The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สมัยก่อนรัตนโกสินทร์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
สมัยรัตนโกสินทรงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-25 01:43:08

พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทย

สมัยก่อนรัตนโกสินทร์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
สมัยรัตนโกสินทรงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชกรณียกิจของ
พระมหากษัตริย์ไทย

จั ด เ ต รี ย ม โ ด ย
นางสาวนวมล วิยาสิงห์ชั้น
ม.4/6 เลขที่ 26

พ่อขุนศรีอินทราทิตย์

พระราชประวัติ

พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงมีพระนามเดิมว่า พ่อขุนบางกลางหาว ทรง
เป็นปฐมบรมกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัย พระองค์
อภิเษกสมรสกับพระนางเสือง พระธิดาของพ่อขุนศรีนาวนำถุม มี
พระราชโอรส ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับต่อมา คือ พ่อขุนบานเมือง

และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ประกอบพระราชกรณียกิจที่สำคัญ
คือ เมื่อครั้งยังเป็นพ่อขุนบางกลางหาวได้รวมกำลังพลกับพ่อขุนผา
เมืองต่อสู้ขับไล่พวกขอมและทรงสถาปนา กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
ผลงานของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีความสำคัญ เพราะได้สร้างความ
เป็ นปึ กแผ่นให้กับสุโขทัยจนพัฒนาเป็ นอาณาจักรที่มีความเจริญ

รุ่งเรืองสืบต่อมา

พระราชกรณียกิจของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์

คือ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เมื่อ
ครั้งยังเป็ นพ่อขุนบางกลางหาว
ได้ร่วมมือกับ พ่อขุนผาเมือง
เจ้า เมืองราด แห่ง ราชวงศ์ศรี

นาวนำถุม รวมกำลังพลกัน
กระทำ รัฐประหาร ขอมสบาด
โขลญลำพง โดยพ่อขุนบาง
กลางหาวตีเมือง ศรีสัชนาลัย
และเมืองบางขลงได้ และยกทั้ง


สองเมืองให้พ่อขุนผาเมือง ส่วน

พ่อขุนผาเมืองตีเมืองสุโขทัยได้
ก็ได้มอบเมืองสุโขทัยให้พ่อขุน
บางกลางหาว พร้อมพระขรรค์
ชัยศรีและพระนาม "ศรีอินทร
บดินทราทิตย์" ซึ่งได้นำมาใช้
เป็นพระนาม ภายหลังได้คลาย

เป็น ศรีอินทราทิตย์ การเข้ามาครองสุโขทัยของพระองค์
ส่งผลให้ ราชวงศ์พระร่วง เข้ามามีอิทธิพลในเขตนคร

สุโขทัยเพิ่มมากขึ้น และได้แผ่ขยายดินแดนกว้างขวางมาก
ออกไป แต่เขตแดนเมืองสรลวงสองแคว ก็ยังคงเป็นฐาน

กำลังของ ราชวงศ์ศรีนาวนำถุม อยู่

พระราชกรณี ยกิจของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์

ในกลางรัชสมัย ทรงมีสงครามกับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ทรง
ชนช้างกับขุนสามชน แต่ไพร่พลของพระองค์ ได้เตลิดหนีดังคำใน

ศิลาจารึกว่า "ไพร่ฟ้ าหน้ าใสพ่อกู หนี
ญญ่ายพ่ายจแจ๋น"(หนี-ยอ-ย่าย-พ่าย-
จอ-แจ้น) ขณะนั้นพระโอรสองค์เล็ก
( รามราช ) มีพระปรีชาสามารถ ได้ขับ
ช้างแซงขึ้นไปชนช้างชนะขุนสามชน

ภายหลังจึงทรงเฉลิมพระนามพระ
โอรสว่า รามคำแหง

ศึกสงครามเจ้าเมืองฉอด

ในยุคประวัติศาสตร์ชาตินิยม มีคติหนึ่งที่เชื่อกันว่า พระองค์ทรง
เป็นผู้นำชาวสยามต่อสู้กับอิทธิพลขอมใน สุวรรณภูมิ ทรงได้
ชัยชนะและประกาศอิสรภาพตั้งราชอาณาจักรสุโขทัยขึ้น และทรง
เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย แต่ภายหลัง คติดังกล่าวได้
รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง เพราะพระองค์ไม่ได้เป็นปฐมกษัตริย์

อีกทั้งยังมี พ่อขุนศรีนาวนำถุม ครองสุโขทัยอยู่ก่อนแล้ว

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชประวัติ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวัน
อังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู เบญจศก จ.ศ. 1215 (ตรงกับวันที่

20 กันยายน พ.ศ. 2396) เพลาก่อนทุ่มหนึ่งบาตรหนึ่ง เป็นพระ
ราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่
พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ (ในรัชกาลที่ 6 ได้มีการ
สถาปนาพระบรมอัฐิเป็นสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี) ครั้งนั้น
พระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีเข้าชื่อกันกราบบังคมทูลว่า ทุกวันนี้เจ้าฟ้ าก็

ไม่มีเหมือนแต่ก่อน ขอให้ยกขึ้นเป็นเจ้าฟ้ าอย่างสมัยก่อน จึง
พระราชทานพระนามว่า เจ้าฟ้ าจุฬาลงกรณ์ ถึงวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.
2404 จึงได้รับพระราชทานสุพรรณบัฏจารึกพระนามว่า สมเด็จพระเจ้า
ลูกยาเธอ เจ้าฟ้ าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิ

วงศ์ วรุตมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเจ้า
กรมเป็น หมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ ซึ่งคำว่า "จุฬาลงกรณ์" นั้นแปลว่า

เครื่องประดับผม อันหมายถึง " พระเกี้ยว " ที่มีรูปเป็นส่วนยอดของ
พระมหามงกุฎหรือยอดชฎา

พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชกรณียกิจด้านสังคม ทรงยกเลิกระบบ ไพร่ โดยให้ไพร่เสียเงิน
แทนการถูกเกณฑ์ นับเป็นการเกิดระบบทหารอาชีพในประเทศไทย
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเลิกทาสแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากออก

กฎหมายให้ลูกทาสอายุครบ 20 ปีเป็นอิสระ จนกระทั่งออกพระราชบัญญัติ
เลิกทาส ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) ซึ่งปล่อยทาสทุกคนให้เป็นอิสระและห้าม

มีการซื้อขายทาส




การปฏิรูปการปกครอง



ทรงตั้งสภาที่ปรึกษาขึ้นมาสองสภา ได้แก่ สภาที่ปรึกษาราชการแผ่น
ดิน (เคาน์ซิลออฟสเตต) และสภาที่ปรึกษาในพระองค์ (ปรีวีเคาน์ซิล)
ในปี พ.ศ. 2417 และทรงตั้งขุนนางระดับพระยา 12 นายเป็น "เคาน์ซิ
ลลอร์" ให้มีอำนาจขัดขวางหรือคัดค้านพระราชดำริได้ และทรงตั้งพระ
ราชวงศานุวงศ์ 13 พระองค์ และขุนนางอีก 36 นาย ช่วยถวายความ
คิดเห็นหรือเป็นกรรมการดำเนินการต่าง ๆ แต่ สมเด็จเจ้าพระยาบรม

มหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ขุนนาง สกุลบุนนาค และ กรม
พระราชวังบวรวิไชยชาญ เห็นว่าสภาที่ปรึกษาเป็นความพยายามดึง
พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำให้

เกิดความขัดแย้งที่เรียกว่า วิกฤตการณ์วังหน้ า

พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชกรณียกิจที่สำคัญของรัชกาลที่ 5 ได้แก่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
มี การเลิกทาสและไพร่ในประเทศไทย การป้ องกันการเป็นอาณานิคมของ
จักรวรรดิฝรั่งเศส และ จักรวรรดิอังกฤษ ได้มีการประกาศออกมาให้มีการ
นับถือศาสนาโดยอิสระในประเทศ โดยบุคคลศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม
สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ได้มีการนำระบบจากทางยุโรป
มาใช้ในประเทศไทย ได้แก่ระบบการใช้ธนบัตรและเหรียญบาท ใช้ระบบเขต
การปกครองใหม่ เช่น มณฑลเทศาภิบาล จังหวัด และ อำเภอ และได้มีการ
สร้างรถไฟ สายแรก คือ กรุงเทพฯ ถึง อยุธยา ลงวันที่ 1 มีนาคม ร.ศ.109 ซึ่ง
ตรงกับ พุทธศักราช 2433 นอกจากนี้ได้มีงาน พระราชนิพนธ์ ที่สำคัญ การ
ก่อตั้งการประปา การไฟฟ้ า ไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ การสื่อสาร การรถไฟ
ส่วนการคมนาคม ให้มีการขุดคลองหลายแห่ง เช่น คลองประเวศบุรีรมย์

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระโอรสบางส่วนที่วิทยาลัยอีตันในสหราชอาณาจักร

การเสด็จประพาสต้นและประพาสหัวเมือง
เส้นทางเสด็จประพาสต
้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2447 ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม

ถึงวันที่ 7 สิงหาคม เป็นเวลา 25 วันเป็นการเสด็จทางเรือจากบางปะอินล่องมา
ตาม แม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านเมือง นนทบุรี เข้าคลอง บางกอกใหญ่ คลอง
ภาษีเจริญ ฝั่ง ธนบุรี แล้วเสด็จฯ เข้า คลองดำเนินสะดวก เมือง ราชบุรี
ผ่าน แม่น้ำแม่กลอง ไปเมือง เพชรบุรี เสด็จประพาสทางทะเล แวะเมือง
สมุทรสงคราม ไปเมือง สมุทรสาคร ไปเมือง สุพรรณบุรี


Click to View FlipBook Version