ นายพรานระงบั ใจไว้ไม่ได้จงึ ลด
ปนื ลงมาพาดกับกิ่งไมเ้ งีย่ หฟู ังเสียงเหลา่ นน้ั อยา่ งต้ังใจ เสยี งเหล่าน้ันมันดงั ป๊ก ป๊ก ปง ปง ๆ ฉา่ ฉา่ ฉบั ๆ ตบุ๊
ตบุ๊ โมง ๆ จว๊ บ จว๊ บ ๆ ปุ๋ง ปัง่ ๆ เอื๊ยด ๆ อืด๊ ๆ แอด๊ ๆ อดื ออื อดื ๆ กระแตแ้ วด้ ๆ
"เออ เสียงเหลา่ นีช้ ่างไพเราะแท้ ๆ " นายพรานอดใจไวไ้ ม่ไดจ้ งึ ลุกขึ้นรำไปตามจงั หวะ ดงั คำพรรณนา
ไวด้ งั นี้
จอ้ ง ๆ มอง ๆ ยอง ๆ ยอ่ ยแย่ง ไกวแกว่งอาวธุ ยตุ กิ ารยิง เอนกายนงั่ พงิ ต้นไม้ นงั่ พงิ ฟงั เสียงเสนาะ
ไพเราะกระไร แกลุกข้ึนไอฮะแอม้ ๆ แกม้ ยมิ้ เปน็ มนั กดั ฟนั กรอด ๆ หมูคงไม่รอดจอดแน่ละมึง พรานทะลงึ่ ลุก
กวางปนื ไว้ พลางกางแขนออกฟ้อน หมปู า่ ตกใจโดดหายเข้าป่า พรานกลา้ ใจเสียอดได้หมเู อย
ข้อคิดท่ีไดจ้ ากนิทานเรอื่ งน้ี
นทิ านเร่อื งนีท้ ำใหผ้ อู้ ่านทราบวา่ ธรรมชาตกิ ็มอี ทิ ธพิ ลตอ่ จติ ใจ สามารถทำใหค้ นตึงเครยี ดได้
หรือผอ่ นคลายอารมณ์ได้ เช่น เสียงดนตรี ทำใหม้ ีอารมณ์สนุกสนานจนลมื ส่งิ ทตี่ ึงเครียดไป
๔
๒.ย่าผนั คอเหนยี ง
กาลกอ่ น ณ หมู่บ้านต้งั อยู่ในชนบท ไกลออกไปจากเมอื งหลวง ชาวบ้านมอี าชีพทำไร่ ทำนา
หาของป่ามาขาย หมู่บ้านแหง่ นีม้ หี ญงิ สาวรปู ร่างอาภัพผหู้ นง่ึ นางไมม่ ีชายหนมุ่ ผใู้ ดไปเที่ยวหาเลยเนอ่ื งจาก
นางคอพอกโตใหญ่น่าเกลียด ชาวบ้านเรียกนางว่า"อีตาคอเหนียง"
ทุก ๆ คืนแมว้ า่ นางจะนง่ั ป่ันฝ้ายอยู่กลางลานบ้านรอหนุ่ม ๆ มาเทยี่ วหา กป็ รากฏว่าไมม่ ีใครมาหานาง
เลย แมว้ ่าจะไดย้ นิ เสยี งรอ้ งเพลงและเล่นดนตรขี องพวกหนมุ่ ๆ ทีผ่ า่ นมา นางคดิ วา่ เขาคงจะแวะมาเทย่ี วหา
ตน แตป่ รากฏว่าหนุ่มเหล่าน้ันกลับเลยไปบา้ นอนื่ เสียทุก ๆ คราว
เมื่อเป็นเชน่ นี้ นางสาวตารสู้ ึกน้อยใจ อยากจะตายเสยี ให้พน้ ความชอกชำ้ ใจ วันหนึง่ ขณะทนี่ างเห็น
ปลอดคน จึงจัดการตระเตรยี มเคร่ืองใช้ตัง้ ใจวา่ จะเข้าไปตายในป่าเสียให้รู้แล้วรู้ รอดไป บางทีความตายอาจ
ชว่ ยใหต้ นพ้นทุกขไ์ ปได้
นางม่งุ หนา้ ออกเดินทางเขา้ ป่าขน้ึ เขาไป โดยตัง้ ใจเด็ดขาดว่าเป็นตายรา้ ยดจี ะไมย่ อมกลบั บ้าน วันที่
14 นางบรรลุถงึ กลางดงลึก ซ่ึงนางเลือกว่าท่ีนค่ี งจะไม่มใี ครตามมารบกวน นางคงจะตายอย่างเป็นสขุ
เน่ืองจากความเหนด็ เหนอ่ื ยเมื่อยลา้ นางลม้ ฟุบเปน็ ลมอยู่กลางดงนัน้ เอง ขณะท่ีนางนอนสลบไสลอยู่
ท่ีนน้ั คืนวันนนั้ เปน็ คนื ที่เหลา่ ผีปา่ ท้ังหลายตระเตรียมยืมขา้ วของเคร่ืองใชต้ ่าง ๆ เพอ่ื นำไปใช้ในการจดั งาน
เลี้ยงดกู นั ตามประเพณีของตน
ผตี นหนึง่ เดินมาเห็นคอพอกของนางสาวตา มนั คิดในใจวา่ เราอุตสา่ ห์ยมื หมอ้ แกงท่ีไหน ๆ กห็ าไมไ่ ด้
เพ่งิ มาพบท่นี ่ี ผจี ึงตรงคว้าเอาคอพอกของนางไป พรอ้ มกบั พดู ว่า "แมน่ าง ขา้ ขอยืมหม้อแกงหน่อยนะ เสรจ็
ธุระแล้วจะเอามาสง่ ให"้
นางสาวตารสู้ ึกตัวตื่นขึ้น เอามอื คลำต้นคอของตนรสู้ กึ วา่ คอพอกของตนทเ่ี ปน็ อยนู่ ัน้ ขณะน้หี ายไปส้นิ
นางรู้สกึ ดใี จยงิ่ นกั รีบว่ิงบา้ งเดินบา้ งจนถงึ บา้ นโดยไมเ่ หนด็ เหนอื่ ย พอถงึ บา้ นกเ็ ลา่ เรอื่ งราวท้งั หลายให้เพ่อื น ๆ
ฟัง
เพ่อื น ๆ ทที่ ราบเร่ืองคอพอกของสาวตาหาย ตา่ งพากันมาซักถามจนร้สู กึ เรือ่ งราว ณ ทีน่ น้ั มหี ญงิ สาว
วัยกลางคนผหู้ น่ึงชื่อ"ผัน"
แกกค็ อพอกเหมอื นกัน แตไ่ มไ่ ดโ้ ตใหญ่เทา่ ของสาวตา นางเองตอ้ งการอยากใหค้ อพอกของตนหาย
นางเฝา้ ซักไซไ้ ล่เลียงจนทราบความจริง
๕
นางจงึ ออกเดินเข้าป่าไป เปน็ เวลาร่วม ๆ สิบวัน จนถงึ ปา่ ทนี่ างสาวตาไปนอนสลบไสล ด้วยความ
เหนด็ เหนอ่ื ยและอ่อนเพลียนางจงึ แวะพกั นอนกลางวนั กลางทางนน่ั เอง เม่อื ผีมาดูนางสาวตาไม่พบ มันเหน็
หญิงวัยกลางคนนอนแทนที่ จงึ สง่ หมอ้ นนั้ คนื พอรงุ่ เชา้ นางผนั ตนื่ ขน้ึ เม่ือเอามอื ลูบคลำคอของตน แทนที่คอ
พอกของตนจะหาย กลับโตกว่าเดมิ ขึน้ อกี มากมาย นางร้องไหเ้ สยี ใจทต่ี นเสยี แรงอุตสา่ หด์ ั้นด้นเข้าปา่ มาทั้งที
อยากจะใหค้ อพอก หาย กลบั กลายโตยงิ่ กวา่ เดมิ เสยี อีก
เมอ่ื เปน็ เชน่ นน้ี างไมร่ ู้จะทำอย่างไร เมอ่ื หมดหนทางแก้ ประกอบกับนางคิดไว้วา่ วยั ของตนกล็ ว่ งเขา้
กลางคนแล้ว แมว้ า่ คอจะพอกกไ็ มเ่ หน็ เป็นอะไร สู้ตนพยายามทำความดีแล้วความดีนั้นคงจะสนองใหน้ างเป็น
สุขใจไดบ้ า้ งกระมงั
นับแต่นน้ั มา นางพยายามประกอบกรรมดี ช่วยเหลือกจิ กรรมงานของชาวบา้ นโดยไม่เห็นเหนด็ เหน่ือย
ชาวบ้านทุกคนถึงกบั ออกปากสรรเสริญคุณงามความดที นี่ างได้ปฏบิ ตั ิไป ถึงแม้ว่านางจะตายไปหลายปีแลว้ ก็
ตาม ชาวบา้ นยังกล่าวขวัญถงึ นางเสมอว่า "ใจบุญเหมือนยา่ ผนั คอเหนยี ง"
ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนทิ านเรือ่ งนี้
- โชควาสนาของคนนั้นไม่เหมือนกนั และย่อมกระทำได้ทุกคนหากมีความตัง้ ใจจริง
- คติ "แขง่ เรือแข่งพายแขง่ ได้ แขง่ บุญแขง่
๖
๓. อ้ายก้องข้ีจุ๊
ใคร ๆ ในเวลานนั้ กร็ กู้ ันวา่ อ้ายกอ้ งเป็นคนข้จี ุ๊ (มักกลา่ วเทจ็ ) จ๊ไุ มเ่ ลอื กว่าเป็นพอ่ เป็นแม่ เปน็ ธุเจา้
(พระสงฆ์) หรอื เป็นพระยาเจ้าเมอื ง เรือ่ งท่ีก้องหลอกพอ่ แม่ มีเร่อื งเลา่ ดังน้ี
วันหนงึ่ กอ้ งลาพ่อแมไ่ ปเทย่ี วที่ไกล หายหน้าไปหลายวัน พอกลับมากเ็ ลา่ ใหพ้ อ่ แมฟ่ ังวา่ ท่ีไปเที่ยวมา
นัน้ มว่ น (สนุก) มาก ค้าขายกด็ ี พอ่ คา้ ววั ตา่ งววั หลัง (ขายดี ของทบ่ี รรทกุ หลงั ววั มาหมดเกลยี้ ง) ทำใหก้ ้อง
อยากเปน็ พอ่ ค้าววั ต่างบ้าง ขอให้พ่อชว่ ยซอื้ วัว ซอื้ สนิ คา้ ให้ แลว้ ชวนพ่อไปค้ากบั ตนทเ่ี มืองนนั้ พ่อเองท้งั นึก
กลัวว่ากอ้ งจะจุ๊เอาอีกอย่างที่แลว้ ๆ มา แตก่ อ้ งก็ยนื ยันว่าคราวนจ้ี ะไม่จุ๊แนน่ อน ทั้งพ่อก็กำกบั ไปเองด้วย ไม่
ตอ้ งกลัวว่ากอ้ งจะทำเหลวไหลให้เสยี เงินเสยี ทอง พ่อแม่จงึ ยอมตกลงซอื้ วัว ซอื้ ของบรรทกุ ไปคา้ ขายกบั ก้อง
เมอื งทว่ี ่าคา้ ขายดนี ้ันดจี รงิ เหมือนกอ้ งพดู พอ่ กับก้องขายของหมด ซอื้ ไปขายมาได้เงนิ มากไดก้ ำไรจน
เพลินไปเกอื บจะไม่ได้ปกิ๊ บา้ นปิ๊กเมอื ง (กลบั บ้านกลบั เมอื ง) อยมู่ าวนั หน่งึ ก้องเตือนพ่อขน้ึ วา่ จากบา้ นมานาน
แล้วนกึ เปน็ ห่วงแม่อยากจะกลบั ไปเย่ียม พอ่ ก็เหน็ ดีดว้ ย แตข่ ณะทีก่ ำลงั ซ้ือขายคล่อง ถา้ กลับไปก็เสียดาย จึง
ตกลงกันว่าให้พอ่ คา้ ขายอย่ทู างนี้ ใหก้ อ้ งกลบั ไปเยีย่ มแมค่ นเดยี วเอาเงินเอาทองท่ที ำมาหาได้ไปฝากแมด่ ว้ ย
กอ้ งรบั เงนิ ทองจากพ่อแลว้ ออกเดินทางไป แตไ่ ม่ตรงไปหาแมเ่ ดยี ว เท่ยี วไถลไปไหน ๆ จนเงินทอง
หมดตัวจงึ กลบั ไปหาแม่ พอพบหนา้ แมก่ ็ทำเปน็ เศร้าโศกรอ้ งไหฟ้ มู ฟายวา่ ไปมาคราวน้พี าพ่อไปลม้ ไปตาย ข้าว
ของสมบตั ิอะไร ๆ ท่ตี ิดตัวไปกล็ ม่ หมด พ่อตายทำบญุ ให้แลว้ กร็ ีบกลบั มากาแมน่ ่ีแหละ อู้ (พดู ) อยา่ งน้แี ล้วก็
แนะแม่ว่า เวลานพ้ี อ่ ก็หาไมแ่ ล้ว (ตาย) ควรขายบ้านเกา่ เสยี แลว้ ยา้ ยไปเมอื งอื่นทท่ี ำมาหากินได้ดกี ว่าเมืองนี้
ก้องจะอยชู่ ว่ ยแม่ค้าขาย ไม่จากแมไ่ ปไหนอกี แลว้ แม่กำลงั เศร้าโศกเสียใจก็ตกลงทำตามที่ก้องแนะนำ
ขายบา้ นเกา่ แลว้ ยา้ ยมาอยทู่ ่ีใหม่แล้วแม่กย็ งั ไม่หายเสียใจ ร้องไห้คดิ ถึงพ่ออยเู่ สมอ กอ้ งจงึ ปลอบแมว่ ่า "แมอ่ ยา่
ร้องไห้เสียใจไปนกั เลย ไหน ๆ พ่อก็ตายไปแลว้ นึกหาเอาใหมก่ แ็ ลว้ กนั " แมต่ อบวา่ "จะหาคนเหมือนพ่อไม่ได้
แล้ว ถา้ ได้อยา่ งพ่อกจ็ ะเอาใหม"่ กอ้ งจึงบอกแมว่ า่ "ถา้ ตอ้ งการอย่างนนั้ ก็บย่ าก แตก่ อ่ นเม่อื ขา้ เทย่ี วไป ขา้ ปะ
พ่อชายคนหน่ึงเหมือนพอ่ ไม่ผิดกนั เลย ข้าจะไปชักมาให้แม"่
ครั้นแลว้ ก้องก็ลาแมไ่ ป กลบั ไปหาพอ่ ที่คอยฟงั ขา่ วอยู่ กอ้ งพบพ่อทำเป็นรอ้ งไห้รำพนั รำ่ ไรว่ากลับไป
บา้ นน้ีเคราะหร์ ้ายมาก ไมไ่ ด้พบหนา้ แม่ แมต่ ายเสยี แลว้ ต้งั แตย่ ังคา้ ขายกนั อยู่ บา้ นชอ่ งกเ็ สยี หายเปน็ ของเขา
อน่ื ไปแล้ว พอ่ ได้ยินว่าแม่ตายเสยี แลว้ อย่างนัน้ ก็เสียใจมาก รอ้ งไหค้ ิดถงึ แม่อย่หู ลายวัน วนั หน่ึงก้องได้ช่อง (ได้
โอกาส) กเ็ ข้าไปปลอบพอ่ ว่า "พ่ออย่าร้องไห้ไปเลย เมือ่ กอ่ นทข่ี า้ เทยี่ วไป ข้าปะหญงิ คนหนง่ึ เหมอื นแม่ไม่มีผิด
เมือ่ พ่ออยากเหน็ ขา้ จะพาไปทบี่ ้าน"
๗
ก้องชกั พ่อมาหาแมท่ ี่เมอื งทีแ่ ม่ย้ายมาอย่ใู หม่ แล้วรบี หนไี ปเท่ยี วเสยี ทอี่ ่นื ตอ่ ไป พอ่ แม่พบกนั นึกว่า
เปน็ พ่อชาย แม่หญิง ทเ่ี หมอื นคู่เก่าของตนท่ีตายไปแลว้ กด็ ใี จมาก ตกลงอยู่กินกันตา่ งคนต่างนึกวา่ ตนได้คูค่ น
ใหม่
อยู่มาวนั หนง่ึ แม่บ่นถึงก้องว่าหายไปนานแล้วไมก่ ลับ ไปเทีย่ วจุ๊อยูท่ ีบ่ ้านไหนก็ไมร่ ู้ พอ่ ได้ยนิ ออกช่ือ
กอ้ งก็สงสัย ซกั ถามกนั ขนึ้ กค็ วามแตกวา่ ตา่ งคนมลี กู ชื่อก้องขี้จ๊คุ นนน้ั เอง ลกู หลอกใหม้ าไดก้ ันเหมอื นได้ผวั ใหม่
เมยี ใหม่
สว่ นทก่ี ้องจธุ๊ ุเจ้าน้ัน มเี รอ่ื งเล่าว่า อาจารยเ์ จ้าวดั หนง่ึ เป็นคนข้หี วง ถงึ หน้าตน้ ไมใ้ นวดั ออกลูกออกผล
อาจารยก์ ็ป้องกนั แขง็ แรงกลวั ว่าใครจะมาขอมาขโมย คราวหน่งึ มะม่วงในวดั ออกลูกมากมาย คนในวดั และ
ชาวบา้ นแถวน้ันรูด้ วี า่ เจา้ วัดหวงมาก ถึงอย่างไร ๆ ก็คงไม่ยอมใหม้ ะม่วงใคร กอ้ งอยากลองดจี ึงบอกกับพ่อว่า
ฉนั จะเอามะมว่ งในวัดมาให้พ่อกนิ ให้ได้ พ่อกห็ วั เราะประมาทหน้า แนใ่ จว่าเอาของท่านมาไมไ่ ด้
ก้องทา้ พนันกบั พ่อว่า ถา้ เอามาได้พอ่ จะให้เท่าไร พ่อบอกวา่ ไดม้ ะม่วงมาลูกหน่ึงจะให้พนั ตำลึงทอง
กอ้ งจงึ รับรองา่ ถา้ ไดพ้ นั ตำลงึ ทองจะเอามาให้พอ่ ตะกรา้ ใหญ่ ไม่ตอ้ งนบั ว่าก่ลี ูก แลว้ กแ็ ตง่ ตวั โอโ่ ถง ลงเรือหาย
หน้าไป ๒ ? ๓ วนั พ่อก็ไม่รูว้ า่ กอ้ งไปไหนพอกลบั มาก้องรีบมาทีว่ ดั เข้าไปเคารพอาจารย์เจ้าวดั แล้วบอกว่า
"ขา้ พเจ้าเป็นคนรับคำสง่ั ท่านพญาเจ้าเมอื งใหม้ าตรวจดูสถานทใ่ี นวดั ทา่ นจะมาแปง (สรา้ ง) หอหลวง ทา่ นใหม้ า
ถามอาจารยก์ ่อนว่าจะยอมอนญุ าตให้สร้างหรือไม"่ อาจารย์เจา้ วดั เห็นก้องแต่งตวั ภูมฐิ าน ทา่ ทางดี นกึ ว่าพญา
เจ้าเมอื งใช้ใหม้ าจริง ๆ ก็บอกอนุญาตใหก้ ้องเทีย่ วเดินไปท่วั วดั ตรวจไปพลางเอาเชือกเท่ียววดั ตรงน้ันตรงน้ี
ทำทา่ เหมือนจริง ครั้นวัดและจดได้เสรจ็ แล้ว ก็บ่นดัง ๆ ให้เจ้าวัดไดย้ นิ ว่า "สะดายสะดาย ( เสยี ดาย ) มะม่วง
ตอ้ งตัด หอหลวงนี้ใหญ่โตมาก กนิ ท่ไี ปถงึ ต้นมะม่วงพวกนี้ด้วย" อาจารย์เห็นวาไดห้ อหลวงใหญ่ถงึ จะตัดมะม่วง
สักตน้ กย็ อม และเมื่อไหน ๆ จะตดั มะมว่ งอยูแ่ ลว้ กอ้ งจะเกบ็ เอาลกู ไปบา้ งก็ได้ไมห่ วงเอาไวเ้ หมอื นแต่กอ่ น ทงั้
กอ้ งกเ็ ปน็ คนทจี่ ะไปนำพญาเจ้าเมืองมาแปงหอหลวงในวัดน้ี จึงให้ก้องเก็บมะม่วงเอาไปตะกร้าหน่งึ กอ้ งเอา
มะม่วงไปให้พ่อ พอร้องทวงตำลึงทองตามทพี่ อ่ สัญญาไว้ พ่อกลบั รอ้ งด่าเอาวา่ "มงึ รูจ้ กั จธุ๊ ุเจ้าเอามะม่วงมาได้ กู
ไมร่ จู้ ักจะจุ๊ใคร จะเอาคำท่ไี หนมาหอื้ (ให)้ มึงต้งั พัน"
ส่วนเรอื่ งที่กอ้ งจุ๊พญาเจา้ เมือง มวี ่า พญาเจา้ เมืองรู้ว่าก้องเป็นคนขจี้ ุ๊ ใคร ๆ ก็เสยี รู้ นกึ อยากลอง
ปัญญา จงึ ให้คนไปหาตวั มาเฝ้าแลว้ ทา้ ใหจ้ ตุ๊ วั บ้างดูว่าตนจะหลงเช่อื เสียรู้กอ้ ง หรือไม่ กอ้ งก็รบั ปากว่าจะลองดู
แล้วทูลขอเอาไว้กอ่ นลว่ งหนา้ ว่าอย่าเอาโทษตนเปน็ อันขาด ไมว่ ่าตนจะทำให้พญาเสียรสู้ กั แค่ไหน เจา้ เมอื งก็
รบั คำแลว้ บอกใหก้ อ้ งเร่มิ ได้ แต่ก้องบอกวา่ จะจ๊เุ จา้ เมอื งในวังไมไ่ ด้ ต้องออกไปข้างนอกไกล ๆ แลว้ พาเจ้าเหนือ
หัวเดินออกไปนอกเมืองไกลจนถึงบวก (หนองน้ำ) แหง่ หนง่ึ แลว้ ทลู ขอให้เจา้ เมืองลงไปยืนในหนองนำ้ นั้น ตน
จะจุใ๊ ห้ขึน้ จากหนองน้ำใหไ้ ด้ พญาเจา้ เมืองกล็ งไปในหนองน้ำแล้วตง้ั ใจวา่ ก้องจะจ๊อุ ย่างไรกไ็ มย่ อมขึ้น
๘
พอเจา้ เหนือหัวลงไปอยใู่ นหนองเรียบรอ้ ยแล้ว ก้องกร็ อ้ งทลู ว่า "ขา้ พเจา้ จุ๊ใหท้ ่านเดนิ ออกจากวงั มา
นอกเมืองไกลแคน่ ี้แล้ว ส่วนท่จี ุ๊ให้ลงไปอยู่ในนำ้ น้นั จะขึน้ หรือไม่กต็ ามพระทัยเถดิ " ก้องกล่าวดงั นนั้ แลว้ กถ็ วาย
บังคมลากลบั ไปเสยี เฉย ๆ พญาเจ้าเมืองก็รวู้ า่ เสียท่ากอ้ งเสียแลว้ และตง้ั แตเ่ สียรูก้ ้องวันนัน้ แลว้ กผ็ ูกใจเจ็บอยู่
เสมอ วนั หนึ่งจงึ ใหไ้ ปจับกอ้ งลงโทษ ให้เอาใส่หีบไม้ล่อ (โผล่) แค่คอแล้วแขวนเอาไวบ้ นต้นไม้ริมแม่นำ้ ใกล้ทาง
หลวง แขวนประจานเอาไวเ้ จ็ดวันใหค้ นทั้งหลายดูหนา้ คนบังอาจจุ๊เจ้าเหนือหวั เมือ่ ครบเจ็ดวันแล้ว จะให้โคน่
ต้นไมต้ กแมน่ ำ้ ไปให้ก้องจมนำ้ ตายอยูใ่ นหีบไมใ้ บน้ัน
ผูค้ นกพ็ ามาดูอ้ายก้องข้ีจกุ๊ นั มากมาย ในเย็นที่กอ้ งจะต้องตายนน้ั เผอญิ อ้ายเงีย้ วตาฟางคนหน่งึ เดิน
งุม่ งา่ มมา ก้องแลเห็นแต่ไกลกด็ ใี จมาก รอ้ งเรยี กใหเ้ ขา้ มาใกล้ ๆ เงย้ี วตาฟางจึงถามว่ากอ้ งเป็นใคร กอ้ งบอกวา่
ตนเป็นคนตาบอด หมอรักษาตาเอาใส่หีบแขวนไว้ เวลานต้ี าหายแล้วเหน็ ดแี ล้ว เงีย้ วตาฟางอยากตาดีบ้าง จึง
ขอให้ก้องช่วยเอาตัวใสห่ ีบแขวนไว้ เงยี้ วจึงชว่ ยก้องออกมาแล้วเขา้ ไปอย่ใู นหบี แทน ครบกำหนดเจด็ วนั
เพชฌฆาตก็มาโค่นตน้ ไม้ เงี้ยวตาย สว่ นก้องพ้นตายไปได้ แล้วกไ็ ปเฝา้ เจ้าเมือง เจา้ เมอื งแปลกใจว่าเหตุใดกอ้ ง
ตากน้ำแลว้ ยงั ไม่ตาย
ก้องจงึ กเุ รือ่ งขึ้นเลา่ ว่า "ตกน้ำไปจรงิ แต่ไม่ตาย ได้ไปเทยี่ วถึงเมืองพญานาค เมืองน้ันสนุกสนานมาก มี
แตผ่ ้หู ญงิ งาม ๆ ท้งั เมือง ไมม่ ผี ู้ชายเลย" แลว้ ขยายเร่ืองจนเจา้ เมอื งอยากไปบ้าง ขอให้ก้องชว่ ยจดั การใหไ้ ดไ้ ป
เทย่ี วถึงเมืองพญานาค ก้องจงึ เอาเจา้ เมืองใส่หีบท้งิ นำ้ เป็นอนั วา่ พญาเจ้าเมอื งไม่ไดก้ ลบั มาครองบ้านเมอื งอกี
ต่อไป
ส่วนกอ้ งกลบั มาเฝ้านางเทวี ชายาเจา้ เมอื ง เล่าว่าเจา้ เมืองไปอยู่เมืองพญานาค มีความสุขสนกุ สนาน
ไม่ยอมกลับบา้ นเมอื งอกี แลว้ มอบให้ก้องเป็นพญาแทน สว่ นเจ้านางเทวนี ้นั พญาส่ังว่าอยา่ ให้เอาผ้ใู ดเปน็ ผัว
นอกจากกอ้ ง อา้ ยก้องขีจ้ ุ๊กไ็ ด้เปน็ พญาแตน่ น้ั มา
"เออ เสียงเหล่าน้ีช่างไพเราะแท้ ๆ " นายพรานอดใจไว้ไม่ได้จึงลกุ ขึ้นรำไปตามจงั หวะ ดงั คำพรรณนา
ไวด้ งั น้ี
จอ้ ง ๆ มอง ๆ ยอง ๆ ย่อยแยง่ ไกวแกวง่ อาวุธ ยตุ กิ ารยงิ เอนกายนงั่ พงิ ต้นไม้ นั่งพิงฟังเสยี งเสนาะ
ไพเราะกระไร แกลุกขึน้ ไอฮะแอ้ม ๆ แก้มยมิ้ เป็นมัน กดั ฟนั กรอด ๆ หมคู งไมร่ อดจอดแนล่ ะมึง พรานทะลง่ึ ลกุ
กวางปนื ไว้ พลางกางแขนออกฟ้อน หมูปา่ ตกใจโดดหายเข้าป่า พรานกลา้ ใจเสยี อดไดห้ มเู อย
ข้อคิดที่ได้จากนทิ านเรื่องนี้
นิทานเรือ่ งน้ที ำใหผ้ อู้ า่ นทราบว่า ธรรมชาติก็มอี ิทธิพลตอ่ จติ ใจ สามารถทำให้คนตงึ เครยี ดได้หรือผอ่ น
คลายอารมณไ์ ด้ เช่น เสยี งดนตรี ทำให้มีอารมณ์สนุกสนานจนลืมส่ิงท่ีตงึ เครยี ดไป
๙
๔. เชยี งดาว
ในอดตี กาลมนี ครแห่งหนงึ่ นามว่า นครพะเยา กษัตริยผ์ ู้ครองนครมรี าชธิดา 6 องค์ และมีโอรสเปน็
องค์สุดทา้ ย นามวา่ เจ้าคำแดง อายุ 16 ชนั ษา ราชธดิ าทุกองคส์ มรสหมดแล้วกับเจ้าเมอื งตา่ ง ๆ สำหรับเจา้ คำ
แดงเป็นผกู้ ลา้ หาญ เขม้ แข็งในการสงครามยง่ิ นัก ทรงโปรดการออกปา่ ล่าสตั วอ์ ย่เู สมอ ๆ
ครัน้ หน่งึ มกี องทพั ฮอ่ ยมาล้อมนครพะเยา พระราชาทรงเรียกเขยทงั้ 6 องคม์ าถามวา่ "ศกึ ครง้ั
นใี้ ครจะเปน็ ผอู้ าสาออกไปปราบปราม"
เขยท้ัง 6 นิ่ง ไม่มใี ครกล้าอาสา เพราะทราบว่าศัตรูมกี ำลังมากมายและเขม้ แข็งยงิ่ นกั ดังน้นั
พระราชาจงึ ตรัสเรียกเจ้าคำแดงออกมา เมื่อเจ้าคำแดงทราบเรื่องจงึ รบั อาสาออกปราบเอง พร้อมด้วยไพรพ่ ล
หนง่ึ หมน่ื
การรบครง้ั ขา้ ศึกได้แตกพา่ ยไป เม่ือเจา้ คำแดงได้ชยั ชนะกย็ กทัพกลบั ขณะเดนิ ทาง บงั เอิญ
เจ้าคำแดงเห็นกวางทองรูปงามตวั หนึง่ กอ็ ยากจะได้เพอ่ื นำไปถวายพระบิดา จงึ สัง่ ใหพ้ วกทหารเข้าลอ้ ม เมือ่
ไพรพ่ ลเขา้ ล้อมอย่างกระชน้ั ชิดเข้าไปมาก กวางกต็ กใจกระโจนหนีออกทางด้านเจ้าคำแดง ดงั น้ัน เจ้าคำแดงจึง
ควบม้าตดิ ตามไปพรอ้ มดว้ ยไพร่พล การติดตามใช้เวลาหลายวนั จากนครพระเยาจนเขา้ เขตเชียงใหม่ จนเขา้
ใกลเ้ ขาลูกหนึ่งสงู มาก สูงเทียมดาว ไพรพ่ ลเรยี กเขาลกู นว้ี า่ "สูงเพยี งดาว" ต่อมาชื่อนเ้ี พ้ยี นไปเป็น "เชยี งดาว"
บรเิ วณเชิงเขาเป็นทงุ่ กวา้ ง กวางทองวง่ิ หายไปในป่าหญ้า ต้องใชเ้ วลาค้นหาเป็นเวลานานบรเิ วณทงุ่
หญา้ ตรงน้ีชาวบ้านเรียกวา่ "ทงุ ผวน" (ท่งุ กวางหาย)
"ผวน" เป็นคำพื้นเมือง แปลว่า "สับสน"
ต่อมาพวกทหารได้มองเหน็ แต่ไกล คดิ วา่ เป็นเนื้อทราย แต่พจิ ารณาดดู ี ๆ จึงรวู้ า่ เป็นกวางทอง ตรง
บรเิ วณนช้ี าวบ้านให้ช่อื วา่ "บ้านแม่ทลาย"
(แม่ทราย) เจา้ คำแดงคงตดิ ตามไปไมล่ ดละกวางเห็นจวนตวั จงึ ถอดคราบกวางทองออกไว้ เรอื นร่าง
ภายในกลายเปน็ สตรีสาวสวยย่ิงนกั นามว่า "อนิ ทรเ์ หลา" แลว้ หนีตอ่ ไป ทง้ั หมดจงึ รู้วา่ กวางทองเป็นคน
หม่บู า้ นทก่ี วางถอดคราบออกนี้เรยี กวา่ "บา้ นสบคราบ" (สบ ปากทางแพร่)
อินทร์เหลาหนขี นึ้ ไปตามลำธารเลก็ ๆ เน่ืองดว้ ยมเี ครอื่ งแต่งกายเพยี งเลก็ น้อย เจ้าคำแดงท่ีตดิ ตามมา
อยา่ งใกลช้ ดิ เกรงว่านางจะอาย จึงยกมือโบกใหท้ หารติดตามมาหมอบราบกับพนื้ เพ่ือมิให้นางเหน็ ตรงน้ี
เรยี กวา่ "นำ้ แมแ่ มบ"
(แมบ หมอบ) ต่อมาเพ้ยี นเปน็ แมน่ ้ำแมะ นางหนีข้นึ ไปถึงบนเนินเขาซึ่งเปน็ ทางแคบ ๆ ทหารตรูเข้า
จะจับตวั นาง แต่เจา้ คำแดงยกมอื ห้ามไว้ พระองคจ์ ะตามไปเอง พอดนี างอนิ ทรเ์ หลาหนเี ขา้ ป่าไปได้ หมบู่ า้ น
๑๐
ตรงนี้เรียกวา่ “แม่นะ” และเพือ่ ไม่ให้นางหลบหนไี ปได้ เจ้าคำแดงจงึ ส่งั ให้ทหารลอ้ มไวพ้ รอ้ มกบั ขุดคู
ก้นั ไว้ คูน้ีตอ่ มาเรยี กวา่ “คอื ฮ่อ” (คอื -ค)ู
นางอนิ ทรเ์ หลาจวนตวั จึงพยายามปีนป่าขึ้นเขาได้ เจ้าคำแดงตดิ ตามไปแต่ผเู้ ดียว และไปพบตวั นาง
บนเนินเขาเต้ีย ๆ นางจงึ ถามว่า “มาจับฉนั ทำไมฉันมีความผดิ อะไรหรอื ”เจ้าคำแดงตอบว่า
“ข้าพเจา้ เปน็ ราชโอรสของกษตั ริย์พะเยา เห็นกวางทองกอ็ ยากจะได้จึงติดตามมา แตป่ รากฏวา่
กวางทองตวั น้ันความจริงเปน็ นางผสู้ วยงาม เกดิ รสู้ กึ รักและอยากจะไดเ้ ปน็ ชายา”
นางตอบว่า “หากพระองค์รักข้าพเจา้ จริง ควรจะต้องไปบอกมารดาเสยี กอ่ น ขณะนอ้ี ยใู่ นถำ้ ”
เจา้ คำแดงเห็นตามคำกล่าว จงึ ลงมาจากมา้ เดินตามนางเข้าไปในถ้ำเพือ่ ไปหามารดาของนาง ซึง่ มชี ื่อว่า
“อินทรล์ งเหลา”
พวกเสนาท่ตี ดิ ตามมาพบแต่มา้ ท่ปี ล่อยไว้ แลเห็นรอยเทา้ ทัง้ สองหายเขา้ ไปในถำ้ พวกเขารออยู่เป็น
เวลานานเจ้าคำแดงก็ไม่ออกมา เม่ือเข้าไปดใู นถำ้ กไ็ ปไมถ่ กู จึงตอ้ งยกทพั กลับนครพะเยา ชาวบา้ น
ใกล้ ๆ ทราบเร่อื งต่างกล่าวว่า เจา้ คำแดงขณะน้ีไดเ้ ป็นอารักษค์ ุ้มครองดูแลถำ้ ขนุ เขาลูกนี้ และเรียก
เจา้ คำแดงวา่ “เจา้ หลวงคำแดง” ทกุ วันน้ี
ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรอ่ื งนี้
นิทานเร่ืองนี้ เปน็ การบอกให้เราคนหลงั ๆ ไดท้ ราบถงึ ความเป็นมาของสถานที่ทม่ี ชี ่ือในถนิ่
น้นั และแสดงใหเ้ ห็นถึงความ กล้าหาญ เด็ดเด่ียว และความพยายามเป็นอย่างมากจนพบกับความสำเรจ็ แต่ก็มี
ความเช่ือเก่ียวกบั ทางไสยศาสตร์เชน่ กัน
๑๑
บรรณานุกรม
นริ นาม. (๒๕๖๒). นิทานพื้นบา้ นภาคเหนอื .(ออนไลน์) แหล่งที่มา : https://hilight.kapook.com/
(วันทค่ี น้ ข้อมลู : ๑๓ มกราคม ๒๕๖๔)