บทเรยี นจากหนังสอื
โยบ
เล่ม 2
มติ รแท้ในยามทุกข์ยาก
สบุ นิ ปั้นบญุ
คริสตจักรของพระครสิ ต์ หมู่บ้านมติ รภาพ
1
“มิตรแท้ในยามทกุ ข์ยาก”
(โยบ 2, 3)
โยบ 2:7-8 “แล้วซาตานก็ออกไปจากพระ
พักตรพระยะโฮวา และไปทาให้โยบเกิดเป็นฝี
ร้ายลามท่ัวไปท้ังตัวต้ังแต่ฝ่าเท้ าจนถึ ง
กระหม่อมศีรษะ ท่านจึงเอากระเบื้องหม้อแตก
มาขดู ตัวและน่งั จมลงในกองเถ้า”
1.เปน็ พระพรอย่างมากท่ีมีเพ่ือนสนิท และ
คู่ชีวิตท่ีปลอบใจโดยเฉพาะในยามทุกข์ยาก แต่
ดเู หมือนว่าในเบอ้ื งต้น เพราะความไมเ่ ข้าใจ ทั้ง
2
คู่ชีวิตและเพื่อนสนิท โยบต้องผิดหวังอย่างมาก
กบั คนเหลา่ น้ี
2.ตอนท้ายของโยบบทท่ี 2 โยบมีอารมณ์
เครียดอย่างหนัก ร่างกายเต็มไปด้วยฝีต้ังแต่
ศรี ษะจรดเทา้
โยบสูญเสียทรัพย์สินสูญเสียความมั่งคั่ง
สูญเสียสขุ ภาพ สูญเสียลกู ไปท้ัง 10 คน ภรรยา
แทนที่จะปลอบใจสามีในยามทุกข์ยากเธอกลับ
พูดว่า “ภรรยาของท่านจึงมากล่าวแก่ท่านว่า
ท่านยังจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หรือ จงแช่งด่า
พระเจา้ ถึงจะตายก็ตายเถิด” โยบ 2:9
3.ท่ามกลางความทุกข์ยากลาบากอย่าง
แสนสาหัส โยบตั้งมั่นคงอยู่ในความเช่ือ ไม่ได้
ตดั พ้อต่อว่าพระเจ้าหรือใครท้งั สิ้น
3
โยบให้คาตอบภรรยาว่า “แต่ท่านโยบ
กลา่ วแก่เขาว่า เจ้าพูดอย่างหญิงที่โฉดชั่ว อะไร
นะ เราก็เคยได้รับสิ่งที่ดีจากพระหัตถ์พระเจ้า
แล้วส่ิงท่ีไม่ดีจะไม่ยอมรับบ้างเจียวหรือ ใน
เหตุการณ์ท้ังหมดเหล่านี้ท่านโยบหาได้กระทา
ผิดด้วยรมิ ฝีปากของทา่ นไม่” (โยบ 2:10)
4.โยบนั่งบนกองข้ีเถ้า มีแผลพุพองเต็มไป
ทง้ั ตวั ตัง้ แต่ศีรษะจรดเท้า มิตรสหายสนทิ ได้มา
เยย่ี มแตจ่ าโยบไม่ได้
จุดประสงค์ของมิตรสหายทั้ง 3 ท่ีมาเย่ียม
ก็เพื่อ “จะไปร่วมทุกข์กับท่าน และพูดจา
เลา้ โลมท่าน”
บทเรียนก็คือในการเล้าโลมให้กาลังใจคน
จะต้องสงวนปากสงวนคา ว่าเม่ือใดควรพูด
4
เมื่อใดไม่ควรพูดกับมิตรสหาย และไม่ควรพูด
เรอ่ื งอะไรด้วยท่าทีทจ่ี ริงใจ
I.มติ รแท้ปรากฏตวั ในยามทุกขย์ าก
เมือ่ ยามลาบากมิตรแท้หายาก เพื่อนกนิ หา
ง่ายเพอ่ื นตายหายาก
1.เม่ือมิตรสหายของโยบ 3 คนมาเย่ียมแม้
จะอยู่แดนไกลได้พร้อมใจพากันมาเพ่ือจะไป
ร่วมทุกข์กับท่าน และพูดจาเล้าโลมท่าน พวก
เขาไม่พูดว่า “หวังว่าอาการของโยบจะดีขึ้น”
พวกเขาพากันไปทันทีโดยไม่รีรอ เรามี “สหาย
เลิศคือพระเยซูแบกบาปโทษของเรา” “ What
a friend We have in Jesus” (เพลงหน้า
186)
5
2.พระคัมภีร์สอนไว้อย่างท่วมท้นในการ
หนนุ ใจให้กาลงั ใจผอู้ ื่น
พระเยซเู ปน็ ตวั อยา่ งดีมาก
มัดธาย 12:19-21 “ท่านจะไม่ทะเลาะ
วิวาทกัน ไม่กล่าวขึ้นเสียงดัง ไม่มีใครจะได้ยิน
สาเนียงของท่านตามถนนหลวง ไม้อ้อช้าแล้ว
ท่านจะไม่หัก ไส้ตะเกียงเป็นควันจวนดับแล้ว
ท่านจะไม่ดับกว่าท่านจะได้นาความชอบธรรม
ใหม้ ีชัยชนะ และนามของท่านจะเป็นที่หวังของ
ชนต่างประเทศ”
อัครสาวกเปาโลกล่าววา่
1เธซะโลนิเก 5:11,14 “เหตุฉะนั้นจงหนุน
น้าใจซ่ึงกันและกัน และจงต่างคนต่างก่อร่าง
สร้างกนั ขึ้น ตามอยา่ งที่ท่านท้ังหลายกระทาอยู่
นั้น และดูก่อนพ่ีน้องท้ังหลาย เราวิงวอนพวก
6
ท่านให้กล่าวเตือนสติคนที่เกะกะ ให้หนุนน้าใจ
ผู้ท่ีท้อใจ ให้ชูกาลังคนที่อ่อนกาลัง และให้มีใจ
อดเอาเบาสูแ้ ก่คนทง้ั ปวง”
อุทาหรณ์: Dr.Albert Schweizer เม่ือ
อายุ 85 ปีอยู่ที่ประเทศแอฟริกาเม่ือ Dr.
Albert Schweizer เห็นผู้หญิงแอฟริกากาลัง
แบกฟืนบนศีรษะและกาลังออกแรงกาลังขึ้น
เขาในช่วงกลางวันที่มีอากาศร้อน Dr. Albert
Schweizer ลุกข้ึนจากกลุ่มแล้วเดินข้ึนเนินเขา
ช่วยแบบฟื้นข้ึนเนินเขาให้ผู้หญิงคนนั้น มีบาง
คนในกลุ่มพูดว่าเขาอายุมาก และไม่ควรทา
อยา่ งนั้น Dr.Albert Schweizer ตอบว่าไม่ควร
มีใครแบกภาระตามลาพงั แต่เพียงผู้เดียว
7
II.มิตรแท้สามารถเล้าโลมใจซึ่งกัน และกัน
โดยไม่ตอ้ งพูดมาก
1.มิตรสหาย 3 คนของโยบเดินทางมาจาก
แดนไกลเพ่ือจะมาเล้าโลมใจโยบ เม่ือพวกเขา
ได้เห็นสภาพของโยบในขณะน้ันต่างคนก็ต่าง
พากันตกตะลึงเป็นเวลา 7วัน 7คืนไม่ได้ปริปาก
พดู สกั คาเดียว
โยบ2:11-13 “เมื่อมิตรสหายของท่านโยบ
ท้ังสามคนได้ยินถึงเรื่องภัยพิบัติทั้งมวลท่ีได้
เกิดข้ึนแก่ท่านนั้น ต่างก็ออกมาจากบ้านของ
ตน คืออะลีฟาศชาวเธมาน และบิลดัดชาวซูฮา
และโซฟาร์ชาวนาอามาน ด้วยว่าเขาได้นัดกัน
จะไปร่วมทุกข์กับท่านและพูดจาเล้าโลมท่าน
เม่ือเขามองเห็นท่านแต่ไกลก็จาท่านไม่ได้ เขา
ทงั้ สามจงึ เปล่งเสียงรอ้ งไห้ และฉีกเส้อื คลุมของ
8
ตนทุกคน และเอาผงคลีดินซัดข้ึนไปบนอากาศ
เหนือศีรษะของเขา แล้วเขาก็นั่งลงบนดิน
ร่วมกบั ทา่ นโยบเปน็ เวลาเจด็ วันเจ็ดคืน ไม่มใี คร
ออกเสียงพูดสักคาเดียว ด้วยเขาเห็นแล้วว่า
ความทกุ ข์ของทา่ นใหญย่ งิ่ นัก”
2.คริสเตียนควรจะชูใจคนอื่นที่กาลังเผชิญ
กบั ความทุกขย์ าก
2โกรินโธ 1:3-7 “จงสรรเสริญพระเจ้า
พระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา คือพระ
บิดาผู้ทรงความเมตตา และพระเจ้าผู้ทรงชูใจ
ทุกอย่าง พระองค์ผู้ทรงโปรดให้เราได้รับความ
ชูใจในการทุกข์ยากทั้งสน้ิ ของเรา เพ่ือเราจะได้
ชูใจคนเหล่านั้นท่ีมีความทุกข์ยากอย่างหน่ึง
อย่างใด ด้วยความชูใจซึ่งตัวเราเองได้รับจาก
พระเจ้า ด้วยเราได้มีส่วนทนทุกข์ด้วยกันกับ
9
พระคริสต์มากเท่าใด ความชูใจของเรา
เนื่องจากพระคริสต์กม็ ากเทา่ นั้น ที่เราทนความ
ทุกข์ยากน้ัน ก็เพื่อให้ท่านท้ังหลายได้ความชูใจ
และความรอด หรือท่ีเราได้รับความชูใจน้ันก็
เพ่ือให้ท่านท้ังหลายได้รับความชูใจด้วย ซ่ึงทา
ให้ท่านทั้งหลายเพียรสู้ทนความทุกข์เหมือน
อย่างเราได้ทนนั้น เราจึงมีความหวังแน่นอนใน
ท่านทั้งหลาย เพราะเรารู้ว่าท่านท้ังหลายได้มี
ส่วนในความทุกข์ยากฉันใด ท่านทั้งหลายจะได้
มีส่วนในความชใู จฉนั น้นั ”
คริสเตียนทุกคนควรบรรเทาความทุกข์ของ
ผู้อื่นให้กาลังใจผู้อ่ืนสาหรับวันน้ี และให้
ความหวงั ใจสาหรบั อนาคต การไปปรากฏตัวให้
เห็นหน้าด้วยการอธิษฐาน และไม่ต้องพูดอะไร
สามารถบรรเทาความทุกขไ์ ปได้บ้าง
10
III.มติ รแท้ต้องเข้าใจวงจรของความทกุ ข์ยาก
เพราะฉะน้ันจงอนุญาตให้เขาระบายความ
ทกุ ขใ์ นใจ และตงั้ คาถามว่า “ทาไม?”
1.ใ น ค ว า ม เ ป็ น เ พ่ื อ น ส า คั ญ ม า ก ที่ เ ร า
จะตอ้ งตระหนักถึงวงจรของความเศร้าโศก เปดิ
โอกาสให้เพื่อนที่กาลังมีความทุกข์ระบายความ
ในใจออกมา
1) ไม่อยากจะยอมรบั สิ่งท่ีเกิดข้ึนกับตัวเอง
2) แยกตัวออกต่างหาก
3) หมกมนุ่ อยูใ่ นใจ
4) ต้ังคาถาม “ทาไม?”
5) เครียด
6) ยอมรับความจรงิ
พระคัมภีร์บอกว่า “โกรธเถิด แต่อย่าให้
ตะวนั ตกแลว้ ท่านยังโกรธอยู่” (เอเฟโซ5:26)
11
2.ความเครียด และความหดหู่ไม่เป็นเรื่อง
แปลกหรือผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งท่ีเกิด
ขึ้นกบั โยบ
โยบมีความรู้สึกว่าไม่เกิดมาเลยเสียก็ดีกว่า
หรอื ตายเสียก็จะดกี วา่
โยบ 3:1-3 “ต่อมาโยบก็ออกปากแช่งสาป
วันกาเนิดของตน และกล่าวว่าให้วันท่ีข้าได้เกิด
นั้นและคืนนั้นท่ี เข าก ล่าวกั นว่ามีกุมาร
ก่อกาเนดิ ในครรภ์ จงดับศนู ยไ์ ป”
1)1พงศาวดารกษัตริย์ 19:1-14 เอลียามี
อาการเครียดอยากจะตาย
2)ใน 2โกรินโธ 1:8-9 อัครสาวกเปาโล
กล่าวว่า “เหตุฉะนั้นพ่ีน้องทั้งหลาย เราใคร่ให้
ท่ า น ท้ั ง ห ล า ย ท ร า บ ถึ ง ค ว า ม ทุ ก ข์ ล า บ า ก ที่
บังเกิดแก่เราในมณฑลอาเซียซึ่งหนักใจเหลือ
12
กาลัง จนถึงกับทาให้เราหมดหวังท่ีจะเอาชีวิต
รอดได้ ท่ีจริงเราคาดว่าถึงที่ตายแล้ว แต่ที่เป็น
เช่นน้ีก็เพ่ือมิให้ไว้ใจตนเอง ให้ไว้ใจพระเจ้าผู้
ทรงบันดาลให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นมาจากความ
ตาย”
3)แม้กระทัง่ พระเยซูคร้ังหนึ่งตรัสว่า “จิตต์
ใจของเราเป็นทุกขเ์ พยี งจะตาย จงเฝ้าอยู่กบั เรา
ท่นี เี่ ถิด” (มัดธาย26:38)
3.เม่ือโยบปรับสภาพจิตใจแล้ว ท่านก็
ระบายความอัดอั้นตันใจให้มิตรสหายฟัง น่ัน
เป็นอารมณ์ทีโ่ ยบแสดงออก
โยบมีความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสท่ี
รุมเร้า ร่างกายเป็นฝีร้ายเป็นไปท้ังตัว เจ็บปวด
และแสนทรมานเป็นเวลานานดูเหมอื นไม่สิ้นสดุ
13
เวลาจะนอนก็นอนไม่ได้ จิตใจก็ตึงเครียด
ท่ามกลางความเจ็บปวด โยบได้ระบายความ
ทุกข์ในใจออกมาตา่ งๆ เช่น
1) ฉันไมน่ ่าเกิดมาเลย
2) บน่ อยากตายเพ่ือไมต่ ้องทรมาน
3) ในข้อ 3:26 โยบกลา่ วว่า “ข้าไม่มีความ
สงบสุข ไมม่ ีความสงบใจ ไม่มีความสงบเงียบ มี
แต่ความทกุ ขเ์ ทา่ นั้น” ในบทท่ี 3 โยบได้ระบาย
ความเจ็บปวด 5 คร้ัง “ไฉนหนอ”
4.โยบต้ังคาถามว่า “ทาไม?” (3:11,12
(2คร้งั ) 20 23)
โยบ 3:11-12 “ไฉนหนอข้าจึงมิได้ตายเสยี
เมื่ออยู่ในครรภ์ ไฉนหนอข้าจึงมิได้ดับจิตต์เสีย
เมื่อคลอดออกมาจากครรภ์แล้ว ไฉนหนอจึงได้
14
มีตักคอยรับข้าไว้หรือไฉนหนอได้มีหัวนมไว้
สาหรบั ข้าดดู ”
5.ในพระคัมภีร์เต็มไปด้วยคนที่ต้ังคาถาม
วา่ ทาไม?
*บทเพลงสรรเสริญ 22:1 ดาวิดถามพระ
เจ้าว่า “ทาไม” พระองค์ไม่ให้เขาพ้นจากความ
ทุกขย์ ากลาบาก
*บนไม้กางเขนพระผู้เป็นเจ้าถามพระบิดา
ว่า “ทาไม”พระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพเจา้ ?
*โยบเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างแสน
สาหสั โยบถามวา่ “ทาไม”
สรปุ :1. มติ รแท้ในยามยาก คือมติ รท่ีให้กาลังใจ
โดยไม่ตอ้ งเปดิ ปากวา่ “ทาไม?”
15
2.มิตรแท้ในยามยากคือมิตรที่เปิดหูเปิดใจ
รับฟงั และไม่ใชเ่ ลคเชอรใ์ สเ่ ขา
ยาโกโบ 1:19 “ดูก่อนพวกพ่ีน้องท่ีรักของ
ข้าพเจ้า ท่านรู้ข้อน้ีแล้ว แต่จงให้ทุกคนว่องไว
ในการฟัง ช้าในการพูด ชา้ ในการโกรธ”
บทเรยี นจากหนงั สอื
โยบ
สุบิน ปน้ั บญุ
คริสตจักรของพระครสิ ต์ หม่บู ้านมิตรภาพ