1
กลมุ สาระการเรยี นรสู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ ๒
ตาํ แหนง ครู วิทยฐานะครูชํานาญการพิเศษ
โรงเรียนมธั ยมศึกษาเทศบาลเมอื งปทุมธานี
เทศบาลเมืองปทุมธานี อําเภอเมืองปทมุ ธานี จังหวดั ปทมุ ธานี
ก
รปู แบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริมทักษะ
การเรยี นรแู บบ Active learning กลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศึกษา
ปท่ี ๒ เน้ือหาเลมน้ีสอดคลองกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพ่ือเสริมสรางความรู และเขาใจประวัติ
ความสําคัญ หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาท่ีถูกตอง
ยดึ ม่นั และปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมเพ่อื อยรู ว มกันอยา งสนั ติสุข
รูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคาํ สอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริม
ทักษะการเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒ เลมที่ ๔ เร่ือง พระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต จัดทําเพื่อใหนักเรียน
สามารถอธิบายความหมายของโครงสรางพระไตรปฎกและกฎแหงกรรมจากจูฬกัมมวิภังคสูตร
ในพระไตรปฎกได อธิบายความหมายพุทธศาสนสุภาษิตได เห็นคุณคาความสําคัญของพระไตรปฎก
เปนหลักฐานสําคัญใหเรียนรูหลักธรรมในการนํามาประยุกตใชในการดําเนินชีวิตได เห็นคุณคา
คติสอนใจกฎแหงกรรมจากจูฬกัมมวิภังคสูตรในพระไตรปฎกและและสามารถนํามาเปนแบบอยางใน
การดาํ เนนิ ชวี ติ ได สามารถนําขอคิดทีไ่ ดจากการศึกษาพทุ ธศาสนสุภาษิตประยกุ ตใชใ นชีวติ ได
ขอขอบพระคณุ ผูเชี่ยวชาญทุกทานที่ใหคําปรึกษา แนะนําในการจัดทํารปู แบบการจัดการเรียนรู
พระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริมทักษะการเรียนรูแบบ Active learning
กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี ๒ ชุดนี้จนสําเร็จสามารถ
นําไปใชพัฒนาใหคงอยูตอไป
หวังเปนอยางย่ิงวารูปแบบการจัดการเรียนรูพระพทุ ธศาสนา ตามแนวคาํ สอนของพระพุทธเจา
เพ่ือสงเสริมทักษะการเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๒ ชุดนี้จะเปนประโยชนตอการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของ
ครู ชวยพัฒนานักเรียนและเยาวชนทุกคนใหเปนศาสนิกชนที่ดี และธํารงรักษาพระพุทธศาสนา
หรือศาสนาท่ีตนนับถือสืบไป
นางอมรรัตน ภูมิประหมัน
เร่ือง ข
คํานาํ หนา
สารบญั
คําชแ้ี จง ก
มาตรฐานและตัวชวี้ ัด ข
จดุ ประสงคก ารเรียนรู ค
แบบทดสอบกอ นเรยี น ง
ใบความรทู ่ี ๑ เร่อื ง โครงสรา งพระไตรปฎ ก ๑
ใบกิจกรรมที่ ๑ เรือ่ ง พระไตรปฎก ๒
ใบความรูที่ ๒ เรอื่ ง เร่ืองนารูจ ากพระไตรปฎ ก : จูฬกมั มวภิ งั คสตู ร ๔
ใบกิจกรรมที่ ๒ เร่ือง จูฬกัมมวภิ งั คสูตร ๖
ใบความรู เร่อื ง พุทธศาสนสภุ าษิต ๗
ใบกิจกรรมท่ี ๓ เรือ่ ง พุทธศาสนสุภาษิต ๙
แบบทดสอบหลังเรยี น ๑๐
ภาคผนวก ๑๒
เฉลยแบบทดสอบกอ นเรยี น ๑๓
เฉลยใบกจิ กรรมที่ ๑ เรอื่ ง พระไตรปฎ ก ๑๕
เฉลยใบกจิ กรรมที่ ๒ เรอื่ ง จูฬกมั มวิภังคสตู ร ๑๖
เฉลยใบกิจกรรมท่ี ๓ เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต ๑๗
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ๑๘
บรรณานกุ รม ๑๙
๒๐
๒๑
ค
รปู แบบการจดั การเรยี นรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพ่ือสง เสริมทักษะการ
เรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศึกษา
ปท่ี ๒ พัฒนาขึ้นมาเพื่อเปนแหลงเรียนรูของนักเรียนเขาใจการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
เพื่อนบา นและการนับถอื พระพทุ ธ ศาสนาของประเทศเพื่อนบา นในปจ จุบัน
รูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริมทักษะ
การเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยม
ศึกษาปท ี่ ๒ มที งั้ หมด ๗ เลม ดังนี้
เลมท่ี ๑ เร่ือง พระพทุ ธศาสนาในประเทศเพอ่ื นบา น
เลม ที่ ๒ เรื่อง พุทธประวัติ พทุ ธสาวก และชาดก
เลม ที่ ๓ เร่อื ง หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา
เลม ที่ ๔ เร่ือง พระไตรปฎ กและพุทธศาสนสภุ าษติ
เลม ท่ี ๕ เร่ือง หนา ทช่ี าวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
เลมท่ี ๖ เรื่อง วนั สําคญั ทางพุทธศาสนาและศาสนพิธี
เลมท่ี ๗ เรื่อง การบรหิ ารจิตและการเจริญปญ ญา
เพ่ือใหบรรลุจุดประสงคของรปู แบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของ
พระพุทธเจา เพื่อสง เสริมทักษะการเรียนรแู บบ Active learning กลมุ สาระการเรยี นรูสังคมศึกษา
ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒ เลมที่ ๔ เรื่อง พระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต มีขอ
เสนอแนะใหนักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอน ดงั นี้
๑. ศึกษาทาํ ความเขาใจจดุ ประสงคข องรปู แบบการจัดการเรยี นรู
๒. ทาํ แบบทดสอบกอนเรยี นจํานวน ๑๐ ขอ กอนศกึ ษาเนอื้ หาในเลม เพื่อตรวจความรูพ ื้นฐาน
๓. นักเรยี นศึกษาใบความรแู ละทําใบงานท่ีกําหนดให
๔. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน พรอมกับตรวจคําตอบจากเฉลยเพ่ือจะไดทราบ
วา ตนเองมกี ารพัฒนาดานความรเู พิ่มเตมิ เพยี งใด
ง
สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู และเขาใจประวัติ ความสาํ คัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนา
ท่ตี นนับถือและศาสนาอ่นื มศี รทั ธาท่ีถกู ตอง ยดึ มนั่ และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรม
เพือ่ อยูรว มกันอยา งสนั ติสขุ
ตัวชวี้ ดั
ส ๑.๑ ม.๒/๗ อธิบายโครงสรางและสาระโดยสังเขปของพระไตปฎก หรือคัมภีรของ
ศาสนาทีต่ นนบั ถือ
ส ๑.๑ ม.๒/๑๑ วิเคราะหการปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื เพอ่ื การดํารง
ตนอยางเหมาะสมในกระแสความเปลย่ี นแปลงของโลกและการอยูรวมกนั
อยา งสนั ตสิ ุข
สาระสาํ คญั
ส่ิงท่พี ุทธศาสนิกชนยดึ ถอื และปฏิบัตนิ อกเหนอื จากหลกั ธรรมแลว พระไตรปฎ กและพุทธ
ศาสนสุภาษิต มีสวนในการหลอหลอมจิตใจ เปนแนวใหประพฤติปฏิบัติตนอยูในศีลธรรมที่ดีงาม
ในการดําเนินชีวติ ประจาํ วัน ก็จะสง ผลใหใ ชชีวิตอยูรว มกันอยางสงบสขุ
๑
เมื่อศกึ ษารปู แบบการจดั การเรียนรพู ระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพทุ ธเจา
เพอ่ื สงเสริมทักษะการเรยี นรแู บบ Active learning กลุม สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี ๒ เลม ท่ี ๔ เร่ือง พระไตรปฎ กและพุทธศาสนสภุ าษิต นกั เรียน
สามารถแสดงพฤตกิ รรมดงั ตอไปนี้
ดานความรู (K)
๑. นักเรยี นอธิบายความหมายของโครงสรา งพระไตรปฎ กและกฎแหงกรรม
จากจูฬกัมมวิภงั คสูตรในพระไตรปฎ กไดไ ด
๒. นกั เรียนอธบิ ายความหมายพุทธศาสนสุภาษิตได
๓. นกั เรยี นตระหนกั และเหน็ คณุ คา ความสาํ คัญของพระไตรปฎกเปน
หลักฐานสําคัญใหเรียนรหู ลกั ธรรมในการนาํ มาประยุกตใ ชในการดําเนนิ ชีวติ ได
๔. นกั เรยี นตระหนักและเห็นคุณคา คติสอนใจกฎแหง กรรมจากจูฬกัมมวิภงั ค
สตู รในพระไตรปฎ กและและสามารถนาํ มาเปนแบบอยา งในการดาํ เนนิ ชีวติ ได
๕ นกั เรยี นสามารถนาํ ขอ คิดท่ไี ดจากการศกึ ษาพทุ ธศาสนสภุ าษติ ประยกุ ต
ใชใ นชวี ติ
ดา นทักษะ (P)
๑. นักเรียนมีความสามารถในการแกป ญ หา
๒. นักเรียนมคี วามสามารถในการใหเหตผุ ล
๓. นกั เรียนมคี วามสามารถในการสือ่ สาร ส่ือความหมาย
ดา นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค (A)
๑. นกั เรยี นมีความซ่อื สัตยสจุ ริต
๒. นกั เรียนมีการใฝเ รยี นรู
๓. นักเรียนมีความมงุ มนั่ ในการทํางาน
๒
แบบทดสอบกอนเรียน
เลม ที่ ๔ เรอื่ ง พระไตรปฎ กและพทุ ธศาสนสุภาษติ
คําช้ีแจง ใหนกั เรยี นทําเคร่ืองหมาย ลงบนหนาขอ ทีถ่ กู ตอ งมากทส่ี ดุ
๑. คัมภีรท ส่ี ําคญั ที่สุดของพระพุทธศาสนาคอื
ก. สามเวท
ข. อถรรพเวท
ค. พระไตรปฎก
ง. พระเวสสนั ดรปฎก
๒. ส่งิ ทเ่ี ปน ตวั แทนของพระพุทธเจา หลังจากพระองคปรินพิ พานแลวคือ
ก. พระธรรม
ข. พระพุทธรปู
ค. พระธรรมวินัย
ง. พทุ ธสาวก พุทธสาวิกา
๓. คัมภีรทีร่ วบรวมคาํ สั่งสอนของพระพทุ ธเจาในสว นทเ่ี ปน พระธรรมเทศนาที่พระองคไ ด
ตรัสไวแ กบ ุคคลตา งๆ คอื คัมภรี ใ ด
ก. พระวินยั ปฎก
ข. พระธรรมวนิ ยั
ค. พระสุตตนั ตปฎ ก
ง. พระอภธิ รรมปฎ ก
๔. จูฬกมั มวิภงั คสตู ร มเี น้อื หาเก่ยี วกับเรอื่ งใด
ก. การบวช
ข. การพดู จา
ค. การจําแนกกรรม
ง. การแสดงความกตญั ู
๕. ถาตองการใหต นเองเกิดมามีสตปิ ญ ญามาก ควรปฏบิ ัตติ นอยา งไร
ก. อิจฉาริษยาผูอน่ื
ข. เขาหาผมู ีปญญา
ค. ไมฆ า สัตวต ัดชีวติ
ง. ไมม ีอารมณโ กรธ
๓
๖. บุคคลใดทไี่ ดท ูลถามเรื่อง จฬู กัมมวิภังคสูตรกบั พระพุทธเจา
ก. พระเจา พมิ พสิ าร
ข. สภุ มาณพ โตเทยยบตุ ร
ค. ประชาชนชาวเมืองสาวัตถี
ง. พระสารบี ุตรและพระโมคคลั ลานะ
๗. ผลท่ีเกิดจากพุทธศาสนสภุ าษิตที่วา “การสง่ั สมบุญนําสขุ มาให” ขอใดตอไปน้ีมี
ความสัมพันธกัน
ก. ภาวะโลกรอ นเกดิ ข้ึนเพราะมนุษยตัดไมท าํ ลายปา
ข. โจรปลน ธนาคารถกู ตํารวจจบั ไดขณะหลบหนี
ค. รุนพม่ี หาลัยมีความเมตตาจึงทาํ ใหรุน นอ งยกมือไหว
ง. ผูป ฏิบัตธิ รรมเปน ประจาํ ทําใหจ ิตใจสงบหนาตาผองใส
๘. พทุ ธสภุ าษิตท่ีวา “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” มีความหมายตรงกบั ขอใดมากท่ีสดุ
ก. เห็นกงจักรเปนดอกบวั
ข. วาแตเ ขาอเิ หนาเปนเอง
ค. บวั ไมใหช าํ้ น้าํ ไมใหขนุ
ง. หวานพืชเชนไร ไดผ ลเชน น้นั
๙. สพุ รไปบริจาคโลหติ ทุกปใหกับสภากาชาดไทย การปฏบิ ตั แิ บบน้ีตรงกบั พุทธศาสน
สุภาษติ ใดมากทสี่ ดุ
ก. กมมฺ ุนา วตตฺ ตี โลโก
ข. สุโข ปุญฺ สฺส อุจจฺ โย
ค. ปูชโก ลภเต ปูชํ วนทฺ โก ปฏวิ นฺทนํ
ง. กลยฺ าณการี กลยฺ าณํ ปาปการี จ ปาปกํ
๑๐. “สัตวโลกยอมเปน ไปตามกรรม” สัมพันธกบั ขอใด
ก. ความชัว่ ไมทาํ เสียเลยดกี วา
ข. กรรมใหผลเฉพาะในชาติหนา
ค. กรรมท่ีทาํ แลว จะดีหรอื ชัว่ ขนึ้ อยทู ่ีผลของกรรม
ง. เรามกี รรมเปนของตน เปนผรู บั ผลของกรรม
๔
ใบความรทู ี่ ๑ เรือ่ ง โครงสรางพระไตรปฎก
ความหมาย
พระไตรปฎก แปลตามศัพท วา กระจาดหรอื ตะกรา เปน คัมภรี ข องพระพุทธศาสนาทรี่ วบรวม
พระธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจา
ภาพ : พระไตรปฎ กเปนคมั ภรี หลกั ของพระพุทธศาสนา
ที่มา : http://www.buddhiststudies-nrru.net/?page_id=1854
ความสําคญั
พระไตปฎ ก เปน คมั ภีรส งู สดุ ของพระพุทธศาสนา ประมวลหลกั คาํ สอนตา งๆ ทพ่ี ระพทุ ธเจา
ทรงแสดงไวตลอด ๔๕ ป เปน บอเกิดแหง วิทยาการ วัฒนธรรม จารตี ประเพณี และแนวปฏบิ ตั ิเพอ่ื
แกปญหา พัฒนาตน พัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม
โครงสรา งพระไตรปฎ ก
พระไตรปฎก มี ๔๕ เลม แบง ออกเปน หมวด คอื เลม ท่ี ๑-๘ วา ดวยพระวนิ ยั เลมที่ ๙-๑๓ วา
ดว ยพระสตู ร เลมท่ี ๓๔-๓๕ วา ดว ยพระอภิธรรม ซ่งึ อาจจาํ แนกรายละเอียดได ดงั นี้
๑. พระวินัยปฎก เปนคัมภีรที่วาดวย
ระเบียบวินัยขอบังคับของภิกษุและภิกษุณี รวมถึง
ขนบธรรมเนียมประเพณีและขอปฏิบัติท่ีดีงาม
สําหรับการอยูรวมกันของหมูคณะ แบงออกเปน
๘ หมวด
๑.๑ มหาวิภงั ค ภาค ๑ วา ดวยศลี ของ
ภกิ ษุที่มโี ทษหนกั ภาพ : พระวนิ ยั ปฎ ก เปน คัมภีรทว่ี า ดว ยระเบียบวนิ ัย
๑.๒ มหาวภิ งั ค ภาค ๒ วา ดวยศีลของ ขอ บังคับของภิกษแุ ละภกิ ษุณี
ภิกษุทีม่ ีโทษเบา มรรยาทอนั ดงี าม และการระงบั ท่ีมา : https://th.wikipedia.org/
คดีความ
๕
๑.๓ ภิกขุนีวภิ ังค ภาค ๑ วา ดวยศลี ๓๑๑ ขอของภกิ ษณุ ี
๑.๔ มหาวรรค ภาค ๑ วาดว ยการอุปสมบท อุโบสถ จําพรรษา และปวารณา
๑.๕ มหาวรรค ภาค ๒ วา ดวยเรือ่ งเครือ่ งหนงั ยารกั ษาโรค กฐิน จวี ร การลงโทษ
และ การระงับคดคี วาม
๑.๖ จูฬวรรค ภาค ๑ วา ดว ยการลงโทษ กรณภี ิกษุชาวเมอื งจําปา ระเบยี บวธิ ปี ฏบิ ตั ิ
สาํ หรบั การเปลอื้ งตนจากอาบตั ิ และการระงับคดีความ
๑.๗ จูฬวรรค ภาค ๒ วาดวยขอปฏิบัติเรื่องเสนาสนะ การทําลายสงฆใหแตกกัน
(สังฆเภท) ระเบียบตา งๆ การงดสวดปาติโมกข เร่อื งภกิ ษุณี เรอ่ื งการทําสงั คายนาครัง้ ที่ ๑
และการสังคายนาครั้งที่ ๒
๑.๘ ปรวิ ารวรรค วาดวยคําถามและคําตอบเร่ืองพระวนิ ยั
๒. พระสตุ ตันตปฎก สวนท่เี ปน พระธรรมคาํ สอนที่ทรง
แสดงแกพระสาวก บุคคลท้งั หลายในโอกาสและสถานท่ีตา งๆ
กนั มีทงั้ เปนรอยแกว รอ ยกรอง ในรูปของคําบรรยาย นทิ าน
เรือ่ งเลา แบง ออก เปน ๕ หมวด
๒.๑ ทีฆนิกาย เปนหมวดพระสูตรขนาดยาว
๓๕ สูตร ท้ังหมด ๓ เลม
๒.๒ มชั ฌมิ นิกาย เปนหมวดพระสูตรขนาดกลาง
ทง้ั หมด ๓ เลม
๒.๓ สังยตุ ตนกิ าย เปนหมวดพระสตู รทจ่ี ดั กลุม
ตามเรอ่ื งทเ่ี กีย่ วของกัน ท้งั หมด ๕ เลม
๒.๔ องั คตุ ตรนิกาย เปน หมวดพระสูตรท่ีจัดกลุม
ตามจํานวนขอธรรม ทง้ั หมด ๕ เลม ภาพ : หนังสือพระสตุ ตนั ตปฎ ก ฉบบั ปรบั ปรุง
๒.๕ ขุททกนิกาย เปนหมวดพระสตู ร ภาษิต ทม่ี า : https://www.facebook.com/
คาํ อธบิ ายและเร่อื งราวเบ็ดเตล็ดท้งั หมด ๙ เลม
๓. พระอภธิ รรมปฎก สวนท่ีเปน หลักธรรมและคําอธิบายที่เปน หลกั วิชาการลวนๆ ไมเ ก่ยี วกบั
บุคคล เหตุการณ สถานท่ี และกาลเวลา แบงออกเปน ๗ หมวด
๓.๑ ธัมมสงั คณี คอื ขอ ธรรมที่รวมไวเปน
หมวดหมู แลว อธิบายทีละประเภท
๓.๒ วิภงั ค คอื ยกหมวดธรรมสําคัญๆ ขึน้ ตงั้ เปน
หวั เรื่อง แลว แยกแยะออกอธิบายโดยละเอยี ด
๓.๓ ธาตุกถา คือ สงเคราะหขอธรรมตางๆ เขา
ในขันธ อายตนะ และธาตุ ๔
๓.๔ บคุ คลบญั ญตั ิ คอื บัญญตั ิความหมายของ
บคุ คลประเภทตา งๆ ตามคุณธรรมท่มี ี อยใู นบุคคลน้ันๆ
ภาพ : หนงั สือพระอภิธรรม
ทม่ี า : http://online.pubhtml5.com/yvtf/cguv/
๖
ใบกจิ กรรมท่ี ๑ เรื่อง พระไตรปฎ ก
คําชแ้ี จง : ใหน ักเรยี นอธบิ ายองคป ระกอบของโครงสรา งพระไตรปฎ ก
พระวินยั ปฎก ....................................................................................
....................................................................................
....................................................................................
....
พระไตรปฎ ก พระสุตตนั ตปฎก ....................................................................................
....................................................................................
....................................................................................
....
....................................................................................
พระอภธิ รรม ....................................................................................
....................................................................................
....
คําช้แี จง : ใหนักเรยี นตอบคาํ ถามเกีย่ วกับพระไตรปฎกตอ ไปน้ี
พระไตรปฎ กมีความสาํ คัญตอพระพุทธศาสนาอยางไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๗
ใบความรทู ี่ ๒ เรื่อง พระไตรปฎ ก : จูฬกัมมวิภังคสตู ร
จูฬกัมมวิภงั คสตู ร เปน พระสตู รหน่งึ ในจาํ นวน
สบิ สตู รของวิภังควรรค ในมชั ฌิมนิกาย พระสุตตันตปฎก
พระสตู รนวี้ าดว ยคนทํากรรมแลว ไดรับผลตาง ๆ
ทม่ี าของพระสูตร พระสตู รน้ีพระพทุ ธเจา ทรงแสดงแก
สุภมาณพ โตเทยยบตุ ร ขณะประทบั อยู ณ พระเชตตะวนั อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี เพื่อทรงตอบปญหาของ
สุภมาณพ เรื่องเหตุท่ีทาํ ใหสัตวมีอายุส้ัน มีอายุยืน มีโรคมาก
มีโรคนอย เปนตน
รูปแบบของพระสตู ร รปู แบบของจูฬกัมมวิภังคสตู รเปน การสนทนาแบบถาม-ตอบ มีอปุ มา
อุปไมย ประกอบใจความสาํ คัญของพระสูตร สุภมาณพ โตเทยยบุตร ทูลถามถึงเหตุที่ทําใหสัตวมี
อายุสน้ั มีอายุยนื มโี รคนอ ย เปนตนและกําเนิด มีกรรมเปนเผาพนั ธุ มีกรรมเปนที่พึง่ อาศัย กรรมจงึ
จาํ แนกสตั วใ ห เลวและดตี า งกันเม่อื มาณพกราบทลู ใหอธบิ ายจึงตรสั อธบิ ายเปน ๗ คู คือ
๑. เหตุทที่ ําใหอ ายุสัน้ เพราะฆา สตั ว เหตุทท่ี ําใหอ ายุยนื เพราะไมฆ าสตั ว
๒. เหตทุ ี่ทําใหมีโรคมาก เพราะเบียดเบียนสตั ว เหตุท่ีทําใหมโี รคนอย เพราะไมเบียดเบยี นสตั ว
๓. เหตทุ ี่ทําใหมผี ิวพรรณทราม เพราะเปนผมู กั โกรธ เหตทุ ี่ทําใหผ ิวพรรณผอ งใส เพราะเปน
ผูไมโกรธ
๔. เหตุทท่ี ําใหม อี ํานาจนอ ย เพราะมใี จรษิ ยา เหตุที่ทําใหมอี ํานาจมาก เพราะมีใจไมร ิษยา
๕. เหตุท่ีทําใหมที รัพยสินเงินทองนอย เพราะไมชอบใหท าน คนมเี งินทองมาก เพราะชอบ
ใหทาน
๖. เหตุท่ีทําใหในตระกลู ตํา่ เพราะมักถอื ตัวหยง่ิ ยโส คนเกิดในตระกลู สงู เพราะเปนคนออนนอ ม
๗. เหตทุ ท่ี ําใหมปี ญญาต่าํ เพราะไมช อบเขาไปหาครอู าจารย คนมปี ญ ญาดเี พราะชอบเขา ไป
หาครอู าจารย นักปราชญราชบณั ฑิต
๘
พระสูตรนสี้ อนเรอ่ื งกรรม มสี าระสาํ คัญมุงแสดงใหเ ห็นวาการท่คี นแตละคนมีสภาพที่เปน อยู
ในปจ จุบันเพราะการกระทําในอดตี ชาติ หรือกรรมเกา ในชาติกอ น ซึง่ แนวคดิ นี้คนในสงั คมปจ จุบนั ที่
เจริญดว ยวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี อาจเปนการลําบากท่จี ะเช่ือเรอ่ื งน้ไี ดอยา งสนทิ ใจ แตอ ยางไรก็
ตามการสอนเร่อื งกรรมเกาในชาติกอ น อยา งนอ ยทสี่ ุดกช็ ว ยใหม นษุ ยไดหยุดฉุกคดิ กอ นจะทําความ
ชว่ั อะไรลงไป และเปนการปลกู ฝง คุณธรรมและคานยิ มทด่ี ีงามใหสังคมมนษุ ย เพื่อการอยรู วมกนั
อยา งสงบสขุ สนั ติในสังคม
นอกจากนนั้ แลว คาํ วา ชาตกิ อ น เราอาจอธิบายได
ในสองลกั ษณะ คือ ชาติกอนที่เปนอดีตชาติลวงมาแลว
จรงิ ๆ หรืออธิบายไดวาชาติกอ นหมายถงึ ชว งระยะเวลาที่
ผา นมาแตละชว งในชาตินี้
กลาวคอื วนั กอ น สัปดาหกอ น ปก อ น สบิ ปกอ น
ยส่ี บิ ปกอน หลายๆ ปก อ น การกระทําของบคุ คลท่ีผานมา
ในวนั กอ นๆ มผี ลตอสภาพขณะปจจบุ ัน หรือสง ผลใหบคุ คล
น้นั ไดร ับผลสอดคลอ งสัมพนั ธก นั กับการกระทําทผ่ี านมา
สามารถสรปุ เหตุการณต า งๆ ในจฬู กมั มวภิ งั คสตู รไดต าม
ตวั อยา ง ดงั น้ี
กรณที ี่ ๑ คนเจาอารมณ มกั โกรธเปนฟน เปนไฟแมเ รอ่ื งเลก็ นอ ย สง ผลใหใบหนาไมผอ งใส
ผลคอื ใบหนาไมผอ งใส แสดงใหเหน็ วาคนมกั โกรธยอ มมผี วิ พรรณไมสดใส ไมส วยงาม เพราะ
สุขภาพจิตไมดี
กรณที ี่ ๒ บุคคลท่ีมีอารมณ มีความยบั ยั้งชงั่ ใจ ไมมกั โกรธ
ผลคอื ใบหนาผองใส มีผวิ พรรณงดงามเพราะสุขภาพจติ ดี
กรณีที่ ๓ คนที่ชอบอิจฉาริษยาคนอื่น เห็นใครดีมักทนอยูไมได แสดงความริษยาออก
นอกหนา
ผลคอื เปน คนไมมีอาํ นาจเพราะขาดคนเกรงใจ ไมม ีใครใหเกยี รติอยา งจรงิ ใจ
กรณีที่ ๔ คนท่ีไมอจิ ฉาริษยาคนอื่น ยนิ ดกี ับความสําเรจ็ ความกา วหนาของคนอ่นื ดวยความ
จรงิ ใจ
ผลคอื มคี นเกรงใจ ใหเ กียรติ นับวาเปนคนมีอํานาจในตวั เอง
๙
ใบกิจกรรมที่ ๒ เรือ่ ง จูฬกัมมวภิ ังคสตู ร
คาํ ชี้แจง : ใหน ักเรยี นวเิ คราะหจากขาววา มีความสัมพนั ธก ฎแหง กรรม จฬู กมั มวภิ งั คสตู ร ไดอยางไร
ติดรปู ภาพหรือขาว
จากเน้อื หาของขาวมีความสัมพนั ธกฎแหง กรรม จฬู กมั มวิภงั คสตู ร ไดอยา งไร
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
มีวิธีอยางไรใหบ คุ คลในขา วพน จากกรรมช่วั
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๑๐
ใบความรูท่ี ๓ เรอ่ื ง พทุ ธศาสนสุภาษติ
พุทธศาสนสุภาษติ เปนภาษติ หรือถอ ยคําท่ี
พระพทุ ธเจาตรัสไว เปนคติธรรมทม่ี คี วามหมายลึกซงึ้
สามารถนําไปเปน ขอ เตือนใจเพอื่ เปน แนวทางในการ
ดําเนนิ ชีวติ
กมฺมนา วตฺตตี โลโก สตั วโลกยอ มเปนไปตามกรรม
สัตวโ ลก คอื ผทู ีเ่ กิดมาในโลก หรอื ในภพภมู ติ างๆ
กรรม คอื การกระทํา หมายถึง การกระทาํ ท่ีประกอบดวยเจตนา และลงมือปฏิบัติอาจจะเปน
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ ท่ีเรียกวา กายกรรม วจกี รรม และมโนกรรม ตามลาํ ดบั
กอ นทพี่ ระพุทธเจา จะเสด็จอุบัตขิ ึน้ ในโลก มนุษยมคี วามเชอื่ ถือกันวา วิถีชีวิตของคนเราจะเปน
ไปอยา งไรน้ันเทพเจา เทา น้ันจะเปน ผูบ ันดาล แตเ มอ่ื พระพทุ ธเจาเสดจ็ อุบัติขึ้น พระองคท รงคน พบวา
ชีวิตของคนจะเปนอยา งไรนนั้ คือ ดี เลว ประณตี ยากจน รา่ํ รวย หรืออบั เฉา ท้ังหมดขน้ึ อยูกบั ผลของ
กรรมท่ตี นเองกระทําไวค นอนื่ จะทําความดี ความชว่ั และรบั ผลของกรรมดีกรรมช่วั แทนกันไมไดทาง
พระพุทธศาสนาถือวากรรมเปนผตู กแตง วา จะใหใ คร
เปนอยางไร คือจะใหดีหรือ เลว มิใชพระเจาหรือ
เทพเจาเปนผแู ตง ที่วา สัตวโลกยอ มเปน ไปตามกรรม
น้นั หมายความวา เราเปนอยางไรแรงกรรมเทา นั้น
เปนผพู าไป มใิ ชใ ครบนั ดาลใหฉะนัน้ พุทธศาสนิกชน
ควรทาํ กรรมดี คือ กศุ ลกรรม หลกี เล่ยี งกรรมดี คือ
อกุศลธรรม ประพฤติปฏิบัติดี สง ผลใหผูประพฤติ
ปฏิบัติไดรบั ผลแหง กรรมดีนนั้ ดงั พุทธศาสนาสภุ าษติ ภาพ : สตั วโ ลกยอ มเปน ไปตามกรรม
วา กมมฺ นา วตตฺ ตี โลโก สตั วโ ลกยอมเปน ไปตามกรรม ท่ีมา : https://ressources.learn2speakthai.net/
กลฺยาณการี กลยฺ าณํ ปาปการี จ ปาปกํ ทําดีไดดี ทําช่ัวไดช่วั
เปน การกลาวถึง “กฎแหง กรรม” ผลของการกระทําวา ผูท่ปี ระพฤติปฏบิ ตั ติ นเชนใดยอมได
ผลเชน นน้ั คอื ถาประพฤตปิ ฏิบัติดี ยอ มไดร ับผลดีตอบแทน แตถ า ประพฤตปิ ฏิบัติชัว่ ยอมไดร บั ผล
ชัว่ ตอบแทน เชน เดยี วกบั พุทธศาสนสุภาษติ แรกทีว่ า
สตั วโ ลกยอ มเปน ไปตามกรรม เชน ผทู ่มี คี วามขยนั
หมัน่ เพยี ร ตั้งใจศึกษาคน ควา หาความรู ยอมไดร บั
ความรูและประสบผลสาํ เร็จในการเรยี น ตา งจากผู
ท่ีมคี วามเกียจครา น ไมต้ังใจศกึ ษา ยอ มจะทําใหเ ปน
ผูท่ีมสี ติปญ ญานอย ผลการเรยี นตกตา่ํ เปนตน
ดังนน้ั เราจึงควรประกอบกรรมดี ละเวน กรรมช่ัว ภาพ : ผทู ี่ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเชนใดยอ มไดผลเชนนัน้
เพราะกระทาํ เชน ใดยอ มไดร บั ผลเชนนัน้ ที่มา : https://ressources.learn2speakthai.net/
๑๑
สโุ ข ปฺุญสฺส อุจจฺ โย การสั่งสมบุญนําสขุ มาให
บุญ หมายถงึ เครอื่ งชาํ ระจิตใจ ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา
และใจ เปนกุศลกรรม การสง่ั สมบุญ จงึ เปน การทําใหใจเกิดความสขุ ทาํ ใจใหเปนกุศล ส่งิ ท่ีเปนท่ตี ั้ง
แหง การสง่ั สมบญุ หรือการทําบุญมี ๓ ทาง หรือทเ่ี รียกวา บญุ กิริยาวัตถุ ๓ ไดแ ก
๑. การสง่ั สมบญุ ดว ยการบริจาคทาน เรียกวา ทานมัย
๒. การสง่ั สมบญุ ดว ยการรักษาศีลและประพฤตดิ ี เรียกวา ศีลมัย
๓. การสงั่ สมบุญดว ยการเจรญิ
ภาวนา เรยี กวา ภาวนามัย
การสง่ั สมบุญแมเ พียงทีละเล็กทลี ะนอ ย
ยอมนําความสขุ ความเจรญิ มาสูผปู ระพฤติปฏบิ ัติ
ประดุจนาํ้ ฝนทีต่ กลงมาทลี ะหยาดๆ ตกนานๆ เขา
ก็ยอมเต็มภาชนะ บุญกุศลแหง การทําความดกี ็
เฉกเชน เดยี วกนั ผูท่หี ม่ันทําความดีสรางกุศลทีละ
เล็กทีละนอย บุญกศุ ลก็เพ่ิมพูนขนึ้ เปนลําดบั และ ภาพ : การส่ังสมบญุ ดว ยการบรจิ าคทาน
นําความสขุ ความอ่ิมเอิบใจมาใหแ กผูปฏบิ ตั ิ ท่มี า : https://th.pngtree.com/
ปชู โก ลภเต ปชู ํ วนทฺ โก ปฏิวนทฺ นํ ผบู ูชา ยอ มไดรับการบชู าตอบ
ผูบูชาเขา ยอ มไดร บั การบชู าตอบ ผไู หวเขา ยอมไดร ับการไหวต อบ
บูชา หมายถงึ การใหดว ยความนับถือ การแสดงความเคารพเทดิ ทนู มี ๒ ลกั ษณะ ไดแก
อามิสบูชา คอื การบูชาดวยสง่ิ ของ และปฏบิ ัติบูชา คอื การบูชาดว ยการประพฤตปิ ฏบิ ัติ
ตามคาํ สอนหรือส่ิงดีงาม
ไหว หมายถงึ การทําความเคารพโดยการยกมอื ขึน้ ประนม
การบชู าและการไหว เปนการแสดงถึง
ความเคารพ ความออนนอมถอ มตน และความ
มี สมั มาคารวะท่ีเรามีตอผูอ่ืน พุทธศาสนสุภาษติ
บทน้ีเปน หลกั แหง “เหต”ุ และ “ผล” ทาํ เชน ใด
ยอ มไดผ ลเชนนั้น ผูท ่ที าํ ความเคารพ กราบไหว
บูชาผูอืน่ ยอมไดร บั การแสดงความเคารพและ
กราบไหวบูชาตอบเชนเดียวกนั เมอ่ื ตองการสิ่งใด
ตอ งรจู ักกระทาํ ส่ิงน้ันใหแ กผ อู ่นื กอ น เชน ตอ งการ
เปนทรี่ ักของผอู ่ืน ตองรจู ักมอบความรกั ใหเ ขากอน ภาพ : การไหว เปนการแสดงความเคารพ ความออ นนอ ม
ตอ งการไดรบั การยกยอ ง ตอ งรจู กั ยกยอ งใหเกยี รติ
ทม่ี า : http://oknation.nationtv.tv/
เขากอ น blog/print.php?id=676088
๑๒
ใบกจิ กรรมที่ ๓ เร่อื ง พทุ ธศาสนสภุ าษิต
คาํ ชี้แจง : ใหนกั เรยี นวเิ คราะหกรณตี วั อยา งตอไปนี้ใหสมั พนั ธก ับพทุ ธศาสนสุภษิตทีก่ าํ หนดให
กมฺมนุ า วตตฺ ตี โลโก , กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ , สโุ ข ปฺุญสสฺ อุจฺจโย ,
ปูชโก ลภเต ปชู ํ วนฺทโก ปฏิวนทฺ นํ
กรณีตัวอยา งที่ ๑ ทุกปสมใจจะตอ งไปเย่ยี มคุณครูสมบตั ิ เธอรําลึกเสมอวาท่มี วี ันน้ีไดเ พราะการ
อบรมสั่งสอน การเอาใจใสข องครทู ีใ่ หค วามรู แนะนําช้ีแนะการดําเนินชีวิต
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี วั อยางท่ี ๒ สมหญิงเปนเด็กที่มคี วามขยันหม่ันเพยี รศึกษาหาความรู ใฝเรยี น ใฝร ู เอาใจใสตอ
การเรียน มีความรับผดิ ชอบในหนา ทขี่ องตนเอง ใครเห็นใครไดยนิ กย็ กยองชื่นชมวา เปน นักเรยี นดี
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี ัวอยางที่ ๓ ถงึ วนั เขา พรรษาและวนั สงกรานตส มชยั จะพาครอบครัวไปทาํ บุญดวยการปลอ ย
นกปลอ ยปลาเปนการปลอ ยชีวติ ของสรรพสัตว
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี วั อยา งท่ี ๔ สมหมายไดข ดุ หลมุ ดักจับสัตวป า หายาก เพอ่ื ไปขายท่ีตลาดมืดคา ของปา แต
สมหมายเผลอเดินไปเหยียบกับดกั จึงตกลงไปเสยี ชวี ิต
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี วั อยา งท่ี ๕ นายประกิจรวมกับเพอื่ นๆ ในชมรมพุทธศาสตรไ ปแจกสิ่งของและขนมใหก บั เด็กๆ
ในสถานสงเคราะหอยเู สมอ ทําใหเด็กในสถานสงเคราะหมีความผกู พันกบั นายประกิจและเพ่อื นๆ
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๑๓
แบบทดสอบหลังเรียน
เลมท่ี ๔ เร่อื ง พระไตรปฎกและพุทธศาสนสภุ าษิต
คําชแ้ี จง ใหน กั เรียนทําเครือ่ งหมาย ลงบนหนาขอ ที่ถกู ตองมากทส่ี ดุ
๑. คมั ภรี ท ร่ี วบรวมคําส่ังสอนของพระพุทธเจาในสวนที่เปน พระธรรมเทศนาท่ีพระองคได
ตรสั ไวแ กบคุ คลตา งๆ คอื คัมภีรใ ด
ก. พระวินัยปฎก
ข. พระธรรมวินัย
ค. พระสุตตนั ตปฎก
ง. พระอภธิ รรมปฎก
๒. จูฬกมั มวภิ ังคสตู ร มเี นือ้ หาเกย่ี วกบั เร่ืองใด
ก. การบวช
ข. การพดู จา
ค. การจําแนกกรรม
ง. การแสดงความกตัญู
๓. ถา ตองการใหต นเองเกิดมามสี ติปญ ญามาก ควรปฏบิ ตั ติ นอยา งไร
ก. อจิ ฉาริษยาผูอนื่
ข. เขา หาผูมปี ญญา
ค. ไมฆาสัตวตัดชวี ิต
ง. ไมม ีอารมณโ กรธ
๔. คมั ภรี ท สี่ าํ คัญที่สุดของพระพุทธศาสนาคอื
ก. สามเวท
ข. อถรรพเวท
ค. พระไตรปฎ ก
ง. พระเวสสนั ดรปฎก
๕. ส่งิ ท่เี ปนตวั แทนของพระพุทธเจา หลังจากพระองคปรินิพพานแลว คอื
ก. พระธรรม
ข. พระพุทธรปู
ค. พระธรรมวนิ ัย
ง. พทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา
๑๔
๖. สุพรไปบริจาคโลหิตทกุ ปใหก ับสภากาชาดไทย การปฏบิ ตั แิ บบนตี้ รงกบั พทุ ธศาสน
สุภาษติ ใดมากท่ีสดุ
ก. กมมฺ นุ า วตตฺ ตี โลโก
ข. สุโข ปุญฺ สฺส อุจฺจโย
ค. ปชู โก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนทฺ นํ
ง. กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
๗. “สัตวโ ลกยอ มเปนไปตามกรรม” สัมพันธก บั ขอ ใด
ก. ความชวั่ ไมท ําเสยี เลยดีกวา
ข. กรรมใหผลเฉพาะในชาติหนา
ค. กรรมทีท่ ําแลวจะดหี รือชวั่ ขึ้นอยูท่ผี ลของกรรม
ง. เรามกี รรมเปนของตน เปนผูรบั ผลของกรรม
๘. บคุ คลใดท่ไี ดทลู ถามเรื่อง จฬู กัมมวภิ งั คสตู รกบั พระพทุ ธเจา
ก. พระเจา พิมพสิ าร
ข. สภุ มาณพ โตเทยยบุตร
ค. ประชาชนชาวเมืองสาวตั ถี
ง. พระสารบี ุตรและพระโมคคลั ลานะ
๙. ผลทเ่ี กิดจากพุทธศาสนสภุ าษติ ท่วี า “การสัง่ สมบุญนาํ สุขมาให” ขอใดตอไปนม้ี ี
ความสัมพนั ธก นั
ก. ภาวะโลกรอนเกดิ ขึ้นเพราะมนุษยตดั ไมท าํ ลายปา
ข. โจรปลน ธนาคารถกู ตํารวจจบั ไดข ณะหลบหนี
ค. รุน พี่มหาลัยมคี วามเมตตาจึงทาํ ใหรุน นอ งยกมือไหว
ง. ผปู ฏบิ ตั ิธรรมเปนประจําทาํ ใหจติ ใจสงบหนาตาผองใส
๑๐. พุทธสุภาษิตทว่ี า “กมมฺ ุนา วตฺตตี โลโก” มคี วามหมายตรงกับขอใดมากทสี่ ดุ
ก. เหน็ กงจกั รเปน ดอกบัว
ข. วาแตเ ขาอเิ หนาเปน เอง
ค. บัวไมใหช ํ้า นาํ้ ไมใ หข นุ
ง. หวานพืชเชน ไร ไดผลเชน น้นั
๑๕
ภาคผนวก
๑๖
เฉลยแบบทดสอบกอนเรยี น
ขอ เฉลย
๑ค
๒ก
๓ง
๔ค
๕ข
๖ข
๗ง
๘ง
๙ข
๑๐ ค
๑๗
เฉลยใบกิจกรรมที่ ๑ เรื่อง พระไตรปฎก
คาํ ช้แี จง : ใหน กั เรยี นอธบิ ายองคป ระกอบของโครงสรางพระไตรปฎก
พระวินัยปฎก ..เ.ป...น...ค..ั.ม..ภ...ีร....ร..ะ..เ.บ...ีย...บ..ว..ิ.น..ัย...ข..อ...ง..ภ..ิก...ษ...ุ .ภ...ิก...ษ..ุณ....ี .ร...ว..ม..ถ...ึง...
..ข...น..บ...ธ...ร..ร..ม...เ.น...ีย..ม...ป...ร..ะ...เ.พ...ณ...ีแ...ล...ะ..ข...อ..ป...ฏ...ิบ..ั.ต..ิท...่ีด...ีง..า..ม......
..ส...ํา..ห..ร..ั.บ..ก...า..ร..อ...ย..ู.ร..ว..ม...ก..ัน...ข...อ..ง..ห...ม...ูค..ณ....ะ..........................
....
พระไตรปฎ ก พระสุตตันตปฎ ก ..เ.ป...น..พ...ร..ะ..ธ..ร..ร..ม...ค..าํ ..ส..อ...น..ท...ท่ี ...ร..ง.แ...ส..ด...ง.แ...ก..พ...ร..ะ..ส..า..ว..ก....บ...ุค..ค...ล.
..ท..ง้ั..ห...ล..า..ย..ใ..น...โ.อ..ก...า..ส..แ..ล...ะ..ส..ถ...า..น..ท...่ีต..า..ง..ๆ.....ก..นั...ม...ที ..ัง้..เ.ป...น...ร.อ...ย.
..แ..ก..ว....ร..อ..ย...ก..ร..อ..ง...ใ..น...ร..ูป..ข..อ...ง..ค..ํา..บ...ร..ร..ย..า..ย....น..ิท...า..น................
....
..เ.ป...น ..ห...ล..ัก...ธ..ร..ร..ม..แ...ล..ะ..ค...ํา..อ..ธ..บิ...า..ย..ท...ีเ่ .ป..น...ห...ล..ัก..ว..ิช...า..ก..า..ร..ล..ว...น..ๆ.
พระอภิธรรม ..ไ.ม...เ.ก...ี่ย..ว..ก..บั...บ...ุค..ค..ล....เ.ห...ต..กุ...า..ร..ณ....ส...ถ..า..น...ท..่ี..แ..ล..ะ..ก...า..ล..เ.ว...ล..า....
....................................................................................
....
คาํ ชีแ้ จง : ใหนักเรยี นตอบคําถามเก่ียวกับพระไตรปฎ กตอไปน้ี
พระไตรปฎกมคี วามสําคญั ตอพระพทุ ธศาสนาอยางไร
..............พ...ร..ะ..ไ..ต..ร..ป...ฎ..ก...เ.ป...น..ค...มั ..ภ...ีร..ท..ีบ่...ัน...ท..กึ...ค..าํ..ส..อ...น..ข...อ..ง..พ...ร..ะ..พ...ทุ ..ธ..เ..จ..า ...จ..ึง..เ.ป...น...ต..วั..แ..ท...น...ข..อ..ง..พ...ร..ะ..พ...ุท...ธ..เ.จ..า.........
..ถ..งึ..แ..ม...น..ว...า .พ...ร..ะ..อ...ง..ค..จ..ะ..เ..ส..ด...็จ..ด..บั...ข..ัน...ธ..ป ..ร..ิน...พิ...พ...า.น...ไ..ป..แ...ล..ว...แ...ต..พ...ทุ ..ธ...ศ..า..ส..น...กิ ..ช...น..ก...็ส..า..ม..า..ร..ถ...เ.ข..า..ถ..งึ..พ...ร..ะ..พ...ทุ...ธ..เ.จ..า..
..ไ.ด...ด ..ว..ย...ก..า..ร..ศ..ึก...ษ..า..แ...ล..ะ..ป...ฏ...ิบ..ตั...ติ ..า..ม..ห...ล..กั...ธ..ร..ร..ม..ค...าํ ..ส..อ..น...ต..า..ง..ๆ....น...อ..ก..จ...า.ก...น..้ี..พ...ร..ะ..ไ.ต...ร..ป..ฎ...ก..ย...งั .บ...นั...ท..ึก...พ..ร..ะ...ว..นิ ..ัย.....
..ข..อ...ง.ภ...ิก..ษ...ุแ...ล..ะ..ภ...ิก..ษ...ุณ...ี.ซ...ง่ึ ..เ.ป..น...ผ..ูส...บื ..ท...อ..ด...พ...ร..ะ..พ...ทุ ..ธ..ศ...า..ส..น...า.ใ..ห...ไ .ด... .น...ํา.ไ..ป...ฝ..ก..ฝ...น..พ...ัฒ...น...า..ก..า..ย....ว..า..จ..า...ใ..จ...แ...ล..ะ.......
..ป...ญ...ญ...า..ใ.ห...พ...ร..อ ..ม...ต..อ..ก...า..ร..ศ..ึก..ษ...า...ป...ฏ...บิ ..ัต...ิ .แ..ล...ะ..เ.ผ...ย..แ..ผ...พ..ร..ะ...พ..ุท...ธ..ศ..า..ส...น..า..ต...อ ..ไ..ป.................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๑๘
เฉลยใบกิจกรรมที่ ๒ เรอื่ ง จูฬกัมมวิภงั คสูตร
คําช้ีแจง : ใหนกั เรยี นวิเคราะหจากขาววา มีความสมั พนั ธก ฎแหง กรรม จฬู กมั มวภิ งั คสตู ร ไดอยา งไร
ติดรปู ภาพหรอื ขาว
จากเนื้อหาของขาวมีความสัมพนั ธกฎแหง กรรม จฬู กัมมวภิ ังคสตู ร ไดอยางไร
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..................................................................................................................อ......ย....ใู..น......ด....ุล......พ......นิ ....จิ....ข......อ....ง....ค....ร....ูผ......สู ....อ....น............................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
มวี ิธีอยางไรใหบ คุ คลในขา วพน จากกรรมชวั่
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................อ....ย......ใู ..น......ด....ุล......พ....นิ......ิจ....ข....อ......ง....ค....ร....ผู....ูส......อ....น................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๑๙
เฉลยใบกจิ กรรมที่ ๓ เรอ่ื ง พทุ ธศาสนสภุ าษติ
คาํ ช้ีแจง : ใหน ักเรยี นวเิ คราะหกรณตี วั อยางตอไปน้ีตรงใหส มั พันธก บั พุทธศาสนสุภษิตท่ีกําหนดให
กมมฺ นุ า วตตฺ ตี โลโก , กลยฺ าณการี กลยฺ าณํ ปาปการี จ ปาปกํ , สุโข ปุ ญฺ สสฺ อุจจฺ โย ,
ปูชโก ลภเต ปชู ํ วนฺทโก ปฏิวนทฺ นํ
กรณตี วั อยางที่ ๑ ทกุ ปสมใจจะตอ งไปเยย่ี มคุณครูสมบตั ิ เธอรําลึกเสมอวาที่มวี ันน้ไี ดเ พราะการ
อบรมส่ังสอน การเอาใจใสข องครทู ี่ใหความรู แนะนําช้แี นะการดาํ เนินชีวติ
.......ป...ูช..โ..ก...ล...ภ..เ..ต...ป...ชู ..ํ..ว..น..ทฺ...โ.ก....ป...ฏ..ิว...น..ฺท...น..ํ...ผ..บู...ชู ..า....ย..อ..ม...ไ.ด...ร..ับ..บ...ชู ..า...............................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณีตัวอยางท่ี ๒ สมหญิงเปนเด็กที่มีความขยนั หมั่นเพียรศกึ ษาหาความรู ใฝเ รยี น ใฝรู เอาใจใสตอ
การเรียน มีความรบั ผดิ ชอบในหนา ท่ีของตนเอง ใครเห็นใครไดยินก็ยกยอ งชนื่ ชมวา เปน นักเรียนดี
.......ก...ล..ฺย..า..ณ....ก..า..ร..ี.ก...ล..ฺย..า..ณ....ํ .ป...า..ป..ก...า..ร..ี .จ....ป..า..ป...ก..ํ...ท...าํ .ด...ีไ.ด...ด..ี..ท..ํา..ช..ัว่...ไ.ด..ช...ว่ั ........................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี วั อยา งที่ ๓ ถงึ วนั เขา พรรษาและวนั สงกรานตส มชยั จะพาครอบครัวไปทําบุญดว ยการปลอ ย
นกปลอยปลาเปน การปลอ ยชีวติ ของสรรพสตั ว
.........ส..โุ..ข...ป...ุ ...ฺญ...ส...ฺส...อ...ุจ..จฺ..โ..ย...ก...า..ร..ส..่ัง..ส..ม...บ..ญุ...น...ํา..ส..ขุ...ม..า..ใ..ห..............................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี ัวอยา งท่ี ๔ สมหมายไดข ดุ หลุมดกั จบั สตั วปาหายาก เพอื่ ไปขายทต่ี ลาดมดื คา ของปา แต
สมหมายเผลอเดินไปเหยียบกับดักจงึ ตกลงไปเสียชีวิต
........ก..ม...มฺ ..น...า...ว..ต..ฺต...ต..ี..โ.ล..โ..ก....ส..ตั ..ว..โ..ล..ก...ย..อ..ม...เ.ป...น..ไ..ป..ต...า..ม..ก...ร..ร.ม..........................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
กรณตี วั อยา งที่ ๕ นายประกจิ รวมกับเพอื่ นๆ ในชมรมพุทธศาสตรไ ปแจกสง่ิ ของและขนมใหกบั เด็กๆ
ในสถานสงเคราะหอ ยูเ สมอ ทาํ ใหเ ดก็ ในสถานสงเคราะหม ีความผูกพันกับนายประกิจและเพอ่ื นๆ
..........ส...โุ .ข....ป..ุ...ฺญ....ส..ฺส....อ..จุ..จฺ...โ.ย....ก..า..ร..ส..ง่ั..ส..ม...บ...ญุ ...น..ํา..ส...ขุ ..ม..า..ใ..ห... ..........................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๒๐
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
ขอ เฉลย
๑ง
๒ค
๓ข
๔ค
๕ก
๖ข
๗ค
๘ข
๙ง
๑๐ ง
๒๑
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธกิ าร. สาํ นักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (๒๕๔๗). เรยี นรูจากกระแสพระราชดํารสั พระบาท
สมเดจ็ พระเจาอยูหัวพระราชทานเม่อื วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๖ ที่เกย่ี วของกบั การศึกษา. กรุงเทพฯ :
สาํ นักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา.
_______________. (๒๕๕๒). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพช มุ นุมสหกรณก ารเกษตรแหงประเทศไทย.
_______________. (๒๕๕๑). หนงั สอื เรียน รายวิชาพนื้ ฐาน กลุมสาระการเรยี นรูส ังคมศึกษา ศาสนา และ
วฒั นธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ พระพุทธศาสนา ม.๒.
กรุงเทพฯ : โรงพมิ พคุรุสภาลาดพราว.
ณัทธนัท เลี่ยวไพโรจน. (๒๕๕๘). หนงั สือเรยี น รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรสู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จํากัด.
สถาบนั พฒั นาวิชาการ. (๒๕๕๘). คมู ือครหู นงั สือเรียนสาระการเรียนรูพืน้ ฐาน สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๒ ตามหลักสูตรการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั พัฒนา
คณุ ภาพวชิ าการ(พว.) จํากดั .
อรทิรา รัตนพงษโ สภติ . (๒๕๕๒). New สรุปเขม สังคมศกึ ษา ม.๒. กรงุ เทพฯ : สาํ นกั พิมพว ัฒนาพานชิ .
๒๒