The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โยบ เล่ม3

โยบ เล่ม3

บทเรียนจากหนังสอื

โยบ

เลม่ 3
ความปรารถนาดีทเี่ ปน็ หมนั

สบุ นิ ปัน้ บุญ

คริสตจกั รของพระครสิ ต์ หมบู่ ้านมติ รภาพ

1

“ความปรารถนาดี
ที่เปน็ หมนั ”

(โยบ 4)

โยบ 4:1-6 “แล้วอะลฟี าศชาวเธมานนนั้ จึง
ตอบว่า ถ้าเราบังอาจกล่าวอะไรๆ แก่ท่านบ้าง
จะทาใหท้ ่านหมางใจหรือไม่ แต่ใครจะอดพูดได้
นีแ่ หละทา่ นเคยไดใ้ ห้คาตักเตอื นคนเปน็ อันมาก
มาแล้วและได้ทาให้มือที่อ่อนเพลียกลับมีแรง
ข้ึน ถ้อยคาของท่านเคยได้หนุนใจผู้ท่ีกาลังล้ม

2

ลงและได้ให้เกิดกาลังแก่หัวเข่าท่ีอ่อนเปล้ียมี
แรงขึ้น บัดน้ีเร่ืองนั้นก็มาโดนเข้ากับตัวของ
ท่านเองแล้วใจของท่านก็ห่อเห่ียว มันก็มาถูก
เข้ากับตัวของท่านเองแล้วท่านก็สิ้นสมปฤดี
ความเกรงกลัวพระเจ้าน้ันเป็นสิ่งท่ียึดเหนี่ยว
ของท่านมิใช่หรือและการประพฤติดีรอบคอบ
ของทา่ นนัน้ เปน็ ความหวังใจของท่านมใิ ชห่ รือ”

คานา:1.คนส่วนมากเมื่อเห็นคนอ่ืนประสบ
ความทุกข์ยากมักจะให้คาแนะนาด้วยความ
ปรารถนาดี ความต้ังใจดีเพื่อต้องการเลา้ โลมใจ
ให้กาลงั ใจแก่ผู้ท่กี าลังมีความทุกข์ใจเป็นเจตนา
ดี

2.คาแนะนาบ่อยคร้ังหุ้มห่อด้วยถ้อยคา
ท่ีมาจากภาษาของพระคัมภีร์ แต่คาแนะนา

3

ส่วนมากมักไม่แม่นยาตามหลักของพระคัมภีร์
และไม่เปน็ ทเี่ ลา้ โลมใจเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขา
มีเจตนาดีที่ต้องการหนุนใจผู้ท่ีกาลังมีความ
ทุกข์ คาแนะนาของเขาไม่ได้ช่วยคนที่กาลังมี
ความทกุ ขแ์ ต่อยา่ งใดกลายเป็นการซา้ เตมิ

3.สหายของโยบ คือ อะลีฟาศ, บิลดัด
และโซฟาร์ได้ถล่มความผิดบาปของโยบด้วย
ความปรารถนาดี

โยบ 4:7-8 “ขอท่านจงระลึกจาไว้เถอะว่า
ใครท่ีไม่มผี ิดและได้พินาศไปหรือ และมีท่ีไหนที่
คนชอบธรรมถูกกาจัดเสีย ตามที่ข้าได้เคยเห็น
มาแล้วผู้ที่ไถด้วยความช่ัวและหว่านด้วยความ
รา้ ยก็ย่อมได้เก่ียวผลอย่างนั้น”

4.หลังจากท่ีมีวาทกรรมโต้วาทีถล่มโยบ
ครบรอบแรก โยบไดใ้ ห้คานิยามสหายว่า

4

โยบ 16:1-2 “แล้วโยบได้กล่าวตอบว่า
เรื่องอย่างนี้ข้าได้ยินมามากแล้ว ท่านท้ังหลาย
เป็นผู้เล้าโลมอันรา้ ยกาจ”

สหายท้ัง 3 ไม่รู้เบื้องลึกเบ้ืองหลังว่าทาไม
โยบต้องประสบความเลวร้ายอย่างนั้น พวกเขา
ตัดสินด้วยความรู้สึกของตนเองและต้ังตัวเป็นผู้
พิพากษาตัดสินไปก่อนแล้ว โยบต้ังฉายาว่า
“ท่านทั้งหลายเป็นผ้เู ลา้ โลมอันร้ายกาจ”

5.อะลฟี าศสหายของโยบมีความปรารถนา
ดีในการตอบสนองการโอดครวญของโยบ แต่
เป็นการซา้ เตมิ มากกวา่ ช่วยโยบ

จากการศึกษาดูวาทกรรมรอบแรกของอะ
ลฟี าศ เราสามารถเรียนรู้หลักของการ “Do’s”
And “Don’ts” อะไรควร “ทา” และอะไร

5

“ไม่ควรทา” ในการสนองตอบสหายที่กาลังมี
ความทกุ ข์โศกเศรา้

I.จงสุภาพอ่อนโยนเมื่อให้คาแนะนากับคนที่
ทุกขใ์ จ

1.อะลีฟาศเป็นเพ่ือนดีของโยบ อุตส่าห์
เดินทางมาต้ังไกลเพื่อมาเย่ียมโยบในยามทุกข์
ยากลาบาก

อะลฟี าศนง่ั เงียบพร้อมกับเพ่ือนคนอ่ืนเป็น
เวลา 7 วัน “แล้วเขาก็นั่งลงบนดินร่วมกับท่าน
โยบเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ไม่มีใครออก
เสียงพูดสักคาเดียวด้วยเขาเห็นแล้วว่าความ
ทุกข์ของท่านใหญย่ งิ่ นัก” โยบ 2:13

อะลีฟาศปล่อยให้โยบพูดเรื่องความทุกข์
และความคิดในใจ น่าชมเชยท่ีอะลีฟาศน่ังสงบ

6

น่ิงเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อถึงเวลาท่ีอะลีฟาศ
จะพดู อะลีฟาศก็ใช้วิธตี ้ังคาถาม

โยบ 4:2 “ถ้าเราบังอาจกล่าวอะไรๆ แก่
ท่านบา้ งจะทาใหท้ ่านหมางใจหรือไม่ แต่ใครจะ
อดพดู ได้”

2.คุณสมบตั ทิ โ่ี ดดเด่นของโยบในการเจรจา
กับสหายเหล่าน้คี อื “ความอดทน”

ยาโกโบ 5:11 “นี่แน่ะเราทั้งหลายเคยถือ
ว่าท่านเหล่าน้ันท่ีอดทนก็เป็นสุข ท่านทั้งหลาย
ได้ยนิ ถงึ ความอดทนของโยบ และได้เห็นแล้วว่า
ในท่ีสุดปลายนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมไป
ดว้ ยพระเมตตากรุณาสักเทา่ ใด”

เมื่อคนกาลังมีความทุกข์ยากลาบากเขา
ต้องการฟังคาหนุนน้าใจด้วยน้าเสียงที่สุภาพ

7

อ่อนโยนนุ่มนวลเยือกเย็นอดทนเมตตา และ
ถอ้ ยคาที่หนนุ ใจ

สุภาษิต 15:4 “ลิ้นท่ีสุภาพเป็นดุจต้นไม้
แห่งชีวิตและลิ้นที่กระด้างหลงผิดย่อมทาให้
จิตตใ์ จแตกรา้ วไป”

เอเฟโซ 4:29 “อย่าให้คาหยาบคายออกมา
จากปากท่านเลย แต่ให้ใช้คาดีตามแต่จะ
ต้องการซึ่งจะเป็นท่ีให้เกิดความจาเริญข้ึน เพื่อ
จะเป็นคุณแกค่ นเหล่านนั้ ท่ีไดย้ ิน”

II.จงใช้สติปญั ญาในการแยกแยะส่งิ ท่ีจะพูด
1.มีวาระท่ีจะพูด และมีวาระสาหรับน่ิง

เงยี บ

8

ท่านผู้ประกาศ3:7 “มีวาระสาหรับฉีกให้
ขาดและวาระสาหรับเย็บเสีย มีวาระสาหรับ
อมพนาและวาระสาหรับเจรจา”

อะลีฟาศน่ังเงียบเป็นเวลาหลายวัน และ
เม่ือถึงเวลาที่ท่านเปิดปากพูด อะลีฟาศก็พูดใน
แงด่ ใี หค้ วามชมเชย

2.คาพูดท่ีแสดงความชมเชย เป็นคาพูดที่มี
ความปราณี

สภุ าษิต12:25 “ความหนักใจทาให้คนท้อ
ใจลง แตค่ าปราณที าใหค้ นเบกิ บานใจ”

สุภาษิต16:24 “ถ้อยคาท่ีเพราะหูเป็น
เหมือนรวงผ้ึงคือมีรสหวานแก่จิตต์ใจและทาให้
กระดูกสมบรู ณข์ ึ้น”

3.อะลีฟาศชมเชยโยบว่า “นี่แหละท่าน
เคยได้ให้คาตักเตือนคนเป็นอันมากมาแล้วและ

9

ได้ทาให้มือที่อ่อนเพลียกลับมีแรงขึ้น ถ้อยคา
ของท่านเคยได้หนุนใจผู้ท่ีกาลังล้มลงและได้ให้
เกิดกาลงั แก่หัวเข่าท่ีอ่อนเปลีย้ มีแรงขึ้น” (โยบ
4:3-4)

ดูเหมือนว่าอะลีฟาศอยากเป็นคนท่ีมีน้าใจ
เปน็ สหายทแี่ สดงความเอื้ออาทรตอ่ โยบ

4.เมื่อเราจะพูดจากับคนที่กาลังมีความ
ทกุ ข์ยาก จงคิดถึงโกโลซาย 4:6

โกโลซาย 4:6 “จงให้วาจาของท่าน
ประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้
มีรส เพ่ือท่านท้ังหลายจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่
ทกุ คนอยา่ งไร”

III.อย่าพูดอะไรบนพื้นฐานการคาดเดาท่ีผิด
โดยยืนยนั ดว้ ยพระคาของพระเจ้า

10

1.เริ่มตั้งแต่บทที่ 5 อะลีฟาศเร่ิมปรักปรา
ความรู้สึกของโยบซง่ึ ไม่ควรทา

ก่อนถึงจุดนี้อะลีฟาศเป็นผู้เล้าโลมโยบดี
มาก แต่พอถึงบทท่ี5 อะลีฟาศพูดปรักปราโยบ
ดว้ ยการเดาสมุ่ ดว้ ยเหตุผลต่างๆ รวมทัง้ เทศนา
ให้โยบฟังเร่ิมออกนอกลู่นอกทาง เม่ือคนกาลัง
เผชญิ กบั ความทุกขย์ าก คาพดู เลคเชอร์ และคา
เทศนามิใช่เป็นวิธีช่วยบรรเทาทุกข์ แต่เป็นการ
ซ้าเติม

2.ในข้อ 4:7 อะลีฟาศพูดว่า “คนชอบ
ธรรมจะไมถ่ กู กาจัด”

แต่ความจริงคือว่าคนชอบธรรมเคยรับ
ความทุกข์ยากโดยไม่มีเหตุผลเลยก็มี เฮเบล
เป็นคนชอบธรรมแต่ถูกกาจัดโดยไม่ทาอะไรผิด
ถูกฆ่าโดยคายนิ พี่ชายของตัวเอง

11

3.พระคัมภีร์บันทึกถึงคนบริสุทธิ์ท่ีพินาศ
ทง้ั ๆ ท่ีไม่ได้ทาอะไรผิด

เช่นซะเตฟาโนถูกเอาก้อนหินขว้างถึงแก่
ความตาย ทารกท่ีบริสุทธิ์มากมายถูกฆ่าตาย
โดยคาสั่งของกษัตรยิ ์เฮโรด รวมทั้งพระเยซูองค์
พระผู้เป็นเจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน และ
ส้ินพระชนม์บนไม้กางเขนโดยไม่มีความผิด
เพราะฉะน้ันการท่ีคนมีความทุกข์ยากลาบาก
มิได้หมายความว่าเขาไดท้ าอะไรผิดพ่ีสมควรแก่
จะตาย

4.ข้อ 4:8 ทาให้เข้าใจว่าอะลฟี าศสรปุ ดังน้ี
ข้อ 8 “......ผู้ท่ีหว่านด้วยความร้ายก็ย่อม
ได้เกีย่ วผลอยา่ งนัน้ ”

12

สภุ าษิต 22:8 “คนท่ีหว่านความร้ายคงจะ
เกี่ยวเก็บอันตรายและผลแห่งการงานของเขา
จะเส่ือมเสยี ไป”

ฆะลาเตีย 6:7 “อย่าหลงเลย จะหลอก
พระเจ้าเลน่ ไม่ได้ เพราะว่าคนใดหว่านพืชอย่าง
ใดลง ก็จะเก่ียวเกบ็ ผลอย่างน้ัน”

หลักการนี้ถูกต้องเป็นความจริง แต่ว่าอะ
ลีฟาศผิดถนัดท่ีสรุปว่าทุกคนที่ประสบความ
ทุกข์ยากลาบาก เป็นเพราะเขาได้หว่านความ
ช่ัว ความคิดน้ี ไมจ่ รงิ เสมอไปโดยเฉพาะในกรณี
ของโยบเพราะฉะนั้นเมื่อคนกาลังเผชิญกับ
ความทุกข์ยากลาบากอย่ารีบด่วนสมมติฐาน
คาดเดาที่ผดิ

13

IV.จงอยา่ ตดั สนิ ล่วงหน้าไปกอ่ น
1.โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาสาเหตุความ

ทุกข์ยากลาบากของผู้อื่นโดยที่เราไม่รู้เบ้ืองลึก
เบื้องหลัง พระเยซูสอนว่า “อย่าตัดสินตามท่ี
เห็นภายนอกแต่จงตัดสินตามชอบธรรมเถิด”
(โยฮนั 7:24)

2.อะลีฟาศด่วนสรุปว่า “พระเจ้าเป็นผู้ท่ี
ทาให้เหตรุ า้ ยเกิดกับโยบ”

คาพูดนี้เป็นคาพูดที่ไม่ควรใช้กับผู้ที่กาลัง
เผชิญกับความทุกขย์ าก

V.อย่าพูดว่า “ฉันรจู้ กั แกดี”
เป็นการยากมากทเี่ ราจะมคี วามรสู้ ึกสงสาร

เหมือนกับผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ เพราะเราคง

14

ไม่รู้ว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าเราไม่ตกในที่น่ัง
ของเขา

ท่ีจะพูด“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี”
เป็นการไม่เหมาะสมดีที่สุดจงเปิดหูรับฟัง และ
เป็นหว่ งเขาด้วยความจริงใจจะอธิษฐานเผ่ือ

โรม 12:15 “จงมีใจยินดีด้วยกันกับผู้ท่ีมี
ความยินดี จงรอ้ งไหด้ ้วยกนั กบั ผ้ทู ร่ี อ้ งไห้”

บทเรยี นจากหนงั สอื

โยบ

สุบิน ปน้ั บญุ

คริสตจักรของพระครสิ ต์ หม่บู ้านมิตรภาพ


Click to View FlipBook Version