The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by asdrftg0905, 2021-03-16 13:03:55

E-Book วิชาการเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมด รหัสวิชา 2204-2107

• Byte เปน็ ขอ้ มูลในรูปแบบ Binary

• integer และ Long ใช้เกบ็ ค่าตวั เลขจำนวนเต็ม Long จะใช้เก็บคา่ ตวั เลขท่ีมคี
Integer

• Currency ใช้สำหรับเกบ็ คา่ ตัวเลขจำนวนเงิน

• Single และ Double ใช้เกบ็ ค่าตัวเลขทศนยิ ม Double จะใช้เก็บค่าตัวเลขทม่ี ีคา
มาก

2. ข้อมลู ชนิดตรรกะ (Boolean) ใชเ้ กบ็ คา่ ทางตรรกะ ซึง่ มีคา่ True (จรงิ ) หรอื False
(เท็จ) เท่านั้น

3. ชนิดตัวหนังสือ (Character) String ใชเ้ ก็บข้อมลู ตวั อักษร การกำหนดคา่ จะอยใู่ น
"เปน็ “10/21 ถ.ติวานนท์”

4. ชนดิ วนั ที่ (Date) ใช้เกบ็ ค่าวันท่ี การกำหนดคา่ จะอยู่ในเครื่องหมาย # # เชน่ =June
19.1971

5. ชนิด (Variant) ใชเ้ กบ็ ขอ้ มูลชนดิ ใดก็ได้ จะเปล่ียนไปตามชนิดขอ้ มูลท่ีจดั เกบ็
6. ขอ้ มูลวตั ถุ (Object) ใช้เกบ็ ค่าของ Object เพื่อใช้ในการอ้างอิง
ตวั แปร (Variable)
การเขียนโปรแกรมส่ิงที่สำคัญและจำเป็นคือ การค่าตงั้ คา่ และกำหนดค่าให้กบั ตัวแปร เพ่ือ
นำไปใชใ้ นการประมวลผล ตวั แปรมผี ลต่อการทำงานของโปรแกรมและชว่ ยในการเขยี นโปรแกรม ได้
งา่ ยขึน้ เนื่องจากตวั แปรคือการกำหนดชือ่ ข้ึนมาเพ่ือใช้แทนคา่ ในการเก็บข้อมลู ชนิดต่างๆ เช่น A =
10, 8 = 2, C = A + B ดงั นน้ั คา่ ของ C - 10 + 2 หรือเท่ากับ 12 นน่ั เอง และถา้ จะนำค่า A + B ไป
ใช้ประมวลผลต่อ ก็สามารถอ้างค่าตัวแปร C แทนทีไ่ ด้เลย การกำหนดตัวแปรของการเขียนโปรแกรม
แตล่ ะภาษา มีหลักเกณฑท์ ี่แตกต่างกันออกไป ในที่นีจ้ ะกลา่ วเฉพาะการใชต้ ัวแปรของโปรแกรม
Visual Basic เท่าน้นั
การประกาศตวั แปร
โดยตวั แปรจะมีการกำหนดขอบเขตของการใชต้ วั แปรเป็น 3 ระดบั
1. ตวั แปร Local หรอื ตัวแปรท่ปี ระกาศใชเ้ ฉพาะใน Foredune เดยี วกนั ดังนน้ั เมอื่ ทำงาน

ใน Procedure เสรจ็ แลว้ ตวั แปรเหลา่ น้จี ะหมดสภาพ หรือถกู ทำลายทิ้งไป ดังนัน้ ชอื่ ตัว
แปรชนดิ นี้จึงสามารถ ตัง้ ได้ซ้ำกนั แตต่ ้องอยู่ในคนละ Procedure (ดูในตัวอยา่ งที่ 2)
รูปแบบและไวยากรณ์มดี งั นี้ Dim ชอื่ ตัวแปร As ชนิดของตวั แปร

2. ตัวแปร Private หรือตัวแปรทปี่ ระกาศใช้ใน Form เดยี วกัน หรือเรียกว่า ตวั แปรระดับ
มอดลู (Module Level Variable) ตัวแปรนี้ประกาศใช้ได้ทกุ Procedure ใน Form
เดียวกนั หรือมอดลู เดียวกนั นั่นเอง

รปู แบบและไวยากรณ์มดี ังนี้ Private ชอ่ื ตวั แปร As ชนดิ ของตัวแปร
3. ตัวแปร Public หรอื ตวั แปรที่ประกาศใช้ได้ทุก Procedure และทุก Form หรือ

Module ดงั น้นั เม่อื ประกาศใชแ้ ล้ว สามารถนำตัวแปรนไี้ ปใช้ใน Procedure ไหนหรอื
มอดลู ไหนกไ็ ด้ใน project เดียวกันหรือโปรแกรมเดยี วกนั นั่นเอง เป็นการตั้งค่าตัวแปร
เพยี งครั้งเดยี ว
รปู แบบและไวยากรณ์มีดังน้ี Public ชอ่ื ตัวแปร As ชนิดของตัวแปร
กฎเกณฑ์การตงั้ ชือ่ ตัวแปร
1. ช่อื ตัวแปรต้องขึน้ ต้นด้วยตัวอักษร A-Z หรอื a-z เทา่ นน้ั
2. ชื่อตวั แปรห้ามยาวเกนิ 25 ตวั อักษร
3. ใชต้ ัวอกั ษร ตวั เลข หรอื เครื่องขีดลา่ งผสมกันได้ ห้ามเคร่ืองหมายจดุ ขีด หรอื เคร่ืองหมาย
อื่น ภายในชื่อ
4. ห้ามใช้ค่าสงวนท่กี ำหนดไว้ในโปรแกรม โดยสว่ นมากจะเปน็ คำสง่ั ของโปรแกรม ถ้าตั้งช่อื
ตวั แปรเหมอื นกัน จะทำให้สบั สนวา่ เป็นตัวแปรหรอื คำส่ัง เช่น Dim Private Public as เปน็ ต้น
5. ไมม่ กี ารวรรคระหว่างตวั อักษร เช่น strName เปน็ ตน้
6. ห้ามมีอักขระพเิ ศษในชอื่ ตัวแปร
7. ช่อื ตวั แปรห้ามซำ้ กนั ถ้าอยู่ในขอบเขตเดยี วกัน เช่น ห้ามซำ้ กันใน Procedure เดยี วกัน
ขอ้ ควรคำนึงอน่ื ๆ คอื ต้ังชื่อใหม้ คี วามหมาย และใช้อักษรตัวใหญผ่ สมกับตัวเลก็ เช่น strFirstName
ควรมีคำนำหนา้ Prefix เพ่ือบอกถึงขนิดของขอ้ มลู ท่ีจะใช้งาน ถา้ เขียนโปรแกรมขนาดเล็กอาจไม่ค่อย
เห็นความสำคัญของหลักเกณฑน์ ้ี แต่ถ้าต้องเขยี นคำสงั่ เป็นจำนวนมาก การต้งั ช่ือใหส้ อ่ื ความหมาย
และ การกำหนดคำนำหน้าชื่อตัวแปร จะทำให้ไม่ต้องพะวงและเสยี เวลาในการคิดว่า ตวั แปรเหลา่ น้ี
จะหมายถึง ค่าอะไรและเป็นตวั แปรชนดิ ไหน เช่น ไngSalary หมายถึง เงนิ เดอื น เป็นข้อมลู ชนิด
Long เปน็ ต้น
การกำหนดค่า (Assingman) ของตัวแปร
คำสง่ั Assignment เราจะใช้เครือ่ งหมาย " = " เป็นคำสงั่ ในการกำหนดค่าให้กับตัวแปร เช่น
strFirstName = "สุรชยั ”
intAge : 32

lbtYourName.Text = "กรณุ าใสช่ ื่อ” (เป็นการให้คา่ กับ Object Label YourName)
ตวั อย่างที่ 1 การกำหนดช่อื และกำหนดค่าให้กับตวั แปร

1. ชอื่ โรงเรียน strSchoolName = "โรงเรียนเอมพันธ์บริหารธุรกิจ”
str หมายถึง ตัวแปรชนิด String
SchoolName สื่อถึงชื่อตัวแปร
เครื่องหมาย = เป็นการกำหนดคา่ ข้อมูลตวั อักษร
"โรงเรียนเอมพันธ์บริหารธรุ กิจ” จะถกู เกบ็ ค่าในตัวแปร strSchoolName (ขอ้ มูลตวั อักษร
จะต้องใส่ข้อความไว้ภายในเครอ่ื งหมาย " ")
2. จำนวนนักเรยี นทงั้ ส้ิน intStudentTotal = 50
int หมายถงึ ตวั แปรชนดิ Integer หรือจำนวนเตม็
StudentTotal สอื่ ถงึ ช่อื ตวั แปร คอื จำนวนนักเรียนทั้งหมด
= 50 กำหนดคา่ จำนวนนกั เรียนทัง้ หมดเทา่ กบั 50 แล้วเก็บคา่ ไวท้ ีต่ ัวแปร intStudentTotal

ใบงานท่ี 6.1

คำชแี้ จง ให้ผเู้ รยี นกำหนดชือ่ ตวั แปรและกำหนดค่าให้กบั ตัวแปรตามหัวขอ้ ต่อไปน้ี พรอ้ มคำอธบิ าย
1. ชอื่ บรษิ ัท

...................................................................................... ...................................................................
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
2. จำนวนสินค้ามีหน่วยเป็นจำนวนเตม็
............................................................................................................................................. ............
.........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................
3. ราคาต่อหน่วยมีทศนยิ ม
............................................................................................................................. ............................
.........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................
4. เพศ
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................

ตวั อย่างท่ี 2 ใหท้ ำการเปดิ Project ขึ้นมาใหม่ 1 Project ทำการสรา้ งปมุ่ Button Test บน
Form โดยกำหนดชือ่ cmdTest ดงั รูป

ใหด้ บั เบิลคลกิ ท่ีปุ่ม Test เพ่ือทำการเขยี นคำสัง่ ดงั น้ี (ไม่ตอ้ งพมิ พ์ส่วนทเี่ ป็น Comment)

ทำการ Run Program แล้วกดป่มุ Test จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Immediate ข้นึ มาเพ่ือแสดงผล
การ Run Program จากตัวอย่างนี้ จะสังเกตว่าค่าที่ไดก้ ำหนดไว้สามารถแสดงผลไดท้ ัง้ หมด แสดงว่า
การกำหนดตวั แปรและการกำหนดค่าตวั แปรไมม่ ขี ้อผิดพลาด

หมายเหตุ กรณีทหี่ นา้ ตา่ ง Immediate ไมป่ รากฏข้ึนมา ให้กดปมุ่ Ctr+G

ขอ้ ควรระวังในการกำหนดคา่ ตวั แปร ควรกำหนดใหต้ รงกบั ขอบเขตของตัวแปรแต่ละชนิด
เชน่ หากมกี ารกำหนดค่าตวั แปร A มากกว่า 255 โปรแกรมจะมีการแจ้งเตือนความผดิ พลาด
เนื่องจาก ตวั แปร A เป็นชนดิ Byte ซึง่ มีค่าสงู สดุ อยู่ที่ 255

ตวั อย่างที่ 3 การใช้ตัวคงที่ ใหส้ ร้างฟอรม์ ขน้ึ มาใหม่ ตั้งชือ่ Form Vat บนั ทึก Project ช่อื
Constanta2 ดังรูป

สร้าง Label 1 กำหนดชือ่ เป็น lbtAmount1 กำหนด BorderStyle เป็น Fixed Single
สรา้ ง Label 2 กำหนดช่ือเป็น tbtVat7 กำหนด BorderStyle เปน็ Fixed Single
สรา้ ง Label 3 กำหนดชอื่ เป็น lbtAmount 2 กำหนด BorderStyle เป็น Fixed Single
สร้าง Label 4 กำหนดชือ่ เป็น เbtVat10 กำหนด BorderStyle เป็น Fixed Single
สร้าง Button 1 กำหนดชอื่ เป็น btnVat7 กำหนดชอ่ื Vat 7%

สร้าง Button 2 กำหนดชือ่ เป็น btnVat10 กำหนดชอื่ Vat 10%

การกำหนดคา่ คงท่ีจะกำหนดไวท้ สี่ ว่ นบนของ Code Editor และตัวท่กี ำหนดเป็นค่าคงที่ จะ
นำไปใช้ได้ในทกุ โปรแกรมย่อย (Sub Procedure) โดยไมต่ ้องกำหนดขนึ้ ใหม่ เช่น ตวั อย่าง จะกำหนด
อัตราภาษีมลู คา่ เพิ่มไว้ 7% กับ 10% และนำไปใช้ในการคำนวณใน cmdVat7 และ Crndvatio โดย
ไมต่ ้องกำหนดตัวแปรขึ้นมาอีก แต่ไมส่ ามารถกำหนดชือ่ ตัวแปรซ้ำได้อีก มีรูปแบบคำสั่งดังนี้ Const
ชอ่ื ค่าคงที่ A5 ชือ่ ชนดิ ข้อมลู = คา่ ทีก่ ำหนด จากตวั อยา่ ง กำหนดใหค้ า่ 0 คงท่ีของภาษีมูลค่าเพิ่ม
เท่ากัน 76 กำหนดไดด้ งั น้ี Const Vat7 As Single = .07 หมายถงึ กำหนดคา่ คงท่ีช่ือ Vat 7 เป็น
ข้อมลู ชนิด Single มีคา่ เทา่ กับ 07 เม่อื สรา้ ง Form เสรจ็ แล้วให้เปิด Code Editor ข้นึ มาแล้วพมิ พ์
คำสงั่ ลงไป ดังรูป

การกำหนดคำนำหน้าชอื่ ตวั แปร Prefix
ในการกำหนดชื่อของตวั แปรนั้นควรมคี ำนำหนา้ ชอื่ ตัวแปรเพอ่ื แสดงถงึ ชนิดขอ้ มลู ของตวั แปร
นั้นๆ โดยคำนำหน้าชอื่ ตัวแปรแต่ละชนดิ มีดงั น้ี

ตัวดำเนินการ

ตวั ดำเนนิ การ (Operator) หมายถงึ การคำนวณหรือฟงั กช์ ันทางคณิตศาสตร์ เชน่ บวก ลบ
คณู หาร ประโยคทีน่ ำตวั ดำเนนิ การมาใชก้ ับตวั แปรหรอื ตัวเลข เรยี กวา่ นิพจน์ (Expression)
ตัวอย่างเช่น A + B คอื นิพจน์ เครอื่ งหมาย + คือตัวดำเนินการ

ชนดิ ของตัวดำเนินการ Operator แบง่ เปน็ 3 ประเภท ดังนี้
1. ตวั ดำเนนิ การทางคณติ ศาสตร์ (Arithmetic Operator) เป็นตวั ดำเนินการที่ใชใ้ น การ

คำนวณทางคณติ ศาสตร์ ไดแ้ ก่ + - */ A เป็นตน้

ตัวอยา่ ง A= -3^2 =-9

B = 4+5*3-2^3 =11 D = 2+5 Mod 5 =5

C = (5+2)*2-3^3 =-13 E = (2+7) Mod 4 =1

อธิบายตัวอย่าง

A -3 ยกกำลัง 2 เท่ากับ - 9 (-3 มเี ครอ่ื งตดิ ลบอยู่ขา้ งหน้า)

B คำนวณ 2 ยกกำลัง 3 เท่ากับ 8 เกบ็ ค่าไวก้ อ่ น คำนวณ 3 คณู 5 เทา่ กับ 15 แล้วบวกด้วย

4 ตามลำดบั ไดเ้ ทา่ กบั 19 นำค่า 19 ลบดว้ ย 8 เทา่ กบั 11

C คำนวณคา่ ในวงเลบ็ ก่อน (542) เทา่ กับ 7 คำนวณค่ายกกำลงั 3A3 เท่ากบั 27 คำนวณคา่

คณู นำ 7*2 เท่ากบั 14 คำนวณค่าลบเปน็ อันดบั สุดทา้ ย นำ 27-14 เท่ากบั 13

D คำนวณคา่ Mod 5 Mod 5 เท่ากบั 0 (ไมม่ เี ศษ) นำคา่ เศษ 0 + 2 เทา่ กบั 2

E คำนวณค่าในวงเลบ็ (2+7) เท่ากบั 9

ใบงานที่ 6.3

คำชี้แจง
1. ใหผ้ ูเ้ รยี นสรา้ ง Project ขึ้นมาใหม่ บันทึกช่อื OperatorTest โดยสร้าง Form ขน้ึ มา 1

Form ชื่อ Operator สรา้ งปมุ่ Button กำหนดชื่อ btnCompute และกำหนดข้อความ คำนวณ ดงั
รปู

2. Double Click ที่ปุ่มคำนวณ แล้วพิมพ์ค่าท่ีต้องการคำนวณตามตวั อย่าง รวมถึงการ
ตรวจสอบ ผลลพั ธ์ดว้ ยคำสงั่ Debug.Print ดังรปู

2. ตัวดำเนนิ การเปรียบเทยี บ (Relational Operator) หรือ (Comparison Operator) จะ
ใชป้ ระเมินค่าหรือเปรียบเทยี บค่าของข้อมลู ผลลัพธจ์ ะมีค่าเป็นจรงิ (True) หรือเปน็ เท็จ (False)

อธิบายตวั อยา่ ง A มคี ่าเท่ากับ 3 B มคี ่าเท่ากับ 2
A = B A เทา่ กบั B เป็นเท็จ คา่ ของ A ไม่เทา่ กบั คา่ ของ B
A <> B A ไมเ่ ทา่ กับ B เปน็ จรงิ ค่าของ A ไม่เทา่ กับค่าของ B จรงิ
A > B A มากกว่า B เป็นจริง คา่ ของ A มากกวา่ คา่ ของ B จรงิ
A < B เปน็ เท็จ คา่ ของ A มากกว่าค่าของ B A น้อยกว่า B
A <= B A น้อยกวา่ หรือเทา่ กับ B เป็นเทจ็ ค่าของ A มากกวา่ ค่าของ B
A >= B A มากกวา่ หรือเทา่ กับ B เป็นจรงิ คา่ ของ A มากกวา่ หรืออาจเท่ากับค่าของ B
ตัวอย่างท่ี (4)
1. ใหผ้ เู้ รยี นสร้าง Project ขนึ้ มาใหม่ บันทึกชอื่ Compare สร้างปุ่ม Button กำหนดช่ือ
btnCompare ตง้ั ชือ่ ปุ่ม เปรียบเทียบเงื่อนไข และ Label จำนวน 6 Label ดงั รปู

2. Double Click ที่ปมุ่ เปรยี บเทยี บเงอ่ื นไข แลว้ พมิ พ์คา่ ท่ีต้องการเปรียบเทียบตามตวั อยา่ ง

เมือ่ รนั โปรแกรมและคลิกที่ปุ่ม เปรยี บเทยี บเง่ือนไข จะได้ผลดงั รูป

3. ตัวดำเนินการทางตรรกะ (Logical Operator) ใช้ในการเปรยี บเทียบคา่ ท่ีกำหนดไวว้ ่าเปน็
จรงิ (True) หรือเป็นเทจ็ (False) การเปรียบเทยี บคา่ จะมีตัวเช่ือมแยกเป็นดังนี้

3.1 and มีคา่ เท่ากบั “และ” เป็นการเปรียบเทียบคา่ ถา้ เหมือนกนั ทัง้ 2 ค่า แสดงวา่
เป็นจริง ตัวอย่างเชน่ สุขุมและสมพงษ์เขยี นโปรแกรม Visual Basic ได้ ซ่งึ จะเป็นจรงิ ก็
ตอ่ เม่ือ สขุ ุมเขยี นโปรแกรม Visual Basic ไดเ้ ปน็ จริง และสมพงษเ์ ขียนโปรแกรม Visual
Basic ได้เป็นจรงิ (ค่าเป็นจรงิ =1. ค่าเปน็ เทจ็ =0)

A B A and B
00 0
01 0
10 0
11 1

3.2 or มีคา่ เทา่ กับ “หรือ” จากตัวอย่างท่ี 3.1 สุขุมหรอื สมพงษ์คนใดคนหนึ่งสามารถ
เขยี นโปรแกรม Visual Basic ได้ กจ็ ะมีคา่ เป็นจริง

A B A or B
00 0
01 1
10 1
11 1

3.3 Xor จะมคี ่าเปน็ จริงเมอ่ื ประโยคทั้งสองมคี ่าตรรกะท่ตี ่างกัน
A B A xor B
00 0
01 1
10 1
11 0

3.4 not เปน็ การสลบั คา่ ความจริงของตวั แปรหรือนิพจนจ์ ากจรงิ เป็นเทจ็ และ จากเทจ็
เป็นจริง

A Not A
10
01

3.5 egy (Equivalence) มีค่าเท่ากบั “กต็ ่อเม่ือ” จะมีค่าความเป็นจริงเมือ่ คา่ ตวั แปร
หรอื นพิ จน์มีค่าตรรกะเหมือนกนั

A B A eqv B
00 1
01 0
10 0
11 1

3.6 imp (Implication) มคี ่าเท่ากับ “ถ้า แลว้ ” จะมีค่าเป็นเทจ็ เมื่อนิพจนท์ ี่ 1 เป็นจรงิ
และนิพจน์ท่ี 2 เป็นเทจ็ นอกจากนนั้ จะมีค่าเป็นจริงท้งั หมด

A B A imp B
00 1
01 1
10 0
11 1

ตวั อยา่ งท่ี 5
1. ให้ผเู้ รียนสร้าง Project ขนึ้ มาใหม่ บนั ทึกชื่อ CompareLogic และสรา้ ง Form ดงั

รปู

• สรา้ ง Label กำหนดชอื่ lblA กำหนดขอ้ ความ A
• สรา้ ง TextBox กำหนดชอ่ื txtA
• สรา้ ง Label กำหนดชอื่ (b1B กำหนดขอ้ ความ B

• สร้าง TextBox กำหนดชือ่ txtB
• สรา้ ง Button กำหนดชื่อ btnAnd ชอ่ื ปุ่ม And
• สร้าง Label กำหนดชื่อ lbAnd ขอ้ ความ วา่ ง
2. Double Click ทป่ี มุ่ And และเขยี นคำสั่งในการเปรียบเทียบ
3. Run program ป้อนตัวเลขลงใน ktA และ tktB (ป้อนตัวเลข 0 หรอื 1 เทา่ นน้ั ) และคลิก
ทีป่ มุ่ And สงั เกตและบันทกึ ผลทไี่ ด้

ใบงานท่ี 6.4

คำช้ีแจง ใหท้ ำการสร้าง Project ขึ้นมาใหมโ่ ดยมีลกั ษณะเดยี วกันกับ Project ในตวั อย่างท่ี 5 โดย
กำหนดใหท้ ำการเปรยี บเทียบตรรกะดังต่อไปน้ี

• เปรียบเทยี บตรรกะ Or (“หรือ)
• เปรยี บเทียบตรรกะ Xor (“หรือ)
• เปรยี บเทียบตรรกะ Imp (“หรือ)
• เปรยี บเทียบตรรกะ Egy (“หรอื )

ประโยคคำสง่ั

ประโยคคำสัง่ (Statement) หมายถงึ การเขียนประโยคในการสั่งงานโปรแกรมที่เขยี นข้ึนเพ่ือ
ส่ังงาน และควบคุมการทำงานของโปรแกรม โดยท่วั ไปจะแบง่ เปน็ 3 ประเภท

1. ประโยคทใ่ี ช้ในการกำหนดค่า (Assignment Statement) เปน็ ประโยคคำส่ังท่ใี ชป้ อ้ นค่า
หรอื กำหนดค่าให้กับตัวแปร โดยมีเคร่ืองหมาย = เป็นตัวดำเนินการท่ใี ช้ในการกำหนดคา่ เช่น

Salary = 10000 หมายถึง นำค่า 10000 มาเกบ็ ไว้ทีต่ ัวแปร Salary
Revenue = Salary * 12 หมายถึง นำค่าตัวแปร Salary มาคูณกบั 12 มาเก็บไว้ในตวั แปร

Revenue
A = 3000 + 500 หมายถงึ การนำผลลพั ธ์จาก 3000+500 มาเก็บไว้ที่ตวั แปร A
หมายเหตุ เป็นการนำค่าทางด้านขวา ไปเก็บไว้ทต่ี วั แปรดา้ นซา้ ย
2. ประโยคแบบเง่ือนไข (Condition Statement) เปน็ ประโยคคำส่ังทีใ่ ช้ในการตรวจสอบ
เปรียบเทียบคา่ ของข้อมลู หรอื ตวั แปรทก่ี ำหนดขน้ึ โดยใช้เคร่ืองหมายเปรยี บเทยี บ >,<, 2545 เป็นตน้
ผลลพั ธจ์ ะมีคา่ เป็นจรงิ (True) หรือเปน็ เทจ็ (False) เท่านั้น ซึ่งโปรแกรมจะกระทำตามเง่อื นไขที่
กำหนด Taurining if . Then , If... Then...Else , If... Then.. Elself และ Select Case
3. ประโยคแบบวนซำ้ (Iteration Statement) เป็นประโยคคำสัง่ ท่ีใหโ้ ปรแกรมทำงานตาม
คำส่ังซำ้ ๆ กนั หรือเรียกว่า ลปู (Loop) จนกว่าจะครบรอบตามเงื่อนไขทกี่ ำหนดไว้ ได้แก่ คำส่ัง For
Next , Do..While..Loop , Do..Until...Loop
สำหรับประโยคคำสัง่ ที่ใช้ในการกำหนดค่าน้ัน ได้มีการแสดงตัวอยา่ งไวใ้ นหวั ข้อก่อนหนา้ น้ี
แล้ว ดงั น้นั ในหวั ขอ้ ประโยคคำส่ังน้ีจะเนน้ ไปท่ี ประโยคคำสั่งแบบเงอ่ื นไข และประโยคคำส่งั แบบวน
ซำ้
ประโยคคำสัง่ แบบ If Statement แบ่งออกเปน็ 3 แบบ คอื
1. คำสง่ั แบบ If ... Then เปน็ คำสงั่ ใหท้ ำการเปรียบเทียบและตดั สินใจเลือกเง่ือนไขทเี่ ป็น
จริง และให้กระทำคำสง่ั นน้ั ซึ่งมีทางเลือกเดยี วเท่านนั้
รปู แบบ If เงือ่ นไข Then คำสง่ั หรอื กลุ่มคำส่งั
เช่น If Score = 60 Then Score = "C" แลว้ ให้แสดงผล Score เท่ากับ C หมายความว่าถา้
ตวั แปร Score = C
ตัวอยา่ งท่ี 6 การใชป้ ระโยคคำสั่งแบบมเี ง่ือนไข
1. ใหผ้ ูเ้ รยี นสรา้ ง Project ขึ้นมาใหม่ บันทึกชอื่ If Then 1 โดยสร้าง Form ข้นึ มา 1 Form

2. สรา้ ง RadioButton ขึ้นมา 2 ปุ่ม ปุ่มท่ี 1 กำหนดชอื่ radMan กำหนดข้อความเป็น
ผู้ชาย ปุ่มท่ี 2 กำหนดชื่อ radWoman กำหนดข้อความเป็นผหู้ ญงิ

3. สรา้ ง Label กำหนดช่อื (blSelect ไม่กำหนดขอ้ ความ ดงั รูป

4. กำหนดคำส่งั เม่ือมีการเลือก ผชู้ าย หรือ ผ้หู ญงิ ทำไดโ้ ดยดบั เบลิ คลกิ ท่ี radMan และ
radWoman และใสคำสั่งดงั น้ี

5. Run Program ทดสอบคลิกเลือกท่ีปมุ่ ผูช้ าย และผหู้ ญิง

รปู แบบการทำงานของคำสง่ั If Then สามารถอธบิ ายได้ดงั น้ี

2. คำส่งั แบบ If Then Else เป็นคำสั่งทีท่ ำการตรวจสอบเงื่อนไขแลว้ มกี ารให้เลอื ก 2
ทางเลือก โดยเปรียบเทียบกบั เง่ือนไขที่ได้
ถ้าเงื่อนไขเปน็ จริง ให้ทำตามคำสง่ั หรอื กลุ่มคำสงั่ หลัง Then
ถ้าเง่ือนไขเปน็ เท็จ ใหท้ ำตามคำสงั่ หรอื กลุ่มคำสงั่ หลงั Else

If เงอ่ื นไข Then
คำสง่ั หรือกลุ่มคำส่ัง
Else
คำสงั่ หรือกลุ่มคำสง่ั
End If
เช่น If Sale >= 10000 Then

Commission = Sale *.05
Else

Commission = Sale * .02
End If
คำส่งั ตัวอย่างสามารถอธบิ ายไดด้ ังนี้ ถา้ ยอดขายมากกวา่ หรือเทา่ กบั 10000 จะได้คา่
นายหน้าเท่ากบั ยอดขายคณู 5% ถา้ ยอดขายไม่ถงึ 10000 จะได้ค่านายหน้าเท่ากับ ยอดขายคูณ 2%
ตัวอย่างท่ี 7
1. ให้ผูเ้ รยี นสร้าง Project ขึ้นมาใหม่ บนั ทึกช่ือ If Then Else1 โดยสร้าง Form ขนึ้ มา
2. สร้าง Button 1 ปมุ่ กำหนดช่ือ btnIf1 กำหนดขอ้ ความ If Then Else

3. ดับเบลิ คลิกทป่ี มุ่ btnif1 แลว้ ใสค่ ำส่ังเพอื่ ทดสอบเง่ือนไข If. Then Else ดังรูป

สามารถอธบิ ายคำส่ังได้ดงั นี้
Dim resp As Integer คอื การประกาศตัวแปร resp เปน็ ข้อมลู ชนดิ Integer
resp = MsgBox("คุณคอื ผู้ชายใช่หรือไม่?", MsgBoxStyle.YesNo +
MsgBoxStyle.Question)

คือการกำหนดคา่ ของตวั แปร resp ให้อยใู่ นรปู กล่องข้อความ หรอื MessageBox โดย
กำหนดให้มีตวั เลือก Yes/No

If resp = vb Yes Then
MsgBox("คิดไวแ้ ล้วว่าต้องใช"่ )

Else
MsgBox("คิดไวแ้ ล้ววา่ ตอ้ งเป็นผู้หญิง")

คือการกำหนดเงื่อนไข If...Then Else หากมกี ารคลิก Yes กลอ่ งข้อความจะแสดงข้อความ
“คิดไวแ้ ลว้ วา่ ต้องใช่” หากมีการคลกิ No จะมีการแสดงข้อความ “คดิ ไว้แลว้ วา่ ต้องเปน็ ผู้หญิง”

4. Run Program ทดสอบคลิกเลือกที่ปมุ่ If Then Else สงั เกตผลที่ได้

เมอื่ คลิกที่ Yes จะได้ผลดงั รูป

เมอื่ คลิกที่ No จะได้ผลดังรปู

รูปแบบการทำงานของคำสงั่ If…Then…Else สามารถอธิบายไดด้ งั นี้

3. คำส่ังแบบ If ... Then ... Elseif ... Else หรอื Nested If มีการทำงานเหมือนกับคำสัง่ If
Then..Else เพยี งแต่เม่ือมกี ารตรวจสอบเง่ือนไขแรก ถ้าเป็นจรงิ ใหท้ ำตามคำส่ังหลงั Then ถ้าเปน็
เท็จ กใ็ หไ้ ปตรวจสอบเง่ือนไขต่อไปคอื Else if ตัวทห่ี นงึ่ ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงให้ทำตามคำส่ัง Then
หลงั Else If ตวั ท่ีหน่ึง ถ้าเป็นเทจ็ กใ็ ห้ไปตรวจสอบเง่ือนไขต่อไปคือ Else if ตวั ทส่ี อง ถ้าเงื่อนไขเป็น
จริงให้ทำตามคำสัง่ Then หลัง Else If ตวั ที่สอง ตรวจสอบเรอื่ ยไปจนกวา่ จะหมดเงอื่ นไข

รปู แบบของคำสงั่ If Then Else If
If เงือ่ นไข Then

คำสงั่ หรือกลุ่มคำส่งั
Else if เงือ่ นไข Then

คำสัง่ หรือกลุ่มคำสงั่
Else If เง่อื นไข Then

คำสงั่ หรือกลุ่มคำสง่ั
...
End If
ตวั อยา่ งท่ี (8) คำสั่งแบบ If... Then...Elself
1. ใหผ้ ู้เรยี นสร้าง Project ขน้ึ มาใหม่ บันทึกชอื่ Nestedlf และสร้าง Form ข้นึ มา 1 Form
2. สรา้ ง Button 1 ป่มุ กำหนดชอ่ื btnif2 กำหนดข้อความ คณุ อายุเทา่ ไร Formi คณุ อายุ
เทา่ ไร

3. ดบั เบิลคลิกท่ปี ่มุ btnif2 แล้วใส่คำสั่งเพ่ือทดสอบเงือ่ นไข Nestedlf ดังนี้

4. Run Program ทดสอบคลิกเลือกท่ีปุ่ม If Then Else และทดลองใสอ่ ายุต่างๆ พร้อมท้งั
สังเกตผลทไี่ ด้

รูปแบบการทำงานของคำส่งั If Then Elself สามารถอธบิ ายได้ดังน้ี

คำส่ังแบบ Select Case เป็นคำสั่งสำหรบั ตรวจสอบเง่อื นไขทม่ี ที างเลือกมากกว่า 2
ทางเลอื ก แตม่ ีข้อจำกดั ทจ่ี ะสามารถใช้กบั ตัวแปรเพยี งตัวเดียว โปรแกรมจะตรวจสอบค่าของตวั แปร
หลัง Select Case วา่ มีค่าตรงกบั เง่ือนไขใด ก็ให้ทำตามคำสัง่ หรือกลุ่มคำสัง่ ตามเงอ่ื นไขนนั้ และถา้ ไม่
ตรงกบั เงือ่ นไขใดเลย ก็จะทำตามคำสงั่ หรือกล่มุ คำสง่ั หลงั Case Else

รูปแบบ
Select Case ช่อื ตวั แปร
Case Is เง่ือนไขที่ 1
คำสงั่ หรอื กลุ่มคำสั่งที่ 1
Case Is เง่ือนไขที่ 2
คำสังหรือกลุ่มคำสั่งที่ 2
Case Else
คำส่งั หรอื กลุ่มคำสงั่

End Select
ตัวอย่างท่ี 9 Select Case

1. ให้ผู้เรียนสรา้ ง Project ขน้ึ มาใหม่ บันทึกชอื่ Casel และสรา้ ง Form ข้ึนมา 1 Form
กำหนด ข้อความของ Form เปน็ โปรแกรมทดสอบ Case

2. สรา้ ง TextBox ขึ้นมา กำหนดชื่อเปน็ txtAge
3. สร้าง Buton ขึ้นมา 2 ปมุ่ ปุ่มท่ี 1 กำหนดชื่อ btnRun กำหนดข้อความ Run ปมุ่ ท่ี 2
กำหนดช่อื btnClear กำหนดขอ้ ความ Clear
4. สร้าง Label ขนึ้ มา 3 Label Labet ท่ี 1 กำหนดชอื่ tbtAge กำหนดข้อความเป็น กรุณา
ใส่อายุ Label ที่ 2 กำหนดชื่อ เblGrade กำหนดข้อความเปน็ ระดับการศกึ ษา Label ท่ี 3 กำหนด
ช่ือ blSchool ไม่กำหนดข้อความ กำหนด BorderStyle เป็น Fixed 3D
5. สร้าง Line ขนึ้ มา 1 เสน้ ค่ันระหว่างส่วนที่ปอ้ นข้อมูลกบั สว่ นแสดงผล ดังรปู โปแคมศด
สอย Care X กรุณาใสอ่ าย (W)

6. ดับเบิลคลกิ ทป่ี ุ่ม btnClear และ btnRun และใสค่ ำสั่งเพ่อื ทดสอบเง่ือนไข Case ดงั นี้

bytA = Cbyte(txtAge.Text) หมายความว่าใหท้ ำการแปลง txtAge ทม่ี คี ่าเป็นตัวอักษรให้
เป็นตวั เลข และเกบ็ คา่ ไวท้ ี่ตวั แปร A

7. Run Program ทดสอบปอ้ นตัวเลขลงใน TextBox แล้วคลกิ ท่ีปมุ่ Run

การวนซำ้ (Iteration)
เป็นคำสัง่ ให้โปรแกรมปฏบิ ตั ติ ามซ้ำๆ จนกว่าเงื่อนไขนัน้ จะเป็นจริง หรือทนี่ ยิ มเรียกกันวา่
การลูป โดยแบง่ ออกเป็น 2 รูปแบบ ดังน้ี
1. คำส่ัง For....Next เป็นคำสัง่ ทำซ้ำท่ีกำหนดค่าเริ่มต้นและคา่ สิ้นสดุ การทำซำ้ ในทางปฏิบัติ
จะมีการกำหนดตวั แปรขึน้ มาสำหรับนับคา่ จำนวนรอบ โดยจะเร่มิ นบั ต้งั แต่ค่าเร่ิมต้นท่ีได้กำหนดไว้
และจะเพม่ิ คา่ ข้ึนเร่ือยๆ ตามคำสั่ง Next จนกว่าจะถงึ ค่าสุดทา้ ยตามท่ไี ด้กำหนดไว้จงึ จะหยดุ และ
ออก จากการทำซำ้

รปู แบบคำสั่ง For... Next
For ตวั แปร = คา่ เรม่ิ ตน้ To ค่าสุดท้าย [step เพ่ิมหรือลดคา่ ตัวแปร]
คำส่ังหรอื กลุ่มคำสง่ั
Next ตามด้วยตัวแปร

หลักการทำงานของคำสง่ั For...Next
เมอื่ ทำตามคำสง่ั แลว้ จะกลับไปเพมิ่ หรอื ลดคา่ ของตวั แปรตามทไ่ี ด้กำหนดไว้ (หลงั คำสั่ง
Step) ถ้าไม่ได้กำหนดค่าของ Step โปรแกรมจะเพม่ิ ค่าให้ครัง้ ละ 1 จนกวา่ คา่ ของตวั แปรจะมากกวา่
หรือน้อยกวา่ ค่าสุดทา้ ย จากนั้นจะไปทำงานตามคำส่ังท่ีอยู่ต่อท้าย Next หรือออกจากลูป
ตวั อยา่ งท่ี 10 คำสั่งแบบ For Next
1. ใหผเู้ รียนสรา้ ง Project ขนึ้ มาใหม่ บนั ทึกช่อื ForNext1 โดยสรา้ ง Form ข้ึนมา 1 Form
ชื่อ For… Next
2. สร้าง Button ปุ่มท่ี 1 กำหนดชือ่ btnRun กำหนดขอ้ ความ Run สรา้ ง Button ปุม่ ที่ 2
กำหนดช่อื btnClear กำหนดขอ้ ความ Clear
3. สร้าง Label ปุ่มที่ 1 กำหนดชอ่ื (blCount กำหนดข้อความ จำนวนรอบ สร้าง Label
ปุ่มท่ี 2 กำหนดช่ือ blCountValue ไมก่ ำหนดข้อความ และกำหนด BorderStyle เป็น Fixed
Single
4. สรา้ ง Line ข้นึ มา 1 เส้น ดังรูป For Next Run จาํ นวนรอบ

5. Double Click ทีป่ ุม่ btnClear และ btnRun แลว้ พิมพ์คำสั่งดังรูป

เพือ่ ความเข้าใจในการใชค้ ำสั่ง ให้ทำการประมวลผลทลี ะข้ันตอนโดยใช้ Step Into หรือกด
ปุ่ม F8

6. ทดสอบคลกิ ท่ีปมุ่ Step Into จะปรากฎหนา้ ตา่ ง ดงั รูป

7. ให้กดปุ่ม F8 (โปรแกรมจะประมวลผลทลี ะขั้นตอน) จะปรากฏแถบสวา่ งสเี หลือง เม่ือกด
ปุ่ม FB โปรแกรมจะทำการคำนวณไปทลี ะขนั้ ตอน เม่ือเล่ือนเมาส์ไปวางบรเิ วณแถบสวา่ ง จะมีการ
แสดงผลการคำนวณ ดังรูป

Do While... Loop เป็นคำสงั่ ทม่ี ีการทำซ้ำท่ีมจี ำนวนรอบไมแ่ น่นอน ในแตล่ ะรอบจะทำตาม
คำส่งั ท่อี ยู่ระหว่างลปู ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเงื่อนไขทุกครัง้

รปู แบบ Do While... Loop
Do While เงอ่ื นไข
คำสง่ั หรอื กลุ่มคำส่ัง
Loop

คำสั่งน้จี ะมีการตรวจสอบเงื่อนไขหลัง Do While ถา้ เง่อื นไขเป็นจริง ใหท้ ำตามคำสั่งทอ่ี ยู่
ระหว่าง Do While กบั Loop และเม่ือทำตามคำสงั่ เรยี บร้อยแลว้ ใหก้ ลบั ไปตรวจสอบเง่ือนไขหลัง
While อกี คร้ัง ถา้ ยังเป็นจรงิ กใ็ หท้ ำตามคำสัง่ ทอี่ ย่รู ะหวา่ ง Do While กับ Loop ถา้ เงื่อนไขเป็นเทจ็ ก็
ใหอ้ อกจาก การวนลูป โดยจะทำคำส่งั ทตี่ ่อจากคำสง่ั Loop สว่ น Exit Do ใช้เมือ่ ต้องการออกจากลูป
โดยไม่ตอ้ งตรวจสอบ เงอื่ นไข ขน้ึ อยู่กบั ผู้ใช้หรือผู้เขียนโปรแกรม
ตวั อย่างที่ 11 คำส่ัง Do While

1. ใหผ้ ู้เรยี นสร้างแบบฟอร์มในลักษณะเดียวกบั ตัวอยา่ งที่ 10 และพิมพ์คำสั่งดังต่อไปน้ี

2. ให้กดปุ่ม F8 (โปรแกรมจะประมวลผลทีละขัน้ ตอน) จะปรากฏแถบสว่างสเี หลือง เมื่อกด
ปมุ่ F8 โปรแกรมจะทำการคำนวณไปทีละขน้ั ตอน เมือ่ เล่ือนเมาส์ไปวางบรเิ วณแถบสวา่ ง จะมกี าร
แสดงผลการคำนวณ

Do Until...Loop
เปน็ คำสงั่ ทีม่ ีการทำซ้ำทใี่ นแต่ละรอบจะทำตามคำส่ังทีอ่ ยรู่ ะหว่างลปู ซ่ึงจะต้องมีการ
ตรวจสอบ เง่อื นไขทุกครงั้ เหมือนกับ Do While...Loop
รปู แบบ Do Until...Loop

Do Until เง่อื นไข
คำสงั่ หรือกลุ่มคำส่งั
Loop
คำสั่งนีจ้ ะมีการตรวจสอบเง่ือนไขหลงั Do Untit ถ้าคำสง่ั เป็นเทจ็ ใหท้ ำตามคำส่งั ท่ีอยู่
ระหว่าง Do Untit กับ Loop และเมื่อทำตามคำสั่งเรียบร้อยแลว้ ให้กลบั ไปตรวจสอบเง่ือนไขหลงั
Untit อีกครัง้ ถา้ ยังเป็นเท็จก็ใหท้ ำตามคำส่งั ท่ีอยรู่ ะหวา่ ง Do Until กบั Loop จนกว่าเงื่อนไขจะเป็น
จริงจงึ จะออกจากลปู

ตัวอยา่ งท่ี 12 คำสง่ั Do Until
1. ให้ผเู้ รียนสรา้ งแบบฟอร์มในลกั ษณะเดียวกับตัวอยา่ งที่ 10, 11 และพมิ พค์ ำสั่งดงั ตอ่ ไปนี้

2. ให้กดปุ่ม F8 (โปรแกรมจะประมวลผลทลี ะข้ันตอน) จะปรากฏแถบสว่างสเี หลือง เม่ือกด
ปุ่ม F8 โปรแกรมจะทำการคำนวณไปทลี ะขั้นตอน เมื่อเลื่อนเมาสไ์ ปวางบริเวณแถบสว่าง จะมกี าร
แสดงผลการคำนวณ

จากรปู เปน็ ผลของการรันโปรแกรมรอบที่ 4 และโปรแกรมจะทำงานต่อไปจนกว่า intCount
จะมีคา่ มากกวา่ 9 หรือทำงานท้งั หมด 10 รอบแลว้ จึงออกจาก Loop

รปู แบบการทำงานของคำส่งั Do While Loop และ Do Until Loop สามารถอธบิ ายได้ดงั น้ี

ใบงานที่ 6.5

คำชแ้ี จง ใหผ้ ู้เรยี นออกแบบ และสร้างโปรแกรมสำหรบั คำนวณค่านายหน้าจากการขายสนิ ค้า ซึ่งมี
เงอ่ื นไขดงั น้ี

• ยอดขายไม่ถงึ 10,000 บาท จะไม่ได้รับคา่ นายหนา้
• ยอดขายเทา่ กบั 10,000-20,000 บาท จะไดค้ า่ นายหน้า 2% ของยอดขาย
• ยอดขายเท่ากับ 20,001-30,000 บาท จะไดค้ า่ นายหน้า 3% ของยอดขาย
• ยอดขายมากกว่า 30,000 บาท จะได้ค่านายหน้า 5% ของยอดขาย
จากนนั้ ให้ทดลองรันโปรแกรมตามยอดขายดังนี้
1. ยอดขายไดเ้ ทา่ กับ 10,000 บาท จะได้คา่ นายหน้าเทา่ ไร
2. ยอดขายได้เทา่ กับ 18,000 บาท จะได้ค่านายหนา้ เทา่ ไร
3. ยอดขายได้เทา่ กับ 20,000 บาท จะได้ค่านายหน้าเท่าไร
4. ยอดขายได้เท่ากบั 32,000 บาท จะได้คา่ นายหนา้ เทา่ ไร

แบบประเมินผลการเรียนรูห้ น่วยที่ 6

ตอนที่ 1จงเลือกคำตอบท่ถี กู ตอ้ งที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดคือสัญลักษณ์ของตวั แปรชนิด Integer

ก. % ข. (a ค. # ง. $

2. ข้อใดคือสัญลกั ษณ์ของตัวแปรชนิด String

ก. % ข. a ค. # ง. $

3. หากตอ้ งการเกบ็ ค่าของข้อมูลที่มลี ักษณะเปน็ จรงิ หรือ เท็จ ควรกำหนดชนดิ ของข้อมูลเป็นแบบ

ใด

ก. Double ข. Boolean

ค. Variant ง. Single

4. การเปดิ หนา้ ต่าง Immediate เพอื่ ตรวจสอบการทำงานของโปรแกรม สามารถทำได้โดย

ก. กดปุม่ Ctrl + G ข. กดปมุ่ Ctrl + F

ค. กดปมุ่ Ctrl + C ง. กดป่มุ Ctrl + V

5. ตัวแปรทมี่ กี ารใช้ชื่อ sngBaht จดั เป็นตวั แปรชนิดใด

ก. Currency ข. Double

ค. Single ง. String

6. ตวั แปรท่ีมกี ารใชช้ ื่อ dbMonth จดั เปน็ ตวั แปรชนดิ ใด

ก. Boolean ข. Date

ค. Double ง. Object

7. 15 Mod 6 มคี ่าเท่ากบั เท่าไร

ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4

8. กำหนดให้ A = 8, B = 4 และ C = 6 ข้อใดมคี า่ ความจริงเปน็ จริง

ก. A - B >C ข. A + B 4 C

ค. A >= B + C ง. A <> C + B

9. กำหนดให้ A = 8, B = 4 และ C = 0 ข้อใดมีค่าความจรงิ เป็นเท็จ

ก. A Mod B = C ข. A = 2*B

ค. A - B < C ง. A >= B + C

10. กำหนดให้ A มีค่าความจรงิ เป็น จรงิ และ B มีค่าความจริงเปน็ เทจ็ ข้อใดมีค่าความจรงิ เป็นจร

ก. A and B ข. A or B ค. A eqv B ง. A imp B

ตอนท่ี 2 จงปฏิบตั ิตามคำสงั่ ดงั ต่อไปนี้
1. ให้ผเู้ รียนสรา้ ง Project ขนึ้ มาและบันทกึ ชอ่ื OperaterEx และสรา้ ง Button ขน้ึ มา กำหนดชอ่ื

btnmdOperaterEx ชื่อปมุ่ คำนวณ และให้คำนวณคา่ ต่อไปนี้
A = 12-1*3+1
B 10/2*3-212
C = (544)*3-8/2
D = -8A2*(7-2)+10/2
E = 12*2+8 Mod 2
F = 6 Mod 4 *6+3

2. อธบิ ายวิธกี ารคำนวณผลลพั ธ์ทไี่ ดจ้ ากข้อ 1.
A.................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................................... ............
...........................................................................................................................................................
B.............................................................................................................................. ..........................
............................................................................................................................................... ............
..........................................................................................................................................................
C.............................................................................................................................. ..........................
.......................................................................................................................................................... .
..........................................................................................................................................................
D.............................................................................................................................. ..........................
...........................................................................................................................................................
.................................................................................................................................. ........................
E.................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................... ............................
................................................................................................................................................... ........
F........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................. .............
............................................................................................................................... ...........................

3. ใหผ้ เู้ รยี นสร้าง Project ขนึ้ มาและบนั ทกึ ชือ่ ConditionEx และสรา้ ง Button ข้ึนมา กำหนดชือ่
btnConditionEx ชอื่ ปุ่มเปรียบเทียบเงือ่ นไข และใหท้ ำการเปรยี บเทยี บคา่ ต่อไปน้ี แลว้ เขยี น ผลลัพธ์
ทไ่ี ด้

A = 10 B = 12 C = 8 D = 17 E = 25
A> B............................................................................................................................. ..........................
A > B......................................................................................................................................................
B >= C .................................................................................................................................................
C >= D .................................................................................................................................................
E >= D .................................................................................................................................................
4. กำหนดให้ A มคี ่าความจริงเป็น จรงิ , B มีคา่ ความจริงเปน็ เทจ็ และ C มคี า่ ความจริงเปน็ จริง ให้
ผเู้ รยี นสรา้ ง Project เพื่อหาค่าความจรงิ ของประพจน์ต่อไปนี้
A and B and C ……………………………………………………………………………………………………………………..
A or B and C ………………………………………………………………………………………………………………………..
(A eqv B) and C ………………………………………………………………………………………………………………….
(A Xor B) eqV C …………………………………………………………………………………………………………………..
(A imp B) or C …………………………………………………………………………………………………………………….
5. อธบิ ายข้ันตอนการเปรยี บเทียบค่าความจริงของประพจน์ในข้อ 4.
A and B and C …………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
A or B and C ………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
(A eqv B) and C…………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
(A Xor B) eqV C…………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
(A imp B) or C …………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

หนว่ ยท่ี 7 การพัฒนาโปรแกรมทางธุรกจิ อยา่ งง่าย
แนวคดิ

การเมนใู นการใช้งานโปรแกรม ทำให้ผ้ใู ช้มีความสะดวกในการใช้งานโปรแกรม ปกติการ
สร้างเมนูจะมีการแบง่ หน้าทกี่ ารทำงานของเมนตู ่างๆ ใหเ้ หมาะสม โดยมักจะมีการกำหนดรปู แบบเมนู
เหมือนกับโปรแกรมมาตรฐานท่ีชก้ นั ท่ัวไป ซ่ึงผู้ใช้มีความคุน้ เคยทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเรยี นรู้การ
เขยี นโปรแกรมจงึ ต้องคำนึงถึงการสร้างฟอร์มใหม้ คี วามเหมาะสมกบั เมนูที่สร้างขนึ้ ซึง่ มีความตอ้ งการ
ของโปรแกรมท่ีแตกตา่ งกนั ในหน่วยนจ้ี ะศึกษาเกี่ยวกบั การสรา้ งโปรแกรมทีม่ หี ลายฟอร์ม รวมถงึ
ศกึ ษาโ)รแกรมธรุ กิจอยา่ งง่ายด้วย
สาระการเรยี นรู้

1 การสรา้ งโปรแกรมทม่ี ีหลายฟอรม์
2 โปรแกรมทางธรุ กิจอย่างงา่ ย
ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวัง
1 สามารถสร้างโปรแกรมท่ีมีหลายฟอร์มได้
2 สามารถออกแบบและพัฒนาโปรแกรมทางธุรกิจอย่างงา่ ยได้

การสร้างโปรแกริมท่มี หี ลายฟอรม์

ในการใชง้ าน VBExpress กับ Project ทมี่ ขี นาดใหญ่หรือมีความซับซ้อน อาจมีความ
จำเป็นต้องใช้ From ซง่ึ VBExpress กบั Project 2010 มีความสามารถในการสรา้ ง Project ท่มี ี
หลาย From ได้ การออกแบบฟอร์มสามารถแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี

1. ฟอร์มหลกั (Main Form) เปน็ การสร้างฟอร์มข้ึนมาเพ่ือใชใ้ นการเช่ือมต่อไปยังฟอร์มอนื่
ดังนั้นฟอร์มหลกั จะเปน็ เพยี ง interface ทที่ ำหน้าทเี่ รยี กฟอรม์ อ่ืนขึ้นมาใช้งาน

2. ฟอรม์ ท่ีมีหนา้ ต่างเดยี ว (Single Document Interface : SDI) เป็นฟอร์มท่ีใชส้ ร้าง
โปรแกรมที่มหี น้าตา่ งเดียวซ่ึงไมม่ ีคำสงั่ ในการเรยี กหนา้ ต่างย่อยขน้ึ มา เช่น Notepad หรือ Program
ที่สรา้ งขึ้นในแบบฝึกหดั

3. ฟอร์มท่ีมหี ลายหนา้ ต่าง (Multiple Document Interface : MDI) เปน็ ฟอร์มทสี่ ามารถ
เรียกฟอร์มย่อยขึ้นมาได้อีกหลายฟอร์มพร้อมๆ กนั เหมาะสำหรับสรา้ งเป็นฟอร์มเมนเู พ่ือเรียกใช้
โปรแกรมย่อย เช่น Microsoft Word

การสรา้ งฟอรม์ แบบ (Multiple document Interface)
การสร้างฟอรม์ แบบ (Multiple Document Interface)
ในหน่วยนี้จะกล่าวถงึ เฉพาะการสร้างฟอร์มแบบ MDI เทา่ นั้น
การสร้าง Form หลัก หรอื Parent Form
1. สรา้ ง Project ขน้ึ มาใหม่ โดยใชช้ อื่ Project เป็น MDI Form

2. ขยาย Form ให้มีขนาดพอสมควร โดยการคลกิ เมาส์คา้ งไว้ทบ่ี รเิ วณขอบของ Form แลว้
ลาก เพอื่ ขยายให้ไดข้ นาดตามท่ตี ้องการ (หากไม่สามารถขยายขนาดของ Form ได้ใหต้ ั้งคา่
Properties Auto Size เปน็ False ก่อน)

3. ในการกำหนดให้ Form ท่ีสร้างข้นึ เป็นฟอรม์ หลัก สามารถทำได้โดยตั้งค่า Properties
IsMdiContainer ให้มคี ่าเป็น True พร้อมทั้งกำหนดข้อความของ Form เปน็ Main Form

จะสังเกตได้วา่ เม่ือมีการกำหนดใหเ้ ปน็ Form หลักแล้ว สีของพน้ื หลังของ Form จะ
เปลยี่ นเปน็ สเี ทาเขม้ และขอบของ Form จะมีลักษณะนูนขนึ้ เพ่ือแสดงใหเ้ หน็ วา่ Form นส้ี ามารถใช้
บรรจุ Form ยอ่ ยอ่ืนๆ ได้

การสร้างเมนูใหก้ ับ Form หลัก กอ่ นทจี่ ะเริ่มสรา้ งเมนตู ้องมีการออกแบบฟอร์มของ
โปรแกรมว่าจะให้โปรแกรมมีหนา้ ทีท่ ำงานอะไร ไดบ้ ้าง จดั หมวดหมขู่ องโปรแกรมย่อยใหอ้ ยใู่ นหัวขอ้
เดยี วกัน การสรา้ งเมนูสามารถทำไดโ้ ดยใช้ Control Menu Strip

(ตัวอยา่ งท่ี (1)
การสรา้ งเมนู File และ สร้างคำส่ัง New ไวภ้ ายในเมนู File กำหนด ShortcutKeys เปน็

Ctrl+N เพ่อื เปน็ คำสง่ั ในการสร้าง Form ใหม่ ทำไดโ้ ดย
1. คลกิ ที่ ControlMenuStrip เพื่อนำไปสร้างบน Form หลกั จากนั้นพิมพ์ช่ือของเมนูท่ี

ตอ้ งการ ในตัวอย่างน้จี ะใช้ File เป็นเมนหู ลัก และ New เปน็ เมนยู ่อย

2. กำหนด ปุ่มลดั หรือ ShortcutKeys สำหรบั เมนู New โดยกำหนดใหใ้ ช้ Ctrl+N ซง่ึ
สามารถกำหนดได้ใน Properties ShortcutKeys

เมื่อกำหนดจะไดผ้ ลดังรูป

นอกจากนยี้ งั สามารถเพิ่มเมนูอ่ืนๆได้ด้วยวธิ ีการเดียวกัน

การสร้าง form ลกู หรือ child form
วิธกี ารสร้างฟอรม์ ลูกสามารถทำไดเ้ หมือนกบั การเพิม่ ฟอร์มตามปกตโิ ดย
• คลิกท่ี Project บน Menu Bar และเลือก Add Windows From

• คลิกขวาที่ช่อื Project และเลอื ก Add > Windows Form

เม่ือสรา้ ง Form ลกู แลว้ จะสามารถใชค้ ำสงั่ ในการเพม่ิ Form ใหม่ผ่านทางเมนูทส่ี ร้าง
ข้นึ โดยใช้ Form ลูกท่สี ร้างขึ้นเป็นตน้ แบบ ดังน้ี
• ดับเบลิ คลกิ ที่คำส่งั New ในเมนู File ทส่ี รา้ งข้นึ ในตวั อย่างท่ี 1 และใส่ Code สำหรับ
สร้าง Form ใหม่ดงั น้ี

• เม่อื ทดลองรนั โปรแกรมและใชค้ ำสั่ง New ในการสรา้ ง Form จะไดผ้ ลดงั รปู

ใบงานท่ี 7.1

คำชแี้ จง ใหผ้ เู้ รยี นออกแบบและสรา้ งโปรแกรมท่ีมีหลายฟอรม์ พร้อมทั้งสร้างแถบเมนู ซง่ึ มลี กั ษณะ
ดงั น้ี

* สร้าง และกำหนดให้ Form1 เป็น Parent Form
* สรา้ ง Form2 เพอ่ื เปน็ ต้นแบบของ Child Form
* สร้างแถบเมนู File ซ่งึ ประกอบด้วยเมนูย่อยดังน้ี

• เมนู New มี ShortcutKeys คอื Ctrl+N ใช้สำหรบั สรา้ ง Child Form ใหม่
• เมนู Open มี Shortcutkeys คอื Ctrl+O ใช้สำหรบั เปดิ Form ท่มี ีอยู่แลว้
• เมนู Save มี Shortcutkeys คือ Ctrl+S ใช้สำหรบั บันทึก Form
• เมนู Close ใช้สำหรบั ปิด Form ท่ีเลอื ก
• เมนู Exit ใช้สำหรบั ออกจากโปรแกรม

โปรแกรมทางธรุ กจิ อย่างง่าย

ในหัวขอ้ นจ้ี ะเปน็ ตัวอยา่ งของโปรแกรมทางธรุ กจิ อย่างง่าย ซึ่งพฒั นาขึ้นโดยใช้ VB Express
2010

โปรแกรมรายการเคร่อื งดืม่ สำหรับรา้ นกาแฟ
เป็นโปรแกรมสำหรับรับข้อมูลรายการเคร่อื งดมื่ จากลกู ค้า และคำนวณค่าเครื่องดื่มท้งั หมด
ส่วนประกอบของโปรแกรมมีดงั น้ี

Form ของโปรแกรมใชช้ อ่ื Form1 กำหนดข้อความเป็น รา้ นกาแฟ
Label สำหรบั ป้ายชอ่ื ร้าน ใช้ชอ่ื (blTitle กำหนดข้อความ รา้ นกาแฟ และรายละเอยี ดอ่ืนๆ
ดังรูป



CheckBox สำหรบั รายการเคร่ืองด่ืม มรี ายการดังนี้
• CheckBox สำหรับ Espresso ใชช้ ื่อ chkEspresso กำหนดขอ้ ความ Espresso
• CheckBox สำหรบั Latte ใช้ช่อื chkLatte กำหนดขอ้ ความ Latte
• CheckBox สำหรบั Cappuccino ใชช้ ่ือ chkCappuccino กำหนดขอ้ ความ
Cappuccino
• CheckBox สำหรบั Americano ใชช้ อ่ื chkAmericano กำหนดข้อความ
Americano
• CheckBox สำหรับ Mocha ใชช้ อ่ื chkMocha กำหนดข้อความ Mocha

Label สำหรบั ราคาเคร่อื งด่ืม มีรายการดังน้ี
• Label สำหรับราคา Espresso ใช้ชือ่ lblEspresso กำหนดขอ้ ความ 50
• Label สำหรับ Latte ใช้ชื่อ lbLatte กำหนดข้อความ 55
• Label สำหรบั Cappuccino ใชช้ ่ือ (blCappuccino กำหนดขอ้ ความ 60
• Label สำหรับ Americano ใชช้ อื่ (b[Americano กำหนดขอ้ ความ 50
• Label สำหรบั Mocha ใช้ชือ่ (blMocha กำหนดข้อความ 60

TextBox สำหรับราคาเคร่ืองด่ืม มีรายการดังนี้
• TextBox สำหรับราคา Espresso ใชช้ ่อื txtEspresso
• TextBox สำหรับ Latte ใชช้ ่ือ txtLatte กำหนดขอ้ ความ 55
• TextBox สำหรบั Cappuccino ใช้ช่ือ txtCappuccino กำหนดข้อความ 60
• TextBox สำหรบั Americano ใช้ชอื่ txtAmericano กำหนดขอ้ ความ 50
• TextBox สำหรบั Mocha ใช้ช่ือ txtMocha กำหนดข้อความ 60

Button สำหรับคำนวณราคาของเครือ่ งด่มื ทัง้ หมด ใชช้ อ่ื txtTotal กำหนดข้อความ รวม

Label สำหรับแสดงราคาเคร่ืองดื่มทั้งหมดใชช้ อ่ื lbTotal

การทำงานของโปรแกรม
ลูกค้าทำการเลือกชนดิ ของเคร่ืองด่ืม โดยเลือกจากตวั เลือก CheckBox ทีต่ ้องการ จากน้ันใส่
จำนวนของเครื่องด่ืมลงใน TextBox สำหรบั เครื่องดื่มแต่ละชนิด เมื่อคลิกทปี่ มุ่ รวม โปรแกรมจะทำ
การคำนวณราคาเครื่องด่ืมทงั้ หมด
เม่ือมีการสัง่ Espresso (มีการเลือก CheckBox Espresso) ค่าของตัวแปร a จะมีค่าเท่ากบั
ผลคูณ ระหว่างราคาของ Espresso ซง่ึ แสดงอยู่ใน blEspresso และ จำนวนของ Espresso ที่สั่ง
โดยจำนวนจะ อยู่ใน txtEspresso

เม่อื มีการสั่ง Latte (มกี ารเลอื ก CheckBox Latte) ค่าของตวั แปร a จะมีคา่ เท่ากบั ผลคูณ
ระหวา่ งราคาของ Latte ซ่งึ แสดงอยใู่ น เblLatte และ จำนวนของ Late ทสี่ ัง่ โดยจำนวนจะอยใู่ น
txtLatte

จะสงั เกตไดว้ ่า ค่าของ aในกรณีน้ีจะมีการคำนวณทแี่ ตกตา่ งจากกรณขี อง Espresso โดยมี
การใช้ code

a = a + lblLatte.Text * Val(txtLatte.Text)
แสดงให้เห็นว่าค่าของ 2 ท่ีได้ในกรณีนม้ี าจากผลรวมของค่า a ที่ได้ก่อนหน้า (ราคา
Espresso) และราคา Latte

เมื่อมีการสัง่ เครื่องดื่มชนดิ อ่ืนๆ คา่ ของตวั แปร a หรือราคารวมจะมีคา่ เทา่ กบั ผลรวมราคา
ของ เคร่ืองดื่มก่อนหน้า รวมกับเครื่องด่มื ทสี่ ่ังเพิ่ม

เม่ือทดลองรันโปรแกรมจะได้ผลดงั รปู



ใบงานที่ 7.2

คำชี้แจง จากโปรแกรมร้านกาแฟข้างต้น ให้ผเู้ รียนพฒั นาโปรแกรมโดยมขี ้อกำหนดดงั ต่อไปนี้
* เพมิ่ ลกั ษณะของเครื่องด่มื เป็นรอ้ น เยน็ และปน่ั
* กำหนดใหร้ าคาในตวั อยา่ งข้างตน้ เป็นราคาของเครือ่ งด่มื ชนิดรอ้ น
* ราคาของเครื่องดม่ื ชนิดเย็น มีราคาสงู กวา่ ชนดิ ร้อน 5 บาท
* ราคาของเคร่ืองดมื่ ชนดิ ปั่น มรี าคาสูงกวา่ ชนดิ ร้อน 10 บาท
* สร้างป่มุ Clear สำหรับล้างรายการทงั้ หมด

โปรแกรมสำหรับการ Log in
ระบบ Log in เปน็ ระบบที่ใช้ในการยนื ยันตวั ตนของผู้ใช้ เพื่อสทิ ธิ์ในการเขา้ ถงึ ขอ้ มูลต่างๆ

เป็น ระบบท่ีมีความจำเปน็ อย่างมากในปัจจุบัน โดยท่ัวไประบบ Log in จะประกอบดว้ ย 2 ส่วนท่ี
สำคัญ คอื ช่ือผู้ใช้ และรหัสผ่าน โดยช่ือผู้ใชก้ ับรหสั ผา่ นจะตอ้ งตรงกนั ระบบจงึ จะอนุญาตให้เขา้ สู่
ระบบได้

VB Express 2010 สามารถใชส้ ร้างระบบ Log in เพ่ือใช้งานได้ ตวั อยา่ งของโปรแกรมมี
ลักษณะดงั รูป

โดยการทำงานของโปรแกรมเป็นดังนี้
• ผู้ใชก้ รอกชื่อผใู้ ชง้ านและรหัสผ่าน

* หากชือ่ ผู้ใชง้ านและรหสั ผา่ นตรงกนั เมื่อคลกิ ที่ปุ่ม เข้าสรู่ ะบบ จะปรากฏกลอ่ ง
ข้อความ ต้อนรับเข้าสรู่ ะบบ

* หากไม่มีการใสช่ ื่อผู้ใช้งานหรอื รหัสผ่าน ระบบจะแจ้งเตอื นด้วยขอ้ ความ “คณุ ใส่
ขอ้ มลู ไมค่ รบ”

* หากใสช่ อื่ ผใู้ ชง้ านหรือรหสั ผ่านไมถ่ ูกตอ้ ง ระบบจะแจ้งเตอื นด้วยข้อความ “ช่ือ
ผู้ใช้ หรอื รหัสผ่านไมถ่ กู ต้อง”
การออกแบบและสรา้ งโปรแกรมมีขัน้ ตอนดังน้ี
1. สร้าง Project ข้นึ มาใหม่ โดยใช้ชือ่ FormLogin
2. สร้าง Label จำนวน 2 Label ดังน้ี

2.1. Label ท่ี 1 ใช้ชอ่ื (bl Username กำหนดขอ้ ความ ชื่อผใู้ ช้งาน
2.2. Label ที่ 2 ใชช้ อ่ื bt Password กำหนดข้อความ รหัสผ่าน
3. สร้าง TextBox จำนวน 2 Text Box ดังนี้
3.1. TextBox ท่ี 1 ใชช้ อ่ื txtUsername
3.2. TextBox ที่ 2 ใช้ช่ือ txtPassword และกำหนด Properties Use System
Password Char เป็น True

4. สรา้ ง Button จำนวน 2 Button ดงั นี้
4.1. Button ที่ 1 ใช้ชื่อ btn Login กำหนดข้อความ เข้าสู่ระบบ
4.2. Button ท่ี 2 ใชช้ ือ่ btn Exit กำหนดข้อความ ออกจากโปรแกรม

5. ทำการเพิ่ม Form ใหม่ เพื่อใชใ้ นกรณที ่ีมีการใส่ชอ่ื ผู้ใช้งานและรหัสผา่ นได้ถูกต้อง โดยใช้
ช่อื Form2 มีรายละเอียดดังน้ี

5.1. Label สำหรับแสดงช่อื ผู้ใชง้ าน ใช้ชือ่ lblUser
5.2. Buton สำหรบั ออกจากระบบ ใช้ชือ่ btnSignout กำหนดขอ้ ความ ออกจาก
ระบบ Form2 ที่สรา้ งมลี ักษณะดังรปู


Click to View FlipBook Version